ตอนที่ 29
“ไปบ้านคุณหมอ”
ผมทวนคำพูดนั้นที่คนตรงหน้าเอ่ยปากชวน ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อาการป่วยของผมดีขึ้นแล้ว ผมไม่รู้สึกปวดหัวมากอย่างเมื่อคืน ที่เป็นมากคืออาการปวดแสบที่ตา เมื่อคืนผมร้องไห้หนักมาก ชนิดที่ว่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น
“ครับ ไปบ้านผม” คุณหมอลุกขึ้นตามแล้วบอก บอกแล้วยิ้ม เป็นยิ้มที่ทำให้ขอบตาผมร้อนผ่าว ผมดีใจจนอยากร้องไห้ แต่พยายามจะไม่ร้องครับ กลัวคุณหมอรำคาญน้ำตาของผม แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกบางอย่าง
“จะดีหรือครับ” ผมถามเสียงเบา แอบคิดในแง่ร้ายไม่ได้ว่า คุณหมอชวนเพราะอยากตัดรำคาญเรื่องที่ผมไม่เชื่อใจคุณหมอหรือเปล่า ทั้งที่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่อง คุณหมอไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ผมฟังเลย ส่วนเรื่องที่ผมรู้จักพี่ชายและหลานคุณหมอ มันเป็นความบังเอิญ ไม่ใช่ความตั้งใจของคุณหมอ
คุณหมออาจจะรักผมแต่ยังไม่พร้อมพาผมไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จักก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่อยากไปครับ แม้ในใจของผมรอเวลานี้มาตลอดก็ตาม ผมอยากเป็นคนที่มีตัวตนสำหรับครอบครัวคุณหมอ ไม่ใช่ใครคนหนึ่งที่ครอบครัวคุณหมอไม่คิดว่ามีคนๆ นี้อยู่บนโลกใบนี้
“ดีสิครับ ผมรู้นะ...ว่าคุณฟ้าอยากเจอครอบครัวของผม”
สิ่งที่คุณหมอพูดมันถูกต้องครับ ผมอยากรู้จักครอบครัวคุณหมอ ผมอยากให้ครอบครัวคุณหมอรู้ถึงการมีตัวตนของผม อยากให้ครอบครัวคุณหมอรู้จักผมในฐานะคนรักของลูกชายท่าน ไม่รู้ว่าความต้องการของผมมันมากไปไหม...
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมถูกพ่อแม่ที่ให้กำหนดทิ้งไปตั้งแต่เกิดหรือเปล่า ถึงทำให้ผมหวั่นไหวเสมอหากต้องกลายเป็นคนไม่มีตัวตนสำหรับใครสักคนที่ผมอยากให้เขารู้จัก
ผมไม่อยากเอาความรักของผมทั้งสองครั้งมาเปรียบเทียบกันนะครับ ตอนที่คบกับนนท์ ทันทีที่ตกลงคบกัน นนท์พาผมไปที่บ้านแล้วบอกกับพ่อของนนท์ว่าได้ตกลงคบกับผมแล้ว ซึ่งครอบครัวของนนท์ก็ยอมรับเรื่องของผมกับนนท์ได้
ส่วนความรักครั้งนี้ของผมกับคุณหมอ แม้ผมจะรู้สึกว่ามันดีกว่าความรักครั้งเก่าของผมมาก มันดีมากๆ ด้วยซ้ำ ดีในแบบที่ว่าผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนมันจะเต็มไปด้วยความคิดถึง ความโหยหา อยากอยู่ใกล้ อยากอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณหมอทำให้ผมอบอุ่นที่หัวใจ ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังถูกรักจากผู้ชายที่แสนดีมากๆคนหนึ่ง คนที่เขารักผมจริงและผมก็รักเขาอย่างเต็มหัวใจ
แต่ลึกๆ ในใจของผมแล้ว ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมอยากให้คุณหมอทำเหมือนที่นนท์ทำ ผมอยากให้คุณหมอพาผมไปรู้จักกับครอบครัว แล้วบอกกับครอบครัวว่าผมคือคนรักของคุณหมอ ผมต้องการการกระทำที่ชัดเจนนี้ ซึ่งผมก็ทำได้แค่อยากแต่ไม่เคยเอ่ยปาก เพราะผมกลัวว่าผมจะเรียกร้องมากเกินไป จนทำให้คุณหมอรู้สึกรำคาญไปเสีย
“คุณฟ้า...คุณฟ้าครับ” มือคุณหมอที่เกลี่ยอยู่บนใบหน้าผม ทำให้ผมรู้สึกตัวหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง
“ร้องไห้ทำไมครับ” คุณหมอถาม เช็ดน้ำตาบนหน้าผมไปด้วย ผมไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตามันไหลออกมาตอนไหน
“ผมขอโทษ” ผมก้มหน้าแล้วบอก ไม่กล้าสบตาคุณหมอ รู้สึกผิดที่ตัวเองร้องไห้ต่อหน้าคุณหมออีกแล้ว ทั้งที่เมื่อคืนรับปากคุณหมอไปแล้วว่าจะไม่ร้อง
“ขอโทษทำไมครับ”
“ขอโทษที่ผมร้องไห้” ผมเงยหน้าขึ้นมาบอก
“ตอนนี้ก็หยุดแล้วนี่ครับ คุณฟ้าคนเก่งของผม ไม่ร้องแล้วเห็นไหม”
ตาสีเข้มของคุณหมอมองผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอด กอดคุณหมออบอุ่นและอุ่นเข้าไปถึงหัวใจของผม
“ผมรักคุณหมอนะ รักมาก รักจริงๆ นะครับ” ผมเฝ้าบอกความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ข้างใน ความรักของผมที่มีต่อคุณหมอมันมากมายเหลือเกิน มากเสียจนไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว แค่เดือนกว่าๆ ที่เราคบกัน
“ผมรู้ครับ ผมก็รักคุณฟ้าเหมือนกัน คุณฟ้ารู้ใช่ไหมครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกและถามอยู่ข้างหูของผมในคราวเดียวกัน
“รู้ครับ”
เพราะคุณหมอทนใจเย็นกับความอ่อนไหวของผมมาตลอด วันนี้ผมถึงมั่นใจว่าคุณหมอรักผม ไม่ต่างจากที่ผมรักคุณหมอเลยสักนิด ก่อนหน้านี้ผมอาจไม่มั่นใจในความรักของคุณหมอเพราะเรื่องของคุณลม แต่ตอนนี้ผมไม่อยากคิดเรื่องของคุณลมอีกแล้ว คุณหมอเป็นคนดีเกินกว่าจะหลอกว่ารักผม โดยที่ใจของคุณหมอไม่ได้รักผมจริงอย่างปากว่า
คุณลมกลายเป็นอดีตของคุณหมอไปแล้ว ส่วนผมคนนี้คือปัจจุบันของคุณหมอและจะเป็นตลอดไป...ด้วย
“คุณฟ้าครับ” คุณหมอดันตัวผมออก เพื่อให้เราได้สบตากัน ผมชอบสายตาของคุณหมอที่มองผม เพราะมันดูเต็มไปด้วยความรักที่คล้ายจะมีให้ผมเพียงคนเดียว เพราะผมคือคนเดียวที่คุณหมอรัก
“ครับ”
“ไปรู้จักกับครอบครัวผมนะครับ” คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่น
“เพราะเรื่องที่ผมร้องไห้หรือเปล่าครับ คุณหมอถึงต้องพาผมไปบ้านเพื่อให้ผมสบายใจแล้วก็เลิกร้องไห้” ผมถามอย่างที่ใจคิด คุณหมอนิ่งไปนิด ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วถามผมว่า
“ทำไมคิดแบบนั้นละครับ”
“บางทีคุณหมออาจจะยังไม่พร้อมเปิดเผยเรื่องของผมให้ที่บ้านรู้”
“ก่อนหน้านี้ผมอาจจะยังไม่พร้อม แต่ตอนนี้ผมพร้อมแล้วครับ” น้ำเสียงที่บอกผมจริงจังมากครับ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าน้ำตาของผมบังคับให้คุณหมอ ‘ต้องพร้อม’ ทั้งที่ความจริงคุณหมอยังคง ‘ไม่พร้อม’
“เพราะน้ำตาของผมใช่ไหมครับ คุณหมอถึงต้องพร้อม”
คุณหมอถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง
“เพราะผมรักคุณฟ้าต่างหากครับ ผมถึงไม่อยากให้คุณฟ้าร้องไห้เสียใจเพราะผมอีก ผมอยากทำให้คุณฟ้าเชื่อว่าผมรักคุณฟ้าจริงๆ ไม่ได้รักแบบบ๊อบปี้เลิฟ แต่ผมรักคุณฟ้าในแบบที่อยากใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด”
คำพูดของคุณหมอทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันไหลอีกจนได้
“...ไม่ร้องนะครับ ไหนว่าจะไม่ร้องแล้วไงครับ” ผมรีบยกหลังมือเช็ดน้ำตาทิ้ง
“ไม่ร้องแล้วครับ”
ผมยิ้มให้คุณหมอ เห็นคุณหมอยิ้มตอบกลับมาแล้วรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่ควรคิดมากใช่ไหม ผมควรเชื่อทุกคำพูดของคุณ คุณหมอบอกว่าไม่อยากเห็นผมร้องไห้ ส่วนผมก็ไม่อยากทำให้คุณหมอไม่สบายใจเพราะการที่ผมเอาแต่ร้องไห้ ผมจะพยายามไม่ร้องไห้เพื่อให้คุณหมอสบายใจ
“คุณหมอ...”
“ครับ”
“ผมรักคุณหมอ” ผมบอกคำเดิมๆ กับคุณหมอ เป็นคำเดิมๆ ที่ผมไม่นึกเบื่อที่จะพูดมันออกมาให้คุณหมอรู้
.
.
.
“โทรศัพท์ครับคุณหมอ”
ผมหยิบโทรศัพท์ของคุณหมอที่ส่งเสียงร้องเพราะมีคนโทรเข้ามา ผมเดินเข้าไปในห้องครัว เอามันไปให้คุณหมอที่ยืนปลอกแอปเปิลตรงเคาน์เตอร์ คุณหมอวางมีดลง ล้างมือและรับโทรศัพท์ไปจากผม
“ว่าไงยัยภา” คุณหมอพูดกับคนปลายสาย ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร คุณหมอเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ถึงได้ยกมือขึ้นปิดโทรศัพท์ไว้ แล้วพูดเสียงเบากับผมว่า
“น้องสาวผมครับ”
ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหยิบแอปเปิลขึ้นมาปลอกต่อ หูก็ฟังคุณหมอพูดกับน้องสาวตัวเองไปด้วย
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น.....พี่ยะกับพี.....แล้วพีเป็นไงบ้าง.....ได้เดี๋ยวพี่จะรีบไป”
น้ำเสียงของคุณหมอฟังดูไม่ดีเลย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านนิดหน่อยครับ”
“เรื่องคุณยะกับน้องพีใช่ไหมครับ” ผมได้ยินคุณหมอพูดชื่อน้องพีกับคุณยะเมื่อครู่ นึกเดาว่าต้องเรื่องของสองคนนี้แน่ๆ
“ครับ...”
“ใช่เรื่องนั่นหรือเปล่า...” เรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่จะไม่เป็นความลับอีกแล้ว ถ้าใช่เรื่องนี้จริงๆ ก็คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู น้องพียังเด็ก ส่วนพี่ชายคุณหมอก็อยู่ในฐานะของพ่อ แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ ก็ตามเถอะครับ
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะยัยภาไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร แต่บางทีอาจไม่ใช่เรื่องนั้นก็ได้...”
“งั้นคุณหมอก็รีบไปเถอะครับ” ผมบอก แอบหวังเล็กๆ ว่าคุณหมอจะชวนผมไปด้วยกัน แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะที่บ้านของคุณหมอเกิดปัญหา ขืนคุณหมอพาผมไปด้วยคงได้เกิดปัญหายกกำลังสองขึ้นมาแน่ๆ
แต่แล้วคุณหมอก็ทำให้ความหวังเล็กๆ ของผมเป็นความจริงขึ้นมา ด้วยประโยคที่ว่า...
“ไปด้วยกันนะครับ”
“จะดีหรือครับ” แม้ความหวังเล็กๆ ของผมจะเป็นจริง แต่ผมก็เกรงว่าเรื่องของผมกับคุณหมอจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้หนักขึ้น ปัญหาของคุณยะกับน้องพีก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ครอบครัวคุณหมอจะรับได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เจอเรื่องของผมเข้าไปอีกคงมีแต่แย่กับแย่
“ดีสิครับ”
“แต่...”
“อย่าคิดมากครับ เรื่องของพี่ยะกับพีไม่เหมือนเรื่องของผมกับคุณฟ้าหรอกครับ”
“แต่ผมกลัวคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหมอจะเครียดยกกำลังสองสิครับ” ผมบอกอย่างที่คิด แต่คุณหมอส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ไม่หรอกครับ”
“แต่ว่า...”
“หรือว่าคุณฟ้าไม่อยากไป” คุณหมอถามแล้วยิ้ม คงรู้สินะว่าผมอยากไป
“อยากครับ แต่...” แต่ผมไม่รู้ว่าผมสมควรไปดีไหม
“อยากไปก็ต้องไปครับ” คุณหมอว่า
“ครับ”
นั่นสินะครับ อยากไปก็ต้องไป ผมจะทนเก็บความยากนี้ไปทำไมกันให้ทรมาน
ความอยากของผมมีมากเหลือเกิน...
ผมอยากรู้จักครอบครัวของคุณหมอ อยากรู้จักคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอ อยากรู้ว่าว่าท่านทั้งสองหน้าตาเป็นยังไง จะได้รู้เสียทีว่าคุณหมอหน้าตาเหมือนใครมากกกว่ากัน และผมยังอยากเห็นหน้าน้องสาวของคุณหมอและบรรดาหลานๆ ของคุณหมอด้วย
ผมอยากเห็นบ้านที่คุณหมอเติบโตมา อยากเห็นห้องนอนของคุณหมอ อยากเห็นกรอบรูปในห้องนอนคุณหมอ อยากเปิดอัลบั้มรูปในวัยเด็กของคุณหมอ อยากเห็นรูปตอนรับปริญญาของคุณหมอ อยากเห็นต้นไม้ใบหญ้าบ้านคุณหมอ อยากเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายในรั้วบ้านของคุณหมอ อะไรทุกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
อยากเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมกันเป็นคุณหมอที่แสนดี คนที่ยืนอยู่ข้างผมในตอนนี้...ว่าเป็นอย่างไร
และ...
ผมอยากให้ครอบครัวของคุณหมอ...รู้จักผม
ผมจะได้กลายเป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของคนในครอบครัวคุณหมอ...บ้าง
.
.
.
รถของผมที่มีคุณหมอเป็นคนขับเลี้ยวเข้ามาในซอยอย่างช้าๆ ผ่านบ้านหลายสิบหลัง ซึ่งแต่ละหลังถูกปลูกสร้างมาอย่างดี ด้วยอาณาบริเวณกว้างขว้าง ฟ้องฐานะของผู้คนในละแวกนี้ว่าร่ำรวยไม่น้อยเลย
รถแล่นผ่านแนวต้นไผ่สีเขียวใบยาวเล็กไหวตามลมซึ่งปลูกขนานไปกับความยาวและความสูงของกำแพงรั้ว คุณหมอชะลอรถและประตูรั้วค่อยๆ เปิดออก ก่อนล้อรถจะแล่นเข้าไปในบริเวณบ้านหลังแนวกำแพงต้นไผ่ ผ่านสวนหน้าบ้านที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้สูงทั้งสองฝั่ง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้ตั้งวางเป็นบ้างจุด แต่ไม่ทำให้บรรยากาศของความเป็นสวนที่น่าจะสร้างขึ้นมาเพื่อเดินชม มากกว่านั่งชม
จากรั้วบ้านจนถึงโรงจอดรถที่คุณหมอกำลังดับเครื่องและก้าวออกมา รวมถึงผมด้วย มันห่างกันน่าจะประมาณสักสองร้อยเมตร ผมกวาดตาไปรอบๆ บริเวณที่ยืนอยู่ บอกได้เลยว่าได้กลิ่นอายของความเป็นไทยจริงๆ ครับ โดยเฉพาะเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งเสาทั้งตัวเรือนคงเป็นไม้สักทั้งหมด
“คุณหมอ”
ผมหันไปหาคุณหมอ อยากขอกำลังใจหรือคำพูดอะไรสักอย่างจากคุณหมอ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นและกังวลใจปนกันไปหมด ตื่นเต้นที่ได้เห็นบ้านและได้เห็นในสิ่งที่คุณหมอคุ้นเคยมาตลอดชีวิต แต่ก็อดเป็นกังวลใจถึงสิ่งที่จะตามมาไม่ได้เลย ครอบครัวคุณหมอจะรังเกียจผมไหม แล้วจะชิงชังในความสัมผัสของผมกับคุณหมอหรือเปล่า จะบังคับให้คุณหมอต้องเลือกไหม เลือกพวกเท่าหรือเลือกผม
อย่างที่ผมรู้ ครอบครัวคุณหมอได้หาลูกสะใภ้เอาไว้แล้ว นั่นคือน้องเนย พวกท่านคงไม่ต้องการเปลี่ยนลูกสะใภ้จากผู้หญิงเป็นผู้ชาย
แค่คิดว่าคุณหมอจะต้องเลือก...ผมก็รู้ได้ทันทีครับว่าคุณหมอจะเลือกใคร
“คุณฟ้า” คุณหมอเรียกชื่อผม พร้อมดึงตัวผมเข้าไปกอด ลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่มีหรอกครับ อย่าคิดมาก คุณพ่อกับคุณแม่ผม ท่านทั้งสองใจดีครับ”
ผมก็หวังว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอจะใจดีพอที่จะยอมรับเรื่องของผมกับคุณหมอได้
“ครับ”
แล้วผมก็ต้องรีบผลักตัวคุณหมอออกอย่างไว เมื่อคนใช้บ้านคุณหมอเดินตัวลีบมาทางที่ผมกับคุณหมอ ไม่ต้องถามว่าเธอเห็นอะไรไหม แน่นอนว่าเธอต้องเห็น
“คุณนุคะ...คุณท่านรออยู่ที่เรือนของคุณนุค่ะ” พอบอกเสร็จสาวใช้บ้านคุณหมอก็เดินเลี่ยงไปยื่นกุมมืออยู่ข้างๆ คงรอให้คุณหมอกับผมเดินไปก่อน
ชื่อของคุณหมอที่สาวใช้เรียกเป็นชื่อที่ผมเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก แล้วผมอยากเรียกคุณหมอด้วยชื่อของคุณหมอจริงๆ บ้าง
ผมคิดว่า...มันต้องดีมากๆ แน่ครับ ถ้าผมได้เรียกคุณหมอด้วยชื่อนั้น
“ไปครับ”
คุณหมอยื่นมามาให้ผมจับ แต่ผมไม่ได้ยื่นมือไปจับ เกรงสายตาของคนใช้บ้านคุณหมอด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือไม่คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ หากผมจะจับมือคุณหมอเดินไปหาคุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอให้ท่านทั้งสองเห็น เพราะผมยังไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะรู้สึกแบบไหนกับความสัมพันธ์นี้ของเราสองคน
เมื่อผมเลือกที่จะประสานมือเข้าหากัน คุณหมอถึงได้ดึงมือตัวเองกลับ ก่อนจะเดินนำผมไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐแดงทอดไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ตัวบ้านหลังใหญ่ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้า แต่มันลึกเข้าไปข้างในด้านหลังของเรือนหลังใหญ่
หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ผมพยายามจะมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่อยู่รอบตัว คิดว่าจะเก็บทุกรายละเอียดของบริเวณบ้านคุณหมอเอาไว้ให้มากที่สุด แต่สุดท้ายผมก็มองเห็นแต่แผ่นหลังของคุณหมอที่เดินอยู่ตรงหน้าผมเท่านั้น...
มีบางครั้งคุณหมอหันมายิ้มให้ผม เหมือนจะยื่นมือมาให้ผมจับ แต่ผมก็ส่ายหน้าเสียทุกครั้ง อยากจับมือคุณหมอนะครับ แต่ผมไม่กล้าพอที่จะทำมันที่นี่ เมื่อผมยังไม่แน่ใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
>>>>>>>>>>>Happy Na Ka<<<<<<<<<<<<<
คนเขียนขอคุย :: ใกล้จบแล้ว...มั้ง และคงจากไปอย่างเหงาๆ
ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ 
สีเหลืองอ่อน//aeaw