น้ำฟ้าสาวเท้าไปตามทางเดินในโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ เพราะเลยเวลานัดเดิมมาเกือบชั่วโมงแล้ว เหตุก็เพราะคุยงานที่สุดท้ายก่อนมาที่โรงพยาบาลนานไปหน่อย... ไม่รู้ป่านนี้หนูน้อยไวโอลินของเขาจะร้องไห้งอแงกวนใครเขาเข้ารึเปล่า?...
"เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณหมอณัฐกานต์อยู่..." น้ำฟ้าหยุดถามพยาบาลสาวนางหนึ่งที่เดินสวนกับเขามา... อันที่จริงจะโทรไปหาก็ได้อยู่หรอกแต่กลัวจะไปรบกวนการทำงานน่ะสิ...
"อ๋อ...นี่คงจะเป็นคุณน้ำฟ้า เพื่อนคุณหมอกานต์ใช่มั้ยคะ..." นางพยาบาลสาวเอ่ยถามกลับ ยิ้มหวานให้ ...แหมคุณหมอกานต์ บอกว่าเพื่อนตัวเองหน้าตาซื่อๆ ท่าทางเรียบร้อย ใส่ชุดเหมือนผู้หญิง... แต่ลืมบอกไปอย่างหนึ่งรึเปล่า? ว่าจริงๆแล้วเพื่อนคุณหมอกานต์เนี่ย หน้าตาน่ารักในสไตล์แบบที่สาวๆชอบเลย... แต่น่าเสียดายจัง...ที่ดันมีลูกซะแล้ว เอ๊ะแต่ว่า...ตอนนี้ตำแหน่งคุณแม่ของน้องหนูลินยังว่างอยู่นี่นา... เราก็น่าจะมีสิทธิ์ ฮิฮิ...
"เอ่อ...ครับ" เด็กหนุ่มตอบ แม้จะยังงงๆอยู่ว่าคุณพยาบาลคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นใคร
"...คุณหมอกานต์อยู่ที่ห้องเด็กอ่อนค่ะ คุณน้ำฟ้าไปถูกมั้ยคะ... ถ้ายังไงให้นุ่นนำไปดีหรือเปล่า?"
"อ๋อ...ไม่เป็นไรครับ...ผมไปถูก...ขอบคุณมากนะครับ" น้ำฟ้ายิ้มให้พร้อมกับก้มหัวให้หญิงสาวนิดๆเพื่อเป็นภาษากายบ่งบอกว่าขอบคุณก่อนจะออกเดินไปหาเพื่อนตามจุดหมายที่ทราบ นดามองตามเพื่อนคุณหมอกานต์ไปอย่างเคลิ้มๆ โอ๊ย ทำไมคุณฟ้าถึงยิ้มได้หวานขนาดนี้นะ แถมท่าทางยังเป็นคุณพ่อบ้านที่แสนดีอีก โอ๊ย...อิจฉาแม่น้องหนูลินจริงๆ...
ส่วนน้ำฟ้าก็ออกเดินมาเรื่อย เขาพอจะจำทางไปห้องเด็กอ่อนซึ่งเมื่อตอนเที่ยงเขามากับณัฐกานต์ได้อยู่ ...เอ พอเลี้ยวมุมนี้ก็จะเจอแล้วนี่ อ๊ะ นั่นไง... น้ำฟ้ามองผ่านกระจกใสที่กั้นห้องเด็กอ่อนไว้ ข้างในเขาก็พบเพื่อนของเขากำลังอุ้มเด็กหน้าตาน่ารักคนนึงอยู่ ส่วนน้องหนูลินที่อยู่ในอ้อมแขนของพยาบาลนางหนึ่งก็กำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจที่คุณพยาบาลสาวสองสามคนแกล้งแหย่เล่น ที่หน้ากระจกนอกจากเด็กหนุ่มแล้วก็มีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่สองสามคู่ยืนมองลูกของตนเองที่อยู่ในกระบะเด็กอ่อนด้วยสายตาที่มีความสุขอย่างที่สุด...
...นั่นสินะ การที่เราได้มีลูกกับคนที่รัก มันก็คงจะมีความสุขมาก และเด็กคนนั้นก็คงจะมีความสุข ที่ได้รับความรักจากคนที่เป็นพ่อและเป็นแม่อย่างเต็มที่ แล้วตอนนี้ เขาทำหน้าที่พ่อและแม่ให้กับหนูลินได้ดีพอรึเปล่านะ...
"...ฟ้า ! เหม่ออะไร ยืนนิ่งเชียว..." เสียงทักของเพื่อนสนิทที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ทำเอาน้ำฟ้าสะดุ้งได้มากโขอยู่
"ตกใจหมดเลย...เรียกเบาๆก็ได้ เกรงใจเขา..."
"เฮ้อ ! นายนี่...พูดเป็นแต่คำว่าเกรงใจรึไงเนี่ยชีวิตนี้... ว่าแต่ ทำไมมาช้าจัง...แถมยังไม่โทรมาบอกก่อนล่วงหน้าอีกว่าจะมาตอนไหน จะได้ไปคอยที่หน้าโรงพยาบาล..." คุณหมอกานต์ถาม พลางยกมือมาเกาะกระจกทำท่าจะจับมือกับเด็กทารกคนนึงในกระบะที่อยู่ใกล้ๆซึ่งดูท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอน...
"จริงสิ ! กานต์...เราขอโทษที พอดีสัมภาษณ์งานที่สุดท้ายนานไปหน่อย แล้วที่ไม่ได้โทรมาบอกก็เพราะกลัวรบกวน เอ๊ย...มากวนเวลางานของนายน่ะสิ..." เด็กหนุ่มตอบรัวเร็วพร้อมทำหน้าตาสำนึกผิดเต็มที่... นี่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างนึงของเพื่อนเขาคนนี้ ถ้ากับคนรู้จักหรือคนที่สนิทด้วย น้ำฟ้าจะแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน ไม่ปิดบัง... แต่เวลาที่ต้องอดทนก็ทนซะจนน่ากลัว จนบางทีเกือบถึงขั้นหมดลมหายใจก็ยังเคยเลย...
"ก็ไม่ได้จะว่าเสียหน่อย...อะไรเนี่ยทำหน้าเป็นลูกแมวเหมียวโดนทิ้งเชียว... แหม...เพื่อนผมเนี่ย อย่าไปทำหน้าตาแบบนี้ใส่คนอื่นล่ะ...เขาจะหาว่า..." แล้วคุณหมอกานต์ก็ขยับหน้าไปใกล้ๆและลดเสียงลง "...ให้ท่าเขา รู้รึเปล่า..."
"เฮ้ย ! จะบ้าเหรอ...อุ๊บ..." เพราะเผลออุทานเสียงดังไปหน่อย เด็กหนุ่มใสซื่อจึงรีบเอามือมาตะครุบปากตัวเองไว้... เจ้าเพื่อนบ้า...พูดอะไรเนี่ย หน้าตาอย่างเขาเนี่ยนะจะไปยั่วใครเขาได้...
"ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า แล้วนี่ สรุปแล้วได้งานอะไรบ้างล่ะ..." คุณหมอถาม เท้าก็พาเดินกลับเข้าไปในห้องเด็กอ่อนเพื่อเก็บของเตรียมกลับ
"ก็มีงานแปลหนังสือนั่นแหละ... ของสำนักพิมพ์อัลฟาเบธโพสต์ตอนเช้าที่นายรู้แล้ว...แล้วก็มีของคุณธาดา...สำนักพิมพ์ที่เราแวะไปสัมภาษณ์ก่อนมานี่ไง..." น้ำฟ้าเอ่ยตอบ น้ำเสียงเล่าเหมือนเล่าเรื่องปกติแต่ชื่อที่เพิ่งหลุดปากเพื่อนรักออกมาทำเอาคุณหมอหนุ่มตาโต...
"...เดี๋ยวนะฟ้า คุณธาดา... ใช่เจ้าของสำนักพิมพ์ภัคอักษรรึเปล่า" คุณหมอถามน้ำเสียงตื่นเต้นจนน้ำฟ้าเริ่มงง
"ก็ใช่ นายรู้ได้ไงน่ะ?"
"โหยฟ้า !!! เจ๋งไปเลย... แล้วนี่นายได้เข้าไปคุยกับเขาโดยตรงเลยเหรอ... โห...นี่เรามีเพื่อนเป็นนักเขียนในสำนักพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทยเลยหรือเนี่ย...ว้าวตื่นเต้น..."
"จะตื่นเต้นโอเวอร์ไปหรือเปล่าหมอกานต์... เขาก็แค่บอกว่าเขารู้จักกับพี่น้ำฝน เพราะพี่ฝนเคยไปเป็นพยาบาลพิเศษดูแลพ่อเขามาก่อน พอเห็นว่าฉันนามสกุลเดียวกับพี่ฝนก็เลย... ให้ฉันเข้าทำงานละมั้ง... นี่ฉันได้งานเพราะพี่ฝนเลยนะเนี่ย..."
"อื้มมม...เหรอออ... งั้นวันนี้นายเลี้ยงข้าวเย็นเลย... โทษฐานได้งานดี เงินก็ดีเกินหน้าเกินตาเพื่อน... นายรู้รึเปล่า ว่าสำนักพิมพ์นี้นะติดอันดับต้นๆของเมืองไทยเลย... แถมคุณธาดายังเพิ่งได้รางวัลผู้บริหารหนุ่มยอดเยี่ยมปีที่แล้วด้วย... สาวๆในวงสังคมงี้จ้องกันตาเป็นมัน แถมยังของอัลฟาเบธอีก...โหตาย เก่งชะมัดเพื่อนฉัน เก่งจนอิจฉา...เพราะฉะนั้นเอาล่ะคุณน้ำฟ้า เย็นนี้ขอพแนงหมูนะ อยากกินมากกก..." เมื่อได้ฟังเพื่อนพูดตอบน้ำฟ้าก็ทำหน้าประมาณว่า ...ขนาดนั้นเชียว?...
"คุณหมอกานต์ครับ ผมเพิ่งได้งานนะ ไม่ใช่เพิ่งได้เงินเดือน ยังไม่ได้ลองทำงานเลยจะให้เลี้ยงแล้วเหรอ..."
"อ้าว...ก็งั้นสิครับ..." คุณหมอณัฐกานต์ตอบยิ้มแต้
"ก็ได้ๆ... งั้น... ฉันเลี้ยงนายที่บ้านฉันละกัน เดี๋ยวเย็นนี้ทำพแนงหมูให้กิน ออกหวานหน่อยใช่มั้ยล่ะของนายน่ะ..."
"จำได้ด้วย...โอ้เพื่อนเลิฟ...ฉันรักนายจัง..." ว่าแล้วคุณหมอณัฐกานต์ซึ่งส่วนสูงออกจะต่ำกว่าน้ำฟ้าอยู่เล็กน้อยก็โอบไหล่เพื่อนแล้วจุ๊บเบาๆที่แก้ม... ในสายตาคนอื่นมองแล้วมันช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกแมวสองตัวกำลังเล่นกันมากกว่าจะมองไปในทางชู้สาว... นางพยาบาลที่เห็นภาพนั้นต่างก็อมยิ้มไปตามๆกันจนคุณเมตตา หัวหน้านางพยาบาลตึกเด็กต้องรีบอุ้มหนูลินเข้ามาห้ามภาพความน่ารักของสองหนุ่มที่มันเริ่มจะทำให้นางพยาบาลแถวนั้นเสียสมาธิในการทำงานไปโข...
"อะแฮ่ม...คุณหมอกานต์ คุณน้ำฟ้า...ดิฉันก็อยากไปทานด้วยจังเลย..." คุณพยาบาลพูดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนกอดหนูลินให้แน่นขึ้น...
"คุณเมตตา สวัสดีครับ..." น้ำฟ้ายิ้มให้คุณเมตตาอย่างดีใจพร้อมยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม จำได้ว่าคุณเมตตาเคยไปที่ร้านของเขาพร้อมหมอกานต์ครั้งหนึ่ง เมื่อตอนที่คุณหมอณัฐกานต์พาคุณเมตตามาร่วมงานศพพี่สาวของเขา ในฐานะตัวแทนหัวหน้างานพยาบาลครั้งพี่สาวของเขามาทำงานอยู่ที่เมืองไทย... หญิงสาววัยเลยสี่สิบมาเล็กน้อยแต่ยังกระฉับกระเฉงอยู่น้อมหัวรับไหว้เพื่อนคุณหมอที่เธอเอ็นดูเหมือนหลานอย่างยินดี
"...หนูลินค่ะคุณน้ำฟ้า..." นางพยาบาลเอ่ยพร้อมกับเปลี่ยนแขนให้ผู้ปกครองตัวจริงของหนูลินมารับเจ้าตัวเล็กคืนไป... "...วันนี้หนูลินอารมณ์ดีทั้งวันเลย... ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะคะ... เอ...พี่เห็นหนูลินครั้งสุดท้ายตอนอายุยังไม่ครบเดือนเลยนี่นะคะ..." คุณเมตตายิ้มเอ็นดู พอเห็นน้ำฟ้าก้มลงหอมแก้มหนูลินด้วยความรักขนาดนั้นหล่อนก็อดสะท้อนใจไม่ได้ น่าสงสารหนูน้ำฟ้าจริงๆ อายุก็ไม่เท่าไหร่เอง แต่กลับต้องมีภาระหน้าที่รับผิดชอบมากมาย หล่อนนึกเห็นใจเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงที่ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองแล้วก็ต้องหาเงินเลี้ยงหลานที่นึกไปก็เปรียบเป็นญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวนี่อีกคน เฮ้อ ! อยากให้หนูฟ้าได้มีคนมาคอยห่วงใยช่วยเหลือเร็วๆจัง...
"แล้วคุณพี่เมตตาจะไปทานข้าวกับพวกผมมั้ยครับ... รับรองว่าอาหารฝีมือไอฟ้าเนี่ย อร่อยอย่าบอกใคร..." คุณหมอณัฐกานต์ชวนด้วยความจริงใจพร้อมยิ้มตาหยี...
"พี่รู้ค่ะว่าอร่อย...แหมถ้าไม่อร่อยพวกฝรั่งที่นั่นเขาจะติดใจรสมือจนมาอุดหนุนร้านคุณน้ำฟ้าแน่นเอี้ยดขนาดนั้นเหรอ... อืม...ว่าแต่คุณน้ำฟ้าไม่ลองหาแม่บ้านมาช่วยซักคนละคะ จะได้ช่วยดูแลน้องหนูลินด้วย..." เธอเอ่ยหวังดี แต่คนถูกถามกลับก้มลงมองหน้าเด็กน้อยที่ยื่นมือยืดหดตามประสาเล่นกับผมของเขาแน่วแน่...
"...ผมอยากดูแลหนูลินให้เต็มที่น่ะครับ คงไม่มีเวลาไปมองใครเขาหรอก แล้วอีกอย่าง หน้าตาอย่างผมนี่ใครเขาจะอยากมาอยู่ด้วยละครับ..." น้ำฟ้าเอ่ยยิ้มอ่อนโยนให้หนูน้อยในอ้อมแขนแล้วถามเบาๆ "...ใช่มั้ยลูก..." หนูน้อยไวโอลินก็เหมือนจะรู้เรื่องเลยส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนขานรับออกมา ทำเอาทั้งคุณหมอทั้งคุณพยาบาลที่อยู่แถวนั้นหัวเราะเบาๆกับกริยาที่ประจวบเหมาะน่ารักของหนูน้อยผิวบางคนนี้ทันที...
-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue-->>
เรื่องนี้พอดีเค้าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องบ่วงรักกามเทพช่องห้าอ่ะทุกคน
ประมาณว่าชอบเด็ก พระเอกโหด แต่สุดท้ายก็...
ส่วนนายเอกเป็นไรไม่รู้อ่ะ...เค้าชอบแกล้งมาก
เหอๆ
บ่วงรักฯนี่ดูกี่ทีๆก็พยามนึกให้นางเอกเป็นผู้ชายตลอด ห้าห้า (ชักจะโรคจิตไงไม่รู้
)
ยังไงก็ขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนนะจ๊ะ ^^ เจอกันใหม่ตอนหน้า ถ้าไม่มีเหตุผิดพลาดน่าจะได้ลงช่วงเย็นๆไม่ก็ดึกๆนี่แหละ ห้าห้าห้า
ปล. รักคนอ่านเหมือนเดิม...ที่เพิ่มเติมคือความห่วงใยจ้าา...