"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 527574 ครั้ง)

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
ตัดฉับบบบบ ใจร้ายยย  :serius2:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณยะเนี่ยมันน่าเบิร์ดกระโหลกซักที
แต่ก็ชอบคู่ยะ-พี น๊า กินเด็กชอบค่ะ
เอาใจช่วยน้องฟ้ากับพี่นุให้รักราบรื่น

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
บวกค๊าาาาาาาา ครอบครัวพี่หมอนุน่ารักมากๆๆๆๆ เลย

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ๊ย ...พี่นุ จะอบอุ่นไปไหนคะพี่

ออฟไลน์ Calo love

  • "Look Frist At Me"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 836
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-5
    • "พี่ครับ...ผมขอ(เอา)พี่ได้ไหมครับ
 :z3: :z3: :z3:.........ทุบกะบาลเเรงๆๆ รอหนังสือหนังนะครับพี่แอ๋ว.......................... :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

สปอย์ได้ใจไปเลยไม่ว่าตอนไหนก็สนุกทั้งนั้นนะครับ


ใจคอไม่อยูกะเนื้อตัวเลย อยากให้ไม่มีอะไรผิดพลาดนะครับพี่เเอ๋ว


ออฟรอหนังสือด้วยคนนนะครับออกตัวมานานแล้วว่าอยากได้หนังสือนะครับ......นะครับเพื่อนออฟอีกสองคนก็มีแววว่าจะเอาด้วยนะครับ(มันฝากบอกว่าไม่มีเวลาเข้ามาอ่านในเล้านะครับถ้าได้หนังสือก็จะดีครับ) :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ coatmax22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านติดต่อกันจนถึงตอนล่าสุด ชอบทั้งสองคู่เลยค่ะ แ้ล้วก็อยากจะอ่านคู่ของนนท์กับแดนด้วย ดูท่่าจะดราม่ามากกว่าของคนอื่น
รอติดตามค่ะ

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 31 ต้อนรับ

บ้านเรือนไทยของคุณหมอน่าอยู่มากครับ เย็นร่มรื่นเพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกรายรอบตัวเรือน รวมถึงภายใต้รั้วสูงหลังม่านต้นไผ่ที่ล้อมรอบอาณาเขตกว่าเก้าไร่ ผมรู้เพราะระหว่างที่เดินจูงมือกันอยู่นั้นคุณหมอบอกเนื่องจากผมถาม แอบประมาณด้วยสายตาตัวเองก็คิดอยู่แล้วครับว่าต้องหลายไร่แน่ ตอนเดินผมยังรู้สึกว่าเหนื่อยเลยครับ เมื่อเดินจากเรือนหลังใหญ่มาเรือนหลังเล็กของคุณหมอ ส่วนเจ้าของเรือนไม่มีอาการเหนื่อยเลยครับ อย่างว่าล่ะคงชินเพราะเดินเป็นประจำอยู่ทุกวัน

ชานเรือนที่ผมนั่งอยู่นี่เย็นสบายมากครับ เพราะลมเย็นพัดมาจากทุกทิศทุกทาง ประกอบกับใต้ถุนสูงและโล่งช่วยให้ลมพัดผ่านสะดวกมากขึ้น อากาศดีและบริสุทธิ์ช่วยให้ผมผ่อนคลายขึ้น แต่เหนือกว่าความเย็นสบายนั้น คือรอยยิ้มและการตอบรับที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมคิด แม้ไม่มีคำพูดมากมายแต่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างดีผ่านท่าทางและสายตา มันทำให้ผมยิ้มได้ ผมน่าจะเชื่อคุณหมอตั้งแต่แรกที่บอก คุณพ่อคุณแม่ของคุณหมอใจดีและครอบครัวของคุณหมอก็น่ารักมาก แม้ว่าคนที่ชวนผมพูดคุยจะมีเพียงคุณพ่อของคุณหมอ แต่นั่นมันก็เพราะสาเหตุบางอย่างที่ผมคิดว่าน่าจะใช่...

แล้วมันก็ใช่จริงๆ ครับ เมื่อคุณพ่อของคุณหมอเอ่ยถามคุณหมอว่า

“จะเข้าเรื่องเลยไหมเจ้านุ?”

ผมใจเต้นแรงเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน รัว เร็ว และแรง ด้วยน้ำหนักมือที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ผมตื่นเต้นจนตัวเกร็งไปหมด คำว่าเข้าเรื่องของคุณพ่อของคุณหมอ ผมออกจะมั่นใจว่าคือเรื่องของผม คือเรื่องของเราสองคน คือความสัมพันธ์ที่คนในครอบครัวของคุณหมอน่าจะดูออกตั้งแต่ที่เห็นผมเดินตามคุณหมอขึ้นมาบนเรือน

เมื่อถูกถามคุณหมอหันมายิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบ ก่อนที่คุณหมอจะหันกลับไปตอบคำถาม

“ครับคุณพ่อ”

มือของคุณหมอเอื้อมมาจับมือผมแล้วดึงเข้าไปนั่งใกล้ จับแล้วไม่ยอมปล่อย แถมยังเอามือผมไปกุมไว้บนหน้าตัก รู้สึกหน้าตัวเองร้อนหนักมาก ไม่กล้าสบตาคนในครอบครัวของคุณหมอแม้แต่คนเดียว สายตาของผมฝากไว้ที่ใบหน้าของคุณหมอ ใบหน้าคมเข้มแบบหนุ่มไทยและใจดีอย่างคนไทยแท้

“ผมกับน้องฟ้า เรารักกันครับ”

ผมรู้คุณหมอต้องพูดคำนี้ พูดพร้อมกับมองหน้าผม มืออุ่นของคุณหมอที่กอบกุมมือผมเอาไว้นั้น ทำให้ผมอุ่นไปถึงหัวใจข้างใน และมันคงจะอุ่นไปถึงวันพรุ่งนี้ วันมะรืนนี้ และวันต่อๆ ไป
 
จริงสินะครับ...

ผมควรเรียกคุณหมอว่า ‘พี่นุ’ ได้แล้ว รู้สึกดีจนบอกไม่ถูก คล้ายกับว่าความสัมพันธ์ของเรามันข้ามไปอีกขั้น ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นและสัมผัสกันมากขึ้นจากคำเรียกขาน ผมกำลังกลายเป็นน้องฟ้าของคุณหมอ แล้วคุณหมอก็กลายมาเป็นพี่นุของผม

ผมเป็นคนเชื่อคนง่าย นั่นเพราะผมมั่นใจว่าคนๆ นั้นไม่คิดหลอกลวงผม ในเวลานี้ผมก็เชื่อพี่นุของผม เชื่อไปทั้งใจ เชื่อว่ามือของพี่นุจะอบอุ่นอย่างนี้ตลอดไป...สำหรับผม

“วันเดียวเปิดตัวถึงสองคู่เลยนะเนี้ย สมใจคุณแม่แล้วนะคะคราวนี้ ไม่ต้องตะเวนหาสะใภ้ให้เหนื่อยอีกแล้ว”

น้องสาวของพี่นุพูดล้อๆ แล้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี คุณแม่ของพี่นุค้อนควับทันที ลูกสาวคนเล็กนั่งอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมมือไปตีได้เหมือนที่ตีลูกชายคนโต ท่านเลยได้แต่มองค้อน ยกยาดมขึ้นมาจ่อจมูก

“เหนื่อยกว่าเดิมอีกนะสิ ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปบอกเขายังไง” คุณแม่ของคุณหมอบ่นเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ใจมันหายไปวูบหนึ่งเลยครับ หรือว่าท่านไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์ของผมกับลูกชายท่าน ตระกูลท่านไม่ใช้เล็กๆ ท่านเป็นคนในสังคม คำถามมากมายคงตามมาจนท่านต้องเหนื่อยแล้วอับอายที่จะบอกกับทุกคนว่า ลูกชายท่านมีแฟนเป็นผู้ชาย

ผมรับรู้ถึงแรงบีบของมือใหญ่ ความรู้สึกอบอุ่นแทรกซึมเข้ามาอย่างเปี่ยมล้น เมื่อความรู้สึกหวั่นไหวนั้นตีตื้นขึ้นมา ขอบตาร้อนผ่าว อยากบอกพี่นุของผมว่าขอโทษ ขอโทษที่เริ่มอ่อนแออีกแล้ว ทั้งเมื่อครู่ผมยังรู้สึกว่าเรื่องของเราสองคนจะผ่านไปด้วยดี แต่เพราะคำพูดของคุณแม่ของพี่นุ ทำให้ผมรู้ว่าท่านยากจะยอมรับเรื่องนี้ ผมคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป คิดว่าท่านยอมรับเรื่องของคุณยะกับน้องพีได้ แล้วจะยอมรับเรื่องผมกับพี่นุได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่ผมคิด

“อย่าเข้าใจผิดนะหนูฟ้า แม่ไม่ได้รังเกียจเรา ลูกของแม่รักใคร แม่ก็รักด้วย ที่แม่พูดเมื่อกี้แม่หมายถึงว่า แม่จะไปพูดกับคุณหญิงวลัยแม่ของหนูเนยยังไงดี เพราะแม่ไม่รู้เรื่องของเรากับตานุ แม่เลยทาบทามหนูเนยให้กับตานุไปก่อนหน้านี้ เข้าใจนะลูก” แม่ของพี่นุพูดอย่างผู้ใหญ่ใจดี ท่านคงเห็นอาการผิดปกติของผม ผมรู้สึกผิดเหลือเกินที่ตีคำพูดของท่านไปแบบนั้น

“ครับ ผมเข้าใจครับ” ผมยิ้มให้คุณแม่พี่นุอย่างขอโทษในสิ่งที่ตัวเองคิด 

“หนูฟ้าต้องโทษตานุเลยนะ เพราะไม่ยอมบอกเรื่องของหนูฟ้าให้แม่รู้ ไม่อย่างนั้นแม่ก็ให้วิ่งวุ่นหาคู่ให้ตานุอย่างนั้นหรอก แม่รู้สึกผิดจริงๆ” ท่านว่า

“อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับคุณแม่ ผมกับพี่นุก็เพิ่งคบกันไม่นานเองครับ แล้วที่พี่นุไม่บอกคุณแม่อาจเป็นเพราะพี่นุยังไม่มั่นใจน่ะครับ” ผมรีบบอกท่าน กลัวท่านคิดมาก ขณะเดียวกันผมก็ค่อยๆ ดึงมือออกจากมือใหญ่มาไว้ที่หน้าตักของตัวเอง ผมไม่อยากให้ท่านคิดมาก แต่เป็นผมเสียเองที่เริ่มคิดมากและความน้อยใจวิ่งเริ่มวิ่งพล่าน คำพูดของท่านทำให้ผมนึกน้อยใจเจ้าของมือใหญ่ น้อยใจเรื่องที่พี่นุไม่บอกเรื่องของผมให้กับครอบครัวรู้ แถมยังไปไหนมาไหนกับน้องเนยอยู่บ่อยๆ โดยไม่เคยบอกผม อย่างนี้คือต้องการปกปิดหรือเปล่า ผมอยากรู้แต่ก็ไม่อยากถาม กลัวพี่นุรำคาญ

ผมมองค้อนคนที่ดึงมือผมไปกุมอีกจนได้ ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าผมกำลังงอนอยู่ หรือว่ารู้เลยต้องดึงมือผมไปวางประสานกันอยู่บนตักตัวเอง แล้วบีบเบาๆ ราวกับจะให้ง้อผมผ่านแรงกระชับของมือมาสู่หัวใจของผม เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยทำให้ง้อด้วยคำพูดหรือวิธีอื่นไม่ได้ ผมอยากงอนนานๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อความน้อยใจมันหายลับเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่ที่พี่นุดึงมือไปกุมแล้ว

“ไม่ใช่ไม่มั่นใจครับ แต่กำลังหาโอกาสเหมาะๆ มากกว่าครับ” ไม่รู้ว่าเจ้าของมือใหญ่บอกแม่ของตัวเองหรือบอกผมกันแน่

“เลยเอาวันที่เรื่องฉันแตก ฉลาดดีนะน้องของฉัน” คุณยะพูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงออกอาการอยากหยอกเล่นมากกว่า แต่กลับโดนพัดในมือแม่ของตัวเองฟาดลงบนไหล่ ไม่เบาเลยครับหากฟังจากเสียงที่กระทบ บวกกับเสียงร้องดังของคุณยะ

“อะไรอีกล่ะครับคุณแม่ ผมทำอะไรผิดอีกล่ะครับ”

“ทำอะไรผิดงั้นหรือ ผิดที่ทำกับหลานแม่ไง ถ้าแม่จับไม่ได้วันนี้ หลานแม่ก็คงโดนเรารังแกจนไม่เหลือชิ้นดีเลยใช่ไหม” หน้าตาท่านดูโกรธจริง

“โธ่คุณแม่ครับ ใจผมอยากจะบอกวันแรกที่หลานคุณแม่เป็....”

“หยุดนะตายะ! หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เรื่องของเรากับตาพีเอาไว้วันหลัง หลังจากแม่คุยกับแม่ของตาพีเรียบร้อยก่อน และถ้าแม่เค้าอยากได้ตัวลูกเค้าคืน แม่ก็จะคืนให้”

“ไม่ได้นะครับคุณแม่” คุณยะครางเสียงละห้อย ใบหน้าที่คล้ายพี่นุคล้ายสิ้นหวัง เมื่อฟังประโยคต่อมาของคนเป็นแม่

“เราไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งสิ้นตายะ เราทำผิดแล้วก็ผิดมากด้วย ถึงแม่จะยอมรับได้แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่จะเห็นดีเห็นงามไปด้วย ฉะนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตาพีและแม่ของตาพีเท่านั้น”

“ครับ” สุดท้ายคุณยะก็รับคำเสียงเบา สีหน้ากลัดกลุ้มใจมองไปที่ประตูห้องด้านใน 
 
“เอาไงล่ะคุณหญิง จะให้แหวนหนูฟ้าเลยไหม เห็นนั่งขัดอยู่ทุกวัน วันนี้เจ้านุก็พาหนูฟ้ามาแล้วให้ซะเลย” แล้วคุณพ่อของพี่นุก็พาเข้ามาที่เรื่องของผมต่อทันที สงสัยจะให้บรรยากาศกลับคืนมาเป็นปกติโดยเร็ว

“ดิฉันก็อยากให้แหวนของดิฉันหรอกนะคะท่านนายพล แต่เอ่อ...มันคงจะคับไปสำหรับหนูฟ้า แล้ว...แล้วดิฉันก็ว่าจะให้ตายะนะคะท่าน ไม่โกรธแม่นะตานุหนูฟ้า” ท่านบอกคู่ชีวิตของท่าน แล้วหันมาบอกผมกับพี่นุ

ผมเห็นคุณยะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คำพูดของคุณแม่ของพี่นุบอกเป็นนัยๆ แล้วว่า แหวนบนนิ้วของท่านที่จะให้คุณยะนั้นจะไปอยู่ที่นิ้วของใคร   

“ผมจะโกรธทำไมละครับคุณแม่ แหวนของคุณแม่ให้พี่ยะก็ถูกแล้ว” พี่นุของผมพูด

“แหวนแม่เรามีคนจองแล้ว แต่แหวนของพ่อยังไม่ใครจองนะ เอ้า...เจ้านุเอาไปตัดเรือนเสียก่อนจะได้พอดีนิ้วของหนูฟ้า แล้วค่อยเอามาสวมต่อหน้าพ่อกับแม่วันหลัง” ท่านว่า พลางถอดแหวนบนนิ้วนางของท่าน ส่งให้ลูกชายที่ยื่นมือไปรับพร้อมกับยกมือไหว้ ผมพลอยมือไหว้ไปด้วย ท่านก็รับไหว้ผม

“น้ำหวานกลับไปที่เรือนใหญ่ ไปเอากล่องใส่แหวนมาให้ฉันหน่อย” คุณแม่ของพี่นุบอกเด็กที่ชื่อน้ำอ้อย แล้วหันมาบอกกับคู่ชีวิตของท่านด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่ต่างจากใบหน้าที่จริงจัง

“ไม่ได้นะคะท่านนายพล ท่านจะมาพูดว่าวันหลังไม่ได้นะคะ ของอย่างนี้ดูฤกษ์ดูยามให้ดี ให้เอาฤกษ์สะดวกอย่างสมัยนี้ไม่เอานะคะ ดิฉันไม่ยอมเด็ดขาด พรุ่งนี้แม่จะดูฤกษ์ให้ละกันนะลูก”

“ตามใจคุณหญิงละกัน”

“ครับคุณแม่” เสียงพี่นุตอบ

ผมได้แต่อึ้งระคนมึนงง ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะเกินคาดอย่างนี้ ผมเคยคิดว่าท่านจะรังเกียจ เรื่องอาจจะหนักหนาจนผมต้องเดินคอตกกลับบ้านเพราะถูกกรีดกั้น คิดว่าท่านทั้งสองอาจสั่งห้ามพี่นุไม่คบกับผม บังคับให้เลิกกันเพราะความไม่เหมาะสมทางสังคม หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกิดจากการที่ผมเป็นผู้ชาย และท่านมีว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ในใจแล้วคือน้องเนย

มันผิดจากที่ผมคิดชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ และดีจนเกินกว่าที่ผมจะคาดถึง แหวนในมือพี่นุที่ได้จากคุณพ่อพี่นุ และการหาฤกษ์ที่คงไม่ต่างจากฤกษ์แต่งงานของคุณแม่พี่นุ คือสิ่งที่เกินกว่าที่ผมจะคาดคิด ราวกับฝันแต่มันคือความจริง มืออุ่นของพี่นุช่วยบอกผมว่ามันคือความจริง ไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใดเลย

“ยัยภา พรุ่งนี้เราหยุดอีกวันได้ไหม มาเป็นเพื่อนแม่ไปหาหลวงตาหน่อย” ท่านหันไปถามลูกสาวคนเล็ก

“ได้ค่ะ คุณแม่ ว่าแต่ภาขอไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียนก่อนนะคะ”

“เอาตัวพ่อของตาซันกับตาซานไปด้วยนะ ลูกจะได้เห็นหน้าพ่อบ้าง วันๆ ไม่เคยอยู่ให้ลูกเห็นหน้าเลย ไปสิตายะ” ประโยคสุดท้ายท่านหันไปสั่งเสียงดังเอากับลูกชายคนโต

“คุณแม่ก็พูดเกินไป ผมงานยุ่งหรอก”

“จ๊ะพ่องานยุ่ง ยุ่งให้มันจริงเถอะ ไปไป๊ ไปได้แล้ว ยัยภาเอาตัวพี่เราไปด้วย” ท่านบอก พี่ภาก็เลยดึงตัวคุณยะขึ้นมา พาลงเรือนไปด้วยกัน

“ลำบากใจหรือเปล่าหนูฟ้าที่แม่กับพ่อทำเหมือนเร่งหนูอย่างนี้” ท่านหันมาถาม เมื่อลูกทั้งสองของท่านลงเรือนไปแล้ว

“ไม่ครับคุณแม่ ผมต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากกว่าที่เอ็นดูผม” ผมตอบและอยากตอบมากกว่านี้ด้วยว่า ดีใจที่ท่านยอมรับในตัวผมและยังทำเหมือนต้องการผมมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวท่าน แต่ผมก็เขินเกินกว่าจะพูดไปอย่างใจคิด

“ท่านนายพลคะ ดูเหมือนเราจะลืมอะไรไปนะคะ ท่านกับดิฉันต้องไปคุยกับพ่อแม่ของหนูฟ้าก่อนสิคะถึงจะถูกต้อง” ท่านว่าเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

“จริงด้วยคุณหญิง ผมก็แก่แล้วจริงๆ ลืมเรื่องสำคัญเสียได้ ว่าไงเจ้านุ เอาหนูฟ้ามานี่ได้บอกพ่อกับแม่เขาหรือยัง”

“ยังครับคุณพ่อ ผมพาน้องฟ้ามาที่นี่ก่อน แต่พี่สาวน้องฟ้าก็รู้เรื่องของผมกับน้องฟ้าแล้ว แล้วก็ยกน้องฟ้าให้ผมดูแลแล้วนะครับ” พี่นุบอก พลางหันมายิ้มหวานให้ผม ทำเอาผมเขิน หน้าร้อนผ่าว

“มันได้ที่ไหนล่ะเจ้านุ เราต้องเข้าไปคุยกับพ่อแม่ของหนูฟ้าสิถึงจะถูกต้อง เอาไงล่ะคุณหญิง พรุ่งนี้ยังไม่ต้องไปดูฤกษ์หรอก ผมว่าเราไปหาพ่อแม่ของหนูฟ้าก่อนเถอะ”

“ดิฉันก็ว่าอย่างนั้นค่ะท่าน มายงมายกให้กันง่ายๆ โดยที่ผู้ใหญ่ไม่รู้เรื่องน่ะไม่ได้ น่าตีจริงๆ ลูกคนนี้ คิดถึงหัวอกพ่อแม่ของหนูฟ้าบ้าง”

ท่านทั้งสองว่าเพราะไม่รู้ว่าผมเหลือพี่สาวเพียงคนเดียว ผมเลยต้องรีบบอกท่านเสีย แอบหวั่นใจเหมือนกันว่าท่านจะคิดอย่างไรกับเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาขึ้นมา

“อย่าว่าพี่นุเลยครับคุณพ่อคุณแม่ ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดเป็นใครหรืออยู่ที่ไหน...”

