กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครที่คุณรักที่สุดในเรื่อง

ตุลย์
ปอนด์
เลือกไม่ถูกว่าชอบใครมากกว่ากัน เหมามันทั้งสองเลยละกัน

ผู้เขียน หัวข้อ: กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥  (อ่าน 899285 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ตุลย์ ทำไมเดี๋ยวนี้ถีงได้น่ารักขนาดนี้เนี้ยยยย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
    ตอนที่ 53 พูดไม่ค่อยถูก

    -ตุลย์ –

   วันนี้วันศุกร์ .... ผมโทรจองโต๊ะร้านริมทางแต่หัววันด้วยสัญญากับพระจันทร์ดวงนั้นว่าจะโคจรไปหา ส่วนบรรดาเพื่อนฝูงผมไม่ได้นัดล่วงหน้าแต่ก็บังเอิญว่างกันหมดอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

   สองทุ่มเศษ ที่ผมเตรียมพร้อมจะออกจากบ้าน ไม่ลืมโทรไปถามนักร้องคนโปรดว่าจะต้องไปรับไหม ปรากฏว่า มันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว พอเดินทางมาถึงร้านมันก็กำลังร้องเพลงอยู่พอดี ผมนั่งลงที่โต๊ะประจำ พร้อมกับรับเมนูมาสั่งกับข้าวตามความเคยชิน เมื่อผมเป็นคนแรกที่มาถึง

   “แค่นี้ก่อนครับ” สั่งได้ไม่กี่อย่างก็ต้องพอ เมื่อนึกได้ว่าควรให้คนที่ยืนอยู่บนเวทีได้มีโอกาสสั่งอาหารที่มันชอบบ้าง
   เสียงปรบมือดังขึ้นทำให้ผมต้องปรบตามเมื่อมันร้องเพลงจนจบ ผมกวักมือส่งซิกเรียกมันด้วยใบหน้ากวนๆ
   มันทำหน้ามุ่ยแล้วเดินตรงมาหาแต่โดยดี

   “อะไร...” เสียงนักร้องฟังดูหาเรื่องชอบกล

   “ทำไม เรียกไม่ได้หรือไง”

   “ก็คนมาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยว”

   “อะไร... เป็นนักร้องก็ต้องมานั่งดูแลแขกดิถึงจะถูก”

   “สัด นักร้องไม่ใช่อีตัว...” คำตอบแรงอีกตามเคย...

   “มึงนี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ที่เรียกนี่ไม่ใช่อะไร แค่จะถามว่าจะสั่งอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เดี๋ยวร้องเพลงเสร็จแล้วมานั่งกินข้าวจะหาว่ากูไม่ดูแล สั่งแต่ของที่มึงกินไม่ได้อีก”

   “อะไรก็กินได้ทั้งนั้นแหละ นอกจากกุ้ง”

   “เหล้าล่ะ... เห็นคราวก่อนก็แพ้ ยี่ห้ออะไรนะ”

   “เบนมอร์ แต่โชคดีร้านไม่มีอยู่แล้ว สั่งอะไรก็ได้หมด ไม่มีอะไรแล้วใช่ป่ะ งั้นกูไปหลังร้านก่อนนะ”

   “อือ..” ผมรับคำ แล้วเรียกบริกรมาสั่งอาหารเพิ่มเติม



   
   
   เพื่อนๆ เริ่มทยอยมากันทีละคนสองคนจนถึงไอ้เดฟที่สายเสมอตลอด

   “มาช้าชิบ...” ผมโวยใส่ไอ้เดฟที่มาถึงเป็นคนสุดท้าย แล้วทำท่าเหมือนจะมานั่งข้างๆ 

   “นู่นเลยๆ ไปนั่งไกลๆ ตีน นี่เดี๋ยวจะไว้ให้วอกมันนั่ง...”

   “คร้าบ คร้าบบบ ตามใจเจ้ามือเสมอ ว่าแต่มันยังไม่มาอีกเหรอ” มันแซวแล้วขยับไปนั่งห่างๆ

   “มาก็เห็นแล้วสิ ถามโง่ๆ”

   “กูก็แค่ถามมารยาทเว้ย”

   “กูก็ตอบตามมารยาทนะ”

   “มารยาททรามอ่ะสิ” คำตอบนี่ลอยมาจากข้างหลัง ตามมาด้วยคนที่ถูกเอ่ยถึงนั่งลงที่เก้าอี้ที่ว่าง

   ผมหันไปมองแฟนตัวเองที่ไม่คิดจะเข้าข้างแล้วเหมือนจะคอยซ้ำนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะหัวเราะคิกเบาๆ อย่างชอบอกชอบใจ แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่หันไปโบกมือเรียก สาวเสิร์ฟมาชงเหล้าเพิ่ม

   “ของพี่ไม่ใส่นำแข็งนะครับ...” คนข้างกายหันไปบอกคนชงเหล้าด้วยรอยยิ้ม นัยว่าคงสนิทกันไม่มากก็น้อย

   “ทำไมไม่ใส่” ผมถามขึ้นอย่างแปลกใจ

   “ก็ใกล้ประกวดแล้วนี่ เลยไม่อยากกินอะไรเย็นๆ  เดี๋ยวเสียงหาย” มันไขข้อข้องใจทำให้ผมพยักหน้ารับ

   “ประกวดอะไรเหรอปอนด์” ไอ้เดฟถาม และคนอื่นๆ พลอยหันมาสนใจ

   “อ๋อ วงดนตรีวันลอยกระทงน่ะ”

   “อ้อ...แล้วไป นึกว่านางนพมาศ” ผมหันไปเหล่ใส่ไอ้เดฟที่มันเกิดนึกมุกหาเรื่องขึ้นมา  แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนข้างๆ เอาแต่ยิ้มรับโดยไม่หาเรื่องกลับเลยสักคำ ทีกับผมนี่เป็นไม่ได้ ถ้าไม่กวนตีนก็ด่า.... สองมาตรฐานชัดๆ

   “แล้วนี่ไม่ต้องร้องเพลงแล้วเหรอ” เดฟถาม

   “ครับ ร้องไปหลายเพลงแล้วนะตั้งแต่หัวค่ำ”

   “เราเพิ่งมาถึงเมื่อกี้อ่ะนะเลยไม่ได้ยิน”

   “ก็มึงมันสายตลอด” ผมหันไปด่า

   “กูมีธุระเว้ย เลยมาช้า”

“ติดหญิงอะดิ มึงอ่ะจะมีอะไร...” ผมเริ่มเผา

    “แหม พูดเหมือนตัวเองไม่ได้ติดใครเลยน้า....ใครกันล่ะ ทั้งร้องเพลงผิดคีย์ ดีดกีต้าร์ผิดโน้ตอยู่เร็วๆ นี้” ทีนี้แม่งเลยเอาคืน โดยที่มันไม่เกรงใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเลย

   “อะไร อะไร หรือจะเอา....”

   “แทงใจดำเข้าหน่อยทำเป็นของขึ้น.... เอาจริงๆนะ ตุลย์แม่งร้องเพลงห่วยแตกมากเลยใช่ป่ะปอนด์ ไหนบอกมันหน่อยดิ๊” ทีนี้ คนถูกถามหัวเราะขำ เหมือนจะเห็นด้วย ผมหมั่นไส้เลยอดแขวะไม่ได้

   “มันจะไปรู้อะไร ฟังแค่เริ่มต้นก็เดินหนีไปกับชู้แล้ว...” ผมชิงประชดดักคอ จนมันหน้าเสียแล้วหันมามองหน้าผม

   “ก็เสียงมึงห่วยเองนี่หว่า” เดฟช่วยพูดต่อ เมื่อรับรู้ว่าผมกำลังจะทำบรรยากาศเสีย...

   “เออ....แต่มิ้นท์ว่า ถึงตุลย์จะร้องเพลงไม่เก่ง แต่ก็ร้องจากใจนะ น่าจะชดเชยกันได้” ทีนี้มิ้นท์ แฟนของคิมช่วยแก้สถานการณ์ให้

   “แล้วปอนด์ล่ะ.....” มิ้นท์ถามต่อ

   “ครับ?” มันส่งเสียงสูงพร้อมเลิกคิ้ว

   “ไม่มีเพลงอะไรอยากร้องให้ตุลย์ฟังบ้างเหรอ? ”

   “ใช่ๆ เพลงที่ร้องจากใจแล้วก็จากคนที่เสียงดีๆด้วย...” ไอ้เดฟผสมโรงไม่วายจิกกัด จนผมต้องกลอกตาแล้วหันไปมองหน้าขาวๆ ของคนข้างกาย แล้วพบว่ามันก็กำลังหันมามองหน้าผมอยู่เหมือนกัน แต่พอผมหันไปมันก็หันหน้าหนีไป เอ่อ.... มันหมายความว่ายังไงวะ!

   “ไม่อ่ะ ไม่มี....” หลังคำตอบสั้นๆ นั่นทั้งโต๊ะก็เงียบ... เนื่องด้วยไม่คิดว่า ไอ้วอกของผมมันจะใจร้ายใจดำได้มากขนาดนี้ แถมยังไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลยว่ามันสมควรจะง้องอนผมสักนิดอะไรแบบนั้น นี่อะไร...ตอบมาได้... ไม่มี...ช่างหาความโรแมนติกได้ยากเสียจริงนะผู้ชายคนนี้....

    ช่างเถอะ.... มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ นานมากจนผมเองก็ชินแล้ว อาจจะนึกขัดใจอยู่บ้างที่เหมือนถูกหักหน้าแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็อดแขวะเล็กๆ ไม่ได้

   “มันไม่อยากร้องก็ไม่ต้องให้มันร้องหรอก เดี๋ยวขึ้นไปร้องเพลงบอกเลิกกูขึ้นมา ขี้เกียจมานั่งแซด...”

   “แหม... มีงอนครับมีงอน” ไอ้เดฟแซวกลับมา

   “ไม่ได้งอนซะหน่อย... นี่พูดจริงเลย...”

   “นี่มึง.......จะหาเรื่องกันหรือไง...” ไอ้วอกเริ่มหันมาทำเสียงเครียดใส่

   “ไม่กล้าหรอก.... ใครจะกล้า....เห็นกูอย่างงี้ กูกลัวเมียจะตายห่า....” ผมตอบยิ้มๆ ในขณะที่คนฟังเปลี่ยนจากหน้าหวี่ยงเป็นเหวอ ก่อนจะเบือนหน้าขาวๆ ที่เริ่มแดงนิดๆ นั่นหันหนีอย่างไวว่อง พร้อมคำสบถเบาๆ

   “ชิ! ไอ้บ้าเอ๊ย...”




   ดึกมากแล้ว....ลูกค้าเริ่มซาไป  บนเวทีเล็กๆ นั่นตอนนี้ไม่มีใครแล้ว มีเพียงเสียงเพลงช้าๆ ที่ทางร้านเปิดคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศ ผมหันไปมองคนข้างกายที่หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ยังคงหันไปเติมเหล้าที่พร่องให้เต็มแก้วอย่างติดลม

   “วันนี้หวังว่าคงไม่อ้วกอีกนะ” ผมหันไปถามอย่างหยอกล้อเมื่อนึกถึงคราวก่อนที่ถูกอาเจียนใส่ระลอกแล้วระลอกเล่าจนเหม็นไปทั้งตัว

   “ไม่มีทาง.... เก๋าเว้ย” ผมอดยิ้มขำไม่ได้เมื่อได้ยินมันคุยโวอย่างนั้น  แต่พอพูดจบกลับซบหน้าลงบนโต๊ะแล้วหลับตานิ่ง

   “อ้าว.... หมอบซะแล้ว... สงสัยจะหนักนะเนี่ยถึงกับสลบ กูว่าเชคบิลแล้วแยกย้ายเถอะ ” คิมเป็นคนเสนอแนะผมหันไปมองมิ้นท์ที่หน้าแดงเอียงคอซบมันก็พอรู้ว่าคนอื่นๆ ก็คงกึ่มได้ที่

   “อือ กูก็ว่างั้น” ผมตอบรับแล้วหันไปเรียกบริกรมาคิดเงิน

   “เออ งั้นเดี๋ยวกูพามิ้นท์กะดิวไปส่งก่อนนะ ละเจอกัน” เสียงคิมบอกมา ผมยกมือตอบรับ แล้วหันไปเขย่าตัวคนคออ่อนที่นอนคอพับอยู่ข้างๆ

“วอก... ตื่นเร็ว”

“กลับแล้วนะมึง...” เสียงไอ้เดฟบอกแล้วเดินมาตบไหล่ปุปุ

“เออๆ โชคดี...” ผมบอกมันก่อนจะหันไปทางเดิม “วอก .... ตื่นๆ ”

   “หือ....อะไร...” มันเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างงัวเงีย

   “กลับบ้านเถอะ...”

   “ฮื้อ... อะไร กูยังไม่อยากกลับ กูยังอยากดื่มอีก.....”

   “ไม่ต้องเลย ลุก ลุกๆ เมามากแล้ววันนี้พอแค่นี้ก่อน วันหลังค่อยกินต่อ” ผมว่าแล้วค่อยๆ ดึงแขนมันให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล

   “ม่าย..ครายเมา....” ตลกนะ ทำไมคนเมาชอบบอกว่าตัวเองไม่เมากันทุกคนเลย ยอมรับไม่ได้หรือไงว่าเมา

“มึงนั่นแหละ เมา ไอ้ดื้อ... กลับได้แล้ว” ผมบอกแล้ว ลงไปนั่งยองๆ กับพื้นกะให้มันขี่หลัง “ขึ้นมา

   “ไม่เอา อายเค้า...”

   “ทีตอนนั้นมึงยังให้ไอ้หมอนั่นขี่หลังได้เลย ทีกะกูนี่หน้าบางตลอด” ผมทำเสียงดุ ทำให้เสียงชะงัก... เงียบไป แต่ก็ยังนิ่งเงียบอยู่

   “เอ้า... หรือจะให้อุ้มแบบเจ้าหญิงล่ะถึงจะยอมกลับได้....” ผมถามอีกเมื่อมันไม่ยอมขยับตัวจนต้องขู่..

“เดี๋ยวก่อนสิ...  นี่กูยังไม่ได้ร้องเพลงเลยใช่ป่ะวันนี้”ทีนี้เปลี่ยนเรื่องไปซะเฉยๆ

   “ยังอะไร ร้องไปเยอะแล้วก่อนจะมากินเหล้าน่ะ...”

   “ไม่ๆ เพลงที่กูจะร้องให้มึงน่ะ กูยังไม่ได้ร้องใช่ป่ะ...”

   “เพลงอะไร ไหนบอกไม่มีไง...”

   “มี มี... แค่..ไม่อยากร้อง”

   “จริงเหรอ เพลงอะไรล่ะ....”

   “เพลง .... เพลงไรวะ....” จะร้องแท้ๆ แต่นึกชื่อเพลงไม่ออก เจริญ!!

   “ไม่เป็นไรเอาไว้ร้องวันหลังก็ได้....”

   “ไมได้ ร้องวันนี้แหละ.... แป๊บสิ” แล้วมันก็พยายามจะผละออกเดินไปที่ข้างเวที กดเปิดโปรแกรมคาราโอเกะจากคอมพิวเตอร์

   “เจ้าปอนด์จะทำอะไรน่ะ....” เสียงเจ้าของร้านร้องถามอยู่ข้างๆ

   “เอ่อ... เหมือนจะอยากร้องเพลงอ่ะน่ะ” ผมตอบขำๆ

   “เมาแล้วไม่ใช่เหรอ จะร้องรู้เรื่องเหรอ...”

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”

   พี่ต้องหัวเราะพรืด ก่อนจะเดินไปปิดเพลงที่เปิดคลอไว้ให้แล้วก็เดินแฉลบออกห่าง

   “วันนั้นมึงร้องเพลงอะไรให้กูนะ” เสียงคนเมาแล้วยังขี้ลืมหันมาถาม

   “พูดไม่ค่อยเก่ง...”

   “พูด... ไม่...ค่อย....” มันใช้นิ้วชี้จิ้มตัวอักษรบนแป้นพิมพ์อย่างเชื่องช้าจนผมยืนลุ้น แต่ในที่สุดมันก็หาเพลงจนเจอแล้วเคาะเพลงลงในลิสท์ แล้วเพลงอินโทรเพลงก็ดัง...

   
   ฉันก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
และก็ไม่รู้มาไกลแค่ไหน
บนทางที่เราสองคนเดินผ่านไป

รู้แค่ว่า ฉันนั้นไม่เคยบอก
รู้แค่ว่า ฉันนั้นไม่เคยหลอก
ความรู้สึกนั้นถ้าจะบอก
ไม่รู้ต้องพูดตอนไหน

ไม่รู้ว่าต้องคบกันไปกี่ปี
ต้องมีเรื่องราวดีๆ มากมายเท่าไหร่
ถึงจะควรพูดมันออกไป
คำสั้นๆ คำเดียวนี้

ไม่รู้ว่าเธอนั้นรออยู่ไหม
หรือจะปล่อยไปให้เป็นอย่างนี้
แต่คิดดูอีกทีเก็บไว้ก็ไม่ดี

อาจจะพูดไม่ค่อยถูก พูดไม่ค่อยออก
แต่จะบอกให้เธอได้ฟังเบื้องหลัง
ทุกๆ อย่างที่เก็บอยู่ในหัวใจ

สิ่งที่ฉันนั้นรู้สึกลึกถึงข้างใน
รวมได้เป็นความหมายคำเดียวเท่านั้น
วันนี้ฉันพร้อมให้เธอฟัง รออยู่ไหม

รู้แค่ว่า ฉันนั้นไม่เคยบอก
รู้แค่ว่า ฉันนั้นไม่เคยหลอก
ความรู้สึกนั้นถ้าจะบอก
ไม่รู้ต้องพูดตอนไหน

ไม่รู้ว่าต้องคบกันไปกี่ปี
ต้องมีเรื่องราวดีๆ มากมายเท่าไหร่
ถึงจะควรพูดมันออกไป
คำสั้นๆ คำเดียวนี้

ไม่รู้ว่าเธอนั้นรออยู่ไหม
หรือจะปล่อยไปให้เป็นอย่างนี้
แต่คิดดูอีกทีเก็บไว้ก็ไม่ดี

อาจจะพูดไม่ค่อยถูก พูดไม่ค่อยออก
แต่จะบอกให้เธอได้ฟังเบื้องหลัง
ทุกๆ อย่างที่เก็บอยู่ในหัวใจ

สิ่งที่ฉันนั้นรู้สึกลึกถึงข้างใน
รวมได้เป็นความหมายคำเดียวเท่านั้น
วันนี้ฉันพร้อมให้เธอฟัง คำว่ารักเธอ

ไม่รู้ว่าต้องคบกันไปกี่ปี
ต้องมีเรื่องราวดีๆ มากมายเท่าไหร่
ถึงจะควรพูดมันออกไป
คำสั้นๆ คำเดียวนี้

ไม่รู้ว่าเธอนั้นรออยู่ไหม
หรือจะปล่อยไปให้เป็นอย่างนี้

อาจจะพูดไม่ค่อยถูก พูดไม่ค่อยออก
แต่จะบอกให้เธอได้ฟังเบื้องหลัง
ทุกๆ อย่างที่เก็บอยู่ในหัวใจ

สิ่งที่ฉันนั้นรู้สึกลึกถึงข้างใน
รวมได้เป็นความหมายคำเดียวเท่านั้น
วันนี้ฉันพร้อมให้เธอฟัง
คำว่ารักเธอ คำว่ารักเธอ
...อ้างอิง http://sz4m.com/t9379


   ถึงเวลานี้ผมได้คำตอบแล้วว่าไอ้ดื้อเวลาเมาร้องเพลงได้ไหม แน่นอนว่ามันยังร้องเพลงได้ดีไม่ต่างจากเวลาปกติ

   หลังจากเพลงจบลง ได้ยินเสียงปรบมือขึ้นอีก แต่คงเพราะร้านใกล้ปิด เลยมีลูกค้าไม่กี่รายที่ได้ฟังเพลงนี้ ตัวผมเองที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ก็ได้แต่ปรบมือช้าๆเหมือนคนไม่มีแรง ทั้งนี้เพราะความรู้สึกมันตื้ออยู่ในอกจนหาคำอธิบายไม่ได้...

   “เพราะป่ะ” นักร้องในดวงใจของผมส่งคำถามที่ออกแนวมั่นใจในตัวเองมาขณะที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าคอมอย่างโซเซ

   “ที่สุด...” ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงของคนที่อารมณ์ดีถึงขีดสุด

   “ต้องแน่.....อยู่แล้วล่ะ เพลงที่มันออกมาจากใจ แล้วก็ .....ออกมาจากคนเสียงดี ....ก็ต้องเพราะอยู่แล้ว” มันเอ่ยอย่างหลงตัวเอง ผมหัวเราะเบาๆ ไม่อยากขัดคอ...

   “แล้วทีนี้จะกลับบ้านได้หรือยัง ถ้ายังไม่ยอมกลับคงต้องอุ้มไปจริงๆแล้วนะ”

   “เฮ้ย... ไม่เอา... เดินเองได้...”

   

   ผมมองดูไอ้ดื้อพยายามคาดเขมขัดให้ลงล็อกอยู่นานอย่างขันๆ แต่พอขยับตัวจะเข้าไปช่วยเสียงเข็มขัดนิรภัยก็ลั่นกริ๊กขึ้นมา

   “ขอบใจที่ร้องเพลงให้กูนะ... มึงไม่รู้หรอกว่ากูดีใจขนาดไหน...” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงที่แสดงความซาบซึ้ง

   “ถ้าดีใจ...ก็เลิกงอนได้แล้วนะ...”

   “อ้อ... ถ้ากูไม่งอนมึงคงไม่ร้องเพลงนี้ให้ฟังสินะ” ผมพูดแบบรู้ทัน

   “กูแค่ไม่อยากให้มึง...น้อยใจกูกับควิลอีก... เพราะถึงในวันนั้นกูจะทิ้งมึงไปหาเขา แต่สุดท้ายแล้วพอถึงเวลาที่กูต้องเลือก กูก็เลือกที่จะทำให้เค้าเสียใจแล้วกลับมาหามึงอยู่ดี”

   ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้า

   “เข้าใจแล้ว กูจะทำเป็นลืมๆไปซะก็ได้ ถ้ามึงสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกูไปหาคนอื่นอีกนะ....”

   “ไม่สัญญาหรอก”

   “เฮ้อ... จะรับคำง่ายๆ สักทีสองทีไม่ได้เลยหรือยังไงฮึ...”

   “สัญญาทำไม ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า...  ไม่รู้สิ...กูไม่สัญญากับมึง แต่ถ้ามึงรักกูจริงๆ มึงจะรู้ว่า ถึงไม่สัญญา กูก็ทำ เอ๊ะ ไม่สิ ไม่สัญญากูก็ไม่ทิ้งมึงหรอก เอ๊ะ เมื่อกี้กูพูดว่าไงนะ มึงฟังรู้เรื่องมะ กูพยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่ เอาใหม่มะ”

   “ไม่ต้องละ...กูพอจะเข้าใจ”

   “เข้าใจจริงเหรอ ทำไมกูพูดเองกูยังงงเองล่ะ” สงสัยมีงคงจะเมามากจนมึนในสิ่งที่ตัวเองพูดล่ะมั้ง

   ผมยิ้มกับท่าทีงวยงงของมัน ค่อยส่งหลังมือไปลูบแก้มข้างขวานั่นแผ่วเบา ก่อนจะลามเลยไปดึงสายสร้อยสีดำนั่นออกจากคอมันแล้วมองจี้รูปโล่นั่นด้วยรอยยิ้มบางๆ

   “ยิ้มอะไร....” มันถามพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น

   “มึงน่ะ....ต้องให้รักให้หลงมากแค่ไหนถึงจะพอใจกันนะ” ผมรำพึงออกมาแผ่วเบาราวกับเพ้อ และไม่ได้ใส่ใจจะตอบคำถามของมัน

   “แค่ไหนเหรอ...." มันลากเสียงยาวราวกับกำลังคิด ก่อนจะต่อมาอีกประโยค... " ไม่ต้องมากก็ได้นะ.... รักเท่ากันกับกูก็ได้....”
   
   อยู่ดีๆหัวใจก็เต้นแรงราวจะกระทุ้งออกมานอกอก ความรู้สึกมันท่วมท้นขึ้นเรื่อยๆจนไม่อาจสกัดกั้น จนอดคิดไม่ได้ว่า  ความรักของผม อาจจะไม่เท่ามันก็ได้....

เพราะนับวัน ผมก็ยิ่งจะรักมันมาก...

   มากขึ้น  มากขึ้น

   มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิมทุกๆวัน



.................................




สำหรับตัวนิเองนะ นิอาจจะมีเวลาไม่มาก เป็นนักเขียนที่ไม่ค่อยมีวินัยมากนัก เวลาว่าง ก็ทั้งเล่นเกมมั่งไรมั่งจนไม่ค่อยแต่งนิยาย
แถมยังนอยด์ง่าย ชอบหายไปเงียบๆ แต่ก็ยังดีใจนะ ที่มีคนยังติดตาม เป้นกำลังใจให้กันอยู่ แม้จะไม่มาก

นิก็พยายามจะมาต่อให้เรื่อยๆ อาจจะไม่ได้ไวมาก ก็ขึ้นอยู่กับเวลา และอารมณ์ และเนือ้หาที่พยายามปรับ ให้ สมดุลที่สุด

พยายาม เขียน เพราะตัวเองมีความสุข

รักค่ะ
รัก ตุลย์ รักปอนด์
รักคนอ่าน
แต่งเองยิ้มเอง และอยากให้ ทุกคนมีความสุขตามไปด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2014 14:17:40 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
ขอบคุณนะที่มาต่อ
พอเค้าเป็นแฟนกันแล้ว
หวานเวอร์ฟินตลอดๆเลย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:  ชอบโมเม้นท์แบบนี้มากๆ แค่เข้าใจกันบอกรักกันก็ฟินแล้ว
ขอบคุณค่ะคุณนิ :L1:

ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ปอนด์น่ารักอย่างนี้ไปให้ตลอดนะ
ดีใจฟินไปกับตุลย์ด้วย

คนอ่านรอได้ขอให้มีความหวังสามเดือนกี่เดือนก็จะรอ

ยามเช้าหลังคืนแสนเศร้า ตอนนี้ช่างปลอบประโลมใจช้ำได้ชงัด
ขอบคุณมากกกกกกก

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
ก็ติดตามคู่นี้มานาน และรออ่านเรื่องราวของทั้งคู่เสมอจ้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ่านแล้วยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว
พอเป็นแฟนกันแล้วทำไมมันหวานอย่างนี้

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ละมุนจังเลยตอนนี้ มีความสุขแทนตุลย์จริงๆที่วันนี้มาถึง ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0


หวานแบบนี้กำลังพอดีอ่ะ หวานแบบไม่เลี่ยน แต่อ่านแล้วละมุนละไม อิอิ :katai2-1:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
บอกเลยว่าฟินมากๆๆๆ ขอแบบนี้นานๆๆๆเน้อคุณนิ

 :กอด1: :L1: :pig4:


ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โอ้ยยยย. ฟินอ่ะ
พ่อกระต่ายมาเองเลย
อ่านไปอมยิ้มไป

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
น่ารักอ่ะ :mew1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Monday688

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ sakurako12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่า...ขอออกตัวก่อนว่าเพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ และไม่เคยติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ขอผู้เขียนเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกจริงๆ

โดยส่วนตัวแล้วเราขอชื่นชมผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องการใช้ภาษาและลักษณะการดำเนินเรื่อง ทำให้น่าติดตามและภาษาก็ไม่วิบัติ

จนเกินจะรับได้ ส่วนเรื่องคำหยาบอันนี้ก็เข้าใจเพราะว่ามันเป็นนิยายวาย จะให้ผู้ชายถึกๆ สองคนมาพูดจ๊ะ จ๋ากันก็คงจะกะไรอยู่
 
แต่ขอติติง  ด้วยความไม่ชอบใจเป็นการส่วนตัวนิดนึงค่ะ ดังตัวอย่างที่แนบมา

ตอนที่ 21 โอ๊ย...โอ๊ย.....

   

   “เอ้อ... แล้วเมื่อกี้ที่ตุลย์มันเอาติ๊บไปให้อ่ะ ได้เท่าไรเหรอ?” เดฟยังพยายามชวนคุยต่อ ซึ่งผมก็ขยับล้วงเงินนั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกง
 (ตอนอยู่ที่ห้องน้ำล้วงออกมาจากกางเกงในเรียบร้อยแล้วแต่ไม่ได้นับ)



        อย่างที่ทราบกันทั่วไปว่าธนบัตรไทยนั้นมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อันเป็นที่เคารพรักของ

ประชาชนเป็นภาพประธานคงเป็นการไม่เหมาะไม่ควรหากจะซุกไว้ในกางเกงใน เงินเป็นของมีค่า พระบรมฉายาลักษณ์นั้นมีค่า

เกินกว่าที่จะซุกไว้ที่บริเวณของลับพึ่งสงวนที่ต่ำกว่าสะดือ หลายๆ คนอาจแย้งว่า "แล้วเวลาที่เราเอาเงินใส่ไว้ในกางเกงล่ะ"

โปรดนึกสักนิดว่ากางเกงเหล่านั้นคือกางเกงที่เราสวมไว้ภายนอกปกปิดกางเกงในอีกที คุณเองคงไม่พอใจหากมีใครเก็บรูปคุณไว้

บริเวณนั้นหรอกจริงไหม  เราเข้าใจว่าที่ผู้เขียนแต่งออกมาแบบนี้เพื่อที่จะสื่อให้เห็นถึงอารมณ์หึงหวงหรืออะไรก็แล้วแต่ของตุลย์

ยามมองเห็นปอนด์ส่งสายตาหยาดเยิ้มมองคนอื่น โดยแสดงออกมาในรูปแบบของการให้ทิป(ซึ่งมันเป็นประเด็นในบทก่อนหน้านี้

ที่ให้เงินฟรีๆ ปอนด์จะไม่เอา) แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าผู้เขียนจะแก้ไขบริเวณที่ตุลย์ให้ทิปปอนด์เป็นที่อื่นที่ไม่ล่อแหลมต่อความรู้สึก

เช่นนี้ 
 
          ขอฝากถึงผู้เขียนหลายๆ ท่านด้วยว่านอกจากอรรถรสในการเขียนหนังสือให้ออกมาสนุกสนานน่าอ่านแล้ว ซึ่งหนึ่งที่ผู้

เขียนพึ่งระวังและควรใส่ใจให้มากคือการใช้ภาษาที่ถูกต้อง การรู้ผิด ชอบ ชั่ว  ดี และกาลเทศะที่ตัวละครในเรื่องแสดงออกมา

เมื่อตัวละครตัวใดตัวหนึ่งทำผิดผลที่ได้กลับมาคืออะไร อย่าลืมว่าผู้อ่านคือผู้รับสารที่เราสื่อออกไปอาจเป็นเด็กและเยาวชนที่ยัง

เยาว์เกินกว่าจะไตร่ตรองได้ว่าสิ่งใดถูกหรือสิ่งใดผิด ฉะนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าเด็กเหล่านั้นจะทำตามแบบอย่างบุคคล หรือตัว

ละครที่เขาชื่นชอบ ขอฝากนักเขียนหลายๆ ท่านที่หลงมาอ่านความคิดเห็นนี้ด้วยนะคะ


ปัจฉิมลิขิต. อันนี้เป็นข้อเสนอแนะนะคะ เราอาจใช้คำที่รุนแรงไปบางแต่เราไม่ได้ไม่ชอบผู้เขียนเรื่องนี้แต่อย่างใด รับรองว่าจะอ่าน

เรื่องนี้จนจบค่ะ

ปัจฉิมลิขิต 2. เราไม่รู้ว่าเคยมีคนติงเรื่องนี้หรือยังถ้ามีแล้วก็ขออภัยด้วยนะคะ พอดีเราเพิ่งอ่านถึงบทที่อ้างอิงถึงค่ะอยากจะอ่านให้

ถึงบทล่าสุดก่อนค่อยแสดงความคิดเห็นเหมือนกันแต่กลัวจะลืมซะก่อน   :hao4:



ขอบคุณค่ะ







 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2014 11:37:59 โดย sakurako12 »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
แจ้งรีบน ขอบคุณสำหรับคำติติงนะคะ  ตอนเขียนก็ไม่ได้คิดอะไร แค่รู้สึกตามที่ตุลย์พูดคือ
ถ้า การติ๊บผู้หญิงแล้วมันยัดข้างบนได้ แต่ผู้ชายมันไม่มีไง เลยทำใหต่ำลงมาด้วยความที่ตัวตุลย์เองมันก็มีนิสัยหยาบๆกระด้างของมันอยู่แล้ว ต้องขออภัยด้วยถ้าทำให้รู้สึกไม่ดี จะทำการแก้ไขให้เร็วๆ นี้นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
เมื่อไหร่จะมีคนมาหลงเราบ้างว๊าาาาาาาาาาาาาา  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ isaballa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :ling1:มาเรวๆน้าาาาา เค้ารออยุ่.....

ออฟไลน์ sapphire winnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
โหยยยยยย หวานแบบสุดดดดดด
เขินเลย นี่เขินเลย ><
รอนะ รออ่านตลอดดดดดดดด ชอบเรื่องนี้  ชอบคู่นี้มาก!

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ตอนที่ 54

   -ปอนด์-

   ความจริงเช้านี้อากาศไม่ได้ร้อน เพราะเครื่องปรับอากาศในห้องทำให้รู้สึกเย็นสบายหากไม่มีผ้าห่มผืนหนาห่มคลุมร่างไว้ คงหนาวด้วยซ้ำ แต่ที่ผมต้องขยับตัวดิ้นอยู่นี่ เพราะความอึดอัดจากอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบร่างเกือบเปลือยของผมไว้ในอ้อมกอดนั่นต่างหาก...

   “ตื่นแล้วเหรอ?...”  คำถามนั่นเป็นเสียงของคนเพิ่งตื่นเช่นกัน แต่กลับถามเหมือนตื่นก่อนนานแล้ว...

   “อือ... ปล่อยก่อนได้ไหม กูหายใจไม่ออก” น้ำเสียงปนอ้อนวอนนิดๆ ทำให้คนที่นอนตะแคงกอดผมไว้ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆ ผมค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นนั่งเอามือกุมศีรษะที่ปวดมึนยังไม่หาย

   “นี่กี่โมงแล้ววะ...” ผมถาม เพราะตัวเองไม่ใส่นาฬิกา และหันซ้ายแลขวา ห้องนอนของตุลย์ก็ไม่มีเครื่องบอกเวลาแขวนไว้ที่ผนังเลยสักเรือน

   “11 โมงกว่าแล้วล่ะ” เจ้าของเตียงตอบกลับมาเนือยๆ

   “ตายห่า สายป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ทำไมนาฬิกาไม่ปลุกวะเนี่ย มือถือกูอยู่ไหน”

   “อยู่นี่” ตุลย์ยื่นมาให้ “ที่จริงมันก็ดังนะ แต่มึงก็ยังไม่ยอมตื่น กูเองก็ง่วงจัด เลยรำคาญจนกดปิดไปเท่านั้นเอง”

   “เอ๊ะ แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะ” ผมโวยวายตวัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกจากเตียง หันรีหันขวางหาเสื้อผ้ามาใส่ แต่หาซากไม่พบ

   “ยังแฮ้งไม่หาย พักสักวันก็ได้มั้ง”

   “จะถึงวันจริงอยู่แล้ว จะเกเรได้ไงวะ”

   “กับเรื่องเรียนขยันได้แบบนี้ป่ะเนี่ย...”

   “พูดมากน่า เสื้อผ้ากูอยู่ไหน....” ผมถามอย่างหงุดหงิด ก็เมื่อคืนดันโดนถอดจนเหลือแต่บอกเซอร์ตัวเดียวแล้วนี่
   ไอ้ตุลย์ไม่ตอบคำถาม มันลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพบอกเซอร์ตัวเดียว เปลือยท่อนบนโชว์แผงอก หน้าท้องงามๆ และหุ่นสุดเพอเฟ็ค จนทำให้ผมต้องแอบหลบสายตา

   “ไปอาบน้ำไป...” มันบอก แล้วยื่นผ้าขนหนูผืนโตมาให้ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วยังไม่ยอมขยับตัว

   “ไปดิ ชักช้าเดี๋ยวกูเปลี่ยนใจนะ” มันบอกแล้วก็ยิ้มด้วยแววตาบางอย่างที่ทำให้ผมต้องรีบขยับหนีเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างที่หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุดอย่างไม่มีเหตุผล...

   ทำไมรู้สึกแบบนี้นะ ไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลย ให้ตายสิ



   ผมได้กางเกงยีนส์ตัวโตของมันมาใส่ รู้สึกประหลาดๆ เหมือนกันที่ตุลย์พยายามรัดเข็มขัดให้ เสื้อยืดที่เล็กที่สุดในตู้ เมื่อผมเป็นคนใส่ก็ยังเหลือพื้นที่มากอยู่ดี เมื่อผมแต่งตัวเรียบร้อยลงมาถึงหน้าบ้านก็เจอสภาพคนที่อาสาส่ง ในสภาพบอกเซอร์รัดๆ กะเสื้อยืดอีกตัวนึง....

   “จะไปชุดนี้เหรอ?”

   “ไปส่งมึงอย่างเดียว แล้วจะกลับมานอนต่อ”

   “ไม่ต้องไปก็ได้มั้งงั้นน่ะ”

   “แล้วมึงจะไปยังไง แถวนี้วินกว่าจะผ่านมาแต่ละคัน ขึ้นรถเถอะ วันนี้กูอารมณ์ดี” มันยิ้มแล้วเดินนำไปยังที่นั่งคนขับ
   ผมเดินตามขึ้นรถไปแบบงงๆ

   รถขับมาจอดหน้าเซเว่น พร้อมคนขับรถ ยื่นเงินมาให้

   “กาแฟร้อนแก้วนึง กับขนมปังสองถุง มึงซื้อนมที่มึงชอบมากินด้วยล่ะ”

   “ขนมปังอะไร ลงไปซื้อเองดิ”

   “อะไรก็เอามาเถอะ มึงก็เห็นว่ากูใส่บอกเซอร์มา...”

   ผมส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินลงไปซื้อของตามที่มันสั่ง แล้วกลับมาขึ้นรถที่ติดเครื่องทิ้งไว้ในเวลาไม่นานนัก

   “กินรองท้องก่อนก็ได้ 11โมงกว่าแล้ว ไม่รู้มึงจะได้กินข้าวตอนไหน”

   “แล้วไหนมึงบอกจะนอน แล้วกินกาแฟทำไม”

   “กินไปงั้นแหละ กาแฟสำหรับกูน่ะ ยานอนหลับดีๆ นี่เอง”

   ผมไม่ได้ตอบอะไร หยิบนมกล่องมาเจาะหลอดดูดทานคู่กับขนมปัง เพราะที่จริงก็เริ่มหิวอยู่เหมือนกัน
   

   “ถึงแล้ว” มันบอกเมื่อจอดรถยนต์ที่หลังตึกชมรม ผมยกกล่องนมขึ้นดูดยาวๆ ให้หมดกล่องก่อนจะยัดกล่องลงในถุงพลาสติก

   “ฝากทิ้งด้วยนะ กูไปล่ะ....”

   “อือ...แล้วเจอกันเย็นนี้นะที่รัก....”

   ผมชะงักกับคำพูดของมันนิดหนึ่ง แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน รีบเดินออกจากรถแม้จะยังสงสัยว่ามันอารมณ์ดีหรือกินของผิดสำแดงกันแน่วะเนี่ย!

   หลังจากปิดประตูรถ ผมยังยืนรอจนรถคันงามเคลื่อนตัวออกไป

   “ใครมาส่งน่ะ” ผมเกือบสะดุ้งเมื่อคำถามลอยอยู่ใกล้ตัวจนต้องหันขวับไปมอง

   “อ้าว โต้ง....มึงมาได้ไงวะ” ผมออกจะประหลาดใจอยู่ที่เห็นหน้ามันตอนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่กี่วันที่ผ่านมามันเพิ่งขอเวลาทำใจ

   “ทำไม มึงไม่อยากเจอกูขนาดเลยเหรอ?” ผมเผลอถอนหายใจอย่างลืมตัวเมื่อได้ยินน้ำเสียงตัดพ้อแบบนั้น ความจริงผมควรจะพูดอะไรแรงๆ ตีมึนเหมือนปกติ แต่นึกดูอีกทีก็สงสาร

   “เปล่าสักหน่อย ใครกันแน่ที่ไม่ยอมรับสายกูอยู่ตั้งหลายวัน อยู่ดีๆ ก็โผล่หน้ามาจะไม่แปลกใจได้ไง”

   “ว่าแต่ใครมาส่ง....” มันกลับไปที่คำถามเดิมอีกแล้ว

   “เรื่อง.....” ของกู....  ประโยคท้ายค่อยๆ กลืนหายไปในลำคออีกครั้งเมื่อเจอหน้าเศร้าของมัน... “แฟนกูมาส่ง”
   ผมตอบหน้าตายเพราะขี้เกียจนึกคำโกหก

   “นี่มึงล้อกูเล่นป่ะเนี่ย” ผมก็นึกอยู่แล้วแหละว่ามันต้องพูดแบบนี้...

   “พอพูดความจริงก็ ไม่เชื่อ งั้นก็เอาตามที่มึงสบายใจละกัน กูขอตัวไปชมรมก่อน นี่ก็มาสายเป็นชั่วโมงละ” ผมตัดบทกำลังจะผละหนี

   “แต่กูมีเรื่องจะคุยกะมึงนะ”

   “วันหลังได้ป่ะวะ กูยุ่งๆ อ่ะ”

   “แล้วแต่มึงเหอะ... ถ้าของที่มึงลืมทิ้งไว้มันไม่สำคัญขนาดนั้น”

ของ...ที่ ...ลืมไว้??? ให้ตายสิผมลืมเรื่องซีดีบ้านั่นไปเสียสนิทเลย

   “อ้อ มึงหมายถึง... ซี.... เอ่อเสื้อกูใช่ป่ะ  โทษทีว่ะกูลืมไปเลย ตอนนี้มันอยู่ไหนล่ะ ยังอยู่ในรถป่ะ กูจะได้ตามไปเอา”

   “ไม่อ่ะ กูเก็บขึ้นคอนโดไปละ ถ้าตอนนี้มึงยุ่งๆ ก็ช่างมันก่อนก็ได้ ว่างเมื่อไรค่อยไปเอา”

   “โอเค งั้นเย็นนี้กูไปเอา มึงว่างใช่ป่ะ”

   “อือ ว่าง.....”


    เย็นวันนั้น ผมรีบโบกวินไปคอนโดโต้งอย่างไวว่องเพราะความใจร้อนอยากได้ซีดีนั้นคืน พอผมมาถึงหน้าคอนโดพ่อกระต่ายเพิ่งจะโทรถามว่าผมอยู่ไหน ซึ่งผมไม่ทันเอะใจว่าคำว่าเจอกันเย็นนี้ของมันหมายถึงมันจะแวะมารับเพื่อจะพาไปเอารถของผมที่ซ่อมเสร็จแล้ว พอรู้ว่าต้องไปรับเก้อ มันเลยออกอาการหงุดหงิดเตรียมฟาดงาจนผมต้องรีบบอกว่ามาทำธุระแป๊บเดียวจะรีบกลับไป 
   ความที่มีคนรออยู่ที่บ้านทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดที่ไอ้โต้งค่อนข้างลีลา มันแกล้งเอาเสื้อมาคืนทั้งๆ ที่มันเองก็น่าจะรู้ว่าของสำคัญที่ทำให้ผมถ่อมาหามันถึงนี่ไม่ใช่แค่เสื้อ ผมเดินตามมันขึ้นไปที่ห้องของมันโดยระหว่างทางมีสายเข้าจากตุลย์ซ้ำอีกจนผมรำคาญจนต้องปิดมือถือ

   ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ผมโพล่งออกไปอย่างเหลืออด

   “บอกกูมาตรงๆ เลยดีกว่า มึงดูซีดีนั่นแล้วใช่ป่ะ?” มันชะงักเท้าที่เดินนำไปแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า

   “น่าจะเรียกว่าฟังมากกว่า...” คำตอบเล่นเอาผมเดือดปุด

   “ก็เหมือนกันนั่นแหละ!! งั้นกูจะไม่พูดอ้อมค้อมแล้วนะ คืนซีดีนั่นมาเดี่ยวนี้ อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ”

   “ถ้ากูไม่คืนแล้วมึงจะทำอะไรกูได้ล่ะ”

   “มึงต้องการอะไรว่ามาเลยดีกว่า รีบๆพูดมาเลย กูมีเวลาไม่มาก”

“แล้วมึงล่ะ ไม่มีอะไรจะพูดกับกูมั่งหรือไง”

   “เรื่องอะไรล่ะ”

   “.....” มันมองหน้าผมเหมือนมีเรื่องมากมายจะพูดแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปาก

   “อะไรของมึงอีกเนี่ย... เลิกอ้ำอึ้งแล้วก็พูดๆ ออกมาซะ หรือไม่งั้นก็คืนซีดีนั่นมากูจะได้กลับซะที”

   “โอเค...มันอาจจะยากที่จะเล่า.... แต่ถ้ามึงบอกกูสักนิด เรื่องที่ไม่มีเงิน เรื่องที่มึงติดหนี้ค่าซ่อมอะไรนั่น กูช่วยมึงได้ มึงไม่จำเป็นต้องยอม...ทำอะไรที่มึงไม่ชอบ...” ผมคิดว่ามันคงพยายามแล้วที่ใช้ใช้คำพูดอ้อมๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอะไรที่สะเทือนใจ ความหวังดีของมันที่ผมเองก็รับรู้ได้ทำให้พยายามสงบอารมณ์ทำเสียงอ่อน

   “ขอบใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว กูไม่อยากพูดถึงมันอีก”

   “ตอนแรกกูรู้สึกแย่นะที่ถูกปฏิเสธ  แต่มันแย่ยิ่งกว่าที่มารู้ทีหลังว่า ช่วงเวลาที่มึงกำลังลำบาก กูไม่รู้เรื่องอะไร กูช่วยเหลืออะไรมึง
ไม่ได้  กูน่าจะถามมึงอย่างจริงจังกว่านั้น ตอนที่มึงบอกกูเรื่องมัน....”

“ช่างมันเถอะ พูดไปก็ย้อนอดีตไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของด้วย มึงอย่าคิดมากเลยนะ”

    “ช่างเหรอ? มึงไม่รู้หรอกกูรู้สึกยังไงตอนนี้ กูรู้สึกเหมือนถูกทำลายความฝันความหวัง ของรักที่กูเฝ้าทะนุถนอมมานานถูกคนอื่นขโมยไปหน้าด้านๆ จะไม่ให้โมโหได้ไง” เอ่อ... บางทีโต้งมันก็เพ้อเจ้อเกินไปนะ    

   “โมโหไปแล้วอะไรล่ะ มึงก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

   “ทำได้สิ.... มึงอยากแก้แค้นไหมล่ะ....” คำถามของมันจริงจังจนผมตกใจ

   “มึงจะบ้าเหรอ?”

   “นี่กูพูดจริงๆนะ มึงไม่อยากเอาคืนเหรอ มันข่มขืนมึงนะ กูรู้ว่ามึงไม่เต็มใจหรอกใช่ป่ะ บอกมาดิ แบบไหนถึงจะสะใจ บอกกูมาดิปอนด์ กูจะช่วยมึงทุกอย่าง” มันพร่ำบอกพร้อมยื่นมือมาเขย่าที่หัวไหล่จนผมรู้สึกเจ็บ พร้อมกับเริ่มสำนึกได้ว่า ความคิดชั่วร้ายมันมันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะความเข้าใจผิด และผมไม่ควรจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น

   “ไม่.... กูไม่คิดจะทำแบบนั้นกับคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนหรอก”

   “ฮะ....แฟน? มึงคบกับมันอยู่เหรอ? ทำไม?”

   “มันจะมีเหตุผลสักกี่อย่างเหรอที่คนสองคนจะมาคบกัน หรือมึงคิดว่า กูทำมันท้องแล้วต้องรับผิดชอบล่ะ”

   “ไม่จริง... กูไม่เชื่อ มันบังคับมึงใช่ไหม? มันเอาอะไรมาขู่อีกล่ะ หรือว่าคลิปบ้าๆนี่”

   “โต้ง มึงใจเย็นได้ป่าววะ ไม่มีการขู่บังคับอะไรทั้งนั้นแหละ กูคบเพราะกูอยากคบ”

   “จริงดิ.... มึงอยากคบกับมันเหรอ มึงมีความสุขที่ได้เป็นเมียมันเหรอ?  เรื่องที่มึงเคยบอกกูว่า มึงไม่มีความคิดอยากเป็นรับมาก่อนอะไรพวกนี้ มึงโกหกทั้งเพเลยใช่ป่ะ” คำถามนั้นกระเด็นมาตอกหน้า มันจุกจนพูดไม่ออก จนได้แต่กำมือแน่น ผมจะอธิบายยังไงดีว่าใจจริงผมก็ไม่ได้อยากให้มันลงเอยแบบนี้ แต่...เมื่อตัดสินใจลงไปแล้วผมก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจอีก

   “กูจะตอบแค่ว่า กูคบกับตุลย์อยู่ กูไม่อยากแก้แค้นอะไรทั้งนั้น ส่วนเรื่องอื่นกูถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว กูมาที่นี่เพื่อมาเอาซีดีคืน ไม่ได้มาเพื่อเล่นเกม 20คำถาม คืนซีดีมาเดี๋ยวนี้....”

   “แล้วถ้ากูไม่คืนล่ะ”

   “ก็ตามใจ อยากเก็บไว้บูชา ทำคุณไสย หรือแม้แต่จะเอาไว้ต่อรองอะไร แต่กูจะบอกอะไรมึงไว้อย่าง ถ้ามึงทำอย่างงั้นจริง มึงก็ไม่ได้ดีเด่ วิเศษวิโสมากไปกว่ามันหรอก”

   เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราสองคนมองหน้ากัน ผมไม่สามารถอ่านได้ว่ามันพยายามจะพูดอะไรผ่านดวงตาคู่นั้น ถึงจะรู้ได้ว่ามันกำลังเสียใจ โกรธแค้น จนเกือบบ้าคลั่ง... แต่ผมช่วยอะไรมันไม่ได้  นอกจากเดินถอยออกมา...

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดบรรยากาศหม่นมัว  ผมพยายามเบี่ยงกายออกจากอุ้งมือที่บีบต้นแขนไว้ แล้วถือวิสาสะเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องมันออก 

   “เอ่อ  ผมเอาครัวซองที่พี่ชอบ.....” เสียงคนที่ยืนหน้าห้องพูดค้างเมื่อเห็นหน้าผมแทนที่จะเป็นเจ้าของห้อง ผมมองดวงหน้าจิ้มลิ้มของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วรีบหันไปมองโต้งที่เดินตามมาข้างหลังอย่างเคืองใจนิดๆ ก็ถ้าหากมันจะมีเด็กน้อยหน้าตาน่ารักๆ มาคอยส่งขนมนมเนยถึงห้องแบบนี้ มันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องดราม่าน้ำตารินทำเหมือนว่าอกหักจากผมมากมายขนาดนั้นไม่ใช่เหรอไงล่ะ

   “พี่เป็นใครอ่ะ” ผมหันไปมองหน้าคนถามเมื่อโดนคำถามด้วยเสียงที่แสดงออกว่าไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังนั้น

   “อ๋อ..พี่เป็นพ....” ผมเอ่ยตอบพร้อมยกนิ้วชี้ไปข้างหลังแต่ยังไม่ทันพูดจบเจ้าของห้องมันดันตอบออกไปเสียก่อน

   “แฟนใหม่พี่เองแหละเอ....”

   “เฮ้ย....!!” ผมหันไปตาเหลือกใส่ไอ้โต้งที่มันเดินตามมาทีหลังแล้วดันโกหกอะไรก็ไม่รู้ ไม่วายโอบไหล่ผมประกอบคำบรรยายอีกพร้อมกระซิบ

   “ถ้ามึงยังอยากได้ได้ซีดีคืน อยู่เฉยๆ แล้วเงียบไว้ดีกว่า”

   ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่า ถ้ายอมทำตามที่มันพูดแล้วมันจะยอมคืนซีดีที่ว่ามาจริงหรือเปล่า... แต่ถึงผมจะทำเป็นไม่สนใจก็เถอะ แต่ความจริงแล้ว ผมอยากได้มันคืนใจจะขาด เพราะงั้นผมไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ นอกจากได้แต่หุบปากเงียบไม่แก้ต่างคำโกหกนั่น


   
   กว่าจะได้กลับมา...ก็ปาไปเกือบสามทุ่มแล้ว ผมจินตนาการหน้าตุลย์ตอนเจอหน้าออกเลยว่ามันต้องโวยวายด่าผมจนเละไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็โล่งใจไปว่าผมได้ไอ้เจ้าซีดีเจ้าปัญหานั่นคืนมาแล้ว

   “มึงหายไปไหนมาเนี่ย...” นี่คือคำทักทายเมื่อผมเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไป 

   “บอกแล้วไงว่าไปธุระ” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจน้ำเสียงหาเรื่องนั่นเท่าไรนัก

   “แล้วทำไมต้องปิดเครื่องด้วย” นำเสียงตัดพ้อ ไม่ได้ดุดันอย่างที่ผมคิดไว้ด้วยซ้ำ

   “ก็มึงอ่ะ.... จะโทรตามทำซากอะไรบ่อยๆ”

   “กูหิวน่ะสิ....” คำตอบทำเอาเผลอหัวเราะพรืด

   “หิวก็ไปกินดิ มาบอกกูทำไม...”

   “รอกินพร้อมมึงน่ะสิ”

   “รอทำไมวะ น่าจะกินก่อน”

   “ก็ทีแรกมึงบอกไปแป๊บเดียว..กูเลยรอ แต่มึงกลับหายไปนาน พอกูโทรตามึงก็ปิดเครื่อง  ติดต่อมึงไม่ได้แบบนั้นจะให้กินอะไรลงได้ไงล่ะ....”

   “เป็นห่วงเหรอไง?” ผมถามล้อๆ

   “ก็ห่วงดิวะ....” ผิดคาด ผมคิดว่ามันจะปฏิเสธเสียอีก...

   “ทำเหมือนกูเป็นเด็กไปได้....”

   “ไม่เกี่ยวว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หรอก แต่เพราะว่ากูรักมึง.... ไม่ห่วงมึงแล้วจะให้ห่วงใครล่ะ....”


   เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มันทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก มีเพียงรอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่ออก



 :n1:  :n1:  :n1:



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ช้าไปซะหลายวันเลยขอโทษนะคะ

ที่หายไปนี่ก็ไม่มีอะไร เนื่องจากว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้วก็เลยลองเรียบเรียงพลอตตอนจบอยู่  ไม่ให้ดราม่ามาก

ตอนใหม่ก็มีตัวละครเพิ่มมาตัวนึง จะว่าไปใหม่สำหรับเรื่องนี้ แต่เรียกว่าตัวเก่าๆ สำหรับนิ 55+

ยังไงก็ใกล้จบละ ฝากเป็นกำลังให้ด้วยละกันนะคะ 

   รักคนอ่านค่ะ *-*


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2015 01:29:18 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ตุลย์นี่มันผู้ชายในฝันชัดๆ 

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
สวัสดีปีใหม่จ้า โต้งจะทำให้มีดราม่าอะไรตามมาอีกไหมเนี่ย เดี๋ยวต้องมีเรื่องกับตุลย์แน่เลย มาต่อไวๆ นะ  :call:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
สวีดัดค่าคุณนิ :D มาต่ออีกตอนแล้ว ไหงตอนที่แล้วยังหวานแหววออร่าชมพูกระจาย พอมาตอนนี้ โต้งโผล่มาทีไรชอบหอบลังมาม่ามาด้วยตลอด T T

ทำไมฮิมเป็นแบบเน้
(เรื่องจะจบแล้วเหรอคะ? คิดถึงตุลย์กับปอนด์แน่ๆ TvT)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด