(เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)หน้า3 ยามเมื่อได้พบพาน:ปราบพยศ.ตอน5.100%หน้า  (อ่าน 69996 ครั้ง)

ออฟไลน์ engrish

  • "LolliPoP"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 823
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
พระเอกโหดจังเรื่องนี้
แต่ก็ชอบมากค่ะ

chae

  • บุคคลทั่วไป
ตายแน่คับ ดับอนาด

SM สุดโค่ยยย

tawan

  • บุคคลทั่วไป

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
บอกได้คำเดียวว่า "ปลื้มมาก!!"

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16






ก่อนไปอ่านตอนสองของ"ปราบพยศ"  ขอฝากรูปของเรื่องแรกหน่อยนะคะ
รูปนี้คือ อวี้เหวินเต๋อ+กุ้ยหลิน
         พระเอก+นายเอก ของ..เรื่อง...วันคืนอันดื่มด่ำค่ะ 
         (อิอิ พอดีมาช้าไป วาดแล้วก็เอาไปโปรยไว้ตรงไหนของห้องไม่รู้  วันนี้เพิ่งเจอ เลยเอามาลงให้คิดถึงกันเล่นๆ) 



งั้น

ไปต่อกันเลยนะ.....ปราบพยศ ....ตู๋เสอ+เสินเหม่ย   :L2:




เดี๋ยวขอขึ้นรีอันใหม่นะ สงสัยมันติดที่รูปค่ะ เลยเวลาจะเช็คpreview มันช้ามาก

         
:z1:อวี้เหวินเต๋อหล่อโฮก
เสินเหม่ยใจร้ายจริงจะฆ่าพระเอกของเรา  :sad11:กรรมตามสนองเลย :angry2:

imsingularfc

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย
nc นี้ไม่แรง แต่เรียกเลือดได้ดีเช่นเดิม
อยากรู้เรื่องราวต่อไปจังค่ะ

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ตอนที่3

          นับจากเกิดเรื่องในวันนั้น เสินเหม่ยก็ได้แต่เพียงซ่อนงำความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ภายใน  ด้วยรู้ชัดแน่แล้ว บุคคลเช่นตู๋เสอนั้น ยากยิ่งที่จะต่อกรด้วย นอกจากเย็นชา เข้มงวดอย่างชั่วร้าย ซ้ำยัง เจ้าเล่ห์ มีแผนการแยบยล ชอบสร้างกลอุบายจนเสินเหม่ยปวดเศียรเวียนเกล้า  
          เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ที่เสินเหม่ยยอมอยู่ในโอวาสด้วยเสียไม่ได้  สุดท้ายตู๋เสอจึงยอมคายออกมาว่า แท้จริงแล้วพิษทุกชนิดนั้น ร่างกายเขาสามารถรับได้ ขอเพียงไม่จี้เข้าตรงจุดอ่อน ย่อมทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจริงจัง ซ้ำยังสามารถขับออกมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการใช้เข็มเงินทดสอบ ก่อนรับประทานอาหาร จึงเป็นเพียงกลอุบายที่เขาใช้ เพื่อให้เสินเหม่ยตายใจ เพียงเพื่อหวังทดสอบเสินเหม่ยในภายหน้า ว่าจะก่อกวนเขาหรือไม่
          ซึ่งก็เป็นจริงดั่งที่เขาคาดไว้ สุดท้ายเสินเหม่ยก็ย่อมต้องเผยธาตุแท้ออกมา ว่าอยากกำจัดเขาเพียงไร  เขาจึงได้มีโอกาสสั่งสอนเด็กดื้อเช่นเสินเหม่ยให้อยู่ในโอวาสได้
          หลังจากนั้นมา เสินเหม่ยจึงยอมทำงานบ้านงานเรือนที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก  มีเพียงหุงข้าวปลาอาหาร งานทำความสะอาดภายในเรื่อนที่พัก เรื่องหุงข้าวปลาอาหารนั้น เสินเหม่ยพอมีความรู้อยู่บ้าง  แต่ก็ทำเป็นไม่กี่ชนิด ทุกครั้งที่ตู๋เสอต้องการอะไรแปลกใหม่ เขาจะยืนอยู่ข้างๆเสินเหม่ย คอยกำกับวิธีปลุงให้ ซ้ำยังอธิบายเรื่องราว และรายละเอียดรอบรู้ ที่เป็นคุณประโยชน์ให้เสินเหม่ยได้เอาประดับความรู้ให้กับมันสมองน้อยๆของเขาอีกด้วย
          เสินเหม่ยได้เรียนรู้วิชาการงานบ้านงานเรือนจาตู๋เสอ  เขามิเคยทราบเลยว่างานเล็กๆน้อยเช่นนี้ จะมีรายละเอียดมากมายที่ต้องใส่ใจ ซ้ำยังต้ิงพิถีพิถันทุกเรื่องราว  ที่น่าแปลกกว่าคือ เสินเหม่ยไม่เคยนึกเลยว่า บุรุษเช่นตู๋เสอ  จะสามารถทำงานเช่นนี้ได้ ซ้ำยังเข้าใจวิธีการอย่างถ่องแท้  ซึ่งเรื่องนี้  ตู๋เสอเพียงให้เหตุผลกับเสินเหม่ยว่า เขาเองอยู่คนเดียว ถึงแม้มีผู้เฒ่าเงาคอยรับใช้  แต่งานเช่นนี้เขาไม่ได้มอบหมายให้ผูเฒ่าเงาเป็นผู้กระทำ  เพราะถึงอย่างไร ท่านผู้เฒา่เองก็มีวัยวุฒิมากกว่า  และเป็นผู้มีวรยุทธมิใช่เลวชั่ว มีชื่อเสียงในยุทธภพมิใช่น้อย จะให้ทำงานเช่นนี้ให้กับตู๋เสอได้อย่างไร  ดังงั้น เมื่อไม่มีใครกระทำ ตู๋เสอเองก็สมควรเป็นผู้กระทำ และถ้าลงมือกระทำก็ควร กระทำออกมาให้ดี อย่าเห็นว่าเป็นเพียงงานเล็กน้อย แม้เป็นเพียงการเย็บผ้า ก็ย่อมต้องมีวิธีที่ควรศึกษาเพื่อให้เข้าใจในการเย็บที่ถูกต้อง และออกมาเรียบร้อย
          หน้าที่อีกประการที่เสินเหม่ย ค่อนข้างภูมิใจคือ การให้อาหารสุนัขป่าของตู๋เสอ ทุกวันนี้ เสินเหม่ยสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีตู๋เสอคอยกำชับดูแล วิธีการคือเสินเหม่ยจะเอาเนื้อชิ้นใหญ่สี่ชิ้น ไปวางไว้ในป่า ซึ่งไม่ห่องจากบ้านพักเท่าใดนัก จากนั้นหยิบขลุ่ยจิ๋วที่ตู๋เสอให้ไว้  เอาออกมาแล้วพ่นลมเข้าไปสามครั้ง ทำให้เกิดเสียงแหลมเล็กสามเสียง ดังติดต่อกัน จากนั้นให้รีบเดินจากมาภายในสามสิบลมหายใจเข้าออก
          เสินเหม่ยทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีเรื่อยมา เนื่องจากเขาภูมิใจหนักหนา เพราะนี่เป็นงานที่อันตรายและท้าทายที่สุดแล้ว พอแล้ววันหนึ่ง เสินเหม่ยก็นึกอยากเห็นสุนัขของตู๋ ด้วยสงสัยในใจว่า เหตุใดครานั้นที่ตู๋เสอเอาสุนัขป่าเข้าจู่โจมขบวนม้าของพรรดอกไม้ดำ จึงมีเพียงสามตัว  แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้ทราบว่า ตู๋เสอมีสุนัขป่าที่เลี้ยงไว้ถึงสี่ตัว เสินเหม่ยจึงอยากทราบว่าแท้จริงแล้ว สุนัขทั้งสี่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างเข่นไรกันแน่  วันนั้นหลังจากที่เสินเหม่ยเป่าขลุ่ยไม้แล้ว  เขาจึงมิได้เดินจากมา หากแต่ใช้วิชาตัวเบาลายขึ้นสู่ยอดไม้เบื้องบน แล้วแอบซุ่มมองอยู่บนคาคบไม้  ซึ่งการซุ่มมองนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก เพราะสุดท้ายเขาก็ได้ทราบว่า ตู๋เสอมีสุนัขป่าถึงสี่ตัวจริง
          สุนัขป่าสี่ตัวของตู๋เสอนั้นช่างแตกต่างยิ่งนัก ทั้งสีขนและดวงตา ตัวสีดำทะมึนนัยน์ตาสีแดงฉานคาดว่าน่าจะเป็นจ่าฝูง เพราะมันได้ทึ้งชิ้นเนื้อก่อนเป็นตัวแรก ตัวต่อมามีขนสีเทา นัยน์ตาสีอำพัน ตัวนี้ได้ทึ้งชิ้นเนื้อเป็นตัวที่สอง  ตัวที่ทึ้งชิ้นเนื้อเป็นตัวที่สามคือตัวที่มีนัยน์ตาสีแดงฉานดุจดั่งเปลวเพลิง ซึ่งเป็นสีเดียวกับขนของมัน เมื่อสุนัขทั้งสามทึ้งชิ้นเนื้อจนเรียบร้อยแล้ว เสินเหม่ยจึงค่อยๆเห็นตัวที่สีเดินหางตกลู่เข้าหว่างขาออกมาจากป่าช้าๆอย่างเกรงกลัว  สุนัขป่าตัวนี้ทำให้หัวใจของเสินเหม่ยแทบหยุดเต้น เพราะมันสวยเหลือเกิน นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเหมือนพลอยเลอค่า  ขนสีขาวสะอาดตาทั้งลำตัวให้นึกถึงก้อนหยกขาวเนื้อดีที่หาได้ยาก ช่างงดงามยิ่งนัก และกว่าสุนัขตัวนี้จะทึ้งชิ้นเนื้อเรียบร้อย สุนัขตัวอื่นก็หายตัวกลับเข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว
          และสุดท้ายที่เจ้าสุนัขตัวนี้มันจัดการกับชิ้นเนื้อแล้ว มันก็ได้แต่นอนนิ่งลงข้างโคนต้นไม้ที่เสินเหม่ยแอบซ่อนตัวอยู่ นั่นสร้างความลำบากใจแกเขายิ่งนัก เพราะเสินเหม่ยไม่อาจลงมาจากต้นไม้ได้ เพราะกล้วตู๋เสอจับได้ว่าเขามิได้เชื่อฟังอีกแล้ว  หลังจากชั่งใจดูแล้ว ระหว่างโดนสุนัขป่ากัดกับโดนตู๋เสอลงโทษ สิ่งใดจะทรมานกว่ากัน เสินเหม่ยจึงตัดสินใจลอยตัวลงมาจากยอดไม้ เพราะด้วยกลัวว่า ถ้าหากเขากลับไปยังบ้านพักช้าจนมีพิรุธ อาจโดนตู๋เสอล่วงรู้เข้าว่าเขาขัดคำสั่งโดยการแอบดูสุนัขป่าของตู๋เสอ
          และนั่นเอง เป็นจุดที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเสินเหม่ยกับสุนัขป่าตัวนั้น เพราะหลังจากที่เสินเหม่นทิ้งตัวลงสู่พื้นแล้ว เขาได้สบกับนัยย์ตาสีฟ้าคู่นั้นที่มองเขาด้วยทีท่าที่ผ่อนคลาย ซ้ำยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับว่ามันคุ้นเคยต่อเสินเหม่ยเป็นอย่างดี และด้วยความงดงามของสุนัขป่าตัวนี้ ทำให้เสินเหม่ยเดินเข้าไปใกล้ แล้วอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบไปที่ขนนุ่มสีขาวงดงามนั้น ซึ่งมันก็ยอมให้เิสินเหม่ยกระทำโดยดี  และนับจากนั้น ทุกครั้งหลังให้อาหาร เสินเหม่ยจะซุ่มรอจนเจ้าตัวนี้ออกมาจัดการกับอาหารของมัน และรอจนพวกพี่น้องของมันได้เข้าป่าไปแล้ว เสินเหม่ยจึงปรากฏตัวเพื่อออกไปทักทายสุนัขป่าแสนสวยตัวนั้น นับได้ว่าเป็นมิตรภาพระหว่างคนกับสัตว์สี่เท้า
          และแล้วครั้งหนึ่ง ด้วยความสงสัยอย่างสุดทน เสินเหม่ยจึงเอ่ยวาจาถามตู๋เสอ ว่าเหตุใดมีสุนัขสี่ตัว แต่เรียกใช้งานเพียงสามตัว เขาจึงได้รับคำตอบว่า สุนัขตัวที่สี่นั้น เป็นปมด้อยของฝูง เนื่องด้วยมันเป็นสุนัขเผือก ไม่เปลี่ยนสีขนไม่ผลัดขน ซ้ำยังอ่อนแอเชื่องช้า รังแต่จะเป็นภาระในงานที่กระทำเพราะอ่อนแอไม่ว่องไว ซ้ำยังถูกพบเห็นง่าย พออธิบายจบ เสินเหม่ยก็เห็นสายตาเย็นเฉียบของตู๋เสอทอประกายอำมหิต กำชับเขาว่า การให้อาหารสุนัขมิใช่เรื่องเล่นๆ ควรกระทำตามที่เขาบอกทุกประการ หากประมาทมิใส่ใจ ย่อมนำภัยมาถึงตัว  เสินเหม่ยก็เพียงได้แต่นิ่งฟัง  เขาไม่ได้ทำท่าทุกข์ร้อนอันใด เพราะเกรงว่าตู๋เสอจะจับได้
          แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น มันทำให้จิตใจเสินเหม่ยตื่นเต้นอย่างมาก เพราะระหว่างที่กำลังหยอกล้อกับสุนัขป่าสีขาว เจ้าสุนัขป่าสีเทามันก็เดินกลับออกมาจากในป่า แล้วเข้ามาร่วมวงเล่นกับเสินเหม่ย สร้างความเพลิดเพลินแก่เขายิ่งนัก สุนัขทั้งสองตัว มิเพียงไม่ทำอันตรายเขา ซ้ำยังเชื่องและเชื่อฟังว่าง่าย เสินเหม่ยไม่อยากเื่ชื่อสายตาตนเอง ว่าเขาจะสามารถเอามือลูบไปบนหลังของสุนัขป่าทั้งสองตัวที่นอนเคียงข้างกับเขาได้ และนับแต่วันนั้น เสินเหม่ยก็ได้มิตรภาพเพิ่มขึ้น  คือ เพื่อนเล่นสุนัขป่าสองตัว
         หลานวันผ่านไป สิ่งที่ตู๋เสอได้เตือนแกมข่มขู่เสินเหม่ยเอาไว้ ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อระหว่างที่เสินเหม่ยกำลังนอนเล่นกับสุนัขป่าทั้งสองตัว ทันใดนั้นสุนัขป่าอีกสองตัวได้ปรากฏกายออกมาจากในป่า มันคือเจ้าตัวสีดำกับเจ้าตัวสีแดงนั่นเอง เจ้าตัวสีแดงมิได้เข้ามาร่วมวงกับเสินเหม่ยหากแต่มันยืนนิ่งมิได้เคลื่อนไหว แต่สุนัขป่าสีดำตัวใหญ่นัยน์ตาแดงฉาน กำลังแยกเขี้ยวข่มขู่เสินเหม่ย เสียงคำรามนั้นทำให้เสินเหม่ยหนาวกาย กระดูกสันหลังชาวาบ ด้วยรู้สึกว่าเจ้าสีดำมันมิได้หยอกเล่น ซ้ำสุนัขป่สีขาวกับสุนัขป่าสีเทาที่เขานอนด้วย มันได้ลุกขึ้นเดินกระสับกระส่ายไปมาหางจุกอยู่หว่างขา หูลู่ตก พร้อมกับครางออกมา เหมือนหวาดผวา แต่สิ่งที่เหสินเหม่ยต้องระวังคือสุนัขป่าสีดำตัวนั้น เขาจดจำได้ดีถึงตอนที่มันขย้ำคนของพรรคมารราวผักหญ้า  แล้วนี่เขาตัวคนเดียวจะทำเช่นไร
        สุดท้ายสิ่งที่เสินเหม่ยกริ่งเกรงก็ได้เกิดขึ้น  เมื่อเจ้าสุนัขสีดำตัวจ่าฝูงมันกระโจนเข้าหาเสินเหม่ยโดยที่เขามิทันตั้งตัว สุนัขสีดำตัวนั้นทั้งเร็วและว่องไว ยามกระโจนก็รวดเร็วและทรงพลัง ปิดกั้นหนทางหนีรอดของเสินเหม่ยไว้หมด ซ้ำยังบั่นทอนสภาวะป้องกันของเสินเหม่ยอีกด้วย และก่อนที่คมเขี้ยวแหลมยาวจะฝังลงบนลำคอระหงของเสินเหม่ย มันก็ได้ฝังลงบนบ่าของคนผู้หนึ่ง ที่เอากายหนาบังร่างเสินเหม่ยเอาไว้แทน พอเสินเหม่ยเงยหน้าขึ้นก็สบกับดวงตาเย็นชาอันคุ้นเคย แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนกคือ เลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์บนไหล่ขวาของคนผู้นั้น
        เสินเหม่ยมิได้คาดคิดเลยว่าตู๋เสอจะทำเช่นนั้น เขาปรากฏกายขึ้นเมื่อไหร่เสินเหม่ยมิอาจทราบได้ แต่เขาได้ช่วยเสินเหม่ยเอาไว้ และหลังจากนั้น เพียงแค่ตู๋เสอตวาดก้อง สุนัขป่าทั้งสี่ก็วิ่งหายเข้าป่าไป หลงเหลือเพียงตู๋เสอที่ยังยืนหันหลังให้เสินเหม่ย  ตู๋เสอยืดตัวตรงสง่าผ่าเผย เขาเอามือไพร่หลังไว้ บนบ่ามีเลือดโทรมด้วยบาดแผลที่ถูกคมเขี้ยวของ
สุนัขป่าสีดำ เสินเหม่ยยืนนิ่ง ดวงตาหลุบต่ำทอประกายสำนึกผิด หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่เพียงเดินตามตู๋เสอกลับที่พัก คนๆนั้นมิได้เอ่ยวาจาอันใดอีก นอกจากเดินอาดๆมิสนใจเสินเหม่ยที่รัวเ้ท้าเดินตามหลังต้อยๆ เสินเหม่ยมองแผ่นหลังที่สง่าผ่าเผยด้วยความกังวล โลหิตเริ่มซึมซับลงบนเสื้อผ้าเนื้อดีของตู๋เสอ สีแดงถูกย้อมไว้เกือบทั่วแผ่นหลังนั้น
        เมื่อกลับถึงเรือนพัก ตู๋เสอได้รีบเดินเข้าห้องหับทันที เสินเหม่ยรีบสาวเท้าตามไปด้วยความร้อนใจ ยามนี้เขามิอาจกริ่งเกรงว่าตู๋เสอจะว่ากล่าวที่ล่วงละเมิดตามเข้ามา พ้วยเพราะบาดแผลฉกรรจ์ที่หัวไหล่ขวาของคนๆนั้นสร้างความกังวลให้แก่เสินเหม่ยยิ่งนัก  เสินเหม่นเห็นตู๋เสอนั่งหลับตาบนเตียง เขากำลังโคจรลมปราณสมานบาดแหล เสินเหม่ยเพียงแต่นั่งดูอยู่ห่างๆ มิกล้าเอ่ยถามสิ่งใดเพื่อเป็นการรบกวน ขณะนั่งจับจ้องคนที่ขัดสมาธิโคจรลปราณอยู่บนเตียง เสินเหม่ยสังเกตเห็นว่า คนผู้นั้นมีเหงื่อกาฬหลังไหลบนใบหน้า ทั้งริมฝีปากบางที่เคยเปล่งปลั่ง ก็เหือดแห้งซีดจาง หัวคิ้วขมวด สันกรามขึ้นข้างแก้ม แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดทรมานมิใช่น้อย แต่คนผู้นั้นยังคงกล้ำกลืนฝืนไว้มิแหกปากร้องออกมา สิ่งนี้สร้างความรู้สึกผิดแก่เสินเหม่ยเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยเขาเองที่มิได้เชื่อฟัง ละเลยต่อคำสั่งของตู๋เสอ จนสุดท้ายเดือดร้อนจนต้องลำบากแก่เขาผู้นั้นให้ต้องเสียเลือดเนื้อ หากไม่ได้เขาผู้นั้น ป่านนี้เสินเหม่ยเองคงมิได้มีโอกาสนั่งสำนึกผิดอยู่เช่นนี้ 
        เสินเหม่ยคาดว่าเวลาน่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วยาม   สุดท้ายเขาก็เห็นตู๋เสอลืมตาขึ้น เปลี่ยนท่าทางจากขัดสมาธิบนเตียงเป็นห้อยเท้าลงมาที่พื้น  เสินเหม่ยก้มหน้านิ่ง แต่รู้สึกว่าตู๋เสอกำลังจับจ้องตนเองอยู่จึงค่อยเงยใบหน้าขึ้น  สายตาก็สบกันพอดี
        "หึ...เป็นดั่งที่คาดไว้ไม่ผิด" เสียงของตู๋เสอกล่าวอย่างเย็นชา
        "ข้า..ข้าผิดไป"  เสินเหม่ยกล่าวเสียงเบา
        "รู้ตัว?" ตู๋เสอยังคงกล่าวยียวน แต่น้ำเสียงแฝงด้วยความตึงเครียด
        "ครั้งนี้ข้าผิด..ข้ายอมรับ จะให้ข้าโขกศรีษะขอขมา..ข้ายินดี"
        "ฮา ฮา เจ้านี่  บทจะอ่อน ก็อ่อนจนเกินควร........"  ตู๋เสอนิ่งไปสักพัก ก่อนกล่าววาจาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
        "นี่อาจเป็นความผิดของข้าเอง  ที่มิได้บอกความต่อเจ้าอย่างชัดเจนแต่แรก ...เฮ้ย  ใครจะไปรู้ได้ ว่าเจ้าจะเป็นคนชอบคิดอะไรแผลงเช่นนี้ นึกว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนเจ้าได้หรือไร อย่างไรพวกมันก็เป็นสัตว์ สัตว์ที่กินเนื้อ เจ้าเข้าใจหรือไม่ สัตว์กินเนื้อย่อมดุร้าย และสัตว์กินเนื้อที่รวมเป็นฝูงย่อมมีกฎเกณฑ์ของมันเอง  ข้อนี้เจ้าอาจพอรู้อยู่บ้าง แต่ข้าจะบอกอีกข้อ สุนัขป่าของข้ามิใช่สุนัขป่าธรรมดา มันเกิดจากสุนัขปิศาจที่บำเพ็ญเพียรจนแก่กล้ามีฤทธิ์เดชถึงขนาดกลับกลายร่างเหมือนมนุษย์ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่ สัตว์พวกนี้ดุร้ายและจริงจัง สุนัขป่าคอกนี้ ข้าได้ช่วยมันไว้ในฤดูหนาวของปีหนึ่ง  ไม่ทราบว่าเหตุอันใดมันถึงถูกทิ้งไว้สร้างความเอน็จอนาจใจ ข้าจึงเก็บมันมาเลี้ยงดู อย่างที่กล่าวไปแล้วมันมิใช่สัตว์ธรรมดา เมื่อได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  ทั้งมีพลังวัตรแก่กล้า สุดท้ายด้วยความสำนึกในบุญคุณพวกมันยืนยันจะรับใช้ข้า แต่ข้ามิอาจไว้ใจมันได้ทีเดียว มันจึงเสนอว่า มันจะยอมกินยาพิษที่ข้าปรุงเพื่อตัดทอนพลังวัตร ตลอดทั้งปีจะมีร่างเป็นสุนัขดุร้าย แต่มิอาจแปลงกายได้ นอกจากช่วงฤดูหนาวที่ยาหมดฤทธิ์  ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ข้าเข้าจำศีลเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพร่างกาย  พวกมันเหล่านั้นจะเป็นอิสระมีพลังฟื้นฟูเท่าเดิมกอปด้วยอิทธิฤทธิ์ยากแก่การต่อกร ยกเว้นตัวสุดท้อง ตัวสีขาวนั่น ที่มีความร้ายกาจน้อยที่สุด  ข้าอธิบายเช่นนี้แล้วเข้าใจหรือไม่เล่า"
         สุดท้ายตู๋เสอก็ส่ายหน้าช้าๆ เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ามีสีหน้าเศร้าสำนึกผิด เขาจึงคลายความเย็นชาปั้นปึง กล่าวเสียงเนือยว่า
         "เช่นนี้แล้วจงไปปรุงยาให้กับข้า ยาอยู่ในขวดแก้วสีแดงในห้องยา  จงนำมาหนึ่งเม็ดบดให้ละเอียด แล้วละลายในน้ำเดือด ไป..จงไปรีบทำมา  อย่าชักช้า"



ยังมีต่อค่ะ  แต่เดี๋ยวมาต่อนะ(รีล่างงงซะแล้ว บอกสั้นไปนิด) :3123:
          
          
        
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2011 07:51:11 โดย cancan »

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
ไหนอ่ะไรเตอร์ที่บอกว่าต่อ?

โอ้ววว หมาป่าน่ากลัวจัง

ตัวสีขาวนั่นคือกุ้ยหลินใช่มั๊ย??

เอิ่ม แล้วถ้างั้น ตัวอื่นแปลงกายเป็นคนได้มั๊ยอ่ะ??

หรือว่าตู๋เสอ ไม่รุ้ความสามารถที่แท้จริงของกุ้ยหลิน??

เอ๊ะ ยังไง??

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

tawan

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
เพิ่งจะได้มาอ่าน  ไม่ทันเรื่องของกุ่ยหลินอ่ะ  เค้าอยากอ่าน  ไม่ทราบว่าจะขอ PM ได้มั้ย

ส่วนตอนที่สองนี่เรื่องอิโลติกอย่างยิ่ง ชอบค่ะ

+1 ให้เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อ้อออออออออ ตัวสีขาวต้องเปนกุ้ยหลินแน่เลย แง่มๆ น่าสงสารจัง โดนรังแกป่าวน้า จ๋องเชียว  :monkeysad:

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ตอนที่3(ต่อ)

          เมื่อเห็นตู๋เสอสั่งการดังนั้น เสินเหม่ยจึงรีบจัดการมิรอชา เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ถ้วยดินเผาขนาดพอดีมือภายในมียาที่ปรุงไว้และไอความร้อนที่ลอยอบอวลก็ได้ตั้งอยู่ตรงหน้าของตู๋เสอ ซึ่งบัดนี้เขาไำด้เคลื่อนย้ายมานั่งที่โต๊ะหน้าเตียงเรียบร้อยแล้ว ส่วนเสินเหม่ยนั้นยังยืนนิ่ง ดวงตาจับจ้องที่ถ้วยยา ตู๋เสอค่อยๆยกถ้วยยาร้อนๆขึ้นจิบไปเรื่อยๆจนยาหมดถ้วย เบื้องหน้ายังมีเสินเหม่ยที่ยืนจับจ้องมิได้ขยับเขยื้อน  ตู๋เสอเลิกคิ้วถามไถ่
          "ยังต้องการอันใด"
          "บาดแผล...เหตุใดเลือดยังไหลไม่หยุด"  เสียงของเสินเหม่ยอ่อนลงอย่างมาก  
          "ช่างเถอะ..ออกไป..ข้าจะทำแผล"  ตู๋เสอสะบัดเสียง เริ่มแสดงอาการขุ่นเคือง
          "ให้..ให้ข้าทำ"
          "หึ หึ เจ้าน่ะหรือ จะทำแผลให้กับข้า" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
          "ใช่..ข้าจะทำ"  เสินเหม่ยยังมิอาจยอมแพ้
          "เกรงว่ายังมิทันลงมือ เจ้าอาจตายเสียตรงนี้"
          "ตาย..ตายอันใด" เสินเหม่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
          "ในกระแสเลือดของข้าไหลเวียนด้วยยาพิษเข้าใจหรือไม่ หากเจ้ามีบาดแผล  พิษในกายข้า จะถ่ายเข้าสู่ตัวเจ้าแล่นตรงถึงหัวใจ เช่นนี้แล้วเจ้าคงตายอย่างมิต้องคาดเดา"
          "ไม่..ข้าแน่ใจ ข้าไม่มีบาดแผลอันใด  ข้าจะทำแผลให้กับท่าน"
          "อวดดี  ดื้อดึง  ออกไป!" ตู๋เสอตวาดออกไป
          แต่หลังจากนั้น ความดื้อดึงของเสินเหม่ยก็ทำเอาตู๋เสอเหนื่อยอ่อน ด้วยเพราะพิษบาดแผลหรือไม่นั้น ไม่มีใครสามารถทราบได้ สุดท้าย เขาก็ยอมให้เสินเหม่ยเป็นผู้พันบาดแผล แต่มิอณุญาตให้ทายาที่บาดแผลซึ่งเขาเท่านั้นเป็นผู้กระทำได้ ทั้งยังพันบาดแผลเองอีกหนึ่งชั้น ก่อนให้เสินเหม่ยเป็นผู้พันชั้นต่อมา
          "เสร็จแล้ว ออกไปซะ" ตู๋เสอกล่าวเย็นชา ด้วยรำคาญคนจอมตื๊อเต็มทน
          "เอ่อ...มิได้"
          "มิได้!..มิได้อันใด" ตู๋เสอเสียงแข็งตวาดออกไป เริ่มหมดความอดทนกับเสินเหม่ย วันนี้คนผู้นี้ก่อปัญหายุ่งยากให้เต็มทนแล้ว
          "ท่าน..ท่านต้องลงโทษแก่ข้า"
          "ฮา  ฮา  เจ้าบ้าแล้ว  จะให้ข้าลงโทษ  เฮอะ ไหนลองบอกความจำเป็นมาสักข้อ"
          "ข้า..ข้ารู้สึกผิด..หากค้างคาเช่นนี้ ข้า.ข้าคงรู้สึกผิดตลอดไป"
          "เฮอะ เป็นไรของเจ้า...รู้สึกผิด อยากโดนลงโทษ อยากไถ่โทษ  ฮา ฮา น่าหัวร่อยิ่งนัก เจ้าเพียงต้องการให้เจ้าสบายใจ  เช่นนั้นจงสบายใจ ข้ามิใช่หรือที่กักขังเจ้า  ข้ามิใช่หรือที่กดขี่เจ้าใช้เจ้าสารพัด ข้ามิใช่หรือที่รังแกเจ้า ข้าผู้นี้เป็นศัตรูเจ้ามิใช่หรอกหรือ เช่นนี้เจ้าสมควรวางใจได้แล้ว  มิต้องรู้สึกผิดอันใด ไป ออกไป ข้าขี้เกียจต่อปากกับเจ้า"
          "ไม่..เจ้าเข้าใจผิด..ข้าจริงใจ ข้าสำนึกบุญคุณ และรู้ตัวว่าผิดที่มิได้ปฏิบัติตามวาจาของท่าน จนเป็นเหตุให้ท่านต้องเป็นเช่นนี้ หากไม่ได้ท่าน ข้าคงไปปรโลกแล้ว ได้โปรด ลงโทษแก่ข้า ข้าจะทำทุกอย่าง"  เสินเหม่ยคุกเข่าลงพร่ำเพ้อ
          "หึ..เจ้ายังดื้อดึง..ดี..จะทำทุกอย่างใช่หรือไม่"
          "ใช่..ทำทุกอย่าง"
          "ยืนขึ้น..แล้วถอดเสื้อผ้าออกให้หมด"
          ".................."  เสินเหม่ยเงยหน้ามองตู๋เสออย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่ามิได้หูฝาดไป
          "เร็ว...ถ้าอยากไถ่โทษ  จงยอมทำตามเสียโดยดี ข้ากำลังจะลงโทษตามที่เจ้าต้องการ" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
          "................."  ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากริมฝีปากที่เม้มสนิทของเสินเหม่ย นอกจากการยอมกระทำตามที่ตู๋เสอสั่งออกมา
          ไม่ช้า..เรือนร่างขาวเนียนก็ปรากฏต่อหน้าตู๋เสอ
          "เจ้าคงมิหลงลืมใช่หรือไม่...ว่าข้าชอบลงโทษเจ้าเช่นไร"
         สิ้นเสียงเย็นเยียบของตู๋เสอ เสินเหม่ยก็รู้สึกถึงพิษร้ายภายในกายที่เริ่มไหลเวียน ใช่แล้ว...ตู๋เสอกำลังขับเคลื่อนพิษนั้นออกไปแล้ว  พิษที่แสนเร่าร้อน พิษที่แสนอับอาย
          "ห้ามขาอ่อน ห้ามล้ม ห้ามนั่ง จงยืนให้ได้หนึ่งชั่วยาม แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นอันเลิกรา"
          นี่จึงเป็นบทลงโทษที่ร้ายกาจยิ่งนัก  ความปั่นป่วนภายในสร้างความกระสันจนมิอาจทานทน ความซ่านเสียวที่ก่อตัวอย่างบ้าคลั่งก็ทำให้มิอาจทานทนเช่นกัน จะล้มก็ไม่ได้ จะเข่าอ่อนก็ไม่ได้ ไม่มีที่ให้ยึด ไม่มีที่ให้จับ  เสินเหม่ยได้แต่ยืนหลับตา จะก้มหน้าก็มิอาจทนเห็นแก่นกายของตนเองชี้ชันอย่างเจ็บปวดด้วยมิได้รับการปลดปล่อยอย่างที่ควรเป็น ความต้องการก่อตัวอยู่ภายในด้วยพิษร้อนที่ไหลเวียนหมุนวน เสินเหม่ยกัดริมฝีปากแน่น เขาไม่ยอมให้เสียงครางทรมานเล็ดลอดออกมา  อาการคันและเจ็บปวดก่อตัวที่ตรงกลางลำตัวอย่างรวดเร็ว  ต้องยืนอยู่เช่นนี้ ต้องทนให้ตู๋เสอมอง และยังต้องยืนให้ถึงหนึ่งชั่วยาม  เขาจะทนได้อีกนานหรือไม่ เขาจะทนได้จนถึงหนึ่งชั่วยามเชียวหรือ เสินเหม่ยหลับตานิ่ง เขาไม่อาจคิดสิ่งใดได้ เพราะความรู้สึกทั้งมวลถูกรวบรวมไปที่จุดกลางลำตัว ที่กำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง เสินเหม่ยกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหลออกมา สองขาสั่นระริกด้วยเกร็งไว้มิให้ล้ม สองมือกำแน่นจิกเล็บลงในฝ่ามือ
          นั่นเป็นภาพที่ทำให้ตู๋เสอสะใจยิ่งนัก สะใจในความอวดดี สะใจในความหยิ่งผยอง  คนที่อยู่แบบนั้น  ใช้ชีวิตแบบนั้น จะรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายจากโลกภายนอกได้อย่างไร อยากเสนอตัวให้มารร้ายเพื่อปกป้องครอบครัว คนอ่อนแอเช่นนี้น่ะหรือจะทำได้ นอกจากเอาตัวเองไปให้ถูกขบเคี้ยวเล่น  เพียงแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว เพียงแค่นี้ร่างสะอาดนั่นก็สั่นจนอ่อนล้า อวดดี..จะทนได้หรือถึงหนึ่งชั่วยาม ถ้าครบหนึ่งชั่วยาม ถึงตอนนั้นก็คงตาเหลือกตายไปแล้ว อย่างน้อยๆก็คงขาดเลือดในกายตายก่อน ดูเถิด..เพียงแค่นี้ดวงหน้าก็ขาวซีดถึงปานนี้ ขาวซีดตัดกับเลือดสีแดงที่ริมฝีปากนั่น
         "ปัง!!"
          นั่นคือเสียงฝ่ามือของตู๋เสอที่กระแทกตบลงไปบนพื้นโต๊ะ เสียงนั้นทำให้เสินเหม่ยที่ยืนหลับตาถึงกับสะดุ้งตัวโยน  หลังจากนั้นเสินเหม่ยก็รู้สึกถึงแรงกระชาก ก่อนที่จะล้มลงไปที่เตียง
          ตู๋เสอก้มลงทาบทับเสินเหม่ย เอ่ยวาจาแผ่วเบา
          "บาดแผลนี้ฉกรรจ์นัก ข้ามิอาจขับเคลื่อนพิษให้กลับคืนไปที่จุดเหลากงของเจ้าได้ทั้งหมด เช่นนี้แล้วคงต้องใช้วิธีนี้ควบคู่ไปด้วย"  สิ้นเสียงนั้นเสินเเหม่ยก็รู้สึกถึงฝ่ามือร้อนกำลังกอบกุมฝ่ามือขวาของเขาไว้ ฝ่ามือนั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง เสินเหม่ยคิดว่าน่าจะเป็นพลังปราณของตู๋เสอ แต่ความรู้สึกอีกประการ ทีทำเอาเสินเหม่ยถึงกับสะท้านก็คือ มืออีกข้างของคนที่ทับเสินเหม่ยอยู่นั้น กำลังไล้วนที่ปลายยอดหอคอยที่ชื้นด้วยหยาดน้ำและบวมคัดเปล่งสีของเสินเหม่ย
          ตู๋เสอเอาข้อศอกยันกาย แต่มือซ้ายอีกข้างยังกุมมือขวาของเสินเหม่ยมิยอมปล่อย เขากำลังขับเคลื่อนพลังผ่านฝ่ามือของเสินเหม่ยเพื่อดึงเอาพิษกลับมาที่จุดเหลากง ซึ่งก็มีเพียงบางส่วนที่สามารถดูดกลับมาได้  ตู๋เสอขบกรามแน่น ด้วยเพราะการทำเช่นนี้ย่อมสร้างความเสียหายแก่บาดแผลบนหัวไหล่ของเขา ซึ่งตู๋เสอได้นั่งเดินลมปราณสมานปากบาดแผลไปเมื่อครู่ หากเป็นเช่นนี้ย่อมทำให้บาดแผลเปิดออกมาได้อีก
          ตู๋เสอค่อยๆใช้ลิ้นแหลมไล้ไปตามริมฝีปากของเสินเหม่ย  ก่อนตวัดเอาเลือดที่ยังไหลออกมาจากรอยฟันที่เสินเหม่ยกัดไว้ที่ริมฝีกปากเมื่อครู่ ตู๋เสอไล้เลียจนเลือดค่อยๆหยุดลงก่อนยันกายด้วยมือข้างเดียวเลื่อนตัวลงมาส่วนล่าง ใช่แล้ว ตู๋เสอไม่มีเวลามากกว่านี้อีกแล้ว เขาต้องรีบคลี่คลายพิษให้แก่เสินเหม่ย ก่อนที่เขาเองจะหมดสติไปเพราะอาการเจ็บปวดทรมานของบาดแผลที่หัวไหล่
          "อ๊ะ..อ๊ะ..ฮะ..อ๊าาา" เสียงครางของเสินเหม่ยดังขึ้น เมื่อตู๋เสอใช้ปลายลิ้นแหวกรอยแยกของหอคอย ลิ้นร้อนแหลมลากไล้หนักหน่วงทุกซอกหลืบของยอดหอคอย ทำเอาเสินเหม่ยต้องเชิดหน้าร่ำร้องออกมา น้ำตาอุ่นๆไหลซึมลงมาตามหางตาก่อนเหือดหายไปบนผิวนวล เสินเหม่ยใช้มือซ้ายจิกลงในเรือนเกศาของตู๋เสอที่ก้มลงอยู่ตรงส่วนนั้น ตอนนี้ส่วนนั้นของเสินเหม่ยโดนครอบครองไว้ในปากของตู๋เสอ
          "ฮะ..อ๊าาา..อึก..อื๊อ..อ๊าาา" เสินเหม่ยส่ายหน้าไปมา รับรู้ได้ถึงแรงเสียดสีเบาๆของคมฟันที่ขึ้นและลงตามความสูงของหอคอย  สลับกับแรงดูดของโพรงปากของตู๋เสอ  ปลายลิ้นสากลากไล้ไปทั่ว  ทั้งยังลงน้ำหนักให้รู้สึกชัดๆว่าลิ้นน้อยๆนั้นกำลังท่องเที่ยวอยู่ตรงส่วนไหน  แม้แต่พงหญ้า ลิ้นเรียวนั้นก็ยังไม่เว้นที่จะลากไล้สำรวจ
          "อ๊ะ..อ๊ะ" สุดท้าย  เสินเหม่ยก็ถูกครอบงำไว้ในโพรงปากอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีการหยอกเย้า ทุกอย่างกำลังประดังเข้ามา แรงดูดกลืน แรงของคมฟันที่ลากขึ้นลง แรงของมือแกร่งที่ช้อนอยู่ใต้สะโพกของเสินเหม่ย ทั้งบีบเค้น ทั้งผลักดัน  ยามที่ถูกผลักดันเข้าหาโพรงปากด้วยความเร็วถี่ สร้างความกระสันแก่เสินเหม่ยจนต้องเปล่งเสียงออกมาไม่หยุด  ยามที่พุ่งก็จะถูกแรงดูดของโพลงปากกระทำอย่างไม่ปรานี  แต่สิ่งนี้ได้สร้างความเสียวสุดที่จะทานทน
          "ซี้ด..อ๊ะ..อ๊าา"  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตู๋เสอกระทำ ทั้งเร็วและร้อนรุ่ม  ทั้งแรงและหนักหน่วง สร้างความเสียวซ่านอย่างหาที่เปรียบมิได้ เสินเหม่ยหูตาถูกบั่นทอน ในสมองอื้ออึงด้วยพิษแห่งความหฤหรรษ์ที่ตู๋เสอกระทำ  ตอนนี้ตัวเองเป็นผู้ที่เด้งสะโพกขึ้นตอบรับโพรงปากนั้นเสียเอง เสินเหม่ยเด้งสะโพกเร็วขึ้น  แรงขึ้น ทุกครั้งที่ทิ้งน้ำหนักลงเพื่อเด้งขึ้นไปใหม่ จะต้องฝืนกับแรงดูดของโพรงปากนั้น  โพรงปากนั้นเองก็ไม่อยู่นิ่งยังคงรูดขึ้นลงสวนกับการเด้งของสะโพก  จนสุดท้ายสะโพกบางก็เด้งขึ้นสูงพร้อมกับเกร็งค้างอยู่กับที่ ปล่อยให้โพรงปากของตู๋เสอกลืนกินหยาดน้ำและดูดมันจนหมด  จากนั้นเสินเหม่ยก็ทิ้งสะโพกลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
          ตู๋เสอปล่อยฝ่ามือของเสินเหม่ยออก เขาค่อยๆเลื่อนกายขึ้นไป เอาลิ้นสัมผัสที่ริมฝีปากของเสินเหม่ยเพื่อให้แน่ใจว่าเลือดหยุดไหลแล้ว และตอนนั้นเอง  เสินเหม่ยก็สัมผัสถึงความร้อนรุ่มที่กลางลำตัวของตู๋เสอ ความโอฬารที่แฝงตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุมยาวและกางเกงผ้า  เสินเหม่ยเห็นใบหน้าของตู๋เสอเครียดเขม็ง กรามขบแน่นจนขึ้นสัน นัยน์ตายังคงฉายแววเย็นชา
          "ท่าน..." เสินเหม่ยเสียงอ่อนล้า
          "หมดแล้ว..เจ้าชดใช้หมดแล้ว  เรื่องราววันนี้เป็นอันเลิกรา" ตู๋เสอยันกายกล่าวต่อเสินเหม่ย  นัยน์ตาปรากฏความอ่อนโยนเพียงชั่วครู่แล้วกลับกลายเป็นความเย็นชาดั่งเดิม
          "แต่..แต่..ท่าน" เสินเหม่ยค่อยๆเลื่อนมือสั่นเทาไปที่ตรงนั้น ที่ๆกำลังคับพองของตู๋เสอ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสโดนอย่างแผ่วเบา  ตู๋เสอก็สะบัดตัวลุกขึ้นนั่ง ปลายตามองมายังเสินเหม่ย
          "นี่ย่อมไม่เกี่ยวกับเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องการข้าก็ทำให้แล้ว ต่อแต่นี้ไปจงเชื่อฟัง จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องให้ยุ่งยากลำบากกันอีก" เอ่ยวาจาเพียงเท่านั้นตู๋เสอก็ยืดกายลุกขึ้น เขาเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้เพียงเสินเหม่ยที่นอนทอดกายด้วยความอ่อนล้า สายตายังจับจ้องแผ่นหลังกว้างที่ก้าวออกไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง ก่อนที่เจ้าของแผ่นหลังนั้นจะปิดประตูห้องลงอย่างแผ่วเบา





จบตอนค่ะ :L2:
      

          
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2011 00:29:44 โดย cancan »

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
 :z13: :z13:

เฮ้อออออ  ตู๋เสอ เมื่อไรท่านจะเลิกรักษามาดซักที

เหนื่อยใจแทนจิงๆเลย :เฮ้อ: :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2011 22:16:40 โดย YELLOWSTAR »

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
เอาอีกๆ

เหนือยยังคะCanCanลงตั้งหลายเรื่องขยันจังเลยสู้ๆนะคะ

imsingularfc

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยยยยยยยยย
ไม่นึกเลย ว่าแค่เล่นกะหมา จะนำพามาสู่บท nc ได้
เล่นแค่สองตัวยังเท่านี้ ถ้าทั้งหมดละ
ไม่อยากจะคิด รออ่านเลยแล้วกัน
 :pig4:

tawan

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
อยากจะกรี๊ดดดด ดังๆ
แนวกำลังภายใน
มี NC นิดๆ สนุกมากเลย


ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตู๋เสอ เลิกใจแข็งได้แล้ว


 :กอด1:

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ว๊าย  ช่างเป็นการลงโทษที่อยากให้ทำซ้ำ  แล้วตู๋เสอ จะไม่ให้เสินเหม่ยช่วยบ้างหรอคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
ว้าววว

เพิ่งเข้ามาอ่าน

มันส์ๆๆๆ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
พระเอกสงสัยจะสไตล์ SM เหอะๆ จะเก๊กไปหนายยยยยยยย  :laugh:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้ ทั้งเรื่องแรก และเรื่องสอง

มีปมให้คิดว่า มีความเชื่อมโยงถึงกันหรือไม่

สำนวน ภาษา ลีลาการแต่ง เหมือนสะบัดปลายพู่กันแต้มน้ำหมึกลงบนกระดาษเลยเชียว

ตอนนี้กำลังลุ้นให้ตู้เสอใจอ่อนกับเสิ่นเหม่ย จะมีอะไรเป็นแรงผลักดันกันนะ

ชอบๆๆๆๆ ขอบคุณมากนะจ๊ะ  :3123:

annis204

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมตู๋เสอถึงได้ใจแข็งขนาดนี้นะ สุภาพบุรุษสุดสุด เลิกเก็กซะทีเถอะ สงสารอ่ะ

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
ตอน4.1

           หลังจากวันนั้น บรรยากาศระหว่างตู๋เสอและเสิ่นเหม่ย มิได้ใคร่จะสดใสนัก หากแต่คล้ายเมฆหมอกจางๆที่แฝงตัว ด้วยตู๋เสอเป็นคนสันโดดเชื่อมั่น และไม่ชอบคบค้าสมาคมกับผู้ใด ใช่แล้ว...เขามิอาจเชื่อใครได้ ในความคิดของบุรุษผู้นี้มีแต่ความหวาดระแวง หากวันใดที่เขาเผลอไผลปันใจของตัวเอง เอาดวงใจน้อยๆหรือแม้เพียงเศษเสี้ยววางลงบนฝ่ามือผู้อื่น สักวันหนึ่งก็คงมิแคล้วมีอันต้องถูกบดขยี้ด้วยคนผู้นั้นให้ตู๋เสอต้องช้ำใจเป็นแน่ ตู๋เสอคิดเช่นนี้..เพียงแต่อีกฝ่ายกลับคิดไปอีกทาง เสินเหม่ยน้อยผู้ที่คอยแอบดื้อดึงได้รู้สำนึก หลังจากใช้ชีวิตร่วมกับตู๋เสอภายใต้ชายคาเดียวกันนานนับหลายเดือน พฤติกรรมบางอย่างของตู๋เสอก็ได้ปรากฏแก่สายตาของเสินเหม่ย
           พฤติกรรมที่ว่าก็คือ..หากคราใดที่เสินเหม่ยทำตัวว่าง่ายไม่ต่อล้อต่อเถียง ตู๋เสอจะคอยช่วยชี้แจงปัญหาต่างๆที่เสินเหม่ยประสบระหว่างที่ทำงาน อันที่จริงแล้วเสินเหม่ยเริ่มรู้สึกว่าแท้จริงแล้วภายใต้ใบหน้าแข็งกระด้างนั้นแฝงความอ่อนโยนบางประการ ทั้งท่าทางที่ผ่อนปรนดูอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด นับวันเสินเหม่ยก็เริ่มเห็นว่าตู๋เสอดูผ่อนคลายลง หากแต่เขาเองยังมิอาจแน่ใจว่า แท้จริงแล้วตู๋เสอมีกริยาเช่นนั้นแต่ภายในกลับเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก หรือตู๋เสอมีกริยาเช่นนั้นเพราะเอ็นดูต่อเสินเหม่ยอย่างแท้จริง จวบจนที่วันนั้น...วันที่เสินเหม่ยแอบก่อเรื่อง วันที่เสินเหม่ยทรนงตัวว่า ตนเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้ มิคาดสุดท้ายกลับกลายเป็นภาระของตู๋เสอ
           ตู๋เสอต้องบาดเจ็บเพราะช่วยเสินเหม่ยเอาไว้ และเสินเหม่ยเองเป็นผู้กระทำการประมาทเลินเล่อ เขามิได้เชื่อฟังคำสั่งของตู๋เสอ ใครจะคาดคิด แม้แต่เสินเหม่ยเองก็เถิด...ตู๋เสอช่วยชีวิตเขาไว้ เสินเหม่ยเป็นเพียงเด็กเชลย จริงๆแล้วเขาเองไม่มีความสำคัญประการใดต่อตู๋เสอ ตู๋เสอจะเอาไปฆ่าไปแกงที่ไหนย่อมได้ แต่นี่กลับเอาตัวเองมาบังคมเขี้ยวสุนัขเอาไว้ จนได้รับบาดเจ็บ บาดแผลที่ได้จากคมเขี้ยวของเจ้าดำนั้นก็สาหัสยิ่งนัก อาจต้องใช้เวลาเกือบเดือนจึงทุเลาลง ที่สำคัญหากมิได้ตู๋เสอช่วยไว้ เสินเหม่ยคงมิอาจมีชีวิตถึงตอนนี้ได้ สิ่งนี้ทำให้เสินเหม่ยรู้สึกเป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ เสินเหม่ยลืมเลือนความบาดหมางในอดีตไปจนสิ้นแล้ว เพียงแต่ ตอนนี้เสินเหม่ยคิดว่าตู๋เสอโกรธเขายิ่งนัก เพราะทำตัวยุ่งวุ่นวายจนเกิดเรื่องราวเลยร้าย จากวันนั้นมาเสินเหม่ยจึงไม่กล้ากวนใจตู๋เสออีก
           เสินเหม่ยมิกล้าพูดคุยด้วย ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วงเวลารับประทานอาหารเสินเหม่ยก็จะยกสำรับไปให้ จากนั้นก็มิกล้าเสนอหน้าอยู่ต่อ เขารีบออกมาจากห้องของตู๋เสอ เพราะเกรงว่าจะทำให้ตู๋เสอมิสบอารมณ์ ทั้งตู๋เสอเองก็มิได้สนใจเขาอีก ทั้งยังทำสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆทั้งมวล ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เสินเหม่ยไม่อาจคาดเดาได้ว่าตู๋เสอนั้นกำลังคิดเช่นไร
           จวบจนช่วงเวลาผ่านพ้นไปกี่วันก็เสินเหม่ยเองก็ไม่แน่ใน เพียงแต่ตู๋เสอได้เรียกเขาเข้าไปพูดคุยด้วย นั่นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก เสินเหม่ยค่อยเดินไปที่ประตูออกแรงเคาะเบา เป็นการบอกว่าเขามาถึงแล้ว เสินเหม่ยรอจนได้ยินเสียงอืมของคนด้านใน เป็นการบ่งบอกว่าให้เข้ามาได้ เขาจึงผลักประตูก้าวข้ามธรณีเข้าไป
           เสินเหม่ยเห็นตู๋เสอนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ ใบหน้าปรากฏความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด  เขานั่งตัวตรงสองมือวางอยู่ที่หัวเข่า เสินเหม่ยเดินเข้าไปแล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตู๋เสอ
           "เรียกข้าน้อย..มีอันใด" เสินเหม่ยค้อมตัวเล็กน้อยเอ่ยวาจาออกไป
           "ข้ามีเรื่องจะบอก"
           "มีความอันใด..." เสินเหม่ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามออกไป
           "เรื่องนี้สำคัญมาก"
           "เกี่ยวกับข้า?" เสินเหม่ยขมวดคิ้ว เอ่ยวาจาถามด้วยความฉงน
           "เกี่ยวกับเจ้าโดยตรง"
           "เป็นอันใด...บอกกล่าวมาเถิด"
           "หมู่บ้านของเจ้าโดนม่อเจวียนเผาวอดวายไปแล้ว"
           "อันใด...."  เสินเหมยตัวแข็ง ยืนนิ่งใบหน้าซีดเผือด เขากลั้นหายใจไว้ สิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่คงผิดพลาดไปแล้ว
           "หมู่บ้านของเจ้าโดนเผาวอดวายไปแล้ว โดยม่อเจวียน"  ตู๋เสอย้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง  พร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เสินเหม่ย
           "ผู้คนเล่า?" เสินเหม่ยก้าวเข้าไป เขาจับแขนเสื้อของตู๋เสอเขย่าด้วยความร้อนรน
           "ไม่เหลือ.." ตู๋เสอส่ายหน้าบอกกล่าว
           "ไม่จริง...ท่านโป้ปด...ทุกวันท่านอยู่ในเคหะสถาน จะทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร อย่ามาหลอกข้า" เสินเหม่ยเริ่มเสียงแข็งกร้าว
           "ข้าจะหลอกเจ้าอันใด นี่เป็นเรื่องจริง ทำใจเสียเถิด"
           "ไม่..ข้าจะไป ข้าจะกลับ ข้าจะไปหาพี่น้องข้า" เสินเหม่ยตะโกนออกไป น้ำตาเอ่อเต็มใบหน้า
           "อย่าโง่เง่า ที่นั่นไม่มีอันใดแล้ว กลับไปก็มีแต่เสนอตัวไปให้ม่อเจวียน" ตู๋เสอกล่าวเสียงดังเช่นกัน ใบหน้าแสดงอารมณ์โกรธและรำคาญคนดื้อดึงเบื้องหน้า
           "ไม่...เป็นเพราะท่าน ท่านไม่ให้ข้าไป ไม่เช่นนั้นก็ไม่เป็นแบบนี้"  เสินเหม่ยต่อว่าออกไป เขาหมายถึงเพราะตู๋เสอช่วงชิงตัวของเขามา ทำให้ม่อเจวียนกลับไปรังควานที่หมู๋บ้านของเขา ทั้งยังกักขังเขาไว้มิให้กลับไปเยี่ยมเยียนที่บ้านอีก สิ่งที่เสินเหม่ยเคยคิดไว้ว่า ได้ลืมเลือนความบาดหมางที่มีต่อตู๋เสอหมดสิ้นไปแล้วนั้น เขาได้ลืมเลือนไปแล้ว ตอนนี้เสินเหม่ยโกรธเกลียดคนตรงหน้าอย่างมาก พอๆกับม่อเจวียน ซึ่งแท้จริงแล้ว เสินเหม่ยเพียงต้องการหาใครสักคน ระบายความโกรธแค้นของตนเองลงไปที่คนนั้น
           "เจ้า....อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน จำไว้..ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายรวดเร็ว หากเจ้าคิดขัดขืนหนีกลับไปยังหมู่บ้านของเจ้าที่วอดวายไปแล้ว และหากเจ้าคิดปลิดชีวิตตนเองเพื่อติดตามญาติพี่น้องของเจ้าไปปรโลกด้วย ถ้าเจ้าไม่ลงดาบให้หัวตัวเองขาดสะบั้นในครั้งเดียว ข้าย่อมมีวิธีทำให้เจ้ากลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง หลังจากนั้นเจ้าก็เตรียมตัวรับการทรมานจากข้าช้าๆ แต่ข้าคิดว่า ข้อหลังคนอย่างเจ้าคงไม่ทำ เพราะคนที่ชอบเคียดแค้นเช่นเจ้า คงขอมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อแก้แค้นม่อเจวียนและข้าใช่หรือไม่"  ตู่เสอยิ้มเยาะ
           "เสินเหม่ยกำมือแน่น...ใช่...ข้า..ข้าจะรอ..รอวันที่ข้าฆ่าม่อเจวียนสำเร็จ แล้ววันนั้น จะเป็นคราวตายของเจ้า  ตู๋เสอ" เสินเหม่ยกล่าวด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาเดินเฉียดกระแทกตู๋เสอออกไปจากห้อง
           เสินเหม่ยออกไปแล้ว....
           ตู๋เสอยืนเอามือไพล่หลังหันหน้ามองไปยังทิศทางที่เสินเหม่ยเดินออกไป  ตู่เสอพึมพำแผ่วเบา
           "ข้า...ขอโทษ"
           ใบหน้าคมเข้ม ปรากฏแววสำนึกเพียงชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยน สายตานั้นทอดออกไปไกลตามร่างของคนที่เพิ่งก้าวออกไปแล้วเมื่อครู่
           หลังจากวันนั้น เมฆอึมครึมที่ส่อเค้าอยู่แล้วระหว่างตู๋เสอและเสินเหม่ย ก็ถึงจุดอิ่มตัว ตอนนี้เมฆฝนนั้นโหมกระหน่ำอยู่ภายในจิตใจทั้งสองคน
           แล้วสิ่งที่ตู๋เสอได้คาดไว้ตั้งแต่แรกที่เขาเริ่มรับงานนี้ก็ได้เริ่มขึ้น มันก็คือวันที่เขาได้ประมือกับจอมมารม่อเจวียนอีกครั้ง
           เมื่อในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เสินเหม่ยกำลังเคี่ยวน้ำซุปเพื่อเอาไว้ทำเป็นบะหมี่น้ำให้ตู๋เสอในตอนเย็น ทันใดนั้นตู๋เสอก็ได้ผลักประตูห้องครัวเข้ามาอย่างรุนแรง มิทันที่เสินเหม่ยจะเอ่ยถามอันใด เขาก็ถูกตู๋เสอฉุดกระชากเข้าไปในห้องหับแห่งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยวาจาสั่งด้วยเสียงเย็นชาแต่ทรงพลังดุจดั่งพญาราชสีห์
           "อยู่ที่นี่..อย่าได้เสนอหน้าออกไปเป็นอันขาด"
           สิ้นเสียงทรงพลัง ตู๋เสอก็หันกายเคลื่อนคล้อยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่มิลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย
           สิ่งนี้สร้างความงุนงงสนเท่ห์แก่เสินเหม่ยยิ่งนัก เหตุอันใดเขาต้องอยู่ที่นี่ด้วยเล่า เมื่อเริ่มสงสัย เสินเหม่ยจึงพยายามฟังเสียงที่ผิดปกติภายนอก เพียงไม่นานเสินเหม่ยก็ต้องเบิกตาโพลง เสียงลมภายนอกช่างอื้ออึงหวีดหวิว ตามด้วยเสียงสุนัขป่าของตู๋เสอกำลังขู่คำราม เห่าหอนดังระงมไปทั่ว  มีหรือ เพียงแค่ได้ยินเช่นนี้  คนอย่างเสินเหม่ยจะนั่งงอมืองอเท้าหลบซ่อนตัวอยู่ได้ เท่านี้ก็ทราบแล้วว่าเกิดสิ่งผิดปกติที่ด้านนอกอย่างแน่นอน เสินเหม่ยร้อนรนขึ้น  เขาเองก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ร้อนรนเช่นนี้ ตอนนี้เขาทนอยู่ที่นี่ไม่ได้เสียแล้ว  เสินเหม่ยค่อยๆลอบออกไป เมื่อเดินฝ่าลมแรงออกมาด้านนอก ใบไม้ถูกปลิดปลิวด้วยแรงลม เสินเหม่ยเดินฝ่าออกไป เขาเดินไปตามเสียงเห่าหอนของสุนัขป่า  เสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น เพียงไม่นานเสิยเหม่ยก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสุนัขป่าตัวหนึ่ง
            ใช่มันอยู่ข้างหน้าแล้ว...เสินเหม่ยรีบวิ่งไป เขาไม่ทราบว่าเกิดอันใด เพียงแต่คิดว่าถ้าผลีผลามออกไปโดยที่ยังมิรู้แน่ อาจทำให้ภัยอันตรายมาถึงก่อนที่จะลงมือทำอันใด เสินเหม่ยค่อยๆค้อมตัวลง แอบซ่อนแล้วแหวกพุ่มไม้เบื้องหน้าออกไป  
            และภาพที่ปรากฏคือ บุรุษสองคนที่ยืนเว้นระยะห่างประจันหน้ากัน ระหว่างบุรุษสองคนคือเจ้าดำที่หมอบคำรามข่มขู่บุรุษที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตู๋เสอ เบื้องหลังตู๋เสอคือเจ้าแดง เจ้าเทา และเจ้าขาว ที่ส่งเสียงคำรามต่ำๆแต่หางลู่ลง เสินเหม่ยสังเกตเห็นว่าที่ปากของเจ้าดำมีคราบเลือดติดอยู่ เพียงเท่านั้นสายตาของเสินเหม่ยก็เลื่อนไปสังเกตบุรุษที่ยืนตรงข้ามกับตู๋เสอ เขามีรูปร่างเพรียวบาง และสง่าผ่าเผย ส่วนสูงมากกว่าเสินเหม่ย แต่ยังมิเท่าตู๋เสอ ใบหน้าหมดจดเกลี้ยงเกลา แต่สายตาลึกล้ำนั้นเป็นประกายแฝงด้วยความเยื้อหยันทรนง รอยยิ้มมุมปากบางสีชมพูให้ความรู้สึกถึงมารยาและกลิ้งกลอกเจ้าเล่ห์ รวมๆแล้วเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ สามารถดึงดูดได้ทั้งหญิงและชาย เพียงแต่เสินเหม่ยไม่เห็นรอยคราบเลือดอันใดบนตัวของคนผู้นั้น ย่อมแสดงว่าเจ้าดำโดนคนผู้นั้นทำร้ายเข้าเสียแล้ว
           เสินเหม่ยลอบตกใจ เจ้าดำมิใช่สุนันป่าธรรมดามันมีฝีมือมิใช่ชั่ว เสินเหม่ยเคยเห็นแล้ว มันสามารถสร้างความเจ็บปวดล้มตายให้กับคนของพรรคดอกไม้ดำได้ในคราเดียวถึงสามคน แต่คนผู้นี้เพียงแค่ยืนอยู่กับที่ ด้วยท่วงท่าปลอดโปล่งก็สามารถขับไล่เจ้าดำออกจากสภาวะจู่โจมได้ คนผู้นี้เป็นใครกัน เสียงเหม่ยตั้งใจลอบฟังว่าใครจะพูดอันใด เขาผนึกลมปราณเข้าที่โสตประสาท
           สักพักเสินเหม่ยก็เห็นตู๋เสอเริ่มบทสนทนา
           "ว่าอย่างไร ศิษย์น้อง ไม่ได้พบเสียนาน สบาย?"
           "คาราวะศิษย์พี่ ย่อมสบาย"คนตรงหน้าน้อมกายประสานมือคารวะ สายตาบ่งบอกความนัยลึกซึ้ง
           "ขออภัยที่เจ้าดำเสียมารยาท" ตู๋เสอเอ่ยวาจาเคร่งเครียด แต่ยังรักษาท่วงท่าอันปลอดโปล่ง
           "มิได้  มิได้ อาจเป็นบางทีข้ามามิได้บอกกล่าว เจ้าดำเลยเ้ข้าใจผิด" คนๆนั้นบอกสาเหตุ พลางชม้อยชม้ายสายตาลึกลับสุดหยั่งคาดแก่ตู๋เสอ
           "อืม..อุตส่าห์มา..มีอันใด" ตู่เสอเฉไฉสายตามองเลยไป กล่าววาจาเรียบเฉย
           "มีสิ่งหนึ่งอยากขอแก่ศิษย์พี่" คนผู้นั้นบอก
           "ขออันใดอีกเล่า  ข้าให้เจ้าไปหมดแล้วมิใช่รึ" ตู่เสอกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ริมฝีปาก แต่แววตาจริงจังขึงขัง
           "อันใดเล่า ศิษย์พี่ยังโกรธข้าอีกหรือ เรื่องครั้งนั้นผ่านมาแล้ว ท่านเองก็ชมชอบใช้ชีวิตเช่นนี้มิใช่หรือ"
           ตู๋เสอดึงสายตากลับมาที่คนๆนั้น สายตาคมกล้าประสานสายตาลึกล้ำเป็นกระกาย เขาส่ายหน้าช้าๆ ระบายยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยวาจาขึ้น
           "ประมุข หากท่านต้องการสิ่งใดข้าก็ให้ไปหมดแล้ว ข้าให้ตัวของข้าแก่ท่าน ข้าให้หัวใจแก่ท่าน แม้แต่ตำแหน่งผู้นำพรรคข้าก็ให้แก่ท่าน ตอนนี้ข้ามิใช่คนพรรคดอกไม้ดำอีกแล้ว ข้ามิอาจให้สิ่งใดแก่ท่านได้อีกแล้ว ทุกอย่างเป็นอดีตที่ข้ากลบฝังไปแล้ว"
           "ฮา ฮา ศิษย์พี่ โปรดอย่าเรียกข้าว่าประมุข มันช่างห่างเหินจนข้ามิอาจทนฟังได้ ได้โปรดเรียกข้าเหมือนเดิมเถิด"
           "อืมย่อมได้...ม่อเจวียน ไม่สิ เจวียนน้อย" ตู๋เสอกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
           เพียงเท่านั้น เสินเหม่ยที่แอบฟังอยู่ก็ทราบแล้ว ว่าคนผู้นั้นคือใคร เสินเหม่ยขบกรามด้วยความเจ็บแค้น แต่ต้องทนแอบฟังต่อไป ด้วยเพราะอยากรู้บางสิ่ง เพียงแค่ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง เสินเหม่ยก็ทราบความหลังมากมายเกี่ยวกับตู๋เสอ เขามิเพียงเป็นศิษย์พี่ของม่อเจวียน ซ้ำกริยาท่าทางของม่อเจวียนยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นสุดหยั่งคาด แต่เสินเหม่ยมิเข้าใจว่าเหตุใดตำแหน่งประมุขพรรคถึงตกอยู่ในมือของม่อเจวียน แทนที่จะเป็นตู๋เสอศิษย์ผู้พี่ ถ้าเป็นเช่นนี้ มิได้หมายความว่าตู๋เสอเคยโดนม่อเจวียนตลบหลังทำร้ายเพื่อหวังตำแหน่งประมุขแทนหรอกหรือ
           "อืมศิษย์พี่ เช่นนั้นข้าขอเรียกท่านดั่งเดิม พี่จื้อหนาน"
           "อย่างไรเล่า เจวียนน้อย ทักทายกันแล้ว ก็เชิญกลับเถิด คุยกับพี่มีแต่เสียเวลา"
           "มิได้ๆ นานทีได้เจอคนคุ้นเคย พี่ยังจำได้หรือไม่เล่า ทุกคืนวันอันชื่นมื่น"
           "ฮา ฮา คืนวันอันหลอกลวงใช่หรือไม่ เพียงแต่ข้ายังจำคืนที่โดนพิษร้ายของเจ้าได้ ไม่สิ ข้าโดนพิษร้ายของเจ้ามาตลอด ฮา ฮา น่าอนาจนัก เพราะหลงใหลในรูปลักษณ์แท้ๆ ทุกวันนี้ผู้อื่นจำต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก"
           "ลำบากอันใดเล่า เพียงแค่ต้องแช่ตัวในน้ำยาปรุงทุกฤดูหนาวมิใช่รึ นั่นฟังดูหน้าสนุกยิ่งนัก"
           "หึหึ เจวียนน้อย เจ้าช่างรอบรู้มิเคยเปลี่ยน"
           "พี่จื้อหนานน่าจะภูมิใจ พิษที่ข้าให้แก่ร่างกายท่าน สุดท้ายกลับกลายเป็นอาวุธร้ายให้ท่านใช้ต่อกรกับศัตรู"
           "นั่นย่อมธรรมดา เพราะมิอาจล้มเจ้าได้อยู่ดี"ตู๋เสอแย้งขึ้น
           "ฮา ฮา เมื่อรู้ว่าล้มข้ามิได้ เลยคิดวิธีสกปรกก่อกวนข้างั้นรึ"
           "ก่อกวนอันใด" ตู๋เสอเอ่ยวาจาด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้ม รู้สึกพอใจที่สามารถกวนโทสะม่อเจวียนได้
           "ท่านชิงตัวเชลยของข้า หนำซ้ำยังคิดแทรกแซงแผนการของข้า คิดปกป้องมันรึ"
           "ฮา ฮา เจ้าพูดอันใด ช่วยชี้แจงได้หรือไม่" ตู๋เสอยังคงอารมณ์ดี
           "ท่านเก็บมันผู้นั้นไว้กับตัว หึ นึกว่าข้าคาดเดาใจท่านไม่ได้หรือไง พี่จื้อหนาน จิตใจท่านเป็นอย่างไรข้าย่อมรู้ดี ท่านชมชอบมันใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะลงทุนปกป้องมันถึงเพียงนี้" ม่อเจวียนเอ่ยวาจาแค้นเคือง
           "ปกป้องอันใด อย่าพูดเหลวไหล" ตู๋เสอสีหน้าเคร่งขรึมมากขึ้น เขารู้แล้วว่าสายป่านเส้นนี้เริ่มตึงจนใกล้ขาดแล้ว
           "ท่านหลอกลวงคนของข้า มีหรือที่มันจะไม่รู้น่ะ ว่าไม่มีคนในหมู่บ้าน นอกเสียจากท่านให้อุบายสร้างหุ่นกระบอกพลางตา คนของข้าก็ช่างโง่เขลานัก นึกว่าในนั้นยังมีคนอาศัยอยู่มันจึงจัดการเผาหมู่บ้าน หารู้ไม่ว่าทำไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะหาได้ปลิดชีวิตผู้ใดไม่ ข้ามิทราบแน่ หมู่บ้านนั้นมิใช่เล็กๆ ท่านสามารถสร้างหุ่นกระบอกตบตาได้อย่างไร ช่างเคลื่อนไหวเหมือนจริงจนคนของข้าเชื่อสนิทใจ"
           "ฮา ฮา นั่นเป็นความชมชอบในการเล่นสนุกของสหายข้า จำไว้ เจวียนน้อยเจ้าต้องรู้จักผ่อนปรนเสียบ้าง แล้วเจ้าจะได้หยิบยืมมันสมองของผู้อื่นไว้เล่นสนุกแก้เหงาได้อย่างไรเล่า" ตู๋เสอพูดด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ
           "เฮอะ...แก้เหงา แก้เหงาท่านประไร แต่แกล้งข้าใช่หรือไม่ ท่านเอาคนพวกนั้นไปไว้ที่ไหน บอกข้าได้หรือไม่ เผื่อข้าจะได้ไปเยี่ยมเยียนญาติของเสินเหม่ยบ้าง หรือท่านจะให้ข้าพาเสินเหม่ยไปด้วยดี?"
           "คงมิได้ทั้งสองประการ...เจ้ากลับไปเสียเถิด เจวียนน้อย ได้สนทนาถกเถียงกันแค่นี้ก็น่าจะพอสนุกปากแล้วกระมัง"
           เพียงฟังคำปฏิเสธของตู๋เสอรอบนี้ ม่อเจวียนก็สิ้นสุดความอดทน รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน สายป่านเส้นนี้ขาดผึงเสียแล้ว มันกำลังกลับกลายเป็นสายแส้ที่พร้อมฟาดฟันทุกผู้คนที่อาจหาญขวางกั้น
          
    
        







เอ่อ ขอแบ่งท่อนนะคะ แค่บทสนทนาก็แม่ง..มันจะยาวไปไหน ต้องมีตอนสู้กันอีกง่ะ (เดี๋ยวจะต่อให้จบคืนนี้ล่ะ แง่ม แง่ม) :L2: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-01-2011 14:49:01 โดย cancan »

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
แอร๊ยยยยยยยยยย
วันนี้ได้จิ้มพี่วันด้วยหละ

หูยๆพระนางคู่นี้ เมื่อไหร่จะเริ่มหวั่นไหวกันละเนี่ย

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
เดี๋ยวนานจัง~~~
รอๆๆๆๆ

เขียนดีมากเลยนะครับ อยากเขียนอย่างนี้ได้มั่งจริงๆ
 o13



ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
แอร๊ยยยยยยยยยย
วันนี้ได้จิ้มพี่วันด้วยหละ

หูยๆพระนางคู่นี้ เมื่อไหร่จะเริ่มหวั่นไหวกันละเนี่ย
:z13: :z13: :z13:
ขอคืน 555 เอาไปเลยสามที หุ หุ น้องนัต สุดlove
เดี๋ยวนานจัง~~~
รอๆๆๆๆ

เขียนดีมากเลยนะครับ อยากเขียนอย่างนี้ได้มั่งจริงๆ
 o13



เอ๊ยยยยยย ขอบคุณมากนะคะ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด