(เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า  (อ่าน 65717 ครั้ง)

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เราว่าเนื้่อหาไม่แรงนะ แต่ออกอีโรติคอะใช่ หุๆ

ว่าแต่กุ้ยหลินเปนหมาป่าจิงั้น แต่ว่าเปนเรื่องสั้นแปลว่าตอนต่อไปจะเปลี่ยนตัวเอกแล้วป่าวคะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
กุ้ยหลินเป็นหมาป่าหรา แล้วเป็นคนได้งัยอะ

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
แนวเชลยหรอ?...น่าสนุกอ่ะ แค่อย่ามาม่ามากไปก็พอ  :o8:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ไม่ลบได้มั้ยค่ะ

เนื้อเรื่องก็น่าสนใจดีออก
ส่วนเรื่องนี้ก็ลงต่อไปเรื่อยๆ ได้นี่ค่ะ
แบบว่าเสียดายอยากให้มีคนอ่าน เพราะคนเขียนแนวจอมยุทธไม่ค่อยมี
แต่ถ้ากังวลเรื่องเรทก็แล้วแต่คนแต่งจะพิจารณาค่ะ

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ขอบอกไว้ก่อนนะคะ เรื่องนี้มีเนื้อหาอาจจะค่อนข้างแรง แต่มิได้ต้องการให้เกิดความลามกอนาจารแต่อย่างใด นอกจาก อรรถรสในการอ่าน มันอาจSMนิดๆ ดังนั้นต้องขอโทษนะคะ ถ้าเผลอกดเข้ามาแล้ว.... o1

ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ

ตอนที่1

          (วันพรุ่ง  เวลายามหนึ่ง  ขบวนจะออกเดินทางจากหมู่บ้าน..... "ตู๋เสอ" ท่านควรเร่งติดตาม  เมื่อเห็นประจวบเหมาะสมควรแก่เวลา จงลงมืออย่าได้รอช้า มิเช่นนั้นมารร้ายอาจไหวตัวล่วงรู้เหตุการณ์)

          ตู๋เสอนั่งจิบชาภายในเคหะสถาน  กำลังเพ่งสมาธิจดจ่อสดับรับฟังพลังคลื่นเสียงที่ใช้ลมปราณขับส่ง นี่เป็นวิธีติดต่อของผู้จ้างวาน  หากคิดใช้สอย ตู๋เสอ หรือ ตู๋เสอเม่ย ฉายา อสรพิษลี้ลับ ผู้นี้ ต้องมีวรยุทธสูงส่งสามารถถ่ายทอดคลื่นเสียง   บอกเล่าเรื่องราวที่ต้องการให้เขากระทำได้  มิเช่นนั้นอย่าได้คิดติดต่อการค้ากัน เพราะขึ้นชื่อว่าอสรพิษ  ย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา เนื่องจากบุรุษผู้นี้ เป็นที่เลื่องลือ มีอวิชายากต่อกร ซ้ำร้ายร่างกายไหลเวียนด้วยพิษประหลาด ด้วยนิสัยเย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่ชอบคบค้าสมาคม หากไม่มีจิตใจพิศมัยอยากสนทนาด้วย บุคคลที่ได้เห็นใบหน้าตู๋เสอเม่ย  ย่อมได้เห็นใบหน้าของยมบาลเช่นกัน
           หากมีฝีมือ คิดอยากจ้างวานให้เขาทำอันใดย่อมง่ายนัก เพียงส่งพลังเสียงลมปราณบอกเล่าเหตุการณ์และจุดประสงค์แก่เขา  เมื่อพิจารณาแล้วตู๋เสอจะตอบว่าทำหรือไม่ ทุกๆครั้งสินน้ำใจที่ตู๋เสอร้องเรียกจะมีราคาค่างวดเท่ากัน ไม่เกี่ยวกับยากง่าย หากแต่เกี่ยวกับความสนุกท้าทาย และความพอใจของบุรุษผู้นี้  ลูกค้าจึงเป็นทั้งฝ่ายอธรรมและธรรมะ ดังนั้นงานส่วนใหญ่จึงจำเพาะเจาะจงต้องใช้ความสามารถและยากแก่การปฏิบัติลุล่วง ต้องใช้มันสมองอันปราดเปรื่อง หรืออวิชาที่เหมาะสมกับงาน
           เมื่องานสำเร็จลุล่วง ตู๋เสอจะส่งผู้รับใช้คือ "ผู้เฒ่าเงา"  ไปรับสินน้ำใจ  ย่อมแน่นอน สินน้ำใจจะต้องถูกวางไว้ตามที่ตู๋เสอกำหนด เพียงสิบห้าลมหายใจเข้าออก สินน้ำใจนั้นจะถูกฉกฉวยไปอย่างไร้ร่องลอย โดยผู้รับใช้ของตู๋เสอเม่ย
           งานนี้ตู๋เสอได้ตอบตกลงแล้ว กำลังดำเนินการ ผู้ว่าจ้างได้ระบุเวลาลงมือแล้ว งานคือให้เขาชิงตัวคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นกำลังเดินทางไปพรรคมาร นามว่า บุปผาดำ หัวหน้าพรรคคือ "ม่อเจวียน"  ม่อเจวียนได้คุกคามข่มขู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ให้ส่งตัวคนผู้นี้ไปเป็นผู้รับใช้ หากแต่การนี้มีความในแอบแฝง ใยมารร้ายต้องการบุคคลธรรมดาผู้นี้ ถึงขนาดลงแรงคุกคามจนเอิกเกริก เหล่าชาวอธรรมและธรรมะย่อมกลัวม่อเจวียนคิดการใหญ่  หากม่อเจวียนสำเร็จแผนการ คนทุกหมู่เหล่าย่อมตกที่นั่งลำบาก
           เหตุไฉนตู๋เสอจะไม่ทราบ พวกนั้นเพียงต้องการให้เขาลงมือแทน ใครเล่าอยากจะต่อกรกับ ม่อเจวียน คนผู้นี้มีใบหน้าคมคายดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ทั้งยังอำมหิตผิดมนุษย์ มากเล่ห์ร้ายกาจ ฝีมือยุทธยังกล้าแกร่ง  ลึกล้ำและพิศดาร เยือกเย็นและโหดเหี้ยม เป็นอะไรที่ขัดแย้งกับโฉมหน้าอย่างสิ้นเชิง  เหล่านี้แหละที่ตู๋เสอเห็นว่าน่าท้าทายอย่างยิ่ง เขาจึงตกปากรับคำ
           เมื่อตู๋เสอใช้วิชาจำเพาะผนึกลมปราณเข้ากับโสตประสาทสดับรับฟังการเคลื่อนไหว  เขาก็ทราบว่าผู้ว่าจ้างที่อยู่ห่างออกไปสามลี้ได้จากไปแล้ว
           ตอนนี้เขาเพียงแค่นั่งจิบชาสบายๆรอถึงวันพรุ่งค่อยเริ่มลงมือ

                                       """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
           เวลานี้เป็นยามสาม  ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เสินเหม่ยรับรู้ได้ว่าตนเองออกห่างจากหมู่บ้านมากแล้ว  ตอนนี้เขาอยู่บนหลังม้า รอบกายมีชายฉกรรจ์สิบคนควบม้าห้อมล้อมเขาไว้  ใช่แล้ว....คนเหล่านี้มิใช่คนดี เพราะพวกเขาเป็นคนของพรรคมาร  " พรรคบุปผาดำ"  ที่ควบคุมปกครองโดยม่อเจวียน  มารร้ายอันเลื่องชื่อ ปิศาจร้ายที่โหดเหี้ยมอำมหิต  นี่เขาต้องไปอยู่ที่นั่นจริงหรือนี่ ใช่สิ...มันไม่มีหนทางอื่นแล้ว  ถึงเขาจะมีวรยุทธอยู่บ้าง แต่ใช่จะอาจหาญไปต่อกรก็กับพญามารผู้นั้นได้ นอกจากจะเอาชีวิตไปทิ้ง ดีไม่ดีคนที่หมู่บ้านต้องพลอยถูกฆ่าไปด้วย  ดังนั้นการติดตามไปที่นั่น คงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว
           ระหว่างนั้นเอง  เสินเหม่ยก็ได้ยินเสียงม้าของชายฉกรรจ์ที่อยู่หน้าสุดร้องขึ้น  ม้าตัวนั้นยกขาหน้าชูขึ้นคล้ายกำลังตื่นตกใจ  ทำให้ผู้ที่ติดตามต่อๆมาต้องรีบดึงบังเหียนม้าเอาไว้ มิให้ก้าวต่อและพากันตกใจจนแตกขบวน
           ชายผู้อยู่หน้าสุดตะโกนขึ้น
           "หมาป่า!!! มีหมาป่า ตัวใหญ่ขวางทาง"
           สิ้นเสียงชายฉกรรจ์ผู็นั้น  เหล่าม้าที่เหลือต่างเริ่มเสียขบวน ชายบนหลังม้าที่ห้อมล้อมเสินเหม่ยต่างควักดาบคิดปลิดชีวิตสุนัขป่าตัวใหญ่สีดำทะมึน  ดวงตาปรากฏประกายสีแดงเพลิงโชติช่วง มันยืนนิ่งมิได้เคลื่อนไหวหากแต่ส่งเสียงคำรามแผดเผาแก้วในหู แยกเขี้ยวแหลมคมดุจดั่งเขี้ยวของพยัคฆ์มองแล้วให้ขวัญผวา
           ชายฉกรรจ์ผู้ที่นำขบวนแผดเสียงตวาดอย่างกราดเรี้ยว ด้วยขุ่นเคืองสุนัขป่าที่บังอาจมาขวางเส้นทาง  หน้าที่ของเขาคือส่งคนผู้นี้ให้ถึงมือของหัวหน้าพรรคตามเวลาที่กำหนด หากเป็นเช่นนี้เขาจะทำได้อย่างไร มิใช่ล้มเหลวจนถูกนายของตัวเอง ผู้ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือว่าอำมหิตกระทำการลงโทษเขาหรอกหรือ 
           เมื่อเห็นดังนั้นชายผู้นำขบวนก็มิได้รอช้า ควบม้าพุ่งตรงเข้าไปยังสุนัขป่าที่ขวางทาง หมายจะเข้าปลิดชีพสัตว์สี่เท้าตัวนี้ในดาบเดียว  แต่แล้วเหตุการณ์กลับผิดพลาดพลิกผัน  ด้วยชายผู้นั้นคิดได้ว่าผิดท่าแล้ว  ก็ต้องลอบคร่ำครวญอยู่ในใจ เนื่องด้วยสุนัขป่าตรงหน้าที่เห็นว่าตัวใหญ่ กลับมิได้อืดอาดยืดยาดเชื่องช้า เพียงมันย่อตัวกระโจนขึ้น ก็แสดงถึงพละกำลังอันปราดเปรียว หนึ่งครั้งที่กระโจนขึ้น ก็สามารถทิ้งร่ายกายบนชายผู้นั้นที่กำลังควบม้าเข้าหา มิคาดเพียงแค่ชั่วพริบตาฟันคมกริบของมัน ก็เข้าขย้ำที่ลำคอของเหยื่อบนหลังม้า  สุดท้ายที่เท้าทั้งสี่ของสุนัขป่าสีดำแตะลงพื้น ชายผู้นั้นก็ล่วงหล่นจากหลังม้า นอนแลบลิ้นตาเหลือกตายคาที่ รอบกายกระจัดกระจายด้วยเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยของลำคอ  ซึ่งถูกขย้ำจนเห็นกระดูกโปนออกมา  ส่วนม้าที่เขาควบได้วิ่งหายเข้าไปในป่าอีกด้านแล้ว
           เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือเห็นดังนั้นต่างพากันโกรธแ้ค้น ด้วยมิคิดว่าสุนัขป่าสีดำจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่อยู่ใกล้สุดต่างดาหน้าเข้าไปข้าฟันสุนัขป่าตัวนั้น การโรมรันพันตูจึงเกิดขึ้น  ชายสามคนควงดาบฟาดฟันด้วยวิชายุทธที่ร่ำเรียน  ตอนแรกออกใช้เพียงท่าพื้นฐาน แต่พอเห็นว่ามิอาจทำอะไรสุนัขป่าที่ว่องไวปราดเปรียวตัวนี้ได้ ก็ต้องงัดเอาเคล็ดวิชาร่ายรำดาบที่ร่ำเรียนออกใช้เข้าหักหาญ การต่อสู้จึงดุเดือดเลือดพร่าน หากแต่เป็นสายเลือดซึ่งหลั่งไหลจากบาดแผลที่โดนสุนัขตนนั้นจู่โจม  โฉบมาและโฉบไป ทุกครั้งจะฝากรอยเขี้ยวและแผลเหวอะหวะที่ถูกกระชากเนื้อออกไปเอาไว้  สร้างความเจ็บปวดอย่างสุดแสน จนทั้งสามมิอาจบุ่มบ่ามถาโถมเข้าไปได้อีก ตอนนี้ชายฉกรรจ์สามคนนั้นยืนโงนเงนอยู่บนพื้นแล้ว ส่วนม้าที่เคยใช้ขี่วิ่งหนีไปสองตัว ด้วยเห็นเพื่อนอีกตัวถูกกัดที่หลอดลมนอนลิ้นแลบออกมาตายอยู่บนพื้น
           เมื่อเป็นเช่นนี้ขบวนม้าที่เหลือต่างพากันแตกตื่นขวัญหนี จนผู้ที่ควบคุมบังเหียนต้องใช้กำลังฉุดกระชากอย่างสุดแสน แต่ก็มิวายสยบม้าที่งุ่นง่านส่งเสียงร้องให้ยืนนิ่งเรียบร้อยได้ดั่งเดิม ทันใดนั้น เสียงคำรามข่มขู่ก็ดังออกมาจากทิศทางซ้ายขวาทั้งสองด้วน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายพวกเขาก็เห็นสุนัขป่าอีกสองตัวหนึ่งเทาหนึ่งแดง แยกเขี้ยวคำรามปรากฏขึ้น เพียงเท่านี้ฝูงม้าที่เหลือซึ่งย่ำเท้าอย่างขวัญหนี ต่างพากันชูเท้าหน้าร้อง ฮี้ ฮี้  ม้าสองตัวไม่อาจเชื่อฟังนายของมันได้อีกต่อไป หลังจากสลัดชายฉกรรจ์บนหลังทิ้งลงกับพื้น ก็ควบตะบึงวิ่งหนีเข้าป่าอย่างไม่คิดชีวิต ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่โดนสลัดตกลงมาถูกม้าของตนกระทืบที่ลำคอ เสียงกระดูกแตกละเอียด ชายผู้นั้นตายคาที่ ส่วนอีกคนถูกสลัดตกลงมาโดยแรง ทำให้กระดูกข้อต่อตรงหัวเข่าเขยื้อนได้แต่ร้องโอย..โอย  ขยับไปไหนไม่ได้
          เมื่อเห็นดังนั้นชายอีกสี่คนที่ยังอยู่บนหลังม้า ต่างโอบล้อมเสินเหม่ยกับม้าของเขาแนบแน่นขึ้น เตรียมตัวควบม้าหลบหนี  แต่มิคาด เหล่าสุนัขสามตัวเหมือนล่วงรู้จุดประสงค์นั้น ต่างพากันดาหน้าเข้ามายังม้าทั้งห้าตัวอย่างรวดเร็ว  เหล่าขบวนม้าห้าตัวต่างปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง เสินเหม่ยกำสายบังเหียนไว้แน่นจนมันเสียดสีกับมือสร้างความเจ็บปวด  แต่ความเจ็บปวดนี้คงดีกว่าความเจ็บปวดของบาดแผลที่ถูกสุนัขป่าขย้ำอย่างแน่นอน  เสินเหม่ยกำสายบังเหียนไว้แน่น ม้าห้าตัวที่มีผู้คนบนหลัง ต่างพากันวนไปมาจนฝุ่นตลบอบอวล ส่งเสียงร้องฮี้ ฮี้ ด้วยความตระหนกตกใจ เนื่องด้วยเบื้องล่างของมัน มีอสูรกายสามตัว  ที่กำลังเห่าหอน ทั้งคำรามข่มขู่ วิ่งวนอยู่ สร้างความปั่นป่วนแก่พวกมัน
          และทันใดนั้นเอง  เสินเหม่ยก็รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น เขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกโอบอุ้มโดยบุคคลลึกลับจากด้านหลัง   เสินเหม่ยเห็นตัวเองลอยขึ้นไป  ลอยขึ้น  เขากำลังลอยขึ้นด้วยวิชาตัวเบาของคนผู้นั้น  ตอนนี้เสินเหม่ยเห็นเหตุการณ์เบื้องล่างชัดเจน ชายฉกรรจ์ที่เหลือกำลังเพลี่ยงพล้ำต่อสุนัขป่าสามตัวนั้นแล้ว  เนื่องจากเสินเหม่ยโดนโอบอุ้มไว้  เขาจึงหันหลังมุ่งหน้าไป สายลมที่ปะทะจมูกหอบเอากลิ่นหอมบางอย่างมาด้วย  กลิ่นหอมของคนผู้นั้น  กลิ่นหอมของอ้อมแขนข้างขวาอันแข็งแกร่งที่โอบอุ้มเขาไว้  คนผู้นี้เป็นใครกัน คนดีหรือคนร้าย เพียงนึกได้เท่านั้น เสินเหม่ยก็รู้สึกมึนงงจนหลับไปในวงแขนของคนผู้นั้น

                                        """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

          ตู๋เสอเพ่งมองร่างที่ตนโอบอุ้มมา  ตอนนี้ร่างนั้นนอนนิ่งบนเตียงที่จัดไว้
          "นี่หรือ บุคคลที่ม่อเจวียนต้องการ" 
          หลังจากเอ่ยวาจาพึมพำเบาๆ ตู๋เสอก็ขบคิดถึงเหตุผลต่างๆนานา  เขามองร่างนั้นอย่างพินิจ เมื่อลองสังเกตจากกล้ามเนื้อก็เข้าใจทันทีว่าบุรุษอ่อนวัยตรงหน้ามีวรยุทธมิใช่ชั่ว
          "อืม...ดี..หน่วยก้านดี พอมีวิชา แต่ยังเอาตัวไม่รอด"
          ตู๋เสอยังคงวิเคราะห์ต่อไป เห็นว่าบุรุษอายุน้อยผู้นี้ มีใบหน้ากระจ่างขาวนวล ขนตายาวงอนเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ปากสีแดงเป็นกระจับงดงาม  เพียงแค่ยามหลับยังคล้ายรูปสลักของเทพยดา หากลืมตาเอื้อนเอ่ยคงงดงามเกินบรรยาย อาจงามกว่าม่อเจวียนผู้มีพิษสงเสียอีก
          ตู๋เสอเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างนั้นดั่งโดนมนต์สะกด เขากำลังถูกความงดงามดึงดูดหรือไร คนผู้นี้มิใช่ฝึกยุทธหรอกหรือ เหตุไฉนผิวพรรณถึงเรียบเนียนกลมกลึงเช่นนี้ ตู๋เสอเอื้อมมือเข้าไปกอบกุมมือที่บางกว่าไว้ มือนี้มิใช่จับดาบหรอกหรือ เหตุใดถึงนุ่มนิ่มชวนสัมผัส  ตู๋เสอค่อยๆพลิกมือนั้นขึ้น เขามองฝ่ามือนั้น ลวดลายของเส้นลายมือยังชัดเจนบนฝ่ามือบาง ฉับพลันตู๋เสอเหมือนนึกอะไรได้ ใช่แล้ว  ดูจากเส้นลายมือที่เห็น ก็พอคำนวนดวงชะตาได้ แม้แต่ช่วงวันเวลาที่เกิด
          "อืมมม...เป็นเช่นนี้นี่เอง..ข้าคงปล่อยเจ้ากลับไปมิได้เสียแล้ว  หึ หึ นี่น่าสนุกไม่เบา นอกจากได้ก่อกวน
ม่อเจวียนแล้ว ข้ายังได้คนรับใช้เพิ่ม ดีแล้ว จงอยู่เป็นเชลยที่นี่รับใช้ข้าแล้วกัน เจ้าคนงาม เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าฟื้น  แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะถามไถ่เจ้าให้รู้แน่ชัด" 
          ตู๋เสอเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งร่างนั้นให้นอนนิ่งอยู่บนเตียงเพียงลำพัง  ส่วนตนเองยังต้องจัดการส่งข่าวเรื่องงานที่รับไว้ ว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ให้ผู้ว่าจ้างจ่ายสินน้ำใจได้ เรื่องทั้งหมดนี้ ตู๋เสอต้องถ่ายทอดรายละเีอียดแก่ผู้เฒ่าเงา เพื่อให้ผู้รับใช้ผู้นี้ไปดำเนินการต่อ

                                        """""""""""""""""""""""""""""""""""""
         
          เสินเหม่ยกระพริบตาถี่ๆ เขายังคงมึนงง ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด เสินเหม่ยค่อยๆยันกายขึ้น สะบัดศรีษะไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงงนั้น ฉับพลันเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า
          "ฟื้นแล้วสินะ เอ่ยนามเจ้ามา"
           เสินเหม่ยห้อยเท้าทั้งสองข้างลงจากเตียง พยายามหรี่ตาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง  เมื่อปรับสภาพได้แล้ว เขาก็ทราบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง ข้างหน้ามีบุรุษผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างจิบชาอย่างสบายอารมณ์
           (กลิ่นนั้น...กลิ่นหอมๆนั่น) เสินเหม่ยได้กลิ่นนั้นอีกแล้ว กลิ่นหอมที่เขาสัมผัสได้จากบุลคลลึกลับ ที่โอบอุ้มเขามา  คนลึกลับนั่นคือบุรุษผู้นี้หรอกหรือ ไฉนจึงโอบอุ้มเขาออกมา หรือเพราะอยากช่วยเหลือเขา
           "ข้าน้อยมีนามว่า เสินเหม่ย คารวะคุณชาย ข้าน้อยทราบซึ้งในน้ำใจคุณชายเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยข้าน้อยเอาไว้ แต่บัดนี้สมควรแก่เวลาแล้ว จำต้องลาจาก บุญคุณนี้มิอาจลบเลือน หากยังมีชีวิตในวันหน้า ข้าน้อยต้องชดใช้อย่างแน่นอน"  กล่าวจบเสินเหม่ยก็ลุกขึ้น เขาเดินไปที่ประตู เสินเหม่ยเดินผ่านคนผู้นั้นมา ขณะที่จะก้าวข้ามธรนีประตู คนผู้นั้นก็เอ่ยวาจาขึ้น
           "เจ้ายังมิถามไถ่ชื่อแซ่ของข้า ย่อมยังไม่อาจรู้จักกัน เช่นนี้ภายภาคหน้าจะตอบแทนคุณด้วยวิธีใด" กล่าวจบ
ตู๋เสอก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดลง ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ ก่อนเ่อ่ยวาจาต่อ
           "และข้ายังมิได้บอกเจ้า ว่าเจ้าสามารถกลับบ้านได้ ไม่สิ เจ้าไม่สามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ต่างหาก" ปลายประโยคนั้นอัดแน่นไปด้วยเสียงที่เย็นชา จนเสินเหม่ยที่ยืนหันหลังเงี่ยหูฟังต้องรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง  แต่ถึงกระนั้นเขายังแข็งใจกัดฟันเอ่ยวาจาถามออกไป
           "ทำไมกันเล่า ท่านคิดกักขังผู้อื่นหรือไร?" เสินเหม่ยเอ่ยวาจาถาม
           "หึ หึ  ขอบอกตามตรง เป็นเช่นนั้น ด้วยเพราะเจ้ากลับไม่ได้" เสียงของตู๋เสอยังคงยียวน
           "ทำไมกันเล่า?"  เสินเหม่ยยังคงสงสัย เพียงแต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่พอใจแล้ว
           "เจ้ากำลังไปพรรคมารใช่หรือไม่"  ตู๋เสอถามเสียงเย็นชา
           คำถามนั้นทำให้เสินเหม่ยต้องลอบตกใจ ด้วยคิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะรู้เรื่องราว จึงจำใจเล่าไปตามความสัตย์
           "ใช่..ข้ากำลังไปเป็นผู้รับใช้ของหัวหน้าพรรคมาร หากข้าไม่ยินยอมหมู่บ้านข้าจะถูกเผาไหม้จนวอดวาย  ดังนั้นโปรดเห็นแก่ท่านมีจิตเมตตาช่วยเหลือข้า ครานี้โปรดให้ข้ากลับไปเถิด"  เสินเหม่ยอ้อนวอน
           "มิได้...ทำไม่ได้"  เสียงเย็นชาของตู๋เสอกล่าวเฉียบขาด
           "ทำไม..ไม่ได้..เห็นต่อจิตเมตตาของท่านที่ช่วยข้า ขอให้เราจากกันด้วยดี อย่าให้ต้องลงมือจนเสียเลือดเนื้อ" เสินเหม่ยเสียงแข็งบ้าง ในเมื่อไม้อ่อนไม้ได้ผลเขาคงต้องใช้ไม้แข็งเสียแล้ว
           "คิดว่าทำได้?" ตู๋เสือยังคงจิบชาอย่างสบายอารมณ์
           "ข้าจะไปแล้ว ขอลา" เสินเหม่ยไม่ฟังเสียง เขามุ่งหน้าออกไปทางทิศเดิม
           ฉับพลันที่เสินเหม่ยก้าวขาออก  ตู๋เสอก็ใช้ฝ่ามือตบโต๊ะดังปัง แล้วถ้วยชาใบหนึ่งก็ลอยไปยังทิศทางของ
เสินเหม่ย เสินเหม่ยเหมือนมีตาหลังเขาหับกลับมาใช้ฝ่ามือปัดถ้วยชานั้นออกไป ถ้วยชากระเด็นออกไปอีกทิศ กระทบกับพื้นแตกหักมิเหลือชิ้นดี เพียงแต่เสินเหม่ยต้องลอบตกใจ ด้วยถ้วยชาที่พุ่งลอยมานั้น เพียงครั้งแรกที่เห็นกับดูอ่อนเบา ไร้น้ำหนัก เหมือนคนกว้างเพียงแค่จงใจสกัดกั้น แต่พอฝ่ามือกระทบกับตัวถ้วย คล้ายกับมีพลังมหาศาลกดทับที่ถ้วยใบนั้น บีบให้เสินเหม่ยต้องใช้พลังลมปราณถึงห้าส่วนผนึกเข้าที่ฝ่ามือ ก่อนปัดถ้วยชาออกไปจนสุดกำลัง เมื่อเป็นเช่นนี้เสินเหม่ยจึงคิดได้ว่า กำลังประมือกับยอดฝีมือเสียแล้ว  ถึงกระนั้นก็ยังแข็งใจตวาดออกไป แล้วก้าวเท้าร่ายรำเพลงหมัดที่ร่ำเรียนมา
           เสินเหม่ยปล่อยหมัดออกไปตามจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ทั้งรวดเร็วและดุดัน เสินเหม่ยใช้แรงด้วยสุดกำลัง หากแต่ตู๋เสอยังดูสบายบ่ายเบี่ยงตัวหลบราวกับภูตพราย ทุกครั้งตู๋เสอจะปล่อยให้หมัดของเสินเหม่ยใกล้จนเืกือบกระทบจุดที่เล็งไว้ จากนั้นเพียงชั่วพริบตาก็ก้าวเท้าโยกตัวหลบหลีกอย่างสบายอารมณ์ มือยังคงไพร่หลังไว้อย่างสง่าผ่าเผย เมื่อยามที่เบี่ยงบ่ายจะยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวว่า
           "ดี ดี.."
           สิ่งนี้ยั่วยุให้เสินเหม่ยเดือดพลุ่งพล่าน อันว่าการต่อสู้นั้นต้องสุขุมเยือกเย็น หากปล่อยให้ศัตรูควบคุมอารมณ์ของตนย่อมเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำสุดท้ายต้องพ่ายแพ้หมดรูป เป็นเช่นนั้นจริง เพียงไม่นานเสินเหม่ยก็ถูกตู๋เสอจับตัวไว้ เสินเหม่ยโดนบิดแขนจนเจ็บปวดมิอาจขยับกายได้  ตู๋เสอยื่นใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้แก้มขาวเนียนของเสินเหม่ย พลางเอ่ยวาจาถามว่า
           "เจ้าเกิดปีหู่ (ปีเสือ) ยามสาม วันที่สาม เดือนสาม ใช่หรือไม่?"
           "เจ้า!!...รู้!!" เสินเหม่ยเบิกตาด้วยความตกใจ
           "นี่คือวันเกิดของคนที่ม่อเจวียนต้องการ เจ้าคงรู้ มันเป็นมารร้าย  ย่อมฝึกอวิชา มีวิชาหนึ่งชื่อว่า งามอัมตะ วิชานี้ต้องฝึกบำเพ็ญเพียร จนถึงขั้นบรรลุสามารถขับเคลื่อนลมปราณได้ดั่งใจปราถนาแม้แต่ยามหลับนอน ร่างกายไม่ยุบไม่พอง ไม่อาจถูกศาสตราวุธใดทำอันตรายได้ ทั้งยังคงความงดงามของเรือนร่างมิเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ต้องดูดเอาพลังงานชีวิตของคนที่เกิดปีหู่ ยามสาม วันที่สาม เดือนที่สาม จึงจะสำเร็จขั้นสูงสุด บอกเท่านี้เจ้าพอเข้าใจหรือไม่"
ตู๋เสอกระซิบที่ข้างหูของเหยื่อ
           "เข้าใจ..เข้าใจแล้ว หากม่อเจวียนต้องการชีวิตข้า  ข้าจะยกให้ ข้าต้องปกป้องหมู่บ้าน" เสินเหม่ยกล่าวอย่างดื้อดึง
           "ไม่..เจ้ายังไม่เข้าใจ..หากม่อเจวียนสำเร็จวิชานี้ ทั้งทั่วหล้าจะต้องสิโรราบต่อมัน หมู่บ้านเจ้าก็ไม่เหลือแล้ว คนที่อ่อนแอต้องถูกมันทารุณอย่างอเนจอนาถ หาได้อยู่อย่างเป็นสุขไม่"  ตู๋เสอยังคงกระซิบต่อไป
           "เช่นนั้นก็มีค่าเท่ากัน ไปก็ตาย  ไม่ไปก็ตาย ข้าขอตายพร้อมกับญาติพี่น้อง ดีเสียกว่าหลบหนีราวกับกวางน้อยขี้ขลาดตาขาว" เสินเหม่ยเอ่ยวาจาอย่างมุ่งมั่น
           ฉับพลันตู๋เสอก็คลายมือออกจากการรัดกุม เสินเหม่ยขาอ่อนนั่งลงไปบนพื้นใกล้กับที่ตู๋เสอยืนอยู่
           "ได้ข้าปล่อยเจ้า....ถ้า..เจ้าสามารถก้าวขาออกได้" เสียงด้านบนฟังดูเย็นชา
            สิ้นเสียงนั้นเสินเหม่ยก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติในร่างกาย  เขากำมือแน่น ริมฝีปากเม้มกันสนิท เหงื่อกาฬเริ่มหลั่งไหล นี่เขาโดนพิษหรือนี่ แต่..แต่ทำไม..เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด ..ความรู้สึกมันกลับ..เหมือนความร้อนที่ไหลเวียนอยู่ภายใน มันไหลลงไปข้างล่าง ความร้อนที่เคลื่อนไหวได้ มันไปรวมอยู่ตรงนั้น  ตรงจุดนั้น
            "อาาา..อึก" เสินเหม่ยกัดฟันแน่น ไม่อยากให้เสียงเล็ดลอดออกมา ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มภายใน  ลำตัวเกร็งสั่นค้างไม่อาจเคลื่อนไหวด้วยกลัวกระทบกระเทือน  เขากลัวไปโดนสิ่งนั้น สิ่งที่กำลังถูกปลุกเร้าจากภายใน มันตื่นตัวแล้ว เสินเหม่ยยังคงนั่งอยู่กับพื้น กำมือแน่น ใบหน้าแดงซ่านทั้งโกรธ ทั้งอาย
            "หึ หึ นี่เป็นพิษชนิดหนึ่ง ไม่สิ จริงๆแล้วไ่ม่อาจเรียกพิษกระมัง เพราะมันนำไปหาความสุขทางกาย อืมม..ตอนนี้มันอยู่ในตัวเจ้า โทษใครไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าเอามือปัดถ้วยชาใบนั้น ช่างโง่เขลาเสียจริง ถ้วยใบนั้นผนึกด้วยลมปราณของข้า ภายในกายข้ามีพิษหลากหลายชนิด สามารถหลอมรวมกับลมปราณออกใช้จู่โจมศัตรู ดังนั้นถ้าพิษเข้าสู่ผู้ใด พิษนั้นย่อมขับเคลื่อนได้โดยง่ายโดยลมปราณของข้าภายในรัศมี2ลี้ หึ หึ เจ้าคงออกไปไม่ได้ไกลถึงขนาดนั้น ฟังสิ จงฟัง ได้ยินเสียงสุนัขป่าเห่าหอนหรือไม่ มันเป็นบริวารของข้าเอง หากอยากถูกกัดกิน ก็เชิญตามสบาย จงไตร่ตรองให้ดี ถ้าเข้าใจแล้ว จงทำตัวให้ว่าง่าย แล้วข้าจะคลายความพลุ่งพล่านในตัวเจ้า" ตู๋เสอเอ่ยวาจาเยือกเย็น ขณะที่จะหันหลังจากไป บุรุษผู้นี้ก็ได้กล่าวขึ้นอีก
            "อ้อ..เจ้าคงรู้แล้วสินะ ข้ามีนามว่าอันใด" ตู๋เสอปลายตามองยังเสินเหม่ยที่นั่งกัดฟันทรมานอยู่บนพื้น ก่อนยิ้มเยาะแล้วเคลื่อนกายออกไปจากห้องอย่างสง่าผ่าเผย
            "หึ..ใช่สิ  ข้ารู้แล้ว...คือเจ้านั่นเอง..ตู๋เสอเม่ย  ..อสรพิษตู๋เสอเม่ย..ไม่ผิดเพี้ยนเป็นแน่" เสินเหม่ยกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ต้องกัดริมฝีปากอีกครั้ง ด้วยความทรมานของความปั่นป่วนภายในร่างกาย


จบตอน


           
     
             


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2012 22:16:23 โดย cancan »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: :z13:

จิ้มไรเตอร์  มาทำให้ค้างง่าาาา :z3:

ว่าแต่หมาป่าหรอ?? คงไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหุ้ยหรอกเนอะ เอ๊ะหรือเกี่ยว??

ไรเตอร์สู้ๆๆค่ะ o13

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
เพิ่งได้เข้ามาอ่านทั้งสองเรื่อง เราว่ามันอีโรติคแต่ไมอนาจารนะ แต่หากจะลบออกจริงๆ แสดงว่าจะไม่มีตอนต่อแล้วเหรอคะ เสียดายอ่ะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้เรื่องการเป็นหมาป่าของกุ้ยหลิน และบทสรุปจริงๆอยู่อ่ะค่ะ

ปล สำหรับเรื่องที่สอง ก็มีหมาป่าอีก ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องแรกป่าวคะ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
กำลังสนุกเลยค่ะ...เสินเหม่ยจะโดนชิงตัวสำเร็จมั้ยน้า~ :z1:

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
:z13: :z13:

จิ้มไรเตอร์  มาทำให้ค้างง่าาาา :z3:

ว่าแต่หมาป่าหรอ?? คงไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหุ้ยหรอกเนอะ เอ๊ะหรือเกี่ยว??

ไรเตอร์สู้ๆๆค่ะ o13

เกี่ยวกันค่ะ คือตอนนี้ก็มีกุ้ยหลิน (เอ่อ..แหะ แหะ ไม่ใช่หลินหุ้ย) แต่ไม่โดดเด่นนะคะ  แต่จะรู้ความเป็นไปของกุ้ยหลิน
เพิ่งได้เข้ามาอ่านทั้งสองเรื่อง เราว่ามันอีโรติคแต่ไมอนาจารนะ แต่หากจะลบออกจริงๆ แสดงว่าจะไม่มีตอนต่อแล้วเหรอคะ เสียดายอ่ะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้เรื่องการเป็นหมาป่าของกุ้ยหลิน และบทสรุปจริงๆอยู่อ่ะค่ะ

ปล สำหรับเรื่องที่สอง ก็มีหมาป่าอีก ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องแรกป่าวคะ
ขอบคุณนะคะที่รู้สึกเสียดาย อ่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวจะรู้ถึงความเป็นไปค่ะ
กำลังสนุกเลยค่ะ...เสินเหม่ยจะโดนชิงตัวสำเร็จมั้ยน้า~ :z1:

อ่ะแน่นอนจิ ต้องสำมะเร็จอยู่แระล่ะ อิ อิ

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
กร๊ากกๆๆ ขายขี้หน้าประชาชี

กุ้ยหลินๆๆๆ แหะๆ

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ  ไรเตอร์มาอัพเร็วๆน่ะค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน

จะเกี่ยวกันไหม อยากรู้จัง

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0






ก่อนไปอ่านตอนสองของ"ปราบพยศ"  ขอฝากรูปของเรื่องแรกหน่อยนะคะ
รูปนี้คือ อวี้เหวินเต๋อ+กุ้ยหลิน
         พระเอก+นายเอก ของ..เรื่อง...วันคืนอันดื่มด่ำค่ะ  
         (อิอิ พอดีมาช้าไป วาดแล้วก็เอาไปโปรยไว้ตรงไหนของห้องไม่รู้  วันนี้เพิ่งเจอ เลยเอามาลงให้คิดถึงกันเล่นๆ)  



งั้น

ไปต่อกันเลยนะ.....ปราบพยศ ....ตู๋เสอ+เสินเหม่ย   :L2:




เดี๋ยวขอขึ้นรีอันใหม่นะ สงสัยมันติดที่รูปค่ะ เลยเวลาจะเช็คpreview มันช้ามาก

          
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2011 22:40:09 โดย cancan »

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ




ตู๋เสอ+เสินเหม่ย






ตอนที่2

           หลังจากนั้นเสินเหม่ยก็ได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของพิษร้าย ที่ตู๋เสอแอบถ่ายทอดจากพลังปราณลงสู้ถ้วยชาใบนั้น ซึ่งเป็นพิษร้ายที่สร้างความทรมานอย่างเหลือแสน ความเจ็บปวดมิได้เกิดขึ้นทางกาย หากแต่เกิดขึ้นทางใจ ความทรมานยากยิ่งที่จะอดกลั้นมิได้เกิดขึ้นทางใจ  หากแต่เกิดขึ้นทางกาย การเจ็บปวดทางใจคือความอัปยศอดสู น่าอับอาย ด้วยถูกย่ำยีศักดิ์ศรีแห่งบุรุษเพศ การเจ็บปวดทางกายคือความกระสันซ่านเสียวอย่างเหลือแแสน แต่มิอาจทำให้ทุเลาลงได้ด้วยตนเอง....
           สุดท้ายเสินเหม่ยก็ได้แต่ยินยอม  เขามิใช่คนขลาดเขลาหากตอนนี้ยังดื้อดึงกลับไป ก็ใช่ว่าจะรักษาชีวิตน้อยๆไว้ได้ ทางหนึ่งอาจทรมานเพราะพิษนี้จนตาย จะให้เขาทรมานเพราะความกระสันนี่จนตายน่ะหรือ...ช่างน่าอนาจยิ่งนัก ทางหนึ่งคือหนีไป หากแต่ออกไปจากนิวาสสถานแห่งนี้ได้ อย่างไรก็มิอาจแน่ใจว่า ต้องมุ่งสู่ทิศใดถึงกลับยังบ้านเกิดตนเองได้ กลัวเสียว่า..ยังมิทันจะไตร่ตรองอันใด คงถูกสุนัขป่าร้ายกาจของเจ้าปิศาจนั่นเล่นงานเสียก่อน เช่นนั้นย่อมเอาชีวิตน้อยๆไปตายเหมือนกัน
           หลังจากเสินเหม่ยยินยอมอยู่เป็นทาสเชลยของตู๋เสอ  เขาก็ได้รับการช่วยเหลือตามสัญญาที่ตู๋เสอให้ไว้ คือ ระงับพิษร้ายที่กำเริบอยู่ให้ โดยการถ่ายทอดลมปราณของตู๋เสอ เสินเหม่ยมิทราบแน่ว่าตู๋เสอใช้วิธีถ่ายทอดอันใด เขาเห็นเพียงแต่คนผู้นั้นใช้สองนิ้วหนึ่งชี้หนึ่งกลางวาดลงบนฝ่ามือของเสินเหม่ย  เพียงเท่านั้นความร้อนรุ่มภายในก็มลายหายไป รู้สึกพลังความร้อนบางกลุ่มไหลย้อนเข้าจุดเหลากงบริเวณฝ่ามือที่ตู๋เสอใช้สองนิ้วแตะเอาไว้ หลังจากนั้นความร้อนนั้นก็มลายหายไปเช่นกัน สุดท้ายตู๋เสอเอ่ยเพียงว่านี่มิใช่การถอนพิษ หากแต่เป็นการสะกดไว้ในฝ่ามือของเสินเหม่ย ตู๋เสอกำชับว่าหากทำตัวได้ดีจริงเขาก็จะให้ยาถอนพิษ แต่ถ้าเสินเหม่ยคิดกลับคำ เขาก็จะขับเคลื่นพิษนี้ออกมาใหม่ เช่นนั้นจงระวังตัว ขอเพียงรู้ฐานะความเป็นเชลย ต้องเชื่อฟังทุกคำบอกกล่าว เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหายุ่งยากอันใด
           และด้วยรู้ว่ามิมีหนทางใดจะฝ่าฝืนเสินเหม่ยก็ได้แต่เก็บงำความโกรธแค้นไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย  เขายอมอยู่ที่นี่ ยอมเชื่อฟังตู๋เสอ เป็นทาสรับใช้ ซึ่งหน้าที่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก ออกจะเป็นงานบ้านงานเรือนเสียด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นงานที่ไม่ต้องใช้สมอง หรือพละกำลังเท่าใดนัก แต่ก็ทำให้เสินเหม่ยรู้สึกเจ็บปวดโกรธแค้น เพราะงานเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ของอิสตรีทั้งสิ้น  แรกๆเสินเหม่ยเอาแต่เถียงคอแข็งว่างานเช่นนี้ต้องให้สาวใช้เป็นผู้กระทำถึงถูกต้อง ส่วนงานอื่นเช่นตัดฝืน หรือก่อสร้างซ่อมแซมเขายินยอมทำทั้งสิ้น เพียงเอ่ยออกไปเท่านั้น เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอเอาแต่หัวร่อฮอฮาเป็นการใหญ่
           พอหัวร่อจนหนำใจ ตู๋เสอก็อธิบายว่า เขาไม่มีสาวใช้ ทุกครั้งงานพวกนี้เขาก็ทำเองเแทบทั้งสิ้น ไม่เห็นต้องคิดมากอันใด  เหตุไฉนเสินเหม่ยผู้เป็นเพียงเชลยต้องเรื่องมากด้วย ทั้งคนผิวบอบบางเช่นเสินเหม่ยจะทำงานแบบนั้นได้อย่างไร  ถึงจะมีวรยุทธแต่ยังอ่อนหัดนัก  เนื้อตัวก็บอบบางดูไร้พละกำลัง มิหนำซ้ำส่วนสูงนั้นยังดูมีปัญหา เนื่องจากเสินเหม่ยเตี้ยแค่ปลายคางของตู๋เสอเท่านั้น
           หลังจากได้ยินวาจาของตู๋เสอที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนสูง เสินเหม่ยก็ให้รู้สึกเหมือนโดนลูกดอกธนูปักกลางอก ก็เรื่องส่วนสูง มันเป็นเหมือนปมด้อยแต่วัยเยาว์ ถูกล้อเลียนเรื่อยมา เช่นนี้เป็นเหตุให้เสินเหม่ยมุ่งมั่นฝึกยุทธ พอมีวิชาหมัดมวยแก่กล้ากว่าเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาก็ไม่ถูกล้อเลียนอีก คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์โดยตู๋เสอ ผู้ที่เขาไม่อาจต่อกรด้วย พอฟังคำนั้นของตู๋เสอก็ทำให้เสินเหม่ยเลือดขึ้นหน้า โกรธตัวสั่น ต่อว่าตู๋เสอที่พูดจาดูถูก ตอนแรกตั้งใจจะอาละวาดพังข้าวของเครื่องใช้นั่นแหละ เอาให้ย่อยยับ เพราะสู้กับคนไม่ได้นี่ แต่พอได้ยินเสียงตวาดดังๆ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงรังสีอำหิตอันเย็นชา เสินเหม่ยก็มีอันต้องกล้ำกลืนโทสะเอาไว้ทั้งหมด ด้วยไม่อยากทรมานเพราะพิษร้ายที่ถูกสะกดเอาไว้ในฝ่ามือ นึกได้เพียงแต่ว่า รอก่อน  รอก่อนเถิด ตู๋เสอ เจ้ามันก็ร้ายกาจไม่แพ้พญามารม่อเจวียน ขอเพียงเขามีโอกาส  โอกาสอันน้อยนิด เสินเหม่ยผู้นี้จะรีบคว้าเอาไว้ โอกาสที่จะควักเอาหัวใจคนอำมหิตออกมาเหยียบย่ำให้จมดิน
           ทุกวัน..นอกจากเสินเหม่ยต้องดูแลเช็ดถู ทำความสะอาดมิให้ขาดตกบกพร่อง  ใช่แล้ว...ตู๋เสอ นอกจากนิสัยเย็นชา อ่านใจได้ยาก คนผู้นั้นยังเป็นคนละเอียดรอบคอบ ตรวจตราทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนไหนที่เสินเหม่ยยังทำไม่สะอาดเรียบร้อย เมื่อตู๋เสอได้เห็นเพียงเท่านั้น เสินเหม่ยก็เป็นอันต้องลงมือทำใหม่ทุกครั้งไป สร้างความเหน็ดเหนื่อยแก่เขายิ่งนัก นอกจากนี้เสินเหม่ยยังมีหน้าที่ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ทั้งกับของตู๋เสอและของสุนัขป่าที่เป็นบริวารของตู๋เสอ ทุกวันเสินเหม่ยต้องเอาชิ้นเนื้อสดขนาดใหญ่สี่ชิ้นไปวางไว้ในป่า  ซึ่งอยู่ในระยะของเคหะสถานของตู๋เสอ แน่นอนว่าทุกย่างก้าวของเสินเหม่ยนั้น ตู๋เสอสามารถรับรู้ได้ทั้งสิ้น เนื้อสดที่เสินเหม่ยเอาไปให้สุนัขป่าเหล่านั้น ตู๋เสอจะเป็นผู้หมักและคลุกเคล้ากับสมุนไพรตำหรับพิเศษ ตู๋เสอบอกเพียงแต่ว่า ยาสมุนไพรเหล่านี้บำรุงกำลังแก่สุนัขของเขาได้อย่างดี
           สำหรับสำรับอาหารของตู๋เสอนั้น เสินเหม่ยก็ต้องเป็นผู้จัดขึ้น แล้วยกเข้าไปให้ตู๋เสอถึงในห้องหับ ทุกครั้งก่อนลงมือรับประทาน ตู๋เสอจะใช้เข็มเงินจิ้มสำรวจอาหาร เพื่อความแน่ใจว่าเสินเหม่ยมิได้แอบวางยา จนเมื่อหลายวันผ่านไป ตู๋เสอก็ล้มเลิกการทดสอบอาหาร ทุกวันนี้ขอเพียงสำรับตั้งตรงหน้า ตู๋เสอก็จะลงมือจัดการทันที  เฉกเช่นวันนี้ ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่เสินเหม่ยเอาสำหรับอาหารที่ปรุงเรียบร้อยเข้าไปให้ตู๋เสอ ที่นั่งรออยู่แล้ว  เสินเหม่ยค่อยๆเดินเข้าไปแล้วเอาสำรับวางลงบนโต๊ะ
          "อืม..หอมดีจริง..หน้าตาไม่เลว"  ตู๋เสอชมอาหารในสำรับ ซึ่งมีข้าว น้ำซุป และเนื้อผัดกับสมุนไพร
          "เช่นนั้น..ข้าขอตัว.."  เมื่อวางสำรับเรียบร้อย เสินเหม่ยก็เอ่ยวาจาขอออกมา ทุกครั้งตู๋เสอจะรับประทานคนเดียว ส่วนเสินเหม่ยจะรับประทานในครัว
          "นั่งลง..วันนี้ทานด้วยกัน"  
          "........................." ประโยคเอ่ยชวนทำเอาเสินเหม่ยยืนตัวแข็ง เพราะมิคิดว่าตู๋เสอจะอยากให้เขาทานด้วย
          "นั่งลง..อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สาม..เพราะข้ารับรองได้ว่ามันจะไม่มีแน่นอน"  เสียงนั้นเริ่มเย็นชา
          เมื่อเสินเหม่ยได้ยินเช่นนั้นเขาจึงต้องจำใจนั่งลง  ตู๋เสอกำลังจะลงมือรับประทานแล้ว หากแต่เห็นเสินเหม่ยยังนั่งนิ่ง  สร้างความหงุดหงิดยิ่งนัก จึงกล่าววาจาขึ้น
          "เหตุใดไม่ถือตะเกียบ หากยังนั่งนิ่งเช่นนี้ ข้าคงต้องเอาอาหารพวกนี้กรอกเข้าปากของเจ้าด้วยตัวเองเสียแล้ว"
          เสียงนั้นฟังดูหงุดหงิด และเริ่มจริงจัง จนเสินเหม่ยต้องรีบถือตะเกียบ...และสิ่งที่ตู๋เสอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเสินเหม่ยเอาตะเกียบคีบชิ้นเนื้อส่งให้ถึงปาก ทั้งยังโปรยยิ้มหวานราวกับเทพยดา สร้างความงุนงงแก่เขายิ่งนัก  แต่ก็มิอาจเอื้อนเอ่ยอันใดได้ทัน ได้แต่คาบชิ้นเนื้อกลืนกินเข้าไปเพราะตกตะลึงในรอยยิ้มเช่นนั้นของเสินเหม่ย
          เพียงแค่นั้น เสินเหม่ยก็ได้แต่คีบนู่นคีบนี่ให้ตู๋เสอรับประทาน พร้อมทั้งยังสาธยายคุณประโยชน์ต่างๆของสมุนไพรที่เสินใหม่ปรุงลงไปในอาหาร สร้างความเพลิดเพลินแ่ก่ตู๋เสอยิ่งนัก  
          แต่เพียงไม่นานตู๋เสอก็ต้องนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด  เนื่องจากเขารู้สึกปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะ ตู๋เสอปล่อยตะเกียบเอามือกุมท้องไว้  เขาตบโต๊ะดังปัง ถ้วยชามกระเด็นกระจัดกระจาย ตู๋เสอเอามือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะยันกายลุกขึ้นยืน เพียงแค่เคลื่อนไหว อาการปวดแสบปวดร้อนก็แผ่กระจายไปทั่ว ตอนนี้กำลังแสบถึงในลำคอของตู๋เสอแล้ว  ตู๋เสอชี้หน้าเสินเหม่ยอย่างโกรธแค้น  กล่าวออกมาด้วยโทสะ
          "เจ้า...เจ้าวางยาข้า"
          "ใช่...หึ หึ ..ข้าวางยาพิษในอาหาร...ตู๋เสอ อาหารที่เจ้ากินไปเมื่อครู่นั่นยังไง" เสินเหม่ยแค่นยิ้มตอบ ตอนนี้เสินเหม่ยลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับตู๋เสอ  เขากล่าวออกไป
          "นี่เป็นยาพิษ  ไร้สี  ไร้กลิ่น  ไร้รส โดยปกติข้าจะเอาไว้อาบคมกระบี่  ยาพิษนี้หากเข้ากระแสเลือดหรือกลืนกินเข้าไปย่อมอันตรายถึงแก่ชีวิต ต้องปวดแสบปวดร้อนนอนตายอย่างอนาจ  และที่สำคัญไม่มียาอันใดถอนพิษนี้ได้"  เสินเหม่ยกล่าวอย่างผู้มีชัย
          "เจ้า...เจ้า.."ตู๋เสอกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ล้มลง
          "ฮาฮา ..โทษใครไม่ได้ เจ้าอยากประมาทเอง เช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัวเจ้าแพร่พิษในร่างกายข้าอีกต่อไป  ขอเพียงข้าหลบหลีกจากสุนัขป่าของเจ้าได้ ข้าย่อมเป็นอิสระ...เจ้าจงรอความตายอยู่ที่นี่เถิด ตู๋เสอ..ข้าไปล่ะ" เสินเหม่ยกล่าวทิ้งท้าย  เขาหันกายเดินไปที่ประตู และช่วงที่จะก้าวข้ามธรณีประตูออกไป  เสินเม่ยก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบข้างใบหู
          "หึ หึ เสินเหม่ย..เจ้าผิดแล้ว"
          สินเหม่ยคิดคำนึง นั่นมิใช่เสียงของตู๋เสอหรอกหรือ เขามิได้นอนชักอยู่หรอกหรือ เหตุใดน้ำเสียงถึงแฝงด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่ง มิใช้เขาโดนยาพิษครอบงำหรอกหรือ
          สินเหม่ยยืนค้างนิ่งตัวแข็งทื่อ เขายังมิได้ก้าวขาข้ามธรณีประตูออกไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ทันที่เสินเหม่ยจะคิดใคร่ครวญอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังมืดมน ก่อนสิ้นสติสมประดีไปในที่สุด
          
                                        """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

          พอรู้สึกตัวอีกที เสินเหม่ยก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องหับ เขาพยายามส่ายหัวไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงง เสินเหม่ยพยายามขยับแข้งขา แต่แล้ว...เขาก็ต้องตกใจ  เมื่อสองมือสองเท้าถูกพันธนาการไว้ทั้งสี่ด้าน  สองมือแยกออกถูกพันธนาการไว้เหนือศรีษะ  สองเท้าแยกออกถูกพันธนาการไว้ด้านปลายของเตียง  เสินเหม่ยรู้สึกถึงไอเย็นของอากาศที่กระทบถูกผิว เขายกศรีษะขึ้นสำรวจเสื้อผ้า ก็ต้องพบว่า บนร่างกายไม่มีอาภรณ์ลงเหลือเลยสักชิ้น  ใบหน้างามของเสินเหม่ยเริ่มเปล่งสีแดงเรื่อ พร้อมกับดวงตาสวยที่เบิกโพรงด้วยความตระหนก  และแล้วเสินเหม่ยก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง
          "หึ หึ ดูผิวของเจ้าสิ ช่างขาวนวลเปล่งปลั่งดั่งดรุณีแรกแย้มก็มิปาน" ตู๋เสอที่นั่งจิบชา กำลังมองเรือนร่างของเสินเหม่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย
          "ทะ...ทำไม...เจ้าไม่ตาย"  ถึงแม้ตอนนี้ความอับอายและความโกรธมันประดังประเดปั่นป่วนไปหมด แต่เสินเหม่ยก็ยังอยากรู้ว่าเหตุใดยาพิษนั้นถึงใช้การไม่ได้  เขาจึงกัดฟันถามออกไป
          " ฮา ฮา ฮา เจ้านี่น่าหัวร่อยิ่งนัก....ข้าเป็นใครเจ้าก็รู้ดี...เหตุอันใดพิษเช่นนี้ข้าจะจัดการไม่ได้  ขอเพียงมันไม่แล่นเข้าขั้วหัวใจอย่างเฉียบพลัน ข้าย่อมผลักดันลมปราณภายในขับเอามันออกมาได้ นี่ช่างง่ายยิ่งนัก ฮา ฮา ฮา" ตู๋เสอหัวร่อต่อความอ่อนต่อโลกของเสินเหม่ย
          "เจ้า..เจ้า..ฆ่าข้าเสียเถิด" เสินเหม่ยกัดฟันกล่าวออกไป
          "ฆ่าเจ้า..ฆ่าเจ้าแล้วสนุกอันใดเล่า" ตู๋เสอนั่งจิบชากล่าวออกมาอย่างสบายๆ  แล้ววางถ้วยชาลง เขามองเสินเหม่ยด้วยแววตาที่แสนเย็นชา
          "ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือ อย่าทำให้มีปัญหายุ่งยาก  ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นทีต้องลงโทษเพื่อให้หลาบจำ"
          "อย่า.." เสินเหม่ยส่ายหน้า  ด้วยรู้ถึงบทลงโทษ เขาไม่อยากให้ตู๋เสอกระตุ้นพิษนั้นออกมา เขาไม่อยากรู้สึกแบบนั้น ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
          แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว เมื่อตู๋เสอกำลังพุ่งพลังปราณมายังเสินเหม่ย เขาขับเคลื่อนพิษออกไปแล้ว
          "อึก....อ๊ะ..อึก" เสินเหม่ยเกร็งลำตัว ความร้อนรุ่มกำลังก่อตัวในท้องน้อยช่วงล่าง
          ตู๋เสอมองร่างขาวสะอาดที่เริ่มเปล่งสีชมพูเรื่อๆบิดไปมาด้วยความทุรนทุราย
          หลังจากความร้อมรุ่มแผ่ซ่านไปทั่ว เสินเหม่ยก็แทบจะทนไม่ไหว เขากัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ไม่อยากให้เสียงน่าอายเล็ดลอดออกมา ตอนนี้ความร้อนนั้นก่อตัวไปทั่ว  มันเคลื่อนไปทุกที่ที่ไวต่อสัมผัส ความกระสันซ่านเสียว ทำให้เสินเหม่ยแอ่นกายจนโค้ง เขามิอาจเก็บเสียงน่าอายไว้ได้ต่อไป
          "อึก...อ๊ะ...อ๊าา..อึก"
          ตู๋เสอมองร่างขาวอมชมพู  เขาใช้สายตาที่แสนเย็นชาเพ่งพิศใบหน้างามที่เชิดขึ้นด้วยความทรมานเกร็งกระสัน เกศาเป็นมันดำขลับหลุดจากผ้าที่พันรวบเอาไว้ เส้นผมแผ่สยายไปทั่ว  ใบหน้างามยังมีไรผมที่แปดเปื้อนหยาดเหงื่อ ติดแต้มคลอเคลียตามเนินหน้าผากและโหนกแก้ม ตู๋เสอไล่สายตามาตามลำคอระหง ลงไปที่ไหปลาร้า เนินอกที่มีกล้ามแบบบุรุษเพศ หากแต่เนื้อนวลเนียนชวนสัมผัส  เนินอกกำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจหอบถี่ของเสินเหม่ย แต่สิ่งนั้นยังไม่เย้ายวนเท่ากับ เม็ดทับทิมสีชมพูทั้งสองด้านที่เต่งตึงจนเห็นได้ชัด มันกำลังลอยขึ้นลงตามแรงเคลื่อนตัวของคลื่นแห่งเนื้อนวล สายตาของตู๋เสอยังคงไล่ลงไปเรื่อยๆ ผ่านซี่โครงที่เกร็งจนเห็นเป็นรูป ผ่านรอยบุ๋มของสะดือ สายตาของตู๋เสอแทบจะแหวกเข้าไปในพงหญ้าด้านล่างนั้น ก่อนไล่ขึ้นไปสำรวจความโดดเด่นของหอคอยที่ตั้งตระหง่าน เจ้าของพื้นที่นี้กำลังนอนระทวดระทวยสีหน้าทรมานเป็นอย่างยิ่ง
          ตู๋เสอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เตียง เขานั่งลงตรงหัวเตียง ก้มลงกระซิบวาจาข้างๆใบหูของเสินเหม่ย
          "ต้องการให้ช่วยหรือไม่?"
          "มะ..อ๊ะ..อ๊าา..ไม่..อึก"
          เสินเหม่ยแข็งใจตอบ เขาพยายามเม้มริมฝีปากให้สนิทกริ่งเกรงว่าจะปลดปล่อยเสียงน่าอาย  
          "หึ..หึ..เป็นเช่นนั้น..จริง?"
          เสียงเย็นชากวนโทสะยังคงดังอยู่ข้างใบหู
          "ขะ..ฆ่า..ฆ่าข้าเสียดีกว่า..อึก"
          "หึ..หึ..เจ้ารู้หรือไม่..ข้ามันชอบขัดใจผู้อื่น.."
          สิ้นเสียงนั้น ลิ้นแหลมๆอุ่นๆของตู๋เสอก็แทรกเข้าไปในร่องหูอย่างแผ่วเบา ทำเอาเสินเหม่ยกลั้นเสียงไม่ไหว จำต้องส่งเสียงครางหวานออกมา
          "อ๊าาา..อึก..ฮะ..อึก"
          "ชอบ..ใช่หรือไม่..ชอบ..เจ้าชอบ..หึหึ"
          "ไม่..อึก..อ๊ะ..อ๊าาา"
          เสินเหม่ยปฏิเสธ แต่พอสัมผัสถึงชิวหาซุกซนที่ซอกตรงใบหูอีกครั้งก็ต้องเปล่งเสียงออกมา
          "หึ หึ ข้ารู้เจ้าชอบ หากแต่ปากแข็งมิยอมอ่อนข้อให้ข้า ใช่ไหมเล่า เสินเหม่ย"
          ".............." เสินเหม่ยไม่อยากต่อปากต่อคำอีกแล้ว เขาได้แต่เม้มปากแน่น สิ่งนี้ทำให้ตู๋เสอเกิดโทสะจริต ตู๋เสอใช้น้ำเสียงเย็นชา เอ่ยวาจาต่อเสินเหม่ยที่นอนเรือนกายสั่นระริก
          "ดี..ไม่อยากพูดไม่เป็นไร...ข้าจะค่อยๆทำความคุ้นเคยกับร่างกายของเจ้า เช่นนี้ทั้งคืน คอยดูเถิดว่าเจ้ายังปิดปากอยู่ได้หรือไม่"
          เป็นเช่นนั้นจริงๆ...ตลอดหลายชั่วยาม เสินเหม่ยต้องทนกับอาการคันและเสียวซ่าน  ร่างกายบิดไปมาอย่างเร่าร้อน ทุรนทุราย พอใกล้ถึงความสูงสูดแห่งอารมณ์ ตู๋เสอก็จะสะกดพิษร้ายกลับเข้าไปในฝ่ามือของเสินเหม่ยอีกครั้ง คราแรกเสินเหม่ยใจชื้นขึ้นเขาหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย รู้สึกตาลาย สมองอื้ออึงไปด้วยพิษของความกระสันซ่าน  แต่เพียงห้าลมหายใจเข้าออกของเสินเหม่ยผ่านพ้นไป ตู๋เสอก็ขับเคลื่อนพิษร้ายนั้นออกมาใหม่ คราวนี้กลับสร้างความทรมานแก่เสินเหม่ยมากขึ้น เพราะมิได้ระบายความสุขที่คั่งค้างออกมาจากครั้งก่อน ต่อจากนั้นพอสักพักตู๋เสอก็สะกดพิษนั้นไว้อีก เป็นเช่นนี้สลับวนไปวนมา จนหลายชั่วยามผ่านไป  ตู๋เสอยังคงนั่งเคียงข้างเสินเหม่ย
          "หึ หึ ครานี้เจ้าต้องการอันใด.." เสียงของตู๋เสอเอ่ยวาจาถาม
          "หากเจ้าไม่คิด.....ฆ่า...ข้า...ก็จะ..จง..อย่า..อะ..เอ่ย..ถาม..อะ..อันใด..อีก"  เสียงของเสินเหม่ยสั่นสะท้าน
          "หึ หึ ข้าไม่คิดฆ่าเจ้า ทั้งยังจะช่วยเจ้า เอาเถอะ ครานี้พอแค่นี้ บทลงโทษนี้หวังว่าเจ้าจะจดจำ มาเถอะเสินเหม่ย ข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่อนคลาย" ขาดคำ ตู๋เสือก็เอื้อมมือไปปลดเชือกที่ผูกข้อมือของเสินเหม่ยไว้ทั้งสองด้าน  แล้วช้อนลำตัวของเสินเหม่ยขึ้นนั่ง ส่วนตัวของตู๋เสอเองนั้น เขาได้นั่งซ้อนหลังของเสินเหม่ยเอาไว้ เขาให้เสินเหม่ยพิงหน้าอกของตนเองไว้
          "จะ..เจ้า..ทำ..อันใด" เสินเหม่ยถามตู๋เสอที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
          "ช่วยเจ้าไงเ่ล่า.." สิ้นเสียงนั้นของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอยื่นมืออกไป ตู๋เสอใช้ปลายนิ้ววนตรงยอดหอคอยของเสินเหม่ยที่หยาดเยิ้ม
          "ฮะ...อ๊าาาาาาาา" เสียงครวญครางของเสินเหม่ยเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย
          "ชอบใช่ไหม..เสินเหม่ยคนดี หึ หึ " เสียงทุ้มต่ำเย็นชาของตู่เสอยังคงกระซิบก่อกวนโสตประสาทของเสินเหม่ย
          "อ๊ะ..มะ..ไม่" เสินเหม่ยกลั้นใจกว่างเสียงแข็ง
          หลังจากนั้นตู่เสอก็ลุกขึ้น เขาค่อยๆปล่อยเสินเหม่ยนอนราบ จากนั้นเดินไปที่ปลายเตียงแล้วแกเชือกที่มัดข้อเท้าทั้งสองข้างของเสินเหม่ยออก เขาจับขาทั้งสองข้างของเสินเหม่ยชันเข่าขึ้น
          "อ๊ะ..อ๊าาา" เพียงชั่วครูเสินเหม่ยก็ต้องแหงนหน้าร้องออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งลักษณะกลมกลึงที่ตู๋เสอยัดเข้าไปในช่องทางนั้น เพียงชั่วสองลมหายใจเข้าออกช้าๆ ตู๋เสอก็กลับมานั่งซ้อนหลังของเสินเหม่ยตามเดิม พร้อมทั้เอ่ยวาจาว่า
          "นั่นคือสมุนไพรชั้นดี จะช่วยให้เจ้าผ่อนคลายหลังจากข้าช่วยให้สุขสม.."
          "อึก"  เสินเหม่ยไม่สามารถพูดอันใดได้อีกแล้ว เขาไม่มีแรงต่อต้านอีกแล้ว
          "หึ..หึ  ครานี้ข้าจะช่วยเจ้าแล้ว..เสินเหม่ยคนดี"  สิ้นเสียงนั้นของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็รับรู้ได้ถึงฝ่ามือร้อนที่กอบกุมหอคอยของเสินเหม่ยเอาไว้ มันกำลังเคลื่นไหว ขึ้นลงอย่างเชื่องช้า
          "อ๊ะ..อ๊าาาาา" เสินเหม่ยหลับตาลงเนื่องจากไม่อยากเห็นภาพบัดสีเบื้องหน้า ด้วยใบหน้าที่เชิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าเขากำลังพิงบ่าแข็งแรงของตู๋เสออยู่  เสินเหม่ยรับรู้ถึงอาการเคลื่อนไหวของฝ่ามือร้อนนั้น มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงจนเสินเหม่ยต้องเปล่งเสียงครวญคราง และเริ่มขยับสะโพกตาม สองปลายเท้ากำลังจิกลงบนพื้นเตียง
          "อ๊ะ..โอ้วววอ๊าาา" เพียงแค่ขยับสั่นไหวสะโพกของตนเอง เสินเหม่ยกับรับรู้ได้ถึงเม็ดยาที่ถูกสอดใส่อยู่เบื้องหลัง  ยาเม็ดนั้นกำลังถูกผนังนุ่มๆบดเบียดไปมา บางทีก็เคลื่อนเข้า บางที่ก็ถูกบดจนเคลื่อนออก เสินเหม่ยรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของมัน
          "อ๊ะ...อะ..อ๊าาาา" เพียงแค่ยาเม็ดนั้นเคลื่อนถึงจุดที่สร้างความหฤหรรษ์ดำมืด ก็ทำเอาเสินเหม่ยเกร็งตัวแหงนหน้าจนสุด มันบังคับให้เขาต้องขยับสะโพกแรงขึ้น
          ความรุนแรงจากสัมผัสของอุ้งมือตู๋เสอที่กอบกุมไว้ด้านหน้า และความหยอกเย้าจากเม็ดยาที่กลิ้งไปมาด้านหลัง  สร้างความกระสันแก่เสินเหม่ย จนวาระสุดท้ายเสินเหม่ยก็สามารถระบายเอาความสุขนั้นออกมาได้จนหมด โดยมีตู๋เสอช่วยรีดเค้นออกมาให้ เม็ดยาด้านหลังที่โดนเคล้าคลึงจนเล็กลงก็หลุดออกมาด้วย
          เพียงเท่านั้นความทรมานของเสินเหม่ยก็สิ้นสุดลง แพขนตางอนยาวของเสินเหม่ยค่อยๆปิดดวงตาหรี่ปรือลงอย่างช้าๆ เสินเหม่ยหมดเรี่ยวแรงหลับไปแล้ว นี่ก็เป็นเพราะฤทธิ์ยาเม็ดนั้นด้วย ขอเพียงเสินเหม่ยตื่นขึ้นมาอาการขบปวดเมื่อยล้าก็จะหายไป
          ตู๋เสอยังคงมองเรือนร่างงดงามนั้นอย่างไม่วางตา  เขาเอ่ยวาจากับร่างที่ไม่ได้สติว่า
          "ต่อนี้ไปเจ้าคงรู้แล้วนะ...อย่าคิดต่อกรกับข้าอีก...เสินเหม่ยคนงาม..เสินเหม่ย..เทวดาน้อยๆ..หึหึ...เทวดาในอุ้งมือของข้า"
          หลังจากนั้นตู่เสอได้จัดแจงเอาผ้าแพรนุ่มสบายคลุมเรือนร่างของเสินเหม่ยไว้ เขาค่อยๆเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ตู๋เสอเดินก้าวข้ามธรณีประตูออกไป ก่อนที่จะปิดตูห้องหับลงช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เย็นชา




จบตอนค่าาาาา
 :L1:


          






 
              
          
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2011 06:47:06 โดย cancan »

b27072010

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ferly

  • บุคคลทั่วไป
ไร้คำบรรยาย

นอกจาก...

ภาพสวยค่ะ ไลค์ๆๆๆ ;D

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
แง....ใจร้ายอะ
ค้างแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า
ปล.อะหนูล้อเล่น

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เอ หมาป่า จะเกี่ยวกับนายเอกตอนก่อนมั้ยอ่าคะ พระเอกเรื่องนี้ออกจิตๆนะเนี่ย  :laugh:

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
งอกมาอีก8%แล้ว
แง๊วขออีกหน่อยได้ป่าวค้า

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้ซาดิสต์รึปล่าวค่ะ??

ว้าววว  จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยย :z1: :z1:

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
อีดิตเพิ่มครบแล้วนะ อ่านได้เลย ขอบคุณทุกเม้นนะคะ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
 :jul1: ปราบพยศหนุ่มดื้อ อร๊ายย ชอบสำนวนนะคะ  :pig4:

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
 :z1: :z1: ชอบอ่าาาา เอาอีกน๊าา

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เหอะๆ พระเอกออกแนว SM นะเนี้ยยยย  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด