@ << รักแท้.....หรือแค่บำเรอ >> @ //// ตอนที่ 11 ...อ้อน+ มารยา.... ////// 10/12/2010
** ตอนที่หวานที่สุด ...เร + หมูแฮม...หวานที่สุดกว่าในทุกตอนที่ผ่านมา เอิ๊ก ๆๆ **
เสียงเฮฮาดังมาเป็นระยะจากห้องนั่งเล่น ผมกับพี่แนททำอาหารเกือบจะเสร็จหมดแล้ว ส่วนมากพี่แนทเป็นคนทำและผมเป็นคนเตรียมจาน เตรียมผัก ....กับข้าวไม่มีอะไรมาก หนักไปทางกับแกล้มมากกว่า ผมมองอาหารที่เรียงรายบนโต๊ะน่ากินดีเหมือนกัน
“เป็นไงหมูแฮม ฝีมือของเรา” พี่แนทพูดแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
“อย่าว่าเราเลยครับส่วนมากก็พี่แนทมากกว่า เตรียมตัวอะไรล่วงหน้ารึเปล่าคร๊าบบ” ผมแกล้งกระเซ้า พี่แนทหันมาค้อนหน้าแดงอย่างน่ารัก
“รู้ดี เดี๋ยวเถอะ” พี่แนทเดินมาตีหลังผมเบา ๆ แก้เขิน…
“เอ่อ..พี่แนทครับพี่เร ....”ผมกำลังจะถามสิ่งที่อยากรู้หลังจากพี่แนทหยิบจานมาวางบนโต๊ะวางข้าวเกรียบที่พึ่งทอดเสร็จใหม่ ๆ ลงไป แต่ก็หยุดพูดเพราะฉุกลังเลที่จะถามดีหรือเปล่าหรือแค่ผมคิดเอาเอง
“หือ..ว่าไงจ๊ะ เรทำอะไรหมูแฮมรึเปล่า” พี่แนทหันมาเลิกคิ้วถามแล้วจ้องหน้า เหมือนรอให้ผมถามออกไป
“คือ อุบัติเหตุทำให้พี่เรได้รับความกระทบกระเทือน เอ่อ ทาง....สมองรึเปล่าครับ”
“หือ อะไรนะ หึ ฮ่าๆๆ” หัวเราะซะงั้นผมอุตาส่าห์ลังเลว่าจะถามดีไหม พี่แนทกลับเห็นเป็นเรื่องตลก
“พี่แนท แฮมถามจริง หรือแฮมอาจจะคิดไปเองก็ได้” ผมหันไปทำหน้ายุ่งใส่ ก็คนมันอยากรู้จริง ๆ นี่นา
“โอ๋ ๆ ไม่แกล้งแล้ว.... เปล่านี่หมอบอกว่าไม่มีอะไรกระทบกระเทือนซักนิด...มีอะไรรึเปล่า” พี่แนทถามแต่ก็ยังจัดข้าวเกรียบต่อ
“เปล่าครับ...แค่แฮมคิดว่าพี่เรแปลกไป” ผมพูดเสียงเบาลงกลัวใครจะเข้ามาได้ยิน พี่แนทเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วใส่คงจะแทนคำถามว่าแปลกยังไง
“ยังไงจ๊ะ....พี่ก็เห็นพี่เรปกตินะ”
“เปล่า...แค่คิดว่าดูสบาย ๆ ขึ้นไม่ทำหน้าเหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน”
“เหรอ พี่ว่าคงไม่ได้กระเทือนสมองหรอก” พี่แนทพูดแล้วหันหลังกลับเอาจานเปื้อนไปวางที่ซิงค์ล้างจาน....หรือผมคิดมากไปเองนะ จริงสิก่อนหน้าพี่เรคงมีปฏิกิริยาที่ผมบอกแค่กับผมเท่านั้นนี่นะ กับคนอื่นก็เห็นยิ้มพูดคุยปกติเหมือนครั้งเจอพี่แนทคราวก่อน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบข้าวเกรียบมากิน...
“พี่ว่าสะเทือนใจมากกว่า...พี่คิดว่านะ” พี่แนทพูดแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม สะเทือนใจ...สะเทือนใจอะไร..เป็นผมที่ขมวดคิ้วแทนคำถาม
“ไม่บอกดีกว่า เดี๋ยวหมูแฮมก็รู้เอง”
หลังจากนั้นพี่แนทกับผมก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะพี่ปอนด์มาชะโงกหน้าถามหากับแกล้ม เลยต้องช่วยกันยกออกไปและยกพวกอาหารไปวางที่โต๊ะอาหาร ผมกับพี่แนทก็กินกันสองคนเพราะคนอื่นก็อยู่ในภวังค์วงเหล้า ได้เข้าไปแล้วคงออกมายาก ไม่นานผมก็ขึ้นห้องนอน พี่แนทก็ลากพี่ปอนด์กลับไปด้วย พี่คนอื่นก็ยังนั่งก๊งกันต่อ .......ผมนอนพลิกตัวไปมา คิดถึงสายตาที่พี่เรส่งมา แววตาขี้เล่นที่ไม่เคยเห็น สีหน้าที่ดูสบาย ๆ ผ่อนคลาย ผมคงไม่ขอมากไปถ้าจะขอให้พี่เรเป็นอย่างนี้ไปตลอดที่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้อาจจะสร้างภาพแค่ต่อหน้าเพื่อน ๆ ก็ได้
“แกร๊ก!!”เสียงลูกบิดประตูดัง ผมรีบดึงผ้าห่มมาห่มและหลับตาลง....ผมหรี่ตามองเห็นพี่เรทำอะไรขลุกขลักอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พี่เรไม่ได้ใส่เสื้อเห็นแผ่นหลังหนา ๆ ที่ถ้าเป็นสาว ๆ เห็นคงได้มีตบตีแย่งกันมั่งล่ะ
“ฮึ่ย!!!” ผมแทบจะอุดปากและหลับตาแทบไม่ทันเมื่ออยู่ดี ๆ พี่เรก็ปลดกางเกงลงไปกองกับพื้น....ทำไมไม่หาผ้าเช็ดตัวมาใส่วะ…
“แอบดูพี่เหรอครับ..”….เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ผมลืมตา เด้งตัวขึ้นถอยกรูดทีเดียวจนติดหัวเตียง มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังดีที่ใส่ผ้าเช็ดตัวแล้ว แต่แผงอกแกร่ง ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเห็นแล้ว......ใจมันสั่น ๆ
“ปะ...เปล่า ครับ” ปากคอสั่นไปหมด ยิ่งพี่เรทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง
“งั้นเหรอ.. อืม...พี่คงคิดไปเองเหมือนมีคนแอบมอง” ทำหน้าเหมือนเสียดายซะอย่างงั้น แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนจะปิดประตูยังหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมอีก ยังไงของเค้ากัน....
ผมรีบทรุดตัวนอนลงเหมือนเดิม แล้วห่มผ้าที่ผมหอบมาจากห้องเดิมเพราะไม่อยากห่มผืนเดียวกัน พันผ้าห่มรอบตัวแน่นหนาที่สุด จะยังไงก็แล้วแต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจในท่าทางแปลก ๆ นี่แน่นอน….
“หมูแฮมครับ ..หมูแฮม” เสียงเรียกจากประตูห้องน้ำที่แง้มอยู่ ทำให้ผมต้องหันไปมอง เห็นหน้าพี่เรชะโงกออกมาพร้อมกับทำหน้าเหมือนกำลังลำบากใจ ผมขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์...อะไร...
“ครับ” ผมขานรับแต่ก็ยังไม่กระดุกกระดิกไปไหน แต่สายตาก็มองพี่เรอยู่
“พี่อาบน้ำลำบากน่ะ” อาบน้ำลำบากคงหมายถึงแขนที่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ แล้วจะทำยังไง ผมยังขมวดคิ้วแทนคำถามส่งให้พี่เรอยู่ ...อย่าบอกนะว่า...
“ช่วยพี่อาบหน่อยสิ” ห๊า.....ช่วยอาบน้ำ จะช่วยยังไง
“เอ่อ....”
“หมูแฮมลำบากใจเหรอ....ไม่เป็นไร งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วพักผ่อนเถอะ” ทำหน้าหงอยอย่างนั้น แล้วผมจะทำยังไง ก็เห็นอยู่ว่าเจ็บ แต่มาแบบแปลก ๆ อย่างนี้น่ากลัวยังไงไม่รู้......พี่เรหายเข้าไปในห้องน้ำ แต่...ไม่ปิดประตู
“โอ๊ย!!” เสียงร้องเจ็บปวดทำให้ผมทะลึ่งตัวจากเตียง....
“โอย..เจ็บจัง!!”ยังมีเสียงคราญครางดังมา ขณะที่ผมค่อย ๆ ย่องไปส่องดูที่ประตูที่ยังปิดไม่สนิท ผมเปิดประตูให้กว้างขึ้นเล็กน้อย...โผล่หัวเข้าไปมองที่ห้องกระจกที่กั้นห้องอาบน้ำ กระจกขึ้นฝ้า.. พี่เรคงอาบน้ำอุ่น แต่ก็ยังเห็นราง ๆ ...พี่เรกำลังพยายามเอามือข้างที่เจ็บถูตัว และอีกข้างเอื้อมถูหลัง..แล้วทำไมไม่ใช้มือข้างเดียวจะพยายามทำไม..ผมมองอยู่อีกนิดก็ต้องผลุบหัวออกมา เมื่อสายตาดันจ้องไล่ลงมาอีก ถึงกระจกจะขึ้นฝ้าแต่ก็ยังเห็นสัดส่วนชัดเจน....
“คนอะไรใจร้าย” เสียงพี่เรดังออกมา ตั้งใจจะพูดให้ผมได้ยินรึเปล่าเพราะแค่พูดปกติคงไม่ดังขนาดนี้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“รู้ว่าเจ็บยังจะไม่ช่วยอีก ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” ยังมีอยู่ ....เหมือนรู้ว่าผมมายืนฟัง ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
“หมูแฮม เข้ามาทำไมครับ” ทำท่าตกใจ พร้อมกับคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันตัวเมื่อผมเดินเข้าไปยืนหน้าห้องกระจก...แล้วก่อนหน้านั้นไม่เห็นจะอายอะไร
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ...” เห็นหน้าพี่เรชัด ๆ ความกลัวก็วิ่งริ้วขึ้นมาซะอย่างนั้น .....ผมตัดสินใจก้าวขาออกมาแทบจะทันทีที่พูดเสร็จ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แค่อยากช่วยทั้งที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ยังมีอีกด้านที่ยังหวาดกลัวกับร่างกายและหน้าตาพี่เรอยู่
“หมูแฮม...เอ่อ ช่วยถูหลังให้พี่หน่อยสิ นอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ ไม่ได้ขัดตัวเลย” ผมชะงักเท้าก่อนจะเปิดประตูดีที่ห้องน้ำกว้าง ทำให้ผมอยู่ห่างจากพี่เรมากอยู่
“ยังไงก็เข้ามาแล้ว แค่นิดเดียวก็ยังดี พี่พยายามอยู่แต่มันเจ็บมากเลย” ใช้น้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยิน...ผมหันไปมองคนที่ยืนเหมือนเจียมเนื้อเจียมตัว พันผ้าเช็ดตัวรอบเอว หยดน้ำเกาะพราวอยู่ทั่วตัว...หน้าตาและร่างกายคน ๆนี้เหรอที่เคยทำร้ายผม ทำไมตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนที่เคยมีพิษภัย ผมเริ่มลังเลว่าจะเอายังไง เหมือนจิตใจผมกำลังแบ่งพวกตีกันไปหมด
“ครับ” เหมือนจิตใจข้างสงสารจะมาแรง ผมเดินกลับไปหาคนที่ทำหน้าเหมือนดีใจจนออกนอกหน้า ...แต่ว่าผมจะช่วยจริง ๆ เหรอ...นึกยังไม่จบก็มายืนข้างหลังคนที่นั่งเก้าอี้หันหลังให้แล้ว.....ผมกลืนน้ำลายอย่างลำบาก แล้วจะต้องทำยังไงต่อ ....
“เอาเลยครับ..” หันมายิ้มให้ ทำท่าเหมือนพร้อมเต็มที่ พร้อมกับส่งฟองน้ำที่มีฟองเต็มไปหมดคงจากที่ตัวเองใช้เมื่อครู่ ผมลังเลซักครู่ ก่อนจะรับฟองน้ำจากมือพี่เรมา แล้วย่อตัวลงด้านหลัง หลังกว้างขาวเนียน ทำให้ผมอดมองสำรวจให้ทั่วไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มเป็นโรคจิตยังไงยังงั้น ยังดีที่พี่เรพันผ้าเช็ดตัวอยู่.....
“หมูแฮม !!” ผมคงมองนานไปหน่อย ....... พี่เรหันมาทำหน้ายุ่งใส่เหมือนกับผมเริ่มทำไม่ได้ดังใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มอีกแล้ว
“มองอย่างนี้พี่เขินนะครับ”............หน้าผมคงเห่อร้อนแน่ ๆ ทำหน้าเหมือนรู้ทัน... ผมรีบเอาฟองน้ำที่มือละเลงหลังคนที่หัวเราะในลำคอ....ผมพูดอะไรไม่ออก ต้องรีบทำแล้วรีบออกไป ไม่งั้นคงได้เอาหัวชนกระจกให้ตาย หนีความอายตอนนี้
“รุนแรงจังครับ...” พี่เรแอ่นหลังหนีมือผม...ผมคงถูแรงเกินไป
“ขอโทษครับ..” ผมพูดแล้วเบาแรงที่ถูลง ลากฟองน้ำให้ทั่วหลัง แล้วรีบเอาฝักบัวมาฉีดล้างออก ล้างฟองน้ำแล้ววางที่ชั้นวางครีมอาบน้ำ
“เสร็จเร็วจัง...”เสียงบ่นพึมพำ ผมไม่สนใจแล้ว เดินออกจากห้องน้ำให้เร็วที่สุด โดยที่ไม่หันไปมองคนที่กำลังลุกขึ้นแล้วเปิดฝักบัวล้างตัวอีกรอบ....ผมออกมาเช็ดมือให้แห้งแล้วรีบกระโดดขึ้นเตียงนอนท่าเดิมก่อนหน้านี้
“แกร๊ก!” เสียงเปิดประตูห้องน้ำออกมา....ผมนอนหลับตาหันหน้ามาอีกทางไม่หันไปมองอีก
“หมูแฮม..” ........อะไรอีก!!.....ผมยังไม่หันไป นอนท่าเดิมหันหลังให้คนที่เรียก
“หมูแฮมครับ” ผมสูดหายใจเข้าปอดจนสุด แล้วค่อย ๆ ปล่อยออกมา
“มีอะไรครับ...” ผมถามแต่ยังไม่หันไปมอง
“พี่เช็ดตัวไม่ได้น่ะ....” เสียงอ่อย ๆ อยู่ข้างหลัง ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนหน้ากระจกพันผ้าเช็ดตัวอยู่ หยดน้ำที่ตัวยังสะท้อนแสงไปอยู่ ในมือมือผ้าเช็ดตัวอีกผืนถืออยู่
“ช่วยพี่หน่อยสินะ แล้วพี่จะไม่กวนอีก” ผมแหงนคอมองอยู่ครู่นึงก่อนจะตัดสินใจออกจากม้วนผ้าห่ม แล้วลุกขึ้นเดินไปหาคนที่ยิ้มให้ กลิ่นครีมอาบน้ำลอยเตะจมูกจนเผลอสูดเข้าไป.....เมื่อผมรับผ้าเช็ดตัวมาถือไว้พี่เรก็รีบหันหลังให้
“เบา ๆ นะครับ พี่เจ็บน้า” เสียงอ้อน ๆ ที่ออกมา นี่พี่เรตัวจริงรึเปล่า ผมว่าคงต้องให้พี่แนทพาไปเช็ดสมองอีกรอบ...ผมลงมือเช็ดไล่ทั่วหลังจนแห้ง...กำลังจะวางผ้าเช็ดตัวแต่คนตัวหนาก็หันหน้ามาหา
“ยังไงก็เช็ดแล้ว เช็ดให้ทั่วเลยครับ” ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่เร ที่เลิกคิ้วให้ผมเหมือนกับจะบอกว่า สงสัยอะไร...ผมไม่พูดอะไรลงมือเช็ดซอกคอคนที่กางแขนออก เช็ดเรื่อยลงที่แผงอกกว้าง หน้าท้อง...ซิกแพ็คที่ผมไม่มี และไม่เคยสังเกตว่ามันก็สวยดีเหมือนกัน ยังแอบคิดว่าอยากมีบ้างเหมือนกัน
“พี่เร!! ปล่อยครับ” ผมสะดุ้งเมื่อวงแขนใหญ่วาดรวบผมเข้าไปกอด ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ผมรีบใช้มือยันอกพี่เรไว้และแกะมือเหนียว ๆ ออกจากเอวตัวเอง
“พี่เร!!” ผมเริ่มกลัวอะไร ๆ ที่เคยเกิดขึ้น มองหน้าคนที่ก้มหน้าลงมามองหน้าผม.....
“พี่ไม่ทำอะไรหรอกครับ แค่รู้สึกหนาว ๆ คิดว่ากอดหมูแฮมคงจะอุ่น “ เหมือนคำแก้ตัว หนาวนี่นะ.....
“หนาวก็รีบเช็ดตัวซิครับ จะได้ใส่เสื้อผ้า..” คงเป็นคำพูดที่ยาวที่สุดเท่าที่คุยกับพี่เรวันนี้ ผมพยายามฝืนตัวออกจนได้
“ก็ได้ เช็ดต่อสิครับ...” ยังมาทำหน้ายุ่งใส่เหมือนผมเป็นคนผิดซะอีก....ผมรีบลงมือเช็ดตัวให้พี่อย่างเร็วที่สุด
“เสร็จแล้วครับ” เอาผ้าเช็ดตัวไปตากที่ราวหน้าห้องน้ำเสร็จแล้วถอนหายใจอีกรอบ วันนี้เจออะไรแปลกมากมายจากผู้ชายคนนี้
“แขนหักนี่ติดกระดุมเสื้อลำบากจังเลยเนอะ” เสียงบ่นพึมพำให้ได้ยินก่อนที่ผมจะก้าวขึ้นเตียง หันไปมองคนที่กำลังติดกระดุมชุดนอนด้วยมือเดียว ซ้ำยังหันมามองผมแล้วยิ้มแหย ๆ ให้อีก......ผมทำเป็นไม่สนใจ แต่...
“เรียบร้อยแล้วครับ..” เสียงบ่นพึมพำอะไรอีกมากมาย ....ทำให้ผมทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นไปติดกระดุมเสื้อให้จนได้สรุปว่าผมต้องทำให้ทุกอย่าง หลังจากติดกระดุมแล้วต้องมายืนคอยห่มผ้าให้อีก เพราะคำกล่าวอ้างว่าแขนเจ็บห่มผ้าไม่ถนัด ถึงแม้จะคิดว่าไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน แต่ผมก็ทำให้จนเรียบร้อย เพื่อตัดปัญหาไป เผื่อจะได้ล้มตัวนอนก็อีกพักใหญ่ คนที่นอนห่มผ้าบนเตียง ดันลืมกินยา และต้องมาป้อนให้อีก เพราะมือเดียวไม่ถนัด….ผมล้มตัวนอนลงท่าเดิม ติดริมเตียงอีกฝั่งจนพี่เรหันมามอง
“ไม่กลัวตกเตียงเหรอ” ผมไม่ตอบอะไร
“ตกไปแล้วอย่าเรียกให้อุ้มขึ้นละกัน” เสียงพึมพำคนเดียวที่ตั้งใจให้ได้ยินจากที่เกร็ง ๆ ก่อนหน้านี้เริ่มกลายเป็นหงุดหงิด .....นอนหลับตาซักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของพี่เร หันไปมองก็หลับตาสนิทคงเพราะฤทธิยาหรือไม่ก็พูดมากกว่าปกติ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้ แต่ก็หวังในใจจะเป็นอย่างนี้ตลอดไม่ลุกขึ้นมาทำร้ายผมอีกนะ
กำลังเคลิ้มเหมือนรู้สึกว่าโทรศัพท์ผมสั่นอยู่ข้าง ๆ หมอนแต่ความง่วงทำให้ผมหลับตามที่เรไป ก่อนจะหลับสนิทยังรับรู้ถึงอ้อมกอด แรงสูดที่ขมับ และความอบอุ่นที่อวลอยู่ ...ทำให้รู้สึกว่าคงจะหลับฝันดีในคืนนี้........