ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีคนรอถึงดึกเลยเหรอ เค้าขอโทษนะที่มาต่อตามสัญญาไม่ได้
ที่จริงมีต้นฉบับเป็นทุนแล้ว เหลือแต่เกลา เลยคิดว่าจะออกมาไว แต่พอดีมีงานเข้านิดหน่อย แล้วพออ่านต้นฉบับเก่าแล้ว ก็ ยังไม่ถูกใจเท่าไร เกลาไปเกลามา หลับคาไปเลย -*- ขออภัยด้วย.....
*** ตอนช่วงพี่โต้งเล่าเรื่องอดีต....ค่อนข้างยืดยาวไร้สาระพอสมควร (ทั้งเรื่องพี่เอ//พี่ปอนด์) เนื่องจากแต่งนานแล้ว..... พอมานั่งอ่านแม้จะยืดไปหน่อยก็ไม่รู้จะตัดตรงไหนออกดีให้กระชับ เลยช่างเถอะใส่มันไปทั้งดุ้นนั่นแหละเนอะ - -|||
[Special ] Top secret………………………….. BY P’ โต้ง
ปัง!! เสียงประตูรถปิดลงพร้อมกับน้องเดินจากไป
“ปัดโธ่โว้ย” ผมสบถก่อนจะเอามือทุบพวงมาลัยระบายอารมณ์ดัง ปึ่ก!!
พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนจะออกไปตามน้อง...
แต่ยังไม่ทันไปไหน...ก็ได้ยินเสียงประตูรถเปิดอออก พร้อมกับใครบางคนก้าวขึ้นมานั่ง
“น้อง...” เสียงเรียกชะงักลงเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่นึกถึง
“นี่ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” ผมถามเสียงห้วนเมื่อพบว่าเป็นมิงค์
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง ฉันจะกลับได้ยังไง”
“ไม่จำเป็นแล้วมั้ง เธอก้าวล้ำเส้นเกินไปแล้ว ถ้าคิดจะทำถึงขนาดนี้เธอคงทำใจไว้แล้วใช่ไหมว่ามันจะเป็นยังไง”
“ใจเย็นๆ สิ มันคงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดหรอก ฉันไม่ได้คิดจะทำให้เธอกับแฟนทะเลาะกันนะ อยากให้เข้าใจกันต่างหาก ยังไงเราสองคนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมาตั้งนานแล้ว แค่น้องเมย์คนเดียวแฟนเธออาจจะไม่ได้ใจแคบขนาดนั้นก็ได้”
“เลิกเอาน้องเมย์มาอ้างสักทีเถอะ...เค้าไม่เชื่อหรอกว่าเธอรักและเป็นห่วงลูกจริงๆ ตอนนี้ไม่มีบุคคลที่สามแล้วเลิกตอแหลได้แล้วมั้ง...."
“ฉันแค่ต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิม... เหมือนเมื่อก่อนตอนที่เธอยังไม่ได้คบกับแฟนคนนี้ เธอเคยรักและใส่ใจน้องเมย์มากกว่านี้นะ”
“ตอนนี้เค้าก็ยังรักน้องเมย์เท่าเดิมนะ แต่เค้าอยากจะเป็นอิสระจากเธอต่างหาก...มิงค์”
กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็พักใหญ่....กว่าจะขึ้นไปที่ห้อง
ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้ากลับพบว่ากระเป๋าเสื้อผ้ากับเสื้อผ้าตัวเก่งหายไปบางส่วน ก็รู้แล้วว่าน้องไม่อยู่แล้ว
ได้แต่ถอนใจอย่างกลัดกลุ้มเหมือนคนหมดหนทาง......
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณเคยมีความลับไหม? ความลับกับคนที่คุณรัก บางครั้งมันอาจจะอึดอัด แต่เมื่อเดาไม่ออกว่าถ้าเขารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาจะมีปฏิกิริยายังไง ก็ต้องตัดสินใจเงียบไว้ดีกว่า คนเคยชั่ว จะให้มาตีแผ่ความเลวของตัวเองก็กลัวว่าคนฟังจะรับไม่ได้ แต่ในเมื่อเราไม่รู้จักกัน ผมก็ไม่แคร์ที่จะเล่า
ที่จริงแล้วผมน่าจะรู้ว่าน้องฐาไม่ชอบเอ เพราะเอมันรักผม ถึงผมจะคิดอยู่หลายครั้งก็เถอะว่ามันอาจจะเลิกรักผมไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวเอง หรือรู้แล้วแต่ยังคงโกหกตัวเองอยู่เรื่อยๆ เหมือนไอ้ปอนด์ก็ได้ การที่คนอย่างผมยอมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรรุนแรง ทั้งๆ ที่เอเข้ามาวุ่นวายในชีวิตรักของผมมากเกินกว่าจะให้อภัยได้แบบนี้ ก็เพราะผมเคยทำผิดต่อเขามามากนั้นเอง
ผมเป็นพี่เทคของเอ คอยดูแลเอมาตลอดจนเขาเริ่มหลงรักผม แต่ผมไม่เคยบอกเขาเลยว่าจดหมายที่เขียนหาเขาในนามพี่เทค ผมไม่ได้เขียนเอง ซาต่างหากที่เป็นคนเขียน แต่ความปากแข็งของมันทำให้อะไรๆ ยิ่งยากขึ้นไปทุกที
ผมกับซาช่วยกันวางแผนหลายอย่างเพื่อให้เอลืมผมแต่ก็ไม่สำเร็จ ทำอะไรแย่ๆไปก็ตั้งเยอะ....
ท้ายที่สุด วิธีการผิดๆ ของเราก็เป็นเรื่อง เมื่อเอมันตัดสินใจคิดสั้นเอามีดปาดแขนตัวเอง หลังจากวันนั้นพวกเราถึงได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
เอยอมตกลงคบกับซาแบบจริงจัง คงไม่ใช่เพราะเริ่มรัก แต่เพราะต้องการแก้แค้นพวกเรา มันกลายเป็นราชินีที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไอ้ซาที่เหมือนจะทีแรกจะโหดก็เปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะมันกลัวว่าเอจะทำร้ายตัวเองซ้ำอีกแค่นั้นเอง ส่วนผม เอยังเข้ามาวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการในทุกครั้งที่มีความรัก ผมเองก็ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเด็ดขาดด้วยเหตุผลเดียวกัน ผมคิดว่าทั้งผมและไอ้ซาติดค้างเออยู่หลายเรื่อง และเราคงต้องชดใช้
ข้ามเรื่องเอมาที่ไอ้ปอนด์... ผมเคยรักมันมาก พยายามทำดีกับมันทุกอย่าง แต่ปัญหาอยู่ที่มันดันไปรักเพื่อนของผมเอง และถึงเคลียร์จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ผมก็รู้ดีว่ามันคิดยังไง ระหว่างที่ตาอินกับตานาแย่งปลากันแทบเป็นแทบตาย ก็มีไอ้เชี่ยตาอยู่คว้าพุงปลาไปซะฉิบ ผมทำทุกวิถีทางแม้จะรู้ว่ามันเป็นวิธีสกปรก แต่ใครจะสน ขอแค่ได้คนที่ตัวเองรักมา แต่มันกลับทำให้ผมรู้ว่าปอนด์เองก็ไม่เคยคิดอะไรกับผมเลย
ผมยอมพ่ายแพ้ให้กับทุกอย่าง ถอยออกมาทั้งๆ ที่มันเจ็บ แล้วมองหาความรักครั้งใหม่....
ผ่านมาและก็ผ่านไปจนกระทั่งมาเจอน้องกิ๊ง ที่จำได้ตั้งแต่วินาทีแรกว่าเป็นน้องโรงเรียน
น้องกิ๊ง ผู้ชายที่สวย นิ่ง หยิ่ง เชื่อมันในตัวเอง เหมือนตุ๊กตาราคาแพงที่ใครๆ ก็คงอยากได้มาเป็นเจ้าของ แต่พอได้เข้าใกล้ก็จะรู้ว่าตุ๊กตาตัวนี้แข็งอย่างกับมะพร้าว...เปลือกหนาเหลือเกิน ถ้าไม่ให้อีกฝ่ายเปิดใจก่อน ก็ยากนักที่จะเข้าถึง ผมแปลกใจด้วยซ้ำที่รู้ว่าน้องกิ๊งมีคนรักแล้ว แต่พอได้เจอก็สะกิดใจอยู่ว่าเหมือนใครบางคนที่โรงเรียน ใครคนที่น้องกิ๊งสนิทมากที่สุด ผมเลยพอเข้าใจว่า อย่างผมอาจจะไม่ใช่สะเป๊กก็ได้เนอะ แต่ถึงยังไงผมก็ดีใจที่ได้รู้จักน้องกิ๊งอยู่ดี เพราะน้องกิ๊งทำให้ผมได้มาพบกับน้องฐาอีกครั้ง และเชื่อมโยงให้เราได้กลับมาสานสัมพันธ์กันอีก จนมาถึงวันนี้
ทั้งๆ ที่ผมเคยพูดแท้ๆ ว่าเกลียดกะเทย เกลียดเพราะเหมือนผู้หญิง เกลียดเพราะความหึงหวงเพราะไอ้ปอนด์ชอบหาเศษหาเลยกับกะเทยเป็นพิเศษ เกลียดเพราะอะไรอีกก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมดีใจเหลือเกินที่ผมได้รักน้องฐา ได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน อยากให้เวลาเหล่านั้นยาวนานมากกว่านี้ ไม่อยากให้วันนี้มาถึงเลยจริงๆ
วันที่ความลับสำคัญของผมถูกเปิดเผย
เรื่องมิงค์ และ น้องเมย์....
ผมไม่กล้าบอกน้องฐาหรอกนะ เรื่องที่เมื่อผมเคยเป็นไบ เพราะกว่าจะมาถึงตอนนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะมาก สมัยเรียนมัธยมผมอยู่โรงเรียนชายล้วน คิดดูสิว่าข้างในนั้นน่ะ มันไม่มีสาวๆ ให้เจริญหูเจริญตาเจริญใจเท่าไรหรอกนะ เวลาเลิกเรียน บางทีพวกเพื่อนๆ ก็เลยพากันไปส่องสาวแถวสยาม เวลาสาวๆ สวยๆ เดินผ่านมาก็มีเป่าปาก ไม่ก็เอ่ยแซว ถ้าผมไม่ได้มารยาทดีกลัวจะทำเพื่อนเสียใจก็จะขอด่าสักหน่อยเถอะ
“หน้าพวกมึงหรือก็เชี่ย ปากมึงก็หมา พ่อมึงเป็นนกหวีดหรือไงถึงต้องไปเป่าปากแซวเขา จะจีบทั้งทีใช้วิธีอ่อนๆ แบบนี้กว่าจะติดน่ะชาติหน้าเหอะ แล้วนี่ถ้าเกิดเขาชอบขึ้นมา จะมีปัญญาเลี้ยงเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ เรื่องมาก วุ่นวาย เดี๋ยวจะเอาโน่นเอานี่ ไฮโซกันจริงๆ พอชวนไปนอนด้วยเหรอ? คิขุ อาโนเนะ ทำเป็นเหมือนไม่เคย ทั้งที่ความจริงไม่รู้กี่คนแล้ว.....”
เอ่อ... โอเค ผมไม่กล้าพูดออกไปหรอก ได้แต่คิดเท่านั้นแหละ ถ้ามากะพวกเพื่อนๆ ล่ะก็ ผมไม่คิดจะมาจีบสาวหรอก ถ้าจะจีบจริงๆ ลุยเดี่ยวๆ ดีกว่า ก็รูปกูหล่อ พ่อกูรวย จวยกูโต
เอ่อ.... อ่านมาถึงตรงนี้มีแต่เรื่องยกยอปอปั้นตัวเอง ช่วยไม่ได้นะ คุณหลงมาอ่านเรื่องของคนขี้คุยแล้วนี่นา ต้องทำใจ
ถึงยังไง ผมก็ไม่เคยมีคนรักเป็นผู้หญิงจริงจังอยู่ดี เพราะความที่อยู่ห่างกันมันก็ลำบากหลายๆ อย่าง ก็เลยเลือกคบเด็กๆ ในโรงเรียนเดียวกันแทน แน่นอนว่าเด็กผู้ชายน่ารักๆ ทั้งนั้น ก็คบไปตามกระแสพอให้ชีวิตตัวเองไม่ขาดหวานแค่นั้นแหละ แต่ก็ไม่เคยคบใครได้นานสักที เพราะเวลาที่ผมอยู่กับใครนานๆ ผมก็เริ่มจะรักเขา ก่อนที่ผมจะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมก็จะขอเลิกเสียก่อน
เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะผมไม่อยากเป็นเกย์ไง รสนิยมของคนเราอาจจะไม่ผิด แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจ ผมไม่ได้เกลียดผู้หญิง พอๆ กับที่ไม่ได้เกลียดผู้ชาย เพราะไม่ว่าเพศไหนก็มีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างกัน ผมแค่เลือกจะกอดเก็บสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ไม่พยายามไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ห่างไกลดูแลได้ยากแค่นั้นเอง
ตราบจนกระทั่ง ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า ยิ่งนานวันการมีคนรักเป็นผู้ชายคือสิ่งที่ปกติขึ้นทุกที อนาคตข้างหน้าผมอาจจะหันกลับมาเป็นผู้ชายปกติอีกไม่ได้แล้วก็ได้ การเป็นเกย์คงไม่ได้ดูเลวร้ายนัก ถ้าหากผมไม่ใช่ลูกคนจีนที่ครอบครัวค่อนข้างเข้มงวด ผมแค่ไม่รู้จะบอกพวกเขายังไงดีเท่านั้นเอง และยิ่งกว่านั้น ผมรักเด็ก และอยากมีลูกมาก ไม่ว่ายังไงวันข้างหน้า ผมก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิง และมีครอบครัวที่แสนสุขให้ได้ ไม่แปลกใช่ไหมที่คิดอย่างนี้ ไม่ผิดใช่ไหมที่จะฝัน
ผมเริ่มคบกับมิงค์ตอนอยู่ม.หก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเริ่มรักเธอตอนไหน ก็แค่บังเอิญช่วยเก็บของตก ได้รับคำขอบคุณพร้อมเบอร์มา ผมคิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรที่จะโทรไปหาเธอ เพราะเธอก็สวยดี และผมเริ่มชินที่เราจะออนเอ็มคุยกัน หรือโทรหากันบ่อยๆ ผมไม่ใช่แฟนขี้หวงเลยสักนิด ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัว ไม่จุกจิกเวลาจะไปไหน ผมแค่แสดงความห่วงใยเท่าที่จำเป็น และให้ในสิ่งที่เธอขอเท่านั้นเอง
ครึ่งปีผ่านไป ผมขอเวลาอยู่คนเดียวเพราะต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบเอนท์ เวลาที่ให้เธอน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้ข่าวว่าเธอมีคนอื่น....
ช่างปะไรก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่ว่าจะไปทำระยำตำบอนที่ไหนใครจะไปสน เลิกกันแล้วก็เท่านั้น
คิดว่าทุกอย่างจะจบ ที่ไหนได้.... ผ่านไปหลายเดือน มิงค์ก็กลับมาหาอีกครั้งพร้อมกับบอกข่าวที่ทำให้ตกใจที่สุดในรอบ 18 ปี
“โต้ง.... เค้าท้อง” ผมอึ้ง ยืนมองหน้ามิงค์ตาค้าง
หลายสิ่งหลายอย่างตีกันให้วุ่นไปหมด แน่นอนเลยว่าผมไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนถึงขนาดจะไม่เคยมีอะไรกับเธอ แต่รอบครอบมากพอที่จะป้องกันทุกครั้ง ขอย้ำว่าทุกครั้งจริงๆ แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ
“ตลกน่ามิ้งค์ ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย”
“เรื่องแบบนี้ใครจะมาพูดเล่น” มิ้งค์ทำหน้าจริงจังตอบมา
“ถึงงั้นก็เถอะ เค้าจะรู้ได้ไงว่าลูกเค้าจริงหรือเปล่า นี่เราเลิกกันไปตั้งนานแล้วนะ”
“เค้าไม่ได้มาบอกเพื่อให้รับผิดชอบอะไรหรอก แค่อยากมาขอความช่วยเหลือ เราจะเอาเด็กออก”
งั้นเหรอ? ใช้แค่เงินทุกอย่างก็จบ.... ถ้าแค่นั้นจริงก็ไม่ใช่ปัญหา.....
“จะเอาเท่าไรล่ะ?”
หลังจากวันนั้นก็ไม่จบอย่างที่คิด...
พอนั่งหาข้อมูลในเน็ต อย่าว่าแต่ถุงยาง แม้แต่การทำหมันถาวร ก็ยังไม่สำเร็จ100%
เอาแต่กังวลใจ... มาตลอดถ้าทำแท้งไปตอนนี้จริงๆ ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร... คงตะขิดตะขวงใจ ตลอดไปแน่ๆ
0.03% ที่ลูกของมิงค์จะมีโอกาสเป็นลูกของผม ผมกลั้นใจทำร้ายเขาไม่ลงจริงๆ
ท้ายที่สุดก็ทำไม่ลง ต้องตัดสินใจไปขอร้องให้มิงค์เก็บเด็กไว้...
แทนที่จะจบกันแค่สองคนก็กลายเป็นเรื่องใหญ่.... ต้องบอกป๊าม๊า ให้ไปคุยกับที่บ้านมิงค์ว่าจะรับผิดชอบลูกสาวเค้า ไปหมั้นไว้ก่อน เอาไว้เรียนจบค่อยแต่งก็ได้ เพราะผมยังเรียนอยู่
ตอนที่คลอด ผมมาเรียนมหาวิทยาลัยไปเกือบครึ่งปี...
ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก หัวใจมันเต้นถี่ ตกหลุมรักเขาตั้งแต่วินาทีแรก
น้องเมย์เป็นเด็กหญิง น่ารัก สุขภาพแข็งแรง แต่หน้าตาไม่เหมือนผม กรุ๊ปเลือดก็ไม่เข้ากันอีกต่างหาก ไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอก็รู้ว่าไม่ใช่ ผมเสียใจ สิ้นหวัง เจ็บปวด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ก็ป๊ากับม้าตอนได้อุ้มหลานดูมีความสุขมากเกินกว่าจะบอกความจริงพวกเขา ดังนั้นเรื่องนี้เลยต้องเก็บไว้เป็นความลับรู้กันแค่มิงค์กับผมสองคนน่าจะดีกว่า....
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่พูดถึงเรื่องนั้น ในเมื่อเคยพูดว่าจะรับผิดชอบก็ต้องทำตามนั้น แต่ผมก็ยังไม่หายโกรธมิงค์ที่โกหก หลอกลวงแบบนั้นอยู่ดี มิงค์ย่อมรู้แต่แรกอยู่แล้วว่าน้องเมย์เป็นลูกใคร ผมพยายามไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอย่างเธออีกต่อไป แต่มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง ในเมื่อผมก็ยังแวะไปหาน้องเมย์อยู่เรื่อยๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมแวะไปน้องเมย์ เธอพยายามปลุกอารมณ์อีกครั้งแล้วผมก็ใจอ่อนเลยตามเลย แล้วสิ่งที่ได้กลับไปคือความล้มเหลว ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอารมณ์เลยสักนิดเดียว
ผมเพิ่งรู้ตัวตอนนั้นว่าตัวเองเริ่มเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ตายด้านไปเฉยๆ ก็เลยไปหาหมอหายาโด๊ฟและวิธีแก้อยู่นานแต่ก็ไม่ได้ผลเลย ไม่ว่าจะพยายามยังไง ไม่ว่าจะเป็นมิงค์หรือผู้หญิงคนอื่น ผมก็ทำเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ แต่มันแปลกที่ถ้าทำกับผู้ชายไม่เป็นอะไร....
ในที่สุดที่บ้านก็รู้เรื่อง (เพราะตอนนั้นซื้อพวกอาหารเสริม และพวกไวอากร้ามาเป็นตัน) ป๊ากับม้าพากันตกใจจนตัดสินใจพาลูกชายไปพบจิตแพทย์จนสรุปออกมาว่าสาเหตุเป็นเพราะช็อกเรื่องของน้องเมย์ก็เลยหวาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง (ที่จริงคือช็อกที่น้องเมย์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่บอกที่บ้านว่า ช็อกเพราะการที่มีลูกโดยไม่ได้ตั้งตัว)
คงไม่ต้องถามว่าผมกับมิงค์เราจะเป็นยังไงต่อ ต่อให้เธอรักผม เธอก็คงทนไม่ไหวอยู่ดีถ้าผมจะไม่แตะต้องเธอเลยแบบนี้ หรือว่าเธอไม่เคยรักผมตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน
หลังจากนั้นมา.... ผมก็ค่อยๆห่างจากมิงค์ออกมาแต่ก็จำต้องอุปการะน้องเมย์เหมือนเดิม เพราะไม่มีคนอื่นรู้ คงเพราะความรักเด็กเป็นทุนเดิม ประกอบกับรู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถมีลูกได้ ผมถึงได้พยายามหลายครั้งที่จะขอน้องเมย์มาเลี้ยงเอง แต่ทั้งๆ ที่มิงค์ก็ไม่ใช่แม่ที่รักลูกมากมายอะไรนัก แต่เธอก็ยังเห็นแก่ตัวมากพอที่จะเก็บลูกเอาไว้กับตัวเพื่อให้ผมตัดเธอไม่ขาด มาถึงตอนนี้ ผมก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่เล่าเรื่องที่ทำอะไรผู้หญิงไม่ได้แล้วให้ฟัง น้องฐาจะเชื่อเหรอว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ มันก็คาราคาซังไม่จบไม่สิ้นหรอกจริงไหม?
ตัดปัญหาเลยแล้วกัน ถ้ามิงค์ยังดื้อด้านอยากเก็บน้องเมย์ไว้นัก ก็ให้เลี้ยงไปคนเดียวเลย เรื่องจะได้จบๆ กันไป
แต่ดูเหมือนมิงค์จะยังไม่อยากจบ ยังจะดึงน้องฐาเข้ามาเอี่ยวด้วยอีก แล้วน้องฐาก็ดันจะนางเอกไม่เข้าเรื่องขึ้นมาอีก
ความจริง....แค่เล่าทุกอย่างให้ฟังก็คงจบ
แต่ จะให้เล่าเรื่องนั้นให้ฟังน่ะเหรอ...... ฆ่ากันซะดีกว่า... ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ยังไม่จบนะ เดี๋ยวมาต่อ......
ปล. คนอ่านอาจจคิดว่า เรื่องเล็กกระจิดริดไม่น่าจะทำเป็นเรื่องใหญ่ แค่เล่าๆ ไปก็จบ... แต่ในความคิดนิคือสำหรับผู้ชายไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะ ถ้าสังเกตดีๆ พี่โต้งแกมีปมเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่เจอน้องฐาครั้งแรก น้องฐาก็ไปดูถูกแล้วว่า ...ของพี่โต้งอ่ะเล็ก จนพี่แกเป็นเดือดเป็นแค้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ..... หลังๆมา โดนหาว่าไรน้ำยามั่งไรมั่ง พี่โต้งแกไม่เคยปล่อยให้ด่าฟรีเลยนะ แกเอาคืนทบต้นทบดอกตลอด 555 แสดงว่าสำหรับพี่แกแล้ว แกกินศักดิ์ศรีเป็นอาหารหลักแหละ หายไปแล้ว จะตายไรงี้ น่าจะเก็ทเนอะ.... แหะๆ
แฟนเพจเล่นเฟสก็เข้าไปเยี่ยมกันนะคะ จะอัพเดทตอนใหม่ได้ง่ายๆ