ตอนที่ 12 ความจริง 50%+50% = 100%
ฝ่ามือแข็งบีบกรามของนักมวยหนุ่มจนต้องเผยอเปิดปากออก รอรับยาเม็ดเล็กที่ฤิทธิ์ของมันไม่ได้อ่อนด้อยไปตามขนาดที่เห็น บางส่วนหล่นลงบนที่นอนหนาเพียงเพราะนักมวยหนุ่มพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลัง และมีเพียงรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของคนกรอกที่ส่งมาให้นักมวยหนุ่มได้เห็นเท่านั้น แค่เพียงไม่นานเมื่ออานุภาพของยาทำให้นักมวยหนุ่มหยุดดิ้นรนขัดขืนกลับเปลี่ยนเป็นแรงปรารถนาที่ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น
นักธุรกิจสูงวัยที่หน้าฉากเป็นเพียงพ่อค้าใจบุญแต่เบื้องหลังกลับเหี้ยมกรียมดุดันและพิสมัยในการเสพสังวาสกับบรรดาบุรุษหนุ่มหน้าตาดีในแบบที่อาจเรียกได้ว่ามากกว่าวิตถารเลยเถิดค่อนไปทางซาดิสม์ชมชอบการได้
ทรมารคู่ขาอยู่เนือง ๆ บางรายถึงขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาลแบบเร่งด่วนเป็นการลับ ด้วยเพราะอำนาจเงินและอิธิพลที่พอมีอยู่คับฟ้า จึงทำให้เหยื่อหลายรายปิดปากสงบคำไม่ออกมาโพทะนาให้มากความด้วยอับอายและเกรงกลัวต่อการมุ่งร้ายหมายเอาชีวิต
ร่างสูงวัยตักตวงขบเม้มกัดไซร้ไปทั่วร่างของนักมวยหนุ่มพร้อมกับออกแรงลงกำลังบ้างหยิกบ้างทุบตีเป็นที่สาแก่ใจตนเองยิ่งนัก จนบางแห่งมองเห็นถึงรอยมือและเลือดซิบ ๆ ได้ชัดเจน แต่กระนั้นเขาก็ยงไม่ผ่อนแรงกำลังลงแต่อย่างใด กลับโหมกระพือตักตวงความพึงใจจากร่างแกร่งที่อุดมด้วยมัดกล้ามที่กำลงอ่อนแรงและเคลิ้บเคลิ้มล่องลอยไปกับฤิทธ์ของยาที่โดนจับกรอก ในขณะที่คนสูงวัยจวนเจียนจะถึงฝั่งเขากลับต้องผงะหงายและรีบร้อยถอดถอนส่วนแข่งแกร่งที่ค้างคาในร่างของนักมวยหนุ่มออกมา ด้วยความตกตะลึงพรึงเพลิดเขามองเห็นร่างขาวซีดในตาขาวขุ่นผมสีซีดเปียกลู่แนบติดหนังหัว เขี้ยวขาวแววแสยะยิ้มออกมาจากริมฝีปากดำสนิท
เขาก้าวออกมายืนอยู่ที่ริมปลายเตียงก่อนจะแข็งค้างยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้ามีแววหวาดหวั่นเกรงกลัว ผมบริเวณท้ายทอยแข่งกันตั้งชี้ แววตาหวาดวิตกกลอกกลิ้งพยายามหาทางหนีทีรอดให้กับตัวเอง อสุรกายค่อย ๆ คืบคลานมาหยุดยืนมองจ้องตากับเขาอยู่เบื้องหน้า แพรแดงที่เคยใช้พันธนาการคนอื่น บัดนี้กลับไหลลื่นเคลื่อนขึ้นมาพันรอบลำคอของเขาเอาไว้ราวกับว่ามันมีชีวิต ก่อนที่จะมีแรงดึงรั้งจากปลายผ้าแพรทั้งสองข้างแน่นเข้า เขาเองทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งรอรับการผูกรัดด้วยแรงจากมือที่มองไม่เห็นจนแถบแพรแน่นเข้าเรื่อย ๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด
"พอเถอะหรั่ง อย่าทำเขาเลย" เสียงของหน่องร้องห้ามออกมา
"ไม่ ถ้าหน่องรู้ว่ามันกับพวกของมัน ทำอะไรเอาไว้กับหรั่ง หน่องจะไม่พูดแบบนี้" เสียงสะท้อนก้องตอบกลับให้ได้ยิน พร้อมกับใบหน้าถมึงทึงที่หันกลับมามองด้วยแววตาวาวโรจน์
"ก็แล้วเขาไปทำอะไรให้คุณเหรอคุณเอกวิน" ร้อยตำรวจโทพชร ร้องถามกลับไป
"ถามมันดูสิ ว่ามันทำอะไรไว้บ้าง" เสียงตวาดดังก้องก่อนที่หรั่งจะหันกลับไปมองจ้องสบดวงตาหวาดวิตกหน้าด้วยความโกรธแค้น ซึ่งร่างตรงหน้ายังคงไม่ไหวติงหยุดนิ่งยืนอยู่กับที่ได้แค่กลอกนัยน์ตาไปมาเท่านั้น
ทันใดนั้นจอสีฟ้าสว่างของเครื่องรับโทรทัศขนาดใหญ่บนฝาผนังห้องด้านหนึ่งก็ส่องแสงสว่างก่อนจะฉายภาพที่ชวนตะลึงจากเครื่องเล่นดีวีดีที่ต่อเอาไว้ ภาพที่เห็นเอกวิน นรลักษณ์ ที่นอนแผ่เหยียดยาวโดยปราศจากอาภรณ์ ที่กลางลำตัวมีนักธุรกิจสูงวัยกำลังควบขี่ส่วนแข็งขืนของเขา ก่อนที่จะมีชายแปลกหน้าสี่คนเปิดประตูกรูกันเข้ามาโดยที่ปราศจากสิ่งใดปกปิดร่างกายสิ่งหวงแหนตระหง่านชี้ตรง ทั้งหมดเข้าไปรุมล้อมสองคนที่กลางเตียง
คนหนึ่งในเรือนร่างกำยำตามแบบฉบับผู้ใช้แรงงานด้วยเป็นคนสนิทติดสอยห้อยตามรับใช้ท่านของมันมานานนมเป็นเสมือนหนึ่งวัวเคยขาม้าเคยขี่มาแต่เก่าก่อนตรงเข้าไปเอาแถบแพรยาวมัดรั้งมือของหรั่งเอาไว้กับเสาที่หัวเตียง และอีกคนที่เรือนร่างกำยำสูงล่ำตัดผมสั้นเกรียนที่อายุอานามไม่น่าจะห่างกับหรั่งมากนักตรงเข้าไปเอาแถบแพรผูกรั้งมัดขาโยงไว้กับขื่อด้านบนจนขายกลอยสูงช่องทางด้านหลังเปิดกว้างอ้าออก เมื่อชายอีกคนกระทำเช่นเดียวกันกับขาอีกข้างหนึ่ง ชายหนุ่มอีกคนก็กรุ้มรุมเข้าประชิดหนทางเปิดกว้างที่รออยู่พร้อมกับจู่โจมด้วยปลายลิ้มไล่สัมผัสก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นส่วนแข็งขืนของตนแบบไม่ยั้งแรงแทงพรวดเข้าไปในทันที จนหรั่งต้องร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
"ขอผมก่อนแล้วกันถือว่าเป็นของขวัญวันสละโสด" เขาพูดก่อนจะส่งเสียงครางแผ่วออกจากลำคออย่างพึงใจ
"ใจเย็นๆ สิครับคุณ พวกเรายังสนุกกันได้อีกนาน" ชายอีกคนที่สูงวัยพอกันกับเจ้าของบ้านเอ่ยปากก่อนจะยิ้มกริ่มแววตาเจ้าชู้ เขากำลังใช้มือออกแรงบีบกรามของหรั่งจนต้องเปิดปากออก แล้วเทยาเม็ดเล็ก ๆ กรอกลงไป
"ตามสบายเลย ผมขอดูอย่างเดียวแล้วกันตอนนี้ จะได้พักเหนื่อยสักหน่อย" ชายสูงวัยสุดพูดก่อนจะยกบั้นท้ายออกจากส่วนที่เคยครอบครองผละออกมายืนมองอยู่ห่าง ๆ ส่วนคนสนิทของตนกำลังลูบไล้น้ำมันหอมระเหยชโลมไล้ไปบนเรือนร่างของหรั่งด้วยสองมือที่ตระโบมฟอนเฟ้นไปทั่วร่าง ก่อนจะหันไปจุดเทียนจนเทียนหลอมละลายเป็นน้ำตาเทียนเอามาหยดไปบนเรือนร่างกำยำขาวผ่องของหรั่งจนเอาเองต้องดิ้นส่ายหนีด้วยความร้อน คนที่กำลังออกแรงอยู่ด้านหลังเอาแถบผ้าอีกชิ้นพันเข้ากับลำคอของหรั่งก่อนจะออกแรงดึงรั้งชายผ้าเอาไว้จนหรั่งหายใจติดขัด คนที่เหลือต่างกลุ้มรุมทำร้ายและตักตวงความหฤหรรษ์เอาจากร่างกายของหรั่งอย่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าร่างของหรั่งบอบช้ำอ่อนแรง แต่บางส่วนของร่างกายกลับชูชัน
ผู้สูงวัยกลับเข้ามาร่วมวงอีกครั้งเขาจับจองยกสะโพกกดลงไปบนส่วนกลางลำตัวก่อนจะออกแรงราวกับกระบอกสูบโดยที่ช่องทางด้านหลังของหรั่งก็โดนชายคนอื่นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าจับจองจ้วงแทงกระหน่ำไม่ยั้งแรงเช่นกันจนเวลาย่างจวนเจียนใกล้จะรุ่งสาง ร่างของหรั่งก็นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเขาหมดสติสัมปชัญญะ
ชายทั้งหกคนที่กอบโกยตักตวงความสุขจากเรือนกายจนอ่อนเปลี้ยต่างพากันก่ายเกยนอนกองกันอยู่บนเตียงใหญ่ หาได้รู้สึกถึงความผิดปรกติไม่ แต่อยู่ ๆ เมื่อมีคนหนึ่งชายหนุ่มสุดที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวในเร็ววันพลิกฟื้นคืนกำลังแล้วหันมากะจะลงมืออีกครั้ง ระหว่างที่เขากำลังจะประชิดด้านหลังเขากลับพบว่าร่างที่ถูกพันธนาการเอาไว้เสียค่อนคืน ไม่มีลมหายใจอีกแล้ว ความโกลาหนจึงบังเกิด เขาพยายามปลุกเพื่อนร่วมกรรมให้ตื่นขึ้นมาพบความจริงตรงหน้า
"แล้วเราจะทำยังไงดีครับท่าน" เสกลูกน้องคนสนิดเอ่ยถามร้อนรน
"เราคงหนักมือกันไปหน่อยนะคราวนี้" เสียงเปรยจากชายสูงวัยไล่เลี่ยกับเจ้าของบ้านเอ่ยเบา ๆ
"ไอ้เสกรีบไปจักการเรื่องศพก่อนเร็ว ๆ อย่าช้า" เสียงเจ้าของบ้านสั่งการเฉียบขาด
"น่าจะเอาไปเป็นอาหารให้พวกลูก ๆ ของผม เสียดายที่จวนจะเช้าแล้ว" หนุ่มใหญ่นักธุรกิจเจ้าของฟาร์มจระเข้เพื่อการส่งออกเอ่ยออกมาลอย ๆ
"ไม่น่าเลย เสียดายจัง น่าจะอยู่ให้เชยชมอีกสักหน่อย" เสียงชายหนุ่มที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวบ่นเบา ๆ
"วันหน้ายังมี เดี๋ยวจัดให้ อยากได้แบบไหนบอกมาเลย" ชายวัยใกล้กับเจ้าของบ้านบอกอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเอามือไปตบไหล่หนุ่มรุ่นหลานเบา ๆ
ภาพบนจอพลันดับวูบลงทิ้งไว้เพียงหน้าจอสีฟ้าสว่างเท่านั้น
"หมวดพชร ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว" เสียงกังวานดังก้องของหรั่งดังขึ้นก่อนที่แรงลมมหาศาลจะพัดพาเขาเข้าสู่อุโมงค์ลมที่มองไม่เห็นอีกฝั่งของปลายอุโมงค์ทั้งที่หน่องพายามออกแรงดึงรั้งไว้ก็ไม่เป็นผล เขาหายเข้าไปในอุโมงค์ลึกยาวพร้อมเสียงตะโกนเรียก "หน่อง" จนสุดเสียง
เสกที่แต่งตัวเรียบร้อยกลับเข้ามาในห้องที่มีเพียงหรั่งนอนเปลือยแผ่ตาเบิกโพลงอยู่เพียงลำพัง พร้อมกับว่านและกระสอบป่านในมือ ว่านคลี่กางออกก่อนที่จะช่วยกันอุ้มยกร่างเปลือยเปล่าใส่เข้าไปแล้วมัดปากด้วยเชือกเสียแน่นหนา
"เล่นกันหนักเลยเหรอพี่งวดนี้" ว่านอดถามออกมาไม่ได้
"อย่าเสือกปากมาก เร็ว ๆ เข้าเถอะมึง" เสกร้องปรามก่อนจะพากันนำกระสอบป่านใบใหญ่ที่บรรจุร่างของหรั่งออกไปขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบริเวณบ้าน ทั้งสองไปหยุดรถบริเวณบึงน้ำกว้างใหญ่ท้ายหมู่บ้าน ผืนน้ำดำมืด ดอกบัวสีม่วงอมชมพูส่งกลิ่มหอมลอยมากับสายลม ระรอกน้ำพลิ้วไหวสะท้อนแสงจันทร์ระยิบ
ทั้งสองช่วยกันออกแรงยกกระสอบป่านลงไปจากรถมุ่งตรงไปในบึงบัวจนระดับน้ำแค่คอแล้วค่อย ๆ ปล่อยให้กระสอบจมลงโดยมีตุ้มเหล็กผูกเชือกมัดรั้งเอาไว้ ทั้งสองกลับขึ้นมาบนฝั่งก่อนจะขึ้นรถขับออกไป โดยหารู้ไม่ว่า ร่างของคนในกระสอบที่ตอนนี้พลิกฟื้นคืนสติกำลังพยายามตะเกียงตะกายเอาชีวิตรอดออกจากเครื่องพันธนาการที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้จนหมดแรงกำลังและสิ้นใจไปในที่สุด
แวะมาส่งส่วนที่เหลือ ก่อนจะไปปั่นตอนสุดท้ายมาให้
เพราะอิฉันเห็นว่า เรื่องสยอง หลอน ๆ ควรมี 13 ตอนจบ จึงจะดี
ปล. โดนปาดแก้ไม่ทันเด้อค่ะเด้อ