Room 1
ต้นกันเกราแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมบริเวณลานกว้างซึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะม้าหินอ่อนหลายตัวที่เหล่าบรรดานักศึกษามานั่งจับเจ่าใช้เวลาในตอนเย็นเพื่อผ่อนคลายความเครียดออกจากสมองที่ใช้การมาทั้งวัน..
“ไปป์”
“ไปป์” เสียงนั้นเอ่ยพลางเอามือโบกหยอยๆตรงหน้าผม
“ไอ้เชี่ยไปป์!!!” คราวนี้ไม่มาเปล่าครับ มันตบเข้ากลางหัวผมไปเปรี้ยงนึงเต็มๆ
“ไอ้เหี้ยฟาร์!!!มึงตบหัวกูทำไม!!!!” ผมยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ...ไอ้เวรนั่นก็ตบมาได้ไม่มีออมแรงเลยนะมึง ผมมองหน้ามันอย่างคาดโทษ
“ก็กูเรียกแล้วมึงไม่หันนี่หว่า” มันว่าพลางหย่อนก้นนั่งลงม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามผมแล้วส่งขวดน้ำที่ผมฝากมันซื้อให้ “มึงมองอะไรวะ??”
ไม่ว่าเปล่าครับมันสอดส่องสายตาหาเป้าหมายของผมเมื่อกี้....เรื่องเสือกนี่ไม่มีใครเกินมึงจริงๆ
“โอ๊ะ!! กูว่าแล้วอะไรที่ทำให้มึงตาค้าง...เล็งเดือนถาปัตโต๊ะนั่นล่ะสิมึง” มันส่ายหัวเอือมระอา “เพื่อนกูก็ใฝ่สูงเนอะ อยากได้สามีเป็นเดือนถาปัต”
“พ่อมึงสิ!!” ผมทำท่าจะโบกหัวมันคืนแต่มันรีบกระเถิบไปด้านหลัง...ฉลาดนักนะ...
“กูเกลียดมัน!!!” ผมพูดแทบจะตะคอกเลยครับ
“อือหือ..ยังคงชัดถ้อยชัดคำเหมือนเดิม” มันว่าพลางเปิดขวดน้ำแล้วหย่อนหลอดดูดลงไป “มึงนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นซะจริงนะ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว มึงยังจะอะไรอีกวะ”
“มึงก็มาลองเป็นกูดูดิไอ้ฟาร์!! แล้วมึงจะรู้ว่าแคนฝั่งหุ่นมันเป็นยังไง” ผมเบ้หน้าใส่มันก่อนจะก้มลงดูดน้ำเย็นๆมาดับความหงุดหงิดในใจนี่
“กูไม่เห็นไอ้ภคินอะไรนั่นมันจะสนใจมึงเลย มันไม่รู้จักมึงด้วยซ้ำไป มีแต่มึงเนี้ยแหละจงเกลียดจงชังมันข้างเดียว”
“ก็มันทำชั่วจนชินไง กูเป็นหนึ่งในล้านผู้เสียหายที่มันทำร้าย..มันคงจะจำหรอกเนอะ” ว่าแล้วผมก็เหลือบไปมองภาพตรงหน้าอีกครั้ง
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาดีกรีเดือนคณะสถาปัตยกรรมควบด้วยเดือนมหาลัย(มึงเอาตำแหน่งมิสเตอร์ยูนิเวิร์สไปด้วยเลยมั้ย??) โอเค...ผมยอมรับครับว่ามันหล่อมาก ตาเรียวคมเข้ม จมูกโด่งๆ ริมฝีปากหยักได้รูป โครงหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเส้นผมสีดำสั้นๆคล้ายรองทรงสูง ผิวสีคล้ำแดดช่วยเสริมให้มันดูเท่ หน้ามันไม่ได้หล่อแบบเกาหลีหรือญี่ปุ่นอะไรแบบนั้น ออกจะหนักไปทางหล่อแบบไทยเสียมากกว่า แถมยังเสือกสูงเป็นเปรต แบบนี้ที่สาวๆเค้ากรี๊ดกร๊าดมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เออ...กูยอมรับก็ได้ไอ้ภคิน โพธิวัฒน์สกุล!!มึงมันเพอร์เฟคแมน
แล้วทำไมผมถึงเกลียดมันน่ะเหรอ???? สายตาของผมเหลือบมองข้างๆตัวไอ้ภคิน ..... สาวน้อยหน้าตาสะสวยกำลังพูดจาเจื้อยแจ้ว(ในขณะที่ไอ้ภคินแค่เหลือบตามอง) เธอมีดวงตากลมโตแถมยังกรีดตาซะคมกริบรับกับจมูกและริมฝีปากเล็กๆน่ารักนั่น ใครๆก็บอกว่าเจ้าหล่อนน่ะ...สวย!!! แถมยังแต่งตัวเปรี้ยวเยี่ยวราดเลยล่ะครับ แถมเจ้าหล่อนยังมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะนิเทศ ผมเหลือบมองป้ายชื่อที่แขวนไว้แล้วเบ้หน้าหันไปพูดกับไอ้ฟาร์
“แม่มันรู้เปล่าววะ ว่ามีลูกสาวชื่อ ‘แอมโมเนีย’???” สิ้นเสียงไอ้ฟาร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น อันที่จริงมันแทบจะสำลักน้ำเลยล่ะครับ
“มึงก็....ไปแซวเค้า คิดตั้งนานนะเว่ยกว่าจะได้ชื่อนี้มาอ่ะ”
“เข้าเมืองหน่อยเป็นไม่ได้ ต้องเปลี่ยนชื่อ อยู่โรงเรียนยังเป็น ‘แอม’อยู่เลย” ฟาร์มันยังไม่หยุดหัวเราะครับ
“มึงก็ไม่ได้ชอบเค้าแล้วนี่หว่า แล้วมึงจะแค้นไอ้ภคินไปทำไมวะ??” มันเอียงคอถามด้วยหน้าตาสงสัยเต็มประดา ทำเอาผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี”คุณอยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง?? ผมจะเท้าความให้ฟังก็แล้วกันนะ มันเริ่มขึ้นตอนสมัยที่ผมยังหัวเกรียนใส่กางเกงน้ำเงินวิ่งไปมาในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นผมอยู่ม. 4ได้แล้วล่ะครับ
เย็นวันนั้นผมกลับบ้านไปเจอไอ้น้องสาวตัวดี ไอ้เชอร์(ชื่อเต็มๆมันคือเชอรู้ทครับ)นอนร้องไห้ขังตัวเองอยู่ในห้อง ข้าวปลาก็ไม่ยอมกินครับ ทำเอาบ้านผมแตกตื่นมาก พ่อแม่วิ่งกันกระจุยกระจายทั้งบ้านครับ...แล้ววันนั้นเชอร์มันก็ไม่ยอมออกมาจากห้องเลย
จนวันรุ่งขึ้นที่ผมไปโรงเรียน....
“ไง..ไปป์ ได้ข่าวว่าน้องมึงไปสารภาพรักกะไอ้ภคินเหรอ??”
กึ๊ก!!!
เส้นประสาทที่ขมับผมปวดตุบๆขึ้นมาเลยครับ ใจผมเต้นรัวเหมือนมีคนมาตีกลองใกล้ๆ มันตะโกนร้องว่า....
กู-ว่า-แล้ว!!!!!!!!!!! ครับ..ผมฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันคงไม่ได้เซย์เยสกะไอ้เชอร์มาแน่ๆ อันนี้ใครไม่รู้ก็โง่แล้วครับ แต่ผมก็มีเหตุผลพอทีจะไม่โทษไอ้ภคินที่ทำให้น้องสาวผมเสียใจ ผมนับ1-10ในใจช้าๆ พร้อมบอกกับตัวเองว่า ‘เอาเถอะ..มันเป็นเรื่องของหัวใจ’
เรื่องเหมือนจะจบแค่ตรงนี้ แต่มันดันไม่จบครับ!!!!
เย็นวันนั้นผมกลับบ้านไปเจอไอ้เชอร์กำลังใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าบ้าน ผมแทบจะวิ่งเข้าไปตระครุบมันแล้วเค้นคอถามว่ามึงไปทำวีรกรรมอันใดมาไอ้น้องเวร เค้าเม้าท์เรื่องมึงให้แซ่ดกันทั้งโรงเรียนแล้วว้อย!!! ผมก็ได้แต่คิดล่ะครับ เชอร์มันทำหน้าเป็นหมาหงอย แถมตายังบวมๆอยู่อย่างงั้น....ใครด่ามันลงก็เลวเกินไปแล้วครับ
“เชอร์...จะไปไหน” ผมถามมันเสียงอ่อน แอบสังเกตว่ามันหลบตาผมนิดๆด้วย
“ไปหาพี่คิน....”
“พี่ไม่ให้ไป!!!!!!” ผมตะคอกใส่มัน นี่มันจะบ้าไปแล้วรึ?? เพิ่งโดนไอ้เวรนั่นหักอกมาไม่ใช่เรอะ???
“พี่ไปป์อย่ามายุ่งกับเชอร์ได้มั้ย!!!!” มันตะคอกผมกลับ เอาสิ..พี่น้องแม่งมาทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเนี้ย!!!!
“เชอร์....” ผมถอนหายใจ จ้องหน้ามัน “พี่กับมันจะเลือกใคร”
“มะ..มันไม่เหมือนกันซะหน่อยพี่ไปป์” ผมรู้สึกว่าเสียงมันสั่นๆเหมือนจะร้องไห้.....
“เอาสิ..ถ้าเชอร์เลือกมันก็ไปหามันเลย” ผมกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง ถ้ามันจะเลือกผู้ชายมากกว่าพี่ก็เอาสิ!!!!
ผมหลับตาลงกลั้นหายใจอยู่สักพัก.....แล้วลืมตา...เพื่อพบกับ.....
.........................
.....................
.................
ถนนหน้าบ้านที่ว่างเปล่า…
“ไอ้เชอร์ ไอ้น้องสารเลว!!!!!!!!มึงเลือกผู้ชายมากกว่าพี่เรอะ!!!!!!!”เดี๋ยวครับ...เดี๋ยวก่อน...ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้มันเหี้ยแล้ว ...ยังครับ....มันยังไม่จบ!!!
เรื่องมันเกิดขึ้นตอนผมอยู่ม.6 หลังช่วงสอบตรงผ่านไปหมดแล้ว ซึ่งตอนนั้นผมมีความสุขกับชีวิตมากครับ ผม ไอ้แซ๊ก ไอ้เวฟ ไอ้โอ๊ต ทุกคนมีทีเรียนกันหมดแล้ว แถมยังสอบติดที่มหาลัยกันเกราที่เดียวกันอีกต่างหาก ผมไปโรงเรียนด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขทุกวัน และที่สุขไปกว่านั้น.....
ก็สาวสวยอันดับ1ของโรงเรียนอย่างแอม อัจฉรา ดารานันทน์ที่กำลังควงแขนผมเดินอวดคนไปทั่วโรงเรียนอยู่นี่ไงครับ โอเคครับ..ผมหน้าตาดีในระดับหนึ่งถึงอาจจะไม่มากเท่าไอ้ภคินหรือไอ้แซ๊กก็เถอะ......แต่เขาเลือกกูว่ะ!!!
แอมเป็นคนสวยแถมยังมีเสน่ห์อีกต่างหาก ผมตกใจจนแทบเป็นลมตอนที่เค้าเดินมาบอกว่า ”คบกับแอมได้มั้ย??” มีแต่ผู้ชายโง่เท่านั้นแหละครับที่จะปฏิเสธ และแน่นอนว่าผมฉลาด!!
เราคบกันมาได้ราวๆเดือนกว่า ซึ่งมันก็ขยับเข้าใกล้วันเกิดของแอมเข้าไปทุกที ตอนนั้นผมหน้ามืดตามัวทำทุกอย่างให้เขา ทั้งโทรไปจองร้านอาหารเพื่อจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แถมยังลงทุนบากหน้าไปซื้อตุ๊กตาหมีตัวเท่าควายแถมยังต้องขนมันกลับด้วยมอเตอร์ไซด์อีกต่างหาก(ตอนนั้นหน้าผมด้านจนชาไปเลยครับ) เรียกได้ว่าผมทำทุกอย่างที่แฟนที่ดีควรจะทำเลยล่ะครับ แล้วรู้มั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น????
ก่อนวันเกิดแอมแค่วันเดียวผมได้รับสายโทรศัพท์ที่ส่งเสียงว่า “เรา-เลิก-กัน-เถอะ” ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีลางบอกเหตุหรือสาเหตุใดๆทั้งสิ้น แอมไม่พูดอะไรมากกว่านั้นและเดินออกไปจากชีวิตผม
ผมต้องมาจ่ายค่างานปาร์ตี้วันเกิดซึ่งตอนหลังมันกลายเป็นปาร์ตี้อกหักที่มีแต่ผมกับเพื่อนไปแดกเหล้าให้เมาเหมือนหมา ผมกลับบ้านไปซ้อมไอ้ตุ๊กตาหมีเวรนั่นด้วยความแค้นใจ จะว่าผมถูกหลอกแดกก็คงไม่ผิดหรอกมั้งครับ...
แต่เรื่องมันเหี้ยกว่าตรงที่วันรุ่งขึ้นที่เป็นวันเกิดแอม.....
แอมเดินควงแขนไอ้ภคินเข้าโรงเรียนมาเฉยเลยครับ!!!!!!!!!!!!!!นี่พวกมึงไปตกลงได้เสียกันตอนไหนวะ???? ตอนนั้นผมโกรธจนควันออกหู ถ้าผมเป็นผู้หญิงล่ะก็ผมจะเดินเข้าไปกรี๊ดๆๆๆๆๆแล้วกระชากหัวไอ้ภคินมาตบๆๆๆๆๆแบบนางร้ายในละครหลังข่าวเลย ....เสียแต่ว่าผมเป็นผู้ชาย.... ผมเลยต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แถมยังโดนถามทั้งวันว่า”เลิกกันแล้วเหรอ” ไม่เลิกมั้งไอ้ห่า...เดินควงคนอื่นอยู่เนี้ย
ไอ้แซ๊กเดินเข้ามาตบบ่าแล้วปลอบใจผม
“หญิงร้าย ชายเลวไงมึง เหมาะกันดีออก”
“เออ กูรู้ แต่ทำไงได้ กูแค้นนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!”
จากนั้นพวกผมก็ย้ายเข้ามาเรียนมหาลัยกันเกราที่กรุงเทพ แต่มันเสือกตามมาเรียนที่เดียวกันอีกครับ!!แถมยังมาเป็นแพคคู่อีก มาอยู่นี่ไอ้คู่นี้แม่งก็ยังเด่นดังไม่ต่างจากที่โรงเรียน ก็มันเล่นมีดีกรีถึงเดือนถาปัตกับดาวนิเทศนี่นา
เอาสิ....ถ้าพระเจ้าอยากให้ผมเห็นหน้ามันบ่อยๆขนาดนั้น...
.
.
.
.
.
.
.
ผมก็จะเกลียดมันให้มากที่สุดเหมือนกัน!!!!!!!TBC
เพิ่งเขียนเป็นเรื่องแรก ฝากตัวด้วยนะคะ