แล้วผมก็เริ่มต้นเล่าเรื่องของผมให้ท่านทั้งสองฟัง เพราะอยากให้ท่านรู้จักตากับยายที่จากไปของผมด้วยน่ะครับ

“โถ...ลูก มาให้แม่กอดหน่อย” คุณแม่พี่นุครางเสียงเบาด้วยความสงสารผม ท่านเรียกผมเข้ามากอด ลูบหัวราวกับต้องการปลอบขวัญผม ท่านไม่ได้รังเกียจที่ผมเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า เป็นลูกเต้าเหล่าใครที่ท่านไม่รู้จัก อ้อมอกของท่านอุ่นไม่ต่างจากของคุณตาคุณยายผมเลย

“พี่สาวก็ออกเรือนไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว หนูฟ้าก็มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับพ่อนะ จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว”

“พรุ่งนี้เลยไหมครับคุณพ่อ”

พอคุณพ่อพี่นุพูด พี่นุก็เสนอความคิดของตัวเองทันที ผมว่าวันนี้หรือวันไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมก็ใช้ชีวิตร่วมไปกับพี่นุอยู่แล้ว แต่บอกให้ท่านทั้งสองรู้ไม่ได้ บางเรื่องก็ควรเก็บไว้เป็นความลับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ

“ไม่ได้นะตานุ แม่บอกแล้วไงว่าต้องดูฤกษ์ก่อน” ท่านว่าสุ้มเสียงไม่พอใจ พี่นุของผมเลยยิ้มแหยๆ แต่ก็แอบเห็นข้อความที่ส่งผ่านสายตาคมมาให้ผม ข้อความที่บอกให้รู้กันเพียงสองคนว่า เราเลยจุดที่ต้องใช้ฤกษ์ใช้ยามกันมาแล้ว

แต่ฤกษ์ที่ท่านทั้งสองจะหาให้ผมกับพี่นุก็มีความหมายนะครับ เป็นฤกษ์ดีที่พี่นุจะสวมแหวนให้ผม แหวนที่เป็นส่วนหนึ่งของความรักของเรา ถ้าพี่นุต้องเอาหวานไปตัดเรือนเพื่อให้พอดีกับนิ้วของผม ผมก็ต้องหาแหวนสำหรับพี่นุเหมือนกัน แต่คงต้องสั่งทำเพราะแหวนของคุณตาผมกลายเป็นของพี่เขยผมไปแล้วล่ะครับ

.

.

.

“น้องฟ้า”

คนที่นอนหนุนตักผมแล้วอ้าปากรอรับส้มรสหวานที่ผมป้อนให้เรียกชื่อผมด้วยสุ้มเสียงหวานเพราะ อาจหวานกว่าส้มที่ผมส่งเข้าปากเขาและปากผมด้วยมั้ง บอกตามตรงว่าผมยังไม่คุ้นกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปนี้เท่าไหร่ ชอบนะครับ ชอบมากด้วย แต่มันก็เขิน เขินมากจริงๆ

“ครับ พี่นุ” ถ้าพี่นุเรียกผมด้วยสุ้มเสียงที่หวานเพราะ ผมก็ตอบรับคำเรียกด้วยน้ำเสียงที่หวานจับใจไม่แพ้กัน

หลังจากที่คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่นุกลับเรือนใหญ่ไปพร้อมกับน้องพี พี่นุก็พาผมมานั่งเล่นที่ศาลาทรงไทยกลางสระน้ำห่างจากเรือนของพี่นุพอสำควร ดอกบัวที่โผล่สูงเหนือผิวน้ำแม้จะเริ่มหุบกลีบดอกแล้ว แต่ก็ชวนให้มอง ใบบัวที่ลอยเกือบเต็มสระนั้นอีก รวมถึงต้นไม้น้อยใหญ่ที่รายรอบ มากมายหลายพันธ์ที่ผมรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ที่ไม่รู้จักผมก็ได้รู้จักเพราะพี่นุของผม ชี้ชวนให้ดูและบอกให้รู้ ทั้งมีบอกด้วยว่าต้นไหนที่ตัวเองปลูกบ้าง รอบๆ ตัวศาลาก็เต็มไปด้วยกระถางบอนสี  โกสน เขียวหมื่นปี คล้าถุงเงิน สาวน้อยประแป้ง สาวน้อยร้อยชั่ง แล้วอีกเยอะแยะที่ผมจำชื่อได้ไม่หมด ด้านบนก็ยังมีไม้ระโยงระยาด้วยระย้า สร้อยนารี สร้อยนางกรอง ช้องนางคลี่ เฟินเขากวาง เฟินริบบิ้น และก็อีกมากมายครับ ผมจำชื่อได้ไม่หมดเหมือนกัน   

“เชื่อแล้วใช่ไหมว่าคุณพ่อคุณแม่ของพี่นุใจดี” พี่นุถาม ก่อนจะเคี้ยวส้มรสหวานที่ผมป้อนให้

“รู้แล้วครับ” รู้จริงๆ นั่นแหละครับ ท่านทั้งสองใจดี ใจดีจนผมน้ำตาซึมเพราะตื้นใจ พยายามจะไม่ร้องไห้ออกมา กลัวท่านทั้งสองตกใจ ช่วงนี้ผมรู้นะว่าตัวเองบ่อน้ำตาตื้นเหลือเกิน ร้องไห้บ่อยจนกลัวว่าพี่นุจะรำคาญ

“ต่อไปนิ้วนี้ก็ไม่ว่างแล้วนะครับ”

ปากหนาของพี่นุจูบลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของผมที่เจ้าตัวคว้าเอามาครอง ทำเอาผมเขินอีกแล้ว ยิ่งสายตาหวานซึ้งจากตาคมมองลึกเข้ามาในตาผมด้วย ยิ่งทำให้เขินจนหน้าร้อนไปหมด วันนี้ทั้งวันผมได้แต่เขินและเขิน

“อยากสวมให้เสียวันนี้เลย แต่กลัวฤกษ์ของคุณแม่จะเก้อ รอหน่อยนะครับคนดีของพี่นุ” เอาอีกแล้ว พี่นุของผมพูดเสียงหวานอีกแล้ว คำพูดก็หวาน อยากแก้เขินด้วยการหันไปมองต้นไม้น้อยใหญ่รอบตัว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะถูกสายตาหวานซึ้งสะกดเอาไว้

พี่นุของผมตั้งท่าหวานอย่างเดียวเลยหรือไง

“ว่าไงครับคนดี รอได้ไหมครับ” พี่นุถามย้ำเอาคำตอบ ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ ก็รู้อยู่ว่ายังไงผมก็รอได้ ต่อให้เป็นปีสองปีหรือสามปีสี่ปี ผมก็รอไหวอยู่แล้ว

“ไหวครับ” ผมตอบ แอบมองซ้ายมองขวา หน้าและหลัง ไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลย ผมจึงโน้มตัวลงก้มไปหอมแก้มสากทันที

“นานแค่ไหนก็รอได้ครับ พี่นุ”

รู้ตัวเองก็แอบหวานไม่แพ้พี่นุเหมือนกัน ตอนนี้ราวกับว่าโลกรอบตัวของผมมันเป็นสีชมพูไปหมด มองไปทางไหนก็มีเหมือนมีดอกไม้แบ่งบานไปทั่ว มองคนที่นอนหนุนตักผมก็เจอแต่ความรักที่ส่งมาให้ มองเข้าไปในดวงตาสีดำก็เจอกับคำมั่นสัญญาว่าจะรักตลอดไป

“ไม่ให้รอนานหรอกครับ เห็นไหมว่าคุณแม่พี่อยากได้น้องฟ้าเป็นลูกจะแย่อยู่แล้ว เผลอๆ อาจจะได้ฤกษ์ดีวันพรุ่งนี้เลยก็ได้นะครับ”

ผมเชื่อที่คนปากหวานพูด เชื่อว่าท่านทั้งสองยินดีให้ผมเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับท่าน ราวกับฝันนะครับ ทุกอย่างมันดูง่ายและผ่านไปได้ด้วยดี ผมได้รับการต้อนรับที่ดีและไม่มีความรู้สึกอะไรที่ทำให้ผมเศร้าเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะครอบครัวพี่นุใจดีอย่างนี้เอง พี่นุถึงใจเป็นพี่นุที่ใจดีกับผมตลอดมา แล้วผมหวังว่าจะตลอดไป

“หายปวดหัวหรือยังครับ” จู่ๆ พี่นุก็เปลี่ยนเรื่อง ผมส่ายหน้า อาการจากพิษไข้เมื่อคนไม่เหลืออีกแล้ว ที่มีอยู่ตอนนี้คือความหวานที่แทรกซึมอยู่ทุกอณูความรู้สึก

“ไม่แล้วครับ”

“เมื่อยไหม?” พี่นุถามอีก

“ไม่ครับ” ไม่เมื่อยเลยครับ มีความสุขและอยากให้อยู่อย่างนี้ไปตลอดด้วยซ้ำ

“แต่พี่นุอยากให้น้องฟ้านอนตักพี่บ้าง” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง ดึงผมให้ลงนอนหนุนตักแข็งแรงนั้น มือหนาเกลี่ยไล้เล่นบนแก้มของผม ตาคมที่หวานซึ้งไม่ได้ละไปจากหน้าผมแม้แต่นิดเดียว

“คิดว่ามันเร็วไปไหม?” จากพี่นุปากหวานกลายเป็นพี่นุเจ้าคำถามไปเสียแล้ว แม้คำถามจะสั้น ไม่ชัดเจนและชวนงงว่าหมายถึงเรื่องอะไร แต่ผมก็รู้ครับว่าพี่นุถามถึงเรื่องอะไร

“39 วัน นานจนทำให้ผมรักพี่นุหมดใจแล้วนะครับ” ผมตอบคำถามของคนที่ยังไม่เลิกเล่นแก้มผมด้วยความจริงในใจและความรักที่เอ่อล้นอยู่ในอก

วันเวลาทุกวันเริ่มตั้งแต่เช้าวันนั้น วันที่ผมยืนร้องไห้หน้าร้านเชิญครับ แล้วคุณหมอสัตว์จากคลินิกข้างๆ ก็เดินเข้ามาทำท่าเหมือนจะทักทายตามประสาลูกค้าประจำของร้าน แต่แล้วก็เดินผ่านเข้าไปในร้านแทนด้วยท่าทีเก้อเขิน เพราะผมแกล้งมองไม่เห็นเขา ก่อนจะเดินถือแก้วกาแฟกลับออกมาอีกครั้ง แล้วหยุดทักทายผมด้วยประโยคที่ชวนผมอึ้ง

‘เมื่อคืนร้องไห้มาหรือครับตามบวมเชียว’ คำถามที่ชวนผมอึ้งและเผลอตอบความจริงออกไปว่า ‘ครับ ร้องจนถึงเช้าเลยครับ’

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันยาวนานมากเหลือเกินในความคิดและความรักครั้งใหม่ของผม ทั้งที่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มันแค่ 39 วันเท่านั้นเอง

“แต่เราเจอกันนานกว่า 39 วันนะครับ ก่อนน้องฟ้าจะเปิดร้านด้วยซ้ำ”

พี่นุช่วยเตือนความจำของผม ซึ่งมันทำให้ผมจำได้ ไม่น่าลืมวันเวลาเหล่านั้นไปเลย เราเจอกันก่อนหน้านั้นในฐานะลูกค้ากับเจ้าของร้าน และนานกว่าระยะเวลาที่ผมเปิดร้านเชิญครับ เพราะก่อนหน้านั้นผมกับพี่นุเจอกันและเห็นหน้ากันบ้างระหว่างที่ผมมาดูการก่อสร้างร้าน เข้ามาตกแต่งร้าน ดูความเรียบร้อยของร้านแทบจะทุกวัน เมื่อเปิดร้านในวันแรก ร้านของผมก็มีคุณหมอสัตว์เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้ามาใช้บริการกาแฟร้อนและเค้กสตรอเบอร์รี มานึกถึงตอนนี้ก็แอบเสียดายที่วันนั้นไม่ได้มองสบตาคมนี้นานนัก

“อย่าบอกนะครับว่าแอบชอบผมมานานแล้ว” ผมถามล้อๆ ไม่ได้คิดว่ามันเป็นความจริงอะไรเลย พี่นุของผมในวันนี้ ในวันนั้นเป็นเพียงแค่คุณหมอสัตว์ลูกค้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่แตกต่างจากลูกค้าคนอื่นตรงที่เคยเข้ามาช่วยล้างแก้วอยู่หลังร้านและอาสาเป็นเด็กเสิร์ฟในบางครั้งที่ร้านเชิญครับวุ่นวายด้วยลูกค้ามากมาย

“ตอนนั้นน้องฟ้ามีเจ้าของอยู่แล้ว พี่นุไม่กล้ายุ่งหรอกครับ” พี่นุว่ายิ้มๆ

“ไม่กล้ายุ่งหรือเพราะมีคนที่รักอยู่แล้วกันแน่ครับ” สาบานได้ว่าผมไม่ได้ถามประชดหรือน้อยอกน้อยใจอะไรแม้แต่นิดเดียว ผมถามเพราะเรื่องราวมันพาไปต่างหาก

“สองอย่างเลยก็ได้ครับ” พี่นุยอมรับความจริง ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่ามันคือ ‘อดีต’ เหมือนที่ผมมีนนท์เป็นอดีตของผมไปแล้ว ผมไม่ได้คิดอยากกลับไปรักนนท์ใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่เพราะนนท์ไม่ได้รักผมแล้วหรือเพราะนนท์รักแดน แต่เพราะผมมีพี่นุคนรักที่แสนดีอยู่แล้วทั้งคน คนที่เติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมและคือคนที่ผมรักมากเหลือเกิน

และผมก็มั่นใจว่าพี่นุก็คงไม่กลับไปหาความรักครั้งเก่าอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะคุณลมมีคุณติน แต่เพราะพี่นุรักผม ผมคือความรักครั้งใหม่ของพี่นุ

เราสองคนรักกันแล้ว

“พี่นุ...” ผมจับมือหนามาวางบนอก

“ครับ”

“ฟ้ารักพี่นุนะครับ” 

แล้วใบหน้าคมก็โน้มเข้าใกล้ใบหน้าของผม ปากหนาแนบจูบลงมาแผ่วเบา ทว่าหวานซึ้งจนผมน้ำตาคลอเพราะความซึ้งใจจากรสรักที่ผ่านมาทางรสจูบ

“พี่นุก็รักน้องฟ้าครับ”


>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<


คนเขียนขอคุย :: คาดว่าตอนหน้าตอนที่ 32 จบของจริงแน่นอนนะคะ ^___^ แต่ก็เป็นตอนสั้นๆ เป็นพาร์ทของคุณหมอ อิอิ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นตอนจบได้เลยเหมือนกันนะคะ ฉะนั้น ไม่ค้างนะคะถ้าตอนที่ 32 จะไม่มาในเร็ววันนี้ หุหุ เพราะจะเสิร์ฟตอนพิเศษตินลมแทน
ปล.จบง่ายเนอะะะ ไม่หวือหวาเล๊ยยย อยากเขียนแบบโค่ดจะลุ้นไรงี้ แต่ก็เขียนไม่ได้ T^T ได้แค่นี้ละน้าาาา   
บับบาย :bye2: :bye2:
สีเหลืองอ่อน//aeaw 


ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
โคตรน่ารักเลยชอบพ่อแม่คุณหมอมาก :L1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านคู่นี้แล้วถึงแม้จะเรียบแต่สัมผัสถึงความรักที่อบอวลอยู่ตลอดเวลา ไม่มีคลายลงเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
น้องฟ้า พี่นุ น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมากมาย

คุณพ่อคุณแม่ยิ่งน่ารัก

บวกให้ค่า รออ่านพาร์ทพี่นุ

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
อ๊ากกก คู่นี้จบแล้วหรือคะเนี่ย หวานมากๆเลยค่ะ ว่าแต่อย่าหายไปเลยนะคะ จอตอนพิเศษออกมาบ้างให้หายคิดถึงนะคะ

ปล. เรายังขออนุญาต รอคู่ึุที่เหลืออีกนะคะ ทั้งคุณยะน้องพี (ตอนนี้อยากอ่านคู่นี้มากค่ะ อยากรู้ว่าคุณยะเป็นอย่างนี้ได้ไง 555) และคู่ของหนึ่งและแดนด้วยนะคะ ^^

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
หวานจริงๆ นะพี่นุ  :impress2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อยากรู้คู่ที่เหลือมากๆ เลยค่ะ

นนท์-แดน
ยะ-พี

ขอนั่งรอเงียบๆต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ทิวลิปสีส้ม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
เข้าเรื่องกันเลยว่าจะแต่งกันวันไหนยังไง ฮี่ๆ
แลดูทางบ้านนี้รับมือกับลูกๆ ได้ดีเลยนะคะ
แอบสมน้ำหน้าคุณยะ กร๊ากๆ สมๆๆ สมควร
อดซะ! ฮาๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
 :กอด1: 
ดีใจที่พ่อกับแม่พี่นุยินดีต้อนรับน้องฟ้า
น้องฟ้าจะได้แฮปปี้ซะที

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
โคตรน่ารักเลยชอบพ่อแม่คุณหมอมาก :L1:
เนอะๆๆๆ ชอบเหมือนกันเลย

อ่านคู่นี้แล้วถึงแม้จะเรียบแต่สัมผัสถึงความรักที่อบอวลอยู่ตลอดเวลา ไม่มีคลายลงเลย
ว้าว ขอบคุณที่สัมผัสถึงมันนะคะ

น้องฟ้า พี่นุ น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมากมาย
คุณพ่อคุณแม่ยิ่งน่ารัก
บวกให้ค่า รออ่านพาร์ทพี่นุ
พาร์ทพี่นุ เรียบร้อยแล้ว รอเวลาลงนะคะ

อ๊ากกก คู่นี้จบแล้วหรือคะเนี่ย หวานมากๆเลยค่ะ ว่าแต่อย่าหายไปเลยนะคะ จอตอนพิเศษออกมาบ้างให้หายคิดถึงนะคะ

ปล. เรายังขออนุญาต รอคู่ึุที่เหลืออีกนะคะ ทั้งคุณยะน้องพี (ตอนนี้อยากอ่านคู่นี้มากค่ะ อยากรู้ว่าคุณยะเป็นอย่างนี้ได้ไง 555) และคู่ของหนึ่งและแดนด้วยนะคะ ^^
ไม่หายค่ะ เดี๋ยว อิงหนึ่งจะตามมานะคะ

หวานจริงๆ นะพี่นุ  :impress2:
คนเขียนตั้งใจสุดๆ จะให้หวานเลยนะคะเนี้ย

อยากรู้คู่ที่เหลือมากๆ เลยค่ะ
นนท์-แดน
ยะ-พี
ขอนั่งรอเงียบๆต่อไปนะคะ
ก่อนนนท์แดน ยะพี คงต้องอิงหนึ่งก่อนนะคะ อิอิ แต่ ณ บัดนี้อยากเขียน ยะพี มากมาย แต่ขอเวลาเสาะหาข้อมูล ลำดับเหตุการณ์ก่อนนะคะ เอาอิงหนึ่ง ไปก่อนนะคะ ^^' (อิอิ ยังมีคู่พี่ป้อง แล้วคู่ของน้องตาม ด้วยน้าาา หลายคู่มากๆๆๆ 555+ อยากเขียนแต่คงอีกนาน เรื่องคุณหมอกะคุณฟ้านี่ก็ปีพอดีเลยนะเนี้ย)

รอตอนต่อไปนะ :z2:
ขอบคุณที่รอนะคะ

เข้าเรื่องกันเลยว่าจะแต่งกันวันไหนยังไง ฮี่ๆ
แลดูทางบ้านนี้รับมือกับลูกๆ ได้ดีเลยนะคะ
แอบสมน้ำหน้าคุณยะ กร๊ากๆ สมๆๆ สมควร
อดซะ! ฮาๆ
นั่นสิเนอะ แต่งกันวันไหนดี แต่อิคุณยะเนี้ย ไม่ไหวๆๆๆ แต่ก็รักจริงน้า ไม่เจ้าชู้ แต่ก็มีมาไม่ขาดสาย หุหุ

:กอด1: 
ดีใจที่พ่อกับแม่พี่นุยินดีต้อนรับน้องฟ้า
น้องฟ้าจะได้แฮปปี้ซะที
แฮปปี้แน่นอนค่ะ ^___^ คุณฟ้าใจดี ต้องได้แต่สิ่งดีๆ หุหุ

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้กันนะคะ อีกตอนเดี๋ยวก็จะจบแล้ว พาร์ทของพี่หมอ ไม่มีอะไรเยอะค่ะ สั้นๆ ง่ายๆ หวานๆ ตามสไตล์ของเรื่องนี้ค่ะ หุหุ
บับบาย
สีเหลืองอ่อน//aeaw  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2012 11:04:03 โดย i_ang »

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
โอ๊ยนี่สินะ
ครอบครัวสุขสันต์ :L1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

อั้ยย๊า เข้ามาอ่านอีกทีจะจบซะแล้ว
น่ารักมากคะ คู่นี้เขาหวานกันมากๆ
พี่นุกับน้องฟ้า อ่านแล้วมันเขินๆไงไม่รู้
ไม่ต้องหวือหวาหรอกคะ คนอ่านไม่อยากหัวใจวาย
อีกอย่างคู่นี้เขาก็รักกันแบบเรื่อยๆอยู่แล้ว
จบแบบนี้แหละคะ เราว่าเหมาะสุดๆ

รออ่านติน-ลมตอนพิเศษแล้วก็ตอนจบจริงนะคะ
+1 ให้จ้าาาาาาา
รออ่านเรื่องต่อไปด้วย หุหุ

ออฟไลน์ Calo love

  • "Look Frist At Me"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 836
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-5
    • "พี่ครับ...ผมขอ(เอา)พี่ได้ไหมครับ
ไม่มีคำบรรยายใดๆ ครับ................รักครอบครัวนี้มาก :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ดีใจกับฟ้าที่พ่อแม่พี่นุยอมรับ ตอนนี้หวานมากกกกกกกกก

+1+เป็ดจ้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนมีความรัก มีความสุขหวานอะไรแบบนี้เอง

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
รักเธอ  >>> ตอนพิเศษ   >>เรารักกันนะครับ

ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนกอดอกพิงหลังไว้กับหัวเตียง มองแผ่นหลังเนียนเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเพราะแรงดูดกินของผม เจ้าของแผ่นหลังที่ผมรักนักรักหนาคนนี้กำลังถือโทรศัพท์ขึ้นแนบใบหูเล็ก หลังจากกดปุมโทรออกถึงคนปลายสาย คนที่ผมยังไม่ค่อยไว้ใจดีเพราะเกรงว่ายังคิดอะไรกับคนรักของผมอยู่ ถึงปากหมอนุจะบอกว่าไม่คิดอะไรแล้ว ให้ผมวางใจได้ว่าเขาจะไม่เข้ามายุ่งอะไรกับคนของผมอีก แต่มันก็แค่คำพูดล่องลอย จะพูดแบบไหนก็ได้ จะโกหกก็ย่อมได้ แล้วผมจะเชื่อได้ไงว่าหมอนุพูดจริง ปากบอกอีกอย่าง ใจอาจจะคิดอีกอย่างก็ได้ ใครจะไปรู้ดีเท่าตัวหมอนุเอง
   “สวัสดีครับพี่หมอ ลมโทรมารบกวนหรือเปล่าครับ...เอ๊ะ...ติน อย่าสิ หยุดนะ”
คนรักของผมกรอกเสียงทักทายคนปลายสายในประโยคแรกๆ ส่วนประโยคหลังนี่เป็นของผม เขาหันมาดุผมผมเบาๆ เพราะผมลุกขึ้นไปสวมกอดเนื้อตัวเปลือยเปล่าเขาจากด้านหลัง ตัวเขาและตัวผมไม่มีสิ่งใดห่อหุ้มไว้เลย นอกจากผ้าห่มผืนเดียว
   “ไม่หยุด อยากให้หยุดก็วางสายสิครับ”
ผมฝากจมูกไว้กับแก้มนุ่มข้างที่ไม่มีโทรศัพท์แนบใบหู มือหยอกเย้ากับเม็ดเล็กเหมาะมือทั้งสอง ส่วนหนึ่งตั้งใจแกล้งแต่อีกส่วนหนึ่งเพราะยังอยากจะกลืนกินเนื้อตัวหอมหวานนี้อีกครั้ง ก่อนจะถูกตีมือ ตาเรียวหันมามองเอาเรื่อง ชี้หน้าคาดโทษ พูดแบบไม่มีเสียงให้ผมหยุด เขาจะคุยกับหมอนุเรื่องไปทะเล
เพราะเรื่องไปเที่ยวทะเลนี่แหละครับ ทำให้ผมลงโทษเขาตั้งแต่ดึกยันจะสว่างไม่กี่ชั่วโมงนี่แล้ว...ตอนนี้ตีสี่
เมื่อครู่คนน่ารักของผมยังนอนอ่อนระทวยทอดกายอยู่ใต้ร่างของผม ใบหน้าสุขสม เสียงครางแผ่วหวาน ตอบรับคำรักผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอหลุดจากห้องอารมณ์นั้น เจ้าตัวก็รีบคว้าโทรศัพท์หาพี่หมอแสนดีเรื่องไปเที่ยวทะเลทันที
ผมอยากไปเที่ยวทะเลกับเขากันสองคน แต่ดันมีคนนอกแจ้งความประสงค์ขอตามไปด้วยถึงสองคน คนแรกก็เพื่อนสนิทของผมที่พอรู้ว่าผมจะไปเที่ยวทะเล ถึงกับอาสาหาที่พักให้เลยทีเดียว อีกคนก็คืออดีตเจ้านาย ผมลาออกจากบริษัทของคุณอิงแล้วครับ ลาออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง เหตุผลก็เพราะทำเพื่อคนที่ผมรัก อยากให้เขาสบายใจ แม้ผมจะลำบากใจอยู่บ้างในเรื่องของเงินทุนที่เขาเต็มใจให้ อ้างว่าไม่ใช่เงินของเขาแต่เป็นเงินของเราสองคน อนาคตของเราสองคน นั่นสิครับ ผมไม่ควรคิดมาก ยึดศักดิ์ศรีหรือกำทิฐิเอาไว้ให้มันทำลายความรักของเราสองคน อะไรยอมเขาได้ผมก็ยอม อะไรยอมไม่ได้ผมก็พยายามยอม เช่นในตอนนี้ที่เขากำลังคุยกับคนปลายสาย คาดคั้นเอาคำยืนยันจากอีกฝ่ายว่าจะไม่เบี้ยวนัดเขา ผมก็พยายามยอมให้ ทั้งที่ใจมันไม่อยากให้ไปเลยด้วยซ้ำ ใครมันอยากจะเห็นหน้าคนที่คิดไม่ซื่อกับแฟนตัวเองล่ะครับ 
ถ้าบอกว่าเพื่อนสนิทและอดีตเจ้านายคือสองคนที่แจ้งความประสงค์อยากไปด้วย หมอนุเองก็คงเป็นคนที่คนรักของผมต้องการให้ไปด้วยกันให้ได้ 
ตอนนี้ผมได้แต่นั่งฟังเขานัดแนะกับคนปลายสายเรื่องเวลาที่จะขับรถไปรับ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมไปด้วยกัน แม้จะจองที่พักเอาไว้แล้วก็ตาม สาเหตุมาจากเมื่อตอนเย็นคุณหวานบอกคนรักของผมว่าหมอนุอาจจะไม่ไปด้วย เขาถึงต้องโทรไปเอาคำสัญญาจากอีกฝ่ายว่าจะไปด้วยกัน แล้วที่เพิ่งโทรก็เพราะผมเพิ่งปล่อยตัวเขา ก็ผมไม่อยากให้หมอนุไปด้วยนี่ครับ ถึงตั้งใจทำให้เขาหมดแรงและไม่มีแรงจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยบทรักที่ยาวนาน แต่สุดท้ายพอเรี่ยวแรงกลับคืนมา เขาก็ไม่ลืมความตั้งใจเดิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่หมอแสนดีของเขาทันที
“ห้ามเบี้ยวลมนะครับ...แล้วเจอกันครับ...”
แล้วคนรักผมก็วางโทรศัพท์ลง หันมาทำหน้าน่ารักใส่ผม ไม่ให้ผมใจอ่อนเปลี่ยนจากใบหน้าเซ็งจัดเป็นยิ้มกว้าง อ้าแขนรับร่างกายหอมหวานมาสู่อ้อมกอดได้ไงล่ะครับ
“ต่ออีกไหม ตินจะได้อารมณ์ดีขึ้น”
 เขาชอบอ้อนเอาใจผมหลังจากที่ทำให้ผมหงุดหงิด แต่เขาก็น่ารักเสมอในสายตาของผม เพราะเขาคือคนที่ผมรัก
เมื่อเขาอ้อนมาขนาดนี้ มีหรือผมจะปฏิเสธ

“ติน!!”
คนรักของผมเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นรถเลยทีเดียว หลังจากขยี้ตา หันไปมองรอบตัว แล้วพบว่ามันไม่ใช่ท้องถนนกรุงเทพ แต่เป็นถนนที่สองข้างทางเป็นต้นไม้น้อยใหญ่สลับกับบ้านเรือนของชาวบ้าน
“กลับรถไปรับพี่หมอเลยนะติน” คำสั่งเด็ดขาดออกมาจากปากบึ้งตึง
“ไม่ทันแล้วครับ อีกนิดก็จะถึงจันท์แล้วด้วย” ผมบอกยิ้มๆ ผิวปากอารมณ์ดีเลยครับงานนี้
“ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะติน เราตกลงกันแล้วนะ” คนรักของผมคลายสีหน้าบึ้งตึงลง คล้ายจำยอมกับสิ่งที่ผมทำหรือไม่ก็เพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว รถวิ่งออกจากกรุงเทพเกือบสองร้อยกิโลแล้วนะครับ
“ก็ตินไม่อยากให้พี่หมอของลมมาด้วยนี่ครับ แต่ถ้าพี่หมอของลมอยากมาจริงๆ เขาก็หาทางมาเองได้ หนึ่งมันให้แผนที่รีสอร์ทไปแล้ว” ผมบอกคนที่รีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ไม่บอกก็รู้ว่าจะทำอะไร พอหันมาเห็นผมมองอยู่ก็ย่นจมูกใส่ทันที
“มีความผิดอยู่นะติน ลมจะโทรหาพี่หมอ ห้ามกวน!” ขู่แบบนี้ ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ แค่ไม่อยากขัดใจ อย่างน้อยทั้งขาไปและขากลับ ผมก็ไม่ต้องทนเห็นหมอนุนั่งอยู่เบาะหลังและเห็นคนรักของผมค่อยแต่จะหันหน้าไปชวนคุยอยู่ตลอดเวลา
“เปิดลำโพงด้วย” ผมสั่งเสียงเข้มทันทีที่เขากดปุ่มโทรออก เขาทำตาเขียวใส่แต่ก็ยอมเปิดลำโพงให้ผมได้ยินเสียงดนตรีรองสายดังเป็นจังหวะเพราะปลายสายยังไม่กดรับ ผมเลี้ยวรถลงไปจอดข้างทาง ขืนให้ขับรถต่อผมคงไม่มีสมาธิ คนรักของผมมองอย่างสงสัยแต่ไม่ทันได้ถาม คนปลายสายก็กดรับและส่งเสียงออกมาตามลำโพง
(สวัสดีครับน้องลม)
ผมจับน้ำเสียงของหมอนุ อืม...ก็ปกติดี ไม่ได้ทักทายด้วยน้ำเสียงหวานแบบที่คิดเอาไว้
“พี่หมอครับ เอ่อ...คือว่า...พี่หมอขับรถมาเองได้ไหมครับ ตามแผนที่ที่หนึ่งให้พี่หมอไปนะครับ ตอนนี้ลมกับติน เราสองคนใกล้ถึงจันท์แล้ว”
(ครับได้ครับ)
“ลมต้องขอโทษพี่หมอจริงๆ นะครับ ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีลมลืมบอกตินน่ะครับ ตินเลยไม่รู้ แล้วลมก็เผลอหลับไปในรถ ตื่นมาอีกทีก็ใกล้ถึงจันท์แล้ว”
ฟังคนรักของผมบอกเหตุผลที่ไปรับหมอนุไม่ได้แล้วก็น่าสงสารครับ ถึงขั้นต้องโกหกว่ายังไม่ได้บอกผม ทั้งที่เขาบอกผมไปไม่รู้กี่รอบ ย้ำแล้วย้ำอีก ว่าอย่าลืมไปรับหมอนุที่หน้าคลินิก ตอนนี้คนรักของผมคงรู้สึกผิดมาก ผมพลอยรู้สึกผิดไปด้วยเพราะเป็นตัวต้นเหตุ แต่ความรู้สึกผิดมันก็น้อยกว่าความรู้สึกปลอดโปร่งที่ไม่มีบุคคลที่สามร่วมเดินทางไปด้วยกัน
(ได้ครับ พอดีพี่หมอเอาแผนที่ติดมาด้วย ไม่ต้องห่วงนะครับ)
“ลมขอโทษจริงๆ นะครับพี่หมอ”
(ไม่เป็นไรครับ)
“แต่พี่หมอต้องขับรถตามมาจริงๆ นะครับ ห้ามเบี้ยวลมนะ”
(ครับ)
“แน่นะครับพี่หมอ”
(ครับ)
 “แต่ลมกลัวว่าพี่หมอจะไม่มา” นั่น...ทำเป็นรู้ทัน ผมว่าไม่มาสิดี
(พี่หมอรับปากแล้วก็ต้องไปสิครับ)
“จริงๆ นะครับ”
(ครับ งั้นพี่หมอวางสายแล้วนะครับ จะได้ออกเดินทางเลย)
“ต้องมาจริงๆ นะครับพี่หมอ”
(ครับ)
“ไม่มาก็ไม่เห็นเป็นไร เราเที่ยวสองคนก็ได้  มาทำไม อยากเป็นก้างนักหรือไง”คำพูดผมเองล่ะครับ ระบายอารมณ์หงุดหงิดที่คนรักของผมอยากให้หมอนุมาด้วยมากเหลือเกิน หมอนุจะได้ยินหรือเปล่า ไม่รู้นะ แต่ผมหวังว่าจะได้ยิน
“ติน! หยุดพูดไปเลยนะ มีความผิดอยู่นะ...พี่หมอครับ พี่หมอ...”
ดุผมเสร็จแล้วกลับไปพูดกับคนปลายสาย แต่ไม่ทันแล้วครับเพราะฝ่ายนั้นวางสายไปแล้ว
“ตินนะติน ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้ แล้วพี่จะคิดยังไง โตแล้วนะ” คนอายุเท่าผมหันมาค้อนตาขวาง พลางยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“ตินไม่ชอบหมอสัตว์นั้น” เมื่อก่อนเคยชอบแล้วถูกชะตาด้วย กินเที่ยวกันอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นเพื่อนของอดีตเจ้านาย แต่นั่นก็ก่อนที่ผมจะรู้ว่าหมอนุตามจีบคนรักของผม พอผมรู้ ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ผมจะได้เป็นเจ้าของคนน่ารักคนนี้เต็มความภาคภูมิแล้ว แต่มันก็อดหวงและหึงไม่ได้
“เรื่องมันไม่มีอะไรแล้ว พี่หมอไม่ได้คิดอะไรกับลมแล้วนะ”
“ตินไม่ไว้ใจ”
“ไม่ไว้ใจลม?” เขาแกล้งถาม 
“ไม่ไว้ใจคุณหมอครับ” ใครจะไม่ไว้ใจคนรักของตัวเองล่ะครับ คนรักของผมน่ารักออกอย่างนี้ รู้ว่าเขารักผมไม่ต่างจากที่ผมรักเขา เรารักกัน รักกันก็ต้องไว้ใจกัน แต่กับคนที่เคยจีบคนรักของผมมาก่อน ใครจะกล้าไว้ใจ
“ตินนี่น่าหึงไม่เข้าเรื่อง” เขาบ่นอุบอิบ
“ลมยังหึงตินกับนุ่นได้เลย ตินก็หึงลมกับหมอนุบ้างสิครับ”
“คนละเรื่องกันเลยนะติน แล้วไม่ต้องเอาพี่หมอไปเปรียบเทียบกับยัยนุ่นนั่นด้วย พี่หมอเป็นคนดีกว่ายัยนุ่นเยอะ”
“ปกป้องกันจริงนะครับ”
“เปล่า ไม่ได้ปกป้องซะหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ๆ”
“งอนเหรอ?” เขาถาม อารมณ์ผมก็ประมาณที่เขาถามแหละ
“ไม่เอา ไม่งอนลมนะ” คนรักของผมพูดแล้วดึงหน้าผมเข้าไปใกล้ หอมแก้มซ้ายสลับแก้มขวา ฉีกยิ้มกว้างและแสนหวานให้ผม ก่อนจะแนบปากนิ่มลงบนปากผม ผมไม่ได้ส่งลิ้นเข้าไปชิมความหวานจากเรียวลิ้นเล็กนั้น เป็นเขาที่ส่งมันเข้ามาในปากผมเอง เข้ามาพัวพันอย่างอ่อนหวานต้องการเอาใจ
“อื้ออ...อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง” เขาถามผมเมื่อเราเลิกจูบกัน
“ยังครับ” ผมส่ายหน้า ตั้งท่าจะคว้าเขาเข้ามาแลกจูบอีกครั้ง แต่เขาไม่ยอม ขยับหนีมือและปากผมทันที
“พอแล้ว ปากเจ่อไปหมดแล้วเนี้ย” เขาว่าค้อนๆ ความผิดผมที่ไหน ความผิดของเขาทั้งนั้น
“ลมเริ่มเองนะครับ มายั่วให้ยากแล้วก็ชอบจากไป” ผมแกล้งทำเสียงน้อยใจ แต่เขารู้ทัน เขารู้ทันผมตลอดแหละครับ
“ไม่ต้องเลย ออกรถได้แล้วจะได้ถึงสักที ลมอยากนอนเต็มทีแล้ว” เขาว่าไปด้วยปิดปากหาวไปด้วย สงสัยง่วงจริงจังครับ
ที่แผนซิ่งหนีหมอนุของผมสำเร็จก็เพราะความง่วงของเขานี่แหละ เขาไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนเพราะถูกผมทำโทษ ครั้งสุดท้ายที่ผมกอดเขาเสร็จสมอารมณ์หมาย ผมก็พาจับเขาอาบน้ำและแต่งตัวขับรถออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ หลอกเขาว่าอยากทานโจ๊กหน้าปากซอย ทานแล้วจะได้เลยไปรับหมอนุเลย เขาก็เชื่อ แต่พอขึ้นรถปุบก็หลับปับ มาตื่นอีกทีโวยวายลั่นอย่างที่เห็นครับ
“ให้ลมขับไหม ตินจะได้พัก” เขาหันมาถามขณะที่ล้อรถกำลังหมุน
“ตินไหวครับ ลมง่วงนอนต่อก็ได้นะครับ ถึงแล้วตินจะปลุก” ผมบอกเขา เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับ ผมก็ไม่ได้หลับเหมือนกัน แต่ผมไม่ได้รู้สึกง่วงเพราะก่อนออกจากบ้านผมดื่มกาแฟมาแล้ว
“ไม่เอา นั่งเป็นเพื่อนคุยกับตินดีกว่า ถึงแล้วค่อยนอนทีเดียว” ว่าพลางปิดปากหาวอีกครั้ง น่ารักจริงครับคนรักของผม จากนั้นเราก็หยอกล้อกันไปตลอดทางตามประสาคู่ชีวิตของกันและกัน

“ว่าไง”
   ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู มีคนน่ารักของผมนอนหลับสนิทซุกอยู่บนอก เขาหลับลึกมากแม้แต่โทรศัพท์ที่แผดเสียงดังก็ไม่ทำให้เขาขยับตัวแม้แต่น้อย
   (กูกับบอสถึงแล้ว มึงก็ออกมาจากห้องสักที จะได้หาอะไรกินกัน มันบ่ายโมงกว่าแล้วนะโว้ย)
เพื่อนสนิทที่สุดของผมเองครับ มันคนนี่แหละที่ทำให้ผมอดเที่ยวทะเลกับคนรักแบบสองต่อสอง
“มึงก็กินกับบอสไปสิ” ผมบอกมัน ยังไม่หิวแล้วยังอยากนอนกอดเนื้อตัวหอมหวานของคนรักไปอีกนานๆ กอดเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกไม่พอ
(ไม่เอาก็กูอยากกินกับมึงอ่ะ เร็วๆ เลยมึง กูหิวจนจะแดกหัวบอสได้อยู่แล้วนะมึง)
ดูมันพูด ทำเสียงงอแงมาตามสาย ไอ้เพื่อนไม่รู้จักโตคนนี้ของผม มันน่าถีบจริงๆ ก่อเรื่องวุ่นวายให้ผมตลอด ยิ่งตอนเรียนมหา’ลัยนะ ผมต้องคอยคุมมันยังกะพ่อคุมลูก หนึ่งน่ะมันฉลาดก็จริง แต่มันก็โง่เรื่องดูคน มีหลายคนที่เข้ามาแบบไม่ซื่อกับมัน มันก็ไม่รู้ โดยเฉพาะเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ เป็นอีกคนหนึ่งที่คิดไม่ซื่อกับมัน ไอ้นั่นมันเสือฟันไม่เลือก หนึ่งไม่รู้ แต่ผมรู้ ผมถึงได้กันมันออกจากหนึ่งเสมอ จนกลายเป็นเหม็นขี้หน้ากันไปโดยปริยาย
“เออๆ ขอเวลาล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวออกไป”
(เร็วเลยนะมึง...คือกู...กู...ไม่อยากอยู่กับบอสสองต่อสองว่ะ)
“ทำไม?”
ผมเผลอขยับตัวลุกขึ้นนั่งเพราะสะดุดกับน้ำเสียงที่เบาลงและคำพูดในประโยคสุดท้าย คนที่หลับสนิทเลยสะดุ้งตื่น เงยหน้ามองผมอย่างงัวเงีย อดไม่ได้ที่จะก้มหอมแก้มน่ารักนั้น ท่อนแขนเรียวสวมกอดเข้าที่เอวผม แนบใบหน้าบนหน้าท้องของผมต่อแล้วหลับตาลง
“บอสทำให้กูอึดอัดว่ะมึง กูบอกไม่ถูก วันหลังกูจะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้มึงรีบออกมาอยู่เป็นเพื่อนกูก่อน ไม่งั้นกูจะไปหาชิตนะเว้ย” มันขู่มาตามสาย แล้วผมก็กลัวมันจะทำจริง
“เออๆ รอแป๊บหนึ่ง”
ผมวางโทรศัพท์ลงเป็นจังหวะเดียวกับที่คนน่ารักของผมขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“หนึ่งเหรอ?”
“ครับ”
“โทรมาตามเหรอ?”
“ครับ โทรมาตามให้ออกไปหาอะไรกินกัน ลมอยากนอนต่อไหม?”
“หิวมากกว่าง่วงแล้วล่ะตอนนี้” เขาว่า
“งั้นไปอาบน้ำกันครับ” ผมดึงเขาออกจากเตียง พาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำด้วยกัน ไม่บ่อยนะครับที่ผมกับคนน่ารักคนนี้จะอาบน้ำด้วยกัน เขาชอบอายเวลาที่ผมมองสำรวจไปตามร่างกายของเขา เวลาที่มีอะไรกันเขาก็มักจะบอกให้ปิดไฟตลอด

ผมมองคนสองคนที่เดินมาตรงที่ผมนั่งอยู่ หมอนุและใครอีกคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่คิดว่าอดีตหัวหน้าผมอาจรู้จัก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้จัก
   “เพื่อน”
   หมอนุตอบเมื่อเพื่อนของผมถามว่าคนที่มาด้วยกันเป็นใคร คงไม่มีใครเชื่อที่คุณหมอบอก ผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพื่อนที่ไหนจะช่วยถือกระเป๋าให้กัน คนน่ารักของผมหันมายกยิ้มประมาณว่าถูกใจนักหนาที่หมอนุควงคนนี้มาด้วย คล้ายจะบอกกับผมอีกว่า
…เป็นไงล่ะ บอกแล้วไม่เชื่อ พี่หมอไม่ได้สนใจลมแล้ว เห็นป่ะว่าควงแฟนมาเปิดตัวแล้ว ต่อไปเลิกหึงลมกับพี่หมอซะที…
ความรู้สึกว่าไม่ชอบหน้าคุณหมอเริ่มลดลง รู้สึกโล่งใจขึ้น ผมมองคนที่หมอนุพามาด้วย หน้าตาน่ารักแต่คนรักของผมน่ารักกว่าเยอะครับ
แม้คนที่มาด้วยกับคุณหมอจะเอ่ยแก้ตัวว่าเป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟข้างคลินิกของหมอนุ แต่พวกเราทุกคน หมายถึง ผม คนรัก เพื่อนสนิทและอดีตหัวหน้า ไม่มีใครอยากเชื่อเท่าไหร่

“ตินนน....กูไปด้วยยยย...”
   ไอ้เพื่อนสนิทของผมมันวิ่งตะโกนตามหลังมา แล้วมายืนหอบแฮ่กๆ ตรงหน้าผมและคนรักของผม มันเห็นผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ มันเลยทำหน้าสำนึกผิดแต่ก็ยังจะร้องขอตามไปด้วย
   “มึงไปไหน กูขอไปด้วย...กูไม่อยากอยู่กับบอสสองคนอ่ะ”
หนึ่งมันบอกผมเสียงเบา มองหน้าผมด้วยสายตาอ้อนวอน แล้วตบท้ายด้วยประโยคเด็ดของมัน
“ถ้า...ถ้า...ถ้ามึงไม่ให้กูไปด้วย กูจะไปหาชิตนะโว้ย”
จบกันครับ ภาพที่ผมจินตนาการเอาไว้ว่า ได้เดินจับมือกับคนรักบนหาดทรายเม็ดละเอียด โดยที่ผมและเขาจะถอดร้องเท้าเดินไปจนสุดเวิ้งหาด ตามทางก็อาจแวะจับปูลมกันบ้าง เดินเสร็จก็จะลงเล่นน้ำทะเลกันสองคนแบบหวานชื่น ขี่คอกัน เกาะหลังกัน สาดน้ำใส่กัน และจูบพิศกันตอนตะวันตกดิน
หมดกัน!
   “เดินด้วยกันหลายคนก็สนุกดี” คำพูดนี้เป็นของคนรักของผม หนึ่งถึงกับยิ้มออก หันมายักคิ้วให้ผมเป็นเชิงบอกว่า ‘คุณลมไม่อยากเดินกับมึงแค่สองคนว่ะ’
   “แล้วบอสล่ะ” ผมถามถึงอดีตเจ้านาย หลังจากทานข้าวเที่ยงกันตอนบ่ายสองเกือบบ่ายสามก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ผมและคนรักเข้ามาเปลี่ยนชุดที่เหมาะกับการเดินเล่นและเล่นน้ำ เดินจูงมือกันเดินเท้าเปล่าบนเม็ดทรายได้ไม่กี่ก้าว เพื่อนเจ้าปัญหาก็วิ่งตามมาอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ
   “อยู่ในห้อง” หนึ่งมันตอบพร้อมทำหน้าเซ็ง มือล้วงกระเป๋า เท้าก็เตะทรายไปเรื่อยเปื่อย มันยังไม่บอกผมเกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้มันรู้สึกอึดอัดกับบอสตัวเอง มากไปกว่าที่พูดบอกในโทรศัพท์ก่อนหน้า
   “จะเดินด้วยก็ได้ แต่อย่ากวนเวลาที่คนรักเขาจะสวีทกัน ถ้าเห็นว่าทำท่าจะจูบกันเมื่อไหร่ก็รีบหลับตาซะ” ผมบอกมัน แต่ความจริงคือตั้งใจจะแกล้งคนที่ยืนหน้าแดง มองค้อนผมอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับกำปั้นเล็กและแรงซัดเข้าที่ต้นแขนไปหลายครั้ง
   “ไม่อายปากเลยนะมึง”
มันว่าแล้วเดินนำหน้าผมและคนรักไป
   “ติน...เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เขาถาม สีหน้าอยากรู้
   “ตินก็ไม่รู้ครับ หนึ่งมันบอกแค่ว่ารู้สึกอึดอัดตอนอยู่กับบอสสองคน”
   “อ้าว...ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ลมก็เห็นสนิทกันดีนี่นา แถมยังจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่อิงอีก”
   “ไม่รู้เหมือนกันครับ...ตินว่า เรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”
   “เรื่อง?”
   “จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหมครับ”
   “วันไหนนะ...วันไหนน้า วันปีใหม่หรือเปล่า วันนั้นห้องตินจัดงานเลี้ยงปีใหม่ ตินกับเพื่อนเอาเค้กมาแจกห้องของลม ลมยืนอยู่ตรงประตูพอดี เราเลยได้เจอกัน ตินเอาเค้กให้ลมแล้วก็บอกลมว่า ‘สวัสดีปีใหม่ครับคุณลม’ แล้วก็เดินออกไปเลย รู้ไหมว่าเพื่อนในห้องของลมนะมองตามตินตาละห้อยเลยนะ”
คนน่ารักแกล้งถามและบรรยายถึงฉากที่เราพบกันด้วยเสียงที่ใสแจ๋ว ปากเล็กฉีกยิ้มกว้าง เขาคงจำวันนั้นได้ดี ดีพอๆ กับผม วันที่ผมยืนเค้กให้เขาแล้วบอกเขาว่า ‘สวัสดีปีใหม่ครับ...คุณลม’
   “ไม่ใช่วันปีใหม่ครับ วันงานกีฬาสีตอนมอสี่ต่างหาก เราอยู่สีเดียวกัน พอเจอหน้าติน ลมก็สะบัดหน้าใส่ทันที ถ้าผู้หญิงตบหน้าแปลว่ารัก สงสัยผู้ชายสะบัดหน้าใส่คงแปลว่ารักแหงๆ ตอนที่ตินลงแข่งวิ่ง ลมเป็นสตาฟคอยเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม เอาผ้าเย็นมาให้ตินเช็ดเหงื่อ แล้วก็เอายาดมมาให้ตินดมด้วยนะ จำได้ไหมครับ”
เมื่อคนรักของผมแกล้งจำไม่ได้ ผมก็เอาอย่างเขาบ้าง อยากรู้ว่าเขาจะเอ่ยถึงวันไหนบ้างที่เป็นวันแห่งความทรงจำของเราสองคน
   “มันใช่ที่ไหนเล่า ตินก็...เราเจอกันครั้งแรกวันที่รถของแม่ตินเสียอยู่หน้าโรงเรียนต่างหาก คนขับรถของลมก็ไปช่วยซ่อม วันนั้นนะ ลมบอกเขาให้ลงไปช่วยเองแหละ เพราะอยากเห็นหน้าตินใกล้ๆ ได้ยินเสียงร่ำลือมานานว่าเด็กห้องหนึ่ง ลูกอาจารย์มณีที่สอนภาษาไทยหล่อมาก สาวๆ กรี๊ดกันกระจาย เลยอยากรู้ว่าสมคำร่ำลือไหม แล้วก็นะ...หล่อสมคำร่ำลือจริงๆ”
คนรักของผมปากหวานมากครับ พูดชมผมแล้วก็หน้าแดงเสียเอง ผมจำวันนั้นได้ดี ยังจำคำพูดของแม่ด้วยว่าอยากมีลูกน่ารักแบบเขา อยากบอกแม่ที่อยู่บนฟ้านะครับว่า วันนี้ท่านสมหวังแล้ว ได้คนที่แม่อยากได้เสียด้วย
“ไม่ใช่วันรถเสียครับ วันสอบมิดเทอมวันสุดท้ายต่างหาก ตินนั่งสอบติดกับห้องของลม แล้วแม่ของตินก็เป็นอาจารย์คุมสอบห้องของลมด้วย ตินสอบเสร็จเลยมานั่งรอแม่อยู่หน้าห้อง เลยมีโอกาสนั่งรอแม่อยู่ข้างๆ ลมที่นั่งรอคุณแพทที่ยังสอบไม่เสร็จ รู้ไหมว่าวันนั้นตินแอบมองลมบ่อยๆ อยากดูว่าคนน่ารักคนนี้น่ารักมากขนาดไหน ทำไมเพื่อนในห้องถึงพากันพูดถึงแต่เด็กชื่อลมที่อยู่ห้องสอง เข้าใจวันนั้นเองครับว่าน่ารักมากอย่างนี้เอง ถึงมีแต่คนพูดถึงแล้วก็มีแต่คนรุมจีบ แต่ไม่ยักมีใครจีบติดสักคน วันนั้นตินอยากขอเบอร์ลมมาก แต่ก็ไม่ได้ขอ”
“ทำไมไม่ขอล่ะ” คณน่ารักหยุดเดินทันที
“ขอแล้วจะให้หรือครับ คนเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก”
“ให้สิ ทำไมจะไม่ให้ คนหล่อมาขอเบอร์ทั้งที ไม่ให้ก็โง่แล้ว แล้วจะบอกอะไรให้นะ วันนั้นไม่ใช่วันที่เราเจอกันครั้งแรกเสียหน่อย ตินนะแก่แล้วเลยลืม อันที่จริงแล้ว...”
คนน่ารักหยุดพูดนิดหนึ่งเพื่อจะจับมือผมที่กุมมือเขาให้โอบเข้าที่เอวเล็ก อิงศีรษะไว้ที่ต้นแขนของผม เท้าของเราสองคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ตามหลังไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ
“...วันแรกที่เราเจอกันคือวันวาเลนไทน์ตอนมอสี่ ตรงตึกหนึ่งไง ตินน่ะยืนอยู่ตรงบันไดชั้นสามกับพี่ผู้หญิงมอหก พี่เขายื่นกุหลาบสีขาวให้ตินตอนที่ลมเดินขึ้นมาพอดี แล้วตินก็ยิ้มให้ลมแทนที่จะยิ้มให้พี่คนนั้น แต่ลมสะบัดหน้าหนีเพราะกลัวจะหลงเสน่ห์ตินเหมือนพี่คนนั้น กลัวว่าจะได้วิ่งไปซื้อดอกกุหลาบหน้าโรงเรียนเอามาให้ตินน่ะนะ” เขาบอกรายละเอียดได้ชัดเจนมากครับ จำได้แม้กระทั่งสีของดอกไม้
“แต่ตินจำได้ว่าไม่ใช่วันนั้นนะครับ น่าจะเป็นวันที่เราอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน วันนั้นตินเดินเข้าห้องน้ำเห็นลมทำท่าจะฉี่ แต่พอเห็นตินก็รีบหนีเข้าไปในห้องแทน นึกแล้วขำ ไม่คิดว่าคนน่ารักจะขี้อาย ตอนนั้นลมกลัวตินเห็นหรือครับ...หึหึ”
ผมหลุดหัวเราะเสียงดังออกมาเมื่อคนน่ารักหันมาเขวี้ยงค้อนวงใหญ่ใส่ ไอ้เพื่อนผมก็หันกลับมามอง แล้วรีบหันกลับไป คงไม่อยากเห็นภาพคู่รักสวีทกัน
“ลามก”
“ก็ลมน่ารัก ตินเลยอยากมอง”
“พอเลย หยุดพูดถึงเรื่องวันนั้นนะ แล้วมันก็ไม่ใช่วันแรกที่เราเจอกันด้วย” เจ้าตัวเชิดหน้าบอก
“แล้ววันไหนละครับที่เราเจอกันครั้งแรก”
“วันที่ลมยกสมุดรายงายวิชาสังคมตามหลังอาจารย์ปรีชาไปต่างหาก ตินเดินผ่านมาตอนที่ลมทำสมุดหล่นพอดี ตินช่วยหยิบสมุดขึ้นมาให้ลม แล้วก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอาสาช่วยลมยกสมุดรายงานพวกนั้น แต่...”
“แต่ลมไม่ยอม” ผมพูดแทรก
“จะยอมทำไมล่ะ แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องอาจารย์แล้ว”
“แต่ตินว่ายังไงมันก็ไม่ใช่วันแรกที่เราเจอกันอยู่ดี เหตุการณ์วันนั้นมันเกิดขึ้นหลังวันที่ลมหนีตินเข้าห้องน้ำอีกนะครับ”
“นี่ยังจะไม่หยุดใช่ไหม” คนน่ารักดุเสียงเข้ม ตาขวางจนผมไม่อยากล้อเรื่องในห้องน้ำอีก กลัวจะทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ
“ไม่พูดแล้วครับ งั้นมานึกกันต่อครับว่าเราเจอกันครั้งแรกวันไหน...ลมว่าใช่วันฝนตกหรือเปล่าครับ ตินเห็นลมหลบฝนอยู่ใต้ตึก คิ้วนี้ผูกเป็นโบว์ สงสัยเกลียดฝนมาก”
“ก็แน่ล่ะ ใครใช้ให้มาตกวันที่ลมไม่ได้เอาลมมาล่ะ รถที่มารับลมก็ดันมาเสียกลางทางอีก แต่แล้วลมก็โชคดีนะ มีหนุ่มหล่อใจดีเดินกางร่มไปส่งถึงประตูโรงเรียน แถมยังช่วยยื่นโบกรถแท็กซี่ให้ลมตั้งชั่วโมงแน่ะ ทุกวันนี้ลมเลยไม่เกลียดฝนอีกเลย เพราะฝนมันทำให้ลมได้อยู่ใกล้ตินใต้ร่มคันเดียวกัน...ขอบคุณมากนะตินที่ทำให้ลมไม่เกลียดฝนอีกเลย”
เสียงหวานบอกผม อิงซบต้นแขนผมอีกครั้ง ผมกระชับเอวบางแน่นขึ้น แล้วดึงให้หันหน้ามาจ้องตากัน เรามองเข้าไปในตาของกันและกัน ผมเห็นความรักในตาเขาและเขาคงเห็นความรักในตาของผมเช่นกัน
“วันแรกที่เราเจอกัน...”
“วันแรกที่เราเจอกัน...”
เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน แล้วยิ้มพร้อมกัน เราสองคนต่างจำได้ไม่ลืมถึงวันแรกที่เราพบกัน
“วันที่เราเดินชนกัน”
เขาเป็นฝ่ายพูดก่อน
“ตรงมุมตึกอาคารพละ”
ผมบอกสถานที่ที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารักแรกพบ...และเป็นรักเดียวตลอดมาของผม
“ตินรักลมตั้งแต่วันนั้น รักมาตลอด รักจนถึงทุกวันนี้และจะรักลมไปตลอด...ตินสัญญาครับ” ผมมั่นใจคำพูดของตัวเอง มั่นใจว่าจะทำได้ตามคำที่ให้สัญญาเอาไว้ ผมจะรักเขา จะรักเขาไปตลอดจนลมหายใจของผม...
“แต่ตินรู้ไหม...วันนั้นเป็นวันแรกที่เราเจอกันก็จริง แต่ไม่ใช่วันแรกที่ลมเห็นตินนะ ลมเห็นตินตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกแล้วล่ะ แล้วก็ตกหลุมรักตินตั้งแต่วันนั้นเลยรู้ไหม จากวันนั้นลมก็เฝ้ามองหาตินมาตลอด”
ผมเพิ่งรู้เพราะเขาเพิ่งบอก
“เห็นครั้งแรกลมก็ตกหลุมรักเลยนะ แล้วก็...”
คนน่ารักของผมหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ยามที่เอ่ยบอกว่า ‘ตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกเห็น’ ผมอดใจไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแกมขึ้นสี ผมไม่ได้ดึงเขาเข้ามากอด นาทีนี้ผมอยากยืนกุมมือเขาและมองเข้าไปในตาคู่เรียวที่เอ่อล้นด้วยความรัก
“...รักมาจนถึงวันนี้และจะรักตินตลอดไปนะ”

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
หวานไม่แคร์ใครเลยนะ  :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เอ่อ! หวานไม่แคร์สื่อจริงๆ
มดเดินตามคู่นี้เป็นกองทัพ

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
คู่นี้หวานสวนทางคู่อื่นจริงๆเลยนะเนี่ย อิอิ


ปล. ยังรออ่านคู่คุณยะกับน้องพี และ หนึ่งกับอิง อยู่นะคะ TT

Panny

  • บุคคลทั่วไป
ลมตินมาทวงบัลลังค์ความหวานไปซะแล้ว
บวกค่า

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ติน ลม หวานไม่แคร์สื่อจริงๆ ได้ข่าวว่ามีเพื่อนเดินอยู่ด้วยนะ :o8:
ตอนนั้นหนึ่งคงน่าสงสารมาก เหี่ยวเฉาเลยทีเดียว :laugh:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ตินกับลมนี่สมกับเป็นคู่รักคู่หวานเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด