Room 4
ถ้าผมดำดินหนีได้คงทำไปแล้วครับ... ไอ้ครั้นจะให้แกล้งเอาขยะไปทิ้ง วิ่งไปดูหมาโดนรถชน หรือปวดขี้กะทันหันก็ดูจะไม่เมคเซนส์เท่าไหร่นัก
ผมเลยได้แต่นั่งหน้าซีดอยู่เฉยๆ จนกระทั่ง....
“ไง...หวัดดีวิรัล” มันทักทายผมอย่างยิ้มแย้มครับ...แต่ถ้าไม่ได้คิดไปเองกูสัมผัสได้ถึงแรงกดวิญญาณมหาศาล...มันจะเอาดาบฟันวิญญาณออกมาฟันผมมั้ยครับ??(สงสัยผมจะอ่านBLEACHมากไปแฮะ)
“หวัดดี..”
“เมื่อเช้าออกมาตอนไหนน่ะ..ไม่เห็นรู้เลย” มันว่าแล้วหย่อนตูดลงนั่งข้างๆผมเลยครับ เอิ่ม...มองใกล้ๆแล้วหน้ามึงก็เยินเอาเรื่องนะภคิน แดงเป็นปื้นเลย
“มีเรียนเช้าน่ะ แล้วมึงจะรู้ทำไมว่ากูออกไปตอนไหน” ผมตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทันครับ ไอ้โรคปากเสียนี่มันแก้ไม่หายจริงๆ แอบเหลือบไปเห็นไอ้ฟาร์กลั้นหัวเราะจากฝั่งตรงข้ามด้วย....ไอ้เพื่อนชั่ว!!!
“แหม..เป็นรูมเมทกันก็ต้องรู้ทุกเรื่องของกันและกันสิ....ใช่มั้ย?” มันยิ้มครับ...มันยิ้ม นี่ถ้ามึงเป็นยมทูตคงได้เป็นระดับหัวหน้าหน่วยว่ะ ยิ้มทีเสียวสันหลังวาบ ไม่พอเสือกเอามือมาวางแหมะไว้บนบ่ากูอีก...ผมงี้แทบหลุดกรี๊ด
“ไม่เห็นต้องไปรู้เลย ไร้สาระ รกสมองว่ะ” ผมแกล้งทำเป็นก้มมองนาฬิกา “โอ๊ยตายแล้ว...กูมีเรียนต่อว่ะ ฟาร์รีบไปกันเหอะ” แหลสดครับงานนี้ ที่จริงยังเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้กูต้องเอาตัวรอดก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ” มันคว้ามือผมแล้วดึงลงครับ “ไม่มีอะไรอยากจะอธิบายซะหน่อยเหรอ??”
“ไม่มี....มีอะไรต้องอธิบายด้วยรึไง” ผมมองหลักฐานบนใบหน้า...ก็คือสายตาเธอที่เฉยเมย....เฮ้ย!!ไม่ใช่ เพลงเก่าไปครับเดี๋ยวบางคนไม่รู้จัก
“ก็~~” มันลากเสียงยาวให้ผมกลั้นหายใจเล่นๆ
“ก็???”
“เรื่อง......” มาตรงนี้ผมกลืนน้ำลายดังเอือกเลยครับ มึงจะให้กูลุ้นไปถึงไหนครับไอ้คุณภคิน...
“เรื่อง??”
“เรื่องที่ล็อกประตูห้องกูมันเสียไง” มันมองหน้าผมนิ่งๆ “นี่มึงอยู่มายังไงตั้งนานไม่ให้ป้าเค้ามาซ่อมประตูห้องนอนให้วะ??”
แหม...’ห้องกู’เต็มปากเต็มคำนะครับ!!!!ไอ้เจ้าของของหมาดๆ
“อยู่คนเดียวกูจะล็อกไปทำไมวะ”
“แต่ตอนนี้เราอยู่กันสองคนแล้วนะ” ผมหันควับไปมองหน้านิ่งๆของมัน...พูดยังกะเป็นแฟนแล้วหนีตามกันไอ้ห่านี่ มันเลยรีบเสริม “กูคงต้องให้ป้าเค้ามาซ่อมว่ะ กูกลัวโดนคนบุกมาทำมิดีมิร้าย”
“อ๊อเหรอ~~ หน้าอย่างมึงใครเค้าจะอยากทำมิดีมิร้ายวะ” หลงตัวเองชิบหาย!!!
“ทำ’มิร้าย’น่ะไม่มี แต่ทำ’มิดี’น่ะไม่แน่” มันยักคิ้วกวนๆตอบ ทำเอาผมอยากกัดลิ้นตัวเองตาย กูต้องรีบปิดบทสนทนานี้ให้จบให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะสาวเรื่องไปมากกว่านี้
“เย็นนี้มึงไปบอกป้าเค้าละกันนะ กูไปละ” ผมลุกพรวดไม่สนใจคำคัดค้านใดๆจากมันอีกต่อไป ไอ้ฟาร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เลยจำเป็นต้องลุกตามแบบมึนๆแล้วโดนผมลากออกมาตามทางเดิน
“โหย...รีบออกมาทำไมวะมึง กำลังสนุกเลย” มันทำหน้าเสียดายนิดๆ
“สนุกบ้านป้ามึงสิ!!! กูนี่เสียวสันหลังวาบๆนึกว่ามันจะควักดาบออกมาฟันหน้ากูเยินตามมันไปอีกคนละ” ผมเริ่มฟึดฟัดกัดป๊อกกี้รัวๆ ...อารมณ์เสียเว้ย
“ถึงมึงจะเล่นแผนปัญญาอ่อนไปหน่อย แต่กูว่าก็เจ็บแสบเอาเรื่องนะมึง”
“แน่นอน....นี่ท่านวิรัลนะ เรื่องชั่วๆกูถนัดนักล่ะ” ผมว่ายิ้มๆ แต่เมื่อฉุกคิดถึงภาพที่เหลือบไปเห็นก่อนจะออกมาก็อดจะหุบยิ้มไม่ได้
“ฟาร์....กูสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยว่ะ”
ก็ตอนผมเดินออกมาน่ะ....ไอ้ภคินเสือกยิ้มน่ะสิ!!!!!
................................................................
.......................................
.......................
.........
ผมได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ แล้วยิ่งวันนี้เรียนหนักทั้งวันเล่นเอาผมลืมสังหรณ์แปลกๆของตัวเองไปเสียสนิทเลยครับ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่หน้าห้อง330ซะแล้ว...
ผมไขกุญแจเข้าไปก็เจอแต่ความว่างเปล่ามีเพียงกองกระดาษม้วนๆกับกระเป๋าใส่กระดานเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าของห้องอีกคนมันเอาของมาทิ้งไว้ แต่ณ.บัดนี้มันไม่ได้อยู่ร่วมหายใจในห้องด้วย คาดว่าคงออกไปเดทกับแอมล่ะมั้ง ผมยีหัวยุ่งๆของตัวเองแล้วถอดรองเท้าเปลี่ยนมาใส่สลิปเปอร์คู่โปรดเดินลากเท้าเข้าไป
ด่านแรก...ผมเจอแก้วใบโปรดผมที่มันเอาไปใช้ยังอยู่ในสภาพเดิมเด๊ะๆ....นี่มึงไม่คิดจะล้างใช่มั้ยห๊ะไอ้คุณชายภคิน!!! แต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงไปก็เท่านั้นล่ะครับ...สุดท้ายผมก็ต้องลงมือล้างเองอยู่ดี...อาเมน..
ด่านที่สอง...รองเท้าที่ยาวเป็นเรือเกลือของมันเสือกวางไว้กลางห้องครับ...เล่นเอาผมสะดุดหน้าแทบคะมำ แต่ผมไม่ได้คิดว่านี่เป็นการแก้แค้นหรอก...น่าจะเป็นความซกมกส่วนบุคคลมากกว่า...
ส่วนด่านที่สามมันช่างต่างกับสองด่านแรกนักครับ ผมเจอมันในคืนวันนั้น......
ในขณะที่ผมกำลังค้นหาเสื้อผ้าใส่นอนอยู่นั่นเอง...
เชี่ย!!!!!....ตายแล้ว......ตายห่า.....ตายแน่ๆ!!!....ตายแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแล้วกู.....
กางเกงในกูก็หายไปไหนทั้งลิ้นชักเลยวะ!!!!!!!!!!!ผมแทบพลิกแผ่นดินหาราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า(หรือใครจะเถียงว่ามันไม่ล้ำค่าครับ???) ห้องผมไม่มี....ห้องมันไม่มี...ห้องนั่งเล่นไม่มี!!! ผมนั่งกุมขมับอยู่บนโซฟาทำหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเปิดประตูเพราะไอ้ภคินมันกลับมานั่นแหละครับ มันเดินเอื่อยๆตามประสามันมาหยุดยืนตรงหน้าผม
“เป็นอะไรวิรัล....หน้าเครียดเชียวนะ…”
“หาของไม่เจอ”
“ของอะไรเหรอ???”มันกระตุกยิ้มที่มุมปากครับ....ไอ้เชี่ย!!!กูรู้แล้วว่าใครเป็นต้นเหตุ!!!!!กูก็ไม่น่าโง่คุยกับมึงตั้งนาน
“มึง...” ผมชี้หน้ามัน แต่มันแค่ยักคิ้วกวนๆกลับ
“เออนี่...ตอนกูกลับมาเจออะไรแปลกๆในห้องน้ำด้วยล่ะ” มันพูดแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าห้องนอนมันไปเลยครับ ส่วนผมน่ะเหรอ?? รีบวิ่งปรี่ไปที่ห้องน้ำเหมือนมันบอกลายแทงสมบัติยังไงอย่างงั้น
ภาพที่เห็นแทบเอาผมเข่าอ่อนแทบสลบเป็นลมล้มลงและจากไปที่หน้าประตูห้องน้ำเลยครับ
กางเกงในทั้งหมดของผม....ถูกแช่น้ำใส่ผงซักฟอกไว้อย่างสวยงาม ไอ้เหี้ย!!!..แล้วพรุ่งนี้กูจะเอาอะไรใส่วะ??? (ห่วงวันนี้ก่อนดีกว่ามั้ย??)
“มึงนี่แปลกเนอะ...อยู่ๆก็ขยันซักกางเกงในตอนกลางคืน” มันมาจากไหนไม่รู้ครับมายืนพิงขอบประตู ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มกวนตีนขั้นเทพก็เอ่ยบอก “รีบๆซักนะมึง....กูจะได้อาบน้ำต่อ”
แล้วมันก็เดินสะบัดตูดเข้าห้องนอนไปครับ...เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!...ไอ้เลว...ไอ้ชั่ว...ไอ้จัญไร...ไอ้...ไอ้....ไอ้...สารพัดจะไอ้แล้วครับ ปากผมสั่นพั่บๆเพราะเลือกคำด่าไล่หลังมันไม่ถูกแล้ว
ไอ้ฟาร์....ถ้ามึงบอกว่าแผนกูชั่วแล้ว เจอแผนไอ้ภคินเข้าไป...กูมันเด็กอมมือเลยว่ะ!!!!..............................................................
.........................................
..........................
.......
“ไปป์...วันนี้มึงเป็นอะไรวะ ดูเครียดๆทั้งวัน” ไอ้ฟาร์เอ่ยทักแล้วเอามือโบกหยอยๆตรงหน้าผม
ผมแค่ยิ้มเหนื่อยๆตอบให้มันครับ จะให้กูบอกมั้ยว่ามือคืนกูต้องซักกางเกงในทั้งลิ้นชัก แถมต้องเอาพัดลมมาเป่าจนถึงเช้า แล้วเสือกยังแห้งไม่สนิทเท่าไหร่แต่ก็ต้องใส่มา ถ้ากูต้องใช้โทนาฟ(คันในร่มผ้ากลากเกลื้อน)แล้วใครจะรับผิดชอบวะ?? ไม่ต้องพูดถึงเมื่อคืนนะครับว่าผมใส่อะไรนอน....โล่งเลยครับ...โล่งจริงๆ ไส้เลื่อนถามหาแน่ๆกู กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด(อันนี้กรี๊ดในใจนะครับ ผมไม่ใช่แต๋ว) กูอยากฆ่ามึงไอ้ภคิน โพธิวัฒน์สกุล!!!!
“เฮ้ย!!!ไงวะไปป์...” ต้นเสียงมันเดินมาด้วยความมั่นครับ ผมเห็นลำแสงความเท่ของไอ้แซ๊กพุ่งตรงมาทางนี้ ทำเอาสาวๆโต๊ะข้างๆหันกันคอแทบหักครับ วันนี้มันเอาหนังยางมัดถุงข้าวแกงมามัดผมไว้ลวกๆด้วย(เกาะออกเจ็บแน่ๆมึง สมัยเด็กกูเคยมัดเล่น...น้ำตาแทบไหล) มันอยู่ในชุดนักศึกษาแค่ท่อนบน ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ขาดรุ่งริ่ง ล่างกว่านั้นเป็นรองเท้าผ้าใบราคาแพงแต่สภาพไม่แพง มันสะพายกระเป๋ากีต้าร์ไว้แล้วเดินมาหย่อนตูดนั่งที่ตรงข้ามผมครับ
“เออ...ไงวะ”
“ได้ข่าวจากโอ๊ตกะเวฟ...มันบอกว่ามึงได้ไอ้ภคินเป็นเมทเหรอวะ??” ครับ..ผมโทรไปบ่นให้เวฟฟัง ซึ่งเวฟรู้เท่ากับโอ๊ตรู้ โอ๊ตรู้เท่ากับแซ๊กรู้ การแพร่กระจายข่าวสารในยุคโลกาภิวัฒน์นี่มันช่างน่ากลัวจริงๆครับ
“กูไม่อยากได้ยินชื่อนั้น....”
“โหย...ไอ้ห่านี่ คนอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วมึงต่อยกันไปกี่ยกแล้ววะ??” จะให้กูตอบมั้ยว่าหลายอยู่แต่กูแพ้ทุกยกน่ะ!!
“ก็หลายยกอยู่ว่ะ” ผมตอบปัดๆไม่อยากสาวความมาก เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมเป็นฝ่ายเสียหายมากขนาดไหน “ว่าแต่ลมอะไรหอบพ่อเดือนมนุษยศาสตร์มาถึงนี่ได้วะ? ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอมึงแถวนี้”
“ลมว่าวมั้งไอ้ห่า” นั่น...ยังเสือกตอบกูอีก “กูมาแปะประกาศหาคนเล่นฟลุตให้มหาลัยอยู่ว่ะ เนี้ยแปะแม่งจะครบทุกคณะอยู่แล้ว”
“เล่นฟลุต?? มึงมาถูกที่แล้วเพื่อนเอ๊ย...นี่ไงไอ้ฟาร์มันก็เล่นเป็น” ผมโบ๊ยไปให้คนฝั่งตรงข้ามซึ่งมันเบิกตาโตๆขึ้น
“เชี่ยไรมึง...กูเล่นไม่เก่งจะไปเล่นให้มหาลัยได้ไงวะ”
“เล่นไม่เก่งก็ฝึกได้...ใช่มั้ยวะแซ๊ก??” ตาไอ้ฟาร์มันเบิกกว้างกว่าเดิมจมแทบถลนออกมาแล้วครับ “มึงจะได้เข้าสังคมบ้างไง มีเพื่อนเยอะๆอยู่กับกูนานๆเดี๋ยวมึงเบื่อตายเลย”
“มึงอย่าพูดเหมือนกูไม่มีใครคบเลยได้มั้ยวะ”
“เอ๊า...นี่กูหวังดีนะเนี้ย” ผมยักคิ้วกวนๆ “เรื่องนั้นช่างมันก่อน...เนี้ยแซ๊ก..มึงก็เอาไอ้ฟาร์เข้าวงมหาลัยเลย กูจะได้มีเพื่อนเป็นคนดังตั้งสองคน นักดนตรีมหาลัยเท่จะตายมึง!!!นี่ถ้ากูเล่นเป็นกูเข้าไปแล้วเนี้ย แต่บังเอิญว่าขนาดเป่าขลุ่ยตอนม.ต้นกูยังเอาตัวแทบไม่รอด”
“เออ...กูจำได้...มึงเป่าได้เหี้ยมาก จนอาจารย์แกขำลั่นห้องอ่ะ” ไอ้แซ๊กดันเสือกมาเสริมครับ ผมค้อนมันวงใหญ่แต่แม่งเสือกลอยหน้าลอยตาไม่สนใจแล้วถามไอ้ฟาร์ต่อ “เอาไง...อยากลองเล่นให้มหาลัยมั้ย ถ้าเล่นไปแล้วไม่ชอบค่อยออกก็ได้”
“อืม...” หน้าไอ้ฟาร์เครียดหยั่งกะจะไปแข่งคณิตศาสตร์โอลิมปิคโลกอ่ะครับ “ขอกูคิดก่อนแล้วกันนะ ถ้าหาคนไม่ได้จริงๆก็บอกแล้วกันจะได้ช่วย”
ไอ้แซ๊กพยักหน้ารับรู้เบาๆ จากนั้นมันก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันกันเอาไว้เผื่อไม่ได้คนเข้าวงจริงๆแล้วจะโทรมาเรียกไป จากนั้นผมก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับไอ้แซ๊กไปเรื่อยๆซึ่งออกจะหนักไปทางนินทาชาวบ้านน่ะครับ
“เฮ้ย..ไปป์ นั่นเมทมึงไม่ใช่??” ผมรีบหันควับไปตามทางที่ไอ้แซ๊กชี้(ไอ้ฟาร์ก็หันครับ...แสดงว่ามันชอบเสือกเรื่องชาวบ้านพอตัวเหมือนกัน) ไอ้ภคินครับ...เดินมากับเพื่อนคนนึง(คนเดียวกับเมื่อวานแหละครับ)และพ่วงมาด้วย’แอมโมเนีย’
วันนี้มันก็เรียกสายตาจากสาวน้อยสาวใหญ่ได้เหมือนอย่างเคยครับ หน้าหล่อๆนิ่งๆ ดวงตาเรียวสวย ริมฝีปากหยัก แถมยังแบกกระดานมาอีกยิ่งเป็นพร๊อบเสริมให้มันดูหล่ออาร์ทมากกว่าปกติ แถมด้วยแอมเป็นพร๊อบเสริมซึ่งแทนที่จะลดความนิยมแต่กลายเป็นเพิ่มความนิยมซะงั้น เพราะเดี๋ยวนี้คนเชื่อในคติที่ว่า’รักคนโสดศัตรูเป็นแสน รักคนมีแฟนศัตรูมีเพียงหนึ่ง’ แต่ในกรณีของไอ้ภคินคงไม่ใช่มีเพียงหนึ่งแล้วล่ะครับ....
“แม่ง...ไม่อยากเห็นหน้ามันเลยว่ะ!!เห็นแล้วซวยไปทั้งวัน”
“ฮ่าๆๆๆ” ไอ้แซ๊กหัวเราะร่าเลยครับ...ตลกมากเนอะมึง “มึงมีอะไรก็โทรหาพวกกูก็แล้วกันจะได้ไปช่วย” แหม...กูคงกล้าขอเนอะ ไปช่วยกูซักกางเกงในเลยมั้ยวะ??
“เฮ้ย..กูต้องไปแล้วว่ะเพื่อนโทรตามแล้ว...ไปนะมึง” แล้วมันก็เอามือมายีหัวผมส่งท้ายครับ แล้วลากเอาความเท่มหาสารของมันจากไปด้วย ทิ้งให้ผมกับไอ้ฟาร์มองหน้ากันตาปริบๆ
“คนใกล้ตัวมึงแต่ละคนนี่หาความธรรมดาไม่ได้เลยว่ะไปป์”
“มึงก็เหมือนกันแหละไอ้หัวเห็ด”TBC
กลัมาแล้วค่า
ขออภัยเพิ่งกลับมาจากกทม.แล้วช่วงนั้นไม่ได้แตะเน็ทเลยค่ะ เลยมาต่อช้าเยี่ยงนี้
เห็นบางคนเริ่มหมันไส้พระเอกของเราซะแล้ว ไม่ได้นะคะ...ไม่ได้ ผู้ชายหล่อทำอะไรก็ไม่ผิดค่ะ เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ :]
PS.ไม่ดองแล้วค่าะ กลับมาอยู่บ้านแล้ว