ตอนพิเศษ : เฮซ – ฟาวส์ กับอดีตที่สร้างรอยร้าว
Ver.Haze
เราสองคนเจอกันในห้องสมุดแถวปริมณฑล แปลกดีที่ผมกับมันไม่เคยเข้าห้องสมุด แต่วันนั้นผมดันโดนอาจารย์ลากไปทำรายงาน เพราะเกรดมันห่วย ! ในระหว่างที่ผมกำลังเขียนยุกยิกลายมืออันดีเลิศไม่เกินเท้าไก่ของผมยังคงละเลงไปเรื่อยๆดุจดั่งประติมากรรมตัวอักษรชั้นยอดที่แม้แต่ชาวอียิปต์ยังต้องก้มหัวให้ ! ในวัยเพียง 15 จะ 16 ที่เพิ่งผ่านพ้น ม.ต้น ทำให้ช่วงนี้ตัวผมมันสูงขึ้นแต่ดันบอบบาง เหมือนตุ๊ดชิบหาย
“เฮ้ยฟาวส์มึงระวังดีๆนะเว่ย เดี๋ยวคนมาเห็น” เสียงซุบซิบดังมาจากมุมในสุดของชั้นหนังสือ
“เออๆ ว่าแต่พวกมันจะไปกันยังวะ” ควันบุหรี่ลอยออกมาจากมุมนั้นเอื่อยๆ แถวนั้นมีผมนั่งอยู่คนเดียว ควรไปบอกบรรณารักษ์ดีมั้ยวะกู
“รออีกแปปละกัน เฮ้ยควันมันออกแล้วนะเว่ย ดับก่อนค่อยดูดข้างนอก” เสียงคนสองคนที่เถียงกันแต่ผมดันนั่งมุมนั้นพอดี เหม็นก็เหม็นเขยิบหนีดีกว่ากู ผมค่อยๆยกหนังสือสามเล่มหนาปึ้กขึ้น กระย่องกระแย่งไปหาที่นั่งใหม่
“เฮ้ยเหรียญหล่น”
ปึ้บ !! โครม !! เท้าผมเหยียบอะไรสักอย่างที่กลิ้งมาจนล้มหัวฟาดพื้น หนังสือเล่มยักษ์กางออกคลุมหน้าผมพอดี กระดาษที่ผมนั่งเขียนปลิวว่อนร่อนกระจาย
“เฮ้ยมีคนได้รับบาดเจ็บว่ะ” เสียงของคนๆหนึ่งดังขึ้น ดึงหนังสือออกไป แล้วเราก็ได้สบตากันครั้งแรก แล้วผมก็ไม่คิดว่าคนๆนี้จะกลายมาเป็นแฟนของผม
---
ฟาวส์เริ่มจีบผม เขาเทคแคร์ดี บ้านรวย ทุกวันที่อยู่ด้วยกันมันเหมือนผมเป็นคนพิเศษ อะไรก็ดีไปหมด ยกเว้นเรื่องเดียวที่ทำให้เราทะเลาะกันบ่อย คือการชอบวิวาทเป็นชีวิตจิตใจ ชอบมีเรื่อง ชอบการวางเดิมพัน ชอบเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ทุกๆเรื่องจะต้องเป็นที่หนึ่ง ชอบแข่งรถ ชอบความเร็ว ชอบความท้าทาย แต่ฟาวส์เป็นคนมีเสน่ ช่วงนี้ก็สูงเร็วมาก แต่ด้วยความเป็นคนออกกำลังกายทำให้มันไม่เหมือนผมที่สูงแล้วบาง แต่มันดันสูงแต่อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ที่ไม่มากจนน่าเกลียด แต่กำลังพอดีมีเสน่ จนสาวๆหลงมันกันทั่ว แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่ายังไงมันก็รักผมคนเดียว พูดแล้วเขินแฮะ วันดีๆผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง …
“เฮซๆ วันนี้ไปดูแข่งรถหน่อยดิ” มันเดินมากอดผมไว้ แต่ผมกำลังง่วนกับการปั่นงานส่งอาจารย์
“ไม่เอา ก็รู้ว่าไม่ชอบเสียงยางบดถนน มันเสียดหู” ผมพยายามดันมันออกแต่มันก็มือเหนียวจริงๆว่ะ
“เอาน่าไปเชีร์ยหน่อย วันนี้แข่งกับพวกไผ่ไงมันเก่ง ต้องการกำลังใจ”
“เลิกๆมั่งเหอะแข่งรถเนี่ย จะตายขึ้นมาวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้นะเว่ย” ผมบ่นเหมือนแม่มันเข้าไปทุกวัน ก็คนมันเป็นห่วงอ่ะนะ
“ก็รู้ว่าห้ามกูไม่ได้เรื่องนี้ กูยอมมึงทุกเรื่อง แต่แข่งรถมันชีวิตกู เหมือนที่กูขาดน้ำไม่ได้”
“สำคัญกว่ากูอีกหรอ” แล้วมันก็เงียบ
“พอเหอะ อย่าทะเลาะกันเรื่องนี้อีกเลย ไปเชีร์ยกูหน่อย” มันดึงดันจนสุดท้ายก็ลากผมไปจนได้ มันไม่เคยบังคับผมให้มาสักครั้ง ทำไมครั้งนี้มันถึงลากผมมา
“เดินพันมายัง” ผู้ชายหน้าเถื่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเมื่อเราขับรถมาถึง
“ของไอ้ไผ่อ่ะ” เหมือนๆไอ้ฟาวส์จะรู้จักคนๆนี้
“รออยู่เส้นชัยแล้ว นี่หรอวะของมึง” มันหันมามองผม
“เออ ดูแลมันด้วย กูไปเตรียมตัวก่อน” แล้วมันก็เดินจากไปท่ามกลางฝูงชน ทิ้งผมไว้กับไอ้หน้าเถื่อน
“มาน้องตามมานี่” มันกวักมือเรียกผมให้เดินตามมันไป ออกจากฝูงชนไปที่ลานแข่ง
“พึ่งจะเคยเจอครั้งแรก สวยขนาดนี้มิน่าไอ้ฟาวส์ไม่เคยพามาเลย หึหึ” สวยตรงไหนวะ ต้องหล่อสิ ! ผมได้แต่เดินเงียบๆตามไปไม่ตอบอะไร จนมาถึงที่เส้นชัยที่มีผู้หญิงหน้าตาสวย เขาก็ให้ผมยืนตรงนี้แล้วจากไป แต่การแต่งตัวสก๊อยยืนอยู่ เธอหันมามองผมประหลาดใจหน่อยๆ
“ของฟาวส์หรอเนี่ย หล่อซะด้วย” เสียงจีบปากจีบคอดัวออกมาจากปากแดงลิปติกนั่น
“ทำไมต้องมายืนตรงนี้ด้วย” ผมถามไป งงๆ พาผมมายืนกลางเลนรถแข่งพอดีคู่กับผู้หญิงคนนี้ข้างหน้าเราห่างออกไปมีเสาไม้ที่มีผ้าเช็ดหน้าเสียบอยู่
“นี่มาไม่รู้เรื่องเลยรึไง” เสียงประหลาดใจแบบมีจริตดังออกมา
“ไม่รู้” ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า
“คนที่มายืนตรงนี้เค้าเรียกว่าของเดินพันไง แฟนฉันกับแฟนนายแข่งรถกัน ใครที่ถึงผ้าเช็ดหน้าออกไปได้ก่อนก็ได้แฟนคืน แต่ถ้าอีกฝ่ายได้ก่อนแฟนตัวเองต้องยอมไปนอนกับคนชนะไงล่ะ” อะไรนะ ! ของเดิมพัน ยัยผู้หญิงบ้านี่ก็ยังหน้าระรื่นอยู่ได้ อาจจะต้องไปเป็นของผู้ชายอื่นเนี่ยนะ งั้นหมายความว่าถ้าชนะฟาวส์ก็ได้นอนกับยัยนี่ ? แล้วถ้าแพ้ผมก็ต้องไปนอนกับแฟนยัยนี่ ให้ตายเหอะ ! กลับบ้านดีกว่า ผมจะเดินออกแต่มอไซสองคนกันขับมาจอดเรียบร้อยแล้วๆข้างผมคือไอ้ฟาวส์ที่ใส่หมวกกันน็อคหันมามองผม
“ให้กำลังใจกันหน่อย”
“กูมันแค่ของเดิมพัน” คำพูดของผม ที่ส่งไปพร้อมสายตาตัดพ้อ ตามันเบิกกว้างขึ้นเหมือนตกใจ แต่ก่อนจะได้พูดอะไรสัญญาณปล่อยตัวก็ดังขึ้น ฟาวส์และไผ่บิดรถออกไปกัน ทั้งคู่ขับเบียดกันไปมา จังหวะเพลงเริ่มเปิดกันดังลั่น ยัยแรดข้างๆผมก็เต้นสะบัดสะโพกไปตามเพลง ไม่อนาทรร้อนใจใดๆทั้งสิ้น ต่างกับผมในชุดนักเรียน ดีนะโรงเรียนผมไม่ต้องปรักตรา รร ที่เสื้อ ไม่งั้นสถาบันผมคงโฉ่งฉ่างเต็มที รถสองคนตีคู่กันกลับมาแล้ว เสียงเร่งเครื่องดังสนั่นหวั่นเมือง ….
จนกระทั่งผ้าเช็ดหน้าสีแดงได้ถูกดึงออกไปโดยมือของคนๆหนึ่งที่ไม่ใช่ฟาวส์ …. เจ้าของมือคู่นั้นขับรถมาทางผมแล้วดึงผมขึ้นรถ แต่สายตาผมกลับมองไปที่ฟาวส์ที่ถอดหมวกกันน็อคออกมองผมด้วยสายตาเสียใจเป็นที่สุด ….
ไม่มีการตามมา … ไม่มีการร้องห้าม ในตอนนั้นผมสัญญากับตัวเองว่านับจากนี้ผมกับมันไม่รู้จักกัน
… ผมมันแค่ของเดิมพัน
------
ทำไมรู้สึกว่าของเฮซกับฟาวส์มันจะเยอะกว่าน้องเห็ดล่ะนี่ ไม่ได้นะ T^T น้องเห็ดจ๋า แง้ (คุ้นๆว่าแกแต่งเองนะ - -)