Room 34
เฮ้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เสียงเฮโรโห่ร้องดังเป็นช่วงๆพ่วงมาด้วยจังหวะเคาะกลองสร้างความคึกคักกับเหล่ากองเชียร์ที่พากันแต่งตัวบ้าๆบอๆหลุดโลกมาเต้นเย้วๆอยู่ข้างสนาม สีสันของบรรยากาศการเชียร์กีฬาในยามเช้าชวนให้รู้สึกครึกครื้น......
แต่ไม่ใช่กับผมแน่ๆล่ะ
ตัดภาพมาที่ไอ้หน้าโง่ตัวแห้งๆเก้งก้างคนนึงที่ยืนโหวงอยู่กลางสนามฟุตบอลพร้อมเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อสีเหลืองเขียวที่ก๊อปมาจากทีมชาติบราซิลเด๊ะๆแต่ด้านหลังเสือกสกรีนคำว่า ‘บริหาร’ ขึ้นหรา ผมมองไอ้ผู้ชายตัวสูงกว่าผมนิดหน่อยกำลังเลี้ยงลูกผ่านหน้าพร้อมสายลมพัดผ่านดังฟิ้วววววว~ มันสวมเสื้อฟ้าขาวแบบอาเจนสไตล์แต่ด้านหลังเสือกเขียนว่า ‘เกษตรศาสตร์’
ครับ....วัฒนธรรมการก๊อปเสื้อทีมชาติและทีมสโมสรดังๆเป็นเรื่องปกติของเด็กมหาลัยอยู่แล้ว แม้ว่าผมจะเถียงกับพวกมันคอเป็นเอ็นว่าอยากสวมเสื้ออินทรีเหล็กมากกว่าก็ตาม แต่ติดตรงที่คณะอื่นมันชิ่งเลือกตัดหน้าไปก่อนแล้ว เฮ้ยๆ แล้วไหงผมมาสาธยายเรื่องเสื้อได้เป็นวรรคเป็นเวรวะเนี้ย
“อิไปป์!!!! ยืนโง่อยู่ทำไมยะ วิ่งไปช่วยกองหลังสิยะ!!!!!” เสียงไอ้แม็กซ์ที่อยู่ข้างสนามตะโกนโหวกเหวกเรียกสติผมที่ล่องลอยไปไกลให้กลับมาเข้าองค์อีกครั้ง อื้อหือ....ชุดมึงเหลือร้ายนะแม็กซ์
“กูเป็นกองหน้า” ผมตอบด้วยคำตอบที่เห็นแก่ตัวที่สุด เชื่อว่าถ้าไอ้แม็กซ์เป็นโค้ชมันคงถลามันตบผมถึงในสนามแน่ๆ
“แล้วกองหน้ามันช่วยกองหลังไม่ได้เหรอวะ โอ๊ย....วิ่งไปสิยะ ยังจะมาทำหน้าโง่อีก”
“แม็กซ์มึงเปลี่ยนลงมาเตะแทนกูเลยมั้ย”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยย....ถ้ากูเตะเป็นกูลงไปแล้วอิดอก!!!!!!”
ผมมองชุดฟูฟ่องที่ทำจากถุงก๊อบแก๊บมาขยำรวมกันอยู่บนตัวบรรดาแก๊งค์สาวเทียมทั้งหลายแล้วเหนื่อยใจ ไอ้ที่หมดแรงจะวิ่งพอเห็นแล้วอย่าว่าแต่วิ่งเลยครับ.....คลานกูยังไม่ไหว...
สองขาพยายามลากสังขารตัวเองเคลื่อนที่ไปครึ่งสนามด้านหลังที่ดูบรรยากาศจะวุ่นวายซะเหลือเกิน
เวฟเคยบอกผมว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม.......
แล้วไอ้สกอร์บอร์ด ‘8-2’ นั่นมันอะไรกันว้อย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมแอบส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัวกับไอ้ฟาร์ที่รับหน้าที่ผู้จัดการจำเป็น(พูดให้ถูกคือพนักงานยกถังน้ำ) แต่มันเสือกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แดกน้ำแดงนักกีฬาแทนซะอย่างั้น อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์!!!!!! อย่าให้กูออกไปนะมึง ตายแน่ไอ้เห็ด
คุณคิดดูนะว่าถ้ากรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาเมื่อไหร่ แผนกสวัสดิการของคณะจะหาปิ๊บมาคลุมหัวสิบเอ็ดชีวิตในสนามพอมั้ย ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าเด็กเกษตรมันเทพเรื่องกีฬาอยู่แล้ว แน่ล่ะ....ขุดดินกันกลางแดดทุกวัน เทียบกับคณะผมที่แม่งมีแต่ลูกคุณหนูคุณนาย วันๆก็นั่งหลับๆตื่นๆอยู่ในห้องแอร์ ถ้ามันจะต่างชั้นกันขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกครับ แต่ประเด็นคือสกอร์มันน่าขายขี้หน้าเกินไป ถ้าหน้าเราจะสาก แล้วหลังเราจะบ่อขนาดนี้....... ยังกับเล่นวิ่นนิ่งแล้วปุ่มยิงเสียอย่างงั้นแหละครับ
ผมแกล้งทำเป็นเดินเตาะแตะเหมือนจะไล่บอลแต่ก็ไม่เชิง แค่เอาให้รู้ว่ากูไม่ยืนเฉยๆให้กะเทยด่าเป็นพอ วินาทีนี้เพลงพี่เบิร์ดดังก้องให้หัวผมเลย แต่ถามว่าท้อไหม ฉันตอบเลยว่า’มาก’ ~~~~
“ไปป์สู้ๆครับ ฮิ้วววววววววววววววววววววววว~” และยิ่งท้อลงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงนี้
ไอ้หน้าตี๋ในเสื้อช็อปสีกรมท่ากระโดดเย้วๆกลมกลืนกับกองเชียร์ฝั่งผม ครับ..ไอ้ค่านั่นแหละ ตอนนี้มันทำตัวอินจัดยิ่งกว่าคนในคณะ ในขณะที่ไอ้ฟาร์เลิกลุ้นไปแล้ว และแสดงความเบื่อหน่ายด้วยการควานเอาไอพอตมาเปิดแก้เซ็ง......หนอยไอ้ชั่ว ไม่ได้ลงแล้วยังบั่นทอนกำลังใจกูอีกนะ
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~
เสียงสวรรค์มาโปรดผมแล้ว ในที่สุดกรรมการก็เป่าหมดเวลา พวกเรายังคงรักษาสกอร์ได้จนนาทีสุดท้าย คือโดนไปแปดเม็ดนี่ก็อิ่มจะแย่แล้ว ไอ้กล้วยที่เล่นเป็นโกลถึงกับโดนยิงพรุนเละเป็นกล้วยเน่าเลยทีเดียว
“โถๆๆ ไปป์ครับ ไม่ต้องเสียใจ โผมาซบอกล่ำๆของไอ้ค่าได้เลย” เหนื่อยเกินจะอ้าปากด่าครับ ผมเดินไปรับผ้าเย็นจากไอ้ฟาร์ก่อนจะแถมด้วยการเพ่นกบาลมันไปหนักๆทีนึง
“โอ๊ยยยยยยย เจ็บนะมึง”
“สาสมกับสิ่งที่มึงทำกับกูแล้ว ไอ้เห็ดเน่า”
“แหมๆ มึงเป็นกองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีมเราเลยนะไปป์ ถ้าเปลี่ยนมึงออกทีมเราก็ไม่ได้ลุ้นดิวะ”
“มึงคิดว่ากูจะยิงคืนหกลูกได้เรอะ!!!! ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ...หลอกกูไม่ได้หรอก” ว่าแล้วผมก็วิ่งไล่เตะมัน เตะกันนานมากจนไอ้แม็กซ์ถึงกับเดินมาด่าว่าแล้วทีเมื่อกี้ไม่มีแรงวิ่ง ก็แน่ล่ะตอนนั้นกูหมดหวัง แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาของการแก้แค้น พลังกูมีอยู่เต็มเปี่ยมเลยล่ะ ให้หันไปเตะมึงอีกคนก็ยังไหวว่ะแม็กซ์
“ไปป์คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ~~ ค่าซื้อน้ำใบบัวบกมาแก้ช้ำในด้วย”
“ไม่ต้องโว้ย”
“ดูสิๆ น้ำใบบัวบกเย็นชื่นใจ อ๊ะๆ ไม่เชื่อใช่มั้ย งั้นค่าดื่มให้ดูก่อนเลย” ว่าแล้วมันสูบประหนึ่งคูโบต้าจนน้ำสีเขียวอี๋นั่นหายไปครึ่งถุง “อ๊า~~ ชื่นใจจริงๆ เอ๊า...ไปป์ดื่มเลยครับ” มันทำหน้าสดชื่นประหนึ่งพี่เต๋อดื่มลิปตันไอซ์ทีพลางยื่นหลอดมาจ่อที่ปากผม เอิ่ม....
“มึงแดกเองเหอะ กูไม่ชอบ” หมายถึงกูไม่ชอบมึงนะ ไม่ใช่น้ำใบบัวบก
“ว้า..เสียดายจัง ค่าอุตส่าห์จะหลอกจูบทางอ้อมซะหน่อย”
มุกเก่าไปแล้วสัส!!!! ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มันก่อนจะรับแก้วน้ำแดงจากมือไอ้ฟาร์มาสูบแก้เครียด แม่งเหนื่อยก็เหนื่อย ยังต้องมารับมือไอ้ประสาทแดกนี่อีก
“คณะมึงตกรอบซะแล้ว”
“เฮ้ย...มาตอนไหนวะแซ๊ก” ผมหันไปฉีกยิ้มให้ผู้มาเยือนคนใหม่ ไอ้แซ๊กเดินล้วงกระเป๋าอย่างวางมาดเข้ามา วันนี้ผมยาวๆของมันถูกรวบไว้เสียตึงเหมือนเด็กสาวมัธยมปลายตอนห้องปกครองตรวจผมอย่างงั้นแหละ
“กูผ่านมาพอดี” แซ๊กยักไหล่ “ว่าแต่มึงเหอะ เอาปิ๊บคลุมหัวทันมั้ยนั่น”
“หนอยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาถึงก็เยาะเย้ยก็เลยนะมึง” ว่าแล้วก็กระโจนเข้าอัดมันทันที แล้วอย่างไอ้แซ๊กมียอมกันที่ไหนล่ะ เลยเกิดศึกข้างสนามบอลเสียอย่างนั้น
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์...เชี่ยแซ๊ก มึงกล้าถีบกูเหรอ”
“มากกว่าถีบก็ทำมาแล้วเว่ย” ผมกับมันเลยได้ไล่กวดกันเหมือนหมา เอาซะเหนื่อยกว่าเตะบอลอีก พอสงบศึกได้ ผมกับมันก็ทิ้งตูดนั่งตรงโคนต้นไม้ใกล้ๆกับเก้าอี้นักกีฬา ผมเห็นไอ้ค่าแอบมองด้วยสายตาไม่พอใจด้วย เดี๋ยวพ่อสอยด้วยส้นตีนหรอกมึง
“ว่าไปนะ...คณะกูเข้ารอบลึกกว่าคณะมึงอีกนะแซ๊ก” ว่าแล้วก็ขอข่มมันซะหน่อย
“ฮะ ฮะ ฮะ มึงลืมไปแล้วเหรอไปป์ว่ากูอยู่คณะอะไร”
“มนุษย์”
“เออ....แล้วมึงเคยเห็นผู้ชายแท้ๆในคณะกูสักกี่คนเชียวห๊ะ” มันเอานิ้วมาจิ้มจึ๊กๆที่หน้าผากผมเหมือนตอกย้ำว่าผมโง่เสียเต็มประดา “อีกอย่างหน้าอย่างกูไม่เคยร่วมกิจกรรมคณะเว่ย”
“อื้อหือ...อาร์ต!!!!!!”
“อาร์ตเหี้ยไร เค้าเรียกคนมีจุดยืนเว่ย ไม่งั้นกูก็ได้ไปวิ่งทำหน้าโง่แข่งกับอาเจนติน่าอย่างมึงแล้ว เป็นไง....กีฬาเป็นยาวิเศษมั้ยหึ?”
“บ้าจริง พอเลย พอ พอ พอ เลิกพูดเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ต้องเอาไปบอกไอ้โค้ชใหญ่นะ ถ้ามันรู้สกอร์เวฟมันล้อกูยันชาติหน้าแน่ๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” แซ๊กโคลงหัวผมเล่น.....สนุกมากใช่มั้ยได้แกล้งกูเนี้ยห๊า
ผมคุยเรื่องสัพเพเหระกับแซ๊กนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะหนักไปทางบ่นเรื่องเรียน และที่ผมถูกบ่นหนักสุดคือเรื่องที่ช่วงหลังๆผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับมันเลย จะให้บอกยังไงล่ะว่าภคินมันไม่ให้ไปน่ะ สุดท้ายก็เลยต้องสัญญากับมันว่าคราวหน้านัดไปที่ไหนก็จะไปทั้งนั้น สุดขอบหล้าฟ้าเขียวหรืออเวจีขุมใดไอ้ไปป์คนนี้ก็จะถ่อไป....แซ๊กมันถึงยอมเลิกบ่น
สักพักมันก็ยกนาฬิกาข้อมือดูแล้วบอกว่าถึงเวลาเข้าเรียนคาบต่อไปเลยขอตัวไปก่อน แถมยังกำชับว่าจะโทรไปนัดเที่ยวคราวหน้าถ้าผมเบี้ยวอีกมีเฮแน่
“คนนี้อ่ะเหรอ...แฟนคนที่ไปป์บอกน่ะ” เฮ้ย!!!!!!!!!!!ไอ้เหี้ยค่ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นเอากูสะดุ้งเฮือกเกือบตกเก้าอี้ให้อายเล่นๆแล้ว
“มึงพูดไรของมึงไอ้ค่า”
“เอ๊า....ค่าก็ถามว่าคนเมื่อกี้อ่ะเหรอแฟนไปป์”
“เชี่ยนี่....มึงอย่ามาตลก เอาที่ไหนมาพูดวะ”
“ดูสายตาที่เขามองมาก็รู้แล้วครับ ไปป์อย่ามาโกหกค่าเลยครับ....ค่าเข้าใจว่าไปป์คงอายที่แฟนหล่อสู้ค่าไม่ได้ แต่ก็นะเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่บุญกุศลทำมา ค่าถึงได้ยื่นข้อเสนอพิเศษให้ไง ถ้าไปป์ยอมรับเกียร์ค่าไปห้อยคอตอนนี้รับทันทีแฟนหน้าตาดีกว่าแฟนเก่าหนึ่งคน คุ้มกว่านี้มีอีกไหม” โห....ดูมันเสนอขาย กูนึกว่าไอ้จอร์จผัวอีซาร่ามาเอง
“เพ้อเจ้อแล้วมึงน่ะ” ว่าแล้วก็มะเหงกลงกลางหน้าผากมันสักที “เพื่อนกูโว้ย”
“ค่าไม่เชื่อหรอก ไปป์กลัวค่าเสียใจล่ะสิ.....ไม่ต้องห่วงค่านะไปป์ เพื่อได้รักไปป์เจ็บแค่ไหนค่าก็ทนได้”
“เอ่อ....กูไปห่วงมึงตอนไหนวะ” ผมว่าไอ้ค่ามันเป็นโรคไฮเปอร์ครับ...ใช่...ต้องใช่แน่ๆ รุงรังวุ่นวายตลอดเวลาซะขนาดนี้
วันนี้ผมต้องถ่อมาเตะบอลแต่เช้า ทั้งๆที่ความจริงแล้วผมต้องเตะเมื่อวานตอนเย็นแท้ๆแต่เพราะฝนเจ้ากรรมเสือกตกมาซะก่อนเลยได้เลื่อนมาเตะตอนเช้าแทน แรกๆก็สะลึมสะลืออยู่หรอก แต่พอแดกเข้าไปแปดเม็ดนี่ตาสว่างยิ่งกว่ากาแฟสิบแก้วอีกครับ
ผมใช้เวลาในรุ่งเช้าไปกับการชาร์ตพลังด้วยการนั่งพิงโคนต้นไม้เฉยๆโดยไม่มีปากมีเสียงต่อกรกับไอ้แม็กซ์ที่เข้ามาบ่นฉอดๆว่าความกดดันไปตกอยู่กับทีมวอลเลย์หญิงล้วน(?)ของมันเพราะเป็นกีฬาชนิดเดียวที่คณะผมยังไม่ตกรอบ อย่างที่บอกครับ..ท่องไว้....ลูกคุณหนู....ลูกคุณหนู แต่วอลเลย์นี่บังเอิญว่ากะเทยในคณะเยอะครับ แค่เห็นหน้า ฝั่งตรงข้ามก็แกล้งปวดท้องแล้วลาไปขี้กันหมดทีมแล้ว
สักพักไอ้ฟาร์ก็ต้องมาหิ้วปีกผมไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางเพราะมันอยู่ใกล้สนามบอลที่สุดแล้ว และแน่ยิ่งกว่าแน่ว่าไส้ติ่งที่ชื่อ’ไอ้ค่า’ยังคงติดสอยห้อยตามมาด้วย เพื่อนที่คณะไม่คบมันรึไงวะ??
“ไปป์...กินไร กูเดินไปซื้อให้” โห...คบกันมาสามปีเพิ่งเห็นไอ้ฟาร์เป็นผู้เป็นคนก็วันนี้แหละ “กูกินข้าวหน้าเป็ดนะ งั้นมึงกินเหมือนกูเนี้ยแหละ ไม่ต้องเสียเวลา”
“ไอ้เห็ด....กูก็นึกว่าจะบริการกู เอาเหอะ...เอาไรมากูแดกหมดแล้วตอนนี้หิวไส้จะขาด”
ไอ้ฟาร์เดินไปต่อแถวซื้อข้าวสักพักมันก็มาวางบนโต๊ะแล้วเดินออกไปซื้อน้ำซึ่งตอนนี้แถวยาวเหยียดมาก ไอ้ผมก็พวกมารยาทดีครับ.....ชิ่งแดกก่อนซะเลย ก็ไม่ไหวแล้วนี่ครับ กระเพาะผมจะทะลุแล้วนะ ได้ยินเสียงวางจานที่ฝั่งตรงข้ามแล้วก็เงยหน้ามอง ไอ้ค่าฉีกยิ้มจนตาหยีให้ผม
“กินข้าวกับอะไรทำไมน่ารักจัง”
“กับผัว”
ห๊ะ???? อะไรนะ??? ใครว่าอะไรกินกับอะไรนะ กูยังไม่ได้อ้าปากเลย....แล้วไอ้เสียงเมื่อกี้มัน.....
“ภะ...ภคิน...”
เชดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....มาอย่างหลอนครับ!!!!!!!!!!!!
ผมสะดุ้งโหยงในตอนที่สองมือที่คุ้นเคยตบลงที่ไหล่ดังปั่ก ไอ้ภคินและผองเพื่อนอาร์ท กัน โจ้ยืนเรียงรายอยู่ด้านหลังผมเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่สภาพของพวกมันชวนให้คนเหลียวหลังมองทั้งโรงอาหารซะจริง...
พวกมันใส่เสื้อย้วยๆพร้อมด้วยกางเกงบอล สภาพเหมือนเพิ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมาหมาดๆ ผมถูกย้อมด้วยสีแดงเพราะฝุ่น หน้าตาเกรอะกรังไปด้วยขี้ตาดำๆ บนหลังมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ใช้เดินทางเป็นตัวบ่งบอกว่ามันเพิ่งลงรถแล้วมุ่งหน้ามาที่นี่เลย
ผมทำหน้าเหรอหราใส่มัน....ไอ้ดีใจน่ะมันก็ดีใจอยู่หรอก....แต่จะหนักไปทางตกใจเสียมากกว่า ดูมึงเล่นมองกูด้วยสายตาเหมือนผัวที่จับได้ว่าเมียมีชู้อย่างงั้นแหละ
“....กะ...กินข้าวยังมึง” เป็นประโยคโง่ๆที่คนโง่ๆอย่างไอ้ไปป์สามารถคิดออกได้ในตอนนี้
“ยังไม่กิน และไม่อยากกินด้วย อยากเอาเลือดหัวคนแถวนี้ออกมากกว่า” ไอ้พระเอกที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นไอ้ฆาตกรหันไปจ้องไอ้ค่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนพร้อมจะกระโจนไปกัดคอให้แม่งเลือกสาดกระจายเสียตรงนั้น
แต่ที่เหี้ยกว่านั้นคือไอ้ค่าครับ!!!! มันแดกข้าวหมูแดงในจานตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหน้าตาเฉยมาก!!!! ท่าทีกวนตีนของมันยิ่งทำให้ภคินเดือดปุดๆจนจะทะลุจุดศูนย์อยู่แล้ว....
“เฮ้ย!!!มึง!!!!!” มันตะคอกพลางเอามือที่จับบ่าผมข้างนึงไปตบโต๊ะจนจานข้าวเด้งขึ้นมานิดนึง....โอ๊ย...น่ากลัวชิบหาย กูขอตัวไปเยี่ยวได้มั้ย....
“ฮะ??....อ่อ...ว่าไง มีอะไรเหรอ” ไอ้ค่าทำหน้าเหรอหราจนผมงงว่ามันกวนตีนหรือมันไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ที่รู้ก็คือตอนนี้ไอ้ภคินมันฟีลขาดไปเรียบร้อยแล้ว
“เออ!!!มึงนั่นแหละ!!! ว่างมากใช่มั้ยถึงได้มายุ่งกับแฟนกูอ่ะ”
“ห๊ะ????” ไอ้ค่ายังคงสตีลทำหน้าเป็นหมาแดกแฟ้บ ก่อนมันจะก้มมองมือภคินที่จับบนบ่าผมอยู่ “อ้าวไปป์ครับ....ไหนตอนนั้นบอกว่ายังไม่มีแฟนไง”
ชิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง....
สายตาทิ่มแทงลงมากลางหนังศีรษะโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง สัมผัสได้ถึงไอมารที่แผ่ซ่านจากด้านหลัง......เอาแล้วไงกู..... ว่าแล้วก็ส่งสายตาอาฆาตให้ไอ้ค่าที่ขว้างงูไม่พ้นคอแต่เสือกเอางูมาคล้องคอกูไปด้วย
“มันบอกว่าไงกูไม่รู้ แต่ที่รู้มันเป็นแฟนกู และมึงกล้ามากนะที่มาจีบคนของกู” หูยยยยยยยยยยย....โรแมนติกน้ำตาไหล กูเกือบซึ้งแล้วเชียวถ้ามึงไม่บีบไหล่กูแรงขนาดนี้ กดเส้นให้กูรึไง
ไอ้ค่ายักไหล่ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เขาเป็นเนื้อคู่กู”
แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....ไอ้เหี้ยนี่ก็ไม่ดูสถานการณ์เล๊ย!!!!!!! มาถึงตรงนี้กระดูกหัวไหล่กูจะแตกคามือไอ้ภคินแล้วครับ
“ภคิน.....กูเจ็บไหล่ ถ้ามึงจะนวดก็เลื่อนไปทางซ้ายหน่อย มึงกดผิดจุด แฮะๆๆ”
“ยังจะมามุกนะมึง” มันว่าพลางเบิร์ดกบาลผมเข้าไปทีนึง....อื้อหือ....มึนครับงานนี้
“ไปป์....โกโก้หมดว่ะ...กูเลยได้เป๊ปซี่มา.....แทน” มาแล้วครับเพื่อนผู้กู้โลก ไอ้ฟาร์ที่มาวางน้ำลงบนโต๊ะถึงกับเบิกตาโพลงเพราะมันจับสถานการณ์ไม่ถูก “อ้าวไง....กลับมาแล้วเหรอคิน”
“ยังมั้ง” จึ๊ก!!!เกรียนแตกใส่ไอ้ฟาร์ไปดอกนึงครับ “ฟาร์....ไหนกูบอกให้ช่วยดูไปป์ให้ไง ไหงมีไอ้แมงดานี่มาเกาะแกะได้วะ หรือว่ามึงละเลยหน้าที่”
“เฮ้ย...อะไรวะ ไอ้ฟาร์มึงไปสนิทกับมันตอนไหนวะ แล้วนี่มึงฝากไอ้ฟาร์คุมความประพฤติกูเหรอ”
ภคินเลิกบีบหัวไหล่แต่เอามือมาอุดปากผมแทน “มึงอย่าเพิ่งพูด...ยังมีคดีติดตัวอยู่นะไปป์....” ละ...แล้วทำไมมึงต้องทำเสียงเย็นขนาดนั้นด้วยล่ะ กูกลัวนะโว้ย “ว่าไงฟาร์”
“มึงดูเอาเองเหอะคิน....เกินจะรับมือ” ฟาร์ยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้
ตอนนี้ทุกสายตาเลยจับจ้องไปที่ไอ้ค่าซึ่งสวาปามข้ามหมดจานและกำลังรวบช้อนเข้าหากับอย่างเรียบร้อย “เอิ๊ก~” มันเรอก่อนจะเงยหน้าขึ้น “อ้าว...มองไรค่ากันครับเนี้ย รู้ว่าหล่อ แต่ก็เขินนะเนี้ย ฮะ ฮะ ฮะ”
“ภคิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน~~ ใจเย๊นนนนนนนนนนนนนนนนน” ผมคว้าแขนมันมาดึงไว้ไม่ให้มันกระโจนเข้าไปกัดไอ้หน้าตี๋นั่น ไม่ได้ห่วงอะไรมันนะครับ แต่กูไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งเพราะต่อยกันแย่งผู้ชายกลางโรงอาหารโว้ยยยยยยย
“ทำไมไปป์....มึงห่วงมันมากเหรอ”
“ห่วงเหี้ยไร มึงยำตีนมันกูยังไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้กูอายโว้ย!!!!คนมองกันจะทั้งโรงอาหารแล้ว” ไอ้พวกนี้ก็นะ....ข้าวปลาไม่แดกนึกว่าหนังดูละครหลังข่าวรึไงวะ หรือซื้อข้าวมาตากลมเล่น???
“กูยอมไม่ได้ เหี้ยนี่แม่งกวนตีนกู!!!!!!”
“ภคิ๊นนนนนนนนนนนนน....กูขอเหอะ เดี๋ยวมึงไปตีกันข้างนอกนะ กูไม่ห้ามสักคำเลยเอ๊าะ”
“แฟนไปป์น่ากลัวจังเลยนะครับ ไม่สนใจผู้ชายใจเย็นแบบค่ามั่งเหรอ” ไอ้เหี้ยนี่ก็หยอดไม่ดูเวลาเลยว้อย!!!!!!!!
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์...ภคิน ภคิน ภคิน นะนะนะ”
“ไปป์มึงอยากได้เกียร์มากนักรึไง”
“โอ๊ยยยยยยย...กูไม่เอ๊า!! ไม่อยากได้ ไอ้เน่าก็มีเกียร์กูจะเอามาทำไม”
“ใช่สิคิน....เรามันไม่มีเกียร์กระปุก กระตุกแล้วมันไม่มันส์”
“เหี้ยโจ้....มึงอย่าเพิ่งมาหยอดมุกให้สถานการณ์มันแย่ลงได้มั้ย แสรดดดดดดดดดดดดดด”
“เอ๊า....กูกะให้ขำนะ พวกมึงไม่ฮากันหน่อยเหรอ” ฮากริบเลยครับโจ้....
เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผมก็ต้องใช้ลูกอ้อนด้วยการจับมือไอ้ภคินมากุมไว้....อะไร ก็กูอ้อนได้แค่นี้อ่ะ “ภคิน....ไว้ชีวิตมันไปก่อนเหอะนะ เดี๋ยวค่อยตามไปฆ่ามันทีหลังก็ได้ มันเรียนอยู่นี่มันไม่หนีไปไหนหรอก”
“โห....ไปป์ใจร้ายกับค่าจังเลย เมื่อก่อนเคยรักเคยผูกพัน แต่มาวันนี้มันเป็นเพียง คนเคยได้รู้จักกัน”
“มึงไม่ต้องมาสล็อตแมคชีนตอนนี้นะ แล้วกูไปรักไปผูกพันกับมึงตอนไหน”
ผมปฎิญาณกับตัวเองไว้ว่าถ้าเหี้ยค่าชักใบให้เรือเสียอีกทีกูจะปล่อยให้ภคินแม่งชกหน้าแหกกลางโรงอาหารเนี้ยแหละ อายช่างแม่งละ....กูสะใจเป็นพอ
หลงรักคนมีเจ้าของแอบมองอยู่ทุกวัน ไปหลงรักแฟนชาวบ้านทั้งที่รู้ตัว คนน่ารัก ถูกใจนักไม่เคยเป็นอย่างนี้~
เสียงริงโทนนรกแตกดังจากตูดไอ้ค่า มันรีบล้วงออกมารับทันที ส่วนไอ้ภคินแทบพุ่งเข้าใส่ตอนเพลงมันดังแล้วครับ ดีนะไอ้อาร์ทมาช่วยจับไว้อีกข้าง
“เออ...ว่าไง.... ห๊ะ?? จารย์เช็คชื่อ?? ชิบหายบรรลัยตายหองสยองโลกโชคไม่ดีเลยจริงๆ” มันชิบหายตั้งแต่มึงมายืนอยู่ตรงนี้แล้วไอ้ค่า!!! “เออๆ...เดี๋ยวกูไปตอนนี้แหละ”
มันตัดสายแล้วรีบเอามือถือยัดลงกระเป๋าหลังตูดอีกครั้ง ก่อนลุกมันคว้าเศษกระดาษมาขีดๆเขียนๆอะไรไม่รู้ลงไปแล้วยื่นให้ผม
“เบอร์โทรค่านะ แต่ค่าให้ไม่หมดทุกตัวหรอก...เดี๋ยวจะหาว่าค่าง่าย ไปป์ไปเดาตัวเลขที่เหลือเอาเองนะ” กูเดาว่ามึงจะตายตอนไหนได้ป่ะ? มันรีบคว้ากระเป๋าแล้วทำท่าจะวิ่งออกไป แต่ก็ชะงักแล้วหันกลับมาเป็นภาพสโลโมชั่น
“อย่าลืมนะไปป์....เจ็บเมื่อไหร่ก็โทรมานะ” พร้อมเอียงคอทำท่าโทรศัพท์ประกอบ ก่อนจะวิ่งฟิ้วววววววววววววววว หายไปจากเรตินาของเราทั้งกลุ่ม ทิ้งเมฆดำก้อนเบ้อเร่อให้ลอยเอื่อยเหนือหัวผมไปมา เหมือนมีสัญาณเตือนมารำไร.....ตายแหน่.....ตายแหน่.....ตายแหน่.....
ผมค่อยๆก้มมองเศษกระดาษในมือช้าๆ......แล้วอ้าปากค้าง
XX9-8043667
ไอ้สลัดผัก!!!!!!!!!!!!!!!!!! กูอยากจะไล่ไอ้ภคินไปต่อยแม่งตอนนี้เลย ขอบคุณมากที่มึงได้ยากจนต้องให้กูมานั่งเดาเบอร์สองตัวหน้าเนี้ย ยากจริงๆให้ดิ้นตาย ยากกว่าซื้อหวยถูกสองตัวท้ายอีกว่ะ!!!!!
“ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!” ไอ้ภคินตะโกนลั่นโรงอาหารอย่างอัดอั้น ก่อนจะกระชากเศษกระดาษในมือผมมาฉีกจนไม่เหลือสภาพเดิมว่าเคยเป็นกระดาษมาก่อน
“ภคิน...มึงใจเย็นก่อนนะ”
“มึงเงียบเลยนะไปป์ แค่กูยอมให้มันมาหยามกูแบบนี้ก็มากเกินพอแล้ว คราวนี้กูจะยอมเพราะมึงขอ แต่คราวหน้าไม่มีแน่ๆ!!!!!!!” มันตะคอกจนฝุ่นที่เกาะหัวร่วงเกรียวกราวลงมาใส่หน้าผม ไอ้ผมจะจามก็ใช่ที่....กลัวมันจะเบนเป้าหมายมาต่อยกูแทนไอ้ค่าได้
“กะ...กูขอโทษ” พอผมทำเสียงหงอสีหน้ามันก็เริ่มอ่อนลง จากที่คิ้วขมวดเป็นเส้นเดียวกเริ่มจะเห็นช่องว่างระหว่างคิ้วนิดๆละ....
“เฮ้อออออออออออออออออออออออ....” มันถอนหายใจแล้วเอามือโคลงหัวผมไปมา “บ้าจริง...ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยนะมึง”
“อะไรเล่า....กุยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ”
“ไม่ต้องพูด....กลับห้อง มึงกับกูเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
เอาล่ะ ทุกท่านหยิบมือถือขึ้นมา กด191แล้วโทรออก.....มารับศพผมด้วยนะครับคุณตำรวจ....
TBC
ลงรอบนี้ไม่ได้ปรับตัวหนังสือต้องขอโทษด้วยนะคะ
ไปปั่นตอนต่อไปก่อนค่ะ