มารอบเย็น โพสท่ามกลางสายฝน และน้ำตา

************************************************************
รณวีย์เดินย้อนกลับไปยังอาคารที่เดินออกมา หากทำได้ ชายหนุ่มอยากที่จะกล่าวลาอาจารย์สองท่านที่รอเขาอยู่ในนั้น แต่ก็เพียงได้แค่คิด เพราะเขายังไม่ได้ข้อมูล รายละเอียด และแนวทางของงานชิ้นนี้ดีพอ อาจารย์ใหญ่บอกว่าจะคุยพร้อมกัน เมื่อการินทร์มา
“หน้าตาดูไม่ดีเลยรณวีย์ เป็นอะไรมา”
อาจารย์บุษบาเอ่ยทัก เมื่อเห็นลูกศิษย์เดินเข้ามาในห้อง
“พอดีเดินชมรอบๆโรงเรียนซะทั่วน่ะครับ เลยเหนื่อยนิดหน่อย”
ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มฝืนๆ อีกไม่กี่นาที การินทร์ก็คงจะตามเขาเข้ามาที่นี่ จิตใจที่ว่าดีขึ้นแล้ว มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะเต้นผิดจังหวะ เมื่อนึกถึงนาทีนั้น
“อะ นั่น การินทร์ มาพอดี”
อาจารย์ผู้อาวุโสสุดเอ่ยขึ้น เมื่อมองเห็นร่างสูงของศิษย์เก่าอีกคนกำลังเดินมา สองคนต่างเพศต่างวัยที่ยืนอยู่ด้วยจึงหันไปมองตาม
รณวีย์รีบเบือนหน้าหลบเมื่อเห็นการินทร์ มองมาที่เขาอย่างตั้งใจ
“สวัสดีครับอาจารย์ใหญ่ สวัสดีครับอาจารย์บุษ”
การินทร์เมื่อเห็นรณวีย์เฉย จึงหันมายกมือไหว้ผู้เป็นอาจารย์ทั้งสอง
“หวัดดีจ๊ะ มาก็ดีแล้ว อาจารย์ใหญ่ ท่านรออยู่พอดี”
อาจารย์บุษบาเอ่ยทัก หลังรับไหว้เสร็จ แล้วก็ต้องหรี่ตามองเล็กน้อย เมื่อเห็นสภาพการินทร์ชัดๆ ทันทีที่เจ้าตัวเดินเข้าใกล้
“ตายแล้ว นี่เธอไปโดนอะไรมา นี่มันคราบเลือดใช่มั๊ยเนี่ย เปรอะเสื้อซะเลอะเชียว”
อาจารย์สาวใหญ่เอ่ยทัก พลางตรงเข้าไปจับพินิจตัวลูกศิษย์ แต่ลุกศิษย์นี่สิ กลับมองไปยังคนที่ยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับอาจารย์ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”
ชายหนุ่มหันมาตอบคนถามยิ้มๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจตน
หนึ่งคนมัวแต่นิ่ง สองคนมัวแต่ถามไถ่อาการกัน เลยไม่มีใครทันได้มองเห็นสายตาของอีกคนที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ อย่างใช้ความคิด
ลูกศิษย์สองคนนี้มีอาการแสดงออกต่อกันแปลกๆ ทำยังกะเคยเจอโกรธ เกลียด กันมาแต่ชาติปางไหน แล้วงานนี้ มันจะไปกันรอดไหมหนอ
.
.
.
.
.
.
“ไม่หนักเกินไปใช่มั๊ย การินทร์”
อาจารย์ใหญ่เอ่ยถามศิษย์ที่นั่งหน้าเครียดนิดหน่อย หลังจากฟังรายละเอียดหลักๆ ถึงสิ่งที่จะสร้างขึ้น ตามจินตนาการของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“สำหรับผม ไม่น่าจะมีปัญหาครับ แต่ที่ผมฟัง เอ่อ วีย์เขานำเสนอ ผมว่าถ้าทำถึงขนาดนั้น จะใช้งบเยอะเกินไปนะครับ เราน่าจะนำเสนอวิถีชีวิตของภาคใดภาคหนึ่ง และทำให้สมบูรณ์ที่สุด น่าจะดีกว่า”
“สมบูรณ์ที่สุด? คิดเหรอว่างบจะน้อยไปกว่า การนำเสนอวิถีชีวิตของคนไทยในทุกๆภาค โดยทำให้พอเข้าใจพอสังเขป ”
รณวีย์แย้งทันควัน แนวคิดที่เขานำเสนอ ผู้มีอำนาจตัดสินใจก็เห็นด้วยเห็นควรเพราะตรงตามแนวทางที่ทางโรงเรียนอยากให้เป็นแล้ว นายนี่ยังจะเอาอะไรอีก งบเหรอก็ใช่ว่าตัวเองจะออกซะที่ไหน
“อย่าคิดว่านี่มันงานการกุศลแล้วจะทำอะไรแบบขอไปทีสิวีย์”
การินทร์แย้งกลับ คนถูกแย้งกำลังจะโต้ตอบ แต่ถูกปรามไว้ซะก่อนจากบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เอาล่ะๆ เถียงกันไปเถียงกันมา ท่าจะไม่จบ การินทร์ อาจารย์เห็นด้วยกับรณวีย์นะ ถ้าเธอไม่ติดปัญหาในเรื่องอะไรในส่วนของเธอ เราก็น่าที่จะทำตามที่รณวีย์เสนอ ส่วนเรื่องงบประมาณ เราทำงานนี้เพื่อการกุศลก็จริง แต่เพื่อชื่อเสียงและหน้าตาของโรงเรียน เราไม่ทำงานชิ้นนี้อย่างขอไปทีหรอก เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น หลังจากนี้ไป อาจารย์คงต้องฝากงานหลักๆสองส่วนนี้ ไว้ที่เธอสองคน รณวีย์ อาจารย์เชื่อว่าเธอจะถ่ายทอดถักทอเรื่องราว ออกมาได้ดี การินทร์ อาจารย์เชื่อว่าเธอจะสร้างความสมจริงสมจังให้คนที่ได้ชมละครครั้งนี้ได้รับความประทับใจ ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจารย์บุษบา จะเป็นผู้ประสานงานกับชมรมกิจกรรมของโรงเรียนเอง แต่ทั้งสามคนก็คงต้องประสานงานกันตลอดน่ะแหละ เพื่อความสมบูรณ์ของงานครั้งนี้ เอาล่ะ นี่ก็มืดแล้ว อาจารย์ว่าเธอสองคน คงจะเหนื่อยและเพลียกันพอดู โดยเฉพาะ รณวีย์ เห็นบอกว่าลงจากเหนือ ก็มาที่นี่เลยนี่ กลับไปพักผ่อนเถอะ อ้อ หรือจะรออาจารย์ก็ได้นะ จะได้กลับพร้อมกันเดี๋ยวให้คนขับรถแวะไปส่ง แต่รอหน่อยนะ อาจารย์ยังต้องคุย และเก็บงานบางส่วนกับอาจารย์บุษอีก ส่วนเธอการินทร์ เดี๋ยวนี้เป็นจิตรกรฝีมือเยี่ยม ขับรถหรูกว่าอาจารย์อีกจะกลับไปก่อนก็ได้นะ”
“งั้นผมขออณุญาตเอาตัวเพื่อนผมกลับไปด้วยนะครับ ไม่เจอกันซะนาน ผมคิดถึงเขาจะแย่อยู่แล้ว”
รณวีย์ทำหน้าไม่ถูก และก็อดไม่ได้ที่จะหันมองคนพูด ฝ่ายนั้นก็หันมาศบตาซะด้วยนี่สิ ชายหนุ่มจึงเอ่ย
“ฉันจะอยู่ช่วยงานอาจารย์”
“แล้วรอรบกวนให้ท่านไปส่งงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ไช่เด็กสามขวบ ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะรบกวนท่าน”
“งั้นก็กลับกับฉันสิ”
“เห็นจะไม่ บ้านเรามันคนละทาง”
“แล้วบ้านอาจารย์อยู่ทางเดียวกะนายหรือไงล่ะ เท่าที่จำได้ ฉันว่าไม่นะ”
รณวีย์กำลังจะอ้าปากเถียง แต่อาจารย์บุษบาชิงทำเสียงในลำคอเสียก่อนเพื่อนเตือนสติว่าในห้องนี้ไม่ได้มีกันแค่สองคน แต่ยังมีบุคคลที่ควรเคารพยิ่งนั่งรวมอยู่ด้วย รณวีย์ถึงกลับหน้าเจื่อนรีบยกมือกราบขอโทษทันที ไม่ต่างจากการินทร์
“ว่าไง จะรออาจารย์หรือจะกลับกับเพื่อนเก่า”
คนนั่งตรงหน้าให้เลือก รณวีย์จึงตอบเสียงเบา
“ขอบพระคุณอาจารย์มากนะครับ แต่ผมคงไม่รบกวน”
การินทร์แอบยิ้มอย่างเป็นต่อ ก่อนจะรีบเอ่ยลาอาจารย์ทั้งสองแล้วลุกจูงแขน รณวีย์ออกไปจากห้องเสียดื้อๆ
“ยังไงกันนะ สองคนนี้”
อาจารย์ผู้อาวุโสกว่าเอ่ยอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปใช้สายตาขอความเห็นจากอาจารย์สาวใหญ่ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ฝ่ายนั้นก็ได้แค่ส่ายหัวช้าๆ แทนคำตอบเท่านั้น
ที่ด้านนอก ความมืดของยามราตรีโรยปกคลุมไปทั่วบริเวณตัวอาคาร จะมีก็แค่แสงไฟจากหลอดนีออนเท่านั้นที่ส่องสว่างนำทางให้สองร่างได้ก้าวออกมา
รณวีย์แกะมือการินทร์ออกจากแขนเมื่อโดนเจ้าตัวเดินจูงมาจนจะถึงหัวมุมที่จะเลี้ยวไปยังที่จอดรถ ฝ่ายนั้นก็ยอมปล่อยแต่โดยดี แต่เปลี่ยนมาสนทนาด้วย เมื่อเดินเงียบด้วยกันมาหลายนาที
“ทำไมนายต้องโกหกใครต่อใครว่านายตายไปแล้ววีย์”
เงียบ...ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากคนข้างกาย
“นายรู้มั๊ย ว่าฉันรู้สึกแย่ขนาดไหน”
การินทร์เอ่ยต่อ แต่คนข้างๆก็ยังเงียบ เขาเลยต้องหยุดเดิน และใช้มือจับฝ่ายนั้นให้หยุดด้วย
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันเคยทำกับนายมันเลวร้ายขนาดไหน แต่ฉันอธิบายได้นะ”
เงียบ ปฏิกิริยาตอบโต้ของรณวีย์ก็แค่แกะมือเขาออกอีกเท่านั้น
“ขอร้องล่ะวีย์ นายช่วยสนใจฉันหน่อยได้มั๊ย ฉันไม่ใช่ลม หรืออากาศที่นายจับต้องไม่ได้นะ เราต้องคุยกันฉันอยากให้นายเข้าใจในสิ่งที่ฉันเคยทำลงไป”
“ฉันมาที่นี่เรื่องงาน”
รณวีย์เอ่ยออกมาในที่สุด พลางหมุนตัวเดินกลับทางเดิมที่เดินผ่านมา เมื่อเป็นอิสระจากการเกาะกุม
“แล้วนั่นนายจะไปไหน”
การินทร์เรียกตาม
รณวีย์แค่ชะงักเท้านิดหน่อย แต่แล้วเจ้าตัวก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่หันกลับมาแลคนเรียกซักนิด
“รณวีย์ ฉันขอโทษ”
เสียงคนข้างหลังร้องดังตามค่อ นข้างดัง ทำชายหนุ่มหยุดเดินจนได้ เพราะเสียงที่ได้ยิน มันเครือไปด้วยอารมณ์บางอย่าง
“นายไม่รู้หรอกว่าคนๆหนึ่งรู้สึกแย่แค่ไหนที่ไม่มีโอกาสได้อธิบายในสิ่งที่เขาทำกับคนที่จริงๆแล้วเขาก็เคยรู้สึกดีด้วย”
การินทร์เอ่ยต่อเมื่อฝ่ายนั้นหยุดฟังเขาพูดได้ ใครจะรู้จักใจเขาได้ดีเท่าตัวเขาเอง รอยอดีตครั้งนั้น เพราะด้วยเหตุการณ์มันพาไป และอารมณ์ที่ไม่ยอมรับความจริงบางอย่างที่เกือบจะก่อตัวขึ้น ทุกอย่างมันเลยจบลงด้วยคำว่าสายไป
“ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้นายคิดอะไรอยู่ หากนายจะโกรธ จะเกลียดฉัน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าชีวิตฉันจะราบรื่นนัก มีความจริงหลายอย่างที่นายไม่รู้ และฉันก็รอ รอที่จะไปบอกนายด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็คงไม่นาน แต่วันนี้นายกลับมา ฉันดีใจนะ เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าคนเราหลังหมดลมหายใจ จะสื่ออะไรกันได้แค่ไหน”
รณวีย์ใจสั่นกับสิ่งที่ได้ยิน .....และฉันก็รอ รอที่จะไปบอกนายด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็คงไม่นาน......ประโยคนี้ มันหมายความว่ายังไง ก็การินทร์เคยรับรู้ว่าเขาตายไปแล้วนี่
............ฉันก็ไม่รู้ว่าคนเราหลังหมดลมหายใจ จะสื่ออะไรกันได้แค่ไหน………..
การินทร์ นี่ชีวิตนายกำลังเจอกับอะไร!..?