ใครยังไม่ได้อ่าน ช่วงที่พี่โต้งเล่าก็ไปอ่านกันนะคะ
Part 1
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24654.msg1994579#msg1994579 part 2
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24654.msg1995291#msg1995291 ตอนนี้น้องฐาอาจจะแรงมากไปหน่อยนะคะ เพราะดันไปสะกิดต่อมเข้า น้องก็เลยฟิวส์ขาดกระจุย หลุดทั้งคำหยาบ ทั้งการกระทำแรงๆ ออกมามั่ง ต้องขออภัยผู้อ่านด้วยนะคะ แต่เพื่อความสมจริงขอไม่เลี่ยงคำด่า.....นะคะ
ตอนที่ 53 เหมือนกันเกินไป....
อึดอัด.... ที่เปิดประตูเข้าห้องไปแล้วเจอเดย์ แต่ไม่กล้าทักทาย เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรดีจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือ แล้วก็ของใช้จำเป็น เก็บเสื้อผ้าเท่าที่พอจะขนไหว
“พี่เขารออยู่ข้างล่างเหรอ? “ คำถามสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำให้หนูแอบดีใจเล็กๆ ที่อีกฝ่ายเอ่ยปากพูดด้วย
“พี่เขาไม่สบาย เราเลยมาคนเดียว” หนูตอบกลับ เห็นใบหน้านิ่งๆ พยักหน้ารับทราบขณะที่เดินเข้ามาหา
“ต้องให้เราช่วยขนของป่ะ?” หนูแทบอยากจะร้องไห้เพราะซึ้งในน้ำใจของเพื่อนร่วมห้อง
“ขอบใจ แต่วันนี้เราเอาของไปไม่มากหรอก”
“อือ...” เขารับคำอย่างขอไปที
“เดย์ไม่โกรธเราใช่ไหม?” หนูลองเลียบๆ เคียงๆ เพราะคิดว่าวันนั้นอาจจะพูดแรงไปหน่อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมคุยด้วยแสดงว่าคงเข้าใจหนูแล้ว
“เราจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธฐาล่ะ ใครๆ ก็ต้องชอบคนหล่อๆ รวยๆ อยู่แล้ว เดย์มันก็แค่ไอ้แว่นสี่ตาจนๆ ไม่มีรถเก๋งขับ ไม่มีคอนโดอยู่ ไม่มีตังค์พาฐาไปดูหนังที่นั่งวีไอพี ไม่มีปัญญาซื้อมือถือดีๆ ให้ ฐาคิดถูกแล้วล่ะที่เลือกพี่เขาน่ะ”
อึ้งสิคะแบบนี้ นึกว่าจะเข้าใจทุกอย่างแล้วซะอีก แต่ดันคิดไปถึงไหนก็ไม่รู้...
“ในสายตาเดย์อ่ะ ...เราเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอ?” หนูถามกลับอย่างเหลืออด ใจจริงก็อยากจะบอกเดย์ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แต่มันก็อดโมโหไม่ได้จริงๆ ที่โดนดูถูกขนาดนี้...
“ก็ฐาบอกเราเองนี่ว่า ไม่ว่ายังไงก็คบกับเราไม่ได้ แต่เราไม่รู้ว่าเราไม่ดีที่ตรงไหน นอกจากเรามันจน คนอย่างเราจะมีใครมาชอบนอกซะจากว่าเขาจะไม่ใครจริงๆ เหมือนอย่างที่ฐาพยายามทำดีกับเราตลอดมา ทำให้เราคิดว่าฐาอาจจะชอบเราบ้างสักนิดนึง แต่พอมีคนอื่นที่ดีกว่าเรา ฐาก็ทำเป็นว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หรือบางทีฐาก็อาจจะแค่บริหารเสน่ห์ไปอย่างนั้นเอง”
อ้อ.... อย่างนั้นเหรอ?.... นี่สินะคือสิ่งที่เดย์คิด เพราะหนูมันแสนดีใช่ไหม?
ดีมากก็เลยหวั่นไหวงั้นสิ? อยากจะหัวเราะให้ฟันหักจริงๆ
นี่แหละหนาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “ผู้ชาย”
คิดเองเออเอง บอกอะไรก็ไม่ฟัง อีโก้สูง หลงตัวเอง และที่สำคัญ.....
โง่ด้วย!! “อุ๊ย ตายจริง โป๊ะแตกซะแล้วหรือนี่” หนูทำท่าตกใจอย่างมีจริต ก่อนจะหันไปโปรยยิ้มหวานอย่างนางงาม “แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องแอ๊บนางเอกให้เมื่อย เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันว่าเมื่อก่อนน่ะบังเอิญเราไม่มีใครก็เลยกะเลี้ยงเดย์ไว้กินเล่นๆ แต่พอดีแฟนคนนี้ของเราเขาสูงกว่า หล่อกว่า รวยกว่า เราก็เลยต้องเลือกเขา นี่ถ้าเรารู้จักพี่เขาเร็วกว่านี้นะ เราคงไม่มานั่งทำดี หรือคอยดูแลเดย์แบบนี้หรอก เสียเวลาทำมาหากินหมด ”
เดย์ทำหน้างง คงงงที่หนูดันยอมรับขึ้นมาเฉยๆ แววตามีแววผิดหวังฉายชัดมาด้วยเคียดขึ้ง รังเกียจเดียดฉันท์...
ในที่สุด อีกะเทยชั่วนางนี้ก็เปิดเผยสันดานเลวออกมาแล้วอะไรเทือกนั้น....
เสียงประตูเปิดและคนที่เดินเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจของเราทั้งสองคนไป เดย์เดินหนีไปยังมุมโต๊ะตรงหลังห้องขณะที่หนูได้แต่ยืนทำหน้าเป็นนางมารที่แสนชั่วร้ายอยู่ที่เดิม...
“อ้าว... แล้วนี่ฐาจะเก็บของไปไหน...” เอกถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นกระเป๋าที่วางหรา
“กำลังจะย้ายออกแล้วล่ะเอก แต่คงค่อยๆ ทยอยเอาไปทีละหน่อย” หนูปรับเสียงปรับหน้าเป็นแอฟ ทักษอร หันไปตอบเอก...
“อ้าว... ไหนว่าจะย้ายเทอมหน้าไง ทำไมไปเร็วนักล่ะ....”
“ก็.....” หนูลากเสียงยาวกำลังนึกคำตอบอยู่แต่พอดีเดย์สวนขึ้นมาก่อนว่า
“มึงไม่ต้องไปเซ้าซี้เค้านักหรอก เพราะถ้าไม่นับเรื่องที่ที่นี่มันผู้ชายเยอะล่ะก็ ใครๆ ก็ต้องอยากอยู่คอนโดมากกว่าหอรวมอยู่แล้วล่ะ” เดย์ส่งเสียงแขวะมาอีก...
“แล้วมึงจะปากหมาเพื่อ??” เอกเป็นฝ่ายออกปากด่าแทน
“มึงก็ถามเขาสิ ว่าจริงไหม?” เดย์ถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ประมาณว่า กูรู้สันดานอีนี่แล้ว มึงก็สมควรรู้ด้วยนะ...
“ก็อย่างที่เดย์เขาว่าแหละเอก เราน่ะมันตุ๊ดบ้าผู้ชาย แล้วก็หิวเงินออกขนาดนี้ ดีใจ๊ดีใจที่ได้ออกไปอยู่กับผัวใจจะขาด อย่าว่าแต่คอนโดเลย ให้ไปอยู่รูหนูแล้วได้เอาทุกวันเราก็อยากไป นับประสาอะไรกับคอนโดใหญ่ๆ สวยๆ” หนูยิ้มอย่างเสแสร้ง ก็มันส์ดีนะที่ได้ด่าตัวเองซะบ้าง สงสัยนิสัยมาโซหน่อยๆ จะกำเริบเสิบสาน
เดย์มองหนูกลับมาด้วยแววตาชนิดหนึ่งที่เห็นแล้วก็เออ.... เจ็บดี
จากนางฟ้ากลายเป็นยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกมั้งเนี่ย...
แล้วไงล่ะ? ใครจะสน มีอะไรจะด่าอีกไหม? จะได้ยืดอกรับให้หมด ให้ตายไปข้างหนึ่งเลย
และแล้ว เดย์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว เดินปึงปังออกจากห้องไป....
จบซะทีสินะ ความสัมพันธ์ทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเพื่อนหรือคน(เคยแอบ)รัก... ให้จบลงไปพร้อมๆ กันเลยแล้วกัน...
“ฐาอย่าไปถือสามันเลยนะ คนมันอกหัก เสียใจ มันก็ต้องมีหงุดหงิด มีพาลหาเรื่องบ้าง แต่อีกหน่อยมันก็คงดีขึ้น” เอกหันมาปลอบใจ หนูยิ้มกว้างกว่าเดิม เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย
“แหม...ก็บอกแล้วไงว่าเราน่ะ โกรธใครไม่เป็นหรอก มีแต่เดย์ล่ะมั้งที่ตอนนี้คงเกลียดเราเข้าไส้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ยืดเยื้อดี....”
“เอกไม่เข้าใจฐาเลยอ่ะ ทำไมต้องพูดประชดให้คนอื่นมองตัวเองในแง่ร้ายด้วยล่ะ”
“ประชดอะไรล่ะ เรื่องจริงทั้งนั้น” หนูตอบเอกไปขำๆ ยักไหล่ไม่แคร์
“ยังจะมาพูดแบบนี้อีก... เอกรู้หรอกน่าว่าฐาไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่เถียงหรอกนะว่าฐาน่ะใจดี แต่ไม่จำเป็นนี่ว่าฐาจะต้องทำดีเพราะอยากได้พวกเราเป็นแฟนอย่างเดียวซะหน่อย จะโทษเดย์มันก็ไม่ได้ ก็คนมันโสด แถมจีบใครก็ไม่เป็น เวลามีคนมาดีด้วยเข้าหน่อย ก็เลยเข้าใจผิดไปแบบนั้น”
“ขอบใจนะเอกที่ยังมองเราในแง่ดี ตอนที่มาที่นี่แรกๆ มันโคตรเหงา... เพื่อนๆ ที่สนิทก็ไม่มีใครมาเรียนที่นี่สักคน เอกรู้ไหมว่าเราดีใจมากแค่ไหนที่รูมเมทอย่างเอกกับเดย์ไม่ได้ทำท่ารังเกียจเรา เราก็เลยพยายาม... พยายามจะทำอะไรหลายๆ อย่างให้เพราะอยากขอบคุณ แต่เราไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะทำให้เดย์เข้าใจผิดขนาดนี้ เราผิดเองแหละที่ไม่เคยคิดเลยว่าไอ้คนที่พูดอยู่ปาวๆ ว่า ไม่อยากมีแฟนเป็นกะเทยอยู่ทุกวี่ทุกวัน มันจะกลับคำได้แบบนี้ ถ้าเดย์ไม่พูดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ เราอาจจะองค์ลงจนบ้าขนาดนี้ก็ได้”
“อย่าบอกว่าที่ฐาปฏิเสธมันเพราะติดใจเรื่องนี้นะ เพราะความจริง มันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นแหละ แค่แกล้งฐาไปงั้นเอง มันคงไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ หรอก”
“ทำไมจะไม่คิด ... คงไม่มีคนสติดีๆที่ไหน อยากจะเกิดมาเป็นคนผิดเพศหรอก ไม่ใช่เดย์หรอกที่ไม่ดี แต่เราต่างหากที่ไม่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างเดย์ เราว่าเดย์ก็คงแค่หวั่นไหวไปชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานพอเดย์เจอผู้หญิงคนอื่นที่ดีกว่า.... เดย์ก็คงนึกดีใจที่ถูกเราปฏิเสธในวันนี้”
ความจริง... เดย์ออกจะเป็นคนดี หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร จะว่าจนก็ไม่ใช่หรอก เรียกว่าสมถะมากกว่า หนูว่าคนที่ยังเรียนอยู่แต่มีรถเก๋งขับ อยู่คอนโดอะไรพวกนี้เป็นพวกสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุมากกว่าอีก เงินทองหรือก็ยังหากันไม่ได้ ดีแต่แบมือขอพ่อแม่ เป็นแต่พวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมากกว่า อุ๊ย.... แรงไปไหม? เอาเป็นว่าข้อเสียอะไรพวกนั้นช่างหัวมันปะไร ชีวิตใครก็ชีวิตมัน คนมีตังค์จะให้มาประหยัดอดออมก็ใช่เรื่อง
ข้ามไปที่นิสัย...หนูไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่โต้งนะคะ แต่พี่โต้งก็ใช่จะดีไปเสียทุกอย่าง รวยก็จริงแต่งี่เง่า ขี้หึง ขี้งอน เชื่อมั่นในตัวเองซะเหลือเกิน ปากก็จัดซะขนาดนั้น เจ้าเล่ห์ก็ที่หนึ่ง.... หนูว่าคบกับเดย์ยังสบายใจกว่าซะอีก...
ความจริงไม่ใช่ว่าเดย์ไม่ดี เพียงแต่เดย์เหมือนใครคนนั้นมากเกินไป จนน่ากลัว...
เริ่มคบกันในความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อน .... อีกฝ่ายซาบซึ้งหวั่นไหวในความดีแสนดี
ใช่สิ กะเทยเป็นพวกทุ่มเทให้กับความรัก บ้าผู้ชาย เห็นผัวสำคัญยิ่งกว่าพ่อ
ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ที่ชะนีทำให้ไม่ได้ กะเทยให้ได้หมด ขอแค่ทำให้คนที่ตัวเองรักพอใจ ก็ยอมให้ได้ทั้งชีวิต
เพราะเราเป็นแบบนั้น ถึงทำให้ผู้ชายมาสนใจ เพราะหลายๆ อย่างดีกว่าผู้หญิง
แต่เอาเข้าจริง .... จะมีผู้ชายแท้ๆ ที่ไหนจะมาจริงใจกับกะเทยจริงๆ
มันช่างหายากพอๆ กับการงมหามหาสมุทรในเข็ม....
ยังจำได้ทุกถ้อยคำ...ยามเริ่มรัก....
กูต่างหากที่มีคนอื่น กูต่างหากที่เอาแต่คิดถึงคนอื่นตลอดเวลา เพราะในช่วงที่เลวร้าย ใครคนนั้นจะคอยให้กำลังใจ คอยช่วยเหลือกูมาตลอด ทั้งๆ ที่กูเองก็ไม่เคยทำอะไรดีๆ ให้เขาเลย
นี่ถ้ามีผู้หญิงคนไหนรู้เรื่องของกูได้เท่ามึง หรือทำอะไรให้กูได้เหมือนอย่างมึง กูคงจะรักเขามากเลย
ที่กูพูดถึงน่ะมันมึงไม่ใช่เหรอ? คนที่อยู่ข้างๆ กูเวลาที่กูไม่ใคร คอยช่วยเหลือกูทุกอย่าง ไม่ใช่มึงหรือไงทำไมเข้าใจอะไรยากจัง
ใช่....กูจะรักมึงได้ก็ต่อเมื่อมึงเป็นผู้หญิง หรือไม่ก็รักตรงส่วนที่เป็นผู้หญิง โชคดีนะที่ตรงนี้ของมึงเป็นผู้หญิงน่ะ
มันจิ้มนิ้วชี้มาที่หน้าอกข้างซ้ายของหนู
กูรักที่ตรงนี้ของมึงไง เข้าใจหรือยัง? ดีใจ ซาบซึ้ง ที่ได้ยินคำนี้ คนเรา...รักกันที่ใจ...
ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด แต่ท้ายที่สุด เมื่อมันได้เจอชะนีที่ สวย อึ๋ม เอาใจเก่ง
ความรักก็ค่อยๆ จางลง ดวงตาที่เคยบอดสนิทก็ค่อยๆ หายดีขึ้นเรื่อยๆ
เขาย่อมเปรียบเทียบความเมื่อยามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
เมื่อจืดจาง ห่างเหิน ไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลก็ว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง มึงก็ทิ้งกู แล้วไปหาชะนีมีหอยมีนม....
“อย่าไปได้ไหม? จะให้เราทำยังไงก็ได้ เราทำให้โรจน์ได้ทุกอย่าง....”
“ทุกอย่าง.... มึงเป็นผู้หญิงให้กูได้ไหมล่ะ” เอ๋อ... กลายเป็นกะเทยเอ๋อเหรอไปชั่วขณะ
กูต้องไปตายแล้วเกิดใหม่เลยไหม? ถึงจะเป็นผู้หญิงให้มึงได้ ไอ้สัตว์ !!
กูซึ้ง... กูจะจำไปจนโลกหน้าเลยว่าผู้ชายแม่งเหี้ย....
คนเรา...ไม่มีใครรักกันที่ใจ...
แค่หัวใจที่เป็นผู้หญิงมันยังไม่พอ... มันต้องทุกอย่างที่เป็นผู้หญิงต่างหาก...
เคยเหงา อยากมีใครสักคนแต่กลัวและไม่กล้า
พอเถอะ... กูกิน กูเคี้ยวเล่นๆ ไปเรื่อยๆ ดีกว่า
รักหมาดีกว่ารักผู้ชาย....
แล้ววันนึงก็บังเอิญได้มาเจอใครบางคน ที่สะดุดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ...
แค่คำพูดประโยคเดียวที่เชื่อว่าจะไม่ได้ยินจากปากเดย์แน่ๆ ตลอดชาตินี้...
คำพูดประโยคเดียวที่ทำให้มีความหวัง... อยากลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง
และหวังเหลือเกินว่าจะไม่ต้องเจ็บซ้ำแบบเดิมอีก
คำพูดเพียงแค่นั้นที่ทำให้หนูองค์ลงจนตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน คือการจิกผู้ชายไปนอนด้วย
ยอมโดนด่า โดนดูถูกยังไงก็ได้ หรือจะถูกมองว่า กระแต แพแวด ขาดผู้ชายไม่ได้ยังไงก็ช่าง...
หนูยินดีจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้คนๆ นั้นมา ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร
หนูยินดีจะเชื่อ...ทุกถ้อยร้อยพันคำโกหก ขอแค่เพียงประโยคนี้คือความจริง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ชอบผู้หญิง” ......................................
ศัพท์กะเทยวันนี้.... โป๊ะแตก : ความลับเปิดเผย..
แพแวด : แรดไปแรดมา
จิก : การเดินเข้าไปคุยกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างกัน
………………….
ตอนนี้ไม่มีอะไร แต่รู้สึกบรรยากาศมาคุมาก พูดถึงเดย์ดีๆ ไถลไปที่โรจน์ได้ไงก็ไม่รู้...
แค่อยากจะบอกเฉยๆ ว่าน้องฐารักพี่โต้งที่ตรงไหน.... ก็ตรงที่ไม่มีอะไรที่เหมือนแฟนเก่าเลยไง ฮ่าๆ (ยกเว้นเรื่องขี้หึงนะ)
และในเมื่อกว่าจะได้เจอคนที่ไม่เคยเจอ คนที่รอคอยมานานแสนนาน ดังนั้น คงไม่แปลกที่น้องอาจจะต้องยอมพี่โต้งหลายๆ อย่าง อย่างเรื่องพี่เอที่คาราคาซัง ถึงจะสงสัย ไม่สบายใจ ก็ไม่กล้าถาม ไม่กล้าวีน...เพราะไม่อยากทะเลาะกับพี่โต้งนั่นเอง... จึงได้แต่เงียบ เก็บทุกอย่างไว้ในใจ...
เพราะรักทำให้คนตาบอดจริงๆ .... เดี๋ยวตอนหน้ามาฟังน้องฐาด่าพี่เอต่อ ...
ช่วงนี้น้องฐาเมนส์มาเรอะ?? ทำไมปากจัดและอารมณ์รุนแรงจังเนี่ย!!!!
...........................................
ปล. ขอบคุณ ทุกๆ กำลังใจเช่นเดิมนะคะ ทั้งคำชม คำติ และคำปลอบใจ ก็จะพยายามพัฒนาตัวเอง ให้มากขึ้น
ช่วงนี้จะพยายาม ใส่คำศัพท์กะเทยเข้ามาบ้าง แต่อาจจะไม่มาก เพราะ นิก็ง้งงง หลักไวยากรณ์ยากเกิน... ฮ่าๆ
ส่วนนิสัยนี่ ยังไม่แน่ใจนะว่าจะแก้ได้ไหม ฮ่าๆ ก็ค่อยๆ รออ่านกันไปว่า น้องฐาจะมีความคิดซับซ้อนมากขึ้นได้หรือไม่ หรือว่าจะเอ๋อเหรอต่อไปดี....