Room 5
ตั้งแต่เหตุการณ์ซักกางเกงในหรรษาวันนั้น ผมก็ไม่กล้าหือกับมันอีกเลยครับ...คุณๆลองคิดดูนะครับว่าผมเอาแผนหน่อมแน้มๆไปเล่นงานมัน แต่ดูสิ่งที่มันโต้กลับสิครับ!! คาดว่าถ้าบุกไปฆ่าบุพการีผมได้มันคงทำไปแล้ว แค่กูเขียนหน้ามึงเนี้ยนะ มึงถึงกลับมาทำร้ายกูแบบนี้...กระซิกๆ
ดังนั้น...ผมจึงตัดสินใจว่าจะเล่นงานคนอย่างไอ้ภคินน่ะมันต้องรอแผนขั้นเทพซึ่งตอนนี้ผมก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกัน แถมยังต้องเตรียมรับมือกับการโต้กลับขั้นเทพอีก เฮ้อ....เป็นศัตรูกับมันนี่ลำบากจริงๆครับ
วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ เสาร์แรกของชีวิตที่ผมได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เกลียดที่สุด ถ้ามันไม่ออกไปเดทกับแอมเหมือนวันปกติที่ผ่านๆมานะครับ..
อันที่จริงการอยู่ร่วมห้องกับมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักหรอกครับ หรือพูดให้ถูกก็คือมันเช่าห้องไว้ซุกหัวนอนจริงๆครับ คือมันตื่นไปเรียนตอนเช้าและกลับเข้ามานอนตอนดึกๆเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว ซึ่งผมว่าก็ดีเหมือนกันขืนอยู่ด้วยกันบ่อยๆมีหวังเกิดคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายแน่ๆครับ..
“มึงไม่ออกไปไหนเหรอ” มันทำหน้ามึนๆหัวฟูๆเปิดประตูห้องนอนออกมาทักทายผมที่นั่งดูช่อง9การ์ตูนอยู่ที่โซฟา ขนาดตอนตื่นนอนมันยังหล่อได้เลยครับ!!!!..กูล่ะนับถือมึงจริงๆ
“ถ้าไปจะนั่งหัวโด่อยู่นี่มั้ยล่ะ...ถามโง่ๆ”
“มึงอยากเป็นไส้เลื่อนเหรอ?” ....ฮึก...สะอึกครับ ผมรีบเก็บปากเก็บคำทันที แล้วหุบขาตัวเองแน่น คือคนอย่างมันคงไม่จบแค่ขู่อ่ะครับ ว่าแต่...ทำไมกูต้องเป็นเบี้ยล่างให้มึงตลอดเลยวะเนี้ย!!!!!
ริมฝีปากหยักของมันกระตุกยิ้มกวนโอ๊ยขึ้นมาแว๊บนึง ก่อนมันจะดันตัวออกมาจากประตูแล้วเดินอาดๆมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆที่เดียวดายบนโซฟาเดียวกับผมทำเอาผมสะดุ้งขึ้นมาเฮือกนึง ก่อนจะทำเป็นหันไปสนใจโคนันในทีวีต่อ
“เฮ้ย..” มันเอาตีนยื่นมาสะกิดขาผมเบาๆ ผมหันไปทำหน้าเบื่อโลกใส่มันจนมันหลุดขำออกมา “มึงนี่ตลกชะมัด กูพูดเล่นน่า ถ้ากูจะเล่นงานมึงก็ไม่ใช้แผนเดิมหรอกน่าเบื่อตายเลย”
“เออ..กูขอบคุณมึงจริงๆ นี่ไม่ได้มึงนี่กูแย่เลยนะเนี้ย” สาบานได้ครับ..เกิดมาผมไม่เคยทำเสียงประชดใครขนาดนี้มาก่อนในชีวิต!!
“เออ..ขอบคุณมึงเหมือนกัน ถ้าไม่ได้มึงแต่งหน้าให้วันนั้นกูคงไม่มีวันนี้ว่ะ” แล้วก็สาบานได้ว่านั่นเป็นเสียงประชดที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาในชีวิต “เฮ้ยๆ เลิกสนใจโคนันได้แล้ว” คราวนี้มันเอาตีนสะกิดผมแรงกว่าเดิมครับ...เจ็บนะว้อย
“มีอะไรวะ” ผมหันมาท้าวคางทำหน้าเบื่อโลกเต็มประดาใส่มัน ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ
“มึงเอาปากกาที่เขียนหน้ากูวันนั้นไว้ไหน ยืมหน่อยดิ๊จะเอาไปทำงาน” โห..นี่มึงไม่ได้มีความฝังใจกับสิ่งของเลยใช่มั้ย?
“เสียบอยู่ที่โต๊ะเครื่องเขียนน่ะ” แล้วผมก็เมินมันไปสนใจโคนันในทีวีต่อ แหม..กำลังจะเฉลยตัวคนร้ายแล้วเชียว
“เฮ้ยๆ” อะไรของมันอีกวะ!!!!!
ผมหันควับไปง้างปากกำลังจะด่า แต่ก็พบว่า...หน้าผมกับมันห่างกับไม่ถึงคืบแล้ว.. ใกล้ซะจนรู้สึกรู้สึกถึงลมหายใจของมันเลย.. ก่อนที่มันจะผละออกไปแถมยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่างหาก ทั้งๆที่กูตกใจแทบช็อคตายเนี้ยนะ!!!!
“มึงเรียนLawเซคเดียวกับกูใช่มั้ย??”
“ห๊ะ?? กูเนี้ยนะนะเรียนเซคเดียวกับมึง???” ผมงงเป็นไก่ตาแตกแล้วครับ “ทำไมกูไม่เห็นรู้เลย”
“ก็ตั้งแต่เปิดมามึงเคยเข้าเรียนมั่งรึเปล่าล่ะ??” ฮึก...สะอึกครับ เป็นความจริงที่ว่าผมกับไอ้ฟาร์โดดวิชานี้ด้วยว่ามันไม่เช็คชื่อน่ะสิ..
“ละ..แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูเรียนเซ็คเดียวกับมึง”
“ตารางเรียนปัญญาอ่อนๆที่มึงแปะไว้ที่ประตูห้องนอนกูไง” มันเลิกคิ้วขึ้น แหม..ห้องนอนมึงเนอะ “โตแล้วยังตอนมีตารางเรียนอีกเหรอวะ มึงนี่ทำตัวยังกะเด็ก”
“มึงไม่ต้องมาเสือกกะกูเลย แล้วLawมันมีอะไรห๊ะ??”
“คาบหน้าอาจารย์นัดทำควิซน่ะ มาไม่มาก็แล้วแต่มึงเหอะ” แล้วมันก็คว้ารีโมทในมือผมไปกดเปลี่ยนช่องหน้าตายเฉย “กูอุตส่าห์หวังดี”
“ห๊ะ....มึงว่าอะไรนะ???”
“เปล๊า...แม่งไม่เห็นจะมีอะไรดูเลย เชิญมึงดูการ์ตูนปัญญาอ่อนนี่ไปเหอะวิรัล”
“ไอ้เชี่ยนี่!!! โคนันมีประโยชน์จะตาย ได้ใช้สมองด้วย”
“เอาไว้มึงโดนฆาตกรรมเมื่อไหร่ กูจะดูไว้ไขคดีให้มึงแล้วกันนะ” อื้อหือ...เอาคดีมึงก่อนดีมั้ยครับไอ้คุณภคิน??
ผมได้แต่บ่นอุบอิบเพราะมันปิดประตูเข้าห้องน้ำไปเสียแล้ว ด่าไปก็คงไม่ได้ยิน.... ใครบอกว่ามันเป็นสุภาพบุรุษวะ?? ดูมันทำแต่ละอย่างกับผมนี่สิ!!!..ทั้งซกมก สกปรก ข้าวของก็ไม่ค่อยเก็บ จานใช้แล้วก็ไม่ล้าง บางทีก็ลืมเสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำ แล้วใครทำความสะอาดล่ะ?? ถ้าไม่ใช่ไอ้คนที่นั่งหัวโด่นี่!!!!
ก็ไม่ใช่ว่าผมเป็นพ่อบ้านอะไรหรอกนะครับ แต่มันเล่นสกปรกเกินหน้าเกินตาขนาดนี้..ใครมันจะไปทนได้วะ..
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็แผดเสียงดังลั่นจนผมสะดุ้ง ...ไอ้ฟาร์โทรมาครับ มันชวนผมไปซื้อของขวัญวันเกิดให้หลานสาวมัน ซึ่งชวนก็เหมือนบังคับน่ะครับ วางสายจากมันผมก็รีบเข้าห้องไปแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก ดีเหมือนกันวันนี้จะได้ไม่ต้องรับมือกับไอ้ภคิน
ผมจะได้ไม่ต้องด่าคนสักวันน่ะครับ ด่าทุกวันบาปแย่เลย..
.......................................................................
....................................................
..............................
.......
“เฮ้ยๆ ไม่เอาอันนั้นมันปัญญาอ่อนเกิน หลานกู14แล้วนะโว้ย ไม่ใช่5ขวบ มึงซื้ออันนี้ไม่ซื้อขวดนมไปเลยวะ”
“โอ๊ย..ไอ้ห่านี่เรื่องมากซะจริง!!” ผมหยิบอีกอันขึ้นมาแทน “แล้วอันนี้เป็นไง”
“เอาผ้าอ้อมเลยมั้ย???”
“เอ๊ะไอ้สัดนี่...งั้นมึงเลือกเองเลยไป จะลากกูออกมาทำไมวะ”
“โอ๋ๆๆๆๆ กูล้อเล่นน่า มาหลายๆคนก็ย่อมดีกว่าคนเดียวใช่มั้ยล่ะ”
บทสนทนาขั้นต้นเกิดขึ้นในห้องสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงเทพครับ คนเดินผ่านไปผ่านมาก็คงสงสัยว่าไอ้ผู้ชายสองคนนี้มาทำอะไรในร้านขายของหวานแหววขนาดนี้ ไอ้แรกๆตอนเดินเข้าผมกับมันก็อายๆอยู่นะครับ แต่อยู่ๆไปก็ชักสนุกดีเหมือนกันวุ้ย ฮ่าๆๆๆ
ผมกับมันเดินวนไปมาในห้างจนสุดท้ายก็ไปจบอยู่ที่ร้านSwensens!!! ซึ่งกูงงมากครับว่ามันเกี่ยวกับของขวัญตรงไหน แต่ก็นั่นแหละ...ผมเดินตามมันเข้าร้านอย่างไม่มีอิดออดเลยครับ...(ใจง่ายจริงๆกู)
“มึงว่าไอ้ภคินมันเป็นประเภทไม่มีใครคบเปล่าววะ??” ผมเปิดประเด็นเรื่องที่สงสัยมานาน ไอ้ฟาร์ที่กำลังจ้วงไอติมเข้าปากถึงกับชะงัก
“เป็นห่วงรึไง” มันง้างปากจะต่อแต่พอเห็นสายตาของผมมันก็เข้าเรื่องทันที “ก็มีแอมนั่นไง”
“กูหมายถึงเพื่อนน่ะ...เพื่อนผู้ชายน่ะ”
“อ๋อ...ก็ไอ้คนนั้นไง ที่ชอบเดินเอื่อยๆตามหลังมันอ่ะ”
ผมนึกออกแล้วครับ ไอ้ผู้ชายคนที่เป็นแบล็กกราวน์ให้ไอ้ภคินตลอดเวลา ผู้ชายผมดำตัวสูงๆ หน้าตาดูเรื่อยๆเฉื่อยๆ ไม่สนใจโลก อันที่จริงไอ้ภคินมันก็เข้าใจหาแบล็กกราวน์ให้ตัวเองดูดีนะครับ...คือไอ้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้หน้าตาแย่อะไรหรอกนะ แต่มันดูล่องลอยซะจนไม่ค่อยน่ามองน่ะ
“มึงว่าเพื่อนมันเมากัญชาเปล่าวะ กูเห็นมันทำหน้าแบบล่องลอยตลอดเวลา” ไอ้ฟาร์ระเบิดเสียงหัวเราะจนพี่สาวเสิร์ฟข้างๆสะดุ้ง..ดีนะพี่เค้าไม่ทำแก้วตกน่ะ ถ้าไอ้คนที่คณะมาเห็นมึงหัวเราะมันต้องไม่เชื่อแน่ๆว่ามึงเป็นคนเดียวกับไอ้คนขรึมๆนั่น
“มึงก็นินทายันเพื่อนเค้าเลยนะ” มันยกน้ำขึ้นดื่ม สงสัยจะคอแห้ง “ว่าแต่มึงเหอะ...อยู่กับภคินเป็นไงมั่ง”
“ไม่ลำบากอย่างที่คิดว่ะ ถ้าพูดให้ถูกก็คือมันแทบไม่กลับหอน่ะ กลับมาก็นอนเลย เช้าก็ออกไปเลย เสียอย่างเดียวเจอหน้ามันทีไรกูเถียงแพ้มันทุกที” ผมเท้าคางตอบเรื่อยๆ ฟาร์พยักหน้าช้าๆรับรู้
“มันออกไปไหนนักหนาวะ”
“ไม่รู้มัน...ไปเดทกับแอมมั้ง แฟนสวยก็ต้องควงให้ทั่วสิวะ”
“เหมือนมึงอ่ะเหรอ” ผมถลึงตาใส่มันจนมันหลุดขำออกมาเบาๆ “แหมๆ...กูล้อเล่นหรอก ซีเรียสไปได้”
“เดี๋ยวนี้กูไม่สนแอมแล้ว เข้ามหาลัยแล้วผู้หญิงสวยกว่าแอมมีอีกตั้งเยอะ”
“มึงหมายถึง...เพลง??”
“เอ๊าะ!!ก็ต้องหมายความว่างั้นอยู่แล้ว” ผมดีดนิ้วทำท่าเหมือนมันตอบคำถามเกมส์แฟนพันธุ์แท้ได้
“อื้อหือ...กูว่าดอกฟ้ากับหมาวัดยังหรูไปเลย” ..ไอ้เพื่อนชั่ว!!ไม่เคยมีให้กำลังใจกันบ้างเล๊ย พอเห็นผมค้อนใส่มันก็หันไปสนใจไอติมในถ้วยมันแทนเป็นการหนี
เพลงเป็นดาวคณะผมเองครับ เธอแอบป๊อบในมหาลัยอยู่พอควรถึงแอมจะดังกว่านิดหน่อยก็เหอะ แต่ผมว่าเพลงมีเสน่ห์กว่าแอมเยอะเลยนะครับ เหมือนจะตรงสเปคผมมากกว่าแอมซะอีก
เพลงเป็นสาวผมสั้น ตาโต จมูกโด่ง เวลาเดินเหมือนพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า พูดจาฉะฉาน เห็นแล้วรู้เลยอ่ะครับว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาดมีไหวพริบ แต่ปัญหาก็คือ....
“มึงว่าข่าวลือที่ว่าเพลงมีแฟนแล้วนี่จริงมั้ยวะ” ผมส่งคำถามให้ไอ้ฟาร์ช่วยกันครุ่นคิด
“ถ้ามึงสงสัยมากๆ ทำไมมึงไม่ถามเค้าเองเลยวะ เจอกันที่คณะเกือบทุกวัน”
“แหม..ช่างเป็นเรื่องง่ายดายจริงๆนะครับคุณฟาร์ ให้กูเดินเข้าไป ‘หวัดดีเพลง มีแฟนรึยัง ถ้าไม่มีมาเป็นแฟนเราได้มั้ย’ โอ๊ย..ง๊ายง่ายเนอะ” ผมเบ้หน้ามองออกไปที่นอกร้าน แล้วก็พบกับ...
ไอ้ภคิน!!! โอ๊ย...ชาตินี้กูจะหนีมึงไม่พ้นใช่มั้ยเนี้ย แต่เอ๊ะแปลกครับ มันไม่ได้มากับแอมครับ มากับชายวัยกลางคนหลายคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้าและไม่อยากเห็นหน้าด้วย...เถื่อนชิบหาย หน้าพวกมันเหมือนเมื่อเช้าเพิ่งเหยียบหมาตายด้วยตีนเปล่าแล้วมาเดินห้างสบายใจเฉิบน่ะครับ เอิ่ม...ยามให้เข้าห้างได้ไงวะ=[]=!!!!!
เหมือนมันจะคุยๆอะไรกับเค้าสักอย่าง แล้วจะไม่ลงรอยกัน?? ดูจากสีหน้าแล้วคงเถียงกันคอเป็นเอ็นอ่ะครับ เฮ้ยๆๆไอ้พี่บึ๊กนั่นกระชากคอเสื้อไอ้ภคินขึ้นมาแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดด(ในใจครับ..ในใจ)ใจคอมึงจะวางมวยกันกลางห้างเหรอ?? คนที่เดินผ่านกันไปมามองตาไม่กระพริบเลยครับ ผมยังเผลอลุกขึ้นยืนจนไอ้ฟาร์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามสะดุ้งไปด้วย
เหมือนไอ้ล่ำนั่นจะรู้ตัวครับ มันเริ่มลากไอ้ภคินออกไปเคลียร์กันที่นอกห้าง ผมกับคนอื่นก็มองตามกันเลิ่กๆลั่กๆ...ไม่ได้การแล้ว เกิดมันซ้อมขึ้นมาไอ้ภคินคงเหลือแต่กระดูกฟันไว้ดูต่างหน้าน่ะครับ
“ฟาร์...รอนี่นะเดี๋ยวกูมา”
“เฮ้ย!!ไปป์...”
ผมไม่ได้รอฟังจนจบประโยคว่าฟาร์พูดอะไร ตอนนี้ผมวิ่งสุดแรงเกิดไปที่ประตูเล็กๆด้านข้างของห้างที่มันหายตัวเข้าไป.... แต่พวกมันก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ผมรีบวิ่งออกไป ด้านหลังห้างเป็นที่ตั้งของชุมชนแออัดครับ ไม่ต้องตกใจครับ...ทุนนิยมอยู่ได้ทุกที่แหละ ว่าแต่พวกมันหายไปไหนกันหมดแล้ว??
ผมวิ่งออกมาจากซอกที่เข้าไปเป็นซอยที่4แล้วพบว่ามันตัน...เชี่ยเอ๊ย!!เสียเที่ยวชะมัด ขณะที่ผมกำลังจะเลี้ยงเข้าไปที่ซอยที่5นั้น...
“กูให้เวลามึงมานานพอแล้วนะ” ผมชะงักกับเสียงโหดเหี้ยมที่ได้ยิน...ขาทั้งสองไม่กล้าขยับต่อ อ่า...เจอเข้าแล้วไงกู
กลุ่มชายโฉด4คน หนึ่งในนั้นที่คาดว่าเป็นหัวหน้า(เพราะหน้ามันเถื่อนสุด)กำลังกระชากคอเสื้อไอ้ภคินเข้ามาตะโกนจนผมเผลอสะดุ้งไปด้วย.. แล้วมันก็คุยอะไรกันสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน
แล้วจากนั้นพี่บึ๊กนั่นก็สั่งให้ลูกน้องมันจับแขนไอ้ภคินไว้ แล้วเหวี่ยงหมัดใส่หน้าหล่อๆเข้าไปดังพลั่ก...อูย..เชี่ย กูเจ็บแทนเลยครับ ผมยกมือขึ้นปิดปากเดี๋ยวจะหลุดเสียงตกใจออกไป
“มึงจะเอายังไงห๊ะ??” หัวหน้ามันตะคอกดังลั่นไปทั่วซอย
“กูบอกมึงไปแล้วว่าไม่มี...โง่รึไง” อะ...ไอ้ห่านี่มึงจะโดนมันซ้อมแล้วยังเสือกปากดีอีก
“ปากดีนักเหรอมึง”
“หยุดนะโว้ย!!!!” ครับ...มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยไอ้ภคินได้ทันก่อนมันจะโดนอีกหมัด แล้วผมต้องบอกมั้ยว่าไอ้เจ้าชายที่โง่ที่สุดในโลกนั่นก็คือ
ผมเอง!!!สาบานได้…ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยทำอะไรโง่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“อะไร...มึงให้เพื่อนแอบตามมาเหรอ” ไอ้ภคินไม่ตอบครับ มันแค่ทำหน้าไม่เข้าใจ มันถือเอาโอกาสตอนนั้นสะบัดตัวหลุดออกมาได้ แล้วซัดเข้าหน้าไอ้พี่ใหญ่นั่นหมัดนึง เท่านั่นล่ะครับปรากฎการณ์หมาหมู่ก็เริ่มขึ้น
ผมรีบวิ่งเข้าไปช่วยมันสู้ เห็นแบบนี้ตอนอยู่โรงเรียนผมก็ต่อยตีเก่งพอตัวนะครับ ผมซัดไอ้ลิ่วล้อนั่นเข้าไป จากนั้นก็ซัดกันจนไม่รู้หมัดใครเป็นหมัดใครแล้วครับ เลือดในกายผมเดือดพล่าน.. แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้เกิดจากความกลัวหรอกครับ
หมับ!!
ภคินคว้าข้อมือผมไว้ทันทีที่มันเห็นช่องว่างให้หนี มันออกแรงหวืดเดียวผมก็หลุดออกจากวงล้อมนั่นทันที
“วิ่ง!!!!!!!” มันพูดแค่นั้นแล้วออกแรงดึงผมจนเจ็บข้อมือไปหมด แต่นี่ไม่ใช่เวลาเถียงกันครับ ผมออกแรงวิ่งสุดชีวิตเหมือนกัน
อย่างน้อยก็ขอออกไปจากตรงนี้ให้ได้ก่อนเถอะ!!!!
TBC
อากาศหนาวจนจะแข็งตายแล้วค่ะ นี่หรือเมืองไทย นึกว่าอยู่ลอนดอนซะอีก

อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