[center
]- 2 -[/center]
.
.
.
.
.
“กูดีใจมาก..ที่ไอ้กล..ได้รู้จักกับมึง...วี...แม้การรู้จักกันระหว่างพวกมึง
จะมีพวกกูที่ร่วมขบวนเหี้ย ๆ นำความอัปยศมาสู่ชีวิตมึงก็ตาม...แต่วันนี้
กูไม่นึกเสียใจเลยที่วันนั้น..กูได้เป็นส่วนหนึ่งในการยุแยงให้ไอ้กลมันทำอะไรกับมึง
เพราะวันนี้กูเห็นชีวิตเพื่อนกูแล้ว กูดีใจแทนมัน....หากวันนั้นไม่ได้เจอมึง
เพื่อนกูคนนี้อาจเป็นคนหนึ่งที่มีรายชื่ออยู่กับพวกกู
มันคงไม่มายืนอย่างสง่าดูดี..อยู่ตรงหน้ากูได้อย่างตอนนี้แน่นอน
มันคิดไม่ผิดที่เลือกเดินไปจากพวกกู และคนที่มันเลือกไปอยู่ด้วยคือมึง
มึงทำให้เพื่อนกูเป็นผู้เป็นคน ไอ้กลในวันนั้นกับไอ้กลคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากูในวันนี้
มันคนละคนกันเลย กูภูมิใจตัวมึงจริงว่ะเพื่อน ถ้ากูได้ออกไป...
หวังว่าคงมีโอกาสเจอพวกมึงสองคนที่ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้อีกนะโว้ย!....
นึกดูแล้ว..กูไม่คิดเลย...ว่าไอ้กลจะเลือกอยู่กับมึง สุดท้ายแล้วมันกลับคิดถูก
เสือผู้หญิงตัวพ่อจะเลือกอยู่กับผู้ชายได้ และมันก็ทำให้กูเห็นแล้วว่า
จริง ๆ แล้วความรักไม่จำเป็นต้องผู้หญิงเท่านั้น ใครก็ได้จะเพศไหนไม่สำคัญ
ขอแค่รักกันและพากันไปเจอแต่สิ่งดีดี มึงรู้ไหมข้างในที่กูอยู่เนี๊ยะ
ผู้ชายเอากับผู้ชายเป็นคู่รักกัน..กลายเป็นเรื่องธรรมดาเลยว่ะ
แต่ข้างนอกกลับเป็นเรื่องประหลาดผิดเพศ ในคุกมีแต่ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น
ใครมีคู่ผัวตัวเมียเป็นตัวเป็นตนกับเป็นที่น่าอิจฉา กูเข้าใจแล้วว่า...ไม่มีอะไรในโลกที่แน่นอน
ทุกอย่างเพราะคนเราตั้งกฎเกณฑ์กันขึ้นมาเองทั้งนั้น กว่ากูจะเข้าใจสัจธรรมบางอย่าง
และมองเห็นความจริงบางเรื่อง กูก็ต้องบอกกับตัวเองว่าสายไปเสียแล้ว อนาคตกู...ประวัติกู
และโอกาสกูคงต้องเริ่มต้นใหม่ในนี้ ไม่รู้กี่ปีถึงจะได้ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
มึงรู้ไหม...ใครไม่เข้ามาในนี้ คงไม่รู้จักหวงแหนคำว่า อิสระภาพ.ว่ามันสวยงามหอมหวานแค่ไหน
มึงเป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตกับอิสระภาพข้างนอก ไม่ได้อยู่ในห้องที่มีลูกกรงล้อมรอบ
กำแพงสี่เหลี่ยมแบบกู ขอให้รักษาและหวงแหนเอาไว้ให้มาก อย่าทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด
หรือเห็นเป็นเรื่องสนุกบ้าไปกับวัฒนธรรมผิด ๆอย่างกูเด็ดขาด ตอนนี้มึงดูกูสิ..
หมาสักตัวยังไม่โผล่หัวมาเยี่ยมเลย พี่น้องเพื่อนฝูงที่เคยบอกว่าตายแทนกันได้
พอเกิดเรื่องตัวใครตัวมันทั้งนั้น พวกมันโชคดีที่ได้ประกัน แต่กูเชื่อว่าวันที่คดีถึงที่สุดจนศาลตัดสินแล้ว
พวกมันก็ไม่ต่างจากกูหรอก ที่จะต้องเข้ามานอนกินข้าวแดงแกงร้อน
กูขอร้อง...ไม่จำเป็นมึงไม่ต้องมาเยี่ยมกูอีก เป็นไปได้อย่าให้ตัวมึงมาเกลือกเสนียด
กลิ่นอายเรือนจำเป็นดีที่สุด แค่มึงกับวีพากันมาเยี่ยมกูวันนี้ กูก็โครตซึ้งน้ำใจมึงสองคนแล้วว่ะเพื่อน
กูไม่มีอะไรตอบแทนให้ คงมีแต่กำลังใจที่ส่งไป...และขอให้มึงรักกันไปตลอด
เพราะมึงทั้งคู่...ตามความรู้สึกกูแล้ว มึงเกิดมาเพื่อคู่กันจริง ๆ แค่นี้และที่กูพอจะตอบแทนมึงได้”
ผมกับกลก็ซาบซึ้งกับไอ้ต่อ ที่มันเข้าใจเราทั้งสอง ไม่มีสายตาล้อเลียนหรือหัวเราะเยาะให้สักนิด
มีแต่แววตาชื่นชมและยินดีจริง ๆที่มันมีให้ ไม่นับช่วงที่มันร้องไห้ด้วยหนะ...
เอาเป็นว่ามันเพิ่งมานึกเห็นสัจธรรมผิดชอบชั่วดีเอา..ก็เมื่อมันต้องแลกด้วยอนาคตมันทั้งชีวิตซะงั้น
แต่อย่างน้อยก็ยังดีเวลาที่มันได้อยู่กับตัวเองในคุก มันยังรู้สำนึกได้ หลายคนต่อให้ติดคุกติดตาราง..
กับผูกพยาบาทอาฆาตแค้นไม่จบไม่สิ้น พอมีโอกาสออกมาไปก่อคดีประชดชีวิตอีกก็มี
ผมเชื่อว่าวันที่มันได้อิสระอีกครั้ง มันจะเป็นคนดีได้ไม่ยาก
หากมันมีความคิดในด้านดีขึ้นแล้วหละก็
ขากลับนั่งมาในรถสองคน กลมันดูเงียบ ๆไป ผมก็ห่วงความรู้สึกมันเหมือนกัน
มันคงทำใจลำบาก ที่ไปเห็นสภาพเพื่อนมันต้องอยู่ในห้องขังอย่างนั้น
ตอนรถจอดติดไฟแดง ผมไม่ลังเลเลยที่จะเอื้อมมือไปกุมมือมัน มันหันมามองหน้าผม
ตาโตทันที..มองผมอึ้ง ๆ คงงงที่จู่ ๆ ผมดันเสือกเอื้อมมือไปกุมมือมันไม่มีปี่มีขลุ่ย
ยอมรับถึงผมกับกลอยู่ร่วมกันมาเป็นปีแล้ว แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรแบบนี้ก่อนเลย
ผมไม่รู้ว่าผมรักกลมันหรือยัง ผมไม่รู้และไม่เคยบอกมันสักครั้งว่าผมรักมัน
มีแต่มันที่บอกผมทุกครั้งที่มีโอกาส ยิ่งเวลา....อร๊ายยยๆๆ!!...ไม่อยากเล่าเลยว่าเวลาไหน....
ยอมรับ..อายเว้ย!.แต่ก็นะ..เอาเป็นว่าเวลาที่มันขอมีไรกันนั้นแหละ..มันมักจะเป็นฝ่ายขอผมประจำ
แล้วทุกครั้งมันไม่เคยจะลืมบอกรักผมเสมอ มันเคยถามผมจนไม่ถามอีกแล้วแหละ
ว่าผมรักมันหรือเปล่า เพราะเวลาถามที่ไรพอผมตอบไม่ได้ มันนั่นหละ...จะรมณ์เสียทุกครั้ง
ตอนหลังเราเลยตกลงกันว่า ไม่ต้องถามผมอีกว่ารักมันหรือยังอะไรยังไง
วันไหนผมพร้อมและมั่นใจแล้วว่าผมรักมัน ผมจะเป็นฝ่ายบอกมันเอง
ซึ่งตั้งแต่นั้นมา มันก็ไม่เคยถามผมอีกเลย
กลับมาเข้าเรื่องตรงนี้ พอมันเห็นการกระทำของผม มันรีบพลิกมือขึ้นมาเป็นฝ่ายกุมมือผมไว้แทน
ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“กูต่างหาก..ที่ควรเป็นฝ่ายกุมมือมึง...วี...กูอยากบอกมึงว่า...กูรักมึงมากว่ะ....กูภูมิใจที่วันนั้น
กูตัดสินใจไม่ผิด..ที่พยายามยื้อยุดเอามึงไว้เป็นของกู...จะด้วยความรู้สึกห่าไรในตอนนั้นกูไม่สนหรอก
รู้อย่างเดียวหากย้อนเวลาไปได้ กูจะทำให้เรื่องแย่ ๆระหว่างเราที่กูเคยทำไว้กับมึงไม่เกิดขึ้นเลย
แต่เมื่อมันกลับไปแก้ไขไม่ได้ กูขอชดเชยให้มึงแทนด้วยความจริงใจและความรักที่กูมีต่อมึงนี่แหละ
กูจะไม่สัญญาหรือรับปากอะไรกับมึงอีก เพราะกูรู้ว่าคนอย่างมึงไม่ชอบฟัง
นอกจากแสดงให้เห็นยืนยันด้วยการกระทำล้วนๆ กูก็จะทำให้เห็นและใช้การกระทำเป็นคำสัญญาต่าง ๆ
ที่จะให้มึงเชื่อมั่นในตัวกู ถึงใครจะบอกว่าความรักระหว่างกูกับมึง..มันจะแหกกฎสังคม
หรือมันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่กูจะทำให้สังคมเห็นว่าความรักของกูที่มีให้มึงเนี๊ยะแหละ...
เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน” พอฟังมันพูดจบ น้ำตาผมร่วงผล่อยลงมาทันที
ขนาดเห็นไอ้ต่อร้องผมแค่เศร้าตาม แต่ไม่ได้นึกอยากน้ำตาไหล
แต่พอกลมันพูดแบบนี้กลางไฟแดงที่รถโครตของโครตติด ขยับไปสามไฟเขียวแล้ว
พวกผมยังไม่พ้นแยกเลย..มันติดยาวมาก จะพูดเรื่องรถติดทำไมเนี๊ยะ..กำลังซึ้ง
คือจะบอกว่า..เพราะรถมันติดยาวเนี๊ยะแหละ สมัยนั่นไม่มีทางด่วนเยอะขนาดนี้
ไม่มีอุโมงใต้ดิน พอรถติดทีเจ้าประคุณเอ้ย...ไม่ต้องพูดกันเลยว่างั้น
เอาเป็นว่าขอบคุณรถติด เพราะทำให้กลสิทธิ์ พูดอะไรซึ้ง ๆจนน้ำตาผมไหลเลยง่า
ผมได้แต่ตอบมันไปแบบซึ้ง ๆว่า
“ขอบใจมึงมาก...ที่อยู่ดูแลกูมาตลอด...ขอบใจว่ะกล” ตอนนั้นผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
หัวใจมันเต็มตื้นขึ้นมาจนล้นปรี่ ผมมีมันอยู่เคียงข้างในขณะที่ตัวคนเดียวในกรุงเทพฯ
ไม่มีญาติสักคน และมันอีกนั่นแหละ...คอยดูแลคอยเป็นเพื่อน
จนผมลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าผมอยู่คนเดียว คำว่าเหงา...โดดเดี่ยว...หรือเหนื่อยล้าไม่มีโอกาสเข้ามาสัมผัส
ความรู้สึกผมเลยด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าผมเสพติดความเคยชินที่มีมันอยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้หรือไม่
จนรู้สึกมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปไม่รู้ตัว และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมรักมันหรือยัง
แต่มันก็ไม่เรียกร้องกลับอยู่ข้าง ๆผม และเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลาย ๆด้านเพื่อให้ผมเห็นมุมดีดี
ตลอดจนสิ่งดีดีอย่างที่บอกนั่นแหละ ผมคิดคำพูดไหนไม่ออก...นอกจาก
“ขอบคุณมึงจริง ๆกล..ขอบคุณมาก..ที่อยู่ข้างกูมาตลอด” พอผมพูดจบ
น้ำตาดันไหลอาบแก้มซะงั้น โอ้ย!..ไมวันนี้ผมบ่อน้ำตาตื้นชะมัด เริ่มรู้สึกตัวว่าไม่แมนเลยกู
ทำเป็นสาวน้อยอินซะงั้น มันก็แสนจะอ่อนโยนเอื้อมมือมาเกลี่ยน้ำตาให้ทั้งสองข้าง
ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจูบหน้าผากผมอ่อนโยนโครต ๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“กูตะหาก..ที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำว่า...ขอบคุณ....มึงให้สิ่งดีดีกับกู...มึงให้ความสุขกู
โดยที่กูไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ทั้งที่กูเคยทำระยำจัญไรไว้กับมึง แต่มึงกลับให้โอกาสกู...
ที่กูมีวันนี้เพราะมึงนะวี....กูถึงบอก..กูตะหากที่ต้องขอบคุณมึง...
กูคงมีแค่ใจดวงนี้ดวงเดียวเท่านั้น..ที่จะให้มึงดูแลตลอดไป...สัญญานะวี...
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า อย่าปล่อยมือกูเป็นอันขาด...มึงจะจับมือกู..
เผชิญปัญหาไปพร้อมกับกู...มึงห้ามถอยหรือทิ้งกูเป็นอันขาด...
มึงจะว่ากูโลภหรือเห็นแกตัวก็แล้วแต่ ทั้งที่มึงไม่เคยบอกรักกูสักครั้ง
แต่กูก็ยังเห็นแก่ตัวรั้งมึงไว้อยู่อย่างนี้ กูบอกตามตรงเลยนะวี....กูรับความจริงไม่ได้...
ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีมึงอยู่ข้าง ๆ...รับปากกูสักเรื่องได้ไหม...ว่ามึงจะไม่ทิ้งกู”
สายตาที่เว้าวอนและจริงใจที่มองผมในตอนนี้ สะท้อนเงาผมในตามันอย่างชัดเจน
ใจผมกระตุกน้ำตาไหลอีกแล้ว ทำไมมันเจ็บปวดก็ไม่รู้..แทนที่จะดีใจ
แต่ผมตอบไม่ได้...รู้ว่ามันช่างเป็นเรื่องใหญ่โตเหลือเกินที่จะต้องรับปากมันในเรื่องนี้
ผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร หากรับปากไปแล้วทำไม่ได้ผมก็กลัวผิดคำพูดกับมัน
แต่หากไม่รับปากก็รู้สึกหดหู่กับสายตาเว้าวอนที่รอฟังคำตอบผมอยู่
นรกไหมครับ...เรื่องของผมกับกลสิทธิ์ เวลาจะพูดเปิดใจเรื่องสำคัญกันครั้งใด
มักประจวบเหมาะคุยกันบนรถทุกครั้ง และต้องอยู่บนถนนทุกทีซิน่า
ผมเริ่มเห็นคิ้วมันขมวดปมผูกโบว์เข้าให้หละ เมื่อเห็นว่าผมใช้เวลานานเกินไป
กับคำตอบที่มันรอคอย ผมตัดสินใจหลับตาลง สูดหายใจลึก ๆให้จิตใจสงบนิ่ง
ก่อนตั้งจิตอธิฐาน...ผมมักทำประจำ..หากติดตามอ่านเรื่องราวผมมาแต่ต้น
จะเห็นว่าผมเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในภาวะเหตุการณ์ใดก็ตามที่เกินกำลังความสามารถ
หรือสติปัญญาที่ผมจะจัดการด้วยตนเองแล้ว ผมจะอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมนับถือนี่แหละ...
เป็นผู้ชี้นำทางสว่างให้กับผม เพราะผมเชื่อว่า...ทุกอย่างกำหนดแล้ว..ซึ่งฟ้าประทาน
‘
สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน’ ดังนั้น...ผมเลยตั้งจิตมั่นอธิฐานในใจว่า
‘
ผมขออาราธนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง ที่ดลบันดาลให้ผมกับกลสิทธิ์
ได้มาเกี่ยวข้องพบเจอกันอยู่ตอนนี้ เป็นผู้กำหนดชี้ทางสว่างให้กับชีวิตของผม
ว่าผมสามารถใช้ชีวิตกับกลสิทธิ์ได้ตลอดไปแบบปกติหรือไม่
หากได้..ขอให้การเสี่ยงทายต่อไปนี้จงออกหัว หากไม่ใช่แล้วจงออกก้อย
ใช่ผมเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเล่น..โดยใช้การเสี่ยงท้ายมาตัดสิน แต่ผมไม่สามารถยั่งรู้ล่วงหน้า
หากบุญเก่าของผมกับกลสิทธิ์สร้างสมร่วมกันมาแล้วฉันใด ขอให้ฟ้าเป็นผู้ชี้ทางด้วยเถอะ
ไม่ว่าผลการเสี่ยงทายครั้งนี้จะออกมาอย่างไร ผมจะก้มหน้ารับผลของกรรมนั้นด้วยดี....สาธุ’
เสร็จแล้วผมก็ลืมตาขึ้นมาสบตากับกลมัน ที่จ้องผมนิ่งมือยังกุมมือผมอยู่
ลุ้นเอาคำตอบซะแทบกลั้นหายใจ ก่อนจะเอ่ยปากบอกมันว่า
“กล..มึงมีเหรียญบาทไหม?” มันมองผมงง ๆคงแปลกใจว่าผมจู่ ๆเสือกถามหาเหรียญบาททำไม
สมัยนั้นเหรียญบาทเหรียญใหญ่มาก ไม่ได้เล็กกระจิ้วลิ่วเหมือนสมัยนี้ แต่มันก็ไม่ถามไร
เปิดคอนโชลรถหยิบเหรียญออกมายื่นให้ผม แต่ผมไม่รับ..กลับบอกมันไปว่า
“มึงตั้งใจโยนเหรียญให้ดี คำตอบอยู่ในเหรียญที่มึงถือในมือนี่แหละ...
หากใจมึงแน่วแน่ตั้งมั่นรักจริงในตัวกูแล้ว มึงจะได้คำตอบตามที่มึงต้องการ
เหรียญจะต้องหงายหน้าออกหัว แต่หากทุกอย่างที่เราทำกันอยู่ตอนนี้
เป็นเพราะอารมณ์ความคิดแค่ช่วงเวลาหนึ่งแล้ว คำตอบก็จะออกมาเป็นก้อย
ซึ่งมึงกับกูคงไม่ได้คบหากันยาวนานอย่างที่มึงหวัง
วันหนึ่งเราทั้งคู่ต่างคนก็คงต้องแยกกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคน มึงเลือกเอา...ตั้งใจให้ดี”
ผมพูดจบ..มันก็ยักหน้า เหมือนยอมรับการตัดสินใจการเสี่ยงทายในครั้งนี้
ก่อนปล่อยมือที่กุมผมอยู่ ขึ้นพนมมือประกบเหรียญไว้กลางฝ่ามือ ยกขึ้นจรดศรีษะ..
อธิฐานอะไรของมันไม่รู้..ผมไม่ได้ถาม จนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยถามว่าตอนนั้นมันอธิฐานอะไร
เพราะผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องถาม พอลืมตาขึ้นมา มันจ้องตาผมนิ่ง ๆอีกครั้ง
ก่อนจะโยนเหรียญขึ้นในรถทันที ใช้มือตวัดเหรียญไว้ในมือ นำมาวางประกบบนหลังมือซ้าย
ยังไม่เปิดออก...หันมาจ้องตาผมอีกครั้ง เราต่างคนต่างจ้องกันนิ่ง ๆ ใจผมเต้นตุ๊บๆๆๆ!!...
คิดว่ามันคงไม่ต่างจากผม ในเมื่อมันลุ้นคำตอบยิ่งกว่าผมเป็นไหน ๆ ไม่เต้นก็คงไม่ใช่มั้ง.....
จากนั้น..มันก็ค่อย ๆ ยกมือขวาที่ปิดทับเหรียญบนหลังมือมันออกช้า ๆ
เผยให้เห็นเหรียญบาทบนหลังมือมัน เริ่มจะชัดเจนว่ามันหงายหน้าออกมาเป็น..
เป็น....อ่า!...มันออก...ออก...????????????????????
ง่า!...รอตอนหน้าดีก่า..อย่าเพิ่งโกรธ...ตอนนี้มันยาวมากแล้ว...
ลองทายกันดิค่ะ...พี่กลจะเสี่ยงเหรียญ
Luk.[/b]