Room 14
“ซอย16/1ครับพี่”
พี่วิน(มอไซด์)พยักหน้าหงึกหงัก ผมก้าวคร่อมซ้อนท้ายมอไซด์สีแดงแรงฤทธิ์ของพี่เขา ขับไปกลางทุ่งควายขวิดพอดีครับพี่ พี่แกออกสตาร์ทกระตุกซะจนผมต้องดึงเสื้อพี่แกจนแทบขาดติดมือ
นี่กูมาทำอะไรวะเนี้ย??? กูมาทำอะไรในซอยแคบๆนี่ เฮ้อออออออออออออ...คิดแล้วผมก็แค่นยิ้มกับตัวเอง สงสัยผมจะเป็นคนใจดีเกินไปซะแล้วมั้งเนี้ย หาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยเลยกู ตั้งแต่ไปช่วยมันฟัดกับพี่บิ๊ก4คนตอนนั้นแล้วนะ
คิดอะไรเพลินๆที่แกก็จอดมอไซด์ตรงป้าย16/1 ผมยื่นเหรียญสิบให้ไปแล้วพี่ท่านก็แว้นออกไปเลย ไม่รอให้ผมถามอะไรสักคำ...นี่สรุปกูต้องหาบ้านมันเองใช่มั้ยเนี้ย
บ้านหลังเล็กๆนับไม่ถ้วยทอดตัวยาวเป็นแถวปรากฏอยู่ตรงหน้าผม ยังดีที่เป็นบ้านซีเมนต์ถ้าเป็นบ้านไม้คงชวนขนหัวลุกพิลึก ที่สำคัญบ้านทุกหลังเป็นบ้านชั้นเดียวทั้งสิ้น แต่ก็พอมีอาณาเขตหน้าบ้านให้ปลูกต้นไม้หรือจอดรถอะไรบ้าง คนที่อาศัยก็คงเป็นพวกฐานะปานกลางไม่รวยไม่จนนั่นแหละ ว่าแต่...มันมีประตูทุกหลังเลยกูจะรู้มั้ยว่าหลังไหนไอ้เชี่ยอาร์ท!!!!!
ว่าแล้วก็เอากระดาษแผนที่มันมากางดูเผื่อจะช่วยระบุพิกัดห่าเหวอะไรได้บ้าง ซึ่งก็พบว่าไม่มีเหี้ยไรเลย แต่พอพลิกไปด้านหลังกระดาษก็เจอตัวอักษรหวัดๆ
‘089 xxxxxxx เบอร์คิน ผมบอกแล้วว่ากระดาษนี้มีประโยชน์
อาร์ท’ ไอ้เวรเอ๊ย!! ยังดีที่ไอ้กระดาษผีนี่มันช่วยอะไรผมได้บ้างจริงๆผมรีบกดโทรออกทันทีแต่ปลายสายกลับไม่มีใครรับ ให้มันได้อย่างงี้สิวะ!! ผมเดินส่องบ้านคนอื่นไปมาในซอยคาดว่าใครมาเห็นคงคิดว่าไอ้นี่มันจะมาปล้นบ้านรึเปล่าเนี้ย โอ๊ะ...ไอ้เรื่องละ!! ผมเห็นไอ้เน่าจอดอยู่ในรั้วบ้านหลังหนึ่ง สองขารีบวิ่งไป ในขณะที่นิ้วผมแตะอยู่กับปุ่มกริ่งนั่นเอง...
“ไอ้เด็กเวร มึงออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“มึงนั่นแหละต้องออกไป นี่มันบ้านพ่อกู!!!” เสียงขว้างปาดังออกมาจากในบ้านและคาดว่าจะลามมาถึงหน้าบ้านแล้วเพราะเสียงเปิดประตูปึงปัง
ผมยืนมองภาพตรงหน้าตรงๆเพราะให้ซ่อนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ชายวัยกลางคนน่าจะอายุราวๆห้าสิบต้นๆกำลังก่นด่าคนที่ผมกำลังตามหาอยู่ และผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย?
“พ่อมึงมันตายไปแล้ว และตอนนี้กูมีสิทธิในบ้านมึงทุกอย่าง!!”
“ไอ้เหี้ย มาเป็นกาฝากเกาะบ้านกูแล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ” คิ้วเข้มๆนั่นขมวดเข้าหากัน ใบหน้าดุดันที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนจะฆ่าคนได้...นั่นมันภคินจริงๆเหรอ....
“คิน...ใจเย็นๆนะลูก ลุงเขาเมาอยู่ เขาพูดอะไรเขาไม่รู้ตัวหรอกลูก” สาววัยกลางคนที่คาดว่าจะเป็นแม่ของไอ้ภคินออกมาดึงแขน แววตาของเธอสั่นระริกราวกับจะร้องไห้
“แม่...อย่าให้คินเห็นไอ้เหี้ยนี่อยู่ในบ้านของเราอีกนะ”
“ทำไม มึงจะทำไมไอ้เด็กเมื่อวานซืน....” ลุงคนนั้นเขาเมาจริงๆด้วยแหละครับ น้ำเสียงอู้อี้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง แถมตอนนี้โผเข้ามาหาภคินจนแม่มันต้องมากันออกไป
“กูก็จะฆ่ามึงน่ะสิ มึงอย่าให้บ้านกูสกปรกไปมากกว่านี้เลย แค่เห็นหน้ามึงกูก็จะอ้วกแล้ว”
“คิน..แม่ขอร้องนะอย่าทะเลาะกันเลยลูก” เธอเขย่าแขนลูกชายเบาๆให้ใจเย็น
“หึหึหึ” ไอ้ลุงนั่นหัวเราะน่าสะอิดสะเอียน “สกปรกยังไงกูก็เป็นพ่อมึงนะ”
“มึงไม่ใช่พ่อกูไอ้สัส!!!”
“แล้วผัวแม่มึงนี่จะให้เรียกว่าอะไรวะ....ถ้าไม่ใช่พ่อ” สิ้นเสียงหมัดหนักๆของภคินก็โหมเข้าหน้าไอ้ลุงนั่น แม่มันกรีดร้องด้วยความตกใจ ลุงนั่นก็ไม่ยอมแพ้ต่อยสวนมันไปหลายหมัดเหมือนกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองคนซัดกันนัวเนียอยู่ที่หน้าบ้าน ผมรีบเปิดรั้วเข้าไปโดยไม่ขออนุญาต
“ภคิน!! ภคิน!!! หยุดก่อน” ผมพยายามคว้าแขนมันไว้แต่มันดิ้นแป๊บเดียวก็หลุด ผมไม่กล้าทำอะไรมากเพราะกลัวโดนลูกหลง แม่มันมองหน้าผมเลิ่กลั่กแต่ก็คงพอรู้ว่าผมเป็นเพื่อนลูกชายเธอ นัยน์ตาเธอสั่นระริกเหมือนพร้อมจะร้องไห้ตลอดเวลา ตัวสั่นไปหมดเพราะความกลัว ผมหันซ้ายขวาเพื่อหาอะไรที่จะช่วยให้สองคนนี้แยกกันได้
ซ่า~~~~~ น้ำในถังที่รองไว้ถูกสาดใส่ผู้ชายสองคน ทำให้การชกต่อยหยุดชะงักไป แม่มันใช้โอกาสนี้ลากแขนลุงคนนั้นไปไกลๆลูกชายของเธอ ภคินนั่งอยู่ที่พื้นพลางยกมือเสยผมที่เปียกโชก มันเหลือบมองหน้าผมเสี้ยววินาทีก่อนจะตวัดไปมองแม่มันที่ดูแผลที่ข้างแก้มให้ลุงนั่นด้วยสายตาที่ปวดร้าวที่สุด
ผมพยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ที่คอลงไปด้วยความยากลำบาก....ทำไมล่ะ ทั้งๆที่ลูกชายตัวเองก็เจ็บอยู่แท้ๆแต่กลับไปดูแผลให้ผู้ชายคนนั้น ยิ่งเห็นสายตาของภคินที่มองภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมอยากจะร้องไห้
“กลับห้องกันนะ” มือขวาถูกยื่นไปให้ผู้ชายที่เปียกโชกด้วยฝีมือผมตรงหน้า ภคินไม่ตอบอะไรแต่คว้ามือผมไว้เพื่อดึงตัวขึ้นจากพื้นที่ชุ่มไม่ด้วยน้ำไม่ต่างจากตัวมันเลย ผมเดินตามมันมาที่ไอ้เน่าเงียบๆ มันขึ้นคร่อมไว้รอจนผมนั่งลงแล้วจึงสตาร์ทเครื่อง ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านอย่างเงียบๆผมหันหลังไปเพื่อมอง...
ผู้หญิงคนนั้นยังไม่หันมามองทางนี้สักนิด......
ผมนั่งนิ่งๆแทบไม่กล้าขยับตัว ไร้บทสนทนาระหว่างผมกับมัน ... ตั้งแต่รู้จักกันมามันเป็นชั่วโมงที่น่าอึดอักที่สุดเลย....
พอกลับมาถึงห้องทั้งผมทั้งมันไม่มีให้พูดอะไรสักคำ แม้แต่คำถามว่ากินข้าวรึยังผมยังไม่กล้าถามมันเลยด้วยซ้ำ ผมเทข้าวใส่จานให้มันวางบนโต๊ะ แล้วค่อยๆกินข้าวส่วนของตัวเองช้าๆ ส่วนมันน่ะเหรอ...อยู่ที่ระเบียงห้องตั้งแต่กลับมาแล้ว คาดว่าคงไปสูบบุหรี่ พอเจอแบบนี้ผมเกือบหลุดปากบอกให้มันเข้ามาสูบในห้องแล้ว ออกไปนั่งที่ระเบียงเกิดมันคิดสั้นโดดลงไปตายทำไงล่ะครับ ชั้น3ไม่ได้แปลว่าจะไม่ตายซะหน่อย แล้วเกิดแค่พิการยิ่งซวยไปใหญ่เลย
กวาดข้าวคำสุดท้ายเข้าปากไปแล้วรวบช้อน ผมเก็บจานข้าวด้วยเองไปล้างก่อน ล้างเสร็จมันก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัวไปไหน ผมก็ไปอาบน้ำต่ออีกสักพักนึง แต่พอออกมาก็เห็นมันยังนั่งพ่นควันอยู่ไม่หยุด เฮ้ออออออออออ...
แกรก..
เสียงเลื่อนบานประตูไม่สามารถเรียกความสนใจจากมันได้ แม้แต่เหลือบตามองมันยังไม่ทำด้วยซ้ำไป นัยน์ตาสีดำทอดมองออกไปด้านล่างอย่างล่องลอย เสี้ยวหน้าปรากฎรอยฟกช้ำเป็นจุดๆ
“อยากชมวิวทำไมไม่เช่าห้องชั้นสูงๆวะ อยู่ชั้น3มันจะไปเห็นอะไร”
“ชั้น3เนี้ยแหละ ขึ้นบันไดไม่เหนื่อยดี” มันตอบแล้วพ่นควันนิโคตินออกมา
“ลิฟท์ก็มี ขึ้นบันได้ทำไม บางทีกูยังแอบขึ้นเลย”
“เพราะมีคนแบบมึงนี่ไงโลกมันถึงร้อน” หนอย..ไอ้ห่านี่ ได้ทีกวนตีนใหญ่เชียวนะ มันหัวเราะเบาๆที่เห็นผมฟึดฟัด...เอาวะอย่างน้อยมันก็คงรู้สึกดีขึ้น
มันยืนพาดแขนอยู่บนราวระเบียง มือขวาถือไอ้แท่งบุหรี่ที่ปล่อยควันสีขาวลอยเอื่อยในบรรยากาศ ผมคงอยู่ไม่นานหรอก ไม่ได้ถูกกับควันบุหรี่อะไรนักหนาไม่ได้ดัดจริตนะครับผมว่ามันเหม็นจะตายสูบกันเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้...ไอ้แซ๊กก็อีกคน ตัวดีเลย....
“ข้าวอยู่บนโต๊ะนะ กินเสร็จล้างด้วย” ผมพูดก่อนจะเลื่อนบานประตูกลับเข้าห้องไป ถ้าไม่มีมือของอีกคนมาคว้าเอวผมเข้าไปกอดเสียก่อน
“เฮ้ย!!..ทำไรวะ”
“อยู่แบบนี้สักพักนะ...กูขอร้อง” น้ำเสียงสั่นไหวเสียจนผมรู้สึกได้ แต่มันไม่ได้ร้องไห้หรอกผมว่ามันเข้มแข็งมากเลยนะถ้าผมเจอแบบมันคงร้องไห้เป็นบ้าไปแล้ว ผมนั่งนิ่งให้มันกอดจากด้านหลัง ใบหน้าหล่อซบลงจนรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกลึกๆช้าๆที่เป่ารดบนแผ่นหลัง สองแขนสอดเข้ามากอดนั่นดูสั่นระริก ผมมองแท่งนิโคตินที่กลิ้งไปมาบนพื้นระเบียง
....มันค่อยๆมอดลงช้าๆ...จนเหลือแต่ก้นบุหรี่เท่านั้น.........................................................................
............................................
.......................
.......
ผมนอนกลิ้งตัวไปมาบนเตียง ผมชอบหอนี้เพราะเตียงมันใหญ่เนี้ยแหละนอนกลิ้งไปกลิ้งมาสบายชะมัด รู้สึกปวดเมื่อยตัวไปหมด ก็เล่นนั่งให้มันกอดตั้งนาน มือก็กดนวดไหล่ตัวเองไปเรื่อย...คิดอะไรเพลินๆไป อยู่ๆประตูห้องผมก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของรูมเมทในชุดนอน เหยดดดดดดดดดดด...มาทำไมวะ
“กูนอนด้วย”
“จะบ้าเรอะห้องมึงก็มีทำไมไม่นอน เตียงใหญ่กว่ากูอีก” มันไม่สนใจเดินลากหมอนลากผ้าห่มกระโจนลงมาบนเตียงผมเรียบร้อย
“โดดหาพ่อมึงเหรอ เตียงหักพอดี”
“พ่อกูตายแล้ว..” ชัดเจน แจ่มแจ้ง เล่นเอาบรรยากาศในห้องมาคุขึ้นมาถนัดตา ผมจ้องหน้ามันให้ความมืดด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก
“มึงไม่อยากถามอะไรหน่อยเหรอ”
“ไม่ล่ะ...ถ้ามึงอยากพูดอะไรเดี๋ยวมึงก็พูดเอง”
“งั้นกูพูดก็ได้ กูว่าพวกชอบเสือกเรื่องชาวบ้านอย่างมึงน่าจะอยากรู้” ผมหันไปค้อนใส่มัน แต่ก็เงียบไม่ตอบโต้เพื่อรอฟัง(ซะงั้น)
“ไม่มีไรมากหรอก ไอ้ลุงที่ต่อยกะกูอ่ะสามีใหม่แม่กู ส่วนพ่อกูตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน”
“แล้วมึงไม่ชอบเขา?”
“กูเกลียดมัน!!! วันๆเอาแตกแดกเหล้า เล่นพนัน ไม่มีเงินก็ไปไถเอาจากแม่กู” มันนั่งชันเข่าเอามือขวากุมขมับ “แม่กูก็แปลกเนอะที่ไปรักคนอย่างมัน เงินก็ไม่ได้มีมากมายพอไม่มีก็มาขอที่กูไปให้มันเรื่อยเลย ตลกดีมั้ยล่ะมึงกูทำงานหาเงินแทบตายให้ไอ้เหี้ยนั่นไปแดกเหล้า เล่นไพ่ หึหึหึ”
“ภคิน...” ผมครางชื่อมันในลำคอ หน้ามันตอนนี้อย่างกับจะร้องไห้เลย แต่มันคงไม่ร้องหรอกไม่งั้นเมื่อกี้ก็คงร้องไปแล้ว
“ทำไมกูจะไม่รู้ว่าแม่กูรักมันมากขนาดไหน น่าจะก่อนพ่อกูด้วยซ้ำไป น่าตลกว่ะมึงว่ามั้ยไปป์”
“พอแล้ว...มึงไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว” ผมจับแขนมันไว้ให้มันหยุดพูด ยิ่งฟังผมยิ่งรู้สึกหดหู่
“
กูเกลียดความรัก....มันทำให้คนยอมทำอะไรทุกอย่างโดยไม่คิดถึงคนอื่น ทำให้คนโง่ ทำให้คนไม่รู้จักคำว่าพอ ทำให้คนเห็นแก่ตัว ทำให้ลืมคนรอบข้าง....ทำให้แม่กูเป็นแบบนี้......”
ผมลุกขึ้นมากอดมันแล้วดึงลงไปนอน ภคินสอดแขนเข้ามารองใต้คอผม ส่วนมืออีกข้างมันเกลี่ยข้างแก้มผมไปมา ผมไม่พูดอะไรตอนนี้ให้เสียบรรยากาศ....แค่นี้ก็สงสารมันจะแย่แล้ว
“ขอบคุณที่อยู่ข้างๆว่ะไปป์” มันยิ้มบางๆให้ผมแล้วก้มลงสูดกลิ่นจากเส้นผม จั๊กจี้ชะมัดแต่ก็ทนๆเอา ปล่อยให้มันกอดไปสักพักมันก็หลับไปเฉยเลย ลมหายใจเข้าออกช้าๆนั่นเป็นสัญญาณบอกอย่างดีว่ามันสลบไปเรียบร้อยแล้ว
แต่..กูนี่สินอนไม่หลับ
ใครใช้ให้มึงเอาหน้าหล่อๆมาใกล้กูขนาดนี้วะ!!! ใกล้ซะจนรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดลงบนหน้าผาก ผมใช้โอกาสนี้สำรวจใบหน้ามันเพราะเวลาปกติไม่ค่อยอยากจะมองหน้ามันนักหรอก คิ้วหนาๆ เปลือกตาที่ปิดสนิทรับกันกับจมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากหยักที่ตอนนี้มีรอยช้ำจากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ผมเพิ่งจะสังเกตว่ามันมีรอยแผลเป็นจางๆที่ข้างแก้มด้วย....
ชีวิตคนอย่างมันนี่อะไรเยอะแยะวะ หรือมันจะเป็นพวกขาดความอบอุ่น ประสบการณ์ตอนเด็กคงสั่งสมให้มันเป็นคนไม่สนใจโลกแบบนี้...
นอนคิดไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดที่ว่ามันเข็มแข็งแล้วล่ะ ผมว่ามันอ่อนแอกว่าที่เห็นด้วยซ้ำไป
คนที่ไม่สามารถร้องไห้ได้ในเวลาที่อยากร้องน่ะ...อ่อนแอจะตายไปTBC
เรียกเรทติ้งคืนให้คินซะหน่อย มีปมแบบพระเอกซีรีย์เกาหลีเลยนะ...ดูสิ!!! (และเหมือนพระเอกเกาหลีตรงที่พระรองดังกว่า ไอ้น้องอาร์ท
)
ใครที่หวังNCคงต้องกินแห้วนะจ๊ะ เอาดราม่าไปก่อนละกันทดแทนกันได้(เหรอ?)
ในที่สุดไอ้สองคนนี้มันก็มีพัฒนาการซะที ไม่ใช่เอาแต่ตีกันไปวันๆ เป็นแฟนกันเร็วๆนะ
ตอนนี้สั้นเนอะ ตอนหน้ายาวแน่นอนค่ะเพราะเขียนเสร็จแล้ว
อ๋อ..แล้วก็ไม่ต้องเชียร์อาร์ทคู่กับใครนะคะ เพราะน้องอาร์ทเป็นของเราค่ะ
//ชี้อาร์ทแล้วชีตัวเอง ทำแบบเหมยลี่
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจค่ะ อ่านเม้นแล้วมีความสุขมาก:]
PS.เรื่องยามตะวันรอนกับน้ำแข็งในเปลวไฟตอนนี้เรารับเช่าอยู่นะคะ ใครจะกรุณาให้เช่าบ้าง ออกให้ทุกอย่างค่ะค่าไปรษณีย์ด้วย รักษาหนังสือแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย
อยากอ่าน....