ตอนที่ 80 ง่ายแต่ไม่ได้มั่ว
หนูนึกว่าเขาจะโกรธ แต่พอตอนเที่ยงเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับช่อกุหลาบ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้หนูไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากทักอะไรออกไป ได้แต่แอบมองเขาจัดดอกไม้ลงแจกันเงียบๆ
“ทำไมข้าวเหลือเยอะจัง ทานเยอะๆ สิคะ จะได้หายไวๆ”
พี่โต้งถามเมื่อหันไปเห็นถาดอาหารมื้อเที่ยงที่วางอยู่ พร่องไปนิดเดียว
“ไม่ไหวค่ะ.... อาหารโรงพยาบาลจืดเกิน ไม่อร่อยเลย กินไม่ลง” หนูรีบตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงเหมือนจะฟ้อง หนูดีใจเหลือเกินที่เขาคุยกับหนูก่อน
“ก็คนป่วยอยู่ ก็ต้องกินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย อาหารรสจัดมันไม่ดีต่อสุขภาพรู้ไหม?”
“ก็....มันไม่อร่อยนี่นา....” หนูตอบเสียงอ่อย ไม่รู้ทำไม กลัวจะโดนพี่เขาดุขึ้นมา ทั้งๆ ที่ในใจเถียงฉอดๆไปแล้ว
คนถูกรถชน ขาหัก ไม่ได้เป็นโรคลำไส้ซะหน่อยจะได้มาทนกินของอ่อนๆ รสชาติอย่างกะน้ำซาวข้าวได้ตลอด
“แล้วน้องฐาอยากกินอะไรล่ะ พี่จะซื้อมาฝาก กินเยอะๆ จะได้มีแรง ขาจะได้หายไวๆ” เขาถามกลับมา
“ถ้าหนูอยากกินอะไร พี่จะซื้อมาให้จริงเหรอคะ? ” หนูแอบเหลือบตามองพี่เขาอย่างเกรงๆ ไม่แน่ใจว่าสนิทมากพอจะล้อเล่นหรือร้องขออะไรเยอะๆ ได้หรือเปล่า
พี่โต้งพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ
“หนูอยากกินเบอร์เกอร์แมคโดนัลอันใหญ่ๆ อยากกิน พิซ่าซีฟูด ลาซานญ่า สปาเกตตี ไก่แซ่บ แล้วก็ทูน่าสลัด” หนูพล่ามยาวนาน แบบเอาหมดนี่ก็เข้าสามร้านได้
“เยอะไปไหม? จะกินไหวเหรอ?”
“แหะๆ ก็แค่อยากกิน จะว่าไปแล้วหนูไม่ได้กินอะไรพวกนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ” ตอนหลังๆ ที่ห่างๆกับโรจน์หนูก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกนานเป็นเดือนๆ
“ถ้าอยากกินจริงๆ งั้นรอแป๊บ พี่จะไปซื้อมาให้” พี่โต้งพูดปุ๊บก็ขยับตัวปั๊บ จนหนูรีบคว้ามือเขาไว้แทบไม่ทัน
“เดี๋ยวค่ะพี่”
“หือ....” พี่โต้งหันมามองหน้าหนูสลับกับมือที่ดึงแขนเขาไว้ ทำให้หนูต้องรีบปล่อยมือออกทันทีอย่างเขินๆ
“ไม่ต้องไปซื้อหรอกค่ะ หนูล้อเล่น ถึงหนูอยากกินหนูก็ไม่มีตังค์ให้ พยาบาลบอกว่าของที่มีก็แค่เสื้อผ้า ส่วนกระเป๋าตังค์ก็ไม่มี แม้แต่รองเท้าก็ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าไปหล่นอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะไม่ได้หายไปไหนหรอก ทั้งรองเท้าหรือกระเป๋าก็อยู่ที่ห้องทั้งนั้นแหละ พี่เห็นว่าน้องฐาขาหักอยู่ก็คงไม่ได้ใส่รองเท้า แล้วอยู่โรงพยาบาลก็ไม่ค่อยต้องใช้เงิน ก็เลยไม่ได้เอามาให้เท่านั้นเอง”
เห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วไม่น่าไว้ใจเลย สรุปก็คือจะไปซื้อให้เพราะยังไงหนูก็มีเงินจ่ายเหรอ บางทีกระเป๋ามันอาจจะยังอยู่ แต่รู้ได้ไงว่าในกระเป๋ามีเงินอ่ะ?
ของกินละลานตา.... แต่ไม่ใช่ว่ามื้อเดียวจบอย่างที่คิด พี่โต้งทยอยซื้อของที่อยากกินมาให้ทีละนิด วันแรกได้กินเบอร์เกอร์+สวัดทูน่า วันต่อมาลาซานญ่า สปาเกตตี แถมหนูยังได้กระเป๋าคืนมาสมใจแต่พอเอาเงินคืนพี่แกไป แกก็ไม่เอาแต่บอกกลับมาว่า
“ซื้อมาฝาก ไม่ใช่ฝากซื้อค่ะ” ใจดีชะมัด ป๋ามากๆ
โอ๊ย... ผู้ชายสมัยนี้ทำไมใจดี๊ใจดีกับกะเทยตกยากซะเหลือเกิน น้องฐาตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ชีวิตมันช่างแตกต่างจากสมัยมัธยมอย่างกับหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย....
ช่วงหลังมา ไม่มีคนมาเยี่ยมบ่อยอย่างสองสามวันแรกแล้ว แต่ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วพี่โต้งก็ยังอยู่กับหนูไม่หายไปไหน ตอนที่ว่างก็มานั่งอยู่เป็นเพื่อน พอบอกอยากได้หวีกับกระจก อยากได้แป้งฝุ่นก็หามาให้ อยากกินอะไรก็ซื้อให้กิน แล้วก็ยังมานอนเฝ้าตลอดเลยด้วย แรกๆ หนูกลัว ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักมาอยู่ด้วยตลอดตอนที่นอนหลับ แต่ตอนหลังๆ กลับรู้สึกว่าปลอดภัยและอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงเราไม่ได้พูดอะไรกันมากแต่มันกลับรู้สึกดีที่มีคนอยู่เคียงข้างตลอด....
เที่ยงของวันเสาร์หนูนั่งยิ้มร่าขณะที่เขมือบพิซ่าราดซอสเยิ้มๆ เข้าปากไปอย่างเปี่ยมสุข จนซอสมันเลอะเทอะเหลือจะเอ่ย
“เอ้า กินดีๆ สิ เลอะเทอะเป็นเด็กไปได้” พี่โต้งว่าพลางรีบหยิบทิชชู่มาถูขอบปากให้ หนูเหลือบตามองพี่แกเขินๆ ที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ให้เมือนเด็ก แต่ครั้นจะเบี่ยงตัวออกก็กลัวแกจะเสียใจอีก ก็เลยต้องนั่งตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นตึ๊กตั๊กอยู่แบบนั้น เหมือนจะเช็ดเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพี่โต้งก็ยังไม่ยอมขยับตัวถอยออกไปซะที จนหนูทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นมองหน้าแกซึ่งพบว่าพี่แกก็กำลังมองหน้าหนูอยู่เหมือนกัน
ใกล้.....ใกล้นิดเดียวเอง หัวใจของหนูเต้นแรงขึ้นไปอีกเมื่อเราสบตากันตรงๆ ในระยะกระชั้นขนาดนี้
“พี่คะ.....” ในที่สุดหนูก็เผลอเรียกออกไป
“คะ....” อีกฝ่ายขานรับเบาๆ
“ขอโทษเถอะค่ะ..... ออยมันจ้างพี่มาเท่าไรเหรอ.....พี่ถึงได้ดีกับหนูขนาดนี้ ถ้าหนูยังไม่มีแฟน หนูต้องชอบพี่แน่ๆ” หนูบอกเขาด้วยน้ำเสียงติดจะสั่น ดีใจที่มีคนทำดีด้วยแต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าไม่สมควรจะชอบใครง่ายๆ แบบนั้น มันก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“ถ้าน้องฐามีแฟนแล้วทำไมถึงจะชอบพี่ไม่ได้ล่ะ ในเมื่อ...พี่เป็นแฟนน้องฐา”
ฮะ...... ว่าไงนะ
หนูอึ้ง มองซ้าย มองขวา เลิ่กลั่ก
“มองอะไร” พี่โต้งถามทำเสียงดุ เมื่อเห็นท่าทีของหนู
“ก็มองหากล้องไง นี่มันรายการ “หลอกกันเล่น” หรือเปล่าคะ พอหนูเชื่อก็มีพิธีกรออกมาบอกว่า นี่เป็นรายการทีวีค่ะ อะไรแบบนี้” หนูยิ้มทำท่ารู้ทัน...
“น้องฐา อย่ามาทำตลกหน่อยเลย เรื่องแบบนี้ใครเค้าจะเอามาพูดเล่น.... ต่อให้จำอะไรไม่ได้เลย ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ถ้าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่จะคอยมาดูแลน้องฐาแบบนี้ทำไม....หรือว่าในสายตาน้องฐา พี่ไม่มีอะไรดีเลยเหรอคะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่.... พี่ออกจะหล่ออ่ะ จะมาเป็นแฟนคนโก๊ะๆ อย่างหนูได้ไง มันดูเหลือเชื่อเกินไป บางทีมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด บางทีพี่อาจจะแค่แกล้งหนูเล่น.....อื๊อ.......” พูดยังไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ปิดปากหนูไว้ไม่ให้พูดด้วยริมฝีปากของเขา หนูลืมตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ก็มึนงงสับสนชีวิตมากเสียจนไม่ได้ไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน....
มันก็แค่จูบ.... ไม่ใช่ว่าจะทำให้คนๆ นึงขาดอากาศหายใจตายไปซะเมื่อไร ไม่ใช่จูบแรกที่แหนหวงและหนูก็ไม่ได้หวงตัวขนาดนั้น เพราะไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยในเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าก็ดันหล่อเหลาเอาการใช่เล่น
ถ้าเพียงแค่ว่าไม่มีหน้าไอ้โรจน์ลอยขึ้นมาตอนนี้ก็คงดี........เพราะมันทำให้หนูนึกขึ้นได้ว่ากำลังจูบกับคนอื่นที่ไม่ใช่มัน ท้ายที่สุดหนูก็เป็นฝ่ายพยายามดิ้นรนออกจากสัมผัสนั้น แม้มันจะแสนหวานเพียงใด ก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง...
ตอนนี้เองที่หนูรู้สึกได้ว่าตัวเองแรงน้อยลงมาก ไม่รวมกับขาที่ใช้การไม่ได้ข้างนึงแล้วแขนตัวเองก็ดูจะแรงน้อยลงอีกด้วย ถึงพยายามผลักเท่าไรก็ไม่ได้ช่วยต้านทานแรงคนตรงหน้าได้เลย ทั้งๆ ที่พี่โต้งจะผอมมากไม่ใช่ผู้ชายตัวใหญ่ ล่ำ แม้แต่กล้ามก็แทบจะหาไม่เจอ ติดแต่ว่าสูงเท่านั้นแหละ
“ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้” ในที่สุดหนูก็ตวาดออกไปด้วยความโกรธจัด แรงมีเท่าไรก็ทั้งผลักทั้งจิกทั้งข่วนจนอีกฝ่ายต้องยอมปล่อยแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกกอดหนู เขามองหน้าหนูคิ้วขมวดแล้วมองด้ยแววตาที่แสดงถึงความเสียใจ
“ทำไม.... ทำไมพี่จะกอดน้องฐาไม่ได้ จูบน้องฐาไม่ได้ในเมื่อเราเป็นแฟนกัน น้องฐาจะหวงเนื้อหวงตัวไว้รอใครหน้าไหนอีก” เขาตะคอกถามกลับมา หนูรู้สึกว่าเจ็บ เพราะถูกบีบเขนจนแน่น...
“แต่หนูจำไม่ได้..... หนูไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด ถ้าสมมุติพรุ่งนี้มีผู้ชายอีกสิบคนร้อยคนมาบอกว่าเป็นผัวหนู หนูต้องนอนกับเค้าทุกคนไหมล่ะ? หนูยังไม่รู้เลยว่าหนูเลิกกับคนเก่ายังไง แล้วมีคนใหม่เมื่อไร ถ้าหนูยังจำเรื่องพวกนั้นไมได้ หนูจะเชื่อในสิ่งที่พี่พูดฝ่ายเดียวได้ยังไง”
“น้องฐาเลิกกับแฟนไปนานแล้ว...ก่อนหน้าจะมาเจอพี่ เลิกเพราะไอ้โง่คนนั้นมันอยากคบผู้หญิงมากกว่า แปลว่าน้องฐาไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงมันอีกแล้ว... ส่วนเรื่องของเรา...ถึงน้องฐาจำอะไรไม่ได้ก็จริง... แต่น้องฐาก็บอกกับพี่เองไม่ใช่เหรอว่าถ้าน้องฐายังไม่มีแฟนน้องฐาต้องชอบพี่ ที่พูดเพราะน้องฐาคิดอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ? น้องฐาชอบพี่ไม่ใช่เหรอ?” เขาเอ่ยถามกลับมาซ้ำๆ อย่างคาดคั้น
“หนูเสียใจที่ยอมให้พี่เข้ามาดูแล คอยอยู่ใกล้ พี่ดีกับหนูมากจนหนูอดหวั่นไหวไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะห้ามใจไม่ให้หลงใหลไปกับความใจดีแบบนั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือความถูกต้อง ถึงหนูจะใจง่ายก็ไม่ได้แปลว่าหนูมั่ว!” หนูตะโกนตอบ มันอึดอัดจนอยากจะร้องไห้ออกมา....เพียงแต่มันติดอยู่ที่ขอบตา....
“น้องฐา พี่ไม่ได้ว่าเราแบบนั้น แต่พี่กับน้องฐาเราเป็นแฟนกันจริงๆ นะ”
“พอเถอะค่ะ หนูว่าพี่กลับไปก่อนเถอะ หนูไม่อยากฟังอะไรตอนนี้” หนูรีบตัดบทเสหันไปมองทางอื่น หนูไม่อยากมองหน้าพี่เค้าแล้ว...
“ฟังก่อนได้ไหมเนี่ย” แต่อีกฝ่ายไม่ยอม...
“ถ้าพี่ไม่ออกไป หนูจะเป็นคนไปเอง....” ไม่พูดเปล่าหนูขยับขาข้างที่ไม่หักขยับจะลงจากเตียง แม้จะรู้ว่าถ้าลงไปตอนนี้คงต้องล้มกลิ้ง แต่ก็ยังฝืน
“อย่าน้องฐา...” พี่โต้งเรียกเสียงหลงจับขาหนูไว้.... เราจ้องหน้ากันแป๊บนึงก่อนที่พี่โต้งจะยอมแพ้
“ก็ได้....พี่จะไปเดี๋ยวนี้ แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่แสนเบา แต่ก่อนจะไปยังจะดึงเหล็กข้างเตียงขึ้นทั้งสองข้าง คงเพื่อกันไม่ให้หนูตกเตียงละมั้ง
ถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ยังไม่วายเป็นห่วงหนู
ในที่สุดเขาก็ยอมไป
หนูควรจะดีใจที่ไล่เขาไปได้ ทั้งๆ ที่คิดว่าทำถูกแล้วแต่ทำไมกลับเสียใจที่เห็นพี่เขาเจ็บปวด...
ไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย....
ว่าทำไมแววตาที่เจ็บปวดของเขาก่อนจะไปทำให้หนูถึงกับน้ำตาร่วง
ปลายนิ้วที่สัมผัสริมฝีปากลับรู้สึกอุ่นวาบ....
ถึงแม้ความถูกต้องจะเอาชนะทุกอย่างได้ แต่ลึกๆ ข้างในก็ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น
และยิ่งถ้ารู้สึกดีกับสัมผัสนั้น...มันจะผิดมากไหม?
.............................................................................
พี่โต้งคง งง ว่าแฟนตัวเอง รักนวลสงวนตัวขนาดนั้นเลย? ฮ่าๆๆ
ก็พี่แกไม่เคยรู้เลยว่าน้องง่ายกะตัวเองคนเดียวนะ
แต่ มาตอนนี้ .... ซึ้งถึงแก่น แล้วมั้ง....ว่าน้องแค่....ง่ายแต่ไม่ได้มั่วจ้า.....
หน่วงไปอีกตอน สงสารพี่โต้งจังเลย โดนน้องฐาโกรธ...