Part 94
โดนด้วยเหรอ....
.
.
.
.
“
เอ้กกกๆๆ..อี้..เอ้กกกกๆๆ!..เอ้ก!!..” เสียงไก่ป่าปลุกกูตื่น ขานรับ
กันเป็นทอดๆ ฟังแล้วไพเราะยังกะเสียงดนตรีพนาไพร กูงัวเงียตื่นขึ้นมา เหลียวมองไอ้พี่พรต
หลับสบายอุราซะจริงมึง..เสือกบอกกลัวเสือหลับขนาดนี้เสือคาบไปแดกคงไม่รู้สึกตัวหรอก..
ก็น่าเห็นใจมันอยู่หรอกเนอะ..เมื่อวานก็เดินป่าจนเหนื่อยพอกินอิ่มนอนอุ่นท่ามกลางกองไฟ
ซึ่งตอนนี้เหลือแต่ถ่านแดงๆ ควันกรุ่นจางๆ มันก็คงเพลียจัดเลยหลับลึกซะขนาดนี้ กูเองคงต้องจัดการ
เตรียมพร้อมเพื่อเดินทางต่อแล้ว คิดได้ดังนั้นรีบลุกไปแอ่งน้ำตกล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
ก่อนจะกลับเข้ามาเขี่ยฟืนให้เข้าไปสุมไฟ ใช้ใบตองกระพือพัดให้ไฟลุกติดพรึ่บขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ดึงกล้วยออกจากเครือโยนเข้ากองขี้เถ้าสิบกว่าลูก แค่นี้ก็จะได้กล้วยเผาอันโอชา
ว่าจะลงน้ำจับปลาซะหน่อย รอให้สว่างกว่านี้อีกนิดดีกว่า ที่สำคัญน้ำตอนนี้เย็นจัด
ถึงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากกูเดินลมปราณพลังวรเวทย์อัคนี ขับไล่ความเย็นก็ยังพอสู้ได้อยู่
แต่ไปทำเรื่องอื่นก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็ไม่รอช้าเดินเข้าป่าใกล้น้ำตกนั่นแหละ สำรวมสมาธิปรับท่าเดิน
ด้วยท่าเท้าลานนาคาดเชือก ให้เบากริบสดับฟังเสียงไก่ป่านิ่งๆ อืมเจอแล้วสามตัวเยี่ยงไปขวา
40 องศา บนกิ่งไม้เกาะอยู่หนึ่ง ในก่อไผ่อีกสองตัว จัดการเลยดีกว่า
ไก่ป่า...เป็นสัตว์ปีกที่มีความเร็วมาก และสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดก็ดีด้วย
แต่มีข้อบกพร่องคือไก่จะตาฟาง นั่นแหละคือที่มาข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ไก่ไหวตัวช้า
อาศัยดมกลิ่นกับฟังเสียงเอา ถึงได้เสร็จพวกงูประจำ เพราะงูจะเข้าไปใกล้ไก่ได้เงียบกว่าสัตว์ชนิดอื่น
เพราะฉะนั้นงูจึงเป็นคู่ปรับของไก่แบบไม่ต้องสงสัย กว่าไก่จะรู้สึกตัวก็โดนงูรัดจนกระดูกแหลกแล้วค่อย
เขมือบเข้าไปทั้งตัวทีหลัง สำหรับสัตว์ชนิดอื่นน้อยนักที่ไก่ป่าจะเสียเปรียบ เว้นเสียแต่มนุษย์ที่
ส่องด้วยปืนในระยะไกลหรือไม่ก็พวกหน้าไม้ของพรานชมัง ฉะนั้นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์ทุกชนิด
คือมนุษย์นี่แหละตัวฉกาจ ล่อเอาสัตว์แทบสูญพันธุ์กันเลยทีเดียว
กูเองก็กำลังเป็นมนุษย์ที่จะล่อไก่ป่าสักสองตัว แต่กูไม่มีปืนหรือหน้าไม้ที่จะ
ส่องไก่ป่าในระยะไกล วิธีที่จะจัดการกับพวกมันได้ก็เนี่ยะแหละ เดินลมปราณย่องเท้าลานนา
คาดเชือกเข้าหาทิศที่ใต้ลมเบาๆ ห้ามอยู่เหนือลมเป็นอันขาดเพราะไก่จะได้กลิ่นสาปมนุษย์จนรู้ตัวเสียก่อน
ท่าเท้าต้องเงียบเชียบที่สุด ได้ระยะก็ง่ายๆเถาวัลย์ที่ผูกเป็นบ่วงบาศเวลาคล้องช้างเคยเห็นกันใช่ไหม
วิชาลูกเสือก็คงเคยเรียนการผูกเชือกกันอยู่เนอะ เนตรนารีหรือยุวะก็มีสอนนิ ผูกให้เป็นบ่วงในขนาด
ความกว้างพอประมาณจุดมุ่งหมายไม่ได้กะคล้องคอไก่ กูไม่สามารถพอหรอก ขนาดงานวัดโยนห่วงลง
คอขวดกูยังทำไม่ได้ แต่ห่วงเถาวัลย์บ่วงบาศของไอ้ตะเกียงกว้างพอที่จะโยนครอบไก่ทั้งตัว
จังหวะจะเอามันให้อยู่หมัด ก็ตอนกระตุกเชือกและพลังที่สะบัดอย่างแรงและเร็วตะหาก
ที่ทำให้กูจับไก่ป่าได้ หึหึหึ!!!
ได้จังหวะแล้วในระยะพอประมาณ...กูเหวี่ยงเถาวัลย์ลงไปที่ตัวไก่ทันที
มันตกใจตีปีกในขณะที่บ่วงบาศกูกระทบลงพื้นนั่นแหละ สะบัดข้อแขนตะหวัดให้แรงและเร็วด้วยพลังที่
เดินลมปราณไว้ก่อนแล้ว ได้ผลไก่ไม่ได้ติดบ่วงบาศ แต่ไก่นอนชักกระแด่วกระแด่ว
เพราะมันพิการไม่ปีกหักก็ขาหัก ดูเหมือนทรมานสัตว์ไงไม่รู้ แต่เพื่อปากท้องและเพื่อนพ้อง
ที่ร่วมชะตากรรมอยู่ตอนนี้ เว้นนรกกินกบาลวางลงไว้ก่อน กลับไปแล้วลูกช้างจะทำบุญอุทิศ
ส่วนกุศลไปให้ ตอนนี้ถือว่ากูเป็นเจ้ากรรมนายเวรของมันหละกัน รีบพุ่งเข้าไปหามันก่อนที่มันจะ
กระแด่วหนีไปได้ซะก่อน จี้สกัดจุดตายดับชีวิตไม่ให้มันทรมานอีก ได้แล้วหนึ่งตัวสมใจหมาย
เพราะกูเก่ง...ฮ่าๆๆๆๆ...
กะเอาสองตัวแต่คงไม่ได้เรื่องแล้ว พอไอ้ตัวแรกร้องแหกปากลั่น ที่เหลือแตก
กระเจิงหนีหายไปกันหมด ไม่อยากเสียเวลาตามอีก ตัวเดียวก็ตัวเดียวอย่างน้อยลดการฆ่าสัตว์
ตัดชีวิตลงไปหนึ่งตัวก็ยังดี
หิ้วปีกไก่ที่คอพับดับอนาถเดินกลับไปที่พัก ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง
รับเช้าวันใหม่แล้ว พอกูเดินมาถึงไอ้พี่พรตนั่งขัดสมาธิหน้าบูดเป็นตูดลิงซะงั้น พอเห็นกูเดินเข้าไป
ยิ้มร่าขึ้นมาทันที ก่อนจะร้องทักกูว่า
“
โหย!..ตะเกียงพี่ตกใจหมด ตื่นมาไม่เจอนึกว่าเสือคาบไปแดกซะแล้ว..
