^
โพสอยู่ดีดี tot หลุดซะงั้น ขอโทษที่ทำให้ขาดช่วงนะค่ะ
ต่อกันค่ะเสียงโทรศัพท์มือถือของณัชชาดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อของเพื่อนเก่า คนที่เธอเพิ่งเจอเมื่อเช้านี้โดยบังเอิญที่หน้าคอนโดของเธอ เพราะเธอและอีกฝ่ายต่างก็อยู่คอนโดเดียวกัน
“จ๊ะแพท แพทอยู่ไหนแล้ว ใกล้ถึงหรือยัง ทำไมมาช้าจัง ” เพราะหลงคุยกับสีฟ้าเพลินไปหน่อย ทำให้ณัชชาลืมว่าตัวเองได้นัดเพื่อนอีกคนหนึ่งไว้ เมื่อน้ำเพชรโทรเข้ามาเจ้าตัวถึงเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้
‘แพท’
ชื่อที่ถูกเรียกขานแทนตัวตนคนที่อยู่ปลายสายของณัชชา ทำสีฟ้าสะดุ้ง จะใช่ ‘แพท’ คนเดียวกับคนที่เขาเผลอตัวทำร้ายไปหรือเปล่า หวังเหลือเกินว่าคงไม่ใช่ หวังทั้งๆ ที่สีฟ้าเองก็รู้ดีว่า ณัชชามีเพื่อนที่นี่น้อยมาก หรือจะพูดว่าแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ตามคำบอกเล่าของหญิงสาวเมื่อครู่ที่ผ่านมา
แล้ว...แล้ว คำถามที่ณัชชาถามออกไปนั่นอีก อย่าบอกนะว่าคนปลายสายกำลังจะมา ถ้าเป็นน้ำเพชรจริงๆ เขาจะทำยังไงดี ยังจะสู้หน้าได้อีกเหรอ? แล้วภาคีก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า
แม้ไม่ได้นั่งใกล้ณัชชาเหมือนใครอีกคนหนึ่ง แต่ภาคีก็ได้ยินชัดเจนว่าณัชชาเรียกชื่อคนปลายสายว่าอะไร ก็เสียงณัชชาเบาเสียที่ไหน ภาคีรับรู้ถึงความอึดอัดที่สีฟ้าแสดงออกมาให้เห็น เจ้าตัวกำลังมองเขาคล้ายๆ จะขอความช่วยเหลือ แต่แล้วเสียงที่ไม่เคยเบาเลยของณัชชาก็ทำให้คนที่ไม่รู้จะทำยังไงดีอย่างสีฟ้าคลายยิ้มออกมาได้
“อะไรนะ มาไม่ได้ ประชุมยังไม่เสร็จ อะไรกันแพท ทำไมประชุมกันนานจัง นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ ยังไม่เลิกประชุมอีก ก็ๆ ได้ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ เออนี่แพท ลมก็อยู่กับหวานนะ จะคุยด้วยไหม”
คำพูดของณัชชาทำให้สีฟ้าผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ก็เปลี่ยนมาบีบเค้นอารมณ์ของสีฟ้าอีกครั้งจนได้ และก็ช่วยตอกย้ำให้สีฟ้ารู้ได้เป็นอย่างดีว่าคนปลายสายคือน้ำเพชรที่เขารู้จักจริงๆ
“ลมคุยกับแพทนะ” ณัชชาหันมายื่นโทรศัพท์ให้สีฟ้า หลังจากที่เธอบอกคนปลายสายไปแล้วว่าสีฟ้าอยู่ที่นี่กับเธอ จำได้ว่าเมื่อครั้งที่เรียนอยู่ด้วยกัน สีฟ้ากับน้ำเพชรเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แถมยังสนิทสนมกันมาก เลยอยากให้สองคนคุยกัน
ณัชชาไม่ได้รู้เลยว่าระหว่างเพื่อนทั้งสอง อะไรๆ หลายอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สีฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดี จะปฏิเสธหรือก็กลัวณัชชาสงสัย หากจะรับก็กลัวเกินกว่าจะพูดกับน้ำเพชรได้ แม้ทางโทรศัพท์ก็ตามเถอะ แต่สุดท้ายแล้วสีฟ้าจำต้องรับโทรศัพท์ที่ณัชชายื่นมาให้อย่างจำยอม
“แพท.... ลมนะ”
เพียงแค่แนบมันที่ข้างหู แล้วกรอกเสียงแสนเบาลงไป สิ่งที่สีฟ้าได้รับกลับมาคือคำสั้นๆ ที่ทำให้ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา
“เพื่อนทรยศ”
เท่านี้จริงๆ ที่สีฟ้าได้จากคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก ก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป สีฟ้าคืนโทรศัพท์ให้กับณัชชา
“สายหลุดหรือลม?” ณัชชาสงสัยเมื่อรับโทรศัพท์คืนจากสีฟ้า ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ คนช่างชักยังอยากจะชักต่อ หากโทรศัพท์เครื่องเดิมในมือจะไม่ร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“สงสัยแพทจะโทรมา อ้าว? ไม่ใช่” คิ้วของหญิงสาวขมวดเข้าหากัน เมื่อชื่อที่ปรากฏบนหน้าเจอไม่ใช่คนที่เธอคิด แต่กลับเป็นแฟนหนุ่มที่ขอตัวไปห้องน้ำเมื่อหลายนาทีก่อน นึกสงสัยว่าทำไมต้องโทรมาหาเธอด้วย ถึงจะสงสัยยังไงณัชชาก็ยังกดรับสายและกรอกเสียงลงไป
“ว่าไงคะ...พี่อะ...” ชื่อที่กำลังจะถูกเรียกขานกลับถูกคนปลายสายห้ามไว้ก่อน
“อย่าเรียกชื่อพี่นะครับหวาน” ปลายสายบอกมาอย่างนี้
“ทำไมล่ะคะ” ย้อนถามอย่างนึกสงสัย แต่ก็ยอมทำตาม
“ฟังพี่นะครับหวาน คือว่าพี่อยากให้หวานช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ” จะให้ทำไงได้ล่ะ ฟังเสียงของคนรักแล้ว ดูมันจะมีอะไรที่สำคัญอยู่ไม่น้อย ถึงไม่ยอมให้เธอเรียกชื่อของเขาให้คนร่วมโต๊ะรู้ ณัชชาเลยรับคำ พร้อมทำตาม
“หวานออกมาพบพี่อิงนอกร้านหน่อยนะครับ พี่อิงมีเรื่องจะบอก แต่ห้ามบอกน้องลมกับตินนะครับ”
“ทำไมล่ะคะ ทำไมบอกไม่ได้” เจ้าตัวยกมือขึ้นป้องปาก พร้อมๆ กับลดเสียงให้เบาลงจนเป็นกระซิบ
“ออกมาก่อนเถอะนะครับ ออกมาแล้ว หวานอยากรู้อะไรพี่อิงตอบให้หมดทุกข้อเลย ”
“ก็ได้ๆ ค่ะ แต่สัญญาแล้วนะว่าจะตอบทุกคำถามของหวาน ห้ามงุบงิบเด็ดขาด ไม่งั้นหวานจะงอนไม่พูดด้วยเลย” เธอขู่ รู้สึกตื่นเต้น เหมือนกำลังเล่นเกมอะไรสักอย่าง หันกลับไปมองสีฟ้า ก็เห็นเพื่อนมองอย่างสงสัย
“ลมจ๊ะ ตินจ๋า หวานขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ คุยกันเองไปก่อนนะ”
แล้วณัชชาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทั้งที่ควรจะนึกออกตั้งนานแล้วก็ตาม โอ๊ย....นี่เธอลืมได้ยังไงกันเนี่ย ว่าภาคีกับสีฟ้ารู้จักกัน แต่แปลกที่สองคนกลับไม่พูดคุยกันเลย ไม่สิ ก็มีนะ เมื่อครู่นั้นไง ตอนที่ภาคีเดินชนพี่หมอ แต่นั่นมันก็เหมือนการทะเลาะมากกว่า ช่างเถอะคร้านจะคิดหาคำตอบ สู้ออกไปหาแฟนหนุ่มที่รออยู่นอกร้านดีกว่า เธออยากรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
...
“หา ! จริงเหรอคะ?”
หญิงสาวถามเสียงดัง หลังจากที่เรื่องราวต่างๆ ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของคนรัก ผสมกับคำบอกเล่าอย่างออกรสออกชาติของคณิต
สองหนุ่มพยักหน้ารับ
“จริงครับหวาน”
“จริงยิ่งกว่าจริงอีกครับคุณหวาน” คณิตช่วยเสริม เพื่อให้คนถามเชื่อ
“โอย...หวานไม่อยากเชื่อ ลมกับตินนี่นะรักกัน แต่...แต่ว่าหวานไม่เห็นว่าสองคนจะรักกันตรงไหนเลย” เธอพูดตามที่เห็น
“รักนะแต่ไม่แสดงออกไงครับคุณหวาน” คณิตบอก
“แล้วพี่หมอล่ะพี่อิง พี่หมอรู้เรื่องนี้หรือยัง” หันไปถามคนรักหนุ่ม อดเป็นห่วงหมอพิษณุอยู่ไม่น้อย เห็นสายตาหมอพิษณุที่มองสีฟ้าแล้ว ถ้าเป็นเธอนะคงได้ละลายไปตรงนั้นไปแล้ว
“ยังครับหวาน พี่จะหาทางบอกเจ้าหมอมันวันหลัง ว่าแต่ตอนนี้หวานช่วยให้ความร่วมมือกับพวกเราหน่อยนะครับ”
“ช่วยอะไร?” เธอสงสัย
“ก็ช่วยให้พี่ยืมรถของหวานไปส่งคณิตเอารถที่บริษัทก่อน แล้วก็ให้พี่อิงยืมรถหวานไปส่งหวานที่คอนโดไงครับ นะครับๆ” อชิตะอ้อนแฟนสาว โดยมีคณิตเป็นลูกคู่
“ใช่ครับๆ เราปล่อยให้สองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันไงครับ ปรับความเข้าใจกัน แล้วก็แฮปปี้กันไป”
“จะดีเหรอพี่อิง คุณหนึ่ง ลมกับตินอาจไม่ได้รักกันแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านมาถึงสามเดือนหรอกนะ หวานว่าเรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ ไปถามให้รู้เรื่องดีกว่า ว่ายังรักกันอยู่ไหม ทำแบบนี้ หวานว่ามันไม่เวิร์คเท่าไหร่นะ”
ณัชชายังไม่เห็นดีไปด้วยกับทั้งสองหนุ่ม จะให้ปุบปับเห็นดีเห็นงามไปด้วยก็ไม่ใช่ณัชชาน่ะสิ อย่างน้อยๆ เธอก็ควรจะถามเอาความจริงกับคู่กรณีทั้งสองเสียก่อน
“ โธ่...หวานครับ เข้าใจหน่อยสิครับ สองคนนั้นน่ะปากแข็งทั้งคู่ เข้าไปถามตอนนี้จะได้คำตอบอะไรล่ะครับ” อชิตะรีบห้าม ดึงตัวแฟนสาวเอาไว้
“นั่นสิครับ คุณหวานเป็นเพื่อนไอ้ตินกับคุณลมมาก่อน น่าจะรู้นะครับว่าปากแข็งซะยิ่งกว่าอะไร เข้าไปถามหรือ คงได้คำตอบว่าไม่ ไม่ๆๆๆ ไม่คำเดียวเท่านั้นแหละครับ”
“ก็หวานไม่ได้สนิทสนมกับสองคนนั่นนี่นา กับตินหวานก็แค่รู้จัก ส่วนลม ถึงจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่หวานก็ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มเดียวกับลม หวานจะไปรู้ได้ยังไงว่าสองคนนั่นปากแข็งแค่ไหน หวานผิดใช่ไหมล่ะที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” คำพูดติดจะน้อยใจนิดๆ ที่โดนสองหนุ่มรุมกล่าวหา ร้อนถึงอชิตะที่ต้องรีบเข้ามากอดและปลอบ ไม่อยากให้แฟนสาวงอน
“โอ๋ๆ พี่อิงไม่ได้ว่าหวานนะครับ พี่แค่บอกว่าเราควรเปิดโอกาสให้สองคนได้เคลียร์กัน โดยไม่มีพวกเราทั้งสามไปบังคับต่างหากล่ะครับ อย่างอนนะครับคนดี”
“ผมก็ไม่หมายความอย่างนั้นนะครับ คุณหวาน ผมแค่อยากให้สองคนปรับความเข้าใจกัน ส่วนเรื่องรักหรือไม่รัก ผมว่าคนทั้งสองรู้ดีครับ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราเข้าไปเค้นเอาความจริงอะไรหรอกครับ”
“แต่....”
“นะครับหวาน รักหรือไม่รัก พรุ่งนี้ก็รู้ครับ” เพราะเห็นคนรักเริ่มจะอ่อนลงบ้างแล้ว อชิตะก็เลยรีบดึงให้เห็นดีเห็นงามด้วยกับแผนที่คณิตวางไว้
“ก็ได้ค่ะ เอ้า....เอาไปเลย ส่งหวานให้ถึงคอนโดด้วย ห้ามพาออกนอกเส้นทางเด็ดขาด หวานง่วงแล้ว”
สุดท้ายณัชชาก็จำต้องยืนกุญแจรถของเธอให้กับแฟนหนุ่ม ก่อนเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก สองหนุ่มถอนหายใจยาวแทบจะพร้อมกัน เมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะมีปัญหากลับทำตัวมีปัญหาซะได้
“เร็วๆ สิพี่อิง หรืออยากจะให้หวานกลับเข้าไปในร้านอีก” ปลายเสียงที่ตะโกนบอกมาออกจะติดประชดเล็กน้อย
“ครับๆ ไปแล้วครับ”
.........................................................................................
หลังจากที่ณัชชาเดินไปห้องน้ำในความคิดของสีฟ้า หากแต่ในสิ่งที่ภาคีเห็นคือณัชชาสาวเท้าออกไปทางประตูทางออก ด้วยอาการที่แทบจะวิ่งเลยทีเดียว ทั้งโต๊ะจึงตกอยู่ในความเงียบ
สีฟ้าไม่พูด ส่วนภาคีก็เงียบ
“หล่อดีน่ะครับ ไอ้หมอสัตว์นั่น”
ภาคีเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำลายความเงียบที่เขามีส่วนสร้างขึ้น ในวินาทีที่เขาเริ่มจะทนกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนในสายตาของสีฟ้าได้อีกต่อไป
ได้ผล สีฟ้าที่เอาแต่มองดินฟ้าอากาศไปทั่ว หากแต่มีจุดเดียวที่เขาไม่มองคือคนตรงหน้า ชายหนุ่มหันกลับมามองคนพูดทันทีทันใด ตาคู่เรียวจ้องเขม็ง
“ นายพูดอะไรของนาย”
“ฟังไม่ชัดหรือครับ งั้นก็คงต้องอย่างนี้สินะถึงจะฟังชัด แล้วเข้าใจอะไรมากขึ้น”
ไม่รู้ความกล้ามันมาจากไหน ไม่อยากจะหาสาเหตุให้เสียเวลา เพราะตอนนี้ภาคีพาตัวเองไปนั่งแนบชิดติดกับคนร่างบางหน้าหวาน ชนิดที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวใดๆ
จบตอน