ขนมถ้วยรสหวานมัน ที่เจ้าปันด้วยน้ำใจ
มะพร้าวอ่อนโรยไว้ ยิ่งลิ้มรสยิ่งติดรัก.....
“คุณหมอ ถ้าฉันจะให้ลูกกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัด แล้วจะให้ไปรักษาต่อทางนู้นเลยจะได้ไหมคะ?” หืม.....แม่ผ่องว่าไงนะครับ กลับบ้านต่างจังหวัด....ไปรักษาต่อทางนู้น?!!
แล้วงานล่ะครับ งานของน้องตัวต่อล่ะ คุณนายผ่องพรรณจะมาพูดเองเออเองไม่รับฟังเสียงร่ำร้องแห่งความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของลูกชายแสนดีอย่างผมไม่ได้นะครับ
เมื่อคืนผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่นั่นมันหลังจากที่ผมหาเรื่องแกล้งคุณหลานอ๋องจนเหนื่อย แบบว่าคิดมุขใหม่มาแกล้งไม่ออกแล้วนั่นแหละครับ ไอ้จะให้กินโน่นกินนี่มากไปก็ไม่ไหว ขืนปวดท้องเข้าห้องน้ำ...แบบว่าจะอื๊ส...จะอื๊ส ขึ้นมาแล้วมันจะลำบาก แหะๆ น้องตัวต่อจะทำอะไรก็ต้องมีการวางแผนก่อนสิครับ ไม่งั้นก็เสียชื่อแย่
อีกอย่างนะครับ อิตอนที่มันมีของให้กินมีเรื่องให้แกล้งอยู่มันก็นอนสบายๆอยู่หรอก ถึงจะขยับได้ไม่มากก็เหอะ.....แต่พอไม่มีอะไรให้ทำแล้วมันกลับปวดไปหมดเลยนี่สิครับ น้องตัวต่อเลยหนีนอนดีกว่า ไม่งั้นคงไม่วายต้องขอยาแก้ปวดคุณพยาบาลมากินอีก...แล้วยาก็แสนเหม็น แค่ยังไม่ทันเข้าปากอ้ะครับ แค่มารออยู่ริมตะหมูกน้อยๆของผม ผมก็เกิดอาการน้ำย่อยตีน้ำดีกระฉอกแล้วครับ
ทำไมเภสัชกรไม่เคลือบยาเม็ดทุกชนิดให้ลื่นๆกลืนง่ายแบบยาบำรุงเลือดที่สภากาชาดจะแจกตอนเราไปบริจาคเลือดล่ะครับ?
แล้วพอเช้าแทนที่ผมจะได้นอนหลับต่ออีกสักนิดเพราะวันนี้ไม่ต้องไปทำงานซึ่งเท่ากับว่าไม่ต้องตื่นเช้า แต่ก็ต้องมาตื่นเพราะเสียงก๊อกๆที่หน้าประตู แล้วก็เสียงพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วของคุณพยาบาลที่ไม่รู้ว่าจะรีบมาวัดค่าโน่นค่านี่อะไรผมตั้งแต่เช้านักหนา วัดเสร็จพอผมตั้งท่าจะหลับต่อคุณหลานอ๋องก็ดันทำตัวเป็นคนเฝ้าไข้ชั้นเยี่ยมไปเตรียมน้ำแถมแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเรียบร้อยมาจ่อให้ผมถึงปาก
นี่ถ้าผมทำท่าง่อยแปรงเองไม่ไหวพ่อหลานชายมันคงจัดการแปรงให้เองจนเสร็จแหงๆ แต่นี่น้องตัวต่อยังมีสำนึกดีสังคมดีอยู่ครับ เลยยอมแปรงฟันเองแล้วก็บ้วนๆน้ำขี้ฟันลงถ้วยรูปไตที่คุณอ๋องมันเอามารองไว้ให้ ไอ้คุณหลานอ๋องนี่แกก็เป็นคนน้ำใจงามนะครับ มันไม่รังเกียจน้ำขี้ฟันผมด้วยอะ
“อืม.....ถ้าสะดวกกว่าก็ได้ครับ แต่อีกสองสัปดาห์ผมจะนัดมาตรวจ แล้วหลังจากนั้นถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะนัดเดือนละครั้ง พอจะเข้ามากรุงเทพฯไหวมั้ยครับ?”
อย่าพูดง่ายๆงี้ดิคุณหมอ เฮ้ย! กลับไปอยู่บ้านแล้วจะเอาตังค์ที่ไหนใช้ล่ะ ผมยังไม่อยากกลับไปให้แม่ผ่องเลี้ยงนะเว้ยครับ
“ได้ค่ะ ถ้านานๆทีแบบนั้นเดี๋ยวฉันพาลูกมาได้ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ....หมอ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่บ้านต่างจังหวัดนี่ที่ไหนครับ ใกล้โรงพยาบาลอะไรที่สุด ผมอยากให้คุณไผทได้ทำกายภาพบำบัดเป็นประจำด้วย ตอนเอาเฝือกออกจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการเดิน”
“โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชฯ สองพี่น้อง สุพรรณบุรีค่ะ”
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณหมอ พี่ชายกับพี่สะใภ้ผมเป็นนักกายภาพบำบัดทั้งคู่ แต่แม่...น้องยังต้องมาทำงานนะ แม่จะให้น้องไปอยู่บ้านได้ไงอ้ะ?”
ประโยคหลังผมลดเสียงลงเป็นพูดเบาๆพอให้แม่ได้ยิน จากหางตาก็เห็นคุณหมอแว่นตาโตเขียนอะไรไม่รู้ยุกๆยิกๆลงไปในแฟ้ม
“งั้นเดี๋ยวหมอเขียนใบส่งตัวให้ไปด้วยนะครับ กลับบ้านก็เอาไปยื่นที่โรงพยาบาลได้เลย”
แล้วทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม แถมไม่สนใจด้วยว่ากำลังเกิดศึกสายเลือดอยู่กลางห้องคุณหมอก็พูดเร็วๆก่อนจะเดินเสื้อกาวน์ปลิวออกไปจากห้องโดยมีคุณพยาบาลก้าวฉับๆตามไปแล้ว
“แม่.....น้องไม่....”“แล้วจะขึ้นกะไดสี่ชั้นยังไงไหวล่ะน้อง!! ยังไงน้องก็ต้องกลับบ้าน กลับบ้านเรานี่แหละดีที่สุด อย่ามาดื้อกับแม่เข้าใจไหม.....แค่ที่ซุ่มซ่ามหกล้มหัวแตกแขนขาหักนี่แม่ไม่ตีซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว....อย่ามาทำบีบน้ำตาเล่นละครหลอกแม่นะ!! แม่รู้...ว่าน้องไม่ร้องจริงหรอก นอกจากจะเล่นบทโศกต่อรองกับแม่......”
อูย.....คุณนายท่านของขึ้นแล้วครับ ใบหน้างามๆกลายเป็นใบหน้างิ้วๆกันเลยทีเดียว น้องตัวต่อลูกผู้ชายแท้จริงต้องหงอกับแม่ครับ กลัวๆๆๆ นานทีหลายปีหนหรอกที่แม่ผ่องจะขึ้นเสียงแถมดักคอผมทุกทางแบบนี้ ปกติผมแอ๊บดราม่าให้ดูเล่นแม่ยังเนียนเล่นไปด้วยเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ...แม่ผ่องครับ คือผมว่าอย่าเพิ่งดุคุณน้องเลยนะ....”
“อย่ามาห้ามเลยพ่ออ๋อง....แล้วก็ไม่ต้องไปเรียกน้องมันว่าคุณหรอก เราคนกันเองแท้ๆ พ่ออ๋องก็ช่วยมาดูแลน้องให้แม่ตั้งแต่เมื่อวาน แม่ยังไม่ได้ขอบคุณเลย นี่ยังเป็นธุระจัดรถไปรับถึงบ้านอีก”
ฮะ...อะไรนะ ‘พ่ออ๋อง’ กับ ‘น้องมัน’
โห.....คนที่เป็นลูกชายน่ะนอนแหงกอยูตรงนี้นะคุณนาย แบ่งชนชั้นกันเกินไปแล้วมั้ย?!! ว่าแต่ แม่ผ่องไปสนิทสนมกับไอ้คุณอ๋องหลานรักของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? วันๆแม่ผมก็อยู่แต่บ้าน อาทิตย์หนึ่งจะไปตลาดก็แค่ครั้งสองครั้งเอง เอ๊ะ.....หรือไอ้คุณอ๋องมันตั้งใจจะมาประจบประแจงตีสนิทกับแม่เพราะหวังผลอะไร.....
เออ ว่าแต่จะมาหวังอะไรล่ะ? สมบัติบ้านผมก็ไม่มีอะไรสักหน่อย? ที่สวนหลังบ้านก็มีอยู่แค่สองไร่สามงานเอง เอ๊ะๆ หรือว่าหลานอ๋องจะติดใจรสมือแม่ผ่องแล้วคิดจะผลักดันให้ทำเป็นอุตสาหกรรมSME มี อ.ย. มอก. กระทั่ง ISO มาแปะป้ายประทับแล้วส่งออก....แล้วตัวเองก็เข้าแทรกแซงกิจการหวังผลประโยชน์....
โฮ่.....เห็นหน้าซื่อๆอย่างนี้ที่จริงแล้วหลานอ๋องก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปจัดการเรื่องพาคุณน้องออกจากโรงพยาบาลเองนะครับ แม่ผ่องอยู่ช่วยคุณน้องเปลี่ยนเสื้อผ้ารอได้เลย....”
“เดี๋ยวคุณอ๋อง”
“ครับ? คุณน้องจะเอาอะไรรึเปล่า?”
เออ....ไอ้หน้าตี๋ๆนี่เวลายิ้มทีนี่ลูกกะตามันหายไปเลยนะครับ ไอ้นี่ห้ามเดินไปยิ้มไปเลยแหละ ไม่งั้นข้าวของเสียหายหมด เพราะดูจากสระอิคู่ที่แปะบนหน้ามันอยู่มันคงมองไม่เห็นทางแหง
“เดี๋ยวก่อนกลับบ้านพาน้องไปแวะที่ออฟฟิศก่อนนะ น้องจะไปคุยกับเจ้านายแล้วก็พี่หัวหน้าด้วย....ยังไงก็ต้องไปเขียนใบลาป่วย แล้วน้องยังมีงานค้าง...”
“ลาออก”“ฮะ!? ลาป่วยก็พอแล้วแม่ ลาอ่งลาออกไรเล่า? นี่น้องแค่ขาหักนะ ไม่ใช่สมองเสื่อมทำงานไม่ได้ถึงจะต้องลาออกน่ะ แม่จะให้น้องไปนั่งกินนอนกินที่บ้านให้แม่เลี้ยงได้ไง!!”
เนอะครับ เนอะๆๆๆ คุณๆก็คิดอย่างผมเนอะ คุณนายผ่องพรรณคิดได้ไงเนี่ยจะให้ลูกชายที่โตเป็นโคเป็นกระบือ..อิอิ น้องไม่อยากเป็นควายนี่ นั่นแหละคิดได้ไงจะให้ลูกชายที่โตขนาดนี้แล้วกลับไปนั่งๆนอนๆที่บ้าน
“ก็ใครบอกว่าแม่จะให้น้องนั่งกินนอนกินล่ะ แม่แค่อยากให้น้องไปทำงานใกล้ๆ จะได้ไม่ต้องมาอยู่คนเดียว มีเรื่องอะไรก็ต้องดูแลตัวเองแบบนี้.....”
“ไม่!”“ตัวต่อ! อย่าทำตัวไม่มีเหตุผล เงินเดือนที่นี่ของเธอก็ยังไม่ถึงหนึ่งหมื่นด้วยซ้ำ...”
....ใช่ครับ เงินเดือนนายไผท ๙๐๐๐ บาทถ้วน แหมๆๆ ก็แค่เพิ่มศูนย์หนึ่งตัวกับเปลี่ยนเลขด้านหน้าตัวเดียวเองนี่ครับ ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้นสักหน่อย
“อยู่ที่นี่เธอต้องอยู่ห้องเช่า กลับจากที่ทำงานเหนื่อยๆก็เดินขึ้นกะไดสี่ชั้นด๊อกๆทุกวัน....”
....แม่ผ่องไม่รู้อะไร ขึ้นบันไดลงบันไดทุกวันแบบนี้สิดี ถือเป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องเสียเวลา แถมไม่ต้องเปลืองค่าสมาชิกพวกสโมสรหรือฟิตเนสที่ไหนด้วย กล้ามเนื้อขาแข็งแรงแถมยังช่วยเผาผลาญแคลอรีอีกต่างหาก ไม่งั้นที่ทำงานนั่งโต๊ะอยู่ทุกวันแบบนี้ จากตัวต่อผมคงกลายเป็นลูกหมูไปแล้วล่ะครับ
“แล้วไอ้ที่ไม่มีเงินเก็บทุกวันนี้ก็เพราะแบบนี้แหละ เธอคิดดูซิว่าจะเอาเงินเก็บมาจากไหนในเมื่อแค่ค่าเช่าห้องนี่ก็เกือบจะครึ่งหนึ่งของเงินเดือนอยู่แล้ว......ถ้าเธอกลับไปอยู่บ้าน แล้วก็ทำงานที่อบต.ซะ....”
“ก็เพราะอย่างนี้แหละ! น้องไม่อยากเป็นลูกน้องแฟนเก่าแม่นี่” ก๊ากกกกกกก ดูสิครับ ดูสีหน้าไอ้หลานอ๋องดิเหวอได้อีก นี่มันเชื่อสนิทใจเลยนะครับว่าเราแม่ลูกทะเลาะกันจริง แต่อย่างนี้ก็ดีแล้วครับเพราะผมกำลังรอบางอย่างอยู่...ปมเด็กมีปัญหา ขาดพ่อแล้วก็รังเกียจผู้ชายที่มาป้วนเปี้ยนใกล้ตัวแม่....ละครชีวิตฉากรันทดแบบนี้แหละที่จะทำให้คำพูดประโยคต่อไปเป็นผล หึๆๆๆ
“น้องไม่กลับบ้าน ยังไงก็ไม่กลับ”
“แล้วน้องจะอยู่ที่ไหน ใครจะดูแล น้องคิดอะไรง่ายๆเกินไปแล้ว......”
ผมก้มหน้าลงในองศาที่พอเหมาะ กะพริบตาถี่ๆเรียกน้ำตาจากต่อมเล็กๆแถวนั้นให้มารอที่หัวตาแล้วจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ.....น้องตัวต่อปฏิบัติตามคำสั่งสอนของจ่าหินเสมอครับ ลูกผู้ชายต้องไม่ให้ใครเห็นน้ำตาง่ายๆ
...แต่ถ้ามันเป็นน้ำตาที่ตั้งใจจะปล่อยออกมาเพื่อผลที่ต้องการบางอย่างหลังการคำนวณไว้ดีแล้ว....อันนั้น..ไม่นับ!!
“น้อง.....น้อง...” น้ำตาเอ่อคลอเริ่มท่วมจนเกือบล้น รออีกเพียงการกะพริบตาครั้งเดียวเท่านั้นอุปกรณ์ประกอบฉากชิ้นสำคัญก็จะหยดแหมะอย่างสวยงามตามการควบคุมของผม
ผมเบือนหน้าไปทาง ‘พ่ออ๋อง’ ช้อนตาขึ้นมองสบสายตาสงสารโคตรๆ โคตรจะสงสารที่แน่ใจว่าจับตามองผมอยู่นานแล้ว.....เอาเลยสิ พูดออกมา!!
“....คุณน้อง...” ....เอาเลย คุณน้องไปอยู่บ้านผมก็ได้ พูดสิ...พูด!!!
“..คุณน้อง กลับบ้านเถอะนะครับ อย่าดื้อเลย” ....ฮะ!! ว่าไงนะ?
ไม่สิ ตามบทแล้วมันต้องเป็น
‘คุณน้อง...ไม่ร้องนะครับ ไปอยู่บ้านผมก็ได้’ มันต้องเป็นแบบนี้สิ ฮึ้ยยยยยย!! น้องตัวต่อดูคนผิดไป หลานอ๋องต้องเข้าข้างผมสิครับ แล้วทำไมถึงเป็นงี้ไปได้ล่ะ?
“แต่....คุณอ๋อง แล้ว.....ไหนบอกว่าจะดูแลน้อง....” อย่ามามองกันด้วยสายตาแบบน้านนน...แม่!! น้องไม่ได้ตู่เอานะเออ เมื่อคืนไอ้คุณอ๋องมันพูดตั้งสองรอบ รอบแรกก่อนผมจะแกล้งใช้งานจนสาใจ แล้วอีกรอบก็ก่อนน้องจะหลับน่ะ ถึงจะง่วงด้วยเบลอด้วย แต่น้องก็ได้ยินหรอกนะเสียงไอ้บางคนมันพูดให้สัญญาอ้ะ
เอ.....หรือน้องตัวต่อจะฝันไปครับ ไอ้ที่มันลากเก้าอี้มาชิดริมเตียงแล้วก็กุมมือข้างที่ไม่เจ็บแล้วลูบเบาๆ แถมยังมาพูดซะใกล้จนรู้สึกถึงลมอุ่นๆเป่าลงแถวขมับด้วยซ้ำ
‘....หลับนะครับคุณน้อง ไม่เป็นไรนะ....พอหลับแล้วจะหายปวด ผมสัญญาจะอยู่ตรงนี้ จะดูแลคุณน้องเอง’ เออ คิดไปคิดมาผมคงฝันไปเองแหละ สงสัยทำงานหนักไปหน่อย เลยต้องผ่านตาไอ้พวกบทสนทนาหวานเลี่ยนของพระเอกในอุดมคติเยอะจนเก็บเอามาเพ้อเป็นตุเป็นตะ....ก็นี่มันบทพูดประจำตัวพระเอกแสนดีที่เอาไว้ปลอบนางเอกในละครน้ำเน่านี่ครับ แล้วหน้าอย่างไอ้ตี๋ที่เคราจิ๋มของมันหายไปไหนหมดไม่รู้มันจะมาพูดกับผมได้ไงล่ะ
“นะครับ....กลับบ้าน แล้วผมจะไปหาคุณน้องทุกวันเลย.....”
ไปหาทุกวันเนี่ยนะ มันบ้าเปล่า? กรุงเทพฯ-สุพรรณฯ ไม่ไกลกันก็จริง แต่ก็เหยียบบรื้นๆสองชั่วโมงกว่านะครับพี่น้อง.....แล้วนี่จะไปหาทุกวัน มันจะไปทำไม?
“บ้าป้ะ? ไกลนะไม่ใช่ใกล้ๆ” อุ้ย....ลืมตัวเผลอนอกบท พอหลุดปากโพล่งออกไปผมเห็นจากหางตาทันทีครับว่าคุณนายผ่องพรรณหันหน้าหนีไปทำไหล่สั่น....ไม่ใช่สะเทือนใจอะไรหรอก ท่าประจำเวลาคุณนายท่านแอบหัวเราะน่ะ โห่ว....พลาดนิดพลาดหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะครับ นี่น้องลูกแม่นะ ขัดใจจริง
“คุณน้องไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ บ้านเราห่างกันแค่คลองกั้นเอง ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ก็พายเรือเดี๋ยวเดียวก็ถึงหรือจะให้เดินไปก็ยังไหว....ไม่ต้องกลัวเหงานะครับ”
อะไรนะ? ไอ้ที่มันพร่ำหลังๆผมไม่สนหรอก แต่มันบอกว่าบ้านเราใกล้กันแค่คลองกั้น! แล้วทำไมเมื่อวานมันมาอยู่กับผมได้อะครับ? นี่บ้านมันไม่ได้อยู่กรุงเทพฯหรอกเหรอ?
“บ้าน.....ไม่...ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯเหรอ?”
“เปล่าครับ พอดีเมื่อวานผมเข้ามาจัดการเรื่องเอกสารที่มหาวิทยาลัย คือผมเพิ่งเรียนจบเลยเข้ามาขอใบรับรอง แล้วก็ทรานสคริปต์น่ะครับ ผมเก็บของกลับบ้านไปหมดแล้ว ห้องที่มาแชร์กับลูกพี่ลูกน้องที่บ้านลุงก็มีน้องผมอีกคนที่เพิ่งเอ็นท์ปีนี้เข้าไปอยู่เรียบร้อย.....”
แม่ผ่องน่ะ เดินหัวเราะหึๆเข้าไปเก็บโน่นนี่ก๊อกแก๊กในห้องน้ำแล้วครับ ส่วนผมนอกจากรู้สึกหมดที่พึ่งกะทันหันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับข้อมูลใหม่ นี่แสดงว่าไอ้ตัวโตอย่างกับตึกแถมยังมาเรียกผมคุณน้องโง้นงี้มันปีนเกลียวอะดิครับ มันเด็กกว่าผมอีกอะ เพิ่งจบปีนี้เอง ฮี่ๆๆ ผมจะเป็นน้องที่มีน้องแล้วล่ะ มิน่าหลานอ๋องถึงได้เชื่อคนง่าย ที่แท้ก็เพราะยังเด็กนี่เอง
“งั้นก็เป็นน้องเราน่ะสิ ต่อไปก็เรียกพี่ด้วยล่ะ อย่ามาเรียกคุณแบบนั้น น้องอ๋องเป็นหลานพี่โชค แต่ไม่ต้องเรียกพี่ว่าอาหรอกนะ เรียกแค่พี่ก็พอแล้ว......อืม งั้นเดี๋ยวออกไปจัดการให้เรียบร้อยเหอะ แล้วไปแวะที่ทำงานพี่ก่อนกลับบ้านด้วย นี่....เอียงหูมาสิ..”
ผมป้องปากบอกความลับกับน้องชายที่ในที่สุดก็ได้มา หลังเฝ้ารอลุ้นสามปีเต็มในมหาวิทยาลัยแล้วได้มาแต่สายรหัสผู้หญิงยกสาย
แถวนี้มีใครเกิดมาเป็นน้องชายคนเล็กในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงบ้างรึเปล่าครับ? ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมจะบอกให้ว่า....หนึ่งในความปรารถนาขั้นสุดยอดของพวกเราชาวคนเป็นน้องคือการได้เป็นพี่
ยิ่งในบ้านที่ไม่มีผู้ชายตั้งแต่เด็กอย่างบ้านผมนะ โห.....ผมอยากมีน้องชายมากอะครับ คิดดูสิ พี่ผึ้งน่ะ จะชวนเล่นแต่ละอย่างก็แสนจะลำบาก ข้อจำกัดมากมาย ปีนต้นไม้ก็ไม่ได้ ตกปลาก็ไม่ได้ ขนาดเป่ากบพี่ผึ้งยังเล่นไม่เป็นเลยครับ เพราะงั้น จู่ๆก็ได้น้องชายซื่อๆมาคนแบบนี้ พี่น้องตัวต่อจะเล่นบทพี่ให้สนุกไปเลย ฮี่ๆๆๆ
“
....เดี๋ยวพี่น้องจะไปเขียนลาป่วย น้องอ๋องเงียบไว้ แล้วรั้งแม่ให้นั่งรออยู่กับที่นะ อย่าให้ลุกไปเม้าท์กะใครได้เชียว แล้วพี่น้องจะมีรางวัล...โอเค้?”
“หา?? คือผม.....”
“
ชู่วววว แม่ออกมาแล้ว ไปจัดการดิ”
พี่น้องตัวต่อรีบเอานิ้วชี้ข้างดีไปแตะปากที่กำลังอ้าเหวอของน้องอ๋อง ไม่รู้ล่ะ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยน้องชายก็ต้องเป็นพวกเดียวกับพี่ชายสิครับ จริงมั้ย?
เรื่อง ‘ลาออก’ หรือ ‘ลาป่วย’ นั่น ถ้าผมไม่พูด แล้วน้องอ๋องไม่พูด แม่ก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วล่ะ อันที่จริง ถ้าแค่ลาป่วยแถมมีหลักฐานว่าป่วยจริงแท้คาตาแบบนี้ แค่โทรศัพท์ไปลาก็พอแล้วล่ะครับ แต่ด้วยสำนึกดีของนายไผท จะทิ้งงานที่ค้างกองพะเนินอยู่บนโต๊ะโดยไม่โผล่หัวไปส่งมอบเลยก็คงจะไม่ได้