กำลังคิดอยู่ว่าจะทำไงดีเลยเนี่ยะ ทำไมออกไปไม่ปลุกพี่ด้วย.” ฟังปากมันดิ ดันแช่งกูอีก...
“ผมเห็นพี่หลับสบายเลยไม่อยากปลุก ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ออกไป
หาเสบียงหนะ” บอกมันไปพร้อมกับชูไก่ในมือให้มันดู จ้องกูซะตาโตแบบทึ่งสุดๆ เด็กกรุงก็เงี่ยะ
เห็นอะไรที่คนทั่วไปไม่ค่อยทำกันก็มักทึ่งเป็นปกติ หากคิดจะเรียนรู้และฝึกปรือซะหน่อย
ขี้คร้านตัวเองก็ทำกันได้
“
ว้าว...ว้าว!..จับมาได้ยังไงเนี่ยะ..อย่าบอกใช้มือเปล่าจับมานะ
นกอะไรตัวเบ่อเหริ่ม มันคงยอมให้จับง่ายๆหรอกจริงไหม?..เฉลยมาซะดีดีว่าไปจับนกตัวนี้มาอิท่าไหน?”
เอ่อหะ!...นกบ้านมึงนะสิ ไอ้พี่เหยี่ยวรั่วเอ้ยยย...มันไปดูยังไงถึงได้บอกว่านก หรือเพราะเห็นกูหิ้วปีก
อาจเป็นไปได้อีกอย่างไก่ป่าก็ตัวใช่ใหญ่มากมายอะไรนัก ประมาณไก่แจ้นั่นแหละมิน่ามันถึงบอกว่านก
งงกับมึงจริงเชื่อได้ไหมนี่ว่ามึงเป็นเหยี่ยว ไหนที่รู้มาว่าเหยี่ยวชอบกินไก่ แต่มึงนี่เหยี่ยวบ้านไหนว่ะ
เห็นไก่เป็นนก...เวร...
“ใช่นกที่ไหนเล่า..ไก่ป่าหนะรู้จักป่าว?...ตะเกียงไปแย่งมาจากปากงูเลยนะเนี่ยะ
เห็นงูกำลังจะแดกมันอยู่ร่อมร่อ เลยตัดสินใจเอาไม้ตีกบาลงูแย่งไก่มาซะเลยดีไหมหละ?” กูตอบมันไป
ให้หายสงสัย รู้มันอยู่ขืนอธิบายมากคงถามจนละเอียดไม่มีหยุด พูดเสร็จกูจัดการนำไก่โยนเข้ากองไฟ
ให้ไฟเผาขนกันก่อนแล้วค่อยแช่น้ำจะได้เลาะเอาขนมันออกได้ง่าย ออกจนเกลี้ยงแล้วค่อยเสียบกิ่งไม้
ย่างไฟอ่อนๆ แค่นี้ก็จะได้ลิ้มรสเนื้อไก่ป่าสดๆซิงๆแล้ว แต่ไอ้พี่พรตมันก็ไม่ยอมหยุดถาม....
“
หา!..แย่งมาจากงูเหรอ...แล้วไมไม่เอางูมาด้วยเลยหละ
ปล่อยมันไปทำไม...พี่เคยได้ยินมาว่างูเป็นอาหารป่าเนื้ออร่อยด้วย น่าจะเอามาลองชิมดูนะ”
เอ่อ...นรกแล้วมึง...กูเชื่อแล้วว่ามึงรั่วจริงไรจริง นึกบ้าไรขึ้นมาเนี่ยะเสือกอยากกินเนื้องู
มีไก่ป่าให้กินดีดีดันเสือกจะกินงู..กรรมจริงกู...
“พี่พรตอยากกินงูเหรอ? ตกลงไก่ป่าตัวเนี่ยะไม่กินใช่ไหม? ดีผมจะได้กินคนเดียว
แต่งูหนะผมไม่ได้ตีมันตายหรอกนะ แค่ขู่ไล่มันให้ตกใจหนีไปเท่านั้น ไม่ได้กะฆ่ามันซะกะหน่อย”
กูก็แถเล่าเรื่องตอแหล เล่นไปกะมันอีกรอบ นึกว่าจะหมดข้อสงสัย ที่ไหนได้เสือกเปิดกระทู้
อยากแดกงูขึ้นมาซะงั้น
“ไม่ใช่สักหน่อย พี่ก็แค่ฟังๆเค้าเล่ามา นึกว่าพอมีโอกาสลองดูหน่อย
ก็ไม่เสียหายไรนี่จริงไหม? กลับไปจะได้ยืดอกได้ว่าเราเดินป่าแดกงูก็เคยมาแล้ว แมนออก
ตะเกียงไม่รู้เหรอ?” ฟังมันพูดดิ ตรรกะไหนของมึงเนี่ยะแดกงูแล้วแมน
“
อืม..ไม่อ่ะ..จำเป็นด้วยเหรอพี่แดกงูแล้วแมนหนะ พี่ฟังมาผิดหรือเปล่า
งูหนะออกจะธรรมดาไม่เห็นมันจะยืดได้สักกะหน่อย โดนใครเค้าหลอกมาหรือเปล่า ตะเกียงว่าไม่ต้องถึงกับ
แดกงูพี่ก็แมนโคตรจนใครเทียบความแมนไม่ติดอยู่แล้ว จะหาเรื่องลดเกรดลงไปแดกงูทำไมอีก
ผมไม่เข้าใจอะ” กูขุดหลุมล่อมันอีกแหละ นิสัยกูก็นะ..พอรู้จุดอ่อนของมันแล้วอดแกล้งไม่ได้
“
จริงอ่ะ...เอาอะไรมาวัดว่าพี่แมนขนาดนั้น หรือตะเกียงมองออก
อย่าหลอกกันให้ปลื้มเล่นนะ...ไหนลองบอกมาให้ฟังหน่อยดิ.” ว่าแล้วนิสัยขี้สงสัยเป็นเด็กของมันนี่แหละ
ล่อมันได้ประจำ กูเลยเฉลยให้ซะเสือกอยากรู้ดีนัก
“ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน ก็พี่บอกเองว่าอยากจะแมนโชว์พาวน์แค่เคย
แดกงูมาแล้วก็แมนมากใช่ป่ะ!...แล้วไอ้ที่พี่เคยแดกงูสิงห์ไม่โคตรแมนเลยเหรอพี่ นั่นงูสิงห์รันเลยหนะ
ใครได้แดกกันมั้ง เห็นป่ะ!..ว่าตะเกียงพูดผิดที่ไหน ทีหลังพี่เกทับไอ้พวกขี้โม้คุยโตว่าแมน
เพราะเคยแดกงูไปเลย บอกไประดับพี่แดกงูสิงห์มาด้วยซ้ำยังไม่เห็นคุย หุหุหุ!!!..” อยากให้ทุกคน
เห็นหน้าไอ้พี่พรตมันตอนนี้ชะมัด ตาโตอ้าปากค้างกับคำตอบกู หน้าแดงเถือกจนถึงหูแล้วเหอะ....
เห่อ..เห่อ..เห่อ...หมดคำถามไปโดยปริยาย กูส่งท้ายยกยิ้มให้ก่อนจะจัดการเขี่ยไก่ป่าออกจากกองไฟ
เผื่อเอาไปแช่น้ำถลกขนต่อไป ตลกหน้าตามันชะมัด ไม่มีไอ้พี่รันนี่กูคงหาคำพูดมาสยบไอ้พี่พรตลำบาก
เพราะมันรั่วได้ตลอดซิน่า....กร๊ากกกกๆๆๆๆ....
กูถลกหนังไก่เสร็จเดินกลับขึ้นมา เอากิ่งไม้เสียบตูดทะลุคอ วางพาดขอนไม้
ย่างไฟอ่อนให้ห่างจากกองไฟพอประมาณ ไม่เกินยี่สิบนาทีคงสุกได้ที่ โดยมีไอ้พี่พรตจ้องการกระทำ
ของกูตาไม่กระพริบอย่างสนอกสนใจ ในที่สุดมันก็อดหุบปากเงียบได้ไม่นาน ถามอีกจนได้...
“ตะเกียงพี่ถามจริงเหอะ ไปฝึกเรื่องพวกนี้มาจากไหน ทำไมพี่เห็นตะเกียง
คล่องแคล่วไปซะทุกอย่าง ตัวก็บอบบางอรชรอ้อนแอ้นซะขนาดนี้ แต่เวลาทำเรื่องพวกนี้
มันแมนโคตรเลยง่ะ พี่ยังอายเลยทำไม่เป็นสักกะอย่าง” กูควรดีใจหรือเปล่ากับคำชมบอบบาง
อรชรอ้อนแอ้นของมึงเนี่ยะ แต่ก็อย่างมันพูดแหละใครเห็นคงแปลกพิลึก ว่ารูปร่างอย่างกูจะสามารถเนอะ
ตอบมันไปแหละ
“พี่รู้เปล่าว่า ที่เห็นตะเกียงทำหนะมันปกติธรรมดาสำหรับคนที่เค้าเคยชิน
และมีอาชีพเหล่านี้ เหมือนเราเห็นคนร้อยมาลัยขาย เข็มมาลัยออกซะยาวเฟื้อยบ้างคนหลับตาร้อย
ซะสวยเลย โดยไม่ต้องจับเวลาด้วยซ้ำว่าเร็วขนาดไหน แต่ให้คนปกติแบบพวกเราไปทำก็ต้องว่ายาก
ทีนี้พอจะเข้าใจใช่ไหม?..ตะเกียงโตมากับไร่สวน ป่าเขาตั้งแต่เด็ก พี่รู้นี่ว่าบ้านตะเกียงทำธุรกิจส่งออก
พวกพืชผลการเกษตรของทางเหนือทั้งหมด ไม่นับสวนของบ้านอีกที่ปลูกมากมายหลากหลายชนิด
ตะเกียงวิ่งเล่นตั้งกะตีนเท่าฝาหอย เข้าป่ากับพ่อกับปู่ตั้งกะเด็กมันย่อมเป็นเรื่องปกติที่ตะเกียงจะรู้จักป่า
และเข้าใจระบบนิเวศน์ของป่าได้ดีกว่าคนกรุงแบบพี่ที่โตมาจากเมืองหลวง ตกลงเข้าใจแล้วนะ” กูตัดบท
มันก็ยักหน้าตามเหมือนว่าเข้าใจในสิ่งที่กูพูดแล้ว กูเลยไล่มันให้ลุกไปล้างหน้าตาให้สดชื่นซะ
“ตะเกียงว่าพี่ลุกไปล้างหน้าให้สดชื่นซะหน่อยเหอะ กล้วยเผาตะเกียงเขี่ยออกมาไว้
ข้างๆกองไฟให้แล้ว ถ้าหิวก็กินรองท้องก่อนได้นะ กว่าไก่จะสุกก็คงราวๆ อีกยี่สิบนาทีเป็นอย่างต่ำ
เราไม่มีนาฬิกากะเอาประมาณนี้แหละ เดี๋ยวจะพาลหิวซะก่อน ตะเกียงขอตัวไปหาอุปกรณ์ไว้ใส่น้ำกิน
ระหว่างทางดีกว่า กันพลาดหนะ วานพี่ช่วยหมุนไก่เป็นระยะๆด้วยนะจะได้สุกทั่วทั้งตัว เดี๋ยวตะเกียงมา”
พูดเสร็จกูลุกเดินออกมาเลย ขืนอยู่นานมันมีซักไม่เลิกอีก รู้นิสัยของมันอยู่ เจ้าหนูจามไมไว้ไปหา
คำตอบเอากับกุนซือเทพเหอะ เหมาะกันดีแล้วหละไอ้พี่พรตที่มึงคบกับไอ้พี่รันมันหนะ ขานั้นทั้งใจเย็น
และรอบรู้คงตอบมึงได้ตลอดชีวิตไม่มีเบื่อ...กูไปแหละ....
ผมเข้าป่าไปได้บ้องไม้ไผ่สำหรับใส่น้ำไว้กินระหว่างทางมาสองบ้อง ความยาวประมาณ
ศอกกว่าๆ แถมเห็ดขอนอีกห่อใหญ่ๆ เก็บใส่ใบตองมาเรียบร้อย งานนี้มี เห็ดกับไก่ ขาดแต่หมูกับเป็ด
เป็นไงในป่าสมบูรณ์ด้วยโภชนาการ 5 หมู่ ใครอยู่ป่าเป็นรับรองไม่มีอดตาย แต่ที่จะตายคงไม่ใช่เรื่องอด
จะตายเพราะสัตว์ร้ายมากกว่าหากไม่เข้าใจวิถีชีวิตของพวกมันตามสัญชาตญาณนักล่าแล้วหละก็
คุณย่อมเป็นเหยื่อแน่นอน แต่หากเข้าใจอุปนิสัยพวกมันอย่างดีแล้ว สัตว์ที่ดุร้ายก็คือลูกแมว
เชื่องๆดีดีนี่เองแหละ
กลับออกมา กูต้องแปลกใจอย่างใหญ่หลวง เพราะขณะนี้ที่พักแรมดันมีแขก
ไม่ได้รับเชิญ เป็นหญิงสาวสวยสองคนที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ในสภาพเสื้อผ้าหน้าผมกระเซอะกระเซิง
มอมแมมเป็นอย่างมาก กำลังนั่งจับเข่าคุยกะไอ้พี่พรตออกรสออกชาติ โดยไอ้พี่เหยี่ยวรั่วก็รัวคำถาม
ไม่ว่างเว้น ก่อนที่ทุกคนจะหยุดการสนทนาเมื่อรับรู้ถึงการมาของกู พร้อมกับหนึ่งในสองสาวร้องเรียกกู
ด้วยความดีใจสุดชีวิต แถมโผลเข้ามากอดกูอีกตะหาก
“
พี่ตะเกียง ฮืออออๆๆๆ...กิ่งดีใจมากที่มาเจอพวกพี่...ฮืออออๆๆๆ”
ร้องไห้ขี้มูกน้ำตาคละเคล้ากันไปหมด ในขณะที่อีกสาวมองกูด้วยแววตาน่าสงสารเช่นกัน ก่อนจะทักกู
มาด้วยว่า
“ตะเกียง..ดีใจจังที่เจอเธอ พวกเรานึกว่าจะตายอยู่ในป่ากันสองคนซะแล้ว
โชคดีจริงๆ ที่มาเจอพวกเธอที่นี่ ขอบคุณสวรรค์ที่อย่างน้อยเรามาเจอพวกเธอได้” ใช่ครับศรีริต้าคนสวย
กำลังทักทายผมอีกคน งงกันใช่ไหมสองคนนี้มาโผล่ที่นี่กันได้ยังไง กลางป่ากลางเขาพวกคุณเธอ
มาทำอะไร แต่ดูจากสภาพคงไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนามาเดินป่ากันแน่ๆ เพราะมอมแมมขนาดหนัก
กูเลยถามไปทันทีว่า
“เกิดอะไรขึ้น แล้วน้องกิ่งกับริต้ามาอยู่ในป่านี้ได้ยังไง?.” พอกูถามไป
ทุกอย่างจึงไหลทะลักทลายออกจากปากทั้งของริต้าและน้องกิ่งว่า ในวันที่พวกกูถูกจับนั้น เป็นจังหวะที่
สองคนนี้พากันมาเยี่ยมพวกกูที่รีสอร์ทเช่นกัน โดยน้องกิ่งตั้งใจมาหาไอ้พี่กานมัน ส่วนริต้าคงไม่ต้องบอก
ว่ามาหาใคร ที่มาด้วยกันได้เพราะริต้าขอตามน้องกิ่งมาด้วยหลังจากรู้กันล่วงหน้าว่า น้องกิ่งนัดจะมาหา
ไอ้พี่กานที่รีสอร์ท น้องกิ่งมิได้มีเจตนาอื่นอย่างน้อยมีริต้ามาเป็นเพื่อน ก็จะได้แลดูไม่น่าเกลียด
ว่ามาคนเดียว อีกอย่างริต้ามีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่เชียงใหม่ โดยที่เด็ดดี้และหม่ามี้
ซึ่งเธอเรียกพ่อกับแม่เธอแบบนี้ บินจากอเมริกามาช่วงนี้พอดี มันเลยประจวบเหมาะมาด้วยกันได้
แต่ที่ซวยเพราะพวกเธอถูกกลุ่มที่จับตัวกูมาจับตัวมาขังไว้ด้วย ในฐานะเสือกเข้ามาได้จังหวะเห็นเหตุการณ์
เข้าแบบไม่ตั้งใจ เลยโดนอุ้มใส่รถมาขังไว้ด้วยกัน โดยที่พวกกูไม่รู้ ที่หนีออกมาได้เพราะมีการระดม
ยิงเปิดสงครามที่พวกกูอาศัยจังหวะนั้น หนีมาเหมือนกัน แม่บ้านที่คอยดูแลทั้งสองเป็นคนพาทั้งคู่หนี
คุณเธอดันโชคร้ายโดนยิงตายขณะพาออกมานั่น โทษฐานทรยศ ในขณะที่ริต้ากับน้องกิ่งทุลักทุเลหนี
กระเจิงเข้าป่ากันมาได้ ภูมิความรู้ของริต้าที่เคยตั้งแคมป์เดินป่าปีนเขาตอนที่เรียนอยู่อเมริกา
เพราะเธอชอบเป็นทุนเดิม ทำให้สามารถนำประโยชน์เหล่านั้น พาน้องกิ่งดั้นด้นค้างแรมจนมาถึงน้ำตกนี้
ด้วยศาสตร์แห่งการอยู่รอดต้องเข้าหาแหล่งน้ำ เป็นความรู้พื้นฐานของนักเดินป่า ซึ่งกูไม่แปลกใจ
ถือว่าริต้าเก่งมากและมาเจอพวกกูเข้าในที่สุด ทั้งคู่จึงดีใจกันยิ่งนักที่มาเจอพวกกูอย่างที่เห็น.....
เอาหละ..เมื่อรู้ข้อเท็จจริง กูเลยให้สองคนนั่นไปอาบน้ำอาบท่าให้สะอาดสะอ้าน
สดชื่นกันก่อน แล้วค่อยมากินอาหารเช้า ก่อนจะวางแผนกันต่อไปว่าต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง
เพื่อให้พวกเราสี่ชีวิต ณ บัดนี้มีผู้หญิงที่กูกับไอ้พี่พรตต้องให้ความดูแลอีกสองคน เห็นทีกูคงต้อง
ไปจัดการจับปลามาเพิ่มอีกสักหลายตัว จะได้กินกันอิ่ม...งานนี้สนุกชิบหาย...พ่วงกันมาเป็นพรวน...
เฮ้อ!...เอาหวะ..ไหนๆก็ไหนๆ ขอแมนโคตรๆ เหมือนที่ไอ้พี่พรตมันอยากแมนกะเค้ามั้งก็ดี
ดูแลสตรี เด็ก กับคนชรา แต่งานนี้พวกกูต้องดูแลสตรีกลางป่า...คงมันส์พิลึกพะย่ะค่ะ...
มาต่ออย่างต่อเนื่อง พร้อมกับคนอ่านที่หดหาย เพราะนู๋หายหัวไปนานไม่ว่ากัน...ง่ะ
Luk.