ลมเหนือที่รัก
ตอน29
------------------
Yeaw’s
คอนโด
ที่โต๊ะทานข้าว ...ออกจากห้องน้ำมาผมเรียกเข้ามาคุย ยื่นข้อคุมกฏให้
ยอมรับว่าประหลาดใจ ท่าทีมันสงบผิดคาด กะจะให้โวยวาย...ไม่สมกับที่ผมนั่งคิดปวดหัวจะแตก
แค่นี้ไม่ทำกูเสียเซลฟ์หรอกว่ะ
แต่---แค่รีบร้อนลนลานรับโทรศัพท์ แถมคุยกระหนุงหระหนิง เสียงอ่อนเสียงหวาน
กูริษยาเต็มๆ ตาเลย
เด็กชื่อ บี ใช่'บีสุดที่รัก'ของมันรึเปล่า นี่กูจำได้ไงวะ!?
ไอ้เก็ทเมื่อกลางวันนั่นยังไม่พอใช่มั้ย ชื่อไอ้กายผุดมาตอกขี้หูรั่วอีก พยายามจะลืมๆ เรื่องที่เกาะกูดแล้วแท้ๆ ทนไงไหว
เด็กนี่ต้องเป็นของผม ผมเป็นคนเจอมันก่อนใคร!!!
ต้องเป็นของผมคนเดียว!!!
แล้วผมก็ทำให้มัน ...เป็นของผมจนได้ เด็กนั่นบริสุทธิ์ผุดผ่อง หวานจนอยากกลืนกินทั้งตัว เกือบคุมสติไม่อยู่
------------------------------------
ผมนั่งมองริมฝีปากรูปกระจับอิ่มสวย อ้ารับข้าวต้มที่ป้อนให้กับมือ ไข้อ่อนๆ กำลังลดลง
หันมาสบตา ผมยิ้ม ...ข้าวหมดค่อนถ้วยแล้ว อารมณ์ที่ได้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์เต็มคับหน้าอก ฟื้นมาก็ตามใจผมง่ายดาย ว่าง่ายไปหมด บอกนอนก็นอน บอกป้อนก็อ้าปาก ไม่มีหือไม่อือ
แบบนี้ซิที่ผมชอบ อยู่ใต้อาณัติไม่มีขัด ยอมพร้อมไปซะทุกอย่าง เหยี่ยวขาวคนนี้สั่งการแต่เพียงผู้เดียว กร๊าซซซซซซซซซซซ
ในใจคิด...ถ้าจะจับคนนี้ให้อยู่หมัดต้องรู้เขารู้เรา ผมต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อนของคนตรงหน้าทั้งหมด แบบนี้แล้วไซร้...จะลมเหนือ-ลมใต้-ตะวันออก-ตะวันตกก็เสร็จเหยี่ยวขาวบินสูงเหนือเมฆแน่นอน
ใช่แล้วคราวนี้จะตามเก็บทุกเม็ด จะสังเกตุมันทุกอย่าง จะกักลมเหนือไว้ในกรงกอด เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยที่รัก หึๆ
อา---อะไรๆ ช่างสดชื่นไปหมด
สัมผัสเมื่อคืนยังตามติดรัดรึง
รสรักยังซาบซ่าน ไม่เคยมีใครให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมขนาดนี้
น่าจะจัดการตั้งนานแล้ว นั่น...รอยจูบแดงเป็นจ้ำ ย้ำเน้นที่ลำคอระหงทำผมหวิวหวั่น อยากได้อีก อยากกลืนกินทั้งตัวอีกรอบ ...เสพยาเมาจนเพ้อรึเปล่าวะตู
..........................
..............................
“...พี่เหยี่ยวครับ” เปิดปาก ส่ายหน้าไม่ยอมรับช้อนที่รอป้อน
“หือ?” วางช้อน ตามใจ
“ผมทำกับข้าวไม่ค่อย---/ลม-แทนตัวเองกับพี่เหยี่ยวว่า'ลม'...นะครับ” อ้อนหน่อย ทำคนร่างบางเป็นไข้ ไม่อยากหยุดเลย แต่เกือบ2 ชั่วโมงในครั้งแรก ท่าทางจะสุดล้าจริงๆ เลยจำต้องปล่อย
เฮ้อ---ลิ้นเล็กๆ แลบเลียริมฝีปาก อยากโดนเลียมั่งว๊อยยยยยย
“ลม...ทำกับข้าวเป็นไม่กี่อย่าง กินเผ็ดไม่เก่งเลยไม่ค่อยรู้รสชาดอื่น”
“ครับ?”
“ลม...ไปเรียนทำอาหารได้มั้ยครับ?” ช้อนตามองขอความเห็น เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องที่อยากทำ ผมแทบกระโดดไชโย
เก็บอาการทัน พยักหน้า
“พี่เหยี่ยวชอบอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”
“ทำไมครับ?” ป้อนน้ำ ยอมจิบแต่โดยดี
“มีตั้งหลายอย่าง หลายเมนู หลักๆ ก็อาหารไทย เมกัน ฝรั่ง เวียดนาม เยอะแยะ น่าจะมีจานโปรด” มือเรียวชี้สมุดกับดินสอที่วางใกล้ทีวี (นั่งที่โซฟาเพราะมันนุ่มสบายดี ผมชอบ)
ลุกไปหยิบมาส่งให้แล้วทิ้งตัวลงนอนกับหมอนพิงชิดขา ไม่อยากให้โดนตัว กลัวคนของผมเจ็บ
“ลมล่ะ มีจานโปรดมั้ย?”
“ข้าวผัด ---ข้าวผัดปู” ผิวหน้าอมชมพูเพราะพิษไข้ ยิ้มน้อยๆ ตอนพูดตาหลุบเป็นแพเหลือเส้นเดียว น่ามองจัด
"หึๆๆ..." ช่างน่า^-^
ผมนอนหนุนหมอนอิงตัก ช่วยคิดเมนู
เห็นชัดๆ วันนี้เองเด็กนี่ถนัดซ้าย นาฬิกาชวนเสียตัวสีขาวบริสุทธ์ยังติดข้อมือขวา
อบอุ่น สบายอารมณ์จนอยากหมุนเวลาให้เดินไปช้าๆ
**********************************
********************************************
Yeaw’s again รับน้อง

อากูเลเล่ของเจฟฟรี่
10 โมงเช้า ลานกิจกรรมคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย K
“ไหนมึงบอกจะไม่มาไง!?” โจ๊กพร้อมอุปกรณ์ในมือ ประธานชมรมภาพถ่ายมาลงพื้นที่รับน้องเอง
“...เรื่อง?”
“ก็งานนี้-วันนี้ รับน้องชุดแรก พาไปพักแรมอีกวิทยาเขตนี่ไง”
“กูบอกตอนไหน?” จำได้แต่ตอนนี้ตีมึนทำไขสือ
“ไม่ต้องเลย มึงบอกกูตั้งแต่ยังไม่สอบโน่น ทำไมวันนี้มาเหยียบคณะกูได้ ไปหาน้องคณะมึงซิวะ” ศิลปศาสตร์อยู่ใกล้ตึกวิศวะครับ ผมเนียนข้ามถิ่นมา
“ไอ้เจฟฟรี่หัวโด่อยู่นั่น ไม่ไล่มั่งวะ” เจฟฟรี่ก็วิศวะคอม โยนเพื่อนโยนรุ่นน้องทำงาน ส่วนผมก็โยนนักกิจกรรมดีเด่นไอ้กายกับน้องคณะแฟนคลับไป ไม่อยากยุ่ง
“อย่าป่วนกับน้องคณะกูละกัน” ชี้หน้า รีบผละไปถ่ายรูปกิจกรรมรับน้องต่อ
ผมเดินไปหาเจฟฟรี่ที่สวมหูฟัง คงกำลังทำเพลง ...แค่พยักหน้าทัก มันยื่นแมกกาซีน NBA ให้ผมแล้วก้มลงเกาอากูเลเล่-กีตาร์ตัวเล็ก เขียนโน๊ตอะไรของมันต่อไม่ว่าอะไรกัน
เด็กๆ น้องใหม่ตาใสแจ๋ว หน้าเด๋อด๋าเกือบ 30 คนถูกต้อนให้นั่งกลางลานใต้ร่มไม้ เด็กของผมอยู่ท้ายแถว ตัวสูงร่างบางระหง นั่งหลังตรง ไหล่ผึ่งผาย ดวงหน้าสวยใสกิ๊ง มุมปากยกยิ้ม โดดเด่นสะดุดตาที่สุดน่าจะเป็นผิวเนียนขาวกระจ่างแสง เหมือนคนมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ถ้าบอกเป็นดาราปลอมตัวมาคงไม่แปลก
...เป็นปลิ้ม สัตว์แสนสวยของผม-ของผมคนเดียว
รุ่นพี่ชายหญิงจับกลุ่มอยู่ใกล้มัน ชำเลืองมองไม่วาง จะควักลูกตาทิ้งทั้งคณะดีมั้ยวะ ชักไม่ชอบใจตะหงิดๆ
........................
................................
“ต่อไปเป็นการจับคู่บัดดี้ค่ะ ---บัดดี้คือคนที่จะอยู่กับเราตลอด เพื่อนใครหา บัดดี้จะถูกลงโทษนะคะ ---จับฉลากค่ะ” น้องผู้หญิงปี 2 พิธีกรประกาศ ยื่นกล่องกระดาษให้น้องจับ
ผมแอบมองตอนขานชื่อบัดดี้ มันได้เพื่อนผู้ชาย ตัวเล็กผอมกว่ามาก ผิวดำคล้ำแดด ยิ้มทีเห็นฟันกับลูกกะตาขาว ป้ายชื่อห้อยคอ ‘บอย’ ---น่าจะชื่อปลาดุกตากแห้งมากกว่านะ ผมคิด หันกลับมาดูจอโน๊ตบุคของตัวเองต่อ
เสียงเล่นเกมส์ เฮฮาดังมาเป็นระยะๆ
ผมหันกลับไปดูจริงจังอีกที เจอมันสองคนคุยจ้อถูกคอ ร่าเริงจัด เป็นเชี่ยไรวะ!!! เผลอแว๊บเดียวทำท่าชอบพอกันยังกะรู้จักกันตั้งแต่ชาติปางก่อน ตัวติด หัวชิดแทบจะชนกัน หัวร่องอหาย ถูกใจอะไรนักหนาท่าทางทำมือไม้ประกอบอีก ---บาดตาชิบ!
---มันจะมากเกินไปแล้ว
---ผมนั่งไม่ติด ลุกเดินไปยืนใกล้ๆ
ขนมถุงข้าวเกรียบรวยเพื่อนเวียนมาถึง เด็กนั่นเงียบเหมือนปิดสวิทซ์ มองเลิกลั่ก
“หยิบเลยค่ะ คนละ 5 ชิ้นนะคะ” ท่าทางมันลังเลอย่างเห็นได้ชัด ...ผมน่าจะสังเกตุเห็น
“พี่ครับ ผมยกส่วนของผมให้บัดดี้ได้มั้ยครับ?” ยกมือถามพี่สตาฟที่จับกลุ่มอยู่ข้างหลังมัน
“ไม่ได้น้อง นี่ข้าวเกรียบรวยเพื่อน หยิบเลยจะได้เล่นเกมส์กัน” มือหยิบ ผมเหลือบดู ...ใบหน้าหวานตอนนี้เครียดจัดขึ้นมาเฉยๆ
“บอย ช่วยหน่อยดิ...เราไม่อยากกิน” อ้อล้อบัดดี้
“เฮ้ย-แค่นี้เอง พี่เค้าบอกเกมส์รวยเพื่อนนะ จะเป็นไรไป” ใช่---จะเป็นไรไป ผมคิดตาม ไปอ้อนไอ้ตุ่นปากเป็ดนี่ทำไมกัน
มันหันไปเจอไอ้โจ๊กที่กำลังเดินเข้ามาพอดี
“พี่โจ๊ก ผมไม่กินขนมนี่ได้มั้ย?”
“อะไรนะ ไม่กิน ...ทำไมล่ะ?”
“ผมไม่กินข้าวเกรียบ แพ้ผงชูรส---นิดหน่อย” นิดหน่อยอีกแล้ว ผมน่าจะฉุกใจคำว่า'นิดหน่อย'ของลมเหนือ
“เฮ้ย บ้าน่า แค่นิดหน่อยเองไม่มีหรอก นี่เกมส์ธรรมเนียมรับน้องเลยนะ-ไม่มีไม่ได้” โจ๊กง่วนกดชัตเตอร์ต่อไม่สนใจจริงจัง
“ไม่เป็นไร แค่ 5 ชิ้นเอง” เด็กบอยว่ายิ้มๆ พร้อมรุ่นพี่ประกาศเริ่มเล่นเกมส์
“ครบแล้วนะคะ น้องๆ หันหน้าหาบัดดี้ค่ะ นั่งขัดสมาธิหลวมๆ เข่าชิดเข่ากันเลย อย่างงั้นๆ” ออกโทรโข่ง บรรยากาศคึกคัก มันทำท่าอยากจะร้องไห้
ฮือฮา เสียงใสหัวเราะชอบใจขรม...แต่เด็กนั่นเงียบกริบ มันเงียบมาก
“ของกินในมือน้องๆ ถือคติรวยเพื่อน รวยน้ำใจ เป็นสื่อแทนความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของพวกเรา หยิบชิ้นที่หนึ่ง ป้อนที่ปากบัดดี้ของเราค่ะ
ชิ้นที่ 1 ขอให้เรารักกันเป็นเพื่อนกัน ...ป้อนใส่ปากเพื่อนหนึ่งชิ้นค่ะ
ชิ้นที่ 2 ขอให้เราดูแลกัน ... ป้อนเพื่อนดีๆ อีกชิ้น
ชิ้นที่ 3 ขอให้เราไม่ทอดทิ้งกัน
ชิ้นที่ 4…5…”
ขนมหมดมือ ผมหันหนีตั้งแต่ชิ้นแรกเข้าปากแล้ว บาดตาจนรู้สึกคิดผิดที่ตามมาดู จะเดินออกไปสูบบุหรี่ดับความคลุ้มคลั่งในอก
แค่คล้อยหลังเพียงครู่เดียว...
“ว๊ายยยย---น้องลม /ลม/ น้องลมครับ” ตะโกนเรียกชื่อพร้อมเสียงกรี๊ดดังก้อง หันกลับทันที เห็นทั้งลานวงแตกฮือ
“ไอ้...ล๊มมมมมมม!!!” เสียงโจ๊กดังกว่าใคร เห็นร่างเจฟฟรี่ไหวๆ ---ผมเผ่นพรวด
เกิดอะไรขึ้น ขออย่าใช่ลมเหนือของผมเลย!!!
***********************************TBC by puppyluv