Room 33
“เฮ้ยๆ โจ้ไปแลกชิปมาเพิ่มดิ๊ มือกำลังขึ้นเลย”
“ก็เอาลงดิ”
ตามมาด้วยเสียงประทุษร้ายจากปลายตีนสู่ตูดไอ้โจ้โดยเล็งเห็นผลของการกระทำแล้ว จ่ายห้าร้อยกูก็ยอมขอแค่ได้ยันมันสักโครม
“ไอ้ห่าคิน...ไปแลกเองเลยมึง ถ้าจะนั่งนานขนาดนั้นมึงให้กูเอากระโถนมารองขี้รองเยี่ยวเลยมั้ย”
“ก็ดีเหมือนกัน เร็วๆไอ้โจ้เหลือเวลาอีกแค่สามชั่วโมงอาจารย์นัดรวมแล้ว”
“เออๆ ไอ้ห่านี่ เล่นเยอะนะมึงอ่ะ กูจะไปฟ้องไอ้ไปป์”
ผมยักไหล่ “มันรู้อยู่แล้ว อยู่หอกูก็ดูเอลกับมันทุกวัน”
ไอ้โจ้เดินปึงปังมารับตังจากผมไปบริการแลกชิปให้ถึงที่ ช่างประเสริฐจริงๆ ผมเอามือถูฝ่ามือตัวเองไปมาอย่างลุ้นระทึก รู้สึกถึงอะดินาลีนที่หลั่งออกมาเลยล่ะ หึหึหึ
“อย่าเล่นเยอะคิน ไม่มีใครรวยเพราะการพนันหรอก”
“กูรู้น่าอาร์ท ตอนนี้ยังพอเล่นต่อได้อยู่ เดี๋ยวได้ตามเป้ากูจะหยุดแล้ว”
“เห็นพูดแบบนี้ก็หมดตัวทุกคน” ไอ้อาร์ทว่าพลางลูบคางป้อยๆแล้วเหลือกตามองเพดานคาสิโน ทำไมมันมีอะไรน่าสนใจกว่าหน้ากูรึไงวะ??? “เรารู้ว่านายคิดว่ามันได้มาง่ายๆ เอาเป็นว่าถ้ารู้จักหยุดก็ดี”
“เออ...ขอบใจที่เตือนกูว่ะ”
ไอ้อาร์ทมันรู้....คนอย่างมันอ่านทุกเรื่องขาดตลอด มันดูออกว่าผมกำลังตื่นเต้นกับเงินที่ดูเหมือนจะได้มาง่ายเหลือเกินเมื่อเทียบกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน ผมก็รู้ตัวนะว่ากำลังคิดว่าอยากได้มากกว่านี้อีก เพราะโอกาสจะมาที่นี่มันก็น้อยเลยคิดว่าเล่นทั้งทีต้องเอากลับไปให้คุ้ม แต่ยังดีที่ไอ้อาร์ทเตือนให้รู้จักหยุดตัวเอง
มันอาจจะเป็นความผิดของผมเองที่เป็นคนมองเห็นค่าในตัวเงินมากเกินไปหน่อย แย่ว่ะ....แย่จริงๆ
ถ้าถามว่าอาจารย์เอาพวกผมมาปล่อยไว้ในบ่อนเหรอ?? ขอตอบเลยว่าไม่ อาจารย์ปล่อยให้พวกเราพักผ่อนตามอัธยาศัย นัดเจอกันที่ที่พักตอนสองทุ่มเพื่อกินข้าวเย็น(อันที่จริงแกให้ชาวบ้านต้มเหล้าเถื่อนรอไว้ครับ) แต่พอปล่อยปุ๊บก็เหมือนพวกเราทุกคนมีนัดมีทติ้งกันในบ่อนอย่างงั้นแหละ ถ้ามึงจะมุ่งหน้ามาทางเดียวกันขนาดนี้....แนะนำให้รถมาจอดหน้าบ่อนเลยจะดีกว่า เออ...ว่าไปเมื่อกี้แอบเห็นอาจารย์แกแว๊บๆด้วย เยี่ยมจริงๆคณะใครวะ
หลังจากเล่นได้บ้างเสียบ้างจนได้กำไรพอตัวแล้วผมก็หยุดตัวเองไว้แค่นี้ อนึ่งเพราะกลัวหมดตัว สองเพราะทนที่ต้องฟังไอ้กันเทศน์ไม่ไหว เห็นแบบนี้ไอ้กันมันพวกธรรมะธรรมโมเอาเรื่องนะครับ
“เงินมันเป็นของร้อนอยู่กับใครไม่ได้นานหรอก มึงถือไปวางให้เค้าก็เหมือนเชิญให้เค้ามาหยิบไปนั่นแหละ คิน...ไอ้คินฟังกูอยู่รึเปล่า” สำเนียงทองแดงขอมันแว้ดๆเข้าหูผมจนต้องยกมือมาแคะขี้หู
“รู้แล้ว กูก็แลกชิปคืนแล้วนี่ไง โอเคกัน...กลับไปรอบนี้กูจะบวชเลยดีมั้ย”
“ดีมาก เพราะถ้ามึงบวชปุ๊บ กูก็จะกลายเป็นคนที่หล่อที่สุดในคณะแทน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เออ....ขอถอนคำพูดที่ว่ามึงธรรมะธรรมโมได้มั้ยวะ
พวกผมถอยทัพกันออกมาเดินเล่นในเมืองเล็กน้อย อย่างว่าแหละในเขตชายแดนจะมีอะไรให้ดูมากมาย ก่อนจะกลับไปรวมตัวกันที่ที่พัก เพื่อพบว่าเพื่อนร่วมเดินทางมีทั้งรวยขึ้นและหมดตัว......เจริญกันละพวกมึง
ผมไม่ได้พักโรงแรมหรูๆกันหรอกครับ บังเอิญว่าอาจารย์มีเพื่อนอยู่ที่นี่พอดีพวกเราเลยได้อานิสงค์(เหรอ?)ได้พักในถิ่นกันดารกว่าโรงแรม โดยอาจารย์ให้เหตุผลเรื่องงบคาที่พักที่หายไปว่าเป็นงบประมาณในการทำเครื่องดื่ม(??)ภายในเจ็ดวันที่พวกเราอยู่(ที่ตลกกว่านั้นคือพอบอกเหตุผลปุ๊บไม่มีใครค้านแกเลย เรื่องนี้ยอมได้หมด) ที่พักของเราเป็นลานกว้างๆคล้ายลานวัดมีหลังคาสังกะสีเก่าๆมุงไว้ซึ่งผมตรวจสอบแล้วยังไม่แน่ใจว่าจะกันฝนได้จริงหรือไม่ และยังไม่อยากทดลองใช้งานจริงด้วย ส่วนพวกผู้หญิงที่มีน้อยนิด มันแยกตัวขึ้นไปนอนบนบ้านดีๆกัน มีแต่ไอ้พวกผมร่วมสามสิบชีวิตที่ต้องมานอนกลางดินกินกลางทรายเนี้ยแหละ.....เอาน่า ถือว่าสีสันชีวิต ลำบากกว่านี้ผมก็เคยมาแล้ว
เสื่อจำนวนหนึ่งถูกปูลงกับพื้นทรายทับด้วยตูดจำนวนมากที่เข้าไปเบียดเสียดจนผมต้องยืนเอ๋อถือแก้วเน่าๆในมือ สภาพแก้วแบบว่า....คุณเคยเจอแก้วน้ำพลาสติกตามร้านอาหารข้างทางมั้ย ที่ขอบมันจะดำๆหน่อยเหมือนผ่านขี้ปากคนมาร่วมร้อยชีวิต.....นั่นแหละ มันอยู่ในมือผมเลย แก้วน้ำลายคิตตี้จีนแดง(มีปากด้วย....คิตตี้เหี้ยไรวะ)ลอยด้วยเหล้าเถื่อน หูยยยยยยยยยยยยยย....เข้ากันดีจริ๊ง!!!!!!
“ไอ้คินไม่นั่งวะ ยืนเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ได้”
“นั่งกูก็เป็นพระเอกได้โว้ย”
“ถุย” เออ...เอาแค่เสียงก็ได้ มึงไม่ต้องเหมือนจริงแบบ3Dขนาดนั้น เฉี่ยวตีนกูไปนิดเดียว “แล้วแม่งยืนเอ๋อทำไมวะ”
“มึงช่วยแหกตาดูหน่อย สี่สิบกว่าตูดบนเสื่อหกผืน กูว่าเล่นกายกรรมเหอะมึง....แล้วดูมึงดิ วางตูดได้แค่ซีกเดียว กูว่ายืนเห๊อะ”
“ไม่เอา ท่านพ่อไม่สอนให้ยืนดื่ม แลดูไม่มีการศึกษา”
แค่หน้ามึงก็ไร้การศึกษาแล้วว่ะ คิดดูนะครับผู้ชายคณะผม ไม่ผมยาวสลวยเหมือนไปทำรีบอนดิ้งก็ถักเดทร็อคมา ซึ่งมันเป็นอย่างหลัง
“เฮ้ยๆๆ ไอ้คินแดกหมดไม่เติมได๊เหร๊อ?? มานี่เลยมึง มาๆๆๆๆๆ” ไอ้โจ้เดินมาลากแขนผมแถ่ดๆไปถึงหม้อต้มเหล้า ได้กลิ่นแอลกอฮอล์สีใสเสียดจมูกเสียจริง แม่งยิ่งกว่าแดกวาซาบิแทนน้ำพริก มันควานๆหากระบวยมาตักเหล้าเทลงไอ้คิตตี้ที่รักจนเต็มแก้ว
“โจ้.....มึงจะเอาตับกูไปทำเขียงเหรอสัส”
“เปล่า...กูจะเอาไปตัดกระจก” ช่างยอกย้อนนะมึง “เอ้า!!! โชนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
ว่าแล้วโจ้ก็เอาแก้วลายโดราเอมอน(แน่นอนว่าจีนแดง)มากระแทกคิตตี้กูซะแทบกระฉอก......ตกลงมึงจะให้กูแดกมั้ยเหี้ยโจ้
“อย่าแดกเยอะล่ะมึง พรุ่งนี้นั่งรถเข้าเมืองอีกสองสามชั่วโมง แฮงค์ขึ้นมานี่นรกชัดๆ”
“บอกกูนี่มึงบอกไอ้อาร์ทรึยังกูเห็นแม่งแดกอย่างกับน้ำเปล่า” มันว่าพลางมองไอ้ที่ไอ้อาร์ทที่ยืนพิงต้นไม้พลางกระดกแก้วประหนึ่งลิ้มรสวิสกี้ชั้นเลิศ......ไอ้เชี่ยนี่มันมีมาดตลอดเวลาจริงๆ!!!!
“ไอ้โจ้.....มึงเคยเห็นไอ้อาร์ทเมาด้วยเหรอวะ”
โจ้มองหน้าผมก่อนสมองเท่าเมล็ดถั่วของมันจะประมวลผลด้วยแรมต่ำๆ “ไม่เคยว่ะ”
“เออ....ฉะนั้นไม่ต้องกลัวมันจะแฮงค์ แต่มึงนั่นแหละ กูยังจำทริปไปปายคราวนั้นได้ที่ถุงอ้วกมึงแตกในรถ...เหี้ยนรกส่งมาเกิดจริงๆ หมดแก้วนี้มึงห้ามแดกต่อเลยนะไอ้โจ้”
ไอ้โจ้มันเวิ่นกับผมอยู่สักพักก่อนจะเริ่มออกเดินไปเวิ่นกับชาวบ้านต่อ และถ้าผมเดาไม่ผิดอีกสักห้านาทีมันต้องลงไปคลานแบบหมาแน่ๆ ไอ้โจ้มันเมาอนาถพอตัวครับ.....
ผมใช้นิ้วโป้งคลึงผิวหยาบๆของแก้วไปมา นี่ก็ผ่านมาสี่วันแล้วที่ผมไม่ได้เจอไอ้ปากกรรไกรของผม.... ไม่มีเสียงแว้ดๆของมัน ไม่มีใครมานอนดิ้นข้างๆ ไม่มีเสียงเกมส์เพลย์สเตชั่น2พร้อมเอฟเฟคอลังการในการเล่นเกมส์ของมัน ไม่มีคนมาเกี่ยงกันล้างจาน ดูที่นี่สิ.....อยู่กับพวกหน้าถ่อยร่วมสามสิบชีวิตมองไปทางไหนก็ไม่มีความเจริญหูเจริญตาเอาซะเลย
“คิดถึงไปป์ล่ะสิ”
พรวดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....
เหล้าเข้าทางปากแต่ไหลออกทางจมูก อื้อหือออออออออออออออ....มันซี๊ดซ๊าดถึงใจจริงๆกู!!!!
เหี้ยอาร์ทที่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงมองผมด้วยสายตาเหมือนมองขอทานก็ไม่ปาน มึงไม่ต้องทำหน้าอนาถใจขนาดนั้นไอ้ห่า ที่กูมีสภาพแบบนี้ก็เพราะมึงคนเดียว!!!!!
“แค่ก..แค่ก....แค่ก”
“แหม....แทงใจดำเลยทีเดียว”
“เออสิวะ“
“ฮะ ฮะ ไม่มีปฏิเสธเลยนะ”
ผมยักไหล่ “ก็มันเรื่องจริง…….”
“มึงรู้มั้ย กูแม่งเที่ยวไม่สนุกเหมือนตอนไปพม่าเมื่อปีก่อนเลยว่ะ กูเข้าใจแล้วที่เค้าบอกว่าคนมีพันธะมันเป็นแบบนี้นี่เอง”
“พูดอย่างกับคุณพ่อลูกสอง”
“อยากได้เหมือนกันแต่มันไม่มีมดลูกว่ะ” ผมยกแก้วขึ้นจิบประหนึ่งว่าแดกไวน์ “เหมือนกูจะเป็นบ้าเลยว่ะ มึงรู้มั้ยกูมองอะไรก็คิดถึงมัน มองแก้วเหล้าก็คิดถึงมัน มองวัชพืชก็คิดถึงมัน มองรองเท้าก็คิดถึงมัน แม้แต่มองหมาที่เดินผ่านไปเมื่อกี้กูก็คิดถึงมัน”
“โรแมนติกมาก....” ไอ้อาร์ทสรุปสั้นๆ
“มึงเข้าใจใช่มั้ย??”
ไอ้อาร์ทจุดยิ้มเย็นๆชวนขนหัวลุกเป็นคำตอบ สัญญาณอันตรายเรียกให้ผมไปทำเอ็มวีเพลง’ความคิดถึงมันห้ามไม่ไหว’ต่อที่อื่น จึงจะปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินมากกว่านี้.....
ความคิดถึงมันคงเป็นแบบนี้สินะ.....
มันอวลๆวนๆอยู่ในอก เหมือนจุดธูปแล้วเอาแก้วมาครอบไว้ให้ควันไปไหนไม่ได้ ได้แต่ลอยวนอยู่แบบนั้น.....
แล้วมันล่ะ....มันจะคิดถึงผมบ้างมั้ย??...
.........................................................................
............................................
.......................
.........
“ฮ๊อทจริงๆเพื่อนใครวะ มึงแอบไปทำสาลิกาไม่บอกกูรึเปล่าไปป์” จัดไปหนึ่งป้าบกลางกบาลแทนคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจยิ่ง!!!
ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือที่เข็มเดินมาใกล้เวลาเส้นตายเรื่อยๆแล้ว เหงื่อก็แตกพลั่กๆจนเสื้อนักศึกษาชื้นเหงื่อทั้งๆที่อยู่ในห้องแอร์ “ฟาร์.......ทำไงดีวะจะหมดคาบแล้ว”
“มึงถามกูมาสองวันแล้ว มึงเห็นกูช่วยอะไรมึงได้มั้ย” ผมส่ายหัว “งั้นก็ไม่ต้องถาม”
“ไอ้เหี้ย...ไม่มีช่วยกูเลยนะ”
“ไปป์เอ๊ยยยยยยย.... กูก็อยากช่วยมึงนะ แต่’มัน’เกินกำลังกูจะรับไหวจริงๆ สาบานได้ว่าเกิดมากูไม่เคยเจอเคสนี้มาก่อน ยากยิ่งกว่าทำบัญชีอีกว่ะ”
“เฮ้อออออออออออออออออออออออออออ.....”
ผมถอนหายใจเป็นรอบที่สามร้อยสี่สิบสี่ของวันนี้ ทำไมน่ะเหรอ??? เอาล่ะถ้าอยากรู้ผมจะตัดภาพไปเมื่อสองวันก่อนที่ชีวิตของผมเคยสงบสุขเป็นปกติชน แต่เพราะไอ้ฝนเจ้ากรรมวันนั้นทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับ’มัน’
ภาพเกียร์สีเงินที่ส่องแว๊บกระแทกเรติน่า พร้อมกับลิ้นไก่แห้งๆของผมที่เกิดจากการอ้าปากค้างนานเกินไป ไอ้ผู้ประสบภัยฝนพากันมาสนใจพิธีมอบเกียร์ประหนึ่งมอบรางวัลเกียรติยศก็ไม่ปาน แน่ล่ะ...มันคงจะไม่น่าสนใจถ้าไอ้เวรตะไลที่ยื่นเกียร์มานี่เป็น’ผู้ชาย’ และกูก็เป็น’ผู้ชาย’โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!
‘เฮ้ย!!! เล่นเหี้ยอะไรมึงเนี้ย’
‘รับความรู้สึกของไอ้ค่าไว้ด้วยนะครับ‘ มันหลับตาปี๋ทำท่ายื่นเกียร์สุดแขน แขนชิดติดหู ใช่ครับ...ภาพที่คุ้นตาในการ์ตูนตาหวานฉากที่นางเอกยื่นจดหมายรักแล้วพูดว่า’รุ่นพี่คะ....ช่วยรับความรู้สึกของฉันด้วยนะคะ’
ผมอึ้งมาก แต่พอตั้งสติได้ก็ปัดเกียร์ที่ยื่นมาจนจะทิ่มหน้ากูอยู่แล้วออก(มึงไม่เอายัดปากกูไปเลยล่ะ) แล้วรีบวิ่งออกจากตึกทันที ไม่ใช่อะไรครับ......อายชิบหาย!!!!คนมองทั้งตึก ขืนอยู่ต่อกูก็ไม่ใช่คนแล้ว ได้ยินเสียงแว่วๆผ่านสายฝนมาว่า ‘คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ’ อะไรทำนองนี้ ไอ้เหี้ยนี่แม่งเป็นผีอาฆาตกูรึเปล่าวะ
มาถึงหอผมก็เปียกมะล่อกมะแล่ก แต่ไม่ว่าสภาพผมจะเป็นเยี่ยงไรน้องโนเกียก็ยังคงเหมือนใหม่ เอิ่ม...เมื่อไหร่มันจะเจ๊งกูอยากขอแม่ซื้อใหม่แล้วครับ.... คืนนั้นผมพยายามข่มตาหลับให้ลงเพราะความเฮี้ยนของไอ้หล่อลื่นมันยังชวนให้ขนหัวลุกอยู่เนืองๆ น่ากลัวชิบหาย มันต้องมีคนในคณะจ้างมาแกล้งผมแน่ๆ คอยดูนะพรุ่งนี้กูจะไปเค้นคอถาม....ไอ้แม็กซ์.....ใช่ ต้องเป็นไอ้แม็กซ์แน่ๆ มันคงแค้นที่ผมไม่ยอมเอาบ้านที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์ของก๊วนผมให้มัน(ที่ติดสินบนเรื่องขอให้มันหุบปาก....ซึ่งตอนนี้กูว่าเอาร้อยล้านมายัดยังเอาไม่อยู่เลย)
การนอนคนเดียวในคืนที่ฝนตกหนักแม่งหนาวชิบหาย ก็ได้....ยอมรับว่าผมแอบเอาหมอนมันมานอนกอดนิดหน่อย ก็หมอนข้างมันไม่มีนี่หว่า ในสถานการณ์เหี้ยๆแบบนี้ผมก็นึกถึงแต่มันอยู่ได้ ถ้ามันรู้ว่าผมเผลอบอกไอ้นั่นไปว่ายังไม่มีแฟนมันต้ององค์ลงแน่ๆ.....และสภาพศพผมก็คง............
แต่ก่อนจะเป็นศพเพราะภคิน ผมอาจจะเป็นศพตายเพราะไอ้หนุ่มเสื้อช็อปก่อน รู้อะไรมั้ยครับ!!!มันมาดักรอผมที่คณะทุกวัน พร้อมพ่นถ้อยคำชวนขนหัวลุก ไล่ยังไงก็ไม่ไป นี่ก็สองสามวันมาแล้ว เหี้ยนี่ก็มาเฝ้าอยู่หน้าคณะประหนึ่งหมาของลุงยาม
และวันนี้ก็เช่นกัน..... “ฟาร์ๆๆมึงขยับมาสามสิบเอ็ดองศา บังกูหน่อย”
“ไปป์....กูเตี้ยกว่ามึงตั้งห้าเซ็น จะเอาที่ไหนไปบังวะ อีกอย่างมันเห็นมึงแล้วว่ะ เดินดุ่มๆมาแล้ว”
“บรรลัยละมึง”
ยังไม่ทันวิ่งสี่คูณร้อยไอ้เหี้ยนั่นก็ก้าวพรวดเข้ามาประชิดตัวทันที
“ไปกินข้าวเร็วครับที่รัก”
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย....ประโยคแรกกูก็ขนลุกเลยสัส!!!! “เฮ้ยมึง....กูว่าเมื่อวานกูคุยกับมึงรู้เรื่องแล้วนะ” ผมมองหน้ามัน พยายามทำตัวให้เหนือกว่ามัน “เลิกยุ่งกะกูได้แล้ว เมายากันยุงเหรอมึงอ่ะ”
ไอ้เวรนั่นยิ้ม “เมารัก”
ถุ๊ย!!!!! ไอ้ฟาร์อ้าปากหวอเหมือนรับไม่ได้ในคำตอบ นี่มึงยังเจอแบบซอล์ฟๆนะไอ้ฟาร์ กูเจอเวอร์ชั่นแอดวานซ์มาแล้ว บอกได้คำเดียว....อยากตาย!!!!!!
“โอ๊ย....กูเบื่อจะพูดกับมึงแล้ว ไปฟาร์...แดกข้าว”
ผมลากแขนไอ้ฟาร์แถ่ดๆผ่านมันไป ซึ่งก็เหมือนทุกวันครับ มันเดินตามต้อยๆจนมาถึงโรงอาหารคณะพร้อมกับไปซื้อข้าวมานั่งแดกโต๊ะเดียวกับกูเป็นที่เรียบร้อย....เจริญมาก ผมว่าหมาที่ซอยบ้านยังไล่ง่ายกว่านี้นะ
“กินแต่เนื้อไม่ดีนะ กินผักเยอะๆสิครับ มาเดี๋ยวค่าตักให้”
“พอๆๆ มึงไม่ต้องเลย......ไอ้....”
“ค่าครับ” กูกำลังคิดอยู่ว่าจะต่อว่าไอ้เหี้ยหรือไอ้สัตว์ดี ไม่ได้ถามชื่อมึงโว้ย
“เออมึง....ไอ้ค่า กูถามจริงๆนะ มึงเป็นโรคจิตเปล่าวะ มาตามกูต้อยๆเนี้ย มึงต้องการอะไรจากชีวิตกู”
“ความรัก”
โอ๊ย....กูอยากตาย..... ผมส่งสายตาอาฆาตให้ไอ้ฟาร์ที่เหมือนแอบกลั้นหัวเราะอยู่ เวรเอ๊ย....สนุกมากมั้ยมึง
“กูว่า มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกันซะละ”
“ว่ามาเลยครับไปป์” เสือกรู้ชื่อกูอีกนะมึง
“กูมีแฟนแล้ว” ไอ้ค่าเลิกคิ้วขึ้น “ฉะนั้นมึงก็เลิกมาเกาะแกะกูได้แล้ว เดี๋ยวแฟนกูเข้าใจผิด”
“ผู้หญิงน่ารำคาญจะตาย วันนั้นไปป์ยังบอกค่าแบบนั้นเลย นี่ไงได้โอกาสแล้วเปลี่ยนมาคบกับค่าเลย รับรองว่าไม่มีงี่เง่าแน่นอนครับผม!!”
กูเปลี่ยนก่อนมึงมาอีกได้ป่ะล่ะ.... มาถึงตรงนี้ผมอยากกดหัวมันลงชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าให้แม่งจมน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด
“ไปป์รู้อะไรมั้ยครับ”
“ไม่รู้” ไม่ได้กวนตีนนะ....สาบานได้...... กูไม่รู้จริงๆ
“ค่าฝันอยากลองปีนต้นงิ้วมานานแล้ว คราวนี้แหละฝันจะได้เป็นจริงซะที หึหึหึ”
“มีคนเคยบอกมั้ยว่ามึงไม่เต็ม”
“เยอะอยู่นะ แต่ค่าว่าค่าเต็มนะ ออกจะล้นด้วยซ้ำ” อ่า...ยังดีที่มันรู้ตัว
“แล้วนี่มึงเป็นบ้าอะไร อยู่ดีๆไม่ชอบ มาจีบผู้ชายทำห่าอะไร อย่าบอกนะว่าได้ผู้หญิงง่ายจนเบื่อแล้ว”
“โธ่....ถ้าไม่ใช่ไปป์ค่าก็ไม่จีบผู้ชายหรอก แต่เพราะเป็นไปป์ไง”
ผมเท้าคางจ้องหน้ามันแล้วเค้นเอาคำตอบ เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ๆ “แล้วทำไมต้องเป็นกู”
มันยิ้ม
“เพราะเราเป็นเนื้อคู่กัน” ขอถอนคำพูดครับไอ้เหี้ยนี่ไม่มีเบื้องลึกอะไรทั้งนั้น...ขนาดสมองมันยังกลวงเลย
“แล้วนี่มาตามกูต้อยๆทั้งวันหนังสือหนังหาไม่เรียนแล้วมันจะเรียนจบมั้ยเนี้ย”
“จบสิครับ” ไอ้ค่าว่าพลางคีบลูกชิ้นจากชามมันหย่อนลงในชามก๋วยเตี๋ยวของผม
“จบที่คุณเนี้ยแหละ”“........................................................................................”
ไร้คำบรรยายไอ้ฟาร์ลงไปนอนกุมท้องหัวเราะอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผมยืนไว้อาลัยกับมุกจีบหนุ่มของมันเป็นเวลาสองนาที.......ให้ตายเหอะ!!!!! คนอย่างมันเกิดมาผมไม่เคยเจอเลยจริงๆ ไม่รู้จะรับมือยังไงด้วย หน้าด้านสูสีกับไอ้ภคินมาก ติดตรงที่ไอ้พระเอกมันไม่เสี่ยวแดกขนาดนี้!!!!!!
“ไปป์ไม่ต้องห่วงนะครับ ค่าจะตามจีบจนกว่าไปป์จะยอมเอาเกียร์ไปห้อยคอเลย”
แค่ฟังก็อยากจะสำรอกก๋วยเตี๋ยวออกมาซะเดี๋ยวนั้น!!!!!!! ผมเงยหน้ามองพัดลมเพดานแล้วนึกอยากให้มันหล่นลงมาทับไอ้คนตรงข้ามตายเสียตรงนี้ ขอถอนหายใจออกมาดังๆเหอะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ภคิน เมื่อไหร่มึงจะกลับ เอาไอ้นี่ออกไปจากชีวิตกูทีเห๊อะ!!!!!!!!!………………………………………………………………
…………………………………..
…………………..
………..
ในรุ่งเช้ายางรถยนต์เก่าๆบดเบียดแตะผืนดินประเทศไทยแล้ว รถเดินทางสภาพโทรมๆไม่ต่างจากรถกระป๋องแล่นปุเลงๆไปบนถนนที่ไม่เรียบนัก เล่นเอาหัวสั่นเป็นตุ๊กตาเสียกบาลกันทั้งคันรถ จนไอ้โจ้ทนไม่ไหวต้องลุกออกไปตรงทางเดิน.....
“ช่วงนี้ชี้แนะ ชาวบ้านเดือดร้อน ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ทางเดินสันจรไปมาลำบาก พร้อมด้วยฝุ่นควันฟุ้งเต็มไปหมด”
ไอ้กันที่รู้งานสวมบทเป็นชาวบ้านทันที มันออกมายืนนิ่งแล้วทำท่าชี้ไปที่หลุมบนถนน
“เห็นแบบนี้แล้วขอให้ทางผู้ว่าช่วยรีบเข้ามาสอดส่องดูแล แล้วรีบสั่งการไปเลยครับ!!!”
“เจ้านายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย~~”
เสียงสุดท้ายทุกคนในคันรถพร้อมใจกับตะโกนออกมาแล้วตามมาด้วยเสียงโห่ฮิ้ว สักพักพวกมันก็ขนกีตาร์ออกมาเล่นแหกปากรับบรรยากาศป่วยๆแบบนี้
มันเป็นอะไรที่สนุกดีนะครับ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้......ถ้าคุณเดินทางด้วยเครื่องบินคุณคงไม่ได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ บางทีสิ่งสำคัญอาจไม่ใช่จุดหมาย แต่เป็นการเดินทาง ผมชอบละเมียดละไมลิ้มรสระยะทางช้าๆ มากกว่าจะกระโดดข้ามมันไปในครั้งเดียว นั่นล่ะชีวิตผมแหละ.... อยู่แบบล้มลุกคลุกคลานแต่ก็ภูมิใจ มันก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอครับ?
“และยังคิดถึงเธอนะ.....อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ..... วันนี้ไม่มีเธอ เหตุใดโลกนี้ช่างดูโหดร้าย....อ๊าย....อ๊าย...อ๊าย”
“เป็นจั๋งได๋น้อความฮัก เป็นจั๋งได๋น้อความฮัก ที่เคยหอมเคยกอด คิดฮอดแล้วหนาวหัวใจ”
เอาเข้าไป....ถ้าไอ้คนร้องท่อนพี่ตูนจะเป็นผู้หญิง แต่ท่อนคุณศิริพรเสือกเป็นผู้ชายชอบทำเสียงกะเทยแบบไอ้โจ้ ปวดหัวกันทั้งรถครับงานนี้ การดวลเพลงมันยังไม่จบสิ้น พวกมันเล่นกันเป็นแบบเมดเล่ย์เลยครับ มีทุกภาษาทุกแนว ลูกกรุง ลูกทุ่ง ไทยเดิม สตริง ป๊อบ เพลงสากล หรือแม้แต่เกาหลี!!!!!!! (ซึ่งขอบอกไว้ตรงนี้ว่าดำน้ำจนถึงขั้นจมน้ำตาย)
ระหว่างฟังเพลงผมตรวจดูของในกระเป๋าเป้....ได้แต่หวังว่าไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่นู่น ของก็มีอยู่แค่กระเป๋าเดียวถ้าลืมก็คงเข้าข่ายเป็นเอ๋อแล้วล่ะครับ
พอเห็นกระเป๋าแล้วก็รีบควานหามือถือที่นอนแอ้งแม้งปิดตายมาร่วมอาทิตย์มาเปิดเครื่องทันที พร้อมกดค้นหาเบอร์ของคนที่อยากได้ยินเสียงที่สุดในตอนนี้........
เธอและฉัน จับมือเคียงกันนับจากนี้ ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้~
เสียงริงโทนที่ชิ่งดังขึ้นก่อนทำเอาผมเผลอแอบยิ้มก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเพราะเบอร์ที่โชว์หราบนหน้าจอไม่ใช่คนที่ผมคิดถึงอยู่ ว่าแล้วก็กดรับอย่างเซ็งๆ
“ทำไมวะไอ้เพลง”
“โห......นี่มึงรับโทรศัพท์กูแบบนี้เลยเหรอ....เสียใจว่ะ”
“มีไรก็พูดมามึง....กูจะโทรหาแฟนกูแล้ว”
“หึหึหึ มึงพลาดแล้วไอ้คิน นี่กูโทรมาส่งSOSเลยนะเนี้ยเพราะตอนนี้กูเป็นผู้กุมความลับทั้งปวงระหว่างที่มึงไม่อยู่”
“อะไรวะ?”
เพลงส่งเสียงหัวเราะหลอนประสาทเหมือนผีผู้หญิงในหนังผีสักเรื่อง ชวนให้ผมขนหัวลุกซะจริง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมผมกับมันไม่มีวันเป็นแฟนกันได้
“ไอ้เพลง....มึงเลิกขำก่อน แล้วบอกกูมาว่ามีอะไร”
“โหย..คิน ถ้ามึงได้ยินต้องดิ้นพล่านๆแน่เลยว่ะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรวะ”
“ไปป์”
“ไปป์ทำไม?? เพลงมีอะไรก็พูด ไปป์มันทำไมวะ”
“แหม...แค่กูบอกท็อปปิคนี่มันก็ร้อนรนขึ้นมาทันทีเชียวนะ เป็นห่วงล่ะสิ กิ้วๆๆ”
“กูเคยบอกมึงรึยัง ว่าถ้ามึงไม่ใช่ผู้หญิงกูท้าต่อยไปนานแล้ว”
“บอกตั้งแต่เด็กแล้วย่ะ แล้วนี่มึงจะฟังมั้ย กูจะเลิกเล่นตัวละ”
“เออ....ว่ามา”
“ระหว่างที่มึงไม่อยู่.......มีคนมาจีบแฟนมึงว่ะ”
ชิบหาย....ผมนึกถึงบทสนทนาที่พูดแซวเล่นกับมันก่อนจะออกหอมา...
‘ไปป์....มึงห้ามเอาผู้ชายเข้ามาในห้องเด็ดขาดเลยนะ’
‘งั้นเอาผู้หญิงเข้าได้?’
‘ถ้ามันมีผู้หญิงที่โง่ขนาดนั้นก็ให้มันเข้าเหอะ....กูอนุญาต‘
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!! กูไม่อนุญาตเว่ย!!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมเอาหัวโขกเก้าอี้ไอ้กันข้างหน้าดังโป๊กๆจนเจ้าหัวมันสะดุ้งนึกว่าแผ่นดินไหว
“คิน....คินโว้ย ไอ้คิน ฟังอยู่เปล่า”
“ห๊ะ...โทษทีว่ะเพลง มึงว่าอะไรนะ”
“เฮ้อออออออออออออ....งั้นกูจะบอกอีกทีนะ” มันเว้นระยะไว้ให้ผมกลั้นหายใจรอ เหมือนลุ้นประกาศรางวัล “มีหนุ่มวิศวะมาให้เกียร์มันว่ะ”
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัว รู้สึกถึงมือตัวเองที่สั่นระริกด้วยความโกรธ ผมกดลงเสียลงต่ำเพื่อควบคุมตัวเอง “มันเป็นใคร”
“มันชื่อไอ้ค่า”
ผมแสยะยิ้มชั่วร้าย ไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นสถาปัตกับวิศวะมันก็ไม่เคยกินเส้นกันมาก่อนอยู่แล้ว แล้วไอ้นี่ริอาจเล่นของสูงมาจีบคนของกูแบบนี้.....
“เพลง....บอกมันด้วย”
“.......”
“เดี๋ยวกูจะกลับไป’ฆ่า’ไอ้’ค่า’เอง”
แล้วผมก็กดตัดสาย จ้องเบอร์โทรของคนที่ตอนแรกตั้งใจจะโทรหา แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วล่ะ......
แล้วเราจะได้เห็นดีกัน....ไอ้เด็กเสื้อช็อปเอ๊ย
TBC
ไม่ต้องตกใจค่ะ ท่านไม่ได้ฝันไป ฮ่าๆๆๆ
บังเอิญว่าเคลียร์งานได้เร็วกว่าที่คิดไว้เลยพอมีเวลาอู้มาแต่งต่อค่ะ
รู้สึกว่าค่าจะเป็นที่ต้องตาต้องใจคนอ่านพอตัว คนเขียนก็ดีใจค่ะเพราะคนเขียนชอบไอ้ค่า(โดนคินถีบ) ชอบได้นะคะ แต่ห้ามชอบมากกว่าพระเอกเราเด็ดขาด เพราะแค่นี้พระเอกเราก็โดนอาร์ทแย่งซีนบ่อยพอแล้ว ถ้าโดนค่าแย่งอีกก็ว่าจะเปลี่ยนพระเอกเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ//โดนตบ
อาทิตย์หน้าคนเขียนสอบแล้วนะคะ ไม่รู้จะได้มาต่อรึเปล่า อย่าว่ากันนะคะ
สุดท้ายนี้....ยินดีต้อนรับคนอ่านหน้าใหม่ทุกคนค่ะ และหน้าเก่าทุกคนด้วย ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
PS.คุณday9day - ดีใจมากเลยค่ะ มีคนอ่านสองรอบด้วย ปลื้มมากค่ะ