ต้องขอโทษที่นู๋ทำให้ค้างอย่างแรง แต่นู๋อยากจะบอกว่า
อารมณ์มันคนละฟิวส์ ไม่อยากให้ตอนที่จะโพสฯต่อนี้ ทำให้คนอ่านอารมณ์เศร้าฯ ตามนะค่ะ
เลยยกยอดมาใส่ตอนนี้ แต่ก็กลัวพี่ yayee2 จะงอลนู๋ เลยต้องรีบกลับมาอัพให้ไว
อยากบอกว่าคนอ่านทุกคน เป็นเพื่อนที่วีพี่เค้ามีความสุขมากเวลามาอ่านรีฯ ของทุกท่าน
พี่วีชอบมากมาย ปัจจุบันที่เรื่องอัพไว เพราะพี่เค้าเขียนไกด์ส่งมาให้นู๋ปรับแต่ง
ก่อนที่นู๋จะส่งกลับให้พี่เค้าโอเคแล้วถึงอัพลงให้ มันเลยเร็วขึ้น เอาเป็นว่าพี่วีฝากขอบคุณ
ทุกรีฯ ที่มีสิ่งดีดีหยิบยื่นให้ตลอด หากนู๋กล่าวไว้ไม่หมด ใช่ว่านู๋มองข้ามนะค่ะ
เพราะนู๋ Coppy มาตามหน้าที่มันโชว์นะ ตกหน้าไปนู๋กลัวพิมพ์ชื่อผิด อย่างอลกันน๊า..จริงๆ
พี่วีและนู๋ รักการอ่านโพสทุกรีฯ ขอบคุณค่ะ
nine-poo, mini , broke-back ,april@tbl ,DEMON3132,yayee2 ,Sabaijai , ployyunho
sam3sam ,Praew_64 , roseen ฯลฯ ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าทุกคนทุกท่านนะค่ะ
เป็นน้ำใจที่แสดงความขอบคุณจากพี่วี ให้นู๋อัพตอนนี้ต่อให้เลย
หวังว่าคติ..แง่คิดที่มี จะเป็นกำลังใจและตัวอย่างที่ทำให้หลายคน
สามารถนำไปปรับเปลี่ยนประยุกต์ใช้ กับชีวิตของทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย
Luk. + Ve + Glon เพราะรัก....จึงเปลี่ยนได้
Part 38
เพราะเราคู่กัน.
.
.
.
.
กลมันค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือขวาที่ปิดเหรียญบนหลังมือซ้ายออกช้า ๆ
แล้วเหรียญที่นอนนิ่งสนิทบนหลังมือกลก็เผยออกมาให้เห็น มันออก..
.
ออก.
.
.
ก้อย...
.
ใช่แล้วครับ...มันออกก้อย...เหรียญบาทที่เสี่ยงทายหงายด้านก้อยออกมาชัดเจน
หน้ากลสิทธิ์ตอนนี้ ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็น
กล..มัน..มัน...น้ำตาไหลจากสองตาช้า ๆ....ไม่มีเสียงสะอื้น...ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดทั้งนั้น..
มันเงียบไปถนัด..มีเพียงสายตาสองคู่ของผมกับมัน..ต่างจ้องกันนิ่ง ๆ ผมไม่มีน้ำตาสักหยด...
แต่พอเห็นน้ำตาไหลจากตาคมของกลแล้ว ยอมรับว่าใจเสียมาก ๆ จุกแน่นหน้าอกไปหมด
คิดไม่ถึงว่า...กลสิทธิ์....ผู้ชายที่ผมกินนอนด้วยเกือบปี จะหลั่งน้ำตาเพราะเสี่ยงเหรียญออกก้อย
จำได้ว่า...ขนาดงานศพของตาที่มันรักเคารพมากมาย มันเสียใจแค่ไหนยังไม่ร้องให้เห็น..
นอกจากตาแดง ๆ รู้ว่าร้องแน่ ๆ...แต่ไม่เคยเห็นน้ำตาไหลออกเป็นทางอย่างตอนนี้
ทำเอาจิตผมหลุดเลยทีเดียว
“
ปริ้นๆๆๆ!!!...ปริ้นนนนๆๆ!!!.” ผมกับกลเริ่มรู้สึกตัว กลับมีสติเพราะเสียงบีบแตรของรถคันหลัง
พากันกดเตือน..ให้รู้ว่าสัญญาณไฟเขียวแล้ว..ออกรถเสียที กลมันถึงหันไปเข้าเกียร์ขับรถ
ออกจากบริเวณนั้นทันที มันขับไปเงียบ ๆ ผมเองก็เงียบ ในสมองคิดให้วุ่นไปหมด
จนปวดหัวตุ๊บ ๆ!...นึกกรนด่าตัวเองที่เลือกวิธีบัดซบนี้ขึ้นมา...ยอมรับใจหายเหมือนกัน
เมื่อผลเสี่ยงทายออกมาเป็นแบบนี้ ดันบอกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย...ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน
จะยอมรับผลของกรรมนั้น....เอาแล้วไง...พอออกมาแบบนี้ ไอ้ผมคิดว่ายอมรับได้
เพราะรู้ว่ามันยากอยู่แล้ว...ที่ผมกับกลจะสามารถครองรักกันอย่างที่มันหวัง
ผมรู้แต่แรกแล้วว่าเรียนจบเมื่อไหร่ ก็ต้องกลับไปดูแลแม่หางานทำลงหลักปักฐานแถวบ้านผม
แต่กลมันเป็นเด็กกรุงเทพฯ เป็นไปได้ยากที่จะตามไปอยู่กับผม
อะไรหลาย ๆ อย่างมันยากที่จะเป็นไปได้ ชีวิต สังคม ครอบครัว โอ้ย!..ยิ่งคิดหัวจะระเบิด
พอชำเลืองดูหน้ายอดชายกลสิทธิ์..น้ำตายังคลอเบ้า ผมรู้สึกแย่มาก ๆตอนนี้
ไม่อยากเห็นกลในสภาพนี้เลยจริง ๆ ดูแล้วสลดหดหู่มาก ๆ
ทำไมกลที่ผมเห็นมันถึงเต็มไปด้วยบรรยากาศแวดล้อม แสดงถึงความเศร้า...เหงาหงอย...
เหมือนชีวิตนี้หมดพลังใจ..หมดหวัง..หมดอาลัยตายอยากซะงั้น
กลมันตอนนี้ดูตัวเล็กกระจ้อยร่อย..ไม่องอาจผึ่งผาย..ไม่กวนโอ้ย..ไม่ร่าเริง..
ไม่ใช่อิมเมทของกลสิทธิ์ที่ผมรู้จักสักนิด ยอมรับว่าผมรับไม่ได้ ขนาดยังไม่ได้เลิกกันเลย
ทั้งที่นั่งอยู่ข้างกันแท้ ๆ ทำไมผมไม่สามารถช่วยให้กลสิทธิ์มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เลย
ผมรู้สึกผิดมหันต์ที่เป็นคนต้นคิดในเรื่องนี้ กลับมาโมโหตัวเองซะงั้น
ไม่ได้แล้ว..ผมต้องดึงความมั่นใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กลมันสดชื่นร่าเริงให้ได้
ให้บ้าพลังของมันต่อไป ผมไม่ชอบกลสิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้
ผมต้องการกลสิทธิ์คนเดิมที่คุ้นเคย คิดดังนั้น..ผมเตรียมคำพูดมากมาย
ตอนนี้ไม่สะดวกคุย..ต้องรอให้ถึงหอก่อน เราใช้เวลานั่งในรถกันไปเงียบ ๆ
เวลาที่เรากำลังพะวักพะวงละล้าละลังอะไรสักอย่าง เหมือนแต่ละนาที
มันเดินช้าเสียจนยังจะขาดใจ แต่เวลาเราต้องการให้เวลาผ่านไปช้า ๆ มันกลับติดจรวดซะงั้น
ไม่ต่างความรู้สึกผมเลย เร่งให้มันถึงหอไว ๆ แต่เหมือนสวรรค์แกล้งซะงั้น
ช่างอืดอาดยืดยาด..ยังกะทดสอบความอดทนของผมซะนี่ แต่สุดท้ายปลายทางย่อมถึงจนได้
กลสิทธิ์นำรถเข้าจอดในลานใต้หอพัก หลังจากลงรถล๊อคเรียบร้อยแล้ว
มันก็เดินใจลอยจิตหลุดขึ้นไปบนห้อง ดีอย่างน้ำตามันแห้งแล้วไม่ไหลอีก
แต่อาการเหงาหงอยเศร้าสร้อยของมัน..หนักหนาสาหัสยิ่งนัก ผมเดินตามไปติด ๆ
ไม่ทักท้วงชวนคุยไรตอนนี้ ผมมีคำพูดดีดีที่จะพูดกับมันแล้ว
รอให้เข้าไปในห้องให้เรียบร้อยก่อน ในที่สุดเวลาที่ผมกลั้นใจรอก็มาถึง
ตอนนี้ผมกับกลเข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว ยอดชายนายกลสิทธิ์ของผม
ไม่เหลือยี่ห้อกลสิทธิ์...ให้เห็นจนน่าใจหาย พอเข้าห้องได้
กลมันเอาแต่นั่งก้มหน้าไหล่ลู่ห้อยขาบนเตียงนิ่ง ๆไม่พูดไม่จา จมจ่อมจิตหลุดไปถึงไหนแล้วไม่รู้
ผมไม่รู้มันอธิฐานอะไรก่อนจะเสี่ยงเหรียญ มันถึงได้จิตหลุดขนาดนั้น
พอล๊อคประตูเรียบร้อย จึงเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆมัน ก่อนจะกางแขนโอบมันไว้ทั้งตัว
รั้งให้เอนเข้ามาในอ้อมแขนของผม มันก็โอนอ่อนเอนพิงอกผมไม่หือไม่อือ
แม่งปกติคิดว่าโอบมันแทบไม่รอบ เพราะตัวมันหนาล่ำกว่าผมมาก
แต่ทำไมตอนนี้มันดูกระจ้อยร่อยงี้ว่ะ มันยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาเลย ปล่อยผมกอดมันไว้เฉย ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถึงเนื้อถึงตัวมันก่อน ตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตั้งใจไว้
พูดจากความรู้สึกส่วนลึกก้นบึ้งของหัวใจกันเลยก็ว่าได้ ชั่วโมงนี้ไม่ต้องคิดเยอะแล้ว
ใช้ใจล้วน ๆ กลั่นคำพูดนี้ออกมากันเลย.....................
“กล..กูไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะเข้าใจความรักของมึงที่มีต่อกูหรือไม่
กูไม่รู้ว่าลิขิตฟ้าจะทำนายความรักของมึงกับกูไปรอดไม่รอด..
หรืออาจจะขัดขวางให้เราเจออุปสรรคที่ยังมาไม่ถึงในตอนนี้...แต่สุดท้ายแล้วยังไงหละ
มึงจะยอมแพ้แล้วหรือว่ะ? แต่กูพูดได้เต็มปากและมั่นใจตามความรู้สึกของกูเลยว่า
กูจะไม่ทิ้งมึง..กูจะไม่ปล่อยแขนจากมึง..เหมือนที่มึงขอร้องกูไว้ไง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ขอให้มึงรู้ไว้กูจะอยู่เคียงข้างมึง ตราบเท่าที่มึงยังต้องการกู....
ทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามคำทำนายก็ได้
อย่างน้อย
มึงต้องไม่ท้อ ถึงท้อก็ห้ามถอย...แต่ถ้าไม่ไหวก็ถอยได้นะกล แต่อย่านาน.
ขอร้องหละ..กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้ กูยังอยู่ตรงนี้...เงยหน้ามามองกูก่อน..ได้ไหม..
อย่าเป็นแบบนี้...กูขอร้อง” ได้ผลมันเงยหน้าขึ้นมามองผมช้า ๆ แววตามันมีน้ำตารื้อให้เห็น
ผมแม่งโครตสะเทือนใจเลยจริง ๆ ไม่น่าเป็นต้นเหตุให้มันเป็นแบบนี้เลย
ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ค่อย ๆเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้มันช้า ๆ
สายตาไม่ละไปจากสายตามันที่จ้องผ่านม่านน้ำตามองผมไม่กระพริบ
แล้วริมฝีปากเราทั้งคู่ก็แนบประกบกัน เป็นการเริ่มต้นจูบจากผมครั้งแรก
ไม่มีการร้องขอหรือบังคับจากกลสิทธิ์แม้แต่น้อย ผมเต็มใจทำ...ก่อนจะค่อย ๆ
ส่งความรู้สึกด้านกำลังใจเต็มเปี่ยมผ่านปลายลิ้นไปให้มัน เสมือนยืนยันว่าผมจะไม่มีทางทิ้งมัน
เปลี่อนมาโอบแขนรอบคอมันแทน ในขณะที่มันใช้มือข้างหนึ่งยึดจับท้ายทอยผมไว้
รับจูบที่อ่อนโยนโหยหาจากมัน มืออีกข้างประคองกอดแผ่นหลังผมไว้แน่น
จูบนี้เหมือนสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งกัน จะฟันฝ่าทุกสิ่งไปด้วยกัน ผมคิดแบบนี้จริง ๆ
ไม่รู้ว่ารักแล้วหรือยัง แต่ที่แน่ ๆผมทนเห็นกลสิทธิ์เป็นแบบนี้ไม่ได้
จูบที่อ้อยอิ่งอ่อนหวาน...เหมือนน้ำทิพย์ที่ปลอบโยนความรู้สึกเศร้าสร้อย..
เหงาหงอยของกลสิทธิ์..ให้กลับมามีพลัง..กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
และมันกำลังแข็งและแกร่งเกินกว่าผมคาดไว้ เพราะหลังจากนั้นไม่ต้องพูดกันแล้ว
ว่านอกจากจูบมันพาให้อารมณ์ผมกับกลสิทธิ์ไปสิ้นสุดที่ไหน
แต่ที่แน่ ๆ ผมเต็มใจ...และดีใจที่ท้ายสุด ผมก็เห็นแววตาที่ปราศจากน้ำตาและความเศร้า
แต่เป็นแววตาที่ส่องประกายสดใส มีความสุขคืนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
นั่นสินะ..ผมลืมไปว่า
สามสิบลิขิตฟ้า หรือจะสู้น้ำมือคน....ฉะนั้น...ขึ้นอยู่กับเราทั้งคู่ต่างหาก
ที่พร้อมจะฝ่าฟันด้วยกันหรือไม่ ฟ้าหรือจะสู้ความมานะของเราเอง
นี่แหละจริงแท้และแน่นอน หากเรามัวแต่สิ้นหวังคาดหวังกับฟ้า เราก็จะเอาแต่รอคอยโชคชะตา
ฉะนั้นฟ้าชี้ทางให้เรารู้ แต่ฟ้าไม่ได้ห้ามให้เราลุย...จริงไหม...??????????.......
ขอให้มีความสุขกันทุกคน นอนหลับฝันดี
Luk.