"รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก........เชิญครับ" จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลย >>> รายละเอียดเปิดจองหนังสือ {20/7/55} ByAeaw  (อ่าน 570580 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5


ฟ้าอ้อนคุณหมอบ่อยขึ้นเนอะ...  :-[

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
ทุกอย่างเริ่มลงตัวคราวนี้ก็เหลือแต่ทางบ้านพี่หมอแล้วซิ่นะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ไม่เป็นไรค่ะ นิดๆหน่อยๆ ขอแค่มาต่อให้อ่านก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ
ตอนนี้คุณฟ้าขี้อ้อนเนอะ กลัวหมอทิ้ง ใครเขาจะทิ้งหมอทั้งรักทั้งหวงคุณฟ้าจะแย่

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
อบอุ่นอ่ะถึงฟ้า
จะร้องไห้เยอะ
ไปหน่อย :กอด1:
กด+เป็ดจ้า
ปอลิง.ถ้าเหนื่อยก็พักก่อน
รักษาสุขภาพด้วย
รอได้เป็นกำลังใจให้จ้า :L2:

ออฟไลน์ เด็กหญิง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น่ารักอ่ะ ฟ้าขี้อ้อนมากกกกกกกกก

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
After Valentine :: วาเลนไทน์....แรกของผม

“พี่ตินคะ”
เสียงเล็กๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกผมจากด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินอ้อมมาอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงในมือที่ยื่นมาให้ด้วยใบหน้าแดงกล่ำ มีเพื่อนน้องเค้าอีกสามคนยื่นเกาะแขนกันอยู่ไม่ห่างไปนัก กำลังลุ้นเพื่อนของตัวเองอยู่
“อุ้มให้พี่ค่ะ” น้องอุ้มว่า น้องอุ้มคนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ก็เหมือนหลายๆ คนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า เดินเข้ามาพูดประโยคทำนองนี้กับผม พร้อมกับยื่นดอกไม้ การ์ด และถุงช็อกโกแลตให้ผม ตั้งแต่ผมก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียน เดินยังไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ  มือก็แทบจะไม่วางพอรับดอกกุหลาบสีแดงของน้องอุ้ม โชคดีครับที่น้องอุ้มคนนี้มีแค่ดอกกุหลาบมาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมว่า พยายามทำมือข้างหนึ่งให้ว่างเพื่อจะรับดอกกุหลาบสีแดงดอกนั้นของน้องอุ้ม แล้วดอกไม้ดอกนั้นก็มาอยู่ในมือของผมจนได้ ก่อนจะรวมเข้ากับดอกไม้ดอกอื่นๆ ที่ผมได้มาก่อนหน้านี้
ผมกำลังคิดอยู่ว่าเย็นนี้จะหอบดอกไม้กับช็อกโกแลตขึ้นรถเมล์กลับบ้านไปยังไงดี เพราะวันนี้แม่ของผมซึ่งเป็นอาจารย์วิชาภาษาไทยที่โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ ไม่ได้มาสอนเพราะป่วยเนื่องจากโดนฝนหลงฤดูเมื่อวันก่อน
“เย็นนี้พี่ตินว่างไหมคะ อุ้มอยากจะช่วยพี่ตินไปดูหนัง” น้องอุ้มพยายามรวบรวมความกล้าเอ่ยปากชวนผม ผมเห็นว่าเพื่อนๆ ของน้องอุ้มก็ลุ้นกันสุดตัว มีเสียงวี๊ดว๊ายที่พยายามจะทำให้มันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ
ประโยคทำนองนี้ผมก็ฟังมาหลายรอบแล้วครับ เท่ากับจำนวนดอกไม้ในมือที่มีเกือบยี่สิบดอก ซึ่งแต่ละครั้งก็จะได้คำตอบที่ว่า
“พี่ไม่ว่างครับ” ผมบอกไปสั้นๆ ไม่รู้จะเอาเหตุผลไหนมาต่อท้ายประโยค ว่าทำไมผมถึงไม่ตอบรับคำชวน ผมไม่ใช่พวกชอบทำร้ายจิตใจใคร แต่ผมก็ไม่ใช่พวกที่ชอบให้ความหวังใครเหมือนกัน ดอกไม้ที่ให้มา ผมก็รับไว้เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ช็อกโกแลตที่ให้มา ผมก็รับเอาไว้เพื่อรักษาน้ำใจเหมือนกัน ผมถือว่าเป็นเรื่องของคนที่อยากให้ ผมแค่รับ แต่ถ้าชวนไปไหนด้วยกันนั้น ผมขอปฏิเสธครับ ไม่อยากให้ความหวัง
“เหรอค่ะ” น้องอุ้มทำหน้าเศร้า ส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ เพื่อนสามคนที่ยืนลุ้นอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามากอดไหล่ปลอบ
“พี่ขอตัวก่อนนะครับ ยินดีที่รู้จักครับน้องอุ้ม” ผมบอก เหมือนที่บอกหลายๆ คนก่อนหน้านี้ เพราะมีบางคนที่ผมไม่รู้จักเอาดอกไม้กับช็อกโกแลตมาให้ผมก็เยอะ เยอะกว่าจำนวนคนที่ผมรู้จักด้วยมั้ง
“ค่ะ” น้องอุ้มรับคำเสียงเศร้า จากนั้นผมก็ไม่รู้แล้วละครับว่า น้องอุ้มกับเพื่อนๆ จะพูดถึงผมในแง่ไหน จะโกรธหรือเสียใจที่ผมปฏิเสธคำชวนนั้นยังไง ผมใส่ใจนะครับแต่ไม่อยากรับรู้ ถ้าให้ผมตอบรับทุกคำชวน มีหวังไม่ต้องแยกร่างไปกับเจ้าของดอกไม้ทุกคนเหรอครับ การปฏิเสธเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
จากประสบการณ์วันวาเลนไทน์เมื่อปีที่แล้ว ตอนผมอยู่มอสี่ เพิ่งเข้าโรงเรียนแห่งนี้เป็นปีแรก ดอกไม้ที่ผมจะได้รับตลอดทั้งวันนี้ ไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆ
ผมไม่ได้เป็นคนที่เรียกว่าหล่ออันดับต้นๆ ของโรงเรียน มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกับผมที่หล่อกว่าผมเยอะมากในโรงเรียนนี้ แต่ก็แปลกใจทุกครั้งที่มีการทำโพลสำรวจความเห็นแบบแปลกๆ ออกมา เช่น หนุ่มน่าเลิฟที่สุดในใจคุณ ปีใหม่อยากเคาท์ดาวน์กับหนุ่มสุดฮอทคนไหน สงกรานต์นี้อยากแปะแป้งหนุ่มหล่อลากดินคนไหน วาเลนไทน์อยากบอกรักหนุ่มหล่อคนไหนที่สุด เป็นโพลที่ทำกันเองเล่นๆ ในกลุ่มนักเรียนผู้หญิง ซึ่งผมมักติดท็อปห้าเสมอ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่คนที่หล่อลากดินขนาดนั้น
“ไอ้ตินนนนนนนนนนนนนนนนน”
เสียงที่ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งถือกระเป๋าแฟ่บๆ มาหาผม พร้อมกับดึงกุหลาบในมือผมไปดอกหนึ่ง คือเสียงเพื่อนสนิทหนึ่งในสองคนของผม 
“กูขอ” มันไม่รอคำตอบจากผม เพราะมันวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม แล้วไปหยุดอยู่หน้าเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังก้าวลงจากรถเบนซ์คันยาวสีดำเป็นเงา คนที่ผมแอบมองเขาตลอดมานับตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรก เมื่อตอนมอสี่
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ ตาเรียวๆ และดูหยิ่งอย่างที่สุด เพราะทันทีที่เพื่อนของผมมันวิ่งโร่เอาดอกไม้ไปยื่นให้ เด็กผู้ชายคนนั้นก็แค่หยุดมองแล้วผลักดอกไม้ดอกนั้นออกไปให้ไกล อย่างไม่คิดรักษามารยาทอย่างที่ผมทำ ที่บอกว่าผมรักษามารยาทนั้นก็เพราะว่าในจำนวนดอกไม้หลายดอกในมือผม ผมก็รับมาจากมือของเด็กผู้ชายเหมือนกัน อาจจะต่างกันตรงที่ว่า ของผมเป็นเด็กผู้ชายหน้าหวาน แต่ของเค้าคนนั้นเป็นไอ้เพื่อนหน้าเข้ม รูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับผม
ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรหรือทำหน้าตาหยิ่งใส่เพื่อนของผมยังไง มันถึงได้ทำคอตก เดินตามหลังเขาต้อยๆ แต่ห่างกันหลายก้าว
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ ตาเรียวๆ ท่าทางหยิ่งๆ เดินมาทางที่ผมยืนอยู่ เขาไม่ได้เดินมาหาผมอย่างแน่นอน แต่ที่เดินมาทางนี้ก็เพราะเขาและผมกำลังเดินไปยังอาคารหลังเดียวกันต่างหาก ผมขยับเข้าข้างทางอีกนิด เพื่อหลีกทางให้เขาเดินเพราะเขาคงไม่เดินหลบผมแน่ๆ
เด็กผู้ชายที่เดินผ่านหน้าผมไป มีแวบหนึ่งที่เราสบตากัน ผมจำตาคู่นี้ของเขาได้ขึ้นใจ พอๆ กับจำได้ถึงวันที่เราเจอกันครั้งแรก ตรงมุมอาคารพละ เราเดินชนกัน เป็นเขาที่ล้มลง ส่วนผมยืนได้อย่างมั่นคง
ดอกไม้ในมือของผมดูไร้ความหมายยิ่งขึ้นกว่าเดิม ช็อกโกแลตในมือของผมก็เป็นเพียงขนมหวานชนิดหนึ่ง ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร มันคงจะมีความหมายและลึกซึ้งได้หากมันมาจากเด็กผู้ชายที่ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังบางๆ นั้นไปจนลับตา
หันกลับมาอีกที ผมก็เจอเพื่อนของผมยืนทำหน้าเซ็งหมุนดอกไม้ในมือไปมา
“ดอกฟ้าหรือจะคู่หมาวัด” เพื่อนผมมันพูดแบบปลงๆ ผมว่าเพื่อนผมคนนี้มันไม่ได้เป็นหมาวัดหรอกครับ บ้านมันถือว่ามีฐานะพอสมควร แต่แค่เทียบไม่ได้กับบ้านเด็กผู้ชายคนที่มันวิ่งเอาดอกไม้ไปให้ต่างหาก
“ป่ะไอ้ติน ซดโค้กให้หายเศร้า” ผมว่า มันเศร้าได้ไม่นานครับ เป้าหมายของมันมีเยอะ
.
.
.
.
.
.
ตามคาดครับว่าเพื่อนผมมันเศร้าได้ไม่นาน พักเที่ยง กินข้าวอิ่ม มันก็ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ข้างสนามบาสคนเดียว โดยที่มันลากเพื่อนอีกคนไปแจกดอกกุหลาบสาวๆ ตามรายชื่อที่พวกมันสองคนเขียนเอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือน ไม่ต้องบอกก็รู้กันนะครับว่า ดอกไม้ที่เพื่อนผมมันเอาไปแจกสาวๆ มาจากไหน 
ความจริงผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเท่าไหร่ ตรงหน้าผมยังมีกองถุงช็อกโกแลกกับดอกไม้วางอยู่เต็มโต๊ะหินอ่อน  มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเดียวกันหลายคน ทั้งผู้หญิงผู้ชายที่แวะเวียนเอามาให้ ตอนนี้เสื้อของผมเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์รูปหัวใจเล็กบ้างใหญ่บ้างติดเต็มไปหมด แทบจะไม่เหลือพื้นที่ว่าง ผมจึงเริ่มแกะมันออกที่ละชิ้น แล้วเอาไปแปะไว้ในสมุดสเก็ตซ์ภาพ
“นาย”
แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ผมก็รู้ครับว่า คนๆ นี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมเรียกชื่อผม
คนตัวเล็กๆ ขาวๆ ตาเรียวๆ หน้าหยิ่งๆ แต่ตอนนี้กำลังทำหน้ายุ่งเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ยืนถือกุหลาบสีแดงอยู่ในมือ มีซองสีชมพูร้อยเชือกผูกติดกับก้านดอกกุหลาบ ลักษณะเหมือนดอกไม้หลายๆ ดอกที่ผมได้รับ อีกข้างหนึ่งถือถุงกระดาษสี มีตัวหนังสือบอกยี่ห้อของสิ่งที่อยู่ในนั้น ถึงผมจะไม่ได้รวยแต่ผมก็ไม่ใช่เด็กบ้านนอกที่จะไม่รู้ว่า มันเป็นยี่ห้อของนาฬิการาคาแพงมาก นาฬิกาหนังสีดำบนข้อมือของผมเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ครับ”
ใจผมเต้น หัวใจผมยิ้ม แต่ผมต้องเก็บอาการ เพราะผมนี่แหละครับ ‘หมาวัดตัวจริง’ ครอบครัวผมไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร ผมเป็นแค่ลูกของอาจารย์ในโรงเรียน ซึ่งได้ทุนในฐานะเป็นลูกของอาจารย์ดีเด่นห้าปีซ้อน ถึงได้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้ได้
ผมแอบชอบเด็กผู้ชายคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เราเดินชนกัน ผมแอบมองเขาอยู่ห่างๆ ตั้งแต่ตอนนั้นมา แล้วพักหลังๆ ผมถึงได้เจอเขาบ่อยขึ้น เพราะเพื่อนสนิทของเขาทำให้ผมได้เจอเขามากกว่าการแอบมองอยู่ห่างๆ ที่บางวันก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน่ารักๆ ของเขาเลย แม้แต่แวบเดียว
“ได้ดอกไม้เยอะแล้วนี่ แล้วยังอยากจะได้ดอกนี้หรือเปล่า” เขากึ่งพูดกึ่งถาม ปรายตามองกองดอกไม้บนโต๊ะของผม 
“....”
ผมไม่ชอบสายตาของเขาตอนนี้ ถึงเขาจะน่ารักมากในสายตาของผม แต่เมื่อเขามองผมด้วยสายตาแบบนี้ มันก็ทำให้ผมไม่พอใจเขาได้เหมือนกัน เขามองผมเหมือนเป็นอะไรสักอย่าง เป็นใครสักคนที่เขาไม่อยากพูดคุยด้วย แต่ที่มานี่ก็เพราะถูกบังคับ หน้าตาของเขาบอกให้ผมรู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นครับ และที่สำคัญผมรู้ด้วยว่าใครที่บังคับให้เขามาหาผม เพื่อนสนิทของเขาไงครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ น่าตาน่ารักแต่น่ารักน้อยกว่าเขาไปหน่อยหนึ่ง
“แต่ว่า.....นี่คงยังไม่มีใครเคยให้นาย” เขาว่า พลางชูถุงในมือขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาของผม ถุงนาฬิกายี่ห้อดังถูกวางมันลงบนโต๊ะ หลังจากที่กวาดดอกไม้บนโต๊ะไปรวมกันอยู่อีกทางหนึ่งของโต๊ะ มีบางหลายดอกที่หล่นไปกองกับพื้น ผมต้องก้มลงไปเก็บขึ้นมา ปัดฝุ่นกับเศษหญ้าที่เกาะตามกลีบดอกไม้อย่างเบามือ ไม่อยากให้กลีบมันช้ำ
“ห่วงจริงนะ ก็แค่ดอกไม้......โอ๊ย” เขาร้องเสียงหลงแต่ไม่ได้ร้องดังมาก เมื่อใช้มือเปล่ากวาดดอกไม้บนโต๊ะทั้งหมดลงไปกองอยู่บนพื้น เสียงร้องของเขาน่าจะเกิดจากหนามกุหลาบตำ
ผมอาจจะรู้สึกเจ็บแทนเขามากกว่านี้ ถ้าหากเขาโดนหนามกุหลาบตำเพราะสาเหตุอื่น ที่ไม่ใช่สาเหตุนี้ ผมเห็นเขาบีบนิ้วนางของตัวเองไปมาเพื่อคลายเจ็บ ก่อนจะตวัดสายตาขึงโกรธมาทางผม
“แย่มาก เอาดอกไม้มาให้ผู้ชายทั้งที่ ทำไมถึงไม่เอาหนามออกให้หมด ดีนะที่เลือดฉันไม่ออก ไม่งั้นนายโดนแน่” เขาว่าเสียงขุ่น ผมไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่อยากมองหน้าโกรธๆ ของเขานานนัก เลยก้มไปเก็บดอกไม้ที่พื้น ผมเหลือบเห็นเด็กนักเรียนทั้งหญิงและชายหลายคนมองมาที่ผมกับเขา แล้วค่อยๆ ถอยออกห่าง แล้วเดินหนีไปทีละคนทีละกลุ่ม สงสัยเพราะกลัวสายตาของคนที่ทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างหน้าผม
“เอา เอาไป” เขาว่า พร้อมกับยื่นดอกกุหลาบในมือให้ผม พร้อมกับดันถุงกระดาษที่ผมคิดว่าเข้าในคงเป็นนาฬิกายี่ห้อดังที่ผมเคยเห็นในนิตยสาร
“ขอบคุณครับ” ผมบอกเขา รับดอกไม้จากมือเขา เสี้ยววินาทีที่มือผมสัมผัสกับปลายนิ้วของเขา หัวใจผมมันเต้นแรงมาก แทบจะหลุดออกมา เสี้ยววินาทีที่ดูเหมือนกินเวลาไปไม่รู้กี่ร้อยล้านนาที ผมได้เห็นหน้าของเขาใกล้ๆ ใกล้กว่าทุกครั้ง ไม่นับครั้งแรกที่เราเจอกันนะครับ
“หึ...ไม่ต้องขอบคุณฉัน ไม่ใช่ดอกไม้ของฉัน แล้วนาฬิกานั่นก็ไม่ใช่ของฉันด้วย โน่น ถ้าอยากขอบคุณ ไปขอบคุณยัยแพทโน่น เขาให้นาย แล้วก็อย่าลืมอ่านการ์ดด้วย ส่วนนาฬิกาได้แล้วก็ใส่ให้ยัยแพทเห็นด้วย ยัยแพทจะได้ดีใจ แล้วฉันจะได้รู้ว่านายไม่เอาไปขายต่อให้ใคร” เขาพูดยิ้มๆ ผมชอบรอยยิ้มของเขาแต่ไม่ใช่รอยยิ้มแบบดูถูกกันอย่างนี้
“ ผมฝากขอบคุณแพทด้วย สำหรับดอกไม้ แต่นาฬิกา ผมไม่ขอรับ” ผมตั้งใจจะไม่รับอยู่แล้วละครับ ของราคาแพงแบบนี้ ถึงบ้านผมจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ผมก็ไม่ใช่คนบ้าของแพงหรือชอบเอาของใครฟรีๆ
ผมคว้าถุงขึ้นมา ส่งมันคืนให้เขา แต่เขากลับยืนเอามือไพล่หลัง
“ให้แล้วไม่รับคืน แต่ถ้าอยากคืน โน่น เอาไปคืนเจ้าตัวเองละกัน ฉันไม่เกี่ยว ฉันมีหน้าที่แค่เอามาให้ ไม่ใช่คนรับใช้ของนายที่ต้องทำตามคำนายสั่ง” เขาว่า ไม่ได้ใส่ใจกับสีหน้าจริงจังของผมสักนิด
ลูกคุณหนู เอาเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า คนๆ นี้ทั้งหยิ่ง อวดดี และถือตัวมาก ผมไม่แปลกใจหรอกครับว่า วาเลนไทน์ปีที่แล้ว ในมือของเขาจะไม่มีดอกไม้สักดอก ไม่ใช่ว่าไม่มีใครให้เขา ผมเห็นครับว่ามีหลายคนที่ยื่นดอกไม้ให้เขา แต่เขาไม่รับมัน แถมซ้ำยังทำหน้าเหมือนไม่พอใจที่มีคนเอาดอกไม้มาให้ แม้แต่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจดวงเล็กๆ จากใครๆ ก็ไม่มีโอกาสได้มาอยู่บนเสื้อสีขาวสะอาดตาของเขาหรอกครับ
แต่ว่าวาเลนไทน์ปีนี้ อกด้านซ้ายของเขามีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจสีชมพูดวงเล็กติดอยู่ตรงนั้น
ใครกัน....ใครคือคนโชคดีคนนั้น ที่ได้รับโอกาสที่คนอื่นอีกหลายคนอยากได้ แต่ไม่เคยได้
“อยากได้เหรอ?” เขาถาม เขาคงเห็นผมจ้องสติ๊กเกอร์นั้น
“เปล่าครับ” ผมตอบ แล้วก็เป็นเขาที่มองมายังสติ๊กเกอร์รูปหัวใจบนอกเสื้อผม ปากเล็กๆ นั้นยกยิ้ม น่าหมั่นไส้ท่าทางนี้ของเขาอยู่เหมือนกัน ทำไมเจอกันทีไร ผมถึงไม่เคยได้รับรอยยิ้มปกติของเขาเลยสักครั้ง ทุกครั้งก็เจอแต่รอยยิ้มดูถูก เยาะเย้ย ถากถาง ทำให้บางครั้งผมก็ไม่อยากเจอหน้าเขา แต่เอาเข้าจริง วันไหนที่ไม่ได้เห็นหน้าเขา ผมมักจะกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกหม่นหมองทุกครั้งไป
“นั่นสินะ บนเสื้อนายก็ออกเยอะแยะ ให้ไปก็ไม่รู้จะเอาไปติดไว้ตรงไหน” เขาว่าเสียงเรียบ เดาอารมณ์ไม่ออก
เขามองหน้าผม
ผมมองหน้าเขา
เรามองหน้ากันอยู่นาน จนกระทั่ง...
“ตรงนี้ก็ได้ครับ” ไม่รู้ว่าผมรวบรวมความกล้ามาจากไหนถึงได้บอกแบบนั้นออกไป
‘ตรงนี้’ ที่ผมบอกเขาคือตรงสมุดสเก็ตภาพเล่มไม่เล็กไม่ใหญ่ของผม หน้าที่ผมร่างลายเส้นเป็นรูปคนครึ่งตัว ผมเพิ่งร่างมันไปเมื่อกี้ ตอนเพื่อนทิ้งให้อยู่คนเดียว ดูเผินๆ ไม่รู้หรอกครับว่าเป็นใคร แต่ผมคนที่เป็นเจ้าของรู้ดีครับว่าเป็นใคร
“....” ดูเขาจะตกใจเล็กน้อย แล้วก็อึ้งไปนิด ผมเกือบจะปิดสมุดนั้นลงแล้ว ถ้ามือเล็กๆ นั้นไม่ยื่นมาดึงเอาไว้เสียก่อน
โดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา ในขณะที่เขาค่อยๆ แกะสติ๊กเกอร์รูปหัวใจบนอกเสื้อออก จนมันมาอยู่บนปลายนิ้วของเขา แล้วเดินทางอย่างช้าๆ มาอยู่บนภาพที่ผมร่างเอาไว้คร่าวๆ บนอกด้านซ้ายของภาพร่างอันนั้นอย่างพอเหมาะตามที่ผมอยากให้เป็น
แล้วเขาก็เดินกลับไปทางเดิมที่เขาเดินมา เป็นเช่นเคยที่ผมจะมองแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไปจนลับสายตา ตลอดทางที่เขาเดินไป ผมเห็นมีหลายคนที่ทำท่ากล้าๆ กลัวๆ มีดอกไม้ในมือที่อยากจะให้เขา แต่เขาไม่ได้สนใจ ยังคงเดินลิ่วๆ อย่างไม่คิดจะหยุดใส่ใจความรักของใครที่ส่งผ่านกุหลาบดอกสวยมาให้เขา
เมื่อมองตามเขาไม่ได้อีกแล้ว ผมถึงได้ดึงสายตาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หัวใจสีหวานบนหน้ากระดาษของสมุดสเต็กภาพ ผมทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง หยิบเดินสอขึ้นมาวาดภาพนั้นจนสมบูรณ์ หัวใจดวงเล็กมันแปะอยู่บนอกด้านซ้ายของภาพที่ผมวาดเสร็จสมบูรณ์ ยิ่งทำให้ภาพนั้นสมบูรณ์ขึ้นอีกเป็นล้านเท่า
ภาพ...เด็กผู้ชายที่ยิ้มได้สวยที่สุดในโลก รอยยิ้มที่ผมได้เห็นชัดๆ หลังจากที่เขาแปะหัวใจดวงเล็กนั้นให้กับผม ก่อนเขาจะเดินไป โดยไม่ได้หยิบนาฬิกาไปด้วย แต่เย็นนั้นผมก็ตามหาเพื่อนของเขาและคืนให้กับเจ้าตัว
วาเลนไทน์ปีนั้น รวมถึงทุกๆ ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยอยากได้อะไรจากใครอีกแล้ว เพราะผมพอใจกับสติ๊กเกอร์รูปหัวใจสีชมพูจากเขา ถึงแม้มันจะเป็นของของคนอื่นให้เขา แต่ผมถือว่ามันเป็นของเขาและเขาให้ผม
.
.
.
.
.
.
.
.

“ยังเก็บไว้อีกเหรอ?”
เด็กผู้ชายคนที่ผมคิดว่าเขายิ้มได้สวยที่สุดในโลกเอ่ยปากถาม เขาทิ้งตัวหอมๆ เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาใหม่ๆ ลงข้างกายผม โอบผมไว้ด้วยเรียวแขนที่ไม่สามารถโอบรอบตัวผมได้รอบ ผมชื้นวางแมะอยู่บนไหล่หนาของผม เขามองภาพวาดบนสมุดสเก็ตภาพ ภาพวาดที่มีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจดวงเล็กสีชมพูหวานติดอยู่ตรงอกด้านซ้ายของภาพวาดนั้น
“ครับ เก็บไว้อย่างดี” ผมบอก แขนเรียวของเขาละจากตัวผม เพื่อจะดึงเอาสมุดนั้นไปดูใกล้ๆ เขายิ้ม ยังคงเป็นยิ้มของเด็กผู้ชายที่สวยที่สุดในโลกของผมตลอดมา
“รู้ไหมว่า....”
เขาหยุดพูดแล้วหันมายิ้มหวานให้ผม นิ้วเล็กจิ้มลงไปที่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจ
“...ลมตั้งใจให้นะ”
เขาว่าเขินๆ เห็นได้จากการที่ไม่กล้ามองสบตาผม หัวใจของผม มันไม่ได้เต้นแรงเหมือนวันนั้นหรือเหมือนทุกครั้งที่เจอหน้าเขาในช่วงที่เรายังเรียนมอปลายโรงเรียนเดียวกัน เพราะทุกวันนี้หัวใจผมมันเต้นเป็นปกติ เต้นไปในจังหวะเดียวกันกับของเขา
“ผมไม่รู้มาก่อน” ผมว่า พลางดึงเขาเข้ามากอด
“จะรู้ได้ไงเล่า ก็ไม่เคยบอกนี่” เขาว่าเสียงเบา ก้มมองสติ๊กเกอร์ดวงนั้น โดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลย
“แล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ” ผมถาม กอดเขาแน่นขึ้น 
“บอกได้ยังไงล่ะ บ้าหรือเปล่า” เขาใช้เสียงสูงกลบความอาย ที่ไม่รู้ว่าจะอายไปทำไม
“นั่นสินะครับ ตอนนั้นลมเกลียดตินจะตาย” ผมแกล้งพูด ตอนนี้ไม่ได้คิดแล้วล่ะครับว่า เขาเกลียดผม ถ้าเกลียดคงไม่มีวันนี้ที่ผมได้กอดเขาไว้ทั้งตัวและหัวใจ คิดไปถึงตอนที่เรียนอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นเขาก็คงไม่ได้เกลียดผมเหมือนกัน แต่ที่ทำไปทั้งหมดคงเพราะต้องการปกปิดความรู้สึกตัวเอง แล้วที่สำคัญเพื่อนรักของเขาอย่างคุณแพทก็ชอบผมอยู่ด้วย
“เปล่านะ ไม่ได้เกลียดสักหน่อย แค่...” เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดแล้วหยุดไปสักพัก ใบหน้าขึ้นสี ฟ้องความอายในสิ่งที่จะพูด ปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ก่อนจะคลายออกเพื่อพูดต่อ
“...แค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง เลยทำแบบนั้นไป ขอโทษนะ” เขาพูดเสียงเบา ตาคู่นั้นของเขาฟ้องว่าเขากำลังรู้สึกผิดกับเรื่องในอดีต
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ตินไม่เคยโกรธลมเลย แม้แต่นิดเดียว” ผมหอมแก้มเขาเบาๆ ตอนนั้นเคยรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่เคยโกรธอะไรสิ่งที่เขาทำเลย คงเพราะรักเขา ต่อให้เขาทำกับผมมากกว่านั้น ผมก็ไม่คิดจะโกรธ
“จริงเหรอ?” เขาย้อนถาม น้ำเสียงดูตื่นเต้นดีใจที่ได้ยินผมบอกเช่นนั้นออกไป
“จริงครับ...แต่” ผมหยุดคิด ว่าควรจะถามในสิ่งที่ค้างอยู่ในใจผมตลอดมา ตั้งแต่วาเลนไทน์ปีนั้น
“แต่อะไร?” เขาดันตัวออกจากอ้อมแขนของผม เพื่อจะเค้นเอาสิ่งที่ผมไม่กล้าถามออกไป แต่คิดไปแล้ว มันไม่จำเป็นที่ผมจะต้องเก็บมันเอาไว้ เรารักกันแล้ว เราเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว มีเรื่องอะไรเราต้องเปิดอกคุยกันให้หมด
“แต่ตินอยากรู้ว่าสติ๊กเกอร์รูปหัวใจเป็นของใคร ลมเอามาให้ติน ไม่กลัวเขาเสียใจหรือครับ” ผมคิดว่าคนที่เอาสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดให้เขาได้ ต้องเป็นคนที่มีความสำคัญกับเขามากๆ เขาถึงยอมให้ติดได้
“ของลมเองล่ะ แอบขอเพื่อนในห้องมาติด ก่อนจะมาหาตินที่ข้างสนามบาส ถึงได้บอกไปเมื่อกี้ไงว่าตั้งใจให้ ” เขาบอกอายๆ ไม่ได้มองหน้าผม เอาแต่มองสมุดในมือ แล้วก็เฉไปเรื่องอื่น ซึ่งไม่ได้ไกลจากเรื่องเดิมนัก
“นี่รูปลมใช่ไหม? สวยดีนะ” เขาหันมาถามผม หน้ายังขึ้นสีฟ้องความอายกับเรื่องก่อนหน้านี้
“สวยไม่เท่าตัวจริงครับ” ผมว่า ดึงเขาเข้ามากอด ก่อนจะพรมจูบไปทั่วบนหน้าสวยขึ้นสีระเรื่อ
“ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าเป็นรูปลม” เขาพูด แต่ดูเหมือนจะเป็นเสียงพึมพรำกับตัวเองเสียมากกว่า
“ตอนนั้นมันยังวาดไม่เสร็จนี่ครับ” ผมบอก
“ตอนนั้นลมก็คิดว่าเป็นรูปของติน ก็เลย....”
“ก็เลย....” ผมทวนคำสุดท้ายของเขา เร่งให้เขาพูดให้จบ เพราะเขาหยุดมันไปเฉยๆ
“...ก็เลยติดสติ๊กเกอร์ที่ตรงนี้ไง” นิ้วเล็กของเขาจิ้มลงบนหัวใจดวงนั้นอีกครั้ง
“....” ผมยิ้มกว้างเต็มหน้า เมื่อฟังคำพูดต่อมาของเขา
“ลมให้หัวใจของตัวเองกับตินไปตั้งแต่วันนั้นแล้วนะ แต่ตินไม่ฉลาดเอาซะเลย ถึงไม่รู้ว่าลมคิดยังไงกับติน” ประโยคแรกก็น่าฟังดีอยู่นะครับ แต่ท้ายๆ เนี้ย กำลังว่าผมโง่หรือเปล่า แต่ช่างเถอะครับ เขาก็เป็นแบบนี้ของเขามาตลอด
“รู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายครับ” ผมบอกเขา ก่อนจะจูบกลีบปากอิ่มสีสด จูบเบาๆ และเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งในเวลาต่อมา ไม่ต้องมีบรรยากาศหวานๆ เหมือนเมื่อสามสี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ในร้านอาหารบนยอดตึกสูง ไม่ต้องมีแสงเทียนส่องสว่างให้เห็นหน้ากันและกัน แสงจากหลอดไฟในห้องนอนของผมกับเขาเช่นทุกวันก็เพียงพอแล้วสำหรับความรักของเราสองคน
“เดี๋ยวสิลม” มือเล็กๆ ยันหน้าผมให้ออกห่าง ขืนตัวไม่ให้ถูกผมดันร่างของเขาลงไปยังที่นอนนุ่ม ขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่ยังกอดเขาไว้แนบอก
“ทำไมครับ อยากรักลมอ่ะ” ผมทำเสียงอ้อนๆ อยู่ข้างหูเขา กลิ่นกายหอมๆ ทำเอาผมไม่อยากควบคุมตัวเองเอาซะเลย
“ปิดไฟก่อน” เขาว่า เพราะเขาเป็นคนขี้อาย
“ไม่ปิดได้ไหม วันนี้วันวาเลนไทน์นะครับ” ความจริงผมใช้วันวาเลนไทน์เป็นข้ออ้างครับ ผมอยากเห็นผิวกายขาวๆ ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่างไปทั่วห้อง อยากเห็นใบหน้าของเขาให้ชัดเจนมากขึ้นในตอนที่เขากำลังมีความสุขกับสิ่งที่เราได้ทำร่วมกัน
“....” เขาไม่พูดอะไร แต่ปากอิ่มที่เม้มแน่นก็บอกให้รู้ครับ ว่าเขากำลังคิด ไม่บ่อยหรอกครับที่เราสองคนจะเปิดไฟแล้วทำเรื่องรักๆ กัน
“....” ผมรอฟังคำอนุญาตจากเขา พลางดึงสมุดเล่มนั้นออกจากมือเขาไปด้วย เอามันไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งข้างเขา
“....” ปากอิ่มยังเม้มแน่น เป็นสัญญาที่ดีสำหรับผม ถ้าเขาไม่ยอม เขาก็น่าจะพูดมันออกมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมขอแล้ว
“สุขสันต์วันแห่งความรักของเรานะครับ” ผมกระซิบเอากับกลีบปากสีสด ตอนนี้มันเลยวันวาเลนไทน์มาร่วมชั่วโมงแล้วครับ สำหรับผมแล้ววันนี้ไม่ได้สำคัญมากไปกว่าทุกวันที่ผ่านมาหรือวันต่อไป เพราะไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ทุกวันก็เป็นวันแห่งความรักของผมกับเขาเสมอ...
“รักลมนะครับ” ผมบอกคำนี้กับเขาทุกวันครับ ทั้งตอนก่อนนอน ตื่นนอน และทุกครั้งที่ผมอยากบอกเขา
“รักตินเหมือนกัน” เช่นกันครับที่ทุกครั้งเขาจะตอบกลับผมมาด้วยคำพูดนี้ ฟังไม่เคยเบื่อ แล้วไม่เบื่อที่จะฟังด้วยครับ
“ติน....”
“ครับ”
“ปิดไฟ”
“....................”

นั่นสิครับ วันวาเลนไทน์มันก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ที่ผมยังต้องเดินไปปิดไฟอยู่เหมือนเดิม อดอีกตามเคยครับ T^T
 :bye2: :bye2:




  >>>>>>>>>>>> Happy Na Ka <<<<<<<<<<<<

สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ เลยเสิร์ฟความรักให้ทุกคนด้วยวาเลนไทน์ของตินลม
รับชิมกันให้อร่อยนะคะ อร่อยไม่เหาะแต่อร่อยเบาๆ อิอิ
ปล.มีแจ้งให้ทราบนะคะ ไม่มีอะไรมากหรอกคร้า (แอบเขินนิดๆ >_< ที่ต้องมาขายของ 555+)
แต่ไม่ต้องซีเรียสกันนะคะ อิอิ คือคนเขียนจะพิมพ์นิยายเรื่อง รัก...เธอ ออกมาค่ะ
คือว่าคนเขียนอยากมีนิยายวายของตัวเองไว้ครอบครอง แล้วจะทำให้คนรู้จักด้วยประมาณ 2 คน (ป๊าดดเยอะม๊ากกกกก) แล้วมีน้อง 1 คนที่รู้จักอยากได้เหมือนกัน (เยอะม๊ากกกเช่นกัน  อิอิ) รวมกับของคนเขียนแล้วก็ 4 เล่มพอดี ตัดสินใจทำแน่นอน แล้วกะทำมาเผื่อขายด้วย (มีโรงพิมพ์โรงหนึ่งมั้งนะคะ เห็นเขาบอกว่า ไม่จำกัดขั้นต่ำ พิมพ์เท่าไหร่ก็ได้ อิอิ เสร็จโจ๋ แต่ยังไม่ได้โทรถาม)
เลยอยากเอามาขยายความว่า....มีใครสนใจนิยายเรื่อง รัก...เธอ บ้าง แจ้งมาได้นะคะ มีเวลาตัดสินใจประมาณ 6 เดือน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสักกะอย่างเดียว มีเป็นชิ้นเป็นอันก็แค่นิยายที่แต่งจบแล้ว T^T กับไอเดียตอนพิเศษ (ที่พี่เอ๋บอกว่าควรมีอย่างยิ่ง) อีกประมาณ 6 ตอน (ไม่รวมตอนพิเศษตอนวาเลนไทน์นะคะ แล้วไม่เอาลงในเล้าด้วยนะคะ...ขอโต๊ดน้า) ตอนพิเศษที่ยังเป็นแค่ไอเดียแต่ยังไม่ได้ลงมือเขียนเลยสักตัว แต่อารมณ์คงประมาณตอนพิเศษวาเลนไทน์นะคะ หมายถึงการเล่าเรื่องนะคะ แต่ไม่ตัดจบน่าบีบคอแบบตอนนี้นะคะ T^T
คนเขียนเอามาบอกไว้ก่อนเฉยๆ นะคะ อย่าได้ซีเรียส ไม่สนใจไม่เป็นไร เราเข้าใจกันและกันคร้า ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติมจะมาแจ้งเป็นระยะๆๆ นะคะ เผื่อมีคนสนใจ อิอิ
ปล. คนเขียนกดเป็ดกับกด+ ให้ทุกเม้นท์นะคะ เข้ามากดตลอดๆๆๆๆ
ปล. ไปแล้วนะคะ ไปเขียนเรื่องคุณหมอต่อก่อน อิอิ
สีเหลืองอ่อน // aeaw

 

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
คิดถึงคู่นี้มาก ๆ

ออฟไลน์ mascot

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-10
ถึงจะร้ายแต่ก็น่ารัก

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
555...ให้ใจเค้าไปตั้งนานแล้วเนอะนู๋ลม

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
รักลมกับติณจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
น่ารักจังเลยค่ะ ตอนพิเศษของลมกับติณ  :L2:

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
อร๊ายยยยยย เป็นของขวัญที่ดีมากค่ะ

คิดถึงติณกับลมมากๆ ร้ายสมเป็นลมเลยนะ อิอิ

แบบว่าพอคู่นี้จบก็ไม่ได้ตามพี่หมอเลย...

อยากได้จังค่ะหนังสือแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ราคาด้วยล่ะว่าซื้ไหวหรือเปล่า (แหะๆ) คงต้องรอตัดสินใจ ตอนหนังสือออกมาเป็นรูปร่างมากกว่านี้

ถ้ามีข่าวจะเปิดจองหรืออย่างไร ก็อย่าลืมแปะที่หัวเรื่องด้วยนะ จะได้มาอ่านรายละเอียด เดี๋ยวจะพลาดของดีไป



ขอบคุณสำหรับคู่นี้ที่กลับมาให้หายคิดถึง

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ความหวานของตินกับลมตอนนี้ สู้ของคู่หมอกับฟ้าไม่ได้แล้วนะ อิอิ
ไม่ยักรู้นะว่าลมแอบชอบตินมาตั้งนาน

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้อีกครั้ง ติณกับลม happy ไปแล้ว  :กอด1: :กอด1:
 ส่วนคุณหมอกับคุณฟ้าก้อน้ารักมากๆ หวังว่าครอบครัวคุณหมอจะไม่ทำดราม่านะคะ  :oo1: :oo1:
แต่นนท์กับแดนนี่ อยากรู้รายละเอียดมากเลยค่ะ ว่าอะไรยังไง  :m16: :m16:
 แถมมีเรื่องของหนึ่งและอิงอีก แล้วรออ่านต่อนะคะ  :L2: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2012 17:20:20 โดย zazoi »

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
ขอตามด้วยคนนะคร๊ะ

สนุกมากๆๆเลย

อย่าเศร้านะคร๊ะ

หวานๆๆ  อ่ะดีแล้วว  เค้าชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
คนโพสเน็ตเน่ามากกกกก คนเขียนเลยเอามาลงเอง อิอิ
เพราะกลัวคนอ่านรอ ==' เพราะหายไปนานมาก แบบว่าเกรงใจมว๊ากกก

อ่านกันเลยเนอะ

ตอนที่ 22  อยากกอด...จะได้กอดไหม?

Rrrrrrrr…..

ทันทีที่ผมผลักประตูเข้ามาในร้านเชิญครับ โทรศัพท์มือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา ล้วงออกมาดู ชื่อบนหน้าจอไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เป็นคุณหญิงแม่ของผมเอง แล้วรู้ได้ทันทีเหมือนกันว่าโทรมาหาผมด้วยเรื่องอะไร ไม่พ้นเรื่องน้องเนยครับเรื่องเดียวและเรื่องสำคัญที่สุดของคุณหญิงแม่ของผม

เกือบเดือนแล้วที่คุณหญิงแม่พยายามลุ้นให้ผมกับน้องเนยรักกันซะที อาทิตย์ละสามวันที่ผมถูกบังคับให้ไปรับน้องเนยมาทานข้าวเย็นที่บ้าน หรือไม่ก็ไปทานที่บ้านน้องเนย บางทีก็ไปหาอะไรทานกันนอกบ้าน ตามสถานที่หรือร้านอาหารที่คุณหญิงแม่กับคุณหญิงวลัยจัดการเลือกและจับจองให้ ซึ่งแต่ที่นั้นบอกได้คำเดียวว่าสุดจะโรแมนติก ไม่รู้ว่าหาแต่ละที่มาได้ยังไง ขนาดผมเองยังไม่รู้ว่ามันมีอยู่ในกรุงเทพ

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วถึงขั้นให้ผมหยุดงานเพื่อไปเป็นเพื่อนน้องเนยที่ญี่ปุ่น (เห็นว่าน้องเนยจะบินไปหาเพื่อน) เรื่องทานข้าวพอยอมตามใจได้ แต่เรื่องไปญี่ปุ่น ผมยืนยันหนักแน่นว่าไม่ไป ซึ่งมันก็ได้ผล แต่เชื่อเถอะว่าแผนที่จะทำให้ผมกับน้องเนยรักกันไวๆ ยังมีสำรองอีกเพียบในหัวของคุณหญิงแม่และคุณหญิงวลับ

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เด็กตามยกมือไหว้ผม ผมได้แต่พยักหน้ารับ ไม่ได้รับไหว้เพราะมือไม่ว่าง

“ครับคุณแม่”

(ทำไมทำเสียอย่างนั้นล่ะคะตาหนู) คุณหญิงแม่ทำเสียงน้อยอกน้อยใจมาตามสาย วันนี้ผมเหนื่อยมาก เพิ่งผ่าตัดใหญ่มาเมื่อกี้นี้เอง เสียงตอนรับโทรศัพท์เลยฟังเนือยๆ ไปหน่อย 

“ผมเหนื่อยนิดหน่อยนะครับคุณแม่ เพิ่งผ่าตัดเสร็จ”

แล้วความเหนื่อยของผมก็หายวับไปกับตา เมื่อคุณฟ้าเดินออกมาจากห้องครัวด้านหลัง ปากสีหวานฉีกยิ้มกว้าง มือขวาของคุณฟ้าทำท่าตัดข้าวเข้าปาก เป็นการส่งสัญญาณถามผมจะทานข้าวเลยไหม ผมพยักหน้าตอบ คุณฟ้าถึงหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง ผมไม่ได้เดินตามคุณฟ้าเข้าไป แต่เลือกที่จะเดินไปนั่งคุณโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์บาร์ก่อน

(คุณแม่ว่าตาหนูโหมงานหนักเกินไปแล้วนะคะ ควรจะพักผ่อนบ้าง เอางี้ดีไหมคะตาหนู เราไปเที่ยวพักผ่อนที่รีสอร์ทของเพื่อนคุณแม่ดีไหม ที่นั่นนะอากาศดี๊ดี จำได้ไหมที่คุณแม่เพิ่งไปมาเมื่อปลายปีก่อนไงคะ)

“ผมก็เพิ่งไปทะเลมาเมื่อเดือนที่แล้วนะครับคุณแม่” ผมบอก

“นั่นมันทะเลค่ะตาหนู แต่นี่มันภูเขา รีสอร์ทในหุบเขาเลยนะคะตาหนู เมื่อครู่คุณแม่ก็เพิ่งโทรคุยกับคุณหญิงวลัย คุณหญิงบอกว่าน้องเนยก็อยากจะไปเที่ยวที่เมืองเหนืออยู่เหมือนกัน เห็นว่าอยากจะลองไปเก็บยอดชาอย่างเขาบ้าง รีสอร์ทของเพื่อนคุณแม่ก็มีไร่ชาบริการแขกด้วยนะคะ”

อะไรจะพอดีขนานนั้นครับ ผมว่าความพอดีมันเกิดขึ้นเพราะคุณหญิงแม่ของผมกับคุณหญิงวลัยแม่ของน้องเนยมากกว่า

“ช่วงนี้งานผมยุ่งครับ คงไปไหนไม่ได้”  ผมบอกเหมือนเมื่อคืนวาน แล้วก็เหมือนหลายๆ คืนที่คุณหญิงแม่พยายามหว่านล้อมให้ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับน้องเนยให้ได้ ผมละเชื่อในความพยายามของคุณหญิงแม่จริงๆ อย่างว่าล่ะ เพราะผมเป็นลูกคนเดียวที่คุณหญิงแม่ฝากความหวังเอาไว้ หลังจากที่ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก ไม่มีวี่แววว่าจะทำให้ท่านสมใจได้ (พี่ชายกับน้องสาวของผมเป็นคนหัวแข็งมาก)

(แล้วเมื่อไหร่จะว่างล่ะคะตาหนู อย่าให้คุณแม่ต้องบังคับนะคะ) คุณหญิงแม่พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม บอกอารมณ์กรุ่นนิดๆ ตามประสาคนที่อยากได้อะไรแล้วไม่ได้

“โธ่...คุณแม่ครับ” ผมเป็นลูกชายที่หัวอ่อนที่สุด ไม่เคยขัดใจคุณหญิงแม่ได้สักครั้ง ลองให้ได้บังคับ ผมก็ไม่มีทางเลี่ยง

(ไม่โธ่แล้วค่ะตาหนู วันที่ 17 18 19 20 21 ของเดือนหน้าต้องว่าง คุณแม่ขอแค่นี้นะคะ ตาหนูทำให้คุณแม่ได้ใช่ไหม) ผมว่าคุณหญิงแม่คงนั่งดูปฏิทินก่อนโทรมาหาผมแล้วแน่ๆ  คำขอร้องเชิงคำตอบเดียว ไม่มีช้อยให้เลือกปฏิเสธเลย ผมจะทำอะไรได้

“ครับคุณแม่” พูดแบบนี้แล้ว ผมจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง

(คุณแม่ต้องการคำนี้ที่สุดค่ะ ลูกของคุณแม่คนนี้น่ารักจริงๆ) พอสมใจแล้วน้ำเสียงก็ดีขึ้นทันที ผมนึกภาพออกเลยว่าตอนนี้คุณหญิงแม่กำลังทำหน้าตาแบบไหน พัดลูกไม้ในมือคงโบกไปเพราะอารมณ์สมใจหมาย 

(อีกเรื่องนะคะตาหนู เย็นวันพรุ่งนี้อย่างลืมไปรับน้องเนยที่สนามบินนะคะ)

คุณหญิงแม่ย้ำอีกครั้ง เมื่อคืนก็ย้ำ คืนก่อนก็ย้ำ เรียกว่าย้ำทุกคืนนับตั้งแต่คืนที่ผมไปส่งน้องเนยขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น

“ครับ”

คุณหญิงแม่วางสายหลังจากได้คำตอบที่ต้องการ ผมหย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ตกปากรับคำคุณหญิงแม่ไปแล้วก็กลับมากลุ่มใจหนัก เอาความจริงผมแทบไม่มีโอกาสคุยกับน้องเนยเป็นจริงเป็นจังเลย เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะคลุมถุงชนเราสอง ทั้งที่ไปไหนมาไหนด้วยกันออกไปแต่ก็ลืมเสียทุกครั้ง เพราะเจอกันทีไรน้องเนยชวนคุยจนผมลืมเรื่องที่จะพูดไปเสียหมด น้องเนยเป็นคนพูดเก่ง ไม่ต่างจากตอนเป็นเด็กเลย ไม่แค่พูดเก่งแต่ยังอ้อนเก่งอีกด้วย อยู่ด้วยแล้วผมรู้สึกเหมือนตัวเองพูดเก่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผมไม่รู้ว่าคุณหญิงแม่กับคุณหญิงวลัยจะรู้หรือเปล่าว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาน้องเนยโทรคุยกับผมอยู่ทุกคืน คิดอีกทีคงไม่รู้หรอกมั้งครับ ไม่อย่างนั้นก็คงพูดเรื่องนี้กันไปแล้ว

ผมยอมรับว่าอยู่กับน้องเนยแล้วมีความสุข น้องเนยน่ารักจริงๆ บุคลิกที่ดูเป็นสาวมั่นเมื่อแรกเห็น ผิดกับนิสัยที่เป็นจริงมาก ช่างพูด ช่างคุย ขี้อ้อน แต่ไม่เคยงอแงให้ผมปวดหัว

“คุณหมอครับ ผมหิวแล้ว” มือของเจ้าของเสียงสะกิดที่ไหล่ผม เป็นคุณฟ้าครับ ออกมาตามผมไปทานข้าว

นับตั้งแต่วันนั้นที่ห้องของคุณฟ้า วันที่ผมได้เจอพี่สาวและพี่เขยของคุณฟ้าเป็นครั้งแรก หลังจากวันนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่ผมมาทานข้าวเที่ยงกับคุณฟ้าสองคน บางครั้งก็มีเด็กๆ ในร้านบ้าง แต่ส่วนมากก็มักจะทานกันอยู่สองคน เหตุผลก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่มีใครอยากมาเป็นก้างขวางทางสวีท แล้วหลังจากวันนั้นเหมือนกันที่ผมไม่ได้นอนกอดคุณฟ้า ไม่ได้มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น แค่คุณฟ้าเห่อหลานในท้องพี่สาวตัวเองมากไปหน่อย ถึงได้หอบเสื้อผ้ากลับไปนอนบ้านเก่าของตัวเอง บ้านที่คุณฟ้าอาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก พอพี่สาวแต่งงานถึงได้ย้ายมาอยู่คอนโดตัวเองอย่างถาวร

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงถูกคุณหญิงแม่รบเร้าอยู่ทุกคืนเกี่ยวกับเรื่องน้องเนย

“ผมก็หิวเหมือนกันครับ” ผมบอก แล้วเดินตามคุณฟ้าเข้าไปในห้องครัว มีสายตาหลายคู่มองมาที่เราสองคน โดยเฉพาะผม ถูกจ้องเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องเป่าประกาศให้ลูกค้าร้านเชิญครับรู้ ผมว่าพวกเขาก็คงเห็นและรู้กันเอาเองว่า ดอกฟ้าหอมๆ ดอกนี้มีเจ้าของคนใหม่แล้วไม่โสดพอที่จะให้ลูกค้าคนไหนหอบหิ้วดอกไม้ช่อใหญ่มาฝากได้ง่ายๆ เชื่อไหมหลังจากวันนั้นอีกเหมือนกัน พอคุณฟ้ากลับมาทำงาน ข่าวเรื่องคุณฟ้าไม่สบายจนมาทำงานไม่ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีทีท่าหมายปองคุณฟ้าที่เพิ่งโสดไปเมื่อหลายวันก่อน หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาเยี่ยมคนหายป่วยเยอะมาก เยอะจนผมแปลกใจ ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้

สาบานได้ว่าผมไม่ได้รู้สึกหึง แค่รู้สึกหวงนิดๆ ไม่อยากให้ใครหน้าไหนมาจีบคนรักของตัวเอง แต่ทำไงได้ในเมื่อเจ้าของดอกไม้พวกนั้น ยังไม่รู้ว่าผมกับคุณฟ้าเป็นอะไรกัน เหมือนคุณฟ้าก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง คนน่ารักของผมเลยทำตัวสนิทกับผมมากขึ้น ทุกครั้งที่ผมผลักประตูร้านเข้ามา คนน่ารักคนนี้จะรีบเดินมาหาผมทันที ยกเว้นช่วงที่กำลังยุ่งจนปลีกตัวมาหาต้อนรับผมไม่ได้กลับตอนที่หายไปทำขนมอยู่ในครัว มันเป็นโอกาสดีเหมือนกันที่ผมจะเดินถือดอกไม้เข้าไปข้างในนั้น เรียกว่าประกาศตัวอย่างอ้อมๆ ให้คนที่คิดจะจีบคุณฟ้าเห็นว่า ผมกับคุณฟ้าข้ามขั้นของการเป็นลูกค้ากับเจ้าของร้านไปแล้ว

แน่นอนว่า...ตั้งแต่วันนั้น ทุกครั้งที่เดินจากคลินิกเพื่อมาทานข้าวเที่ยงกับคุณฟ้า ในมือผมมีดอกกุหลาบสีขาวมาด้วยเสมอ ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ที่คุณฟ้าได้ในวันนั้น ลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนเมื่อสี่วันก่อนเหลือเพียงดอกไม้ช่อเดียวจากคุณหมอแว่นหนาจากโรงพยาบาลเอกชนฝั่งตรงข้ามถึงช่อดอกไม้ช่อใหญ่จะหายไป ไม่เหลือให้ผมเกิดอาการหวงนิดๆ แต่ดอกไม้สีขาวของผมยังคงมีมาให้คุณฟ้าทุกวัน

“วันนี้ผมยังไม่กลับคอนโดนะครับ” คุณฟ้าบอกตอนที่ผมกำลังจะตักข้าวเข้าปาก ความฝันของผมพังลงไปในพริบตา ฝันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่คนน่ารักของผมบอกว่า ‘พรุ่งนี้จะกลับ’สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ถ้าวันนี้ไม่ได้นอนกอดคุณฟ้า มันก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้นอนกอดคุณฟ้ามานานถึง 27คืน

27 คืน...

อืม...ผมไม่รู้ว่ามันเป็นจำนวนมากหรือน้อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผม มันมากเกินไปและยาวนานมาถึง 27 คืนที่ไม่ได้กอดคุณฟ้า ไม่ได้นอนหลับตาไปพร้อมกัน และไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าคุณฟ้าเป็นคนแรกของเช้าวันใหม่

“.......” ผมทำหน้าเซ็ง ฝืนใจเอาอาหารเข้าปาก ไร้รสชาติ ไม่ใช่เพราะอาหารไม่อร่อย รับประกันความอร่อยจากทุกวันที่ผ่านมา ฝีมือทำอาหารของแม่เด็กแดนอร่อยมาก อันนี้ผมยืนยันได้ แต่ที่วันนี้มันไร้รสชาติ มันเป็นเพราะคำพูดของคนน่ารักที่ทำความฝันแสนหวานของผมสลายได้ในประโยคเดียว

“ไม่อร่อยเหรอครับ” ถามแล้วก็อมยิ้ม เห็นรอยยิ้มของคนน่ารักแล้วผมก็อดยิ้มตามไม่ได้ อารมณ์เซ็งๆ ก็พอลดลงไปบ้าง

“ถ้ารวมคืนนี้ก็ 27คืนแล้วนะครับที่ไม่ได้กอดคุณฟ้า” ผมกะจะพูดให้คุณฟ้ารู้ ว่าผมนับวันรอจะได้กอดคุณฟ้าอยู่ทุกคืน เผื่อจะเห็นใจผมบ้าง ด้วยการเลิกเห่อหลานลงสักนิด ยอมกลับมาให้ผมกอดให้หายคิดถึงเสียที

“27คืนที่ไหนกันครับ 26 คืนต่างหาก” พูดแล้วก็อมยิ้มเหมือนเดิม น่ารักจริงๆ คนน่ารักของผม

“27 คืนครับ ผมไม่ได้นับผิด” ผมเถียง ผมไม่ได้นับผิดแน่นอนเรื่องนี้ นับมันอยู่ทุกคืนจะผิดได้ไง

“ไม่ได้บอกนี่ครับว่าคุณหมอนับผิด ผมแค่บอกว่า 26คืนต่างหาก ”

“ยังไงครับ” ผมเริ่มสงสัย คุณฟ้าพูดไปยิ้มไปเหมือนกำลังแกล้งผมอยู่

“พี่ฝนชวนคุณหมอไปเที่ยวที่บ้านเย็นนี้ แล้วก็ไม่ได้ห้ามด้วยถ้าคุณหมอจะค้าง” คุณฟ้าบอกสิ่งที่ทำให้ผมกลับมายิ้มได้เต็มหน้าอีกครั้ง คำพูดของคุณฟ้าช่วยกอบกู้ฝันที่พังทลายของผมให้กลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง แม้จะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ใครจะกล้าไปกอดน้องชายคุณฝนถึงในบ้านเจ้าตัวขนาดนั้น มันดูไม่สมควรใช่ไหมละครับทุกคน

“แล้วผมจะกอดคุณฟ้าได้ไหมเนี้ย ผมก็เกรงใจเจ้าของบ้านเหมือนกันนะครับ” ผมล้อ ยอมรับแล้วครับว่าอดกอดคุณฟ้าแบบลึกซึ้งแน่ๆ แต่กอดแบบอบอุ่นก็ทดแทนกันได้ ขอแค่ได้มีคุณฟ้าทั้งก่อนนอนและหลังตื่น เท่านี้ก็พอแล้วครับ

“คิดแต่เรื่องนี้นะครับ” คุณฟ้าแห้วผม แต่ตัวเองกลับหน้าแดง

“คิดเรื่องอื่นเหมือนกันครับ แต่อยากพูดเรื่องนี้ก่อน ก็คนมันคิดถึง 26คืนแล้วนะครับที่ผมไม่ได้.....” ผมกำลังจะพูดต่อ แต่คุณฟ้าสกัดด้วยเสียงที่ดังฟังชัดเสียก่อน

“หยุดเลยนะคุณหมอ! กินข้าวไปเลย ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ขืนพูดอีกคำนะ กลับไปนอนบ้านเลย”

“เบาหน่อยฟ้า เสียงดังไปถึงข้างนอกรู้ตัวเปล่า” คุณฟ้ายกรีบมือขึ้นปิดปากตัวเอง ตากลมเปิดกว้างมองคนที่ก้าวเท้าเข้ามา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ตัวเอง

“จริงเหรอนนท์?”คุณฟ้าถาม สีหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ผมก็ว่าเสียงคุณฟ้าไม่ดังมาก ถึงดังมันก็ดังไปไม่ถึงข้างนอกหรอก

“หิว ตักข้าวให้หน่อย” คนถูกถามตอบไปคนละเรื่อง ทั้งยังใช้แฟนผมอีกต่างหาก แต่ผมชินแล้วครับ บางมีที่มีคุณนนท์มาร่วมวงด้วย เป็นอย่างนี้ประจำ

“ข้าวกับจานก็อยู่ใกล้มือ ทำไมไม่ทำเอง” ปากคุณฟ้าว่า แต่ก็ลุกขึ้นไปตักข้าวให้คุณนนท์ ฝ่ายนั้นยิ้ม แล้วหันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า

ถามว่าผมรู้สึกอะไรไหมที่คนรักเก่าของคุณฟ้ายังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ยังไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม บอกตามตรงว่ารู้สึกบ้างแต่ไม่มาก ตามประสาคนเป็นแฟนใหม่ที่กลัวว่าคนรักจะกลับไปคืนดีกับคนเก่า แต่มันไม่ถึงขั้นหึงหวงจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข พลอยทำให้คนที่เรารักไม่มีความสุขไปด้วย ผมเลือกที่จะมองข้ามเรื่องเล็กน้อยไปเสียด้วยการเชื่อใจ ตราบเท่าที่คุณฟ้ายังบอกว่า “รักผม” ผมก็จะเชื่อในคำบอกของคุณฟ้า

“คุณหมอ”ยีนเดินเข้ามาเรียกผม

“มีอะไรยีน”แต่คุณฟ้าเป็นคนถามแทนผม

“มีคนมาหาคุณหมอค่ะ”

“ใคร?” คุณฟ้ายังทำหน้าที่แทนผมอีกครั้ง

“ชื่อคุณอิง บอกว่าเป็นเพื่อนคุณหมอ แล้วก็มากับผู้ชายอีกคนหนึ่งด้วยค่ะ”

ผู้ชายอีกคนที่ยีนว่าน่าจะเป็นหนึ่ง แต่ผมแปลกใจว่าอิงมาหาผมทำไม เมื่อเช้าก็เพิ่งมาหาผมที่คลินิก จะว่าไปผมกับอิงไม่ได้เจอหน้ามาตั้งแต่วันที่มารับน้องหวานหน้าคลินิก ติดต่อคุยกันแค่ทางโทรศัพท์เรื่องของอิงกับหนึ่ง ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะอิงมันไม่พูดไม่เล่าอะไรมาก ผมเองก็ไม่อยากถาม ถ้าอิงมันอยากเล่ามันคงจะเล่าให้ผมฟังเอง น้องหวานก็เหมือนกัน ช่วงแรกๆ มาหาผมบ่อยมากแต่ช่วงหลังๆ นี่ หายไปเลย ผมโทรหาก็ไม่ค่อยรับ พอได้คุยกันก็บอกแค่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง สบายดี

“สงสัยจะเป็นคุณหนึ่ง แล้วเรื่องของคุณอิงกับคุณหนึ่งเป็นยังไงบ้างครับ ผมลืมถามคุณหมอไปเลย”คุณฟ้าพูด เมื่อยีนเดินออกไปแล้ว คุณนนท์ทำหน้าเหมือนอยากรู้ไปด้วย

“ยังคารังคาซังเหมือนเดิมครับ ครอบครัวอิงไม่ยอมรับด้วยละครับ” ผมบอก บอกตามที่รู้ เมื่อเช้าเพื่อนผมมันแค่บอกว่าเอาตัวหนึ่งไปอยู่คอนโดด้วยกัน บอกทางบ้านแล้วด้วย แต่ทางบ้านไม่ยอมรับที่ลูกชายคนเล็กยกเลิกงานแต่งงาน ด้วยสาเหตุว่าต้องรับผิดชอบผู้ชายอีกคนหนึ่ง เพราะดันไปข่มขืนเขา

“เหรอครับ” คุณฟ้าทำหน้าเศร้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“ผมออกไปหาอิงก่อนนะครับ”
.
.
.
.
.
.

เวลานี้ลูกค้าของร้านเชิญครับเหลือไม่กี่คน  ร้านเลยเงียบมาก โดยเฉพาะโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงมุมขวาสุดของตัวร้าน วางชิดพนังกระจกมองออกไปเห็นสวนเล็กๆ ด้านนอก คนสองคนที่นั่งอยู่ข้างกันไม่มีเสียงพูดคุยกันดังมาให้ได้ยินแม้แต่น้อย ยิ่งผมเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอึดอัด เมื่อเช้าอิงมันยังพอยิ้มได้บ้าง แต่ตอนนี้หน้าตามันเหมือนเบื่อหน่ายไปทุกสิ่งอย่าง

“สบายดีไหมหนึ่ง” ผมทักทายคนที่ผมไม่ได้เจอมาร่วมเดือน ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตอนเกิดเรื่องนั่นแหละ แล้วแทบจะเก็บคำทักทายคืนมาทันควัน เอาตอนที่ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเห็นแก้มซ้ายเป็นรอยแดงชัดเจนมาก หนึ่งก้มหน้าหลบสายตาของผม ผมหันไปหาเพื่อนตัวเอง ได้คำตอบในทันทีว่า

“โดนคุณเอมอรบุกมาตบถึงที่ทำงาน”อิงบอก น้ำเสียงเหนื่อยใจ

คุณเอมอรแม่ของอิงครับ หญิงวัย 56ที่ทำงานเก่งไม่แพ้คนเป็นสามี ฐานะทางบ้านของอิงเรียกว่ามหาเศรษฐีได้สบายๆ ด้วยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และธุรกิจเสื้อผ้าส่งออก ผมว่าการที่คุณเอมอรเอาเวลาอันมีค่าของตัวเองมาตบคนรักใหม่ของลูกชายคนเล็กนี่ มันเป็นเรื่องใหญ่ไม่เบา เพราะขนาดเรื่องของลูกชายคนอื่นที่หาลูกสะใภ้ไม่ถูกใจ คุณเอมอรก็แค่ใช้เงินฟาดหัวเรื่องก็จบ ได้ลูกสะใภ้สมใจตัวเองมาแล้วสี่คน แต่เรื่องนี้ถึงกับลงทุนมาจัดการด้วยตัวเอง

“แล้วจะทำยังไงต่อไป” ผมถาม คำถามเดิมที่ผมถามไปเมื่อเช้า

“ไม่รู้ว่ะ เหนื่อย คิดอะไรไม่ออก”

แล้วผมก็ได้คำตอบแบบเดิมเหมือนคำตอบเมื่อตอนเช้า เพื่อนผมมันคงเหนื่อยจริง ไหนจะเรื่องครอบครัวที่ไม่ยอมรับ เรื่องน้องหวานที่ต้องรับผิดชอบ แล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของคนที่นั่งก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดยอมจาผิดนิสัยที่เคยเป็น คนข้างๆ ที่ทำให้อิงมันต้องเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา หนึ่งดื้อ อิงบอกผมทุกครั้งที่คุยกัน เคยหนีอิงไปสองครั้ง อิงมันเลยไม่ยอมปล่อยให้ห่างสายตา มีแค่ตอนเช้าที่ยอมปล่อยให้อยู่คนเดียวที่บริษัท แต่ก็ให้เลขาสาวคอยคุมตัวเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน

“หนึ่ง” ผมเรียก หนึ่งเงยหน้าขึ้น ผมเห็นตาเล็กคลอไปด้วยน้ำตา เจ้าตัวคงพยายามห้ามไม่ให้มันไหล ด้วยการแหงนหน้าขึ้นด้านบน กระพริบตาถี่ๆ

“ครับคุณหมอ” ห้ามน้ำตาตัวเองได้แล้วถึงยอมเอ่ยปาก เสียงสั่นเครือทำเอาสงสารเหมือนกัน แต่ผมสงสารเพื่อนผมมากกว่า อิงมันโทรมลงไปเยอะมาก

“จะว่าหมอเข้าข้างเพื่อนของหมอก็ได้นะ หมออยากให้หนึ่งเห็นใจเพื่อนของหมอบ้าง ที่เพื่อนของหมอทำทุกอย่างก็เพื่อหนึ่ง มันเลือกหนึ่งแล้วนะ”

“แล้วเพื่อนคุณหมอเคยถามผมไหม ว่าผมต้องการมันไหม” หนึ่งพูดเสียงเบา น้ำตาที่พยายามกั้นหยดแมะบนหลังมือที่กำอยู่บนหน้าขา

“พอเถอะหมอ พูดไปก็เท่านั้น เคยฟังอะไรใครที่ไหน” อิงพูดอย่างเอือมๆ

“แล้วบอสเคยฟังผมไหม เคยคิดว่าผมเป็นคนไหม ผมผิดอะไรบอสถึงต้องทำกับผมอย่างนี้” หนึ่งกัดปากถาม ตาเล็กๆ มีน้ำตาคลอเบ้าเต็มไปด้วยความโกรธ เสียใจ และน้อยใจ

“ผิดที่นายทำให้ฉันรักไง” เสียงที่เอ่ยบอกดังจนเรียกได้ว่าตะคอก คนเป็นเพื่อนอย่างผมยังอึ้ง แต่คนที่อิงมันสบตาอยู่ด้วยกลับสะบัดหน้าหนี ราวกับว่าไม่ต้องการได้ยิน

ทั้งโต๊ะเงียบ มีเพียงเสียงสะอื้นของหนึ่ง ผมดูออกว่าอิงมันเสียใจกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คนอย่างเพื่อนผมไม่มีวันถอยหลังกลับไปหาสิ่งที่มันเลือกจะทิ้งไป อิงมันพร้อมที่จะสู้ไปข้างหน้า สู้เพื่อสิ่งที่ได้เลือกแล้ว แม้จะทำให้คนอีกหลายคนเจ็บ ผมว่าเจ็บแล้วจบ ดีกว่าปล่อยให้มันเรื้อรังกัดกินความสุขของคนที่เกี่ยวข้องและรวมถึงตัวเองด้วย

“สวัสดีครับคุณอิง คุณหนึ่ง กาแฟครับ”

กาแฟถ้วยเล็กสองถ้วยและน้ำมะนาวอีกหนึ่งแก้วถูกวางลงบนโต๊ะ ตามมาด้วยเค้กส้ม เค้กสตอเบอร์รี่ เค้กมะพร้าวอย่างละชิ้น จากการเสิร์ฟเจ้าของร้านเชิญครับ

“ขอบคุณครับคุณฟ้า สบายดีนะครับ” อิงเป็นคนพูด ขณะที่มือก็เลื่อนเค้กส้มกับแก้วน้ำมะนาวให้คนที่รีบเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เจ้าของร้านเชิญครับเห็น

“สบายดีครับ ว่าแต่อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมครับ บอกได้นะครับ พอดีผมไม่รู้ว่าคุณอิงกับคุณหนึ่งอยากทานอะไรเลยเลือกมาแค่นี้ สั่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ไม่คิดเงินครับ” น่ารักไหมล่ะเจ้าของร้านเชิญครับ คนรักของผม ตอนที่ผมกับคุณฟ้ายังเป็นแค่ลูกค้ากับเจ้าของร้าน ดูเหมือนคนฟ้าจะคิดเล็กคิดน้อยกับการลดแลกแจกแถมของสาวยีนที่มีไว้ให้บริการผมแทบจะทุกวัน แต่พอกลายเป็นคนรักกัน ทุกวันนี้กลายเป็นว่าฟรีทุกอย่างสำหรับผม แล้วคงลามไปถึงเพื่อนๆ ของผมด้วย อย่างเช่นอิงในตอนนี้

“อ้าว...สวัสดีครับคุณลม คุณติน”คุณฟ้าหันไปทักทายคนที่เพิ่งผลักประตูเข้ามา

“สวัสดีครับคุณฟ้า” น้องลมทักตอบ ตินที่เดินตามมาด้านหลัง มีสีหน้าไม่ดีหนัก น่าจะเป็นเพราะห่วงเพื่อนของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าอิงหรือหนึ่งโทรไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนถึงได้ตามมาถึงที่นี่ ลืมบอกไปครับว่าตินลาออกจากบริษัทของเพื่อนผมแล้ว หลังจากกลับจากทะเลได้อาทิตย์กว่าๆ สาเหตุไม่ใช่เพราะเรื่องของหนึ่ง เรื่องลาออกของตินผมได้ยินแว่วๆ มานานแล้วเหมือนกัน เห็นว่าน้องลมอยากให้ตินมีบริษัทเป็นของตัวเอง ส่วนเรื่องเงินทุนน้องลมจะเป็นคนจัดการเอง เรื่องเงินนี่แหละครับที่ทำให้ทะเลาะกันหนัก หนักแค่ไหนอันนี้ผมก็ไม่รู้

โต๊ะตัวที่พวกผมนั่ง มันมีแค่เก้าอี้สามตัว คุณฟ้าหันหลังกลับไปดึงเก้าอี้อีกสองตัวจากโต๊ะด้านหลัง ผมรีบลุกขึ้นอาสาทำหน้าที่แทนคุณฟ้า แต่ผมยกเก้าอี้มาแค่ตัวเดียวให้น้องลมนั่ง ส่วนตินนั้นผมบอกให้เขานั่งเก้าอี้ของผมแทนไปเลย

“ไม่นั่งด้วยกันหรอครับพี่หมอ” น้องลมถาม

“พี่หมอต้องกลับไปทำงานครับ เอาไว้วันหลังค่อยเจอกันไหมนะครับ” อันที่จริงงานช่วงบ่ายผมมีแค่นั่งตรวจเอกสาร ไม่ได้มีงานยุ่งอะไรมากที่ต้องรีบกลับไปทำ จะนั่งอยู่ต่อก็ได้แต่ผมเลือกจะขอตัวออกไปดีกว่า ไม่อยากมีปัญหากับคนรักของน้องลม

“ไม่ต้องรอวันหลังหรอกครับ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วลมจะแวะไปหานะครับ ไม่ได้คุยกับพี่หมอตั้งนาน คิดถึง” น้องลมช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ไอ้ที่พูดแบบนี้แล้วส่งยิ้มมาให้ผมเนี้ย มันทำให้คนรักของตัวเองทำหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

“ครับ” ผมพูดได้แค่นี้ แล้วรีบเดินออกมา น้องลมกับตินมาช่วย ผมก็วางใจแล้วล่ะ คิดว่าสองคนนั้นน่าจะช่วยอิงได้ดีกว่าผม โดยเฉพาะตินที่เป็นเพื่อนของหนึ่ง

V
V
V

ออฟไลน์ i_ang

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • เพจนิยาย
“คุณหมอครับ” คุณฟ้าเรียกผมจากด้านหลัง ตอนที่ผมผลักประตูออกมาแล้ว กำลังจะก้าวข้ามถนน

“ครับ”

“คุณหมอยังไม่ได้ดื่มกาแฟเลย ขนมก็ยัง เดี๋ยวผมให้ยีนเอาไปให้ที่คลินิกนะครับ”

คนรักของผมน่ารักมาก ใส่ใจผมเสมอ ติดแค่ตรงที่ว่ายังไม่กล้าพอจะเอาไปเสิร์ฟถึงที่ทำงาน จะว่าไปก็มีครั้งหนึ่ง ช่วงแรกที่เริ่มต้นคบกันอย่างจริงจัง จะว่าไปก็สองอาทิตย์ก่อนหน้านี่เอง ผมมีผ่าตัดใหญ่ ออกมาจากห้องผ่าตัดก็เกือบบ่ายสามแล้ว ออกมาปุบแม่บ้านก็รีบเข้ามาบอกว่าเจ้าของร้านเชิญครับเอาอาหารกับขนมมาให้ วางอยู่ในห้องพัก มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว หลังจากวันนั้นก็ไม่มีอีกเลยครับที่คุณฟ้าจะเข้ามาในคลินิกผม นอกจากใช้ให้สาวยีนเป็นคนถือเอามาให้ผมเอง สาเหตุก็เพราะคุณฟ้าอายสายตาของหมอและผู้ช่วย โดยเฉพาะพี่กานต์ คุณหมอในคลินิกผมที่อยู่คอนโดเดียวกับคุณฟ้า

“ทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะครับ” ผมแกล้งถาม มองแก้มใสที่เริ่มแดงขึ้นเพราะแรงแดดตอนบ่าย

“ไม่เอาครับ ให้ยีนเอาไปให้น่ะดีแล้ว”

“มาให้เห็นหน้าหน่อยก็ไม่ได้ กว่าผมจะเลิกงานตั้งห้าทุ่ม”

“มีเวลาเห็นหน้าผมอีกนานครับ จนกว่าคุณหมอจะเบื่อ” คุณฟ้าพูดเสียงเบาหวิวในประโยคสุดท้าย หน้าตาสดใสเมื่อครู่ดูเหงาไปในทันที ผมรู้นะว่าคุณฟ้ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เรื่องเดิมๆ

“คุณฟ้าพูดเหมือนไม่มั่นใจในตัวผม” เป็นอย่างนี้ทุกที คุณฟ้าชอบคิดมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบคิดนักว่าผมจะทิ้งไป ยิ่งช่วงหลังมักเป็นบ่อย ผมไม่ได้รำคาญ แค่อยากให้คุณฟ้ามีความสุขเวลาที่อยู่กับผม ไม่ใช่เอาแต่คิดไปถึงวันที่ผมจะทิ้งไป

“เปล่าครับ ผมแค่....”พูดแล้วก็หยุด ไม่ยอมพูดต่อจนจบในสิ่งที่ตัวเองคิด

“แค่ไม่มั่นใจในตัวผม” ผมช่วยต่อให้ ตากลมๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คุณฟ้าเคยสัญญากับผมว่าจะไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก เรื่องที่คิดว่าผมจะทิ้งคุณฟ้าไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง

“ครับ” คุณฟ้ายอมรับเสียงเบา ผมชอบนิสัยคุณฟ้าตรงนี้ที่สุด ที่ไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ พอถามก็จะตอบกลับมาตรงๆ

“คุณฟ้าครับ” ผมคว้ามือคุณฟ้าขึ้นมากุม ดึงร่างเพรียวบางให้เข้ามาใกล้ นางพยาบาลสองคนที่เดินผ่านเราสองคนเข้าไปในร้าน ผมทันเห็นว่าทั้งสองแอบมองผมกับคุณฟ้า แล้วหันกลับไปยิ้มให้กัน ผมไม่ได้สนใจมากนัก ความสนใจของผมอยู่ที่คนตรงหน้ามากกว่า

คนอื่นอาจจะบอกว่า “มีแฟนเหมือนมีแม่” แต่ผมสำหรับผมแล้ว “มีแฟนเหมือนมีหลานวัยห้าขวบ” ที่ต้องเฝ้าบอก เฝ้าย้ำ เรื่องเดิมๆ อยู่ตลอดเวลา

“ผมกลัวคุณหมอจะทิ้งผม” คุณฟ้าบอกไม่เต็มเสียงนักคงกลัวผมโกรธ

“น่ารักอย่างนี้จะทิ้งได้ไงครับ” บอกพลางก็ใช้มือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้ด้วย แดดแรงมาก ผมเลยพาคุณฟ้าไปยืนอยู่ใต้ต้นลีลาวดีที่พอจะให้ร่มเงาได้บ้าง

“รักไปนานๆ นะครับ” ว่าแล้วก็ยิ้ม กลับมาเป็นคุณฟ้าแสนน่ารักของผมอีกครั้ง

“ครับ”

อารมณ์คุณฟ้าเปลี่ยนง่าย บางครั้งผมก็ตามไม่ทัน ไม่ได้เรียกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเพราะแบบนั้น มันตีความไปในแง่ไม่ดีมากกว่า อย่างคุณฟ้าต้องเรียกว่าเดี๋ยวเริ่มคิด เดี๋ยวเลิกคิด เข้าข่ายคิดเองเออเองผมไม่ได้เบื่อ รำคาญอะไรหรอก แค่ไม่อยากเห็นคนน่ารักของผมเศร้า พอเขาเศร้าก็ทำเอาผมเศร้าตามไปด้วย

“เข้าไปเถอะครับ เหงื่อออกเต็มหน้าหมดแล้ว” ผมเช็ดเหงื่อบนหน้าน่ารักนั้นอีกครั้ง เดินกลับไปส่งคุณฟ้าถึงประตูร้าน

“ดึกๆ เจอกันนะครับ” ผมบอก

“ครับ”คุณฟ้ายิ้มให้ผม ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในร้าน จะโทษคุณฟ้าคนเดียวคงไม่ได้ โทษผมด้วยที่ไม่สามารถทำให้คุณฟ้ามั่นใจในตัวผมมากพอ ครั้งหนึ่งที่คุณฟ้าเผลอเล่าออกมาว่า ตอนที่คบกับคุณนนท์ ครอบครัวของคุณนนท์กับครอบครัวของคุณฟ้า ทั้งสองครอบครัวต่างรู้ว่าทั้งสองคนคบหากันในฐานะคนรักไม่ใช่ในฐานะเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน

คุณฟ้าไม่มั่นใจในตัวผมเพราะเหตุผลที่ผมยังเก็บความสัมพันธ์นี้เป็นความลับ ไม่เปิดเผยให้ครอบครัวรับรู้

.
.
.
.
.
.

...ก๊อก...ก๊อก...

ตอนที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกลืนเครปเค้กราดซอสสตรอเบอร์รี่คำสุดท้ายลงคอพอดีเครปเค้กกับกาแฟร้อนที่ยีนเอามาเสิร์ฟผมถึงที่ห้องทำงานงาน ตามคำสั่งของคุณฟ้า ผมเป็นคนชอบของหวาน แต่ไม่อ้วนเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ อาทิตย์ละสี่ถึงห้าวัน

“อ้าว...อิง”ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นน้องลม เพราะตอนอยู่ในร้านเชิญครับ น้องลมบอกว่าจะมาหาผม แต่ก็ดีแล้ว ถ้าน้องลมมา ตินคงจะตามมาด้วย กลับไปได้ทะเลาะกันอีก ตินขี้หวง ทั้งที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องลมแล้วแท้ๆ

“ยุ่งป่าว” อิงถาม ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้านซ้ายมือของห้อง เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนกับสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนแล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้ อิงมันผอมลงไปมาก หน้าก็คล้ำ ไม่รู้ว่าเพื่อนผมมันมีเวลาดูแลตัวเองบ้างหรือเปล่า

“งานเสร็จแล้ว แล้วหนึ่งล่ะ”

“ไปกับติน เหนื่อยว่ะ” ผมว่ามันเป็นคำพูดติดปากของเพื่อนผมไปซะแล้ว ไอ้คำว่า “เหนื่อย”

“เหนื่อยก็หยุดก่อนไหม” ผมแนะนำ สิ่งที่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอิง อิงมันไม่เคยเป็นแบบนี้ หรือเพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มากกว่าผมก็ไม่แน่ใจ

“ฉันหยุดก็เท่ากับวันฉันกำลังปล่อยหนึ่งไป”ตัวของเพื่อนผม ไหลไปพิงกับพนักโซฟา ตามันค่อยๆ ปิดลง แต่ปากยังคงพูดต่อ

“ฉันจะทำไงดีวะไอ้หมอ”

“ถ้าหนึ่งไม่รักนาย นายก็ควรปล่อยเขาไป คนไม่รักกันอยู่ด้วยกันไปก็ไม่ความสุข”

“แต่ฉันรัก”

“นายรัก แต่หนึ่งไม่ได้รัก ต่อให้นายกักขังเขาไว้ สักหนึ่งเขาก็ต้องไปจากนายอยู่ดี ขอโทษที่ฉันต้องพูดแบบนี้ แต่ถ้านายคิดว่านายรักหนึ่งจริง ก็ปล่อยหนึ่งไป นายไม่อยากเห็นคนที่นายรักมีความสุขหรือไง”

สำหรับผม การเห็นคนที่ผมรักมีความสุข คือความสุขที่สุดของผม ต่อให้ความสุขของเขาคือการที่ไม่มีผมอยู่ในสายตา ผมก็พร้อมจะจากไป เพื่อให้เขามีความสุข

“นายร้องไห้...”

“....” เพื่อนผมมันร้องไห้ แม้น้ำตามันจะไม่ไหลออกมา แต่ตาของมันก็แดงกล่ำ

“อิง” ผมเรียกอีกฝ่ายรู้ตัว เพราะอิงมันนิ่งไปนานมาก

“ขอบใจสำหรับคำแนะนำว่ะ แต่ฉันทำไม่ได้” อิงมันพูดแค่นี้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องพักผมไป ผมมองตาม รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ที่ปรึกษาที่ดีเท่าไหร่

.
.
.
.
.
.
.

ผมก้าวเท้าเข้ามาในร้านเชิญครับเป็นรอบที่สามของวัน ในเวลาห้าโมงเกือบหกโมง ไม่ใช่เวลาห้าทุ่มอย่างที่บอกกับคุณฟ้าเอาไว้แต่แรก ผมไม่ได้มาหาคุณฟ้า แต่หลานชายคนโตของผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเค้าน์เตอร์บาร์คนเดียวนั่นต่างหาก

ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที พี่ชายผมโทรสั่งให้ผมโทรหาลูกชายตัวเอง ด้วยเพราะลูกชายไม่ยอมรับโทรศัพท์ของคนเป็นพ่อ ผมซึ่งเป็นอาและเป็นคนที่หลานชายสนิทด้วยมากที่สุดในบ้าน เลยถูกใช้ให้ตามหา พอผมโทรตามถึงรู้ว่าหลานชายของผมนั่งอยู่ในร้านเชิญครับ ไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นความตั้งใจของหลานชายวัยใกล้จะเต็มสิบเจ็ดในเดือนหน้า ที่มานั่งทานเค้กในร้านก่อนจะเข้าไปหาผมในคลินิก

“พี” หลานชายผมชื่อพี ไม่น่าเชื่อว่าเปิดเทอมนี้จะเข้ามอหกแล้ว ตัวก็ยังเล็ก หน้าตาก็เหมือนเด็กมอสาม

“สวัสดีครับ อานุ” พีสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ผมเรียก คงเพราะกำลังใจลอยคิดอะไรอยู่ ก่อนจะวางช้อนในมือลงแล้วยกมือขึ้นไว้ผม

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์‘คุณยะ’ หะเรา” คุณยะคือพี่ชายของผมและเป็นพ่อของพี ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมถึงเรียกพี่ชายตัวเองว่า “คุณยะ” ผมเรียกพี่ชายแบบนี้ตอนที่คุยกับหลานชายเท่านั้น เรียกง่ายๆ ว่าเรียกตามหลานชายมากกว่า พี่ชายของผมต้องการให้ลูกเรียกอย่างนี้ครับ แต่แค่กับลูกชายคนโต เพราะลูกชายอีกสองคนที่เหลือ เรียกพ่อยะกันหมด

“....” หลานชายคนโตผมส่ายหน้า แล้วรีบก้มตักเค้กส้มเข้าปาก

“ทะเลาะกับคุณยะมาหรือไง” ผมถาม สังเกตจากตาบวมๆ ของหลานชาย ตอนคุยกับพี่ชายตัวเองก็พอจับน้ำเสียงได้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี พักหลังๆ มานี้ พ่อลูกคู่นี้มีเรื่องตึงๆ ใส่กันบ่อยมาก ผมไม่อยากคิดอะไรมาก บอกตามตรงว่ากลัวความคิดตัวเอง คิดอะไรมาแต่ละครั้ง ใกล้เคียงความจริงทั้งนั้น

“พี”

“ครับ อานุ”

“มีเรื่องอะไรจะบอกอาไหม หรือไม่ก็อยากให้อาช่วยอะไรเราหรือเปล่า บอกอาได้นะ อาช่วยพีได้เสมอ”

“....”ปากเล็กสีซีดเม้มเข้าหากันแน่น ตาที่มองผมเริ่มคลอน้ำตา วันนี้ผมเจอน้ำตาคนถึงสี่คน แต่ในบรรดาคนนั้น ผมเป็นห่วงหลานชายตัวเองที่สุด พียังเด็กมาก แต่เรื่องที่พีเก็บอยู่ข้างในและเท่าที่ผมเห็นจากแววตาปวดร้าวนั้น ผมว่ามันหนักหนาสาหัสเอาการมาก

“พี”

“ครับ” หลานชายผมยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ร้านเชิญครับช่วงเย็นคนเริ่มเยอะขึ้น มีหลายคนหันมามองผมกับหลานชาย คุณฟ้าก็ด้วย ผมเห็นยืนชะเง้อมองบ่อยๆ ตั้งแต่ผมผลักประตูเข้ามาในร้านแล้ว

“ไปหลังร้านดีกว่านะ” ผมบอก ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนในร้าน แต่จะให้พากลับไปทีคลินิกก็กลัวจะแตกตื่นกันไปหมด ทุกคนในคลินิกรู้จักและเอ็นดูพีกันทุกคน พอเห็นว่าร้องไห้กลัวว่าจะเข้ามาถามกันให้วุ่น พาลจะทำให้ร้องหนักเข้าไปใหญ่

“....” พีมีสีหน้างงๆ กับคำชวนของผม คงแปลกใจว่าจะเข้าไปหลังร้านของคนอื่นได้ยังไง พีไม่รู้ว่าผมกำลังคบอยู่กับคุณฟ้า อันที่จริงคนในครอบครัวผมก็ไม่มีใครรู้สักคน ถึงจะแปลกใจระคนสงสัยแต่ก็ยอมหิ้วเป้เดินตามผมเข้ามา

“รู้ไหมพีว่าอารักเรามาก ต่อให้คนที่ผิดคือพี่ชายของอา อาก็จะไม่ยกเว้น” ผมบอก ตอนที่จับตัวหลานชายให้นั่งลง แล้วผมก็ดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหน้าหลานชาย

“ตะ...แต่...ถ้าผมผิดล่ะครับอานุ อานุยังจะอยู่ข้างผมอีกไหมครับ” เสียงนั้นเบาหวิวแต่ก็เต็มไปด้วยแรงสะอื้น ผมดึงเนื้อตัวที่สั่นเทาเข้ามากอด

“ไอ้ที่ผิดคืออะไร?” ผมถาม หัวกลมๆ ที่ผมลูบเพื่อปลอบขวัญส่ายเร็วๆ

“ผมไม่รู้”

“ไม่รู้ก็คือไม่ผิด” ผมปลอบ

“แต่คุณยะบอก....บอกว่าผมผิด”

“ไม่หรอก คุณยะอาจจะพูดเพราะโกรธ พีทำอะไรให้คุณยะโกรธหรือเปล่า?” ผมย้อนถาม ดึงตัวหลานชายขึ้นมา มองหน้าหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ในดวงตา

“ผม...ผม...” น้ำตาไหลไม่ขาดสายอยู่บนใบหน้า พีหน้าตาไม่ได้เหมือนคนเป็นพ่อ ถ้าความจำของผมไม่ผิดมากนัก พีน่าจะเหมือนแม่แทบจะทุกสัดส่วนบนใบหน้า ผิดแค่ตรงที่เค้าโครงหน้าของพีจะเป็นรูปหน้าของเด็กผู้ชาย ไม่ใช่เด็กผู้หญิง

“พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกอาละกัน อาอยู่ข้างพีเสมอนะ” ผมบอกให้หลายชายได้อุ่นใจ ว่ายังไงเขาก็ยังมีผมอยู่ข้างเขาเสมอ หลานผม ผมก็รักครับ เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด จำได้ว่าตอนที่พีเกิด ผมยังเป็นเด็กชาย เรียนมอหนึ่งอยู่เลย พี่ชายผมก็โตกว่ากันไม่มาก แค่สองปีเอง พี่ชายผมมีลูกตอนอายุสิบห้ากับสิบเดือนเท่านั้นเอง

“ครับ” พีรับคำทั้งน้ำตา มือเล็กปาดน้ำตาทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมได้แต่มอง สงสัยผมคงต้องจับตัวพี่ชายมาคุยให้จริงจังซะที หลังจากที่ผ่านมาผมพยายามจะไม่เข้าไปยุ่งมาก เพราะเคารพในการกระทำของพี่น้องเสมอ แต่เรื่องนี้มันดูเป็นเรื่องใหญ่เกินไป หากว่ามันเป็นอย่างที่ผมคิดนะ พี่ชายของผม โตแต่อายุจริงๆ

Rrrrrrrr....

‘พี่ยะ’ หน้าจอมันโชว์ชื่อนี้ขึ้นมา

“คุณยะโทรมา อารับนะ” ผมบอกคนที่มองตามมือถือของผม ใจคงนึกรู้ว่าเป็นใคร

“ไม่รับได้ไหมครับอานุ ผมไม่อยากคุยกับคุณยะ”

“ไม่ได้ครับ เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องกล้าสู้ความจริง” ผมบอก พีพยักหน้ายอมรับสิ่งที่ผมพูด พีเป็นเด็กว่าง่าย น่ารัก นิสัยผิดจากพี่ชายผม เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

(เจอตัวยัง?) พอผมกดปุ่มรับ ยังไม่ทันได้พูดอะไร พี่ชายนิสัยใจร้อนของผมก็ยิงคำถามมาทันที

“เจอแล้ว” ผมบอก

(อยู่ที่ไหน?)

“อยู่ข้างๆนี่แหละ”

(ขอคุยหน่อย) ดูพี่ชายผมจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกชายตัวเองถึงอยู่กับผม อย่างว่าล่ะ พี่ชายผมคงคิดอยู่แล้วว่าลูกชายตัวเองต้องมาหาผม หรือไม่ผมก็ต้องตามหาตัวลูกชายของตัวเองเจอ

“พี คุณยะจะคุยด้วย” ผมบอก พีส่ายหน้า ไม่ยอมคุย ผมไม่อยากบังคับอะไรมาก ฟังจากน้ำเสียงของพี่ชายตัวเองก็พอจะเดาอารมณ์ออก กลัวว่าจะพูดอะไรให้หลายชายผมเตลิดไปใหญ่

“พีไม่คุย” พอผมบอก อีกฝ่ายก็สถบอย่างอารมณ์เสีย นิ่งไปสักพัก ถึงจะได้ยินเสียโต้กลับมา

(แล้วนี่อยู่ที่คลินิกหรือเปล่า)

“อยู่ที่ร้านกาแฟข้างคลินิก”

(โอเค บอกหลานนายด้วยว่าจะไปรับ ห้ามหนีไปไหน)

“พี เดี๋ยวคุณยะจะมารับ” ผมหันไปบอกหลานชายตัวเองอีกครั้ง พีรีบส่ายหน้าเร็วๆ ด้วยท่าทีหวาดกลัวอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“อานุ...ผมไม่อยากไปกับคุณยะ” พูดเสียงสั่น แล้วคำพูดนั้นคงดังไปถึงคนปลายสายด้วย พี่ชายผมถึงได้ตะคอกกลับมาอย่างรวดเร็ว

(ไม่กลับก็ต้องกลับ นายบอกหลานนายด้วยว่าอย่ามาดื้อ อย่าคิดหนี ถ้าหนีเป็นเรื่องแน่)

“พี่ยะ ผมขอล่ะ ใจเย็นๆ ก่อน”

(ฉันใจเย็นมาตั้งแต่หลานนายเกิดแล้วรู้ไหม ฉันใจเย็นมาตลอด แล้วมันก็จะเย็นไปตลอดเหมือนกัน ถ้าหลานนายไม่ทำให้ฉันโมโห)

พี่ชายผมพูดเหมือนคนฟิวส์ขาด

(ฉันห้ามอะไร เคยฟังที่ไหน ฉันเตือนให้มันระวังตัว เพื่อนมันคิดไม่ซื่อ มันก็ยังจะเถียงจะปกป้องเขา มันเชื่อเพื่อนมากเชื่อคนที่เลี้ยงมันมาทั้งชีวิต นายก็คิดเอาว่าหลานนายมันน่ารักไหม พูดแล้วหงุดหงิดว่ะ)

“หงุดหงิดนักก็วางสายไป แล้วไม่ต้องมารับ ฉันจะเอาหลานไปนอนด้วยคืนนี้” คำพูดพี่ชาย พลอยทำให้ผมมีอารมณ์ไปด้วย เริ่มโมโหพี่ชายตัวเองขึ้นมา

(ไม่โว้ย ไม่ต้องเลยนะไอ้นุ เอาพีมาคุยกันฉันเดี๋ยวนี้!)

“นายมันอารมณ์ร้อน เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก ฉันสงสารหลาน ขอเถอะ ตอนนี้ก็ร้องไห้จนตาบวมไปแล้ว ไม่สงสารบ้างหรือไง” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ พยายามคุมอารมณ์ตัวเองด้วย ถึงพี่ชายผมมันจะอารมณ์ร้อนแต่มันก็เย็นเร็วเหมือนกัน ถ้าเอาเหตุผลเข้าว่า

(เออๆ ตามใจนายละกัน แต่ฉันขอคุยกับหลานนายหน่อยได้ไหม) สุดท้ายก็ยอมแต่ไม่วายจะขอคุยให้ได้ จะกีดกันก็ใช่ที่

“คุยกับคุณยะหน่อย” ผมยื่นโทรศัพท์ให้ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธ

“ผมไม่อยากคุย”

“คุยหน่อย คุณยะจะได้หมดห่วง ถ้าไม่คุยด้วย อาก็ไม่รู้นะว่าเขาจะโมโหแล้วตามมาเอาตัวเรากลับไปด้วยหรือเปล่า ถ้ามันเป็นอย่างนั้น อาก็ไม่รู้จะช่วยเราได้ยังไงนะ” ผมขู่ไปเล็กน้อย ซึ่งได้ผล พีรีบรับโทรศัพท์ไปจากมือผมทันที

“ครับคุณยะ...ครับ...ครับ...ครับ...ครับ...ครับ....ครับ...ครับ”

ผมไม่รู้ว่าระหว่างพ่อลูกคู่นี้เขาคุยอะไรกัน ได้ยินแค่คำว่า ‘ครับๆ’ ของหลานชายตัวเอง แต่เชื่อว่าพี่ชายผมคงใจเย็นลงบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้ยินเสียงตะคอกลอดออกมา

ผมเลิกสนใจเรื่องตรงหน้าไปก่อน ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่า ผมจะพาหลานชายไปนอนที่ไหนมันคงไม่ดีแน่ถ้าผมจะเอาหลานชายไปนอนที่บ้านพี่สาวคุณฟ้า ผมเองว่าเป็นคนนอกแล้ว หลานชายผมยิ่งเป็นคนนอกมากกว่าซะอีก เหลือทางเดียวคือต้องพาไปนอนที่คอนโดคุณฟ้าแทน

มันคงเป็นคืนที่ 27 จริงๆ ที่ผมไม่ได้นอนกอดคุณฟ้า...

>>>>>>> Happy Na Ka<<<<<<<<

วู้ๆๆๆๆๆๆๆ ปั่นตอนที่ 22 ออกมาได้แย้ววววววววววววววววววววววว
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตาม จะพยายามมาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้
คนเขียนทำงานแล้ว มีงานประจำที่มีเส้นตายบ่อยมากกกกกกก
เลยอาจทำให้แต่งเรื่องช้าไปบ้าง หายไปบ้าง ดองไปบ้าง
อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ
ปล.ที่พูดมานี่ไม่อะไรหรอกนะคะ คือว่า ไปอ่านเจอในห้องพูดคุย ทู้ # นักเขียนแบบไหนที่ทำให้คุณเลิกอ่านนิยาย เลยมาเทียบกับเรื่องของตัวเอง มันก็เข้าข่ายบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง T^T เลยพยายามจะปรับปรุงการเขียนและการโพสเรื่อง จะพยายามไม่ดองให้มากนักนะคะ แล้วถ้าจะหายไปนานๆ เป็นเดือนๆ ก็จะแจ้งไว้ล่วงหน้าด้วย( ^__^’ )

ปล.2 ตอนนี้ขอแก้ตัวก่อนด้วยนะคะว่า ไม่ได้ออกทะเลแต่อย่างใดนะคะ ตัวละครที่แทรกเข้ามาใหม่ ได้วางเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าต้องมี เพื่อจะให้เกิดเป็นตัวละครของอีกเรื่อง ในซีรีส์รัก... ในเรื่องต่อๆ ไป แต่ยังไม่แต่งตอนนี้นะคะ วางเอาไว้เฉยๆ ให้มันเกี่ยวเนื่องกันน่ะคะ ขอบอกว่า โปรเจคซีรีส์รัก... มันใหญ่มากกกกกกกกกก 555+ ใหญ่จนคนเขียนปวดหัว (ตรุไม่น่าคิดเล๊ย แต่ก็กลับลำความคิดของตัวเองไม่ทันแย้ววว)

ปล. 3 จบการเวิ่นเวิ่นยาวไปแระตอนนี้ แหะๆๆ คือมันดีใจที่เขียนตอน 22 จบซะที ปั่นมาตั้งแต่วันที่ 15 แล้วน้าาอิอิ

บับบายคร้า
aeaw//สีเหลืองอ่อน

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ตอนนี้ท่าทางคุณหมอจะมีอุปสรรคเยอะมาก ทั้งเรื่องแม่กับเนย และก็หลาน สู้เค้านะคุณหมอ

 :z3:

สงสารอิงอ่ะ  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2012 04:53:57 โดย PetitDragon »

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
คนแต่งมาลงเองทั้งที ต้อง กอดดดดดดดดดดดดดด แน่นๆ :กอด1: :กอด1:  อิอิ 

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
คนโพสเน็ตเน่ามากกกกก คนเขียนเลยเอามาลงเอง อิอิ
เพราะกลัวคนอ่านรอ ==' เพราะหายไปนานมาก แบบว่าเกรงใจมว๊ากกก

อ่านกันเลยเนอะ

คนแต่งมาลงเองทั้งที ต้อง กอดดดดดดดดดดดดดด แน่นๆ :กอด1: :กอด1:  อิอิ

atommic

  • บุคคลทั่วไป
อดได้กอดคุณฟ้าอีกตามเคยเนาะคุณหมอ อิอิ :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-02-2012 01:41:08 โดย atommic »

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
อ่านแล้วกลัวแทนคุณหมอจังเรื่องครอบครัวเนี่ย ถ้าฟ้ารู้เรื่องน้องเนยเมื่อไหร่ งานเข้าแน่เลยอ่ะคุณหมอออ

ปล. สงสารอิงจัง อยากรู้เรื่องอิงกับหนึ่งเหมือนกัน ว่าตกลงยังไงกันคู่นี้

ออฟไลน์ you13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
คุณหมอทำไมไม่รบบอกคุณแม่ละ

เด๋วจะมีงานเข้าอีก :L2: :L2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ลมน่ารัก คุณฟ้าก็น่ารัก
น่าอิจฉาติน กับ คุณหมอจริงๆ

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด