พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: cancan ที่ 04-01-2011 13:21:54

หัวข้อ: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 04-01-2011 13:21:54
      ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
     







       
           
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 04-01-2011 15:57:48
ค้างเลยพี่น้อง

  :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-01-2011 16:34:07
อัพด่วนงับ


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-01-2011 17:29:31
ตัดไดจังหวะมากเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: marblecheeze ที่ 04-01-2011 19:28:55
กรี้ดดดด
ค้าง !!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 04-01-2011 19:37:14
ต้อนรับเรื่องใหม่ :mc4:
เริ่มต้นก็แรงแล้ว :haun4:
+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-01-2011 19:49:07
 :pighaun:

รออย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน18+ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-01-2011 20:03:55
มาเรียกเลือดแล้วจากไปเยี่ยงนี้ได้อย่างไร

-.,-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-01-2011 21:56:52
ขอผ้าซับเลือดด้วย

 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: Killua ที่ 04-01-2011 22:02:55
 :haun4: รีบกลับมาต่อเทอดท่าน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: bowybowi ที่ 04-01-2011 22:05:19
เรื่องสั้นหรอเนี่ย~~~~
เรื่องยาวก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ
แค่ตอนแรกก็ nc เลือดพุ่ง โอยยย กว่าจะจบ มิหมดตัวรึ หุหุ  :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-01-2011 22:05:44
เชื่อแล้วว่าแรงจริง :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-01-2011 22:41:38
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

แนวจีนเริ่ดๆที่หาอ่านได้ยากเขียนเก่งมากเลยค่ะ

ยิ่งnc หุหุ

รอตอนต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: sa~waii ที่ 04-01-2011 23:14:03
เลือดกระจุยกระจายกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 04-01-2011 23:14:38
กรี๊ดดดๆๆๆๆ เลือดหก  :haun4:


รออยู่นะ


สู้ๆคร่า

^^


 :3123: :L2:


 :L1:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(จบตอน1แล้ว^^อ่านได้เลย)18+(อย่างแรงนะคะ)ควรใช้วิจารณญาณในการอ่
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 04-01-2011 23:51:50
เเจ่มgood
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน1)NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 05-01-2011 17:39:17
ปาดหน้าปะคะเนี้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน1)NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 05-01-2011 18:19:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน1)NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 05-01-2011 18:37:53
พลังลมปราณที่สามารถเปลี่ยนฤดูกาลได้ สุดยอดดดด เก่งจิงๆ   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว45%)NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 05-01-2011 21:28:30
ขอดันนิดนึงนะคะ  มือหงิกและ  ยังพิมพ์ไม่จบเลยอ่ะ เดี๋ยวขอพักแป๊บนะ   :pig4:ทุกเม้นค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC18++
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 06-01-2011 02:08:49
 :m25: :m25: :m25:

ไรเตอร์เราว่ามันไม่ใช่ NC 18+ แล้วแหละ น่าจะ 20+ ได้แล้วน่ะ

ว่าแต่มีกดจุด้วย โอ้วพระเจ้าาาา :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 06-01-2011 06:37:14
เอาล่ะค่ะเปลี่ยนเป็นNC22++แล้วนะ55555 :laugh: :laugh: :laugh:เพิ่มไปอีก2กันหัวใจวายตาย5555 :laugh: :haun5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 06-01-2011 07:01:27
เอ่อ...เข้าใจผิดว่าcancanอายุอานามน่าจะอยู่ประมาณม.ต้นมาตลอด
พี่เข้าใจผิดใช่มั้ยเนี่ยยยย?  O(>///<)O
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 06-01-2011 07:08:41
เอ่อ...เข้าใจผิดว่าcancanอายุอานามน่าจะอยู่ประมาณม.ต้นมาตลอด
พี่เข้าใจผิดใช่มั้ยเนี่ยยยย?  O(>///<)O
555ถ้าหมายถึงฝีมือการเขียนล่ะก็ใช่ค่ะcancanเป็นมือใหม่หัดเขียนเทียบเท่าเด็กม.ต้นหรือประถมปลายก็มิปาน
แต่อายุเราอาจไล่เลี่ยกันก็ได้นา555 :laugh: :laugh: :laugh: o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: เรียกข้าว่าอิแรด ที่ 06-01-2011 07:10:35
กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!~~~~~~
 :-[ :impress2: :o8: อ๊ายย เขิน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 06-01-2011 07:40:18
กดจุด ใช้ได้จริงป่าวเนี้ย เดี่ยวจะเอาไปลองบ้าง 55555555555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 06-01-2011 08:44:06
กรี๊ดดดดด เลือดไหลเป็นทางแล้ววว อยากอ่านอีก ^_^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: akira_aki ที่ 06-01-2011 12:04:21
อ่านตอนแรกก็เลือดพุ่งแล้ว :haun4:

แล้วจะมาอ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 06-01-2011 13:25:22
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
มีกดจุดด้วย  แบบนี้มีต่อทั้งคืนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-01-2011 15:51:17
 :m25: :m25: :m25:

ขอผ้าซับเลือด 2 ผืนเลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 06-01-2011 21:10:50
กดจุด ใช้ได้จริงป่าวเนี้ย เดี่ยวจะเอาไปลองบ้าง 55555555555+
ชะอูยย  อย่าเพิ่งลองดีกว่าม้างงงคะ  คือพอดีอ่านเจอข้อมูลอ่ะค่ะ  มันเป็นวิธีของจีนโบราณ  คือต้องฝึกการเดินลมปราณอะไรประมาณเนี้ยอะค่ะ  เห็นข้อมูลน่าสนใจดีเลยลองจับมาเล่นดูอ่ะค่ะ  ก็นะ  เรียกเลือดกันปายยย   :haun4:

ขอบคุณทุกเม้นค่ะ :pig4: :pig4: :pig4: :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน(ตอน2 มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 07-01-2011 14:31:03
จบแล้วหรอ มีต่ออีกไหมอ่ะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว65%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: bowybowi ที่ 07-01-2011 16:26:56
จะจบแล้วหรอคะ cancan
ฉากมันเรียกเลือดมากเลยอ่ะ
ทั้งพระเอกนายเอก คนแต่ง (คนอ่านด้วย) โอยยย เลือดหมดตัว >.<
ต่อด้วยนะจ๊ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว65%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 07-01-2011 16:42:21
มาแล้วๆๆ จิ้มๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว65%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-01-2011 16:51:13
ทำมัยถึงได้เจอกันแค่ปีละครั้งล่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว65%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-01-2011 17:33:03
รออยู่น๊า


ของจบแบบ  Happy 

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: หนอนใบตอง by RakorN ตอนที่27: เปลี่ยนใจ หน้าที่ 68 [16.12.10]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 07-01-2011 21:26:14
ต่ออีก
หัวข้อ: Re: หนอนใบตอง by RakorN ตอนที่27: เปลี่ยนใจ หน้าที่ 68 [16.12.10]
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 07-01-2011 21:32:57
โฮ๊ะๆๆๆ :laugh: :laugh:



ลมปราณแตกพล่าน


ว่าแต่กุ้ยหลินเนี้ยเป็นอะไรกันแน่


มีต่ออีกมั้ย


รอนะ


สู้ๆ



^^




:3123: :3123:



:L1:


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 07-01-2011 21:33:50
เห....

แสดงว่ากุ้ยหลินเป็นสุนัขหรอ??? โอ้ววว ว้าวว

เป็นคนเฉพาะตอนหน้าหนาววว ดีจังเลยน๊าาาา :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 07-01-2011 21:39:23
ชอบบบบบอะ

มีตอนพิเศษปะ 2 ตอนนะ

 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-01-2011 21:56:47
มีคนจะเอาเคล็ดวิชากดจุดไปใช้กันเป็นแถวว
 :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 07-01-2011 22:10:23
มีคนจะเอาเคล็ดวิชากดจุดไปใช้กันเป็นแถวว
 :haun4:

เหอ เหอ อย่าลองดีกว่ามั้งคะ มันเป็นนิยายเสริมแต่งตามจินตนาการ เดี๋ยวดีไม่ดีต้องไปหาหมอเสียตังไม่รู้น้าาา :z2:


ขอบคุณมากๆนะคะทุกคนที่ติดตามนะ  เอ่อเดี๋ยวเรื่องต่อไปคิดไว้แล้วค่ะ  ว่าจะให้ชื่อว่า" ปราบพยศ "  55อะไรพยศไม่รู้
เป็นอีกเรื่องหนึ่งในthemeเดียวกันคือ ยามเมื่อได้พบพาน  ตัวละครก็เกี่ยวเนื่องกันกับอันนี้แหละค่ะ  ติดตามได้นะคะ

รักนะ จูบุ๊ จูบุ๊บ  :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 07-01-2011 23:20:59
ขอแสดงความเห็นหน่อยนะ เรื่องความเหมาะสม เจ้เคยพูดไปแล้วว่าเรทของนิยาย

ไม่ใช้แค่บอกว่าจะ sex กันอย่างเดียวถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับ sex story

แล้วน้องบอกว่า หนูลงเรท ยี่สิบสองบวกไว้แล้ว เจ้ก็เข้าใจอยู่ แต่อย่าลืมสิค่ะว่าเล้าแห่งนี้

เป็นบอร์ดเปิด เป็นสื่อสาธารณะ น้องต้องมองถึงความเหมาะสมในการนำเสนอด้วยว่าควรหรือเปล่า

งานเขียนแนวอีโรติคจะสนุกได้ภาษาต้องสวย ไม่จาบจ้วงหยาบโลน ตรวจทานและคิดให้เยอะนิดนะค่ะ

เพราะคำว่าอีโรติก กับ ลามกอนาจาร มันกั้นด้วยความเหมาะสมเท่านั้นเอง

เจ้เม้นด้วยความเป็นห่วงน้า จำได้ว่าอ่านอีกเรื่องของแคนแคนอยู่ด้วย เป็นกำลังใจให้ค่ะ

......................................................................

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: bowybowi ที่ 07-01-2011 23:26:19
 :pighaun: :pighaun: รากเลือดมากเลย cancan
หมดตัวแล้ววววว  :jul1:

ไอ้นิยายประเภทที่ไม่บรรยายตรงๆ ให้จินตนาการเองเนี่ย รากเลือดสุดๆ

มีต่ออีกหรอ อ่านๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
 :z13: จิ้มcancan แล้วก็จากไป อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 08-01-2011 01:28:28
เริ่ดอ่ะ หลินน้องเป็นหมาป่านี่เอง ประมาณ พวกหนังจีนเก่าๆพวกนางพญาผมขาวหรือพนางพญางูขาว นางพญาจิ้งจองขาวเลย เิริดๆๆๆเอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-01-2011 01:38:51
ถ้าเหวินเต๋อรับรู้ว่าคนรักเป็นปีศาจจะทำยังไงนะ...แต่คิดว่าคงตกใจนิดหน่อย รักออกอย่างนั้นไม่มีทางตัดสัมพันธ์หรอก  :z1:
ดีใจที่ไม่ดราม่าค่ะ...ทีแรกนึกว่าจะหักมุมฆ่ากันเองซะแล้ว อย่างน้อยก็ยังจะได้พบกันทุก ๆ ปี  :m15:
อยากให้มีตอนพิเศษต่อจังเลยค่ะ...ภาษาดีมาก ๆ เลยอ่ะ ไม่ได้อ่านแนวจีนโบราณระัดับนี้นานแล้ว ส่วนใหญ่จะเจอนักเขียนใหม่ ๆ ที่ใช้ภาษาวัยรุ่นเกิน
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ...ถ้ามีต่อจะกลับมาติดตาม หุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำ(ตอนจบ มีแล้ว100%)NC22++
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 08-01-2011 04:47:42
เอ่อ cancan อยากบอกเล่า

คือว่าcancanค่อนข้างจริงจังกับทุกความเห็นนะคะ  คืือว่ารู้สึกว่าเนื้อหารุนแรงเกินอ่ะค่ะ  เอาเป็นว่าถ้ามีเม้นติมาเกิน5เม้นcancanยินดีลบออกทันทีค่ะ

ขอบคุณนะคะ ผู้อ่านทุกๆท่านเลย อิ อิ
:pig4:

สำหรับเรื่องนี้ก็จะเขียนต่อไป แต่จะใช้ภาษาแบบเชิงเปรียบเทียบแล้วกันนะคะ จะลงตอน ปราบพยศ ต่อเลยนะคะ cancan ขี้เกียจ แก้ไข ตอนเก่า อ่ะค่ะ เพราะcancanพิมพ์ลงไปเลย ไม่มีจดไว้(พอดีหมึกปริ้นหมดอ่ะ)
ถ้าใครอยากให้ลบตอนนี้ก็เม้นติให้ครบ5ครั้งนะคะ cancanไม่ซีเรียสค่ะ คิดว่าวิธีนี้ยุติธรรมสุดแล้วล่ะนะ
บอกอีกนิดนึง  ถ้าลงเรื่องใหม่แล้ว อ่ะค่ะ แล้วยังไม่มีเม้นติถึง5เม้นcancanก็จะลบออกอยู่ดีค่ะ เพราะว่าคนคงเข้ามาอ่านมากขึ้น ใครที่อยากให้ต่อเนื่องหรืออยากรู้ตอนหลังcancanจะส่งไปทางmailแล้วกันนะคะ




ขอบคุณอีกทีนะคะ  รักนะ  :m1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: เรียกข้าว่าอิแรด ที่ 08-01-2011 06:01:30
อืมมมม ก็ดี น่ารักดี ดีกว่าตอนจบแล้วตายกันเป็นพรวญอ่ะ
กุ้ยหลินเป็นหมาขาว น่ารัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 08-01-2011 06:24:37
เอ่อ...เข้าใจผิดว่าcancanอายุอานามน่าจะอยู่ประมาณม.ต้นมาตลอด
พี่เข้าใจผิดใช่มั้ยเนี่ยยยย?  O(>///<)O
555ถ้าหมายถึงฝีมือการเขียนล่ะก็ใช่ค่ะcancanเป็นมือใหม่หัดเขียนเทียบเท่าเด็กม.ต้นหรือประถมปลายก็มิปาน
แต่อายุเราอาจไล่เลี่ยกันก็ได้นา555 :laugh: :laugh: :laugh: o18
เป่าน้า..ก้อเพราะเห็นผลงานการเขียนนี้แหละถึงคิดว่าคงมิใช่ม.ต้นแน่แล้ววว
ส่วนอายุ หุๆ ไงๆพี่ก้อน่าจะแก่กว่าแหละค่ะ จะสามสิบขวบในเร็ววันนี้(จะNCอะไร พี่ก้อฉลุยแระ55+)แล้ว^^
ปล.เรื่องนี้หนุกดี(แต่จบแบบทิ้งให้แอบเหงาเศร้าเล็กๆอะ จะเป็นไปได้มั้ยน้อความรักที่แตกต่างกันมากขนาดนี้) เลยแอบรอเรื่องหน้าด้วย^O^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 08-01-2011 06:30:43
25+++
อายุไม่ถึงทำไงดี เค้าเพิ่งยี่สิบต้นๆๆๆ 5555

สนุกดีนะเราว่า ชักอยากรู้ตอนต่อซิ ตอนนี้ตอนจบมันเศร้าจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 08-01-2011 07:31:32
ใครไม่ชอบไม่รู้

แต่เราชอบบบ o13

มีต่อก็อ่านนะติดตาม

 :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: kukkukku ที่ 08-01-2011 09:09:41
มีต่อ มีต่อนะ

สู้ๆ


^^


 :3123:




 :L1:


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: puppyluv ที่ 08-01-2011 09:54:35
cancan เอาดีทางนี้ท่าจะรุ่ง
เลือดท่วมจอเลยอ่ะ เอาอีกๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 08-01-2011 10:35:47
 :jul1:เลือดกระจายยยยยยยยย
กุ้ยหลินเป็นหมาป่าเหรอ
แล้วถ้าความจริงปรากฎจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 08-01-2011 11:05:06
แวะมาอีกรอบเผื่ออัพแล้ว
ถึงอายุไม่ผ่านแต่ก็อ่านได้ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 08-01-2011 15:35:53
อ่า มาเชียร์ cancan จ้า ยังไงเป็นกำลังใจให้นะ อิอิ
เลือดสาดจอกันเลยทีเดียว >.<
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 08-01-2011 16:08:18
สนุกจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 08-01-2011 19:55:59
อายุไม่ถึงแต่ก็อ่านไปแล้ว ทำไงดีน้อ... อิอิ แอบเศร้าตรงที่กุ้ยหลินเป็นหมาป่าเนี่ยแหละ ถึงว่าทำไมเจอกันได้แค่ปีละครั้ง เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 08-01-2011 20:25:13
สำหรับเรา...เนื้อหาก็ไม่ค่อยแรงนะ ภาษามันสวยดีด้วยแหละก็เลยทำให้ความแรงมันซอฟต์ลง
เพราะจะว่าไปเคยเจอเรื่องที่ใช้ภาษาหยาบคายตรง ๆ ยิ่งกว่าอ่ะ แค่เรื่องนั้นบอกว่า nc18+ ซึ่งคนจัดเรทก็คือคนแต่งเองนั่นแหละ cancan อาจมองว่าเนื้อหาระดับนี้คนอ่านควรจะมีวัยวุฒิค่อนข้างมาก ก็เลยใส่ตัวเลขเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง (ถ้าให้เราเป็นคนจัดเรทเรื่องนี้เอาไปเลย 18+ เต็มที่) ส่วนใหญ่ที่เจอ 20+ จะเป็นแนว SM อ่ะ (ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่มีค่ะ)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 08-01-2011 20:48:31
ความคิดเห็นเหมือน SuSaya  ระดับเรท20+ขึ้นไปส่วนใหญ่จะเป็นแนว SM และใช้ศัพท์ที่ เอิ่มมมมมม น่าจะแรงกว่านี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-01-2011 20:59:51
รอเรื่องต่อไป


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 09-01-2011 00:54:56
เราว่าเนื้่อหาไม่แรงนะ แต่ออกอีโรติคอะใช่ หุๆ

ว่าแต่กุ้ยหลินเปนหมาป่าจิงั้น แต่ว่าเปนเรื่องสั้นแปลว่าตอนต่อไปจะเปลี่ยนตัวเอกแล้วป่าวคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)มีเรื่องบอกนะคะอ่านนิด
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-01-2011 09:10:22
กุ้ยหลินเป็นหมาป่าหรา แล้วเป็นคนได้งัยอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 10-01-2011 19:47:56
มารอนะจ๊ะ อย่าโหดร้ายมากนะ เราสงสาร  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-01-2011 19:50:23
รอจ้า

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 10-01-2011 21:05:00
แนวเชลยหรอ?...น่าสนุกอ่ะ แค่อย่ามาม่ามากไปก็พอ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 11-01-2011 01:20:45
ไม่ลบได้มั้ยค่ะ

เนื้อเรื่องก็น่าสนใจดีออก
ส่วนเรื่องนี้ก็ลงต่อไปเรื่อยๆ ได้นี่ค่ะ
แบบว่าเสียดายอยากให้มีคนอ่าน เพราะคนเขียนแนวจอมยุทธไม่ค่อยมี
แต่ถ้ากังวลเรื่องเรทก็แล้วแต่คนแต่งจะพิจารณาค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 11-01-2011 16:45:17
เป็นกะลังใจให้ไรเตอร์
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 11-01-2011 16:52:50
รอให้มาลงเร็วๆจร้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน1:วันคืนอันดื่มด่ำNC25+(ย้ำค่ะ25upเท่านั้น)ขอเกริ่นๆไว้ก่อนนะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 13-01-2011 00:16:39
ขอบอกไว้ก่อนนะคะ เรื่องนี้มีเนื้อหาอาจจะค่อนข้างแรง แต่มิได้ต้องการให้เกิดความลามกอนาจารแต่อย่างใด นอกจาก อรรถรสในการอ่าน มันอาจSMนิดๆ ดังนั้นต้องขอโทษนะคะ ถ้าเผลอกดเข้ามาแล้ว.... o1

ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ

ตอนที่1

          (วันพรุ่ง  เวลายามหนึ่ง  ขบวนจะออกเดินทางจากหมู่บ้าน..... "ตู๋เสอ" ท่านควรเร่งติดตาม  เมื่อเห็นประจวบเหมาะสมควรแก่เวลา จงลงมืออย่าได้รอช้า มิเช่นนั้นมารร้ายอาจไหวตัวล่วงรู้เหตุการณ์)

          ตู๋เสอนั่งจิบชาภายในเคหะสถาน  กำลังเพ่งสมาธิจดจ่อสดับรับฟังพลังคลื่นเสียงที่ใช้ลมปราณขับส่ง นี่เป็นวิธีติดต่อของผู้จ้างวาน  หากคิดใช้สอย ตู๋เสอ หรือ ตู๋เสอเม่ย ฉายา อสรพิษลี้ลับ ผู้นี้ ต้องมีวรยุทธสูงส่งสามารถถ่ายทอดคลื่นเสียง   บอกเล่าเรื่องราวที่ต้องการให้เขากระทำได้  มิเช่นนั้นอย่าได้คิดติดต่อการค้ากัน เพราะขึ้นชื่อว่าอสรพิษ  ย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดา เนื่องจากบุรุษผู้นี้ เป็นที่เลื่องลือ มีอวิชายากต่อกร ซ้ำร้ายร่างกายไหลเวียนด้วยพิษประหลาด ด้วยนิสัยเย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่ชอบคบค้าสมาคม หากไม่มีจิตใจพิศมัยอยากสนทนาด้วย บุคคลที่ได้เห็นใบหน้าตู๋เสอเม่ย  ย่อมได้เห็นใบหน้าของยมบาลเช่นกัน
           หากมีฝีมือ คิดอยากจ้างวานให้เขาทำอันใดย่อมง่ายนัก เพียงส่งพลังเสียงลมปราณบอกเล่าเหตุการณ์และจุดประสงค์แก่เขา  เมื่อพิจารณาแล้วตู๋เสอจะตอบว่าทำหรือไม่ ทุกๆครั้งสินน้ำใจที่ตู๋เสอร้องเรียกจะมีราคาค่างวดเท่ากัน ไม่เกี่ยวกับยากง่าย หากแต่เกี่ยวกับความสนุกท้าทาย และความพอใจของบุรุษผู้นี้  ลูกค้าจึงเป็นทั้งฝ่ายอธรรมและธรรมะ ดังนั้นงานส่วนใหญ่จึงจำเพาะเจาะจงต้องใช้ความสามารถและยากแก่การปฏิบัติลุล่วง ต้องใช้มันสมองอันปราดเปรื่อง หรืออวิชาที่เหมาะสมกับงาน
           เมื่องานสำเร็จลุล่วง ตู๋เสอจะส่งผู้รับใช้คือ "ผู้เฒ่าเงา"  ไปรับสินน้ำใจ  ย่อมแน่นอน สินน้ำใจจะต้องถูกวางไว้ตามที่ตู๋เสอกำหนด เพียงสิบห้าลมหายใจเข้าออก สินน้ำใจนั้นจะถูกฉกฉวยไปอย่างไร้ร่องลอย โดยผู้รับใช้ของตู๋เสอเม่ย
           งานนี้ตู๋เสอได้ตอบตกลงแล้ว กำลังดำเนินการ ผู้ว่าจ้างได้ระบุเวลาลงมือแล้ว งานคือให้เขาชิงตัวคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นกำลังเดินทางไปพรรคมาร นามว่า บุปผาดำ หัวหน้าพรรคคือ "ม่อเจวียน"  ม่อเจวียนได้คุกคามข่มขู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ให้ส่งตัวคนผู้นี้ไปเป็นผู้รับใช้ หากแต่การนี้มีความในแอบแฝง ใยมารร้ายต้องการบุคคลธรรมดาผู้นี้ ถึงขนาดลงแรงคุกคามจนเอิกเกริก เหล่าชาวอธรรมและธรรมะย่อมกลัวม่อเจวียนคิดการใหญ่  หากม่อเจวียนสำเร็จแผนการ คนทุกหมู่เหล่าย่อมตกที่นั่งลำบาก
           เหตุไฉนตู๋เสอจะไม่ทราบ พวกนั้นเพียงต้องการให้เขาลงมือแทน ใครเล่าอยากจะต่อกรกับ ม่อเจวียน คนผู้นี้มีใบหน้าคมคายดึงดูดทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกัน ทั้งยังอำมหิตผิดมนุษย์ มากเล่ห์ร้ายกาจ ฝีมือยุทธยังกล้าแกร่ง  ลึกล้ำและพิศดาร เยือกเย็นและโหดเหี้ยม เป็นอะไรที่ขัดแย้งกับโฉมหน้าอย่างสิ้นเชิง  เหล่านี้แหละที่ตู๋เสอเห็นว่าน่าท้าทายอย่างยิ่ง เขาจึงตกปากรับคำ
           เมื่อตู๋เสอใช้วิชาจำเพาะผนึกลมปราณเข้ากับโสตประสาทสดับรับฟังการเคลื่อนไหว  เขาก็ทราบว่าผู้ว่าจ้างที่อยู่ห่างออกไปสามลี้ได้จากไปแล้ว
           ตอนนี้เขาเพียงแค่นั่งจิบชาสบายๆรอถึงวันพรุ่งค่อยเริ่มลงมือ

                                       """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
           เวลานี้เป็นยามสาม  ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม เสินเหม่ยรับรู้ได้ว่าตนเองออกห่างจากหมู่บ้านมากแล้ว  ตอนนี้เขาอยู่บนหลังม้า รอบกายมีชายฉกรรจ์สิบคนควบม้าห้อมล้อมเขาไว้  ใช่แล้ว....คนเหล่านี้มิใช่คนดี เพราะพวกเขาเป็นคนของพรรคมาร  " พรรคบุปผาดำ"  ที่ควบคุมปกครองโดยม่อเจวียน  มารร้ายอันเลื่องชื่อ ปิศาจร้ายที่โหดเหี้ยมอำมหิต  นี่เขาต้องไปอยู่ที่นั่นจริงหรือนี่ ใช่สิ...มันไม่มีหนทางอื่นแล้ว  ถึงเขาจะมีวรยุทธอยู่บ้าง แต่ใช่จะอาจหาญไปต่อกรก็กับพญามารผู้นั้นได้ นอกจากจะเอาชีวิตไปทิ้ง ดีไม่ดีคนที่หมู่บ้านต้องพลอยถูกฆ่าไปด้วย  ดังนั้นการติดตามไปที่นั่น คงเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว
           ระหว่างนั้นเอง  เสินเหม่ยก็ได้ยินเสียงม้าของชายฉกรรจ์ที่อยู่หน้าสุดร้องขึ้น  ม้าตัวนั้นยกขาหน้าชูขึ้นคล้ายกำลังตื่นตกใจ  ทำให้ผู้ที่ติดตามต่อๆมาต้องรีบดึงบังเหียนม้าเอาไว้ มิให้ก้าวต่อและพากันตกใจจนแตกขบวน
           ชายผู้อยู่หน้าสุดตะโกนขึ้น
           "หมาป่า!!! มีหมาป่า ตัวใหญ่ขวางทาง"
           สิ้นเสียงชายฉกรรจ์ผู็นั้น  เหล่าม้าที่เหลือต่างเริ่มเสียขบวน ชายบนหลังม้าที่ห้อมล้อมเสินเหม่ยต่างควักดาบคิดปลิดชีวิตสุนัขป่าตัวใหญ่สีดำทะมึน  ดวงตาปรากฏประกายสีแดงเพลิงโชติช่วง มันยืนนิ่งมิได้เคลื่อนไหวหากแต่ส่งเสียงคำรามแผดเผาแก้วในหู แยกเขี้ยวแหลมคมดุจดั่งเขี้ยวของพยัคฆ์มองแล้วให้ขวัญผวา
           ชายฉกรรจ์ผู้ที่นำขบวนแผดเสียงตวาดอย่างกราดเรี้ยว ด้วยขุ่นเคืองสุนัขป่าที่บังอาจมาขวางเส้นทาง  หน้าที่ของเขาคือส่งคนผู้นี้ให้ถึงมือของหัวหน้าพรรคตามเวลาที่กำหนด หากเป็นเช่นนี้เขาจะทำได้อย่างไร มิใช่ล้มเหลวจนถูกนายของตัวเอง ผู้ที่ขึ้นชื่อเลื่องลือว่าอำมหิตกระทำการลงโทษเขาหรอกหรือ 
           เมื่อเห็นดังนั้นชายผู้นำขบวนก็มิได้รอช้า ควบม้าพุ่งตรงเข้าไปยังสุนัขป่าที่ขวางทาง หมายจะเข้าปลิดชีพสัตว์สี่เท้าตัวนี้ในดาบเดียว  แต่แล้วเหตุการณ์กลับผิดพลาดพลิกผัน  ด้วยชายผู้นั้นคิดได้ว่าผิดท่าแล้ว  ก็ต้องลอบคร่ำครวญอยู่ในใจ เนื่องด้วยสุนัขป่าตรงหน้าที่เห็นว่าตัวใหญ่ กลับมิได้อืดอาดยืดยาดเชื่องช้า เพียงมันย่อตัวกระโจนขึ้น ก็แสดงถึงพละกำลังอันปราดเปรียว หนึ่งครั้งที่กระโจนขึ้น ก็สามารถทิ้งร่ายกายบนชายผู้นั้นที่กำลังควบม้าเข้าหา มิคาดเพียงแค่ชั่วพริบตาฟันคมกริบของมัน ก็เข้าขย้ำที่ลำคอของเหยื่อบนหลังม้า  สุดท้ายที่เท้าทั้งสี่ของสุนัขป่าสีดำแตะลงพื้น ชายผู้นั้นก็ล่วงหล่นจากหลังม้า นอนแลบลิ้นตาเหลือกตายคาที่ รอบกายกระจัดกระจายด้วยเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยของลำคอ  ซึ่งถูกขย้ำจนเห็นกระดูกโปนออกมา  ส่วนม้าที่เขาควบได้วิ่งหายเข้าไปในป่าอีกด้านแล้ว
           เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือเห็นดังนั้นต่างพากันโกรธแ้ค้น ด้วยมิคิดว่าสุนัขป่าสีดำจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่อยู่ใกล้สุดต่างดาหน้าเข้าไปข้าฟันสุนัขป่าตัวนั้น การโรมรันพันตูจึงเกิดขึ้น  ชายสามคนควงดาบฟาดฟันด้วยวิชายุทธที่ร่ำเรียน  ตอนแรกออกใช้เพียงท่าพื้นฐาน แต่พอเห็นว่ามิอาจทำอะไรสุนัขป่าที่ว่องไวปราดเปรียวตัวนี้ได้ ก็ต้องงัดเอาเคล็ดวิชาร่ายรำดาบที่ร่ำเรียนออกใช้เข้าหักหาญ การต่อสู้จึงดุเดือดเลือดพร่าน หากแต่เป็นสายเลือดซึ่งหลั่งไหลจากบาดแผลที่โดนสุนัขตนนั้นจู่โจม  โฉบมาและโฉบไป ทุกครั้งจะฝากรอยเขี้ยวและแผลเหวอะหวะที่ถูกกระชากเนื้อออกไปเอาไว้  สร้างความเจ็บปวดอย่างสุดแสน จนทั้งสามมิอาจบุ่มบ่ามถาโถมเข้าไปได้อีก ตอนนี้ชายฉกรรจ์สามคนนั้นยืนโงนเงนอยู่บนพื้นแล้ว ส่วนม้าที่เคยใช้ขี่วิ่งหนีไปสองตัว ด้วยเห็นเพื่อนอีกตัวถูกกัดที่หลอดลมนอนลิ้นแลบออกมาตายอยู่บนพื้น
           เมื่อเป็นเช่นนี้ขบวนม้าที่เหลือต่างพากันแตกตื่นขวัญหนี จนผู้ที่ควบคุมบังเหียนต้องใช้กำลังฉุดกระชากอย่างสุดแสน แต่ก็มิวายสยบม้าที่งุ่นง่านส่งเสียงร้องให้ยืนนิ่งเรียบร้อยได้ดั่งเดิม ทันใดนั้น เสียงคำรามข่มขู่ก็ดังออกมาจากทิศทางซ้ายขวาทั้งสองด้วน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายพวกเขาก็เห็นสุนัขป่าอีกสองตัวหนึ่งเทาหนึ่งแดง แยกเขี้ยวคำรามปรากฏขึ้น เพียงเท่านี้ฝูงม้าที่เหลือซึ่งย่ำเท้าอย่างขวัญหนี ต่างพากันชูเท้าหน้าร้อง ฮี้ ฮี้  ม้าสองตัวไม่อาจเชื่อฟังนายของมันได้อีกต่อไป หลังจากสลัดชายฉกรรจ์บนหลังทิ้งลงกับพื้น ก็ควบตะบึงวิ่งหนีเข้าป่าอย่างไม่คิดชีวิต ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่โดนสลัดตกลงมาถูกม้าของตนกระทืบที่ลำคอ เสียงกระดูกแตกละเอียด ชายผู้นั้นตายคาที่ ส่วนอีกคนถูกสลัดตกลงมาโดยแรง ทำให้กระดูกข้อต่อตรงหัวเข่าเขยื้อนได้แต่ร้องโอย..โอย  ขยับไปไหนไม่ได้
          เมื่อเห็นดังนั้นชายอีกสี่คนที่ยังอยู่บนหลังม้า ต่างโอบล้อมเสินเหม่ยกับม้าของเขาแนบแน่นขึ้น เตรียมตัวควบม้าหลบหนี  แต่มิคาด เหล่าสุนัขสามตัวเหมือนล่วงรู้จุดประสงค์นั้น ต่างพากันดาหน้าเข้ามายังม้าทั้งห้าตัวอย่างรวดเร็ว  เหล่าขบวนม้าห้าตัวต่างปั่นป่วนขึ้นอีกครั้ง เสินเหม่ยกำสายบังเหียนไว้แน่นจนมันเสียดสีกับมือสร้างความเจ็บปวด  แต่ความเจ็บปวดนี้คงดีกว่าความเจ็บปวดของบาดแผลที่ถูกสุนัขป่าขย้ำอย่างแน่นอน  เสินเหม่ยกำสายบังเหียนไว้แน่น ม้าห้าตัวที่มีผู้คนบนหลัง ต่างพากันวนไปมาจนฝุ่นตลบอบอวล ส่งเสียงร้องฮี้ ฮี้ ด้วยความตระหนกตกใจ เนื่องด้วยเบื้องล่างของมัน มีอสูรกายสามตัว  ที่กำลังเห่าหอน ทั้งคำรามข่มขู่ วิ่งวนอยู่ สร้างความปั่นป่วนแก่พวกมัน
          และทันใดนั้นเอง  เสินเหม่ยก็รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น เขารู้สึกได้ว่ากำลังถูกโอบอุ้มโดยบุคคลลึกลับจากด้านหลัง   เสินเหม่ยเห็นตัวเองลอยขึ้นไป  ลอยขึ้น  เขากำลังลอยขึ้นด้วยวิชาตัวเบาของคนผู้นั้น  ตอนนี้เสินเหม่ยเห็นเหตุการณ์เบื้องล่างชัดเจน ชายฉกรรจ์ที่เหลือกำลังเพลี่ยงพล้ำต่อสุนัขป่าสามตัวนั้นแล้ว  เนื่องจากเสินเหม่ยโดนโอบอุ้มไว้  เขาจึงหันหลังมุ่งหน้าไป สายลมที่ปะทะจมูกหอบเอากลิ่นหอมบางอย่างมาด้วย  กลิ่นหอมของคนผู้นั้น  กลิ่นหอมของอ้อมแขนข้างขวาอันแข็งแกร่งที่โอบอุ้มเขาไว้  คนผู้นี้เป็นใครกัน คนดีหรือคนร้าย เพียงนึกได้เท่านั้น เสินเหม่ยก็รู้สึกมึนงงจนหลับไปในวงแขนของคนผู้นั้น

                                        """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

          ตู๋เสอเพ่งมองร่างที่ตนโอบอุ้มมา  ตอนนี้ร่างนั้นนอนนิ่งบนเตียงที่จัดไว้
          "นี่หรือ บุคคลที่ม่อเจวียนต้องการ" 
          หลังจากเอ่ยวาจาพึมพำเบาๆ ตู๋เสอก็ขบคิดถึงเหตุผลต่างๆนานา  เขามองร่างนั้นอย่างพินิจ เมื่อลองสังเกตจากกล้ามเนื้อก็เข้าใจทันทีว่าบุรุษอ่อนวัยตรงหน้ามีวรยุทธมิใช่ชั่ว
          "อืม...ดี..หน่วยก้านดี พอมีวิชา แต่ยังเอาตัวไม่รอด"
          ตู๋เสอยังคงวิเคราะห์ต่อไป เห็นว่าบุรุษอายุน้อยผู้นี้ มีใบหน้ากระจ่างขาวนวล ขนตายาวงอนเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ปากสีแดงเป็นกระจับงดงาม  เพียงแค่ยามหลับยังคล้ายรูปสลักของเทพยดา หากลืมตาเอื้อนเอ่ยคงงดงามเกินบรรยาย อาจงามกว่าม่อเจวียนผู้มีพิษสงเสียอีก
          ตู๋เสอเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างนั้นดั่งโดนมนต์สะกด เขากำลังถูกความงดงามดึงดูดหรือไร คนผู้นี้มิใช่ฝึกยุทธหรอกหรือ เหตุไฉนผิวพรรณถึงเรียบเนียนกลมกลึงเช่นนี้ ตู๋เสอเอื้อมมือเข้าไปกอบกุมมือที่บางกว่าไว้ มือนี้มิใช่จับดาบหรอกหรือ เหตุใดถึงนุ่มนิ่มชวนสัมผัส  ตู๋เสอค่อยๆพลิกมือนั้นขึ้น เขามองฝ่ามือนั้น ลวดลายของเส้นลายมือยังชัดเจนบนฝ่ามือบาง ฉับพลันตู๋เสอเหมือนนึกอะไรได้ ใช่แล้ว  ดูจากเส้นลายมือที่เห็น ก็พอคำนวนดวงชะตาได้ แม้แต่ช่วงวันเวลาที่เกิด
          "อืมมม...เป็นเช่นนี้นี่เอง..ข้าคงปล่อยเจ้ากลับไปมิได้เสียแล้ว  หึ หึ นี่น่าสนุกไม่เบา นอกจากได้ก่อกวน
ม่อเจวียนแล้ว ข้ายังได้คนรับใช้เพิ่ม ดีแล้ว จงอยู่เป็นเชลยที่นี่รับใช้ข้าแล้วกัน เจ้าคนงาม เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าฟื้น  แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะถามไถ่เจ้าให้รู้แน่ชัด" 
          ตู๋เสอเดินออกจากห้องไปแล้ว ทิ้งร่างนั้นให้นอนนิ่งอยู่บนเตียงเพียงลำพัง  ส่วนตนเองยังต้องจัดการส่งข่าวเรื่องงานที่รับไว้ ว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว ให้ผู้ว่าจ้างจ่ายสินน้ำใจได้ เรื่องทั้งหมดนี้ ตู๋เสอต้องถ่ายทอดรายละเีอียดแก่ผู้เฒ่าเงา เพื่อให้ผู้รับใช้ผู้นี้ไปดำเนินการต่อ

                                        """""""""""""""""""""""""""""""""""""
         
          เสินเหม่ยกระพริบตาถี่ๆ เขายังคงมึนงง ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด เสินเหม่ยค่อยๆยันกายขึ้น สะบัดศรีษะไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงงนั้น ฉับพลันเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า
          "ฟื้นแล้วสินะ เอ่ยนามเจ้ามา"
           เสินเหม่ยห้อยเท้าทั้งสองข้างลงจากเตียง พยายามหรี่ตาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง  เมื่อปรับสภาพได้แล้ว เขาก็ทราบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง ข้างหน้ามีบุรุษผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างจิบชาอย่างสบายอารมณ์
           (กลิ่นนั้น...กลิ่นหอมๆนั่น) เสินเหม่ยได้กลิ่นนั้นอีกแล้ว กลิ่นหอมที่เขาสัมผัสได้จากบุลคลลึกลับ ที่โอบอุ้มเขามา  คนลึกลับนั่นคือบุรุษผู้นี้หรอกหรือ ไฉนจึงโอบอุ้มเขาออกมา หรือเพราะอยากช่วยเหลือเขา
           "ข้าน้อยมีนามว่า เสินเหม่ย คารวะคุณชาย ข้าน้อยทราบซึ้งในน้ำใจคุณชายเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยข้าน้อยเอาไว้ แต่บัดนี้สมควรแก่เวลาแล้ว จำต้องลาจาก บุญคุณนี้มิอาจลบเลือน หากยังมีชีวิตในวันหน้า ข้าน้อยต้องชดใช้อย่างแน่นอน"  กล่าวจบเสินเหม่ยก็ลุกขึ้น เขาเดินไปที่ประตู เสินเหม่ยเดินผ่านคนผู้นั้นมา ขณะที่จะก้าวข้ามธรนีประตู คนผู้นั้นก็เอ่ยวาจาขึ้น
           "เจ้ายังมิถามไถ่ชื่อแซ่ของข้า ย่อมยังไม่อาจรู้จักกัน เช่นนี้ภายภาคหน้าจะตอบแทนคุณด้วยวิธีใด" กล่าวจบ
ตู๋เสอก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดลง ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ ก่อนเ่อ่ยวาจาต่อ
           "และข้ายังมิได้บอกเจ้า ว่าเจ้าสามารถกลับบ้านได้ ไม่สิ เจ้าไม่สามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ต่างหาก" ปลายประโยคนั้นอัดแน่นไปด้วยเสียงที่เย็นชา จนเสินเหม่ยที่ยืนหันหลังเงี่ยหูฟังต้องรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง  แต่ถึงกระนั้นเขายังแข็งใจกัดฟันเอ่ยวาจาถามออกไป
           "ทำไมกันเล่า ท่านคิดกักขังผู้อื่นหรือไร?" เสินเหม่ยเอ่ยวาจาถาม
           "หึ หึ  ขอบอกตามตรง เป็นเช่นนั้น ด้วยเพราะเจ้ากลับไม่ได้" เสียงของตู๋เสอยังคงยียวน
           "ทำไมกันเล่า?"  เสินเหม่ยยังคงสงสัย เพียงแต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่พอใจแล้ว
           "เจ้ากำลังไปพรรคมารใช่หรือไม่"  ตู๋เสอถามเสียงเย็นชา
           คำถามนั้นทำให้เสินเหม่ยต้องลอบตกใจ ด้วยคิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะรู้เรื่องราว จึงจำใจเล่าไปตามความสัตย์
           "ใช่..ข้ากำลังไปเป็นผู้รับใช้ของหัวหน้าพรรคมาร หากข้าไม่ยินยอมหมู่บ้านข้าจะถูกเผาไหม้จนวอดวาย  ดังนั้นโปรดเห็นแก่ท่านมีจิตเมตตาช่วยเหลือข้า ครานี้โปรดให้ข้ากลับไปเถิด"  เสินเหม่ยอ้อนวอน
           "มิได้...ทำไม่ได้"  เสียงเย็นชาของตู๋เสอกล่าวเฉียบขาด
           "ทำไม..ไม่ได้..เห็นต่อจิตเมตตาของท่านที่ช่วยข้า ขอให้เราจากกันด้วยดี อย่าให้ต้องลงมือจนเสียเลือดเนื้อ" เสินเหม่ยเสียงแข็งบ้าง ในเมื่อไม้อ่อนไม้ได้ผลเขาคงต้องใช้ไม้แข็งเสียแล้ว
           "คิดว่าทำได้?" ตู๋เสือยังคงจิบชาอย่างสบายอารมณ์
           "ข้าจะไปแล้ว ขอลา" เสินเหม่ยไม่ฟังเสียง เขามุ่งหน้าออกไปทางทิศเดิม
           ฉับพลันที่เสินเหม่ยก้าวขาออก  ตู๋เสอก็ใช้ฝ่ามือตบโต๊ะดังปัง แล้วถ้วยชาใบหนึ่งก็ลอยไปยังทิศทางของ
เสินเหม่ย เสินเหม่ยเหมือนมีตาหลังเขาหับกลับมาใช้ฝ่ามือปัดถ้วยชานั้นออกไป ถ้วยชากระเด็นออกไปอีกทิศ กระทบกับพื้นแตกหักมิเหลือชิ้นดี เพียงแต่เสินเหม่ยต้องลอบตกใจ ด้วยถ้วยชาที่พุ่งลอยมานั้น เพียงครั้งแรกที่เห็นกับดูอ่อนเบา ไร้น้ำหนัก เหมือนคนกว้างเพียงแค่จงใจสกัดกั้น แต่พอฝ่ามือกระทบกับตัวถ้วย คล้ายกับมีพลังมหาศาลกดทับที่ถ้วยใบนั้น บีบให้เสินเหม่ยต้องใช้พลังลมปราณถึงห้าส่วนผนึกเข้าที่ฝ่ามือ ก่อนปัดถ้วยชาออกไปจนสุดกำลัง เมื่อเป็นเช่นนี้เสินเหม่ยจึงคิดได้ว่า กำลังประมือกับยอดฝีมือเสียแล้ว  ถึงกระนั้นก็ยังแข็งใจตวาดออกไป แล้วก้าวเท้าร่ายรำเพลงหมัดที่ร่ำเรียนมา
           เสินเหม่ยปล่อยหมัดออกไปตามจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ทั้งรวดเร็วและดุดัน เสินเหม่ยใช้แรงด้วยสุดกำลัง หากแต่ตู๋เสอยังดูสบายบ่ายเบี่ยงตัวหลบราวกับภูตพราย ทุกครั้งตู๋เสอจะปล่อยให้หมัดของเสินเหม่ยใกล้จนเืกือบกระทบจุดที่เล็งไว้ จากนั้นเพียงชั่วพริบตาก็ก้าวเท้าโยกตัวหลบหลีกอย่างสบายอารมณ์ มือยังคงไพร่หลังไว้อย่างสง่าผ่าเผย เมื่อยามที่เบี่ยงบ่ายจะยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวว่า
           "ดี ดี.."
           สิ่งนี้ยั่วยุให้เสินเหม่ยเดือดพลุ่งพล่าน อันว่าการต่อสู้นั้นต้องสุขุมเยือกเย็น หากปล่อยให้ศัตรูควบคุมอารมณ์ของตนย่อมเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำสุดท้ายต้องพ่ายแพ้หมดรูป เป็นเช่นนั้นจริง เพียงไม่นานเสินเหม่ยก็ถูกตู๋เสอจับตัวไว้ เสินเหม่ยโดนบิดแขนจนเจ็บปวดมิอาจขยับกายได้  ตู๋เสอยื่นใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้แก้มขาวเนียนของเสินเหม่ย พลางเอ่ยวาจาถามว่า
           "เจ้าเกิดปีหู่ (ปีเสือ) ยามสาม วันที่สาม เดือนสาม ใช่หรือไม่?"
           "เจ้า!!...รู้!!" เสินเหม่ยเบิกตาด้วยความตกใจ
           "นี่คือวันเกิดของคนที่ม่อเจวียนต้องการ เจ้าคงรู้ มันเป็นมารร้าย  ย่อมฝึกอวิชา มีวิชาหนึ่งชื่อว่า งามอัมตะ วิชานี้ต้องฝึกบำเพ็ญเพียร จนถึงขั้นบรรลุสามารถขับเคลื่อนลมปราณได้ดั่งใจปราถนาแม้แต่ยามหลับนอน ร่างกายไม่ยุบไม่พอง ไม่อาจถูกศาสตราวุธใดทำอันตรายได้ ทั้งยังคงความงดงามของเรือนร่างมิเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ต้องดูดเอาพลังงานชีวิตของคนที่เกิดปีหู่ ยามสาม วันที่สาม เดือนที่สาม จึงจะสำเร็จขั้นสูงสุด บอกเท่านี้เจ้าพอเข้าใจหรือไม่"
ตู๋เสอกระซิบที่ข้างหูของเหยื่อ
           "เข้าใจ..เข้าใจแล้ว หากม่อเจวียนต้องการชีวิตข้า  ข้าจะยกให้ ข้าต้องปกป้องหมู่บ้าน" เสินเหม่ยกล่าวอย่างดื้อดึง
           "ไม่..เจ้ายังไม่เข้าใจ..หากม่อเจวียนสำเร็จวิชานี้ ทั้งทั่วหล้าจะต้องสิโรราบต่อมัน หมู่บ้านเจ้าก็ไม่เหลือแล้ว คนที่อ่อนแอต้องถูกมันทารุณอย่างอเนจอนาถ หาได้อยู่อย่างเป็นสุขไม่"  ตู๋เสอยังคงกระซิบต่อไป
           "เช่นนั้นก็มีค่าเท่ากัน ไปก็ตาย  ไม่ไปก็ตาย ข้าขอตายพร้อมกับญาติพี่น้อง ดีเสียกว่าหลบหนีราวกับกวางน้อยขี้ขลาดตาขาว" เสินเหม่ยเอ่ยวาจาอย่างมุ่งมั่น
           ฉับพลันตู๋เสอก็คลายมือออกจากการรัดกุม เสินเหม่ยขาอ่อนนั่งลงไปบนพื้นใกล้กับที่ตู๋เสอยืนอยู่
           "ได้ข้าปล่อยเจ้า....ถ้า..เจ้าสามารถก้าวขาออกได้" เสียงด้านบนฟังดูเย็นชา
            สิ้นเสียงนั้นเสินเหม่ยก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติในร่างกาย  เขากำมือแน่น ริมฝีปากเม้มกันสนิท เหงื่อกาฬเริ่มหลั่งไหล นี่เขาโดนพิษหรือนี่ แต่..แต่ทำไม..เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด ..ความรู้สึกมันกลับ..เหมือนความร้อนที่ไหลเวียนอยู่ภายใน มันไหลลงไปข้างล่าง ความร้อนที่เคลื่อนไหวได้ มันไปรวมอยู่ตรงนั้น  ตรงจุดนั้น
            "อาาา..อึก" เสินเหม่ยกัดฟันแน่น ไม่อยากให้เสียงเล็ดลอดออกมา ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรุ่มภายใน  ลำตัวเกร็งสั่นค้างไม่อาจเคลื่อนไหวด้วยกลัวกระทบกระเทือน  เขากลัวไปโดนสิ่งนั้น สิ่งที่กำลังถูกปลุกเร้าจากภายใน มันตื่นตัวแล้ว เสินเหม่ยยังคงนั่งอยู่กับพื้น กำมือแน่น ใบหน้าแดงซ่านทั้งโกรธ ทั้งอาย
            "หึ หึ นี่เป็นพิษชนิดหนึ่ง ไม่สิ จริงๆแล้วไ่ม่อาจเรียกพิษกระมัง เพราะมันนำไปหาความสุขทางกาย อืมม..ตอนนี้มันอยู่ในตัวเจ้า โทษใครไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้าเอามือปัดถ้วยชาใบนั้น ช่างโง่เขลาเสียจริง ถ้วยใบนั้นผนึกด้วยลมปราณของข้า ภายในกายข้ามีพิษหลากหลายชนิด สามารถหลอมรวมกับลมปราณออกใช้จู่โจมศัตรู ดังนั้นถ้าพิษเข้าสู่ผู้ใด พิษนั้นย่อมขับเคลื่อนได้โดยง่ายโดยลมปราณของข้าภายในรัศมี2ลี้ หึ หึ เจ้าคงออกไปไม่ได้ไกลถึงขนาดนั้น ฟังสิ จงฟัง ได้ยินเสียงสุนัขป่าเห่าหอนหรือไม่ มันเป็นบริวารของข้าเอง หากอยากถูกกัดกิน ก็เชิญตามสบาย จงไตร่ตรองให้ดี ถ้าเข้าใจแล้ว จงทำตัวให้ว่าง่าย แล้วข้าจะคลายความพลุ่งพล่านในตัวเจ้า" ตู๋เสอเอ่ยวาจาเยือกเย็น ขณะที่จะหันหลังจากไป บุรุษผู้นี้ก็ได้กล่าวขึ้นอีก
            "อ้อ..เจ้าคงรู้แล้วสินะ ข้ามีนามว่าอันใด" ตู๋เสอปลายตามองยังเสินเหม่ยที่นั่งกัดฟันทรมานอยู่บนพื้น ก่อนยิ้มเยาะแล้วเคลื่อนกายออกไปจากห้องอย่างสง่าผ่าเผย
            "หึ..ใช่สิ  ข้ารู้แล้ว...คือเจ้านั่นเอง..ตู๋เสอเม่ย  ..อสรพิษตู๋เสอเม่ย..ไม่ผิดเพี้ยนเป็นแน่" เสินเหม่ยกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ต้องกัดริมฝีปากอีกครั้ง ด้วยความทรมานของความปั่นป่วนภายในร่างกาย


จบตอน


           
     
             


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ (แบบจอมยุทธ^^)update 12/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 13-01-2011 01:25:03
 :z13: :z13:

จิ้มไรเตอร์  มาทำให้ค้างง่าาาา :z3:

ว่าแต่หมาป่าหรอ?? คงไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหุ้ยหรอกเนอะ เอ๊ะหรือเกี่ยว??

ไรเตอร์สู้ๆๆค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 (แบบจอมยุทธ^^)update 12/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 13-01-2011 08:40:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่านทั้งสองเรื่อง เราว่ามันอีโรติคแต่ไมอนาจารนะ แต่หากจะลบออกจริงๆ แสดงว่าจะไม่มีตอนต่อแล้วเหรอคะ เสียดายอ่ะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้เรื่องการเป็นหมาป่าของกุ้ยหลิน และบทสรุปจริงๆอยู่อ่ะค่ะ

ปล สำหรับเรื่องที่สอง ก็มีหมาป่าอีก ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องแรกป่าวคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 (แบบจอมยุทธ^^)update 12/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 13-01-2011 12:48:23
กำลังสนุกเลยค่ะ...เสินเหม่ยจะโดนชิงตัวสำเร็จมั้ยน้า~ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 13-01-2011 18:32:53
:z13: :z13:

จิ้มไรเตอร์  มาทำให้ค้างง่าาาา :z3:

ว่าแต่หมาป่าหรอ?? คงไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหุ้ยหรอกเนอะ เอ๊ะหรือเกี่ยว??

ไรเตอร์สู้ๆๆค่ะ o13

เกี่ยวกันค่ะ คือตอนนี้ก็มีกุ้ยหลิน (เอ่อ..แหะ แหะ ไม่ใช่หลินหุ้ย) แต่ไม่โดดเด่นนะคะ  แต่จะรู้ความเป็นไปของกุ้ยหลิน
เพิ่งได้เข้ามาอ่านทั้งสองเรื่อง เราว่ามันอีโรติคแต่ไมอนาจารนะ แต่หากจะลบออกจริงๆ แสดงว่าจะไม่มีตอนต่อแล้วเหรอคะ เสียดายอ่ะ เพราะเราเองก็ยังอยากรู้เรื่องการเป็นหมาป่าของกุ้ยหลิน และบทสรุปจริงๆอยู่อ่ะค่ะ

ปล สำหรับเรื่องที่สอง ก็มีหมาป่าอีก ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องแรกป่าวคะ
ขอบคุณนะคะที่รู้สึกเสียดาย อ่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวจะรู้ถึงความเป็นไปค่ะ
กำลังสนุกเลยค่ะ...เสินเหม่ยจะโดนชิงตัวสำเร็จมั้ยน้า~ :z1:

อ่ะแน่นอนจิ ต้องสำมะเร็จอยู่แระล่ะ อิ อิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 13-01-2011 19:53:37
กร๊ากกๆๆ ขายขี้หน้าประชาชี

กุ้ยหลินๆๆๆ แหะๆ

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ  ไรเตอร์มาอัพเร็วๆน่ะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-01-2011 20:10:19
มาต่อไว ๆ  นะจ๊ะ


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 13-01-2011 20:29:36
กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน กุ้ยหลิน

จะเกี่ยวกันไหม อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 18-01-2011 18:41:11
(http://upic.me/i/hn/sull1.jpg)





ก่อนไปอ่านตอนสองของ"ปราบพยศ"  ขอฝากรูปของเรื่องแรกหน่อยนะคะ
รูปนี้คือ อวี้เหวินเต๋อ+กุ้ยหลิน
         พระเอก+นายเอก ของ..เรื่อง...วันคืนอันดื่มด่ำค่ะ  
         (อิอิ พอดีมาช้าไป วาดแล้วก็เอาไปโปรยไว้ตรงไหนของห้องไม่รู้  วันนี้เพิ่งเจอ เลยเอามาลงให้คิดถึงกันเล่นๆ)  



งั้น

ไปต่อกันเลยนะ.....ปราบพยศ ....ตู๋เสอ+เสินเหม่ย   :L2:




เดี๋ยวขอขึ้นรีอันใหม่นะ สงสัยมันติดที่รูปค่ะ เลยเวลาจะเช็คpreview มันช้ามาก

          
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ ตอน1 100%เต็ม หน้า3 update 13/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 18-01-2011 21:59:30
ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ




ตู๋เสอ+เสินเหม่ย






ตอนที่2

           หลังจากนั้นเสินเหม่ยก็ได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของพิษร้าย ที่ตู๋เสอแอบถ่ายทอดจากพลังปราณลงสู้ถ้วยชาใบนั้น ซึ่งเป็นพิษร้ายที่สร้างความทรมานอย่างเหลือแสน ความเจ็บปวดมิได้เกิดขึ้นทางกาย หากแต่เกิดขึ้นทางใจ ความทรมานยากยิ่งที่จะอดกลั้นมิได้เกิดขึ้นทางใจ  หากแต่เกิดขึ้นทางกาย การเจ็บปวดทางใจคือความอัปยศอดสู น่าอับอาย ด้วยถูกย่ำยีศักดิ์ศรีแห่งบุรุษเพศ การเจ็บปวดทางกายคือความกระสันซ่านเสียวอย่างเหลือแแสน แต่มิอาจทำให้ทุเลาลงได้ด้วยตนเอง....
           สุดท้ายเสินเหม่ยก็ได้แต่ยินยอม  เขามิใช่คนขลาดเขลาหากตอนนี้ยังดื้อดึงกลับไป ก็ใช่ว่าจะรักษาชีวิตน้อยๆไว้ได้ ทางหนึ่งอาจทรมานเพราะพิษนี้จนตาย จะให้เขาทรมานเพราะความกระสันนี่จนตายน่ะหรือ...ช่างน่าอนาจยิ่งนัก ทางหนึ่งคือหนีไป หากแต่ออกไปจากนิวาสสถานแห่งนี้ได้ อย่างไรก็มิอาจแน่ใจว่า ต้องมุ่งสู่ทิศใดถึงกลับยังบ้านเกิดตนเองได้ กลัวเสียว่า..ยังมิทันจะไตร่ตรองอันใด คงถูกสุนัขป่าร้ายกาจของเจ้าปิศาจนั่นเล่นงานเสียก่อน เช่นนั้นย่อมเอาชีวิตน้อยๆไปตายเหมือนกัน
           หลังจากเสินเหม่ยยินยอมอยู่เป็นทาสเชลยของตู๋เสอ  เขาก็ได้รับการช่วยเหลือตามสัญญาที่ตู๋เสอให้ไว้ คือ ระงับพิษร้ายที่กำเริบอยู่ให้ โดยการถ่ายทอดลมปราณของตู๋เสอ เสินเหม่ยมิทราบแน่ว่าตู๋เสอใช้วิธีถ่ายทอดอันใด เขาเห็นเพียงแต่คนผู้นั้นใช้สองนิ้วหนึ่งชี้หนึ่งกลางวาดลงบนฝ่ามือของเสินเหม่ย  เพียงเท่านั้นความร้อนรุ่มภายในก็มลายหายไป รู้สึกพลังความร้อนบางกลุ่มไหลย้อนเข้าจุดเหลากงบริเวณฝ่ามือที่ตู๋เสอใช้สองนิ้วแตะเอาไว้ หลังจากนั้นความร้อนนั้นก็มลายหายไปเช่นกัน สุดท้ายตู๋เสอเอ่ยเพียงว่านี่มิใช่การถอนพิษ หากแต่เป็นการสะกดไว้ในฝ่ามือของเสินเหม่ย ตู๋เสอกำชับว่าหากทำตัวได้ดีจริงเขาก็จะให้ยาถอนพิษ แต่ถ้าเสินเหม่ยคิดกลับคำ เขาก็จะขับเคลื่นพิษนี้ออกมาใหม่ เช่นนั้นจงระวังตัว ขอเพียงรู้ฐานะความเป็นเชลย ต้องเชื่อฟังทุกคำบอกกล่าว เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหายุ่งยากอันใด
           และด้วยรู้ว่ามิมีหนทางใดจะฝ่าฝืนเสินเหม่ยก็ได้แต่เก็บงำความโกรธแค้นไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย  เขายอมอยู่ที่นี่ ยอมเชื่อฟังตู๋เสอ เป็นทาสรับใช้ ซึ่งหน้าที่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมาก ออกจะเป็นงานบ้านงานเรือนเสียด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นงานที่ไม่ต้องใช้สมอง หรือพละกำลังเท่าใดนัก แต่ก็ทำให้เสินเหม่ยรู้สึกเจ็บปวดโกรธแค้น เพราะงานเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ของอิสตรีทั้งสิ้น  แรกๆเสินเหม่ยเอาแต่เถียงคอแข็งว่างานเช่นนี้ต้องให้สาวใช้เป็นผู้กระทำถึงถูกต้อง ส่วนงานอื่นเช่นตัดฝืน หรือก่อสร้างซ่อมแซมเขายินยอมทำทั้งสิ้น เพียงเอ่ยออกไปเท่านั้น เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอเอาแต่หัวร่อฮอฮาเป็นการใหญ่
           พอหัวร่อจนหนำใจ ตู๋เสอก็อธิบายว่า เขาไม่มีสาวใช้ ทุกครั้งงานพวกนี้เขาก็ทำเองเแทบทั้งสิ้น ไม่เห็นต้องคิดมากอันใด  เหตุไฉนเสินเหม่ยผู้เป็นเพียงเชลยต้องเรื่องมากด้วย ทั้งคนผิวบอบบางเช่นเสินเหม่ยจะทำงานแบบนั้นได้อย่างไร  ถึงจะมีวรยุทธแต่ยังอ่อนหัดนัก  เนื้อตัวก็บอบบางดูไร้พละกำลัง มิหนำซ้ำส่วนสูงนั้นยังดูมีปัญหา เนื่องจากเสินเหม่ยเตี้ยแค่ปลายคางของตู๋เสอเท่านั้น
           หลังจากได้ยินวาจาของตู๋เสอที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนสูง เสินเหม่ยก็ให้รู้สึกเหมือนโดนลูกดอกธนูปักกลางอก ก็เรื่องส่วนสูง มันเป็นเหมือนปมด้อยแต่วัยเยาว์ ถูกล้อเลียนเรื่อยมา เช่นนี้เป็นเหตุให้เสินเหม่ยมุ่งมั่นฝึกยุทธ พอมีวิชาหมัดมวยแก่กล้ากว่าเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาก็ไม่ถูกล้อเลียนอีก คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์โดยตู๋เสอ ผู้ที่เขาไม่อาจต่อกรด้วย พอฟังคำนั้นของตู๋เสอก็ทำให้เสินเหม่ยเลือดขึ้นหน้า โกรธตัวสั่น ต่อว่าตู๋เสอที่พูดจาดูถูก ตอนแรกตั้งใจจะอาละวาดพังข้าวของเครื่องใช้นั่นแหละ เอาให้ย่อยยับ เพราะสู้กับคนไม่ได้นี่ แต่พอได้ยินเสียงตวาดดังๆ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงรังสีอำหิตอันเย็นชา เสินเหม่ยก็มีอันต้องกล้ำกลืนโทสะเอาไว้ทั้งหมด ด้วยไม่อยากทรมานเพราะพิษร้ายที่ถูกสะกดเอาไว้ในฝ่ามือ นึกได้เพียงแต่ว่า รอก่อน  รอก่อนเถิด ตู๋เสอ เจ้ามันก็ร้ายกาจไม่แพ้พญามารม่อเจวียน ขอเพียงเขามีโอกาส  โอกาสอันน้อยนิด เสินเหม่ยผู้นี้จะรีบคว้าเอาไว้ โอกาสที่จะควักเอาหัวใจคนอำมหิตออกมาเหยียบย่ำให้จมดิน
           ทุกวัน..นอกจากเสินเหม่ยต้องดูแลเช็ดถู ทำความสะอาดมิให้ขาดตกบกพร่อง  ใช่แล้ว...ตู๋เสอ นอกจากนิสัยเย็นชา อ่านใจได้ยาก คนผู้นั้นยังเป็นคนละเอียดรอบคอบ ตรวจตราทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนไหนที่เสินเหม่ยยังทำไม่สะอาดเรียบร้อย เมื่อตู๋เสอได้เห็นเพียงเท่านั้น เสินเหม่ยก็เป็นอันต้องลงมือทำใหม่ทุกครั้งไป สร้างความเหน็ดเหนื่อยแก่เขายิ่งนัก นอกจากนี้เสินเหม่ยยังมีหน้าที่ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ทั้งกับของตู๋เสอและของสุนัขป่าที่เป็นบริวารของตู๋เสอ ทุกวันเสินเหม่ยต้องเอาชิ้นเนื้อสดขนาดใหญ่สี่ชิ้นไปวางไว้ในป่า  ซึ่งอยู่ในระยะของเคหะสถานของตู๋เสอ แน่นอนว่าทุกย่างก้าวของเสินเหม่ยนั้น ตู๋เสอสามารถรับรู้ได้ทั้งสิ้น เนื้อสดที่เสินเหม่ยเอาไปให้สุนัขป่าเหล่านั้น ตู๋เสอจะเป็นผู้หมักและคลุกเคล้ากับสมุนไพรตำหรับพิเศษ ตู๋เสอบอกเพียงแต่ว่า ยาสมุนไพรเหล่านี้บำรุงกำลังแก่สุนัขของเขาได้อย่างดี
           สำหรับสำรับอาหารของตู๋เสอนั้น เสินเหม่ยก็ต้องเป็นผู้จัดขึ้น แล้วยกเข้าไปให้ตู๋เสอถึงในห้องหับ ทุกครั้งก่อนลงมือรับประทาน ตู๋เสอจะใช้เข็มเงินจิ้มสำรวจอาหาร เพื่อความแน่ใจว่าเสินเหม่ยมิได้แอบวางยา จนเมื่อหลายวันผ่านไป ตู๋เสอก็ล้มเลิกการทดสอบอาหาร ทุกวันนี้ขอเพียงสำรับตั้งตรงหน้า ตู๋เสอก็จะลงมือจัดการทันที  เฉกเช่นวันนี้ ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่เสินเหม่ยเอาสำหรับอาหารที่ปรุงเรียบร้อยเข้าไปให้ตู๋เสอ ที่นั่งรออยู่แล้ว  เสินเหม่ยค่อยๆเดินเข้าไปแล้วเอาสำรับวางลงบนโต๊ะ
          "อืม..หอมดีจริง..หน้าตาไม่เลว"  ตู๋เสอชมอาหารในสำรับ ซึ่งมีข้าว น้ำซุป และเนื้อผัดกับสมุนไพร
          "เช่นนั้น..ข้าขอตัว.."  เมื่อวางสำรับเรียบร้อย เสินเหม่ยก็เอ่ยวาจาขอออกมา ทุกครั้งตู๋เสอจะรับประทานคนเดียว ส่วนเสินเหม่ยจะรับประทานในครัว
          "นั่งลง..วันนี้ทานด้วยกัน"  
          "........................." ประโยคเอ่ยชวนทำเอาเสินเหม่ยยืนตัวแข็ง เพราะมิคิดว่าตู๋เสอจะอยากให้เขาทานด้วย
          "นั่งลง..อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สาม..เพราะข้ารับรองได้ว่ามันจะไม่มีแน่นอน"  เสียงนั้นเริ่มเย็นชา
          เมื่อเสินเหม่ยได้ยินเช่นนั้นเขาจึงต้องจำใจนั่งลง  ตู๋เสอกำลังจะลงมือรับประทานแล้ว หากแต่เห็นเสินเหม่ยยังนั่งนิ่ง  สร้างความหงุดหงิดยิ่งนัก จึงกล่าววาจาขึ้น
          "เหตุใดไม่ถือตะเกียบ หากยังนั่งนิ่งเช่นนี้ ข้าคงต้องเอาอาหารพวกนี้กรอกเข้าปากของเจ้าด้วยตัวเองเสียแล้ว"
          เสียงนั้นฟังดูหงุดหงิด และเริ่มจริงจัง จนเสินเหม่ยต้องรีบถือตะเกียบ...และสิ่งที่ตู๋เสอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเสินเหม่ยเอาตะเกียบคีบชิ้นเนื้อส่งให้ถึงปาก ทั้งยังโปรยยิ้มหวานราวกับเทพยดา สร้างความงุนงงแก่เขายิ่งนัก  แต่ก็มิอาจเอื้อนเอ่ยอันใดได้ทัน ได้แต่คาบชิ้นเนื้อกลืนกินเข้าไปเพราะตกตะลึงในรอยยิ้มเช่นนั้นของเสินเหม่ย
          เพียงแค่นั้น เสินเหม่ยก็ได้แต่คีบนู่นคีบนี่ให้ตู๋เสอรับประทาน พร้อมทั้งยังสาธยายคุณประโยชน์ต่างๆของสมุนไพรที่เสินใหม่ปรุงลงไปในอาหาร สร้างความเพลิดเพลินแ่ก่ตู๋เสอยิ่งนัก  
          แต่เพียงไม่นานตู๋เสอก็ต้องนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด  เนื่องจากเขารู้สึกปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะ ตู๋เสอปล่อยตะเกียบเอามือกุมท้องไว้  เขาตบโต๊ะดังปัง ถ้วยชามกระเด็นกระจัดกระจาย ตู๋เสอเอามือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะยันกายลุกขึ้นยืน เพียงแค่เคลื่อนไหว อาการปวดแสบปวดร้อนก็แผ่กระจายไปทั่ว ตอนนี้กำลังแสบถึงในลำคอของตู๋เสอแล้ว  ตู๋เสอชี้หน้าเสินเหม่ยอย่างโกรธแค้น  กล่าวออกมาด้วยโทสะ
          "เจ้า...เจ้าวางยาข้า"
          "ใช่...หึ หึ ..ข้าวางยาพิษในอาหาร...ตู๋เสอ อาหารที่เจ้ากินไปเมื่อครู่นั่นยังไง" เสินเหม่ยแค่นยิ้มตอบ ตอนนี้เสินเหม่ยลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับตู๋เสอ  เขากล่าวออกไป
          "นี่เป็นยาพิษ  ไร้สี  ไร้กลิ่น  ไร้รส โดยปกติข้าจะเอาไว้อาบคมกระบี่  ยาพิษนี้หากเข้ากระแสเลือดหรือกลืนกินเข้าไปย่อมอันตรายถึงแก่ชีวิต ต้องปวดแสบปวดร้อนนอนตายอย่างอนาจ  และที่สำคัญไม่มียาอันใดถอนพิษนี้ได้"  เสินเหม่ยกล่าวอย่างผู้มีชัย
          "เจ้า...เจ้า.."ตู๋เสอกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ล้มลง
          "ฮาฮา ..โทษใครไม่ได้ เจ้าอยากประมาทเอง เช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องกลัวเจ้าแพร่พิษในร่างกายข้าอีกต่อไป  ขอเพียงข้าหลบหลีกจากสุนัขป่าของเจ้าได้ ข้าย่อมเป็นอิสระ...เจ้าจงรอความตายอยู่ที่นี่เถิด ตู๋เสอ..ข้าไปล่ะ" เสินเหม่ยกล่าวทิ้งท้าย  เขาหันกายเดินไปที่ประตู และช่วงที่จะก้าวข้ามธรณีประตูออกไป  เสินเม่ยก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบข้างใบหู
          "หึ หึ เสินเหม่ย..เจ้าผิดแล้ว"
          สินเหม่ยคิดคำนึง นั่นมิใช่เสียงของตู๋เสอหรอกหรือ เขามิได้นอนชักอยู่หรอกหรือ เหตุใดน้ำเสียงถึงแฝงด้วยพลังลมปราณอันแข็งแกร่ง มิใช้เขาโดนยาพิษครอบงำหรอกหรือ
          สินเหม่ยยืนค้างนิ่งตัวแข็งทื่อ เขายังมิได้ก้าวขาข้ามธรณีประตูออกไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ทันที่เสินเหม่ยจะคิดใคร่ครวญอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังมืดมน ก่อนสิ้นสติสมประดีไปในที่สุด
          
                                        """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

          พอรู้สึกตัวอีกที เสินเหม่ยก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องหับ เขาพยายามส่ายหัวไปมาเพื่อขับไล่อาการมึนงง เสินเหม่ยพยายามขยับแข้งขา แต่แล้ว...เขาก็ต้องตกใจ  เมื่อสองมือสองเท้าถูกพันธนาการไว้ทั้งสี่ด้าน  สองมือแยกออกถูกพันธนาการไว้เหนือศรีษะ  สองเท้าแยกออกถูกพันธนาการไว้ด้านปลายของเตียง  เสินเหม่ยรู้สึกถึงไอเย็นของอากาศที่กระทบถูกผิว เขายกศรีษะขึ้นสำรวจเสื้อผ้า ก็ต้องพบว่า บนร่างกายไม่มีอาภรณ์ลงเหลือเลยสักชิ้น  ใบหน้างามของเสินเหม่ยเริ่มเปล่งสีแดงเรื่อ พร้อมกับดวงตาสวยที่เบิกโพรงด้วยความตระหนก  และแล้วเสินเหม่ยก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่ง
          "หึ หึ ดูผิวของเจ้าสิ ช่างขาวนวลเปล่งปลั่งดั่งดรุณีแรกแย้มก็มิปาน" ตู๋เสอที่นั่งจิบชา กำลังมองเรือนร่างของเสินเหม่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย
          "ทะ...ทำไม...เจ้าไม่ตาย"  ถึงแม้ตอนนี้ความอับอายและความโกรธมันประดังประเดปั่นป่วนไปหมด แต่เสินเหม่ยก็ยังอยากรู้ว่าเหตุใดยาพิษนั้นถึงใช้การไม่ได้  เขาจึงกัดฟันถามออกไป
          " ฮา ฮา ฮา เจ้านี่น่าหัวร่อยิ่งนัก....ข้าเป็นใครเจ้าก็รู้ดี...เหตุอันใดพิษเช่นนี้ข้าจะจัดการไม่ได้  ขอเพียงมันไม่แล่นเข้าขั้วหัวใจอย่างเฉียบพลัน ข้าย่อมผลักดันลมปราณภายในขับเอามันออกมาได้ นี่ช่างง่ายยิ่งนัก ฮา ฮา ฮา" ตู๋เสอหัวร่อต่อความอ่อนต่อโลกของเสินเหม่ย
          "เจ้า..เจ้า..ฆ่าข้าเสียเถิด" เสินเหม่ยกัดฟันกล่าวออกไป
          "ฆ่าเจ้า..ฆ่าเจ้าแล้วสนุกอันใดเล่า" ตู๋เสอนั่งจิบชากล่าวออกมาอย่างสบายๆ  แล้ววางถ้วยชาลง เขามองเสินเหม่ยด้วยแววตาที่แสนเย็นชา
          "ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วมิใช่หรือ อย่าทำให้มีปัญหายุ่งยาก  ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นทีต้องลงโทษเพื่อให้หลาบจำ"
          "อย่า.." เสินเหม่ยส่ายหน้า  ด้วยรู้ถึงบทลงโทษ เขาไม่อยากให้ตู๋เสอกระตุ้นพิษนั้นออกมา เขาไม่อยากรู้สึกแบบนั้น ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
          แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว เมื่อตู๋เสอกำลังพุ่งพลังปราณมายังเสินเหม่ย เขาขับเคลื่อนพิษออกไปแล้ว
          "อึก....อ๊ะ..อึก" เสินเหม่ยเกร็งลำตัว ความร้อนรุ่มกำลังก่อตัวในท้องน้อยช่วงล่าง
          ตู๋เสอมองร่างขาวสะอาดที่เริ่มเปล่งสีชมพูเรื่อๆบิดไปมาด้วยความทุรนทุราย
          หลังจากความร้อมรุ่มแผ่ซ่านไปทั่ว เสินเหม่ยก็แทบจะทนไม่ไหว เขากัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ไม่อยากให้เสียงน่าอายเล็ดลอดออกมา ตอนนี้ความร้อนนั้นก่อตัวไปทั่ว  มันเคลื่อนไปทุกที่ที่ไวต่อสัมผัส ความกระสันซ่านเสียว ทำให้เสินเหม่ยแอ่นกายจนโค้ง เขามิอาจเก็บเสียงน่าอายไว้ได้ต่อไป
          "อึก...อ๊ะ...อ๊าา..อึก"
          ตู๋เสอมองร่างขาวอมชมพู  เขาใช้สายตาที่แสนเย็นชาเพ่งพิศใบหน้างามที่เชิดขึ้นด้วยความทรมานเกร็งกระสัน เกศาเป็นมันดำขลับหลุดจากผ้าที่พันรวบเอาไว้ เส้นผมแผ่สยายไปทั่ว  ใบหน้างามยังมีไรผมที่แปดเปื้อนหยาดเหงื่อ ติดแต้มคลอเคลียตามเนินหน้าผากและโหนกแก้ม ตู๋เสอไล่สายตามาตามลำคอระหง ลงไปที่ไหปลาร้า เนินอกที่มีกล้ามแบบบุรุษเพศ หากแต่เนื้อนวลเนียนชวนสัมผัส  เนินอกกำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจหอบถี่ของเสินเหม่ย แต่สิ่งนั้นยังไม่เย้ายวนเท่ากับ เม็ดทับทิมสีชมพูทั้งสองด้านที่เต่งตึงจนเห็นได้ชัด มันกำลังลอยขึ้นลงตามแรงเคลื่อนตัวของคลื่นแห่งเนื้อนวล สายตาของตู๋เสอยังคงไล่ลงไปเรื่อยๆ ผ่านซี่โครงที่เกร็งจนเห็นเป็นรูป ผ่านรอยบุ๋มของสะดือ สายตาของตู๋เสอแทบจะแหวกเข้าไปในพงหญ้าด้านล่างนั้น ก่อนไล่ขึ้นไปสำรวจความโดดเด่นของหอคอยที่ตั้งตระหง่าน เจ้าของพื้นที่นี้กำลังนอนระทวดระทวยสีหน้าทรมานเป็นอย่างยิ่ง
          ตู๋เสอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เตียง เขานั่งลงตรงหัวเตียง ก้มลงกระซิบวาจาข้างๆใบหูของเสินเหม่ย
          "ต้องการให้ช่วยหรือไม่?"
          "มะ..อ๊ะ..อ๊าา..ไม่..อึก"
          เสินเหม่ยแข็งใจตอบ เขาพยายามเม้มริมฝีปากให้สนิทกริ่งเกรงว่าจะปลดปล่อยเสียงน่าอาย  
          "หึ..หึ..เป็นเช่นนั้น..จริง?"
          เสียงเย็นชากวนโทสะยังคงดังอยู่ข้างใบหู
          "ขะ..ฆ่า..ฆ่าข้าเสียดีกว่า..อึก"
          "หึ..หึ..เจ้ารู้หรือไม่..ข้ามันชอบขัดใจผู้อื่น.."
          สิ้นเสียงนั้น ลิ้นแหลมๆอุ่นๆของตู๋เสอก็แทรกเข้าไปในร่องหูอย่างแผ่วเบา ทำเอาเสินเหม่ยกลั้นเสียงไม่ไหว จำต้องส่งเสียงครางหวานออกมา
          "อ๊าาา..อึก..ฮะ..อึก"
          "ชอบ..ใช่หรือไม่..ชอบ..เจ้าชอบ..หึหึ"
          "ไม่..อึก..อ๊ะ..อ๊าาา"
          เสินเหม่ยปฏิเสธ แต่พอสัมผัสถึงชิวหาซุกซนที่ซอกตรงใบหูอีกครั้งก็ต้องเปล่งเสียงออกมา
          "หึ หึ ข้ารู้เจ้าชอบ หากแต่ปากแข็งมิยอมอ่อนข้อให้ข้า ใช่ไหมเล่า เสินเหม่ย"
          ".............." เสินเหม่ยไม่อยากต่อปากต่อคำอีกแล้ว เขาได้แต่เม้มปากแน่น สิ่งนี้ทำให้ตู๋เสอเกิดโทสะจริต ตู๋เสอใช้น้ำเสียงเย็นชา เอ่ยวาจาต่อเสินเหม่ยที่นอนเรือนกายสั่นระริก
          "ดี..ไม่อยากพูดไม่เป็นไร...ข้าจะค่อยๆทำความคุ้นเคยกับร่างกายของเจ้า เช่นนี้ทั้งคืน คอยดูเถิดว่าเจ้ายังปิดปากอยู่ได้หรือไม่"
          เป็นเช่นนั้นจริงๆ...ตลอดหลายชั่วยาม เสินเหม่ยต้องทนกับอาการคันและเสียวซ่าน  ร่างกายบิดไปมาอย่างเร่าร้อน ทุรนทุราย พอใกล้ถึงความสูงสูดแห่งอารมณ์ ตู๋เสอก็จะสะกดพิษร้ายกลับเข้าไปในฝ่ามือของเสินเหม่ยอีกครั้ง คราแรกเสินเหม่ยใจชื้นขึ้นเขาหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย รู้สึกตาลาย สมองอื้ออึงไปด้วยพิษของความกระสันซ่าน  แต่เพียงห้าลมหายใจเข้าออกของเสินเหม่ยผ่านพ้นไป ตู๋เสอก็ขับเคลื่อนพิษร้ายนั้นออกมาใหม่ คราวนี้กลับสร้างความทรมานแก่เสินเหม่ยมากขึ้น เพราะมิได้ระบายความสุขที่คั่งค้างออกมาจากครั้งก่อน ต่อจากนั้นพอสักพักตู๋เสอก็สะกดพิษนั้นไว้อีก เป็นเช่นนี้สลับวนไปวนมา จนหลายชั่วยามผ่านไป  ตู๋เสอยังคงนั่งเคียงข้างเสินเหม่ย
          "หึ หึ ครานี้เจ้าต้องการอันใด.." เสียงของตู๋เสอเอ่ยวาจาถาม
          "หากเจ้าไม่คิด.....ฆ่า...ข้า...ก็จะ..จง..อย่า..อะ..เอ่ย..ถาม..อะ..อันใด..อีก"  เสียงของเสินเหม่ยสั่นสะท้าน
          "หึ หึ ข้าไม่คิดฆ่าเจ้า ทั้งยังจะช่วยเจ้า เอาเถอะ ครานี้พอแค่นี้ บทลงโทษนี้หวังว่าเจ้าจะจดจำ มาเถอะเสินเหม่ย ข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่อนคลาย" ขาดคำ ตู๋เสือก็เอื้อมมือไปปลดเชือกที่ผูกข้อมือของเสินเหม่ยไว้ทั้งสองด้าน  แล้วช้อนลำตัวของเสินเหม่ยขึ้นนั่ง ส่วนตัวของตู๋เสอเองนั้น เขาได้นั่งซ้อนหลังของเสินเหม่ยเอาไว้ เขาให้เสินเหม่ยพิงหน้าอกของตนเองไว้
          "จะ..เจ้า..ทำ..อันใด" เสินเหม่ยถามตู๋เสอที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
          "ช่วยเจ้าไงเ่ล่า.." สิ้นเสียงนั้นของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอยื่นมืออกไป ตู๋เสอใช้ปลายนิ้ววนตรงยอดหอคอยของเสินเหม่ยที่หยาดเยิ้ม
          "ฮะ...อ๊าาาาาาาา" เสียงครวญครางของเสินเหม่ยเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย
          "ชอบใช่ไหม..เสินเหม่ยคนดี หึ หึ " เสียงทุ้มต่ำเย็นชาของตู่เสอยังคงกระซิบก่อกวนโสตประสาทของเสินเหม่ย
          "อ๊ะ..มะ..ไม่" เสินเหม่ยกลั้นใจกว่างเสียงแข็ง
          หลังจากนั้นตู่เสอก็ลุกขึ้น เขาค่อยๆปล่อยเสินเหม่ยนอนราบ จากนั้นเดินไปที่ปลายเตียงแล้วแกเชือกที่มัดข้อเท้าทั้งสองข้างของเสินเหม่ยออก เขาจับขาทั้งสองข้างของเสินเหม่ยชันเข่าขึ้น
          "อ๊ะ..อ๊าาา" เพียงชั่วครูเสินเหม่ยก็ต้องแหงนหน้าร้องออกมา เมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งลักษณะกลมกลึงที่ตู๋เสอยัดเข้าไปในช่องทางนั้น เพียงชั่วสองลมหายใจเข้าออกช้าๆ ตู๋เสอก็กลับมานั่งซ้อนหลังของเสินเหม่ยตามเดิม พร้อมทั้เอ่ยวาจาว่า
          "นั่นคือสมุนไพรชั้นดี จะช่วยให้เจ้าผ่อนคลายหลังจากข้าช่วยให้สุขสม.."
          "อึก"  เสินเหม่ยไม่สามารถพูดอันใดได้อีกแล้ว เขาไม่มีแรงต่อต้านอีกแล้ว
          "หึ..หึ  ครานี้ข้าจะช่วยเจ้าแล้ว..เสินเหม่ยคนดี"  สิ้นเสียงนั้นของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็รับรู้ได้ถึงฝ่ามือร้อนที่กอบกุมหอคอยของเสินเหม่ยเอาไว้ มันกำลังเคลื่นไหว ขึ้นลงอย่างเชื่องช้า
          "อ๊ะ..อ๊าาาาา" เสินเหม่ยหลับตาลงเนื่องจากไม่อยากเห็นภาพบัดสีเบื้องหน้า ด้วยใบหน้าที่เชิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าเขากำลังพิงบ่าแข็งแรงของตู๋เสออยู่  เสินเหม่ยรับรู้ถึงอาการเคลื่อนไหวของฝ่ามือร้อนนั้น มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รุนแรงจนเสินเหม่ยต้องเปล่งเสียงครวญคราง และเริ่มขยับสะโพกตาม สองปลายเท้ากำลังจิกลงบนพื้นเตียง
          "อ๊ะ..โอ้วววอ๊าาา" เพียงแค่ขยับสั่นไหวสะโพกของตนเอง เสินเหม่ยกับรับรู้ได้ถึงเม็ดยาที่ถูกสอดใส่อยู่เบื้องหลัง  ยาเม็ดนั้นกำลังถูกผนังนุ่มๆบดเบียดไปมา บางทีก็เคลื่อนเข้า บางที่ก็ถูกบดจนเคลื่อนออก เสินเหม่ยรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของมัน
          "อ๊ะ...อะ..อ๊าาาา" เพียงแค่ยาเม็ดนั้นเคลื่อนถึงจุดที่สร้างความหฤหรรษ์ดำมืด ก็ทำเอาเสินเหม่ยเกร็งตัวแหงนหน้าจนสุด มันบังคับให้เขาต้องขยับสะโพกแรงขึ้น
          ความรุนแรงจากสัมผัสของอุ้งมือตู๋เสอที่กอบกุมไว้ด้านหน้า และความหยอกเย้าจากเม็ดยาที่กลิ้งไปมาด้านหลัง  สร้างความกระสันแก่เสินเหม่ย จนวาระสุดท้ายเสินเหม่ยก็สามารถระบายเอาความสุขนั้นออกมาได้จนหมด โดยมีตู๋เสอช่วยรีดเค้นออกมาให้ เม็ดยาด้านหลังที่โดนเคล้าคลึงจนเล็กลงก็หลุดออกมาด้วย
          เพียงเท่านั้นความทรมานของเสินเหม่ยก็สิ้นสุดลง แพขนตางอนยาวของเสินเหม่ยค่อยๆปิดดวงตาหรี่ปรือลงอย่างช้าๆ เสินเหม่ยหมดเรี่ยวแรงหลับไปแล้ว นี่ก็เป็นเพราะฤทธิ์ยาเม็ดนั้นด้วย ขอเพียงเสินเหม่ยตื่นขึ้นมาอาการขบปวดเมื่อยล้าก็จะหายไป
          ตู๋เสอยังคงมองเรือนร่างงดงามนั้นอย่างไม่วางตา  เขาเอ่ยวาจากับร่างที่ไม่ได้สติว่า
          "ต่อนี้ไปเจ้าคงรู้แล้วนะ...อย่าคิดต่อกรกับข้าอีก...เสินเหม่ยคนงาม..เสินเหม่ย..เทวดาน้อยๆ..หึหึ...เทวดาในอุ้งมือของข้า"
          หลังจากนั้นตู่เสอได้จัดแจงเอาผ้าแพรนุ่มสบายคลุมเรือนร่างของเสินเหม่ยไว้ เขาค่อยๆเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ตู๋เสอเดินก้าวข้ามธรณีประตูออกไป ก่อนที่จะปิดตูห้องหับลงช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เย็นชา




จบตอนค่าาาาา
 :L1:


          






 
              
          
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..75%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: b27072010 ที่ 18-01-2011 22:34:53
 :haun4: :haun4: :haun4:  ค้างได้อีก :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..75%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: ferly ที่ 18-01-2011 22:40:29
ไร้คำบรรยาย

นอกจาก...

ภาพสวยค่ะ ไลค์ๆๆๆ ;D
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..75%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 18-01-2011 22:46:29
แง....ใจร้ายอะ
ค้างแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า
ปล.อะหนูล้อเล่น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..75%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 18-01-2011 22:52:35
เอ หมาป่า จะเกี่ยวกับนายเอกตอนก่อนมั้ยอ่าคะ พระเอกเรื่องนี้ออกจิตๆนะเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..83%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 19-01-2011 00:15:29
งอกมาอีก8%แล้ว
แง๊วขออีกหน่อยได้ป่าวค้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..83%เต็ม หน้า3 (์NC18+)18/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 19-01-2011 00:49:17
เรื่องนี้ซาดิสต์รึปล่าวค่ะ??

ว้าววว  จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยย :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 19-01-2011 10:11:48
อีดิตเพิ่มครบแล้วนะ อ่านได้เลย ขอบคุณทุกเม้นนะคะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 19-01-2011 10:32:13
 :jul1: ปราบพยศหนุ่มดื้อ อร๊ายย ชอบสำนวนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 19-01-2011 14:25:11
 :z1: :z1: ชอบอ่าาาา เอาอีกน๊าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-01-2011 15:36:08
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 19-01-2011 15:36:51
เหอะๆ พระเอกออกแนว SM นะเนี้ยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 19-01-2011 19:11:52
พระเอกโหดจังเรื่องนี้
แต่ก็ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 19-01-2011 21:03:53
ตายแน่คับ ดับอนาด

SM สุดโค่ยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 19-01-2011 21:28:57
แรงงงงงงง :haun4:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 19-01-2011 22:06:57
บอกได้คำเดียวว่า "ปลื้มมาก!!"
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 19-01-2011 23:05:58
(http://upic.me/i/hn/sull1.jpg)





ก่อนไปอ่านตอนสองของ"ปราบพยศ"  ขอฝากรูปของเรื่องแรกหน่อยนะคะ
รูปนี้คือ อวี้เหวินเต๋อ+กุ้ยหลิน
         พระเอก+นายเอก ของ..เรื่อง...วันคืนอันดื่มด่ำค่ะ 
         (อิอิ พอดีมาช้าไป วาดแล้วก็เอาไปโปรยไว้ตรงไหนของห้องไม่รู้  วันนี้เพิ่งเจอ เลยเอามาลงให้คิดถึงกันเล่นๆ) 



งั้น

ไปต่อกันเลยนะ.....ปราบพยศ ....ตู๋เสอ+เสินเหม่ย   :L2:




เดี๋ยวขอขึ้นรีอันใหม่นะ สงสัยมันติดที่รูปค่ะ เลยเวลาจะเช็คpreview มันช้ามาก

         
:z1:อวี้เหวินเต๋อหล่อโฮก
เสินเหม่ยใจร้ายจริงจะฆ่าพระเอกของเรา  :sad11:กรรมตามสนองเลย :angry2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 20-01-2011 00:14:46
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
nc นี้ไม่แรง แต่เรียกเลือดได้ดีเช่นเดิม
อยากรู้เรื่องราวต่อไปจังค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน2..100%เต็ม หน้า3 (์NC18+)19/01/11
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 22-01-2011 02:43:55
ตอนที่3

          นับจากเกิดเรื่องในวันนั้น เสินเหม่ยก็ได้แต่เพียงซ่อนงำความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ภายใน  ด้วยรู้ชัดแน่แล้ว บุคคลเช่นตู๋เสอนั้น ยากยิ่งที่จะต่อกรด้วย นอกจากเย็นชา เข้มงวดอย่างชั่วร้าย ซ้ำยัง เจ้าเล่ห์ มีแผนการแยบยล ชอบสร้างกลอุบายจนเสินเหม่ยปวดเศียรเวียนเกล้า  
          เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ที่เสินเหม่ยยอมอยู่ในโอวาสด้วยเสียไม่ได้  สุดท้ายตู๋เสอจึงยอมคายออกมาว่า แท้จริงแล้วพิษทุกชนิดนั้น ร่างกายเขาสามารถรับได้ ขอเพียงไม่จี้เข้าตรงจุดอ่อน ย่อมทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจริงจัง ซ้ำยังสามารถขับออกมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการใช้เข็มเงินทดสอบ ก่อนรับประทานอาหาร จึงเป็นเพียงกลอุบายที่เขาใช้ เพื่อให้เสินเหม่ยตายใจ เพียงเพื่อหวังทดสอบเสินเหม่ยในภายหน้า ว่าจะก่อกวนเขาหรือไม่
          ซึ่งก็เป็นจริงดั่งที่เขาคาดไว้ สุดท้ายเสินเหม่ยก็ย่อมต้องเผยธาตุแท้ออกมา ว่าอยากกำจัดเขาเพียงไร  เขาจึงได้มีโอกาสสั่งสอนเด็กดื้อเช่นเสินเหม่ยให้อยู่ในโอวาสได้
          หลังจากนั้นมา เสินเหม่ยจึงยอมทำงานบ้านงานเรือนที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก  มีเพียงหุงข้าวปลาอาหาร งานทำความสะอาดภายในเรื่อนที่พัก เรื่องหุงข้าวปลาอาหารนั้น เสินเหม่ยพอมีความรู้อยู่บ้าง  แต่ก็ทำเป็นไม่กี่ชนิด ทุกครั้งที่ตู๋เสอต้องการอะไรแปลกใหม่ เขาจะยืนอยู่ข้างๆเสินเหม่ย คอยกำกับวิธีปลุงให้ ซ้ำยังอธิบายเรื่องราว และรายละเอียดรอบรู้ ที่เป็นคุณประโยชน์ให้เสินเหม่ยได้เอาประดับความรู้ให้กับมันสมองน้อยๆของเขาอีกด้วย
          เสินเหม่ยได้เรียนรู้วิชาการงานบ้านงานเรือนจาตู๋เสอ  เขามิเคยทราบเลยว่างานเล็กๆน้อยเช่นนี้ จะมีรายละเอียดมากมายที่ต้องใส่ใจ ซ้ำยังต้ิงพิถีพิถันทุกเรื่องราว  ที่น่าแปลกกว่าคือ เสินเหม่ยไม่เคยนึกเลยว่า บุรุษเช่นตู๋เสอ  จะสามารถทำงานเช่นนี้ได้ ซ้ำยังเข้าใจวิธีการอย่างถ่องแท้  ซึ่งเรื่องนี้  ตู๋เสอเพียงให้เหตุผลกับเสินเหม่ยว่า เขาเองอยู่คนเดียว ถึงแม้มีผู้เฒ่าเงาคอยรับใช้  แต่งานเช่นนี้เขาไม่ได้มอบหมายให้ผูเฒ่าเงาเป็นผู้กระทำ  เพราะถึงอย่างไร ท่านผู้เฒา่เองก็มีวัยวุฒิมากกว่า  และเป็นผู้มีวรยุทธมิใช่เลวชั่ว มีชื่อเสียงในยุทธภพมิใช่น้อย จะให้ทำงานเช่นนี้ให้กับตู๋เสอได้อย่างไร  ดังงั้น เมื่อไม่มีใครกระทำ ตู๋เสอเองก็สมควรเป็นผู้กระทำ และถ้าลงมือกระทำก็ควร กระทำออกมาให้ดี อย่าเห็นว่าเป็นเพียงงานเล็กน้อย แม้เป็นเพียงการเย็บผ้า ก็ย่อมต้องมีวิธีที่ควรศึกษาเพื่อให้เข้าใจในการเย็บที่ถูกต้อง และออกมาเรียบร้อย
          หน้าที่อีกประการที่เสินเหม่ย ค่อนข้างภูมิใจคือ การให้อาหารสุนัขป่าของตู๋เสอ ทุกวันนี้ เสินเหม่ยสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีตู๋เสอคอยกำชับดูแล วิธีการคือเสินเหม่ยจะเอาเนื้อชิ้นใหญ่สี่ชิ้น ไปวางไว้ในป่า ซึ่งไม่ห่องจากบ้านพักเท่าใดนัก จากนั้นหยิบขลุ่ยจิ๋วที่ตู๋เสอให้ไว้  เอาออกมาแล้วพ่นลมเข้าไปสามครั้ง ทำให้เกิดเสียงแหลมเล็กสามเสียง ดังติดต่อกัน จากนั้นให้รีบเดินจากมาภายในสามสิบลมหายใจเข้าออก
          เสินเหม่ยทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเรื่อยมา เนื่องจากเขาภูมิใจหนักหนา เพราะนี่เป็นงานที่อันตรายและท้าทายที่สุดแล้ว พอแล้ววันหนึ่ง เสินเหม่ยก็นึกอยากเห็นสุนัขของตู๋ ด้วยสงสัยในใจว่า เหตุใดครานั้นที่ตู๋เสอเอาสุนัขป่าเข้าจู่โจมขบวนม้าของพรรดอกไม้ดำ จึงมีเพียงสามตัว  แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้ทราบว่า ตู๋เสอมีสุนัขป่าที่เลี้ยงไว้ถึงสี่ตัว เสินเหม่ยจึงอยากทราบว่าแท้จริงแล้ว สุนัขทั้งสี่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างเข่นไรกันแน่  วันนั้นหลังจากที่เสินเหม่ยเป่าขลุ่ยไม้แล้ว  เขาจึงมิได้เดินจากมา หากแต่ใช้วิชาตัวเบาลายขึ้นสู่ยอดไม้เบื้องบน แล้วแอบซุ่มมองอยู่บนคาคบไม้  ซึ่งการซุ่มมองนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก เพราะสุดท้ายเขาก็ได้ทราบว่า ตู๋เสอมีสุนัขป่าถึงสี่ตัวจริง
          สุนัขป่าสี่ตัวของตู๋เสอนั้นช่างแตกต่างยิ่งนัก ทั้งสีขนและดวงตา ตัวสีดำทะมึนนัยน์ตาสีแดงฉานคาดว่าน่าจะเป็นจ่าฝูง เพราะมันได้ทึ้งชิ้นเนื้อก่อนเป็นตัวแรก ตัวต่อมามีขนสีเทา นัยน์ตาสีอำพัน ตัวนี้ได้ทึ้งชิ้นเนื้อเป็นตัวที่สอง  ตัวที่ทึ้งชิ้นเนื้อเป็นตัวที่สามคือตัวที่มีนัยน์ตาสีแดงฉานดุจดั่งเปลวเพลิง ซึ่งเป็นสีเดียวกับขนของมัน เมื่อสุนัขทั้งสามทึ้งชิ้นเนื้อจนเรียบร้อยแล้ว เสินเหม่ยจึงค่อยๆเห็นตัวที่สีเดินหางตกลู่เข้าหว่างขาออกมาจากป่าช้าๆอย่างเกรงกลัว  สุนัขป่าตัวนี้ทำให้หัวใจของเสินเหม่ยแทบหยุดเต้น เพราะมันสวยเหลือเกิน นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเหมือนพลอยเลอค่า  ขนสีขาวสะอาดตาทั้งลำตัวให้นึกถึงก้อนหยกขาวเนื้อดีที่หาได้ยาก ช่างงดงามยิ่งนัก และกว่าสุนัขตัวนี้จะทึ้งชิ้นเนื้อเรียบร้อย สุนัขตัวอื่นก็หายตัวกลับเข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว
          และสุดท้ายที่เจ้าสุนัขตัวนี้มันจัดการกับชิ้นเนื้อแล้ว มันก็ได้แต่นอนนิ่งลงข้างโคนต้นไม้ที่เสินเหม่ยแอบซ่อนตัวอยู่ นั่นสร้างความลำบากใจแกเขายิ่งนัก เพราะเสินเหม่ยไม่อาจลงมาจากต้นไม้ได้ เพราะกล้วตู๋เสอจับได้ว่าเขามิได้เชื่อฟังอีกแล้ว  หลังจากชั่งใจดูแล้ว ระหว่างโดนสุนัขป่ากัดกับโดนตู๋เสอลงโทษ สิ่งใดจะทรมานกว่ากัน เสินเหม่ยจึงตัดสินใจลอยตัวลงมาจากยอดไม้ เพราะด้วยกลัวว่า ถ้าหากเขากลับไปยังบ้านพักช้าจนมีพิรุธ อาจโดนตู๋เสอล่วงรู้เข้าว่าเขาขัดคำสั่งโดยการแอบดูสุนัขป่าของตู๋เสอ
          และนั่นเอง เป็นจุดที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเสินเหม่ยกับสุนัขป่าตัวนั้น เพราะหลังจากที่เสินเหม่นทิ้งตัวลงสู่พื้นแล้ว เขาได้สบกับนัยย์ตาสีฟ้าคู่นั้นที่มองเขาด้วยทีท่าที่ผ่อนคลาย ซ้ำยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับว่ามันคุ้นเคยต่อเสินเหม่ยเป็นอย่างดี และด้วยความงดงามของสุนัขป่าตัวนี้ ทำให้เสินเหม่ยเดินเข้าไปใกล้ แล้วอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบไปที่ขนนุ่มสีขาวงดงามนั้น ซึ่งมันก็ยอมให้เิสินเหม่ยกระทำโดยดี  และนับจากนั้น ทุกครั้งหลังให้อาหาร เสินเหม่ยจะซุ่มรอจนเจ้าตัวนี้ออกมาจัดการกับอาหารของมัน และรอจนพวกพี่น้องของมันได้เข้าป่าไปแล้ว เสินเหม่ยจึงปรากฏตัวเพื่อออกไปทักทายสุนัขป่าแสนสวยตัวนั้น นับได้ว่าเป็นมิตรภาพระหว่างคนกับสัตว์สี่เท้า
          และแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยความสงสัยอย่างสุดทน เสินเหม่ยจึงเอ่ยวาจาถามตู๋เสอ ว่าเหตุใดมีสุนัขสี่ตัว แต่เรียกใช้งานเพียงสามตัว เขาจึงได้รับคำตอบว่า สุนัขตัวที่สี่นั้น เป็นปมด้อยของฝูง เนื่องด้วยมันเป็นสุนัขเผือก ไม่เปลี่ยนสีขนไม่ผลัดขน ซ้ำยังอ่อนแอเชื่องช้า รังแต่จะเป็นภาระในงานที่กระทำเพราะอ่อนแอไม่ว่องไว ซ้ำยังถูกพบเห็นง่าย พออธิบายจบ เสินเหม่ยก็เห็นสายตาเย็นเฉียบของตู๋เสอทอประกายอำมหิต กำชับเขาว่า การให้อาหารสุนัขมิใช่เรื่องเล่นๆ ควรกระทำตามที่เขาบอกทุกประการ หากประมาทมิใส่ใจ ย่อมนำภัยมาถึงตัว  เสินเหม่ยก็เพียงได้แต่นิ่งฟัง  เขาไม่ได้ทำท่าทุกข์ร้อนอันใด เพราะเกรงว่าตู๋เสอจะจับได้
          แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น มันทำให้จิตใจเสินเหม่ยตื่นเต้นอย่างมาก เพราะระหว่างที่กำลังหยอกล้อกับสุนัขป่าสีขาว เจ้าสุนัขป่าสีเทามันก็เดินกลับออกมาจากในป่า แล้วเข้ามาร่วมวงเล่นกับเสินเหม่ย สร้างความเพลิดเพลินแก่เขายิ่งนัก สุนัขทั้งสองตัว มิเพียงไม่ทำอันตรายเขา ซ้ำยังเชื่องและเชื่อฟังว่าง่าย เสินเหม่ยไม่อยากเื่ชื่อสายตาตนเอง ว่าเขาจะสามารถเอามือลูบไปบนหลังของสุนัขป่าทั้งสองตัวที่นอนเคียงข้างกับเขาได้ และนับแต่วันนั้น เสินเหม่ยก็ได้มิตรภาพเพิ่มขึ้น  คือ เพื่อนเล่นสุนัขป่าสองตัว
         หลานวันผ่านไป สิ่งที่ตู๋เสอได้เตือนแกมข่มขู่เสินเหม่ยเอาไว้ ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อระหว่างที่เสินเหม่ยกำลังนอนเล่นกับสุนัขป่าทั้งสองตัว ทันใดนั้นสุนัขป่าอีกสองตัวได้ปรากฏกายออกมาจากในป่า มันคือเจ้าตัวสีดำกับเจ้าตัวสีแดงนั่นเอง เจ้าตัวสีแดงมิได้เข้ามาร่วมวงกับเสินเหม่ยหากแต่มันยืนนิ่งมิได้เคลื่อนไหว แต่สุนัขป่าสีดำตัวใหญ่นัยน์ตาแดงฉาน กำลังแยกเขี้ยวข่มขู่เสินเหม่ย เสียงคำรามนั้นทำให้เสินเหม่ยหนาวกาย กระดูกสันหลังชาวาบ ด้วยรู้สึกว่าเจ้าสีดำมันมิได้หยอกเล่น ซ้ำสุนัขป่สีขาวกับสุนัขป่าสีเทาที่เขานอนด้วย มันได้ลุกขึ้นเดินกระสับกระส่ายไปมาหางจุกอยู่หว่างขา หูลู่ตก พร้อมกับครางออกมา เหมือนหวาดผวา แต่สิ่งที่เหสินเหม่ยต้องระวังคือสุนัขป่าสีดำตัวนั้น เขาจดจำได้ดีถึงตอนที่มันขย้ำคนของพรรคมารราวผักหญ้า  แล้วนี่เขาตัวคนเดียวจะทำเช่นไร
        สุดท้ายสิ่งที่เสินเหม่ยกริ่งเกรงก็ได้เกิดขึ้น  เมื่อเจ้าสุนัขสีดำตัวจ่าฝูงมันกระโจนเข้าหาเสินเหม่ยโดยที่เขามิทันตั้งตัว สุนัขสีดำตัวนั้นทั้งเร็วและว่องไว ยามกระโจนก็รวดเร็วและทรงพลัง ปิดกั้นหนทางหนีรอดของเสินเหม่ยไว้หมด ซ้ำยังบั่นทอนสภาวะป้องกันของเสินเหม่ยอีกด้วย และก่อนที่คมเขี้ยวแหลมยาวจะฝังลงบนลำคอระหงของเสินเหม่ย มันก็ได้ฝังลงบนบ่าของคนผู้หนึ่ง ที่เอากายหนาบังร่างเสินเหม่ยเอาไว้แทน พอเสินเหม่ยเงยหน้าขึ้นก็สบกับดวงตาเย็นชาอันคุ้นเคย แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกคือ เลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์บนไหล่ขวาของคนผู้นั้น
        เสินเหม่ยมิได้คาดคิดเลยว่าตู๋เสอจะทำเช่นนั้น เขาปรากฏกายขึ้นเมื่อไหร่เสินเหม่ยมิอาจทราบได้ แต่เขาได้ช่วยเสินเหม่ยเอาไว้ และหลังจากนั้น เพียงแค่ตู๋เสอตวาดก้อง สุนัขป่าทั้งสี่ก็วิ่งหายเข้าป่าไป หลงเหลือเพียงตู๋เสอที่ยังยืนหันหลังให้เสินเหม่ย  ตู๋เสอยืดตัวตรงสง่าผ่าเผย เขาเอามือไพร่หลังไว้ บนบ่ามีเลือดโทรมด้วยบาดแผลที่ถูกคมเขี้ยวของ
สุนัขป่าสีดำ เสินเหม่ยยืนนิ่ง ดวงตาหลุบต่ำทอประกายสำนึกผิด หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่เพียงเดินตามตู๋เสอกลับที่พัก คนๆนั้นมิได้เอ่ยวาจาอันใดอีก นอกจากเดินอาดๆมิสนใจเสินเหม่ยที่รัวเ้ท้าเดินตามหลังต้อยๆ เสินเหม่ยมองแผ่นหลังที่สง่าผ่าเผยด้วยความกังวล โลหิตเริ่มซึมซับลงบนเสื้อผ้าเนื้อดีของตู๋เสอ สีแดงถูกย้อมไว้เกือบทั่วแผ่นหลังนั้น
        เมื่อกลับถึงเรือนพัก ตู๋เสอได้รีบเดินเข้าห้องหับทันที เสินเหม่ยรีบสาวเท้าตามไปด้วยความร้อนใจ ยามนี้เขามิอาจกริ่งเกรงว่าตู๋เสอจะว่ากล่าวที่ล่วงละเมิดตามเข้ามา พ้วยเพราะบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวไหล่ขวาของคนๆนั้นสร้างความกังวลให้แก่เสินเหม่ยยิ่งนัก  เสินเหม่นเห็นตู๋เสอนั่งหลับตาบนเตียง เขากำลังโคจรลมปราณสมานบาดแหล เสินเหม่ยเพียงแต่นั่งดูอยู่ห่างๆ มิกล้าเอ่ยถามสิ่งใดเพื่อเป็นการรบกวน ขณะนั่งจับจ้องคนที่ขัดสมาธิโคจรลปราณอยู่บนเตียง เสินเหม่ยสังเกตเห็นว่า คนผู้นั้นมีเหงื่อกาฬหลังไหลบนใบหน้า ทั้งริมฝีปากบางที่เคยเปล่งปลั่ง ก็เหือดแห้งซีดจาง หัวคิ้วขมวด สันกรามขึ้นข้างแก้ม แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดทรมานมิใช่น้อย แต่คนผู้นั้นยังคงกล้ำกลืนฝืนไว้มิแหกปากร้องออกมา สิ่งนี้สร้างความรู้สึกผิดแก่เสินเหม่ยเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยเขาเองที่มิได้เชื่อฟัง ละเลยต่อคำสั่งของตู๋เสอ จนสุดท้ายเดือดร้อนจนต้องลำบากแก่เขาผู้นั้นให้ต้องเสียเลือดเนื้อ หากไม่ได้เขาผู้นั้น ป่านนี้เสินเหม่ยเองคงมิได้มีโอกาสนั่งสำนึกผิดอยู่เช่นนี้ 
        เสินเหม่ยคาดว่าเวลาน่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม   สุดท้ายเขาก็เห็นตู๋เสอลืมตาขึ้น เปลี่ยนท่าทางจากขัดสมาธิบนเตียงเป็นห้อยเท้าลงมาที่พื้น  เสินเหม่ยก้มหน้านิ่ง แต่รู้สึกว่าตู๋เสอกำลังจับจ้องตนเองอยู่จึงค่อยเงยใบหน้าขึ้น  สายตาก็สบกันพอดี
        "หึ...เป็นดั่งที่คาดไว้ไม่ผิด" เสียงของตู๋เสอกล่าวอย่างเย็นชา
        "ข้า..ข้าผิดไป"  เสินเหม่ยกล่าวเสียงเบา
        "รู้ตัว?" ตู๋เสอยังคงกล่าวยียวน แต่น้ำเสียงแฝงด้วยความตึงเครียด
        "ครั้งนี้ข้าผิด..ข้ายอมรับ จะให้ข้าโขกศรีษะขอขมา..ข้ายินดี"
        "ฮา ฮา เจ้านี่  บทจะอ่อน ก็อ่อนจนเกินควร........"  ตู๋เสอนิ่งไปสักพัก ก่อนกล่าววาจาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
        "นี่อาจเป็นความผิดของข้าเอง  ที่มิได้บอกความต่อเจ้าอย่างชัดเจนแต่แรก ...เฮ้ย  ใครจะไปรู้ได้ ว่าเจ้าจะเป็นคนชอบคิดอะไรแผลงเช่นนี้ นึกว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนเจ้าได้หรือไร อย่างไรพวกมันก็เป็นสัตว์ สัตว์ที่กินเนื้อ เจ้าเข้าใจหรือไม่ สัตว์กินเนื้อย่อมดุร้าย และสัตว์กินเนื้อที่รวมเป็นฝูงย่อมมีกฎเกณฑ์ของมันเอง  ข้อนี้เจ้าอาจพอรู้อยู่บ้าง แต่ข้าจะบอกอีกข้อ สุนัขป่าของข้ามิใช่สุนัขป่าธรรมดา มันเกิดจากสุนัขปิศาจที่บำเพ็ญเพียรจนแก่กล้ามีฤทธิ์เดชถึงขนาดกลับกลายร่างเหมือนมนุษย์ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่ สัตว์พวกนี้ดุร้ายและจริงจัง สุนัขป่าคอกนี้ ข้าได้ช่วยมันไว้ในฤดูหนาวของปีหนึ่ง  ไม่ทราบว่าเหตุอันใดมันถึงถูกทิ้งไว้สร้างความเอน็จอนาจใจ ข้าจึงเก็บมันมาเลี้ยงดู อย่างที่กล่าวไปแล้วมันมิใช่สัตว์ธรรมดา เมื่อได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  ทั้งมีพลังวัตรแก่กล้า สุดท้ายด้วยความสำนึกในบุญคุณพวกมันยืนยันจะรับใช้ข้า แต่ข้ามิอาจไว้ใจมันได้ทีเดียว มันจึงเสนอว่า มันจะยอมกินยาพิษที่ข้าปรุงเพื่อตัดทอนพลังวัตร ตลอดทั้งปีจะมีร่างเป็นสุนัขดุร้าย แต่มิอาจแปลงกายได้ นอกจากช่วงฤดูหนาวที่ยาหมดฤทธิ์  ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ข้าเข้าจำศีลเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพร่างกาย  พวกมันเหล่านั้นจะเป็นอิสระมีพลังฟื้นฟูเท่าเดิมกอปด้วยอิทธิฤทธิ์ยากแก่การต่อกร ยกเว้นตัวสุดท้อง ตัวสีขาวนั่น ที่มีความร้ายกาจน้อยที่สุด  ข้าอธิบายเช่นนี้แล้วเข้าใจหรือไม่เล่า"
         สุดท้ายตู๋เสอก็ส่ายหน้าช้าๆ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าเศร้าสำนึกผิด เขาจึงคลายความเย็นชาปั้นปึง กล่าวเสียงเนือยว่า
         "เช่นนี้แล้วจงไปปรุงยาให้กับข้า ยาอยู่ในขวดแก้วสีแดงในห้องยา  จงนำมาหนึ่งเม็ดบดให้ละเอียด แล้วละลายในน้ำเดือด ไป..จงไปรีบทำมา  อย่าชักช้า"



ยังมีต่อค่ะ  แต่เดี๋ยวมาต่อนะ(รีล่างงงซะแล้ว บอกสั้นไปนิด) :3123:
          
          
        
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..65%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(2:39AM)
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 22-01-2011 03:31:03
ไหนอ่ะไรเตอร์ที่บอกว่าต่อ?

โอ้ววว หมาป่าน่ากลัวจัง

ตัวสีขาวนั่นคือกุ้ยหลินใช่มั๊ย??

เอิ่ม แล้วถ้างั้น ตัวอื่นแปลงกายเป็นคนได้มั๊ยอ่ะ??

หรือว่าตู๋เสอ ไม่รุ้ความสามารถที่แท้จริงของกุ้ยหลิน??

เอ๊ะ ยังไง??
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..75%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(7:46AM)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-01-2011 10:20:49
รอ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..75%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(7:46AM)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 22-01-2011 13:39:56
รอรอรอรอรอ

 :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..75%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(7:46AM)
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 22-01-2011 15:01:11
เพิ่งจะได้มาอ่าน  ไม่ทันเรื่องของกุ่ยหลินอ่ะ  เค้าอยากอ่าน  ไม่ทราบว่าจะขอ PM ได้มั้ย

ส่วนตอนที่สองนี่เรื่องอิโลติกอย่างยิ่ง ชอบค่ะ

+1 ให้เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..75%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(7:46AM)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 22-01-2011 18:45:10
อ้อออออออออ ตัวสีขาวต้องเปนกุ้ยหลินแน่เลย แง่มๆ น่าสงสารจัง โดนรังแกป่าวน้า จ๋องเชียว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..75%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(7:46AM)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 22-01-2011 21:47:39
ตอนที่3(ต่อ)

          เมื่อเห็นตู๋เสอสั่งการดังนั้น เสินเหม่ยจึงรีบจัดการมิรอชา เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ถ้วยดินเผาขนาดพอดีมือภายในมียาที่ปรุงไว้และไอความร้อนที่ลอยอบอวลก็ได้ตั้งอยู่ตรงหน้าของตู๋เสอ ซึ่งบัดนี้เขาไำด้เคลื่อนย้ายมานั่งที่โต๊ะหน้าเตียงเรียบร้อยแล้ว ส่วนเสินเหม่ยนั้นยังยืนนิ่ง ดวงตาจับจ้องที่ถ้วยยา ตู๋เสอค่อยๆยกถ้วยยาร้อนๆขึ้นจิบไปเรื่อยๆจนยาหมดถ้วย เบื้องหน้ายังมีเสินเหม่ยที่ยืนจับจ้องมิได้ขยับเขยื้อน  ตู๋เสอเลิกคิ้วถามไถ่
          "ยังต้องการอันใด"
          "บาดแผล...เหตุใดเลือดยังไหลไม่หยุด"  เสียงของเสินเหม่ยอ่อนลงอย่างมาก  
          "ช่างเถอะ..ออกไป..ข้าจะทำแผล"  ตู๋เสอสะบัดเสียง เริ่มแสดงอาการขุ่นเคือง
          "ให้..ให้ข้าทำ"
          "หึ หึ เจ้าน่ะหรือ จะทำแผลให้กับข้า" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
          "ใช่..ข้าจะทำ"  เสินเหม่ยยังมิอาจยอมแพ้
          "เกรงว่ายังมิทันลงมือ เจ้าอาจตายเสียตรงนี้"
          "ตาย..ตายอันใด" เสินเหม่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
          "ในกระแสเลือดของข้าไหลเวียนด้วยยาพิษเข้าใจหรือไม่ หากเจ้ามีบาดแผล  พิษในกายข้า จะถ่ายเข้าสู่ตัวเจ้าแล่นตรงถึงหัวใจ เช่นนี้แล้วเจ้าคงตายอย่างมิต้องคาดเดา"
          "ไม่..ข้าแน่ใจ ข้าไม่มีบาดแผลอันใด  ข้าจะทำแผลให้กับท่าน"
          "อวดดี  ดื้อดึง  ออกไป!" ตู๋เสอตวาดออกไป
          แต่หลังจากนั้น ความดื้อดึงของเสินเหม่ยก็ทำเอาตู๋เสอเหนื่อยอ่อน ด้วยเพราะพิษบาดแผลหรือไม่นั้น ไม่มีใครสามารถทราบได้ สุดท้าย เขาก็ยอมให้เสินเหม่ยเป็นผู้พันบาดแผล แต่มิอณุญาตให้ทายาที่บาดแผลซึ่งเขาเท่านั้นเป็นผู้กระทำได้ ทั้งยังพันบาดแผลเองอีกหนึ่งชั้น ก่อนให้เสินเหม่ยเป็นผู้พันชั้นต่อมา
          "เสร็จแล้ว ออกไปซะ" ตู๋เสอกล่าวเย็นชา ด้วยรำคาญคนจอมตื๊อเต็มทน
          "เอ่อ...มิได้"
          "มิได้!..มิได้อันใด" ตู๋เสอเสียงแข็งตวาดออกไป เริ่มหมดความอดทนกับเสินเหม่ย วันนี้คนผู้นี้ก่อปัญหายุ่งยากให้เต็มทนแล้ว
          "ท่าน..ท่านต้องลงโทษแก่ข้า"
          "ฮา  ฮา  เจ้าบ้าแล้ว  จะให้ข้าลงโทษ  เฮอะ ไหนลองบอกความจำเป็นมาสักข้อ"
          "ข้า..ข้ารู้สึกผิด..หากค้างคาเช่นนี้ ข้า.ข้าคงรู้สึกผิดตลอดไป"
          "เฮอะ เป็นไรของเจ้า...รู้สึกผิด อยากโดนลงโทษ อยากไถ่โทษ  ฮา ฮา น่าหัวร่อยิ่งนัก เจ้าเพียงต้องการให้เจ้าสบายใจ  เช่นนั้นจงสบายใจ ข้ามิใช่หรือที่กักขังเจ้า  ข้ามิใช่หรือที่กดขี่เจ้าใช้เจ้าสารพัด ข้ามิใช่หรือที่รังแกเจ้า ข้าผู้นี้เป็นศัตรูเจ้ามิใช่หรอกหรือ เช่นนี้เจ้าสมควรวางใจได้แล้ว  มิต้องรู้สึกผิดอันใด ไป ออกไป ข้าขี้เกียจต่อปากกับเจ้า"
          "ไม่..เจ้าเข้าใจผิด..ข้าจริงใจ ข้าสำนึกบุญคุณ และรู้ตัวว่าผิดที่มิได้ปฏิบัติตามวาจาของท่าน จนเป็นเหตุให้ท่านต้องเป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ท่าน ข้าคงไปปรโลกแล้ว ได้โปรด ลงโทษแก่ข้า ข้าจะทำทุกอย่าง"  เสินเหม่ยคุกเข่าลงพร่ำเพ้อ
          "หึ..เจ้ายังดื้อดึง..ดี..จะทำทุกอย่างใช่หรือไม่"
          "ใช่..ทำทุกอย่าง"
          "ยืนขึ้น..แล้วถอดเสื้อผ้าออกให้หมด"
          ".................."  เสินเหม่ยเงยหน้ามองตู๋เสออย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่ามิได้หูฝาดไป
          "เร็ว...ถ้าอยากไถ่โทษ  จงยอมทำตามเสียโดยดี ข้ากำลังจะลงโทษตามที่เจ้าต้องการ" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
          "................."  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มสนิทของเสินเหม่ย นอกจากการยอมกระทำตามที่ตู๋เสอสั่งออกมา
          ไม่ช้า..เรือนร่างขาวเนียนก็ปรากฏต่อหน้าตู๋เสอ
          "เจ้าคงมิหลงลืมใช่หรือไม่...ว่าข้าชอบลงโทษเจ้าเช่นไร"
         สิ้นเสียงเย็นเยียบของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็รู้สึกถึงพิษร้ายภายในกายที่เริ่มไหลเวียน ใช่แล้ว...ตู๋เสอกำลังขับเคลื่อนพิษนั้นออกไปแล้ว  พิษที่แสนเร่าร้อน พิษที่แสนอับอาย
          "ห้ามขาอ่อน ห้ามล้ม ห้ามนั่ง จงยืนให้ได้หนึ่งชั่วยาม แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นอันเลิกรา"
          นี่จึงเป็นบทลงโทษที่ร้ายกาจยิ่งนัก  ความปั่นป่วนภายในสร้างความกระสันจนมิอาจทานทน ความซ่านเสียวที่ก่อตัวอย่างบ้าคลั่งก็ทำให้มิอาจทานทนเช่นกัน จะล้มก็ไม่ได้ จะเข่าอ่อนก็ไม่ได้ ไม่มีที่ให้ยึด ไม่มีที่ให้จับ  เสินเหม่ยได้แต่ยืนหลับตา จะก้มหน้าก็มิอาจทนเห็นแก่นกายของตนเองชี้ชันอย่างเจ็บปวดด้วยมิได้รับการปลดปล่อยอย่างที่ควรเป็น ความต้องการก่อตัวอยู่ภายในด้วยพิษร้อนที่ไหลเวียนหมุนวน เสินเหม่ยกัดริมฝีปากแน่น เขาไม่ยอมให้เสียงครางทรมานเล็ดลอดออกมา  อาการคันและเจ็บปวดก่อตัวที่ตรงกลางลำตัวอย่างรวดเร็ว  ต้องยืนอยู่เช่นนี้ ต้องทนให้ตู๋เสอมอง และยังต้องยืนให้ถึงหนึ่งชั่วยาม  เขาจะทนได้อีกนานหรือไม่ เขาจะทนได้จนถึงหนึ่งชั่วยามเชียวหรือ เสินเหม่ยหลับตานิ่ง เขาไม่อาจคิดสิ่งใดได้ เพราะความรู้สึกทั้งมวลถูกรวบรวมไปที่จุดกลางลำตัว ที่กำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง เสินเหม่ยกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหลออกมา สองขาสั่นระริกด้วยเกร็งไว้มิให้ล้ม สองมือกำแน่นจิกเล็บลงในฝ่ามือ
          นั่นเป็นภาพที่ทำให้ตู๋เสอสะใจยิ่งนัก สะใจในความอวดดี สะใจในความหยิ่งผยอง  คนที่อยู่แบบนั้น  ใช้ชีวิตแบบนั้น จะรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายจากโลกภายนอกได้อย่างไร อยากเสนอตัวให้มารร้ายเพื่อปกป้องครอบครัว คนอ่อนแอเช่นนี้น่ะหรือจะทำได้ นอกจากเอาตัวเองไปให้ถูกขบเคี้ยวเล่น  เพียงแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว เพียงแค่นี้ร่างสะอาดนั่นก็สั่นจนอ่อนล้า อวดดี..จะทนได้หรือถึงหนึ่งชั่วยาม ถ้าครบหนึ่งชั่วยาม ถึงตอนนั้นก็คงตาเหลือกตายไปแล้ว อย่างน้อยๆก็คงขาดเลือดในกายตายก่อน ดูเถิด..เพียงแค่นี้ดวงหน้าก็ขาวซีดถึงปานนี้ ขาวซีดตัดกับเลือดสีแดงที่ริมฝีปากนั่น
         "ปัง!!"
          นั่นคือเสียงฝ่ามือของตู๋เสอที่กระแทกตบลงไปบนพื้นโต๊ะ เสียงนั้นทำให้เสินเหม่ยที่ยืนหลับตาถึงกับสะดุ้งตัวโยน  หลังจากนั้นเสินเหม่ยก็รู้สึกถึงแรงกระชาก ก่อนที่จะล้มลงไปที่เตียง
          ตู๋เสอก้มลงทาบทับเสินเหม่ย เอ่ยวาจาแผ่วเบา
          "บาดแผลนี้ฉกรรจ์นัก ข้ามิอาจขับเคลื่อนพิษให้กลับคืนไปที่จุดเหลากงของเจ้าได้ทั้งหมด เช่นนี้แล้วคงต้องใช้วิธีนี้ควบคู่ไปด้วย"  สิ้นเสียงนั้นเสินเเหม่ยก็รู้สึกถึงฝ่ามือร้อนกำลังกอบกุมฝ่ามือขวาของเขาไว้ ฝ่ามือนั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง เสินเหม่ยคิดว่าน่าจะเป็นพลังปราณของตู๋เสอ แต่ความรู้สึกอีกประการ ทีทำเอาเสินเหม่ยถึงกับสะท้านก็คือ มืออีกข้างของคนที่ทับเสินเหม่ยอยู่นั้น กำลังไล้วนที่ปลายยอดหอคอยที่ชื้นด้วยหยาดน้ำและบวมคัดเปล่งสีของเสินเหม่ย
          ตู๋เสอเอาข้อศอกยันกาย แต่มือซ้ายอีกข้างยังกุมมือขวาของเสินเหม่ยมิยอมปล่อย เขากำลังขับเคลื่อนพลังผ่านฝ่ามือของเสินเหม่ยเพื่อดึงเอาพิษกลับมาที่จุดเหลากง ซึ่งก็มีเพียงบางส่วนที่สามารถดูดกลับมาได้  ตู๋เสอขบกรามแน่น ด้วยเพราะการทำเช่นนี้ย่อมสร้างความเสียหายแก่บาดแผลบนหัวไหล่ของเขา ซึ่งตู๋เสอได้นั่งเดินลมปราณสมานปากบาดแผลไปเมื่อครู่ หากเป็นเช่นนี้ย่อมทำให้บาดแผลเปิดออกมาได้อีก
          ตู๋เสอค่อยๆใช้ลิ้นแหลมไล้ไปตามริมฝีปากของเสินเหม่ย  ก่อนตวัดเอาเลือดที่ยังไหลออกมาจากรอยฟันที่เสินเหม่ยกัดไว้ที่ริมฝีกปากเมื่อครู่ ตู๋เสอไล้เลียจนเลือดค่อยๆหยุดลงก่อนยันกายด้วยมือข้างเดียวเลื่อนตัวลงมาส่วนล่าง ใช่แล้ว ตู๋เสอไม่มีเวลามากกว่านี้อีกแล้ว เขาต้องรีบคลี่คลายพิษให้แก่เสินเหม่ย ก่อนที่เขาเองจะหมดสติไปเพราะอาการเจ็บปวดทรมานของบาดแผลที่หัวไหล่
          "อ๊ะ..อ๊ะ..ฮะ..อ๊าาา" เสียงครางของเสินเหม่ยดังขึ้น เมื่อตู๋เสอใช้ปลายลิ้นแหวกรอยแยกของหอคอย ลิ้นร้อนแหลมลากไล้หนักหน่วงทุกซอกหลืบของยอดหอคอย ทำเอาเสินเหม่ยต้องเชิดหน้าร่ำร้องออกมา น้ำตาอุ่นๆไหลซึมลงมาตามหางตาก่อนเหือดหายไปบนผิวนวล เสินเหม่ยใช้มือซ้ายจิกลงในเรือนเกศาของตู๋เสอที่ก้มลงอยู่ตรงส่วนนั้น ตอนนี้ส่วนนั้นของเสินเหม่ยโดนครอบครองไว้ในปากของตู๋เสอ
          "ฮะ..อ๊าาา..อึก..อื๊อ..อ๊าาา" เสินเหม่ยส่ายหน้าไปมา รับรู้ได้ถึงแรงเสียดสีเบาๆของคมฟันที่ขึ้นและลงตามความสูงของหอคอย  สลับกับแรงดูดของโพรงปากของตู๋เสอ  ปลายลิ้นสากลากไล้ไปทั่ว  ทั้งยังลงน้ำหนักให้รู้สึกชัดๆว่าลิ้นน้อยๆนั้นกำลังท่องเที่ยวอยู่ตรงส่วนไหน  แม้แต่พงหญ้า ลิ้นเรียวนั้นก็ยังไม่เว้นที่จะลากไล้สำรวจ
          "อ๊ะ..อ๊ะ" สุดท้าย  เสินเหม่ยก็ถูกครอบงำไว้ในโพรงปากอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีการหยอกเย้า ทุกอย่างกำลังประดังเข้ามา แรงดูดกลืน แรงของคมฟันที่ลากขึ้นลง แรงของมือแกร่งที่ช้อนอยู่ใต้สะโพกของเสินเหม่ย ทั้งบีบเค้น ทั้งผลักดัน  ยามที่ถูกผลักดันเข้าหาโพรงปากด้วยความเร็วถี่ สร้างความกระสันแก่เสินเหม่ยจนต้องเปล่งเสียงออกมาไม่หยุด  ยามที่พุ่งก็จะถูกแรงดูดของโพลงปากกระทำอย่างไม่ปรานี  แต่สิ่งนี้ได้สร้างความเสียวสุดที่จะทานทน
          "ซี้ด..อ๊ะ..อ๊าา"  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตู๋เสอกระทำ ทั้งเร็วและร้อนรุ่ม  ทั้งแรงและหนักหน่วง สร้างความเสียวซ่านอย่างหาที่เปรียบมิได้ เสินเหม่ยหูตาถูกบั่นทอน ในสมองอื้ออึงด้วยพิษแห่งความหฤหรรษ์ที่ตู๋เสอกระทำ  ตอนนี้ตัวเองเป็นผู้ที่เด้งสะโพกขึ้นตอบรับโพรงปากนั้นเสียเอง เสินเหม่ยเด้งสะโพกเร็วขึ้น  แรงขึ้น ทุกครั้งที่ทิ้งน้ำหนักลงเพื่อเด้งขึ้นไปใหม่ จะต้องฝืนกับแรงดูดของโพรงปากนั้น  โพรงปากนั้นเองก็ไม่อยู่นิ่งยังคงรูดขึ้นลงสวนกับการเด้งของสะโพก  จนสุดท้ายสะโพกบางก็เด้งขึ้นสูงพร้อมกับเกร็งค้างอยู่กับที่ ปล่อยให้โพรงปากของตู๋เสอกลืนกินหยาดน้ำและดูดมันจนหมด  จากนั้นเสินเหม่ยก็ทิ้งสะโพกลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
          ตู๋เสอปล่อยฝ่ามือของเสินเหม่ยออก เขาค่อยๆเลื่อนกายขึ้นไป เอาลิ้นสัมผัสที่ริมฝีปากของเสินเหม่ยเพื่อให้แน่ใจว่าเลือดหยุดไหลแล้ว และตอนนั้นเอง  เสินเหม่ยก็สัมผัสถึงความร้อนรุ่มที่กลางลำตัวของตู๋เสอ ความโอฬารที่แฝงตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุมยาวและกางเกงผ้า  เสินเหม่ยเห็นใบหน้าของตู๋เสอเครียดเขม็ง กรามขบแน่นจนขึ้นสัน นัยน์ตายังคงฉายแววเย็นชา
          "ท่าน..." เสินเหม่ยเสียงอ่อนล้า
          "หมดแล้ว..เจ้าชดใช้หมดแล้ว  เรื่องราววันนี้เป็นอันเลิกรา" ตู๋เสอยันกายกล่าวต่อเสินเหม่ย  นัยน์ตาปรากฏความอ่อนโยนเพียงชั่วครู่แล้วกลับกลายเป็นความเย็นชาดั่งเดิม
          "แต่..แต่..ท่าน" เสินเหม่ยค่อยๆเลื่อนมือสั่นเทาไปที่ตรงนั้น ที่ๆกำลังคับพองของตู๋เสอ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสโดนอย่างแผ่วเบา  ตู๋เสอก็สะบัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปลายตามองมายังเสินเหม่ย
          "นี่ย่อมไม่เกี่ยวกับเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องการข้าก็ทำให้แล้ว ต่อแต่นี้ไปจงเชื่อฟัง จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องให้ยุ่งยากลำบากกันอีก" เอ่ยวาจาเพียงเท่านั้นตู๋เสอก็ยืดกายลุกขึ้น เขาเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงเสินเหม่ยที่นอนทอดกายด้วยความอ่อนล้า สายตายังจับจ้องแผ่นหลังกว้างที่ก้าวออกไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง ก่อนที่เจ้าของแผ่นหลังนั้นจะปิดประตูห้องลงอย่างแผ่วเบา





จบตอนค่ะ :L2:
      

          
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 22-01-2011 21:56:47
 :z13: :z13:

เฮ้อออออ  ตู๋เสอ เมื่อไรท่านจะเลิกรักษามาดซักที

เหนื่อยใจแทนจิงๆเลย :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 22-01-2011 22:03:27
เอาอีกๆ

เหนือยยังคะCanCanลงตั้งหลายเรื่องขยันจังเลยสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 22-01-2011 22:17:43
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
ไม่นึกเลย ว่าแค่เล่นกะหมา จะนำพามาสู่บท nc ได้
เล่นแค่สองตัวยังเท่านี้ ถ้าทั้งหมดละ
ไม่อยากจะคิด รออ่านเลยแล้วกัน
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: tawan ที่ 22-01-2011 23:55:55
 :bye2:

แล้วมาต่อนะ

 :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 23-01-2011 10:55:15
อยากจะกรี๊ดดดด ดังๆ
แนวกำลังภายใน
มี NC นิดๆ สนุกมากเลย

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-01-2011 17:00:56
ตู๋เสอ เลิกใจแข็งได้แล้ว


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 23-01-2011 17:31:10
ว๊าย  ช่างเป็นการลงโทษที่อยากให้ทำซ้ำ  แล้วตู๋เสอ จะไม่ให้เสินเหม่ยช่วยบ้างหรอคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 23-01-2011 21:52:49
ว้าววว

เพิ่งเข้ามาอ่าน

มันส์ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 23-01-2011 23:04:01
พระเอกสงสัยจะสไตล์ SM เหอะๆ จะเก๊กไปหนายยยยยยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 24-01-2011 00:00:20
ตู๋เสอชายมีมาด :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 24-01-2011 00:20:52
เอาอีก เอาอีก อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-01-2011 00:14:47
ชอบเรื่องนี้ ทั้งเรื่องแรก และเรื่องสอง

มีปมให้คิดว่า มีความเชื่อมโยงถึงกันหรือไม่

สำนวน ภาษา ลีลาการแต่ง เหมือนสะบัดปลายพู่กันแต้มน้ำหมึกลงบนกระดาษเลยเชียว

ตอนนี้กำลังลุ้นให้ตู้เสอใจอ่อนกับเสิ่นเหม่ย จะมีอะไรเป็นแรงผลักดันกันนะ

ชอบๆๆๆๆ ขอบคุณมากนะจ๊ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: annis204 ที่ 27-01-2011 07:31:28
ทำไมตู๋เสอถึงได้ใจแข็งขนาดนี้นะ สุภาพบุรุษสุดสุด เลิกเก็กซะทีเถอะ สงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน3..100%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 27-01-2011 11:43:48
ตอน4.1

           หลังจากวันนั้น บรรยากาศระหว่างตู๋เสอและเสิ่นเหม่ย มิได้ใคร่จะสดใสนัก หากแต่คล้ายเมฆหมอกจางๆที่แฝงตัว ด้วยตู๋เสอเป็นคนสันโดดเชื่อมั่น และไม่ชอบคบค้าสมาคมกับผู้ใด ใช่แล้ว...เขามิอาจเชื่อใครได้ ในความคิดของบุรุษผู้นี้มีแต่ความหวาดระแวง หากวันใดที่เขาเผลอไผลปันใจของตัวเอง เอาดวงใจน้อยๆหรือแม้เพียงเศษเสี้ยววางลงบนฝ่ามือผู้อื่น สักวันหนึ่งก็คงมิแคล้วมีอันต้องถูกบดขยี้ด้วยคนผู้นั้นให้ตู๋เสอต้องช้ำใจเป็นแน่ ตู๋เสอคิดเช่นนี้..เพียงแต่อีกฝ่ายกลับคิดไปอีกทาง เสินเหม่ยน้อยผู้ที่คอยแอบดื้อดึงได้รู้สำนึก หลังจากใช้ชีวิตร่วมกับตู๋เสอภายใต้ชายคาเดียวกันนานนับหลายเดือน พฤติกรรมบางอย่างของตู๋เสอก็ได้ปรากฏแก่สายตาของเสินเหม่ย
           พฤติกรรมที่ว่าก็คือ..หากคราใดที่เสินเหม่ยทำตัวว่าง่ายไม่ต่อล้อต่อเถียง ตู๋เสอจะคอยช่วยชี้แจงปัญหาต่างๆที่เสินเหม่ยประสบระหว่างที่ทำงาน อันที่จริงแล้วเสินเหม่ยเริ่มรู้สึกว่าแท้จริงแล้วภายใต้ใบหน้าแข็งกระด้างนั้นแฝงความอ่อนโยนบางประการ ทั้งท่าทางที่ผ่อนปรนดูอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด นับวันเสินเหม่ยก็เริ่มเห็นว่าตู๋เสอดูผ่อนคลายลง หากแต่เขาเองยังมิอาจแน่ใจว่า แท้จริงแล้วตู๋เสอมีกริยาเช่นนั้นแต่ภายในกลับเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก หรือตู๋เสอมีกริยาเช่นนั้นเพราะเอ็นดูต่อเสินเหม่ยอย่างแท้จริง จวบจนที่วันนั้น...วันที่เสินเหม่ยแอบก่อเรื่อง วันที่เสินเหม่ยทรนงตัวว่า ตนเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ มิคาดสุดท้ายกลับกลายเป็นภาระของตู๋เสอ
           ตู๋เสอต้องบาดเจ็บเพราะช่วยเสินเหม่ยเอาไว้ และเสินเหม่ยเองเป็นผู้กระทำการประมาทเลินเล่อ เขามิได้เชื่อฟังคำสั่งของตู๋เสอ ใครจะคาดคิด แม้แต่เสินเหม่ยเองก็เถิด...ตู๋เสอช่วยชีวิตเขาไว้ เสินเหม่ยเป็นเพียงเด็กเชลย จริงๆแล้วเขาเองไม่มีความสำคัญประการใดต่อตู๋เสอ ตู๋เสอจะเอาไปฆ่าไปแกงที่ไหนย่อมได้ แต่นี่กลับเอาตัวเองมาบังคมเขี้ยวสุนัขเอาไว้ จนได้รับบาดเจ็บ บาดแผลที่ได้จากคมเขี้ยวของเจ้าดำนั้นก็สาหัสยิ่งนัก อาจต้องใช้เวลาเกือบเดือนจึงทุเลาลง ที่สำคัญหากมิได้ตู๋เสอช่วยไว้ เสินเหม่ยคงมิอาจมีชีวิตถึงตอนนี้ได้ สิ่งนี้ทำให้เสินเหม่ยรู้สึกเป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ เสินเหม่ยลืมเลือนความบาดหมางในอดีตไปจนสิ้นแล้ว เพียงแต่ ตอนนี้เสินเหม่ยคิดว่าตู๋เสอโกรธเขายิ่งนัก เพราะทำตัวยุ่งวุ่นวายจนเกิดเรื่องราวเลยร้าย จากวันนั้นมาเสินเหม่ยจึงไม่กล้ากวนใจตู๋เสออีก
           เสินเหม่ยมิกล้าพูดคุยด้วย ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วงเวลารับประทานอาหารเสินเหม่ยก็จะยกสำรับไปให้ จากนั้นก็มิกล้าเสนอหน้าอยู่ต่อ เขารีบออกมาจากห้องของตู๋เสอ เพราะเกรงว่าจะทำให้ตู๋เสอมิสบอารมณ์ ทั้งตู๋เสอเองก็มิได้สนใจเขาอีก ทั้งยังทำสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆทั้งมวล ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เสินเหม่ยไม่อาจคาดเดาได้ว่าตู๋เสอนั้นกำลังคิดเช่นไร
           จวบจนช่วงเวลาผ่านพ้นไปกี่วันก็เสินเหม่ยเองก็ไม่แน่ใน เพียงแต่ตู๋เสอได้เรียกเขาเข้าไปพูดคุยด้วย นั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก เสินเหม่ยค่อยเดินไปที่ประตูออกแรงเคาะเบา เป็นการบอกว่าเขามาถึงแล้ว เสินเหม่ยรอจนได้ยินเสียงอืมของคนด้านใน เป็นการบ่งบอกว่าให้เข้ามาได้ เขาจึงผลักประตูก้าวข้ามธรณีเข้าไป
           เสินเหม่ยเห็นตู๋เสอนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ ใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด  เขานั่งตัวตรงสองมือวางอยู่ที่หัวเข่า เสินเหม่ยเดินเข้าไปแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตู๋เสอ
           "เรียกข้าน้อย..มีอันใด" เสินเหม่ยค้อมตัวเล็กน้อยเอ่ยวาจาออกไป
           "ข้ามีเรื่องจะบอก"
           "มีความอันใด..." เสินเหม่ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามออกไป
           "เรื่องนี้สำคัญมาก"
           "เกี่ยวกับข้า?" เสินเหม่ยขมวดคิ้ว เอ่ยวาจาถามด้วยความฉงน
           "เกี่ยวกับเจ้าโดยตรง"
           "เป็นอันใด...บอกกล่าวมาเถิด"
           "หมู่บ้านของเจ้าโดนม่อเจวียนเผาวอดวายไปแล้ว"
           "อันใด...."  เสินเหมยตัวแข็ง ยืนนิ่งใบหน้าซีดเผือด เขากลั้นหายใจไว้ สิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่คงผิดพลาดไปแล้ว
           "หมู่บ้านของเจ้าโดนเผาวอดวายไปแล้ว โดยม่อเจวียน"  ตู๋เสอย้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง  พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เสินเหม่ย
           "ผู้คนเล่า?" เสินเหม่ยก้าวเข้าไป เขาจับแขนเสื้อของตู๋เสอเขย่าด้วยความร้อนรน
           "ไม่เหลือ.." ตู๋เสอส่ายหน้าบอกกล่าว
           "ไม่จริง...ท่านโป้ปด...ทุกวันท่านอยู่ในเคหะสถาน จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร อย่ามาหลอกข้า" เสินเหม่ยเริ่มเสียงแข็งกร้าว
           "ข้าจะหลอกเจ้าอันใด นี่เป็นเรื่องจริง ทำใจเสียเถิด"
           "ไม่..ข้าจะไป ข้าจะกลับ ข้าจะไปหาพี่น้องข้า" เสินเหม่ยตะโกนออกไป น้ำตาเอ่อเต็มใบหน้า
           "อย่าโง่เง่า ที่นั่นไม่มีอันใดแล้ว กลับไปก็มีแต่เสนอตัวไปให้ม่อเจวียน" ตู๋เสอกล่าวเสียงดังเช่นกัน ใบหน้าแสดงอารมณ์โกรธและรำคาญคนดื้อดึงเบื้องหน้า
           "ไม่...เป็นเพราะท่าน ท่านไม่ให้ข้าไป ไม่เช่นนั้นก็ไม่เป็นแบบนี้"  เสินเหม่ยต่อว่าออกไป เขาหมายถึงเพราะตู๋เสอช่วงชิงตัวของเขามา ทำให้ม่อเจวียนกลับไปรังควานที่หมู๋บ้านของเขา ทั้งยังกักขังเขาไว้มิให้กลับไปเยี่ยมเยียนที่บ้านอีก สิ่งที่เสินเหม่ยเคยคิดไว้ว่า ได้ลืมเลือนความบาดหมางที่มีต่อตู๋เสอหมดสิ้นไปแล้วนั้น เขาได้ลืมเลือนไปแล้ว ตอนนี้เสินเหม่ยโกรธเกลียดคนตรงหน้าอย่างมาก พอๆกับม่อเจวียน ซึ่งแท้จริงแล้ว เสินเหม่ยเพียงต้องการหาใครสักคน ระบายความโกรธแค้นของตนเองลงไปที่คนนั้น
           "เจ้า....อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน จำไว้..ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายรวดเร็ว หากเจ้าคิดขัดขืนหนีกลับไปยังหมู่บ้านของเจ้าที่วอดวายไปแล้ว และหากเจ้าคิดปลิดชีวิตตนเองเพื่อติดตามญาติพี่น้องของเจ้าไปปรโลกด้วย ถ้าเจ้าไม่ลงดาบให้หัวตัวเองขาดสะบั้นในครั้งเดียว ข้าย่อมมีวิธีทำให้เจ้ากลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง หลังจากนั้นเจ้าก็เตรียมตัวรับการทรมานจากข้าช้าๆ แต่ข้าคิดว่า ข้อหลังคนอย่างเจ้าคงไม่ทำ เพราะคนที่ชอบเคียดแค้นเช่นเจ้า คงขอมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อแก้แค้นม่อเจวียนและข้าใช่หรือไม่"  ตู่เสอยิ้มเยาะ
           "เสินเหม่ยกำมือแน่น...ใช่...ข้า..ข้าจะรอ..รอวันที่ข้าฆ่าม่อเจวียนสำเร็จ แล้ววันนั้น จะเป็นคราวตายของเจ้า  ตู๋เสอ" เสินเหม่ยกล่าวด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาเดินเฉียดกระแทกตู๋เสอออกไปจากห้อง
           เสินเหม่ยออกไปแล้ว....
           ตู๋เสอยืนเอามือไพล่หลังหันหน้ามองไปยังทิศทางที่เสินเหม่ยเดินออกไป  ตู่เสอพึมพำแผ่วเบา
           "ข้า...ขอโทษ"
           ใบหน้าคมเข้ม ปรากฏแววสำนึกเพียงชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยน สายตานั้นทอดออกไปไกลตามร่างของคนที่เพิ่งก้าวออกไปแล้วเมื่อครู่
           หลังจากวันนั้น เมฆอึมครึมที่ส่อเค้าอยู่แล้วระหว่างตู๋เสอและเสินเหม่ย ก็ถึงจุดอิ่มตัว ตอนนี้เมฆฝนนั้นโหมกระหน่ำอยู่ภายในจิตใจทั้งสองคน
           แล้วสิ่งที่ตู๋เสอได้คาดไว้ตั้งแต่แรกที่เขาเริ่มรับงานนี้ก็ได้เริ่มขึ้น มันก็คือวันที่เขาได้ประมือกับจอมมารม่อเจวียนอีกครั้ง
           เมื่อในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เสินเหม่ยกำลังเคี่ยวน้ำซุปเพื่อเอาไว้ทำเป็นบะหมี่น้ำให้ตู๋เสอในตอนเย็น ทันใดนั้นตู๋เสอก็ได้ผลักประตูห้องครัวเข้ามาอย่างรุนแรง มิทันที่เสินเหม่ยจะเอ่ยถามอันใด เขาก็ถูกตู๋เสอฉุดกระชากเข้าไปในห้องหับแห่งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยวาจาสั่งด้วยเสียงเย็นชาแต่ทรงพลังดุจดั่งพญาราชสีห์
           "อยู่ที่นี่..อย่าได้เสนอหน้าออกไปเป็นอันขาด"
           สิ้นเสียงทรงพลัง ตู๋เสอก็หันกายเคลื่อนคล้อยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่มิลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย
           สิ่งนี้สร้างความงุนงงสนเท่ห์แก่เสินเหม่ยยิ่งนัก เหตุอันใดเขาต้องอยู่ที่นี่ด้วยเล่า เมื่อเริ่มสงสัย เสินเหม่ยจึงพยายามฟังเสียงที่ผิดปกติภายนอก เพียงไม่นานเสินเหม่ยก็ต้องเบิกตาโพลง เสียงลมภายนอกช่างอื้ออึงหวีดหวิว ตามด้วยเสียงสุนัขป่าของตู๋เสอกำลังขู่คำราม เห่าหอนดังระงมไปทั่ว  มีหรือ เพียงแค่ได้ยินเช่นนี้  คนอย่างเสินเหม่ยจะนั่งงอมืองอเท้าหลบซ่อนตัวอยู่ได้ เท่านี้ก็ทราบแล้วว่าเกิดสิ่งผิดปกติที่ด้านนอกอย่างแน่นอน เสินเหม่ยร้อนรนขึ้น  เขาเองก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ร้อนรนเช่นนี้ ตอนนี้เขาทนอยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้ว  เสินเหม่ยค่อยๆลอบออกไป เมื่อเดินฝ่าลมแรงออกมาด้านนอก ใบไม้ถูกปลิดปลิวด้วยแรงลม เสินเหม่ยเดินฝ่าออกไป เขาเดินไปตามเสียงเห่าหอนของสุนัขป่า  เสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น เพียงไม่นานเสิยเหม่ยก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสุนัขป่าตัวหนึ่ง
            ใช่มันอยู่ข้างหน้าแล้ว...เสินเหม่ยรีบวิ่งไป เขาไม่ทราบว่าเกิดอันใด เพียงแต่คิดว่าถ้าผลีผลามออกไปโดยที่ยังมิรู้แน่ อาจทำให้ภัยอันตรายมาถึงก่อนที่จะลงมือทำอันใด เสินเหม่ยค่อยๆค้อมตัวลง แอบซ่อนแล้วแหวกพุ่มไม้เบื้องหน้าออกไป  
            และภาพที่ปรากฏคือ บุรุษสองคนที่ยืนเว้นระยะห่างประจันหน้ากัน ระหว่างบุรุษสองคนคือเจ้าดำที่หมอบคำรามข่มขู่บุรุษที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู๋เสอ เบื้องหลังตู๋เสอคือเจ้าแดง เจ้าเทา และเจ้าขาว ที่ส่งเสียงคำรามต่ำๆแต่หางลู่ลง เสินเหม่ยสังเกตเห็นว่าที่ปากของเจ้าดำมีคราบเลือดติดอยู่ เพียงเท่านั้นสายตาของเสินเหม่ยก็เลื่อนไปสังเกตบุรุษที่ยืนตรงข้ามกับตู๋เสอ เขามีรูปร่างเพรียวบาง และสง่าผ่าเผย ส่วนสูงมากกว่าเสินเหม่ย แต่ยังมิเท่าตู๋เสอ ใบหน้าหมดจดเกลี้ยงเกลา แต่สายตาลึกล้ำนั้นเป็นประกายแฝงด้วยความเยื้อหยันทรนง รอยยิ้มมุมปากบางสีชมพูให้ความรู้สึกถึงมารยาและกลิ้งกลอกเจ้าเล่ห์ รวมๆแล้วเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ สามารถดึงดูดได้ทั้งหญิงและชาย เพียงแต่เสินเหม่ยไม่เห็นรอยคราบเลือดอันใดบนตัวของคนผู้นั้น ย่อมแสดงว่าเจ้าดำโดนคนผู้นั้นทำร้ายเข้าเสียแล้ว
           เสินเหม่ยลอบตกใจ เจ้าดำมิใช่สุนันป่าธรรมดามันมีฝีมือมิใช่ชั่ว เสินเหม่ยเคยเห็นแล้ว มันสามารถสร้างความเจ็บปวดล้มตายให้กับคนของพรรคดอกไม้ดำได้ในคราเดียวถึงสามคน แต่คนผู้นี้เพียงแค่ยืนอยู่กับที่ ด้วยท่วงท่าปลอดโปล่งก็สามารถขับไล่เจ้าดำออกจากสภาวะจู่โจมได้ คนผู้นี้เป็นใครกัน เสียงเหม่ยตั้งใจลอบฟังว่าใครจะพูดอันใด เขาผนึกลมปราณเข้าที่โสตประสาท
           สักพักเสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอเริ่มบทสนทนา
           "ว่าอย่างไร ศิษย์น้อง ไม่ได้พบเสียนาน สบาย?"
           "คาราวะศิษย์พี่ ย่อมสบาย"คนตรงหน้าน้อมกายประสานมือคารวะ สายตาบ่งบอกความนัยลึกซึ้ง
           "ขออภัยที่เจ้าดำเสียมารยาท" ตู๋เสอเอ่ยวาจาเคร่งเครียด แต่ยังรักษาท่วงท่าอันปลอดโปล่ง
           "มิได้  มิได้ อาจเป็นบางทีข้ามามิได้บอกกล่าว เจ้าดำเลยเ้ข้าใจผิด" คนๆนั้นบอกสาเหตุ พลางชม้อยชม้ายสายตาลึกลับสุดหยั่งคาดแก่ตู๋เสอ
           "อืม..อุตส่าห์มา..มีอันใด" ตู่เสอเฉไฉสายตามองเลยไป กล่าววาจาเรียบเฉย
           "มีสิ่งหนึ่งอยากขอแก่ศิษย์พี่" คนผู้นั้นบอก
           "ขออันใดอีกเล่า  ข้าให้เจ้าไปหมดแล้วมิใช่รึ" ตู่เสอกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปาก แต่แววตาจริงจังขึงขัง
           "อันใดเล่า ศิษย์พี่ยังโกรธข้าอีกหรือ เรื่องครั้งนั้นผ่านมาแล้ว ท่านเองก็ชมชอบใช้ชีวิตเช่นนี้มิใช่หรือ"
           ตู๋เสอดึงสายตากลับมาที่คนๆนั้น สายตาคมกล้าประสานสายตาลึกล้ำเป็นกระกาย เขาส่ายหน้าช้าๆ ระบายยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยวาจาขึ้น
           "ประมุข หากท่านต้องการสิ่งใดข้าก็ให้ไปหมดแล้ว ข้าให้ตัวของข้าแก่ท่าน ข้าให้หัวใจแก่ท่าน แม้แต่ตำแหน่งผู้นำพรรคข้าก็ให้แก่ท่าน ตอนนี้ข้ามิใช่คนพรรคดอกไม้ดำอีกแล้ว ข้ามิอาจให้สิ่งใดแก่ท่านได้อีกแล้ว ทุกอย่างเป็นอดีตที่ข้ากลบฝังไปแล้ว"
           "ฮา ฮา ศิษย์พี่ โปรดอย่าเรียกข้าว่าประมุข มันช่างห่างเหินจนข้ามิอาจทนฟังได้ ได้โปรดเรียกข้าเหมือนเดิมเถิด"
           "อืมย่อมได้...ม่อเจวียน ไม่สิ เจวียนน้อย" ตู๋เสอกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
           เพียงเท่านั้น เสินเหม่ยที่แอบฟังอยู่ก็ทราบแล้ว ว่าคนผู้นั้นคือใคร เสินเหม่ยขบกรามด้วยความเจ็บแค้น แต่ต้องทนแอบฟังต่อไป ด้วยเพราะอยากรู้บางสิ่ง เพียงแค่ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง เสินเหม่ยก็ทราบความหลังมากมายเกี่ยวกับตู๋เสอ เขามิเพียงเป็นศิษย์พี่ของม่อเจวียน ซ้ำกริยาท่าทางของม่อเจวียนยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นสุดหยั่งคาด แต่เสินเหม่ยมิเข้าใจว่าเหตุใดตำแหน่งประมุขพรรคถึงตกอยู่ในมือของม่อเจวียน แทนที่จะเป็นตู๋เสอศิษย์ผู้พี่ ถ้าเป็นเช่นนี้ มิได้หมายความว่าตู๋เสอเคยโดนม่อเจวียนตลบหลังทำร้ายเพื่อหวังตำแหน่งประมุขแทนหรอกหรือ
           "อืมศิษย์พี่ เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านดั่งเดิม พี่จื้อหนาน"
           "อย่างไรเล่า เจวียนน้อย ทักทายกันแล้ว ก็เชิญกลับเถิด คุยกับพี่มีแต่เสียเวลา"
           "มิได้ๆ นานทีได้เจอคนคุ้นเคย พี่ยังจำได้หรือไม่เล่า ทุกคืนวันอันชื่นมื่น"
           "ฮา ฮา คืนวันอันหลอกลวงใช่หรือไม่ เพียงแต่ข้ายังจำคืนที่โดนพิษร้ายของเจ้าได้ ไม่สิ ข้าโดนพิษร้ายของเจ้ามาตลอด ฮา ฮา น่าอนาจนัก เพราะหลงใหลในรูปลักษณ์แท้ๆ ทุกวันนี้ผู้อื่นจำต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก"
           "ลำบากอันใดเล่า เพียงแค่ต้องแช่ตัวในน้ำยาปรุงทุกฤดูหนาวมิใช่รึ นั่นฟังดูหน้าสนุกยิ่งนัก"
           "หึหึ เจวียนน้อย เจ้าช่างรอบรู้มิเคยเปลี่ยน"
           "พี่จื้อหนานน่าจะภูมิใจ พิษที่ข้าให้แก่ร่างกายท่าน สุดท้ายกลับกลายเป็นอาวุธร้ายให้ท่านใช้ต่อกรกับศัตรู"
           "นั่นย่อมธรรมดา เพราะมิอาจล้มเจ้าได้อยู่ดี"ตู๋เสอแย้งขึ้น
           "ฮา ฮา เมื่อรู้ว่าล้มข้ามิได้ เลยคิดวิธีสกปรกก่อกวนข้างั้นรึ"
           "ก่อกวนอันใด" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้ม รู้สึกพอใจที่สามารถกวนโทสะม่อเจวียนได้
           "ท่านชิงตัวเชลยของข้า หนำซ้ำยังคิดแทรกแซงแผนการของข้า คิดปกป้องมันรึ"
           "ฮา ฮา เจ้าพูดอันใด ช่วยชี้แจงได้หรือไม่" ตู๋เสอยังคงอารมณ์ดี
           "ท่านเก็บมันผู้นั้นไว้กับตัว หึ นึกว่าข้าคาดเดาใจท่านไม่ได้หรือไง พี่จื้อหนาน จิตใจท่านเป็นอย่างไรข้าย่อมรู้ดี ท่านชมชอบมันใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะลงทุนปกป้องมันถึงเพียงนี้" ม่อเจวียนเอ่ยวาจาแค้นเคือง
           "ปกป้องอันใด อย่าพูดเหลวไหล" ตู๋เสอสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น เขารู้แล้วว่าสายป่านเส้นนี้เริ่มตึงจนใกล้ขาดแล้ว
           "ท่านหลอกลวงคนของข้า มีหรือที่มันจะไม่รู้น่ะ ว่าไม่มีคนในหมู่บ้าน นอกเสียจากท่านให้อุบายสร้างหุ่นกระบอกพลางตา คนของข้าก็ช่างโง่เขลานัก นึกว่าในนั้นยังมีคนอาศัยอยู่มันจึงจัดการเผาหมู่บ้าน หารู้ไม่ว่าทำไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะหาได้ปลิดชีวิตผู้ใดไม่ ข้ามิทราบแน่ หมู่บ้านนั้นมิใช่เล็กๆ ท่านสามารถสร้างหุ่นกระบอกตบตาได้อย่างไร ช่างเคลื่อนไหวเหมือนจริงจนคนของข้าเชื่อสนิทใจ"
           "ฮา ฮา นั่นเป็นความชมชอบในการเล่นสนุกของสหายข้า จำไว้ เจวียนน้อยเจ้าต้องรู้จักผ่อนปรนเสียบ้าง แล้วเจ้าจะได้หยิบยืมมันสมองของผู้อื่นไว้เล่นสนุกแก้เหงาได้อย่างไรเล่า" ตู๋เสอพูดด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ
           "เฮอะ...แก้เหงา แก้เหงาท่านประไร แต่แกล้งข้าใช่หรือไม่ ท่านเอาคนพวกนั้นไปไว้ที่ไหน บอกข้าได้หรือไม่ เผื่อข้าจะได้ไปเยี่ยมเยียนญาติของเสินเหม่ยบ้าง หรือท่านจะให้ข้าพาเสินเหม่ยไปด้วยดี?"
           "คงมิได้ทั้งสองประการ...เจ้ากลับไปเสียเถิด เจวียนน้อย ได้สนทนาถกเถียงกันแค่นี้ก็น่าจะพอสนุกปากแล้วกระมัง"
           เพียงฟังคำปฏิเสธของตู๋เสอรอบนี้ ม่อเจวียนก็สิ้นสุดความอดทน รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน สายป่านเส้นนี้ขาดผึงเสียแล้ว มันกำลังกลับกลายเป็นสายแส้ที่พร้อมฟาดฟันทุกผู้คนที่อาจหาญขวางกั้น
          
    
        







เอ่อ ขอแบ่งท่อนนะคะ แค่บทสนทนาก็แม่ง..มันจะยาวไปไหน ต้องมีตอนสู้กันอีกง่ะ (เดี๋ยวจะต่อให้จบคืนนี้ล่ะ แง่ม แง่ม) :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน4..50%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 27-01-2011 13:04:40
แอร๊ยยยยยยยยยย
วันนี้ได้จิ้มพี่วันด้วยหละ

หูยๆพระนางคู่นี้ เมื่อไหร่จะเริ่มหวั่นไหวกันละเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน4..50%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: MyTeaMeJive ที่ 27-01-2011 13:05:29
เดี๋ยวนานจัง~~~
รอๆๆๆๆ

เขียนดีมากเลยนะครับ อยากเขียนอย่างนี้ได้มั่งจริงๆ
 o13


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ..ตอน4..50%หน้า4 (์NC18+)22/01/11(9:47PM)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 27-01-2011 14:29:50
แอร๊ยยยยยยยยยย
วันนี้ได้จิ้มพี่วันด้วยหละ

หูยๆพระนางคู่นี้ เมื่อไหร่จะเริ่มหวั่นไหวกันละเนี่ย
:z13: :z13: :z13:
ขอคืน 555 เอาไปเลยสามที หุ หุ น้องนัต สุดlove
เดี๋ยวนานจัง~~~
รอๆๆๆๆ

เขียนดีมากเลยนะครับ อยากเขียนอย่างนี้ได้มั่งจริงๆ
 o13



เอ๊ยยยยยย ขอบคุณมากนะคะ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-01-2011 14:46:27
อ่อ ที่แท้ที่ฆ่าก็คือหุ่นกระบอกไม่ใช่คน งั้นคนก็ยังไม่ตายเอาไปอยู่ไหนเสียเล่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-01-2011 15:26:25
อืมม จริงๆตู๋เสอเป็นพวกปากร้าย ใจดีเหรอ  o22
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: kny ที่ 27-01-2011 18:34:02
โห  แค่สนทนากันยังยาวขนาด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-01-2011 20:33:13
ตู๋เสอ ใจดีแต่ไม่แสดงออกซินะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 27-01-2011 20:56:04
ตู่เส๋อเราก็ใจดีนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-01-2011 21:06:39
ชื่นชมในความขยัน
เรื่องของไรท์เตอร์สนุกทุกเรื่องเลย
+1 ให้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.1..100%หน้า4 (์NC18+)27/01/11(2:14PM)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 27-01-2011 21:22:15
ตอนที่4.2

           "จื้อหนาน...พี่จื้อหนาน"  ม่อเจวียนส่ายใบหน้าช้าๆ ก่อนกล่าววาจาออกไป
           "ท่านยังคิดดื้อดึงไปไย...สู้เข้ากับข้า เราสองเคียงคู่ ยิ่งใหญ่ไปทั่วหล้า"
           ตู๋เสอฟังเช่นนั้น ก็ต้องให้ส่ายหน้าเช่นกันพลางกล่าววาจา
           "เราสองเคียงคู่ ยิ่งใหญ่ทั่วหล้าอันใด ในเมื่อเราสองมีจิตปณิธานแตกต่าง ข้านิยมถ้อยทีถ้อยอาศัย ร่วมกันอยู่ ร่วมกันกิน เจ้านิยมยิ่งใหญ่ ถือยึดไว้เป็นหนึ่ง มิคิดแบ่งปันผู้ใด"
           ม่อเจวียนฟังเช่นนั้นก็ให้นึกเคืองในหัวใจ ตอกกลับไปว่า
           "พี่จื้อหนาน  ท่านพูดได้...พูดอย่างไรก็ไม่มีอะไรแตกต่าง ข้ากับท่านก็มารร้ายไม่ต่างกัน เช่นนี้เหตุใดอยู่ร่วมกันมิได้"
           "มิได้....ข้าชมชอบสันโดดมิชอบให้ใครบงการควบคุม..พูดไปก็เปลืองวาจาเสียเปล่า เจวียนน้อย..เจ้ากลับไปเถอะ"  สุดท้ายตู๋เสอต้องเป็นผู้ตัดบทสนทนา เขาสะบัดเสียงเป็นเชิงให้เข้าใจว่า ไม่อยากต่อวาจาด้วยแล้ว เช่นนั้นม่อเจวียนก็เข้าใจแล้ว หากใช้ไม้อ่อนมิได้ผล  เหตุใดจะใช้ไม้แข็งมิได้
           "ดูว่าพี่จื้อหนาน จะไม่ยอมมอบคนๆนั้นแก่ข้า เช่นนั้นคงต้องล่วงเกินแล้ว"
           สิ้นเสียงม่อเจวียน บรรยายกาศโดยรอบก็เปลี่ยนแปลง ตอนนี้สภาวะตึงเครียดแผ่ขยาย การยืนคุมเชิงสังเกตการณ์ของแต่ละฝ่ายสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าดำที่อยู่ระหว่างคนทั้งสอง ก็ล่วงรู้ถึงการณ์ต่อไป มันลุกขึ้นคำรามกู่ก้อง เตรียมกระโจนเข้าใส่ม่อเจวียนอีกครั้ง มิลังเลว่าเคยโดนสลัดออกมาจนสร้างความเจ็บปวดไปแล้วครั้งหนึ่ง
           ม่อเจวียนเห็นเจ้าดำแล้วให้รู้สึกรำคาญสายตา ใจหนึ่งอยากสะบัดฝ่าเท้าเตะออกไปให้มันตายคาที่ในครั้งเดียว แต่อีกใจยังเห็นแก่ตู๋เสอ หรือจื้อหนาน ที่ตนเองมีจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ ด้วยเหล่าสุนัขป่าเป็นบริวารของตู๋เสอ เพียงแค่สุนัขสี่ตัวมิอาจต่อกรกับม่อเจวียนได้ หากยังคงให้อยู่เกะกะรกหูรกตา ก็คงถูกเขาเตะตายอย่างอนาจภายในฝ่าเท้าเดียว
           ม่อเจวียนจึงเอ่ยวาจาออกไป
           "เรียนพี่จื้อหนาน เห็นแก่เราเคยคบค้ากัน สุนัขเหล่านี้รกหูรกตาข้า ท่านไล่ไปได้หรือไม่"
           ตู๋เสอเห็นม่อเจวียนกล่าวเช่นนั้น ก็เข้าใจความต้องการของม่อเจวียน ตู๋เสอเองก็เห็นเช่นเดียวกัน สุนัขพวกนี้รังแต่จะเป็นภาระแก่เขา สุดท้ายถ้ายังดื้อดึงก็คงต้องตายภายใต้ฝ่าเท้าม่อเจวียนอย่างแน่นอน จึงตวาดเหล่าสุนัขทั้งสี่ออกไป
           "ไป!...พวกเจ้าจงไปซะ เรื่องวันนี้มิเกี่ยวกับเจ้า  หากยังดื้อดึงอยู่ต่อ ข้าจะถือว่าเรามิเคยสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน"
           มีหรือที่สุนัขทั้งสี่จะมิเข้าใจในคำบอกกล่าวของตู๋เสอ  สุนัขก็คือสุนัข มันจงรักภัคดีต่อผู้มีพระคุณ  แต่หากยังถือว่าเป็นนายเป็นผู้รับใช้กันอยู่ก็ต้องฟังสิ่งที่เจ้าของบอกกล่าว เพียงแต่เจ้าดำยังมิอาจตัดใจจากไปในทันที มันถอยหลังออกมาแล้ว แต่ยังคงขู่คำรามพร้อมที่จะกระโจนเข้าหาม่อเจวียน เหล่าสุนัขสามตัวที่เหลือ เมื่อเห็นจ่าฝูงของมันยังไม่ยอมละทิ้งเจ้านายไป พวกมันก็มิอาจจากไปด้วยเช่นกัน
           "ดูเถิด..พี่จื้อหนาน พวกมันจงรักภัคดีต่อพี่นัก ถึงขนาดมิยอมจากไปโดยง่าย"
           การพูดครั้งนี้ของม่อเจวียน มีความนัยแอบแฝง เพราะน้ำเสียงที่ติดเยาะเย้ย ย่อมหมายถึงว่า เหล่าสุนัขมิเชื่อฟังตู๋เสอนายของมัน ตู๋เสอช่างไร้น้ำยาเสียจริง
           ตู๋เสอเห็นดังนั้น สุดท้ายจึงตัดใจตวาดออกดังๆ ให้เหล่าสุนัขแตกกระเจิงไป แน่นอนการตวาดครั้งนั้นย่อมอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณ เมื่อเหล่าสุนัขยอมจากไป  สถานที่ตรงนั้นก็ได้กลายเป็นลานประหัตประหารอย่างสมบูรณ์แบบ
           ตู๋เสอยังยืนเอามือไพล่หลังไว้ เขายืนนิ่งมิเคลื่อนไหว หากแต่รอบกายคล้ายมีพลังหมุนวนบางประการหลั่งไหลเตรียมพร้อมเป็นสภาวะป้องกันและตั้งรับ ม่อเจวียนเห็นดังนั้นย่อมเข้าใจ ในเมื่ออีกฝ่ายคิดตั้งรับ เขาย่อมเป็นฝ่ายจู่โจม ใช่แล้ว..ม่อเจวียนครานี้มิเกรงกลัวอันใด อยากให้จู่โจม ก็จะจู่โจม
           ม่อเจวียนตวาดออกไป
           "พี่จื้อหนาน โปรดระวัง" เพียงสิ้นเสียง เสินเหม่ยที่แอบดูอยู่ ก็แทบมิอาจกระพริบตาได้ วิชาของม่อเจวียนที่ใช้เคลื่อนไหวนั้นช่างแปลกประหลาด คราแรกที่เห็นคล้ายเยื้องย่างดุจภูติพราย ล่องลอยสวยงาม แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วการเคลื่อนไหวนั้นเพียงหลอกตาคู่ต่อสู้ว่าเชื่องช้า เพียงพริบตาเดียวกลับหมายถึงความตายที่จ่อเข้ามาจนมิอาจบดบังแก้ไข
           แต่ผู้ที่ประมือกับม่อเจวียนอยู่นั้น ตอนนี้คือตู๋เสอ ตู๋เสอมีวิชามิใช่ชั่ว เสินเหม่ยทราบข้อนั้นดี จึงวางใจแอบดูต่อไป และตอนนั้นเองเสินเหม่ยก็เห็นวิธีตั้งรับของตู๋เสอ เขามิเพียงคำนวณระยะเวลาที่แน่นอนในการเข้าหาม่อเจวียนได้ เขายังสามารถเบี่ยงตัวหลบด้วยท่วงท่าที่ยังสบาย หากแต่รวดเร็วจนมิอาจเข้าใจได้ว่าเขาก้าวเท้าเช่นไร เห็นเพียงแต่เมื่อม่อเจวียนซัดฝ่ามือออกไป ตู๋เสอก็สามารถเบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ปล่อยให้ต้นไม้เบื้องหลังเป็นผู้รับชะตากรรมแทน ต้นไม้นั้นเมื่อโดนพลังฝ่ามือของม่อเจวียนก็ถึงกับหักสะบั้นลงในพริบตา สร้างความตะลึงแก่เสินเหม่ยยิ่งนัก
           ฉับพลันม่อเจวียนเมื่อรู้ว่าพลาดไปก็รีบเปลี่ยนท่วงท่า แต่ยังคงมิแตกตื่นลนลาน ครานี้ม่อเจวียนมิปล่อยให้โอกาสตู๋เสอหลบหลีกได้อีก เพราะฝ่ามือที่ฟาดออกประกอบด้วยเท้าที่ร่ายรำติดต่อกันทั้งยังมีสภาวะล่องลอย บางเบาเพียงแต่พลังฝ่ามือนั้นกลับตรงข้าม หนักแน่นและรุนแรงอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณ เพียงแค่เมื่อเห็นฝ่ามือนั้นถูกตู๋เสอปัดออกอย่างว่องไว พลังที่ล้นออกมาจากฝ่ามือของม่อเจวียนก็กระทบถูกกับสิ่งอื่นๆที่อยู่ในทิศทางนั้น สร้างความเสียหาย ขาดสะบั้นไปทั่ว โชคดีที่เสินเหม่ยแอบดูอยู่ในทิศทางที่อับไม่เหมาะแก่การห้ำหั่น เขาจึงไม่กระทบถูกพลังรุนแรงนั้น
            ตู๋เสอยามเมื่อขยับเท้านั้นกลับมั่นคงหนักแน่น หากแต่เคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว ทั้งยังคำนวณทิศทางของม่อเจวียนได้ดุจดั่งเห็นการณ์ล่วงหน้า สีหน้าของตู๋เสอเองก็ราบเรียบมิแสดงอาการใดๆ ยากแก่การคาดเดาจิตใจภายในของเขาได้ ยามที่ปัดฝ่ามือของม่อเจวียน อีกมือหนึ่งจะคอยสอดเข้าไป หาจุดอ่อนและช่องว่าง หากม่อเจวียนเผลอไผล ย่อมถูกกรงเล็บของตู๋เสอเข้าขย้ำอย่างแน่นอน
            ทั้งสองยังคงร่ายรำกระบวนท่าออกไป แต่มีหรือที่มารร้ายอย่างม่อเจวียนจะยอมให้มันยืดเยื้อออกไปเช่นนี้ เขาเองไม่อาจทราบได้ นับแต่ที่จากกันฝีมือของตู๋เสอพัฒนาไปเท่าใด การมาครั้งนี้มิต้องการให้ถึงกับแตกหัก เพราะถ้าม่อเจวียนต่อสู้กับตู๋เสอจนบาดเจ็บ สุดท้ายพวกที่จ้องคอยซ้ำเติมย่อมต้องปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ครั้งนี้หากมีเล่ห์เหลี่ยมอันใดสามารถหยิบออกมาใช้ได้ ม่อเจวียนย่อมต้องกระทำอย่างมิต้องรอคิดคำนวณอันใด
            เมื่อเป็นดังนั้น ม่อเจวียนก็แบ่งสมาธิสอดส่ายออกไปหาลู่ทางในการชนะตู๋เสอ แน่นอนถ้าไม่อยากเป็นผู้แพ้ ย่อมต้องหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม และครานั้น ขณะที่ตรวจตราหาลู่ทาง ม่อเจวียนก็พบกับเสียงหายใจของคนผู้หนึ่ง ใช่แล้ว..คิดไว้มิผิดเพี้ยน มีหรือที่คนรักญาติพี่น้องเช่นนั้นจะทนหลบซ่อนตัวอยู่ได้ ม่อเจวียนพบแล้ว เขาพบกับจุดอ่อนของตู๋เสอแล้ว
            เพียงเท่านั้นตู๋เสอก็จับได้ว่า จุดสนใจของม่อเจวียนเปลี่ยนไป ม่อเจียนผละออกจากตู๋เสอโดยมิทันที่ใครจะคาดคิด ม่อเจวียนดีดตัวด้วยความเร็วสุดหยั่งคาด ใช่แล้ว ทิศทางที่ม่อเจวียนพุ่งไป คือทิศทางที่เสินเหม่ยหลบซ่อนอยู่ เสินเหม่ยเบิกตาอยู่ในพุ่มไม้ด้วยความตกใจ เขามิคาดคิดว่าม่อเจวียนจะมีประสาทสัมผัสไวเช่นนี้ เพียงแต่ตอนนี้มิอาจหลบหนีได้เสียแล้ว ม่อเจวียนใกล้เข้ามาแล้ว
            และก่อนที่ฝ่ามือของม่อเจวียนจะมาถึงกลางกระหม่อมของเสินเหม่ย เสินเหม่ยก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระชากขึ้นโดยแรงจากคนด้านบน คนๆนั้นก็คือผู้เฒ่าเงานั่นเอง ผู้เฒ่าเงาแอบซุ่มอยู่นานแล้ว เขาย่อมมองเห็นพฤติกรรมของทุกคน ม่อเจวียนเจ็บใจเหลือแสน เสินเหม่ยถูกผู้เฒ่าเงากระชากออกไปจากจุดที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การพุ่งพลังครั้งนี้เสียเปล่า
            หากมันก็ไม่น่าเสียดายซะทีเดียว เพราะระหว่างพุ่งตัวมาที่เสินเหม่ย ตู๋เสอเองก็ติดตามมาด้วย ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ม่อเจวียนผละออกมาจากตู๋เสอเอาเสียเฉยๆนั้น เป็นเวลาที่สั้นเพียงชั่วอึดใจ เช่นนั้นตู๋เสอที่ติดตามมาด้วยความเร็วเช่นกัน ย่อมมิอาจยั้งกายได้ทัน ม่อเจวียนจึงใช้เพียงเสี้ยวอึดใจนี้แหละพลิกท่วงท่าหันกลับ ขยับฝ่ามือเป็นกรงเล็บเข้าขยุ้มที่หัวไหล่ของตู๋เสอ ที่พุ่งตามติดมาถึงม่อเจวียนพอดี กรงเล็บของม่อเจวียนก็ขย้ำเข้าที่หัวไหล่ขวาของตู๋เสอทันที ใช่แล้ว ไหล่ขวาที่โดนคมเขี้ยวของเจ้าดำนั่นเอง
            ตู๋เสอยังรักษาใบหน้าเรียบเฉยไว้ แต่สภาวะการป้องกันถูม่อเจวียนทำลายจนหมดสิ้น ตอนนี้ตู๋เสอถูกกรงเล็บของม่อเจวียนกระชากลงมาที่พื้น คนทั้งสองยืนใกล้กันแค่ปลายจมูก หัวไหล่ขวาของตู๋เสอยังอยู่ภายในกรงเล็บของม่อเจวียน ส่วนเสินเหม่ยนั้นยืนอยู่เคียงข้างผู้เฒ่าเงาห่างออกไปอีกทาง คนทั้งสองจับจ้องไปที่ตู๋เสอที่ยังคงรักษามาดเคียงข้างกับม่อเจวียน ม่อเจวียนมีสีหน้ามาดร้าย เขายื่นใบหน้าเข้าใกล้ตู๋เสอมากขึ้น
            "อืม..พี่จื้อหนาน  พี่จื้อหนาน ท่านช่างปิดบังได้แนบเนียน หึ หึ ถ้าข้ารู้เช่นนี้แต่แรก คงไม่ต้องเปลืองแรงถึงเพียงนี้ อืม..ข้าได้กลิ่นเลือดท่านแล้ว เลือดที่กำลังหลั่งไหลที่หัวไหล่ขวาของท่าน"
            "หึ หึ เจวียนน้อยนั่นเป็นเพียงบาดแผลเก่า มิอาจสร้างความเสียหายใดๆแก่ข้า"
            " ฮา ฮา ท่านยังปากดีไม่หยุด ดูเถิดเสินเหม่ย ตู๋เสอของเจ้าใกล้สิ้นฤทธิ์แล้ว" ม่อเจวียนแกล้งหันไปยุยงเสินเหม่ย
            "เจ้า  เจ้าจะทำอันใดต่อตู๋เสอ  เจ้าฆ่าเขาไม่ได้หรอก"
            เสินเหม่ยตะโกนออกไป
            "ฮา ฮา ย่อมได้แน่นอน เพราะตอนนี้เขาอยู่ในกำมือของข้าแล้ว หากเจ้าไม่อยากให้เขาตายจงมากับข้าเสียโดยดี"
            ตู๋เสอเห็นดังนั้นก็คิดว่าผิดท่า เพราะม่อเจวียนกำลังยุยงเสินเหม่ย
            "หึ หึ เจ้าไม่มีทางทำได้หรอก เพราะเจ้าจะต้องจัดการข้าให้ได้เสียก่อน" ตู๋เสอกล่าวแก่ม่อเจวียน
            "ฮา ฮา เช่นนี้เป็นไร "ม่อเจวียนลงน้ำหนักไปที่กรงเล็บมากขึ้น
            "อึก.." ครานี้ตู๋เสอถึงกับแสดงอาการทางสีหน้า นั่นยิ่งทำให้เสินเหม่ยพลุ่งพล่านมากขึ้น
            "อย่า..อย่าทำเช่นนั้น..ข้า..ข้ายอมแล้ว..ข้าไปกับเจ้า"
            ตู๋เสอรีบตวาดออกไป
            "อย่าลองดีกับข้าเสินเหม่ย..อย่ายุ่ง.."
            "ฮา ฮา ดูเถิดเสินเหม่ย ตู๋เสอผู้เย็นชาคนนี้ ดูถ้าจะหลงเสน่ห์ของเจ้าเสียแล้ว" ไม่ว่าเปล่า ม่อเจวียนออกแรงที่กดที่หัวไหล่ตู๋เสอมากขึ้น
            "อึก อะ..อึก  เจวียนน้อย เจ้าได้คนผู้นี้ไปจะเป็นประโยชน์อันใด เคล็ดวิชานั่นก็ต้องใช้เวลาฝึกอีกนาน สู้เจ้าเอาข้าไปมิดีกว่าหรือ "ตู๋เสอลองใช้ไม้อ่อน
            "ฮา ฮา อย่าหลอกข้า ท่านกำลังล่อหลอกแก่ข้าใช่หรือไม่พี่จื้อหนาน"
            "ข้ามิได้ล่อหลอกเจ้า เพียงแต่ข้ากำลังเห็นความสนุกอีกข้อ บางทีอยู่กับเจ้าอาจจะดี มิต้องเจ็บตัวเพราะฟาดฟันกับเจ้า แต่ยังได้มีเรื่องสนุกๆทำไม่ต้องนั่งเหี่ยวเฉา"
            "ฮา ฮา ท่านช่างกลิ้งกลอกเอาตัวรอดดีแท้ ดี ดี เห็นว่าเคยคบกันมา เช่นนั้นเจ้าจะตอบแทนข้าด้วยวิธีอันใด"
            "ยอมอยู่ในอาณัติของเจ้าเป็นไรเล่า" ตู๋เสอเสนอแนะ
            "และมอบด้วยพลังปราณของข้าอีกครึ่ง ดีหรือไม่เล่า" ประการหลังถึงกับทำให้ม่อเจวียนตาวาว
            เสินเหม่ยมองตู๋เสอด้วยสาตายอาทร ด้วยรู้ว่าตู๋เสอกำลังยื่อข้อเสนอเพื่อชีวิตของเขา
            "พลังปราณของท่าน...อืม..ฟังดูน่าสนใจ พิสูจน์ให้แก่ข้าตอนนี้เลย จะได้หรือไม่เล่า"
            "ฮา ฮา ย่อมได้" หลังจากสิ้นเสียง ตู๋เสอก็ค่อยๆโน้มใบหน้าลงไป ริมฝีปากประทับกับริมฝีปากของม่อเจวียน นั่นคลับคล้ายกับการจุมพิตที่อ่อนหวาน หากแต่มันเป็นการจุมพิตที่กำลังมอบวิญญาณให้แก่ม่อเจวียน ม่อเจวียนดูดเอาพลังลมปราณที่ได้มาจากการฝึกยุทธของตู๋เสอออกไปทีละน้อย ใบหน้าของตู๋เสอเริ่มซีดเผือด ฉับพลันม่อเจวียนก็ต้องผลักตู๋เสอออกโดยแรง
            "ท่าน..ท่านถ่ายทอดพิษแก่ข้า" ม่อเจวียนรู้สึกหายใจติดขัด ร่างกายสั่นเทา เขาก้าวถอยห่างออกจากตู๋เสอ หากยังไม่ทันที่จะปัดป้องกรงเล็บที่พุ่งออกมาฉับพลันของตู๋เสอ ตู๋เสอกระชากหน้าอกของม่อเจวียนเข้ามาด้วยกรงเล็บ ฉับพลันก็เปลี่ยนท่าเป็นออกด้วยฝ่ามือ แน่นอนฝ่ามือนั้นอัดแน่นไปด้วยขุมพลังที่หล่อหลอมเข้ากับพิษร้ายในกายของตู๋เสอ ม่อเจวียนโดนฝ่ามือพิษของตู๋เสอกระแทกที่ทรวงอกจนกระเด็นออกไป  ม่อเจวียนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ สูญเสียพลังไปเกือบแปดส่วน ต้องแอบลอบโคจรพลังปราณโดยเร็ว เพื่อมิให้ธาตุไฟเข้าแทรกจนลมปราณแตกซ่าน ฝ่ามือนี้ของตู๋เสอเป็นฝ่ามือสุดท้ายที่ตู๋เสอคิดปลิดชีวิตม่อเจวียนในครั้งเดียว แต่ด้วยม่อเจวียนมีพลังปราณสูงส่งจึงมิอาจทำได้โดยง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะยังสามารถสู้กับตู๋เสอต่อไปอย่างไร้กังวลได้ สุดท้ายม่อเจวียนจึงยอมล่าถอยไปด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวทั้งโกรธแค้นและเจ็บปวด ที่มุมปากยังมีโลหิตซึ่งได้กระอักออกมาหลายคำก่อนหน้านั้น การโดนฝ่ามือพิษของตู๋เสอครั้งนี้ คงทำให้ม่อเจวียนหายหน้าไปจากแผ่นดินอีกนาน
            เสินเหม่ยรีบวิ่งเข้ามาประคองตู๋เสอที่ทรุดลง ใบหน้าที่เคยหยิ่งผยองเย็นชาของตู๋เสอกลับกลายเป็นซีดเผือดและอ่อนแรง ดวงตาของตู๋เสอปรือด้วยความอ่อนเพลีย เขากำลังจะหมดสติลงด้วยความเจ็บปวดของบาดแผลที่หัวไหล่ขวา และการสูญเสียพลังจำนวนมากที่ใช้ออกไป







จบตอนเสียที มือของข้าน้อยหงิกไปหมดเลย ฮือ ฮือ
 :L1: :L2: :กอด1:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 27-01-2011 21:32:33
โอ๋ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มามะเดี๋ยวข้าจะนวดมือให้ท่านเอง พิมพ์จนมือหงิกเลยน่ารักเสียจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: Akad3ar ที่ 27-01-2011 21:41:26
อือ...ทีนี้ทั้งสองก็จะรักกันใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 27-01-2011 21:58:37
ตู๋เสอจะเป็นอะไรมากมั๊ยอ่ะ   :monkeysad:

สินเหม่ยดูแลตู๋เสอดีๆน่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 27-01-2011 23:44:01
 :a5:เป็นห่วงตู๋เสออ่ะ หายเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 27-01-2011 23:50:10
อ่าวไม่จริ๊ง พี่ตู๋เสอเจ็บตัวได้ยังไง แล้วอย่างนี้เสินเหม่นจะทำไงอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 28-01-2011 01:01:57
สินเหม่ยดูแลตู๋เสอดีดีนะ
หวังว่าตู๋เสอจะไม่เป็นอะไรมาก
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-01-2011 01:09:52
ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ครานี้คงพลิกผันใจเสินเหม่ยมิใช่น้อย

โชคดีที่ผู้เฒ่าเงาคอยลอบสังเกตการณ์ มิเช่นนั้น ทั้งตู๋เสอและเสินเหม่ยคงไม่รอด

สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

บวกไปอีก 1 แต้มจ้า  :3123: ขอบคุณนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 28-01-2011 01:40:18
เห้อ

น่าฉงฉาร ดีนะที่ผู้เฒ่าเงาช่วยทัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-01-2011 15:06:29
เสินเหม่ย จะละลายความใจแข็งของ ตู๋เสอ ได้ไหม

ต้องรีบทำคะแนนช่วงนี้ล่ะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน4.2..100%หน้า5 (์NC18+)27/01/11(9:17PM)
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 28-01-2011 15:19:03
ตอนที่5

           หลังจากนั้นเสินเหม่ยและผู้เฒ่าเงา จึงช่วยกันหามร่างของตู๋เสอกลับมายังเคหะสถาน เมื่อจัดท่าทางของตู่เสอให้นอนลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ผู้เฒ่าเงาจึงกลับไปห้องปลุงยาของตู๋เสอ เขาเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลเรื่องการปรุงยาให้ตู๋เสอดื่มเพื่อบรรเทาบาดแผลที่หัวไหล่ เพราะเมื่อบาดแผลทุเทาลง ตู๋เสอก็จะสามารถกลับมาโคจรพลังปราณฟื้นฟูสภาพได้อีกครั้ง แต่ก่อน      หน้านั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของเสินเหม่ย เสินเหม่ยต้องคอยดูแลทำแผล ป้อนยาและซับความร้อนออกจากร่างตู๋เสอ เพื่อมิให้ไข้ขึ้นรุนแรง ตอนนี้ตู๋เสอร่างกายร้อนรุมไปด้วยพิษไข้จากบาดแผล
           อันตัวเสินเหม่ยนั้น จิตใจของเขาที่คิดแค้นเคืองต่อตู๋เสอได้อ่อนยวบมลายหายสิ้น หลงเหลือเพียงความห่วงอาทรและกังวลว่าตู๋เสอจะมีอาการหนักขึ้น ทั้งยังรู้สึกทราบซึ้งในบุญคุณที่ตู๋เสอกระทำให้ ถึงแม้ว่าเสินเหม่ยเองจะยังมิอาจทราบแน่ ว่าการที่ตู๋เสอปกป้องคนในหมู่บ้านเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของแผนการในการกลั่นแกล้งยั่วยุม่อเจวียนหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร การกระทำนั้นก็ช่วยให้ญาติพี่น้องของเสินเหม่ยมิต้องสูญสิ้นชีวาวายไปกับความพยาบาทของม่อเจวียน
           เสินเหม่ยเฝ้าเพียรพยายามดูแลปรนนิบัติตู๋เสอ โดยมีผู้เฒ่าเงาสังเกตการณ์อย่าห่างๆ ผู้สูงวัยยังคงรับหน้าที่ปรุงยาให้ เสินเหม่ยดูแลตู๋เสออยู่ได้ไม่กี่วัน ตู๋เสอก็กลับมีอาอารดีขึ้น จนสามารถลุกขึ้นนั่งโคจรพลังบนเตียงได้ หลังจากนั้นหลายวัน ตู๋เสอยังคบเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อฟื้นฟูพลัง เขามิใครพบปะติดต่อกิจการอันใดกลับใคร มีเพียงเสินเหม่ยที่ยังคงเข้าๆออกๆห้องของตู๋เสอ เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าพันบาดแผลให้ และท่านผู้เฒ่าสูงวัยยังคงรักษาหน้าที่ปรุงยาให้ตู๋เสอ
          ช่วงเวลาที่ตู๋เสออาการดีขึ้น เขาก็มีสีหน้าที่สดใส ใบหน้าเริ่มซับสีเลือดจางๆ แสดงว่าสุขภาพดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องรับประทานยาของผู้เฒ่าเงาเป็นระยะๆ น่าแปลก เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของตู๋เสอและเสินเหม่ยยังมิได้คืบหน้าอันใด คนทั้งสองพูดคุยกันแทบจะนับคำได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องภารกิจต่างๆ คือตู๋เสอจะถามว่า เรื่องงานเรือนตรงไหนทำเรียบร้อยหรือยัง แค่นั้น ส่วนเสินเหม่ยก็จะถามแต่ว่า ยามื้อนั้นมื้อนี้รับประทานหรือยัง ทานข้าวหมดหรือเปล่า หรือมีอันใดที่รับประทานเข้าไปแล้วรู้สึกแสลง ช่างเป็นเรื่องที่ธรรมดาจำเจทั้งสิ้น
          เรื่องพวกนี้..เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ก็มิอาจหลุดรอดไปจากสายตาคมกล้าของผู้เฒ่าเงาไปได้  ใช่แล้ว เมื่ออยู่ในสถานะของผู้สังเกตการณ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เฒ่าสายตาแหลมคม ฉลาดหลักแหลมมีความคิดความอ่านกว้างไกล มีหรือที่ผู้เฒ่าเงาจะไม่รู้ว่าตู๋เสอคิดเช่นไรต่อเสินเหม่ย และเสินเหม่ยคิดเช่นไรต่อตู๋เสอ ผู้เฒ่าทราบว่า จริงๆแล้วสองคนนี้จิตใจชอบพอตรงกัน แต่คนหนึ่งก็หัวรั้น คนหนึ่งก็หยิ่งทรนง จึงยากที่จะเปิดใจออกมาตรงๆ เช่นนี้แล้วมีหรือที่ผู้เฒ่าเงาซึ่งภักดีต่อตู๋เสอจะยอมอยู่เฉยๆ
         เย็นวันหนึ่ง ยามที่อาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าโพล้เพล้ เสินเหม่ยกำลังช่วยตู๋เสอพันบาดแผล ซึ่งตอนนี้ค่อยทุเลาลงแล้ว ปากบาดแผลปิดสนิทกันดี ตู๋เสอยังคงตัวรุมๆด้วยพิษไข้อยู่บ้าง แต่ถือว่าแค่นี้ก็สามารถเดินตัวตรงได้อย่างสบาย  หลังจากที่ตู่เสอเช็ดเนื้อเช็ดตัวเพื่อบรรเทาไข้ เสินเหม่ยก็ช่วยพันบาดแผลให้ ซึ่งตอนนี้ก็เรียบร้อย เสินเหม่ยเหลือภารกิจอีกเพียงอย่างเดียว คือ ส่งถ้วยยาที่ท่านผู้เฒ่าปรุงทิ้งไว้ให้ในห้องยาแก่ตู๋เสอ ซึ่งนั่งห้อยขาอยู่ที่เตียง ตู๋เสอรับยาถ้วยนั้นมาดื่มช้าๆจนหมด แล้วส่งถ้วยให้เสินเหม่ย ตู๋เสอกล่าวขึ้น
         "เรื่องคลี่คลายลงแล้ว ม่อเจวียนก็ท่าจะไม่กลับมาแล้ว รอสักพักเมื่ออาการข้าทุเลาลง ข้าจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ ต่อจากนั้นเรามิเกี่ยวข้องกัน ข้าจะบอกทางแก่เจ้าให้ ว่าคนของเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด "
         เสินเหม่ยฟังดังนั้น ก็มิได้ว่าอันใดกลับไป เพียงแต่แอบหน้ายุ่ง คิดค่อนขอดในใจ เขาน่ะหรือ มิเกี่ยวอันใด เขาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับตู๋เสอมานานหลายเดือน ก็มิใช่ตู๋เสอหรอกหรือที่รั้งเขาไว้ พอเป็นเช่นนี้แล้วจะขับไสไล่กันออกไป ได้ ถ้ามิอยากเกี่ยวกัน เสินเหม่ยเองก็มิอยากเกี่ยวด้วยหรอก เชิญหมกตัวเป็นเต่าโบราณคร่ำครึเช่นนี้ต่อไปเถิด
         แต่หลังจากนั้น..มิทันที่เสินเหม่ยจะเดินปั้นปึ่งออกมา เสินเหม่ยก็ได้ยินเสียงกัดฟันของตู๋เสอ เมื่อเสินเหม่ยหันไปดู ก็เห็นตู๋เสอนั่งตัวค้อมกุมท้องน้อยอยู่บนเตียง ตู๋เสอกัดฟันเอ่ยวาจาถามเสินเหม่ย
         "ครานี้ใช่ผู้เฒ่าเงาเป็นคนปรุงยาหรือไม่...อึก" ตู๋เสอกัดกรามจนขึ้นสัน เม็ดเหงื่อผุดออกตามใบหน้า
         "ย่อมใช่ มีอันใด?" เสินเหม่ยถามเสียงลนลาน พลางถลาเข้าไป
         "อยะ...อย่า เสินเหม่ย เจ้าห้ามเข้ามา"
         "อันใด...ท่านโดนพิษใช่หรือไม่?"
         "ย่อมเป็น...อึก..เช่นนั้น"
         "พิษอันใด..บอกมา..ข้าจะไปหายาถอนที่ห้องยา"  เสินเหม่ยแตกตื่น
         "มิได้..ยาถอนไม่อยู่แล้ว"  ตู๋เสอตอบเสียงเครียด
         "ไม่อยู่แล้ว แล้วมันไปอยู่ที่ใดเล่า?"
         "ผู้เฒ่าเงาเอาไปแล้ว"  ตู๋เสอตอบออกไปตามที่คาดการณ์
         เสินเหม่ยนั่งลงตรงพื้น เขย่าแขนทั้งสองข้างที่กุมท้องน้อยของตู๋เสอ ใบหน้าของเสินเหม่ยแทบชนกับใบหน้าของตู๋เสอที่ค้อมลงอย่างทรมาน
         "เหตุใดผู้เฒ่าต้องวางยาพิษแก่เจ้า...พิษอันใด..รีบบอกข้ามา"  เสินเหม่ยรบเร้า
         "พิษ..พิษแบบเดียวกับที่อยู่ในกายเจ้า"
         เพียงฟังได้เท่านั้น เสินเหม่ยก็ถึงกับกระดากอายใบหน้าแดงซับสีเลือด พูดอ้อมแอ้มออกไป
         "สะกดไว้ได้หรือไม่ หรือขับออกได้หรือไม่"
         "ไม่ได้..ข้ายังไม่ฟื้นฟูได้ถึงขนาดนั้น ถึงทำได้ก็มิอาจขับออกมาได้หมด ทั้งสะกดไว้ก็ไม่หมดเช่นกัน...อึก" ตู๋เสอกัดฟัดบอกออกไป แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยให้รู้สึกเจ็บปวดที่ตรงนั้นแล้ว
         "เช่นนี้..ควรทำอย่างไร" เสินเหม่ยเอ่ยถามเบาๆ ใบหน้าแดงฉาน
         "จงกลับออกไป..เจ้า..เข้าไปอยู่ที่ห้องของเจ้า ข้าจะลองเดินลมปราณขับมันออก เผื่อจะช่วยลดทอนได้บ้าง แต่ระหว่างนั้นจงไสหัวไป อย่าให้ข้าเห็นหน้า" ตู๋เสอเอ่ยวาจายืดยาวด้วยความอดทน
         เสินเหม่ยก้มหน้านิ่ง ก่อนค่อยๆลุกขึ้น เสินเหม่ยยืนต่อหน้าตู๋เสอ ห่างเพียงแค่ครึ่งก้าว
         "เช่นนี้แล้ว ท่านยังจะขับไล่ไสส่งผู้อื่นอีกหรือ?" ไม่ว่าเปล่า เสินเหม่ยค่อยๆคลายปมผ้าคาดเอวของตนเองออกช้าๆ ตู๋เสอตะลึงกับการกระทำของเสินเหม่ย
         "...เจ้า..อึก.." ตู๋เสอมิอาจพูดอันใดได้ ความเจ็บปวดจากการมิได้ปลดปล่อยเริ่มประดังเข้ามา
         เสินเหม่ยไม่สนใจคนถือดีอีกต่อไป เขาค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนเองออกจนหมดสิ้น เหลือเพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวละออ ซึ่งกำลังซับสีชมพูไปทั่วทุกแห่ง ตู๋เสอมองเรือนร่างเบื้องหน้าตาค้าง ฉับพลันเขาก็ชักสีหน้าเครียดก่อนกล่าวเสียงสะบัด
        "ออกไปซะ...ทำเช่นนี้มีแต่เจ้าจะเสียใจ...อย่าทำเพื่อข้าขนาดนั้น ข้ามิใช่คนดีอะไร"
        เสินเหม่ยไม่ฟังคำพูดจาแดกดันอีกแล้ว เขาค่อยๆย่างเท้าเปล่าเข้าไป ก่อนยื่นแขนสองข้างสอดไว้ที่รอบลำคอของตู๋เสอ ตู๋เสอยืดตัวขึ้นด้วยความตกใจ
        "เจ้า.."
        เพียงแค่ชั่วเวลาที่ตู๋เสอยืดตัวตรง ก็เปิดโอกาสให้เสินเหม่ยสอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไป เสินเหม่ยนั่งลงบนตักของตู๋เสอ ขาอ่อนสองข้างหนีบไว้ที่ลำตัวแกร่งของเขา สองแขนยังโอบเกี่ยวรอบลำคอแข็งแรง ปลายจมูกรั้นบนใบหน้านวลละออติดกับปลายจมูกโด่งเป็นสันของตู๋เสอ ดวงตาหวานเยิ้มของเสินเหม่ยจ้องลึกลงดวงตาคมที่ตื่นตระหนกของตู๋เสอ
บั้นท้ายเปลือยเปล่างามงอนขยับเบียดกับส่วนนั้นที่กำลังเคร่งเครียดของตู๋เสอ
        "ข้าจะไม่ฟังอันใดแล้ว..ข้าจะทำก็ต่อเมื่อข้าต้องการ..ไม่มีผู้ใดบังคับข้าได้ ตอนนี้ข้าต้องการท่าน และต่อไปก็เช่นกัน ตอบมา..ตอบข้ามาเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ท่านต้องการข้า เช่นข้าต้องการท่านหรือไม่ หากท่านไม่ชมชอบข้า เช่นนั้นผู้อื่นก็จะไสหัวออกไป พร้อมกับดวงใจน้อยๆที่บอบช้ำ" เสินเหม่ยกระซิบเบาๆ น้ำตารื้นขึ้นรอบดวงตากลมสวย ใบหน้ายังคงเปล่งสีแดงเอียงอาย
        ตู๋เสอสีหน้าอ่อนลง ดวงตาฉายแววปรารถนาและกำลังเพิ่มพูนออกมา ตู๋เสอมิอาจกลั้นความปรารถนาทั้งมวลได้อีกแล้ว เขาใช้จมูกโ่ด่งเฉียดข้างใบหูของเสินเหม่ย กระซิบถ้อยคำแผ่วเบา
        
        "ข้า...ต้องการเจ้า..ต้องการแค่เจ้า..ตลอดไป เสินเหม่ย เทวดาน้อยๆของข้า"







ขอพักก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อนะ :L2:

          
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 28-01-2011 15:56:55
:a5: ค้างอย่างแรง อ๊ากส์!!! :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: Akad3ar ที่ 28-01-2011 17:44:52
กรี๊ดด...อย่านานค่ะอย่านาน อิอิ มีความสุขจัง ต้องขอบคุณผู้เฒ่าเงาจริงๆงานนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-01-2011 18:00:14
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


แร๊งอ่ะค้างคา 555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: DarKLasT ที่ 28-01-2011 18:46:20
แว๊กกกกกกก

ค้างได้ใจมากมาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 28-01-2011 19:18:46
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก

ค้างๆๆๆๆๆๆ

แงๆๆ

ToT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-01-2011 21:17:56
ไรท์เตอร์ใจร้าย
พิษในกายของคนอ่านยังค้างอยู่นะจ๊ะ
รีบมาถอนพิษให้ไว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 28-01-2011 21:28:05
กด+ให้ท่านผู้เฒ่าค่า ทำได้ดีมาก

ว่าแต่มาต่อไวไวนะ คนอ่านจะคลั่งแทนแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: mo-no ที่ 28-01-2011 22:01:47
เพิ่งเข้ามาอ่านตอนแรกไม่ได้แล้วอะ
ทำไงดี อยากอ่านมากกก
  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..50%หน้า5 (์NC18+)28/01/11update
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 28-01-2011 22:05:04
เพิ่งเข้ามาอ่านตอนแรกไม่ได้แล้วอะ
ทำไงดี อยากอ่านมากกก
  :sad4: :sad4:
:pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Akad3ar ที่ 28-01-2011 22:17:53
อ๊ากก...ค้างกว่าเดิม สัญญาแล้วนะว่าจะจะมาลงตอนเช้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 28-01-2011 22:25:27
^
^
เจ๊ยยย  มิใช่ตอนเช้าค่าา เดี๋ยวพรุ่งนี้ดึกๆล่ะเนอะ ขอโทษน้าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: zitronen-tee ที่ 28-01-2011 22:39:03
ค้างอ่า :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: imsingularfc ที่ 28-01-2011 23:30:22
 :a5:ม่ายยยยยยยยยยยย

ค้างอย่างแรงส์

เสินเหม่ยจะโดนกินแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 28-01-2011 23:46:50
กรี๊ดดดดด

ทำไมไรเตอร์ทำกับเราอย่างงี้  ค้างงงงงงง :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 29-01-2011 01:45:34
ค้างน้อยๆแต่พองาม

แค่รู้ว่าตู๋เสอกับเสินเหม่ยเปิดใจให้กันได้ถึงเพียงนี้ก็ดีใจแล้ว

ที่เหลือรอลุ้นต่อไป ว่าเมื่อเปิดใจแล้ว จะเปิดกายเยี่ยงไรบ้าง  :z1:

ผู้เฒ่าเงานี่ร้ายจริงๆ ผลงานของท่าน ยอดเยี่ยมไปเลย
ช่วงนี้ผู้เฒ่าเงาเป็นผู้ช่วยพระเอกที่มาแรงจริงๆนะ  o13

รอส่วนที่เหลือจ้า ขอบคุณนะจ๊ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 29-01-2011 09:22:01
 :pighaun: :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: NUKWUN ที่ 29-01-2011 10:08:26
มาต่ออีกหน่อยนะ กำลังแบบว่า...ค้างอ่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 29-01-2011 11:50:06
แง็บๆ.....(ง่วง) พี่วันอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหรอคะ หนูเพิ่งเห็นเมื่อเช้านี้เอง ว๊าเลยอดเสียเลือดรอบดึกเลย
มัวแต่ไปเสียน้ำตาอยู่กับเรื่องที่พี่วันส่งมา

ปล.ตู๋เสอสู้ๆ บุกทะลวงประตูหลังให้ได้55
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: lazewcielo ที่ 29-01-2011 12:54:04
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ตัดฉับอย่างโหดร้ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 29-01-2011 15:07:11
ง่วงได้ถูกจังหวะจริงๆนะคะ มาต่อนะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-01-2011 15:27:36
เหอะๆ เล่นเอารีดเดอร์งอนไรท์เตอร์กันเปนแถบ มาง่วงอารายตอนนี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 29-01-2011 16:23:14
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 29-01-2011 16:36:28
ว๊าากกก

สยิวอ่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 29-01-2011 17:46:03
ผู้เฒ่าเงาวางยาพิษนายตน ส่วน น้อง cancan ก็มาวางยาพี่แล้วจากไปให้ ทรมานด้วยความค้างคา :a5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้า5 (์NC18+)28/01/11ตอนสี่ทุ่ม
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 29-01-2011 21:41:03
ประการแรก
ขอโทษท่านผู้อ่านนะคะ ที่ทำให้ค้างคา(แต่ก็น่าลุ้นชิมิ) จริงๆจะว่าให้จบแล้วค่ะ แต่ถ้าเขียนทั้งง่วงๆถ้าจะไม่ไหว เดี๋ยวท่านพี่ตู๋เสอก็งาบน้องเสิ่นจนตายคาเตียงพอดี :jul1: เพราะcancanงัวเงียเขียนซ้ำไปมา

ตอนแรกก็ว่าจะต่อวันนี้อีกเหมือนกัน แต่หลังจากที่ลองเข้ามาวิ่งเล่นในเล้าสักพัก มันรู้สึกมึนๆ อยากอาเจียน(สงสัยจะโดนอาหารเป็นพิษ) แต่ว่าไม่รุนแรงมากค่ะ เพียงแต่ขอไปนอนพักผ่อน เดี๋ยวกลับมาเอาให้จบงามๆวันจันทร์นะคะ เพราะต่อไม่ไหว เรื่องน้องฟูก็จ่อแล้ว แต่รู้สึกว่าถ้าฝืนพิมม์ต่อไปก็ไม่จบอยู่ดี(อาจจะไม่ถึงครึ่งของครึ่ง :z3:)

ข้าน้อยต้องขอขมาไว้ประการฉะนี้ o1

ประการสอง

ใครช่วยบอกวิธี สร้างโพลที่เป็นแบบสอบถามในกระทู้หน่อยสิคะ มันต้องทำยังไงอ่ะ ขอความกรุณาบอกด้วยนะคะ ท่านผู้รู้


ขอบคุณนะคะ ทุกเม้นเลยนะ    :impress:
cancan



หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 29-01-2011 21:52:18
โอ๋ๆพี่วันใจเย็นๆค่ะ อย่าหักโหม ประเดี๋ยวง่วงงัวเงียมากจะกลายเป็น เสินเหม่ยจับกดอาเฮียตู๋เสอไปซะ 55

ส่วนวิธีตั้งโพล์รู้สึกว่าจะมีให้กด อยู่ด้านบนนะคะ ไอ้ตรง ตอบ แจ้งเตือน มาร์คหัวข้อยังไม่ได้อ่านอะค่ะ มันจะมีให้ตั้งโพล์อยู่

ปล.สู้ๆค่ะพี่วันหายไวๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 29-01-2011 21:56:40
สู้ๆนะคะพี่วันพักผ่อนเยอะๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-01-2011 22:07:14
 :z3: :z3:

ค้างแบบนี้ได้ไง


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 29-01-2011 22:33:14
ขอให้หายไวไวนะคะ
พักผ่อนเยอะๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 30-01-2011 01:10:00
หายเร็วๆนะคะน้องวัน
พักผ่อนเยอะๆ ให้หายดีก่อนค่ะ จะได้พิมพ์สบายๆ ไม่ต้องหักโหมค่ะ

พิมพ์ตอนเปื่อยๆ ง่วงๆ ล้าๆ กลัวจะเป็นแบบที่น้อง mahotsukai บอกเหมือนกันนะเนี่ย

โอ๋ๆพี่วันใจเย็นๆค่ะ อย่าหักโหม ประเดี๋ยวง่วงงัวเงียมากจะกลายเป็น เสินเหม่ยจับกดอาเฮียตู๋เสอไปซะ 55

เช่นนั้นผู้เ๋ฒ่าเงาจะแก้ไขไม่ทัน หุหุ

 :L2: หายแล้วเจอกันจ้า  :กอด1:

เรื่องแปะโพล ยังไม่เคยทำ
แต่เคยเห็นตอนตั้งกระทู้ ว่าอยู่ในคำสั่งตอนปรับกระทู้ก็มีค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: sarano123 ที่ 30-01-2011 03:08:08
ขอปะ่อนนะคะ อิ อิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5..70%หน้าNC18+29/01/11ตอนสามทุ่มครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 31-01-2011 13:42:43
ตอน5  (ส่วนที่เหลือ...จัดกันไปแบบเต็มๆ)

            ได้ยินดังนั้น เสินเหม่ยก็ให้น้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน สุดท้ายคนผู้นี้ก็ยอมลดกำแพงอิฐภายในใจให้แก่เสินเหม่ย ความใจกล้าครั้งนี้ของเขามิเสียทีจริงๆ เสินเหม่ยซบหน้าลงบนบ่าแข็งแรงของตู๋เสอ เมื่อการกระทำอันบ้าบิ่นทำให้สำเร็จเป้าประสงค์ ร่างเปลือยเปล่าของเสินเหม่ยก็ผ่อนคลายลงด้วยความเบาใจ
            หากแต่เสินเหม่ยลืมเสียแล้ว ว่าได้ทำให้ใครอีกคนที่ตนสวมกอดและนั่งอยู่บนตักของเขา รู้สึกปั่นป่วนเจียนจวนบ้าคลั่งเสียแล้ว เสียงคำรามของตู๋เสอในลำคอ เรียกสติของเสินเหม่ยกลับมา ว่าต้องช่วยตู๋เสอทุเลาพิษในกายเสียก่อน แต่ยังมิทันที่จะกระทำอันใด เรือนร่างเปลือยเปล่าของเสินเหม่ยได้ถูกฝ่ามือของคนที่สวมกอด ซึ่งทาบลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า ผลักดันเอาให้บดเบียดเข้ากับกายากำยำของเขา สิ่งใดก็มิอาจร้อนรนเท่ากับการที่เรือนกายด้านล่างของเสินเหม่ยถูกบดเบียดเสียดสีกับเนื้อผ้าที่เป็นกางเกงของตู๋เสอ เรือนกายของเสินเหม่ย เมื่อถูกเสียดสีเช่นนั้น ก็ให้เกิดความตื่นตัว ขยายบวมออกทีละน้อย
            "อ๊ะ..อ๊าา...." เสินเหม่ยดวงตาปรือหวาน มองสีหน้าของตู๋เสอที่อยู่ใกล้แค่ปลายขนตางอน สีหน้าของตู๋เสอบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ร้อนแรง ร้อนแรงจนเผาไหม้เสินเหม่ยให้วอดวายในคราเดียว การถูกเอาร่างกายเปลือยเปล่าถูไถไปกับร่างกำยำบึกบึนที่ยังสวมใส่อาภรณ์ครบถ้วน สร้างความเคลิ้บเคลิ้มกระสันกายแก่เสินเหม่ยจนต้องร้องออกมา ฝ่ามือของเสินเหม่ยกอบกำเนื้อผ้าที่แผ่นหลังของตู๋เสอ เรือนร่างขาวละออบิดเร่าไปมาในอ้อมกอดกระชับแนบแน่น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรือนกายตรงนั้นของเสินเหม่ยพรั่งพร้อมและชื้นแฉะ เปล่งสีออกมา
            "หะ..ให้ข้า..ถอดอาภรณ์ให้แก่ท่าน" เสินเหม่ยกระซิบที่ข้างใบหูของตู๋เสอ
            ตู๋เสอค่อยคลายอ้อมกอด เปิดโอกาสให้เสินเหม่ยยันกายลุกขึ้น ก่อนคุกเข่าลงที่หว่างขาของตู๋เสอ เสินเหม่ยค่อยๆเอื้อมมือสั่นเทาออกไปคลายปมผ้าคาดเอวของตู๋เสอ  เมื่อปมคลายออก คนที่นั่งอยู่ก็มิรอช้า เขาจัดการถอดเสื้อของตนเองเสร็จสิ้น ต่างจากเสินเหม่ยที่ยังคงเงอะงะสาละวนอยู่กับขอบกางเกงของตู๋เสอ ตู๋เสอเห็นเช่นนั้นก็ระบายยิ้มอ่อนๆ เขาลุกขึ้นยืน เพียงแค่นั้นอาภรณ์ที่เหลือก็ร่วงหลุดลงจนหมดสิ้น สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของเสินเหม่ยคือ เอ็นกายของตู๋เสอที่พรั่งพร้อมแล้วเช่นกัน มันจ่ออยู่ตรงปลายจมูกงอนของเสินเหม่ยพอดิบพอดี
             ตู๋เสอก้มลงเอ่ยวาจาถามคนที่เข่าติดพื้นอยู่เบื้องหน้า
             "หึ หึ ครานี้จะเอาอย่างไร"
             เสินเหม่ยมิตอบตู๋เสอ เพียงแต่แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนเอามือกอบกำ สิ่งเบื้องหน้าไว้ทั้งพวงหฤหรรษ์ แล้วเอาปากจ่อไปที่มันจากนั้นก็ค่อยๆกลืนเข้าไปเท่าที่สามารถทำได้
             "อาาาาา..เสินเหม่ย" ตู๋เสอถึงกับครางชื่อของเสินเหม่ยออกมา
             ฝ่ามือแข็งแรงข้างหนึ่งของตู๋เสออ้อมมาทาบไว้ที่ศรีษะด้านหลังของเสินเหม่ย ก่อนที่จะคลายผ้าผูกผมของร่างบางออก เพียงเมื่อผ้าผูกผมถูกคลายออกไป สายผ้าค่อยๆร่วงลงสู่พื้น ผมเป็นมันดำขลับเงางามก็สยายระอยู่ที่แผ่นหลังขาวละออของเสินเหม่ย
             ใบหน้างามค่อยๆแดงระเรื่อ ดวงตาปรือหวานด้วยกลิ่นอายของเพศรส เสินเหม่ยครางอื้ออึงในลำคอ สองมือยังคงปฏิบัติกิจนั้น
             ตู๋เสอค่อยๆโยกสะโพกช้าๆ เขารับรู้สึกถึงด้านในโพลงปากของเสินเหม่ย ทั้งชิวหาอุ่นๆที่แลบเลียไปมา ทั้งฟันซี่เรียงที่คลูดเบาๆยามขยับเข้าออก ทั้งเนิบนาบ และแผ่วเบา หากแต่อบอุ่นและชื้นแฉะ ตู๋เสอหลับตาพริ้ม ยังคงยืนหยัดหลังตรง แต่แอ่นกายมาด้านหน้าช้าๆเป็นจังหวะสอดประสานกับเสินเหม่ย มือแกร่งที่รองรับศรีษะของเสินเหม่ย ค่อยๆไล้นิ้วสอดเข้าไปในเรือนเกศานุ่มสลวย ก่อนลงน้ำหนักที่นิ้วทั้งห้าเบาๆนวดลงไปที่หนังศรีษะของคนที่ทำกิจให้เพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่าน
              ความเนิบนาบเย้ายวนเสียจนตู๋เสอแทบคลั่ง เช่นนั้นแล้วเขาเองที่มีพิษร้อนในกายกำลังกำเริบ ก็มิอาจจะทานทนได้อีกต่อไป ตู๋เสอค่อยๆเร่งจังหวะสะโพกของตนเอง ทำเอาเสินเหม่ยหัวสั่นคลอน จนสุดท้าย ความสุขก็ล้นทะลักออกมา เสินเหม่ยโลมเลียดื่มสิ่งนั้นเข้าไป ด้วยเพราะมิได้รู้สึกรังเกียจอันใด เหตุไฉนเล่า เสินเหม่ยจะทำมิได้ ในเมื่อตู๋เสอเองก็สามารถทำให้เสินเหม่ยได้เช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ เสินเหม่ยกำลังรู้สึกร้อนในกาย ถึงแม้พิษนั้นจะมิได้ถูกกระตุ้นออก แต่พอต้องทำกิจให้แก่ตู๋เสอ เสินเหม่ยก็มิอาจกลั้นความรู้สึกภายในไว้ได้
              มีหรือ..ที่บุลคลเช่นตู๋เสอ จะมิทราบว่าเสินเหม่ยต้องการอันใด ตู๋เสอยิ้มน้อยๆ พลางช้อนร่องของคนตรงหน้าขึ้น ก่อนนำไปวางไว้บนเตียง ดวงหน้าขาวสะอาดกำลังแดงฉาน ที่แววตาสวยกำลังเอ่อคลอด้วยน้ำตา  ตู๋เสอเอง แม้พึ่งเสียน้ำในกายไป แต่เพราะด้วยโดยพิษย่อมไม่อาจลดทอนได้ในทันที ดังนั้น ตู๋เสอก็พร้อมที่จะดำเนินกิจนี้ต่อไปอีกครั้งแล้ว
              ตู๋เสอให้เสินเหม่ยนอนลง  ตนเองนั่งอยู่ที่หว่างขาอ่อนขาวๆของเสินเหม่ย ก่อนที่จะจับขานั้นแยกออกให้กว้างขึ้น และใช้มือข้างหนึ่งช้อนสะโพกงอนเอาไว้ เพียงเท่านั้น ดอกไม้งามของเสินเหม่ยก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตู๋เสอ ดอกไม้งามสีชมพูกำลังขยับกลีบ เหนือขึ้นไปเป็นฐานเบื้องล่างของหอคอยที่ตระหง่านอยู่  หอคอยที่ชุ่มฉ่ำ ในสายตาตู๋เสอ นี่ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามเสียเหลือเกิน
              แต่อันใดก็ไม่ดึงดูดใจเท่าดอกไม้งาม ตู๋เสออยากลิ้มลองดอกไม้ดอกนั้นแล้ว ดูเอาเถิด กลีบที่เป็นจีบสีชมพูของมันกำลังขยับบานหุบเข้าออก หลอกล่อให้ผู้คนหน้ามืดตามัว ตู๋เสอเอง ตอนนี้เขาก็ยอมเป็นคนหน้ามืดตามัว เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ก่อนแลบชิวหาเรียวดุนดันสอดแทรกเข้าไปจนได้
              "อ๊ะ..อ๊าา" เสินเหม่ยเกร็งสะโพกงามในอุ้งมือของตู๋เสอ เสียงครางหวานปานน้ำผึ้งดังสะท้อนไปทั่วห้อง ชิวหาของตู๋เสอนั้นร้ายกาจยิ่งนัก ทั้งสอดแทรก ชอนไช ทั้งสั่นรัวปลุกเร้า ดอกไม้งามมิอาจทนอยู่เฉยได้จนต้องออกแรงขยับกลีบบีบชิวหานั้นไว้ แต่ก็ทำได้เพียงไม่นาน แล้วความทรมานจากการถูกชิวหานั้นหยอกเย้าก็เป็นอันต้องสิ้นสุดลง เพราะมันได้อ่อนข้อถอยร่นออกไปเสียแล้ว แต่มิคาด เจ้าดอกไม้ที่สู้รบอยู่กับชิวหานั้นกลับคิดติดใจ อยากดึงดูดตัวศัตรูเอาไว้ แต่สุดท้ายก็สามารถรั้งไว้ได้เพียงชั่วครู่
              "อ๊าา...อึก" เสินเหม่ยทั้งกัดฟัน ทั้วครวญคราง
              "ทนอีกนิดเถิด เจ้าคนงาม...จากนี้ไปต้องเจ็บปวด แ่ต่หากทนได้ เจ้าจะสุขสม"เสียงทุ้มต่ำของตู๋เสอดังขึ้นที่ข้างริมใบหูของเสินเหม่ย  เขายื่นใบหน้าเข้ามาเมื่อไหร่นั้น เสินเหม่ยเองก็มิอาจทราบได้ พอลืมตาขึ้นเพ่งพิศดวงหน้าคมสันนั้นอีกครั้ง เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอชันเข่าขึ้นแล้ว ตู๋เสอใช้สองมือโอบอุ้มสะโพกของเสินเหม่ยจนขึ้นสูง สูงพอที่จะรองรับเจ้าสิ่งนั้นของเขา และเพียงชั่วอึดใจ เสิยเหม่ยก็ต้องเชิดหน้ากัดริมฝีกปาก คิ้วงามขมวดกันยุ่ง สองมือจิกเล็บลงบนผ้าปูเตียง
              "อ๊ะ..อึก.." ถึงแม้จะกัดริมฝีปากไว้แล้ว แต่ก็มิวายที่เสียงหวานจะหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากสีสวย
              เสินเหม่ยรับรู้ถึงความคับแน่นภายในกาย รับรู้ถึงรูปร่าง ทรวดทรงของตู๋เสอ ทั้งแข็งขืนและอัดแน่น เสินเหม่ยหอบหายใจถี่รัว พอสัมผัสถึงการปลอบประโลมด้วยรสจูบของคนด้านบน ก็ให้รู้สึกคลายความตึงเครียดในใจลงได้
              ตู๋เสอค่อยๆเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ ร่างบางในอุ้งมือสะท้านเล็กน้อย ก่อนที่จะเปล่งเสียงครางหวานๆออกมา  หอคอยนั้นก็ขยับตามแรงเข้าออก เป็นภาพที่ทำให้ตู๋เสอต้องมองจนหน้ามืดตามัว สุดท้ายเขาก็ต้องขยับลึกขึ้น ทั้งเนิบนาบ หนักแน่นและหมุนวน  หากได้ยินเสียงครวญครางดังเป็นพิเศษ ย่อมแสดงว่าจุดนั้น สมควรแก่การหยอกล้อเป็นที่สุด
              "อ๊ะ...อ๊าาาา"  เสินเหม่ยส่ายใบหน้างามไปมาบนพื้นเตียง ด้วยรู้ว่าตู๋เสอกำลังหยอกล้ออยู่ที่จุดนั้น ทั้งจงใจเฉียดไปมา ไม่ยอมกระทบถูกถูไถอย่างจริงจัง เช่นนั้นแล้วสร้างความทรมานแก่เสินเหม่นจนต้องเอ่ยวาจา
              "อ๊ะ...ตะ..ตรงนั้น..โดนตรงนั้นที..แรงๆ"
              "แรงอันใดเล่า..เท่านี้มิพออีกหรือ" ตู๋เสอแกล้งพูดจาหยอกเย้า
              "ฮื่อ...แรงๆ" เสินเหม่ยมิสนใจอันใดแล้ว เขาต้องการมากกว่าี้นี้ รับรู้ให้มากกว่านี้
              "เช่นนั้น..รอสักครู่ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บปวดหลังจากนั้น" เสียงทุ้มของตู๋เสอบอกแก่เสินเหม่ย ก่อนที่เขาจะค่อยๆถอนสิ่งนั้นออกไปช้าๆ
              "อ๊าา.."  เสินเหม่ยให้รู้สึกเสียดายยิ่ง แต่จะรั้งไว้ก็มิทันเสียแล้ว ความสงสัยทำให้ต้องเบิกดวงเนตรมองว่าตู๋เสอกำลังทำอันใด พอขนตายาวงามเลิกขึ้น เสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอผละจากเตียงไปแล้ว เขากำลังเดินไปที่โต๊ะลิ้นชักตัวเล็ก  นี่เป็นครั้งแรกที่เสินเหม่ยกำลังเพ่งพิศคนผู้นั้นอย่างจริงจัง ตู๋เสอเป็นชายร่างสูง บึกบันสง่าผ่าเผย หน้าอกเต่งตึงด้วยกล้ามเนื้อ ใบหน้าหมดจดแต่คร้ามด้วยเคราบางๆที่ยังมิได้ถูกโกนออกโดยเจ้าของ คิ้วดำหนา ดวงตาโฉบเฉี่ยวแฝงความรอบรู้และฉลาดหลักแหลม จมูกโด่งสัน หากแต่ริมฝีปากบาง มุมปากมักแฝงแววยิ้มหยันให้รู้สึกเป็นคนหยิ่งทรนง พอสายตาไล่เรื่อยลงไปเห็นเจ้าสิ่งนั้นเข้า เสินเหม่ยก็ต้องห่อปาก ดวงตาร้อนผะผ่าว แอบบิดขาอ่อนด้วยความกระสัน เหตุไฉนตู๋เสอถึงชักช้านักเล่า ทำอันใดกันหนักหนาในเวลาเช่นนี้  
              สุดท้ายตู๋เสอก็เดินกลับมาที่เตียง เขาจัดการทาบทับเสินเหม่ยยอดรักอีกครั้ง อันที่จริงแล้ว ตู๋เสอเดินไปเพื่อหยิบเม็ดยาสมาน มันเป็นยาชนิดเดี่ยวกับที่ตู๋เสอเคยสอดเข้าไปให้เสินเหม่ยบดบี้จนหฤหรรษ์เมื่อครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้เขาได้อมไว้ในปาก กัดกลืนเข้าไปครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งกำลังจะมอบให้ใครอีกคน  ตู๋เสอค่อยๆยกสะโพกงามขึ้นอีกครั้ง แล้วจัดการเข้าไปข้างในนั้นจนสุด ก่อนเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ  แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างงาม ใบหน้าของตู๋เสอใกล้ชิดกับใบหน้าของเสนเหม่ย
             "อ๊าา...อ๊ะ..อ๊าา" เสินเหม่ยครางส่ายใบหน้าไปมา เมื่อจับจังหวะที่สอดประสานได้ ดวงตาหลับพริ้มกระพือไหวด้วยขนตางอน ตู๋เสอค่อยๆเข้าใกล้ริมฝีปากงามนั้น ก่อนประกบปิดด้วยริมฝีปากของเขา แล้วถ่ายทอดเม็ดยาอีกครึ่งให้แก่เสินเหม่ย เสินเหม่ยรับเม็ดยานั้นไว้ด้วยลิ้นเล็กที่สัมผัสกับลิ้นเรียว ความชื้นแฉะและหยาดเยิ้มทำให้สามารถกลืนเม็ดยาอีกครึ่งลงไปได้ เม็ดยานั้น จริงๆแล้วหอมหวานปนขมเล็กน้อย แต่ก็สามารถกลืนได้อย่างสบาย ตู๋เสอดูดดื่มความหวานจากชิวหาน้อยๆของเสินเหม่ยอยู่ชั่วครู่จึงยอมผละจากมา
            ตู๋เสอเพ่งสมาธิจดจ่อไปส่วนที่กำลังสอดประสาน ตอนนี้เขาออกแรงกระแทกกระทั้นมากขึ้น ไม่มีการเนิบนาบอีกต่อไป ทุกครั้งที่ลงไปจะส่งแรงหนักๆจนสุดทางแล้วกระชากกลับโดยทันที แต่ก่อนที่จะหลุดออกจากกันตู๋เสอก็กระแทกเข้าไปใหม่ เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนความเร็วถี่ขึ้น สุดท้ายเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเสินเหม่ย พร้อมกับสองมือที่จิกเล็บลงบนบ่าของเขา ตู๋เสอเองก็เช่นกันเขาเอาหน้าซุกลำคอระหง ก่อนคำรามหนักๆเพื่อปลดปล่อยออกมาเป็นคำรบสอง
            หลังจากใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในกิจครั้งนี้ บุคคลทั้งสองก็ต้องเผลอเหนื่อยหอบจนหลับไหลลงไป ทั้งที่ยังมิได้กล่าวอันใดต่อกันหลังจากนั้น แต่หลับไปนานเท่าใดนั้นก็มิอาจทราบแน่ เพราะเมื่อเสินเหม่ยรู้สึกตัวอีกที เขาก็ถูกกอดเอาไว้โดยตู๋เสอจากด้านหลัง อากาศที่เย็นและความเงียบสงัด พร้อมทั้งความมืดโดยรอบ ทำให้เสินเหม่ยแน่ใจว่ามันยังมิถึงเวลาอรุณรุ่งที่ดวงอาทิตย์จะโผล่จากยอดเขา  นี่คงจะราวๆยามหกกระมัง เสินเหม่ยทำตาปริบๆอยู่ในความมืด สักพักก็ได้ยินเสียงทุ้มๆดังขึ้นที่ริมใบหูด้านหลัง
            "วันมะรืน..ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมคนของเจ้า"
            "ท่านเอาพวกเขาไปไว้ ณ ที่ใด" เสินเหม่ยกระซิบถาม
            "ห่างออกไปจากที่นี่ประมาณหนึ่งลี้ เราจะขี่ม้ากันไป" ตู๋เสอตอบยอดรักในอ้อมกอด
            "อืม.....อ๊ะ" เสินเหม่ยรับคำมิทันไร เขาก็ต้องรู้สึกอะไรบางอย่าง
            "ท่าน..ทะ..ท่าน ตู๋เสอ"  เสิยเหม่ยกล่าวตะกุกตะกัก นอนนิ่งตัวแข็งมิกล้าเคลื่อนไหว
            "หืม...ต่อแต่นี้ไปเรียกข้าว่า จื้อหนาน  ข้าแซ่เสิ่น นามจริงว่า เสิ่นจื้อหนาน แต่เจ้าเรียกแค่ จื้อหนาน เข้าใจหรือไม่ เสินเหม่ย"
            "ฮื่อ..อ๊ะ..อ๊าาา" เพียงแค่รับคำ เสินเหม่ยก็ต้องร้องครางออกมา เมื่อคนที่นอนกอดอยู่ด้านหลังจัดการปรับเปลี่ยนท่าทาง เขายกขาของเสินเหม่ยขึ้นข้างหนึ่ง อ้อมกายเขาไปไว้ด้านข้างเพื่อที่ตนเองจะได้ขึ้นมาอยู่ด้านบนของสินเหม่ย  และตอนนั้นเองที่เสินเหม่ยแน่ใจแล้วว่า กายยังคงสอดประสานเชื่อมโยงกันอยู่ จริงๆแล้วตั้งแต่ตอนนั้นยังมิได้ออกจากกัน แล้วตอนนี้เจ้าสิ่งนั้นก็ใหญ่ขึ้นมาคับแน่นอีกครั้ง
            "จะ...จื้อหนาน..ทะ..ท่านยังมิพอ..อื้อ..อีกหรือ" เสินเหม่ยเอ่ยขึ้น ดวงหน้าเริ่มแดงฉาน สองมือน้อยๆยันอกแกร่งของคนด้านบนเอาไว้
            "นั่นเป็นเพราะฤทธิ์ยายังมิลดทอนลงจนหมด ท่านผู้เฒ่าช่างร้ายกาจนัก คิดจัดการข้าจนสิ้นใจคาอกเจ้าเป็นแน่"
            "บ้า...คนที่ต้องสิ้นใจ..คงเป็นข้าแน่แล้ว"
            "หึ หึ ...เสินเหม่ยยอดรัก เช่นนั้นลองกันดูอีกสักครา ว่าผู้ใดจะยังคงมีแรงอยู่ต่อจนสามารถกลับไปคิดบัญชีกับท่านผู้เฒ่าได้"
            "อื้อ....คนบ้า..อ๊ะ...อ๊าาาาา"
            แล้วเสียงครางหวานๆก็ดังอื้ออึงไปทั่วห้องอีกครั้ง ถึงบรรยากาศโดยรอบจะยังคงเย็นยะเยือก แต่ภายในห้องหับรังรักน้อยๆนั้นกลับร้อมรุ่มไปด้วยไฟแห่งรัก ทั้งอบอุ่น และสุขสม  
           เสินเหม่ยยังคงได้ยินเสียงทุ้มๆนุ่มๆเอ่ยวาจาหวานๆแผ่วเบาอยู่ข้างริมใบหู
           "เสินเหม่ย..เทวดาน้อยๆของข้า ยอดรักของข้า เสินเหม่ยยอดรัก ข้ารักเจ้าเหลือเกิน.."







จบแล้วค่ะ สำหรับ ปราบพยศ.....



เจอกันใหม่เรื่องหน้านะ


ขอบคุณคนอ่านนะคะ ทุกๆเม้นเลยนะ ขอโทษที่ให้รอนะ :L2:
      
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 31-01-2011 14:04:45
กรี๊ดเฮียตู๋หื่นอ่า

ปล.พี่วันขาหนูขออีกตอนไม่ได้หรอคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 31-01-2011 14:44:04
สยึมๆ

น่าจะมีตอนพิเศษหน่อยน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-01-2011 15:01:47
 :L2: :L2:


รอเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: YELLOWSTAR ที่ 31-01-2011 15:02:50
หึหึหึหึ

สุดท้ายก็สำเร็จซึ่งกันและกัน

สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกหนีหัวใจ ความต้องการของตัวเองพ้น

น่ารักจังเลย :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 31-01-2011 15:21:51
ต้องขอบคุณผู้เฒ่าเงานะเนี้ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 31-01-2011 15:34:19
เฮียตู๋กลายเปนพระัเอกบ้ากามไปแ้ว้ววววววว  :laugh:

แล้วตอนต่อไปจะยังเเกี่ยวกับคนกลุ่มเดิมป่าวอ่าคะ

จะว่าไป ตอนพิเศษอีกนิดก็ดีนะ แบบว่าหวานๆบ้าง  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 31-01-2011 17:02:46
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหื่นจนหยดสุดท้าย 5555555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 31-01-2011 17:05:34
ท่านผู้เฒ่าเงา ทำดีมากให้ 10 เต็ม 10 ไปเลย o13

จื้อหนาน ต่อไปเรียกข้าว่าจื้อหนาน หวานมาก  :o8:
เขินแทนเสินเหม่ย
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้  :L2:
จะรอเรื่องใหม่น่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 31-01-2011 18:55:32
 :oo1:

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 31-01-2011 22:57:43
กด "Like" ได้ที่ไหนน้า ถูกใจผู้เฒ่าอย่างแรง 55+ รอเรื่องต่อไปนะคะ ....
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-01-2011 23:15:23
ท่านผู้เฒ่าทำดีมาก
กว่าจะหมดพิษได้
คงต้องต่อกันอีกหลายตอนนะคะคุณวัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-02-2011 00:40:05
ยายังไม่หมดฤทธิ์จริงๆหรือจื้อหนาน
เดี๋ยวเจอผู้เ๋ฒ่าเงาแล้ว เสินเหม่ยจะกล้าถามมิ  :-[

จบตอนนี้ จะเริ่มเรื่องใหม่แล้วหรือจ๊ะ
เพิ่งเริ่มหวานเอง หุหุ

บวกให้น้องวันอีก 1 แต้ม ขอบคุณมากจ้า  :3123:

กด "Like" ได้ที่ไหนน้า ถูกใจผู้เฒ่าอย่างแรง 55+ รอเรื่องต่อไปนะคะ ....
ท่านผู้เฒ่าเล่นเฟซบุคด้วยหรือนี่  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: farosang ที่ 03-02-2011 21:37:16
รอตอนต่อไปอยู้นะจ๊ะ

รีบมาเน้อ

แต่ตอนนี้ขอกระดาษทิชชู่ด่วน

โอ้ย :pighaun :haun4:

เลือดพุ่ง :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: LEKU_W ที่ 03-02-2011 23:29:20
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

โฮกกกกกกกกกกกกกกกก

จัดมา โดนใจมากเลย รักท่านผู้เฒ่าขึ้นมาจับจิตมากกก จื้อหนาน เสิ้นเหม่ย โดนใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: engrish ที่ 04-02-2011 01:18:31
อยากอ่านเรื่องใหม่ก็อยาก
แต่เรื่องนี้มีต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ
ชอบคู่นี้มากอ่ะ
กด+ให้จ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: sasa ที่ 04-02-2011 01:58:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: TENSHINEKO ที่ 27-02-2011 19:47:45
ไม่มาต่อแล้วเหรอ   :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 01-03-2011 01:45:58
ข้าน้อยขอคาระให้ท่าน cancan
แต่งได้โดนใจ อิอิ
รอเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: penda ที่ 26-03-2011 01:17:59
ไม่ได้เข้ามาอ่านเลยหลังจากอ่านเรื่องแรกไป
เพราะว่าหาไม่เจอT^T  วันนี้เลยลองไล่หาดูที่ละหน้า
กว่าจะเจอ  เฮ้อ...เหนื่อย

รอเรื่องต่อไปนะคะ
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Handkerchief ที่ 30-03-2011 15:16:44
เราอ่านจนจบเลยค่ะ

เลยโพสให้รวดเดียวไม่ว่ากันนะค่ะ

แต่งได้สุดยอดมากเลย

ชอบ :oo1:ถึงใจดีค่ะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 02-04-2011 01:15:04
 :haun4: :haun4:
จบเริ่ดดดดด

 o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 02-04-2011 15:43:20
เสียเลือดตามไปด้วย :pighaun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: KIMKUNG ที่ 02-04-2011 17:55:30
เหมือนดูหนังจีนกำลังภายใจเลย  อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)ยามเมื่อได้พบพาน2:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+31/01/11ตอนบ่ายโมงครึ่ง
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 03-06-2011 15:34:34
ใครที่เคยอ่าน  บอกไว้ว่าจะแต่งต่อ (ซึ่งเป็นอีกเรื่องนึง แต่อาจมีตัวละครในเรื่องเดิมเกี่ยวเนื่อง)  ตอนนี้ยังไม่ีมีไอเดียนะคะ  ถ้าต่อก็คง...ขึ้นเรื่องใหม่ไปเลยนะ  อันนี้จบแล้วค่ะ  จบในตอนเข้าใจเลย  ....
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 03-06-2011 19:15:25
รับทราบ เป็นกำลังใจให้นะ เรื่องนี้ยังอ่านไม่จบเลย ขอไปอ่านก่อนนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 03-06-2011 20:10:32
ท่านผู้เฒ่าสงสัยจะเป็นหนุ่มวาย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 03-06-2011 22:05:38
นานๆทีจะได้อ่านเรื่องแนวจีนกำลังภายใน   o13
รอลุ้นเรื่องต่อไป~  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: orionstar ที่ 05-06-2011 13:23:05
 :pighaun:  ขอบคุณน่ะค๊า ได้เสียตอนบ่ายๆ ได้มาอ่านตอนนี้จ๊ากกกกก โชคดีมั๊ก มาก ฮิ ฮิ
กำลังภายในแตกซ่าน  ติกตามเรื่องต่อๆไปน่ะค่ะ
 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 07-06-2011 08:24:36
สนุกมากๆแล้วก็เสียเลือดมากด้วย  อิอิ


ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 07-06-2011 11:19:45
เรื่องนี้แนวแปลก แถมยังหื่นได้ใจ อ่านจบปุ๊บต้องรีบกด +1 ให้คนเขียนเลยค่ะ
แล้วไว้จะกลับไปติดตามเรื่องเก่าๆ อีกนะคะ

ปล. เรื่องที่ลบออกไปตอนแรก ของกุ้ยหลินน่ะค่ะ เข้ามาอ่านไม่ทัน อยากอ่านมากเลย ถ้ายังไง ขอทาง PM ได้มั้ยคะ?
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: e_new ที่ 07-06-2011 19:53:23
>//////<  :m25: :pighaun: :haun4: :jul1:
ได้ฟิวล์มาก 555+
เลือดหมดตัวแล้ว อ๊าก ก
ชอบคำอธิบายอ่า เปรียนได้สวยจริงๆน๊า
เล่นเอาคนอ่านหวานหยดไปตามๆกัน 555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: nuyamja ที่ 08-06-2011 00:56:41
 :m15: แงแงแง  เข้ามาแลวแต่ตอนแรกหายไปแล้ว  :z3: :z3: อยากอ่านอะอยากมากมากเลยจ้าส่งเมล์ให้หนอยได้ไหม ได้โปรด :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: debubly ที่ 08-06-2011 23:43:27
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 09-06-2011 04:30:15
 จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: peanut ที่ 09-06-2011 23:33:48
สุดยอด!!บรรยายออกมาได้สวยงามมากๆ สุนทีรย์สุดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 09-06-2011 23:54:29
จบแล้วอ่ะ...จื้อหนานร้อนแรงสุดยอด
เสินเหม่ยก็น่ารัก...งานนี้ยกความดีความชอบให้ท่านผู้เฒ่า :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 11-06-2011 21:35:27
โอยยยยยยยยย  อยากกด Like ล้านๆๆครั้ง

อะไรมันจะขนาดนี้  หนุกมากๆๆเลย

เมื่อก่อน เชื่อมั้ย ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายแนวจีนๆๆซะเท่าไร ชอบอ่านแบบไทยๆๆมากกว่า

แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ ทัศนคติ ต่างๆๆก้อ หายวับไปกับตา กลายเป็นคนชอบเรื่องราวแนวแบบๆจีนๆๆมาซะงั้น

ผู้เขียนจะรู้มั้ยเนี่ย ว่าทำให้ใครๆๆหลายคนรวมถึงตัวผม กลายเป็นคนชอบนิยายสไตน์จีนขึ้นมาเลย เรียกได้ว่า คลั่ง


ขอชื่นชมผู้เขียน ว่าแต่งได้เก่งมากๆๆเลย ทั้งภาษาก้อสละสลวย สมเป็นนิยายไสต์จีน แถมภาษาก้อรื่นไรราวกับสายน้ำแบบไม่มีติดขัด

สมูทมากๆๆเลย   ข้าน้อยขอคาราเต้ เอ้ย คาราวะนับถือมากๆๆ :impress: :impress:

ชอบ สินเหมย  กับ จื้อหนามากๆๆเลย

อะไรมันจะร้อนแรงปนหื่นได้ขนาดนั้น

ชอบมากมาย

ขอบคุนมากๆๆครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลย
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 12-06-2011 20:42:56
ชอบอ่ะ แลดูพริ้ว สวย ขอบคุณสำหรับเรื่องราว
พี่ชอบ ปราบพยศ นะคะ จัดเต็ม ไป สามสลึง เอ้ย 1 แต้มค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้าNC18+รบกวนทีมงานย้ายไปห้องนิยายจบได้เลยค
เริ่มหัวข้อโดย: aezac ที่ 21-09-2011 14:39:31
สุโค่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: wizard_tao ที่ 07-02-2012 21:20:23
อยากมีพิษนี้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: som~ ที่ 14-04-2012 15:03:24
ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์มาก   เเต่ก็ทำให้สมหวังกันจนได้  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: JuDaZz ที่ 10-05-2012 21:59:38
สุดยอดมากมาย มหาศาล หื่นได้อีกจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Fate ที่ 12-05-2012 01:32:00
จอมยุทธตู๋
ท่านนี่ น่าจะเลิกหยิ่งได้ตั้งนานแล้วนะ
ไม่เช่นนั้นคงได้กอดเสินเหม่ยไปหลายชั่วยามแล้ว กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 21-10-2012 21:31:52
NC สุดๆไปเลย  :oo1:
ทำเลือดหมดตัว :jul1:
เรื่องแรกหายไปไหนอ่ะ
อยากอ่านเรื่องแรกจัง :impress2:
จะรอเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 21-10-2012 23:26:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: Jaajaa ที่ 24-10-2012 22:09:16
กลับมาแต่งต่อเถอะนะคะ :z3:

อยากอ่านไม่ไหวแล้นนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 03-11-2012 00:20:35
อยากอ่านเรื่องต่อไปของยามเมื่อได้พบพานก็ นี่เลยจ้ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32990.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 03-11-2012 14:14:12
 :-[  เขิลสุดๆ ชอบ อ่ะ ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-11-2020 00:05:24
ต้องยกความดีชอบให้ผู้เฒ่าเงา อาร๊ายยฮอตเว่อร์คู่ใหญ่  :oo1: :jul1: เขินไปหมดท่านอสรพิษร้ายผู้รักสันโดษ ต้องแพ้ทางกับคนงามอย่างเสินเหม่ย  :-[ :o8: สนุกกมาก  :pig4: :pig4: