@ << รักแท้.....หรือแค่บำเรอ >> @ //// ตอนที่ 14 ..เปิดใจ.. ///16/12/2010///
เสียงเครื่องปรับอากาศดังจนรู้สึกว่าก้องเข้าในหัวสมอง เมื่อบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเงียบกริบ ผมนั่งสงบเสงี่ยมหย่อนขาอยู่ที่เตียงใหญ่ โดยมีผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนพักขาอยู่ตรงหน้าในมือมีหนังสือเรียนผู้ปกครองอ ผมไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครที่ไหน แต่เป็นหนังสือขออนุญาตผู้ปกครองในการออกค่ายพัฒนาของนักเรียนชั้น ม.4 ผมไม่เข้าใจพี่เรว่าจะอ่านอะไรละเอียดขนาดนั้น เพราะหนังสือหรือเอกสารต่าง ๆ น่าจะผ่านผู้อำนวยการทุกอย่าง อันนี้ผมคิดเอาเอง... แต่พี่เรอ่านมาร่วม 5 นาทีแล้ว มองเอกสารสลับกับหน้าผมอยู่ ซ้ำยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคิดหนัก....ผมมองหน้าพี่เรแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า จะอนุญาตหรือไม่ก็น่าจะตัดสินใจได้แล้ว
“อยากไปรึเปล่า”...... เขาก็ไปกันหมด.... ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่เร....ถามแปลก ๆ ไม่อยากไปก็ต้องไปอยู่แล้ว แถมงานนี้ไปทะเลด้วย
“ก็อยากครับ..” ผมตอบอย่างอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง จะไปเก็บขยะหรือพัฒนาอะไรอย่างน้อยอาจารย์ก็ต้องปล่อยให้ได้เล่นบ้างล่ะ
“แล้วพี่ล่ะ” เอ๊า...เกี่ยวอะไรกัน
“พี่หมายถึงแล้วพี่....จะอยู่กับใคร แล้วจะนอน.....กับใครล่ะ” เอ๋อ....ยังไงของเค้ากัน....ก็นอนคนเดียวมาตั้งนานมาถามอย่างนี้ผมก็ไปไม่เป็นซิครับ แขนก็เริ่มจะหายเป็นปกติแล้ว ผมไม่เห็นว่าการที่ผมอยู่จะมีประโยชน์ตรงไหนด้วยซ้ำ อาการแปลก ๆ ของพี่เรตั้งแต่บาดเจ็บ ผมเริ่มชินนิด ๆ อาการอ้อนเหมือนเด็ก ๆ สร้างความรำคาญให้ผมในบางครั้งแต่นั่นมันก็ย่อมดีกว่าอาการเหมือนเดวิลที่เคยเป็น
“ก็....นอนคนเดียว” ผมไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ก็คงต้องนอนคนเดียว
“ไม่....” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองหน้าผู้ชายตรงหน้า ที่ทำหน้ายุ่งอยู่ ....ตกลงไม่อนุญาตใช่ไหม
“แล้วนอกจาก ม.4 แล้ว ยังมี ม.5 แล้วก็อาจาย์ประจำชั้น ม.4 อีกใช่มั้ยครับ” ผมรีบพยักหน้ารับ เพราะพี่ ม.5 เป็นคนไปดูแลน้อง ๆ และมีอาจารย์ประจำชั้นไปด้วย ไปคืนวันศุกร์ กลับวันอาทิตย์ตอนเที่ยง ๆ
“อืม.....” ทำท่าคิดหนักเชียว เฮ่ออ! ตกลงผมจะได้ไปกับเพื่อน ๆ ไหมเนี่ย
“พี่ไปด้วย!!” หือ!! ไปด้วย ....จะไปทำไม............แต่ก็ช่าง เพราะเป็นถึงผู้อำนวยการจะไปไหนหรือไม่ไปก็ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว ผมไม่พูดอะไร พยักหน้ารับอย่างงง ๆ
“พรุ่งนี้ หมูแฮมจัดกระเป๋าให้พี่ด้วยนะ”....อืม...ลำบากผมอีก หน้าที่ผมใช่มั้ย ต้องพยักหน้ารับอีกรอบ ช่วงนี้พี่เรมีอะไรให้ผมแปลกใจ แล้วก็งง เล่น ๆ อยู่เรื่อย
“จะไปกับเพื่อน หรือไปกับพี่” คงหมายถึงขึ้นรถไปกับพี่ หรือจะไปกับเพื่อน ๆ ชอบพูดอะไรที่ต้องมาแปลเอาอีกรอบ คงไม่บังคับให้ไปด้วยหรอกนะ
“กับเพื่อนครับเพราะก่อนขึ้นรถต้องเช็คชื่อด้วย” ผมตอบลอบมองสีหน้าพี่เร ที่ทำหน้าเหมือนผิดหวังน้อย ๆ ผมคิดไปเองรึเปล่า
“เหรอแล้วเวลานอน.....”
“นอนกับเพื่อนครับ ลงชื่อไว้ตามบังกะโลแล้ว” รีบตัดประเด็น พี่เรขมวดคิ้วเหมือนถูกขัดใจ ผมลอบถอนหาย ทำไมต้องทำหน้าผมตัดสินใจผิดด้วย
“ก็ได้ แต่พี่มีข้อแม้...” ข้อแม้อะไรกัน ผมมองหน้าพี่เร หน้าผมคงเต็มไปด้วยคำถามแน่ ๆ
“มานี่สิ พี่จะบอกอะไร” ผมลังเล ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้ใจซักนิด แต่ก็ช่วยไม่ได้
“มีอะ..อ๊ะ พี่เร!!” กำลังจะถามว่ามีอะไร แต่แขนแข็ง ๆ ก็รวบเอวผมแล้วพากันกระโจนลงเตียง ตอนนี้สภาพผมก็นอนแอ้งแม้ง มีพี่เรค่อมทับอยู่ ลมหายใจเริ่มติดขัด ความกลัวเริ่มแทรกเข้ามาทีละนิด
“พี่เร ..ปะ ปล่อย เถอะครับ มีอะไร..รึเปล่า” ผมตัดสินใจถามออกไป อย่างน้อยพี่เรก็ไม่ได้ล็อคแขนล็อคขาเหมือนก่อน มือผมทั้งสองข้างดันหน้าอกหนาอยู่ พี่เรยกตัวขึ้นมองหน้าผม สายตาที่สื่อออกมาทำเอาใจผมเต้นแทบจะกระโดดออกมาดิ้นอยู่ข้างนอก ....เขิน...ความรู้สึกที่เป็นอยู่จะเรียกอย่างนี้ได้ไหม …
“กลัวพี่รึเปล่าครับ..” เสียงทุ้มนุ่ม มีความรู้สึกแปลกใหม่แทรกซึมเข้ามาแทนที่ความกลัว ผมจ้องมองเข้าไปในตาคมที่มองผมอยู่เหมือนกัน ไม่ตอบอะไรออกไป ไม่รู้สิผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง กลัวเหรอ มีบ้างแต่ตอนนี้มันไม่ใช่..........มือใหญ่เอื้อมมาลูบผมและปัดปอยผมที่ละหน้าผมออกเบา ๆ .....อบอุ่น.....
“พี่ขอโทษครับ...พี่สัญญาต่อไปจะไม่มีอย่างที่ผ่านมาอีก” มืออุ่น ๆ ที่ลูบไล้แก้มอยู่ .........เหมือนบรรยากาศพาไปหรือมันคือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอดกันแน่... รู้สึกว่าขอบตาผมรื้นขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ...สัญญาจากผู้ชายคนนี้อีกครั้ง...
“ขอโอกาสให้พี่ได้ไหม ไม่ต้องตอบรับอะไรตอนนี้ แค่อยู่กับพี่ ให้พี่ได้พิสูจน์อะไรหลาย ๆ อย่าง…พี่รักหมูแฮมนะ”…..จุมพิตบาง ๆ ที่หน้าผาก ทำให้ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทำไมความรู้สึกต่าง ๆ มันกลับตาลปัต แค่คำพูดดี ๆ เพราะแค่คำบอกรัก ทำไมทุกอย่างมันเหมือนจะกลบคำว่ากลัว แทนที่ความว่าเกลียดได้อย่างง่ายดายอย่างนี้
“ฮึก..อย่าทำ..ฮือ..อะไรผม..อีกได้ไหม” อยากขอ .........ในสิ่งที่ต้องการ
“พี่สัญญา...”
“ฮือ...ให้อภัย..ครอบครัว..ฮึก ผม..ได้ไหม” เสียงผมคงจะฟังไม่รู้เรื่องแน่ ๆ แต่อยากขอ...ในสิ่งที่อยากให้เป็น…พี่เรนิ่งไปซักพักจนผมใจหาย ...ทำไมกัน...
“ได้....ถ้าหมูแฮมไม่หนีจากพี่ไปไหน” ผมรีบพยักหน้ารับ ถึงแม้จะมีข้อแม้ แต่มันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง ผมไม่อยากให้มีการจองเวรกัน ซักวันผมยังมีหวังว่าจะเจอพ่อกับแม่ แม้แต่กับพี่ลูกหมีพี่สาวผม คำว่าครอบครัวผมยังอยากมีเหมือนคนอื่น ๆ
“พี่ให้ได้ทุกอย่างที่หมูแฮมต้องการ แค่อยู่ตรงนี้...กับพี่ก็พอ” นิ้วเรียวปาดน้ำตาที่แก้มผมออก จูบที่ซับน้ำตาที่หางตายิ่งทำให้ผมสะอื้นหนักขึ้น
“ถ้า..ฮึก..พี่เร..ผิด..ฮึก สัญญาล่ะ..ฮึก” ถามในสิ่งที่อยากรู้ อยากรู้ว่าพี่เรจะตอบยังไง
“พี่ยอมให้หมูแฮม ทำในสิ่งที่ต้องการ ....แม้แต่..การที่ต้องการจากพี่ไป ....ถ้าหมูแฮมต้องการอย่างนั้น” นี่สินะคือสิ่งที่ผมต้องการตลอดเวลาที่อยู่กับพี่เร ผมกำลังจะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วใช่มั้ย.....ยังสะอึกสะอื้นไม่หาย เอียงหน้าเข้าซบกับมือหนาที่ยังลูบไล้ปาดน้ำตาให้อยู่
“รักครับ...รักที่สุด” เสียงที่เหมือนกระซิบ แต่ชัดเจน ริมฝีปากที่บดเบียดทำให้ผมไม่สามารถที่จะต่อต้านอะไรได้ เหมือนใจโหยหาสิ่งที่กำลังจะได้เจอ ไม่มีการรุกรานทำร้าย หัวใจผมเหมือนหยุดเต้นไปชั่วครู่ ความรู้สึกมันช่างแตกต่างกับตอนจูบกับน๊อต ไม่ลุกล้ำเหมือนกัน แต่ทำไมกับพี่เรมันเติมเต็มอะไรได้มากมาย พี่เรถอนจูบออก ก่อนจะก้มลงประกบจูบอีกครั้ง....อ่อนหวาน...อย่างที่ไม่เคยได้รับ ลิ้นร้อนแทรกเข้าทันทีที่ผมเผยอปากออก....ยอม...เป็นครั้งแรกที่เต็มใจ
“อืม..” เสียงครางประท้วง เพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ พี่เรถอนปากแต่ยังกดจูบเลาะเล็มที่ริมฝีปากเบา ๆ
“ พะ..พี่เร..พอเถอะ..ครับ”เสียงร้องขอ ที่เปล่งออกมาอย่างสั่นเครือเพราะหัวใจที่เต้นรัวและความตื่นตัวจากจูบที่ปลุกปลอบ....... อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ แค่อยากรอให้เวลาพิสูนจ์อะไรให้มากกว่านี้ อยากพร้อมมากกว่านี้ สิ่งที่ผ่านมาอยากปล่อยไป....ไม่ได้เล่นตัว แค่อยากรู้ว่าตัวเองสำคัญและมีค่ามากพอที่จะถนอมไว้ไหม...แค่อยากรู้ว่าเป็นที่รักมากขนาดไหน..พี่เรยกตัวขึ้นแล้วหอมแก้มผมเบา ๆ ล้มตัวลงทับผมไว้ ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงไม่แพ้ผมเลย
“ครับ..พี่จะรอ รอวันที่หมูแฮมพร้อม...” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างหู ทำให้หัวใจลิงโลด เมื่อได้อย่างที่ต้องการ...
ผมหลับในอ้อมกอดอุ่นที่กกกอด นานเท่าไหร่แล้วที่ผมโหยหามาตลอด นานเท่าไหร่ที่เฝ้ารอและต้องการ ทั้งที่ตัวผมก็ยังไม่รู้ตัวว่าต้องการอะไร เมื่อได้สัมผัสถึงรู้ว่าใช่....ถึงรู้ว่าคือสิ่งที่รอคอย...
*****************************************
เย็นวันศุกร์นักเรียนชั้น ม.4 มาเข้าแถวรวมตัวกันที่หน้าตึกอำนวยการ ทุกคนแต่งตัวไปรเวท ผมนั่งต่อจากไอ้ไทที่มีได้ไปส์นั่งข้างหน้า และไอ้หล่อน๊อตนั่งข้างหลังผม เรา 4 คนนอนห้องเดียวกัน ตามรายละเอียดบังกะโลหลังหนึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องติดกัน ห้องหนึ่งนอนได้ 4 คน และยังมีบางส่วนที่ต้องการกางเต้นนอน แต่พวกผมไม่มีใครอยากนอนธรรมชาติกัน พอเช็คชื่อเสร็จก็เริ่มทยอยขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่แล้วเรียงราย ทุกคนจะมีป้ายชื่อเล่นแขวนคอกันคนละอัน
“โอเคไหมแฮม...” โอเคของไอ้หล่อนี่ก็คือการที่มันเอาสีเมจิกต่อป้ายชื่อที่รุ่นพี่เขียนให้ .....น๊อต...มันต่อของมันเอง..น๊อต แม่ง..โครตหล่อ..ผมก็พยักหน้าเออออไปกับมัน ผมนั่งติดหน้าต่าง ไอ้น๊อตนั่งข้างผม ไอ้ไปส์กะไอ้ไทนั่งคู่กันเบาะข้างหน้า
“มึงดูพวกพี่กรดิ แม่งสาวล้อมหน้าล้อมหลัง” นี่คือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด ไม่ได้กลัวพี่กรหรอกครับเพราะหลัง ๆ แกไม่ตอแยอะไรผมมากมายเข้ามาคุยปกติ แต่ก็วนเวียนสร้างแผลเหวอะหวะให้เพื่อนผมอยู่เรื่อย สิ่งที่กลัวคือเพื่อนเลิฟนี่มันจะฮึดความอดทนขาดผึง มีเรื่องกับกลุ่มพี่เค้านี่สิ ผมมองตามที่ไอ้ไทพูด เห็นกลุ่มพี่แกยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางรุ่นพี่รุ่นน้องที่ยืนคุยอยู่
“มึงอิจฉาทำป๊ะ อะไรวะเหมือนแมงวันกับกองขี้น่ะนะ” หมาทำงานแล้วไอ้น๊อต ถ้าพี่แกได้ยินคงมีเรื่องอีกแน่
“แหม พูดได้สิไอ้น๊อตมึงก็น้อยกว่าพี่เขาที่ไหนล่ะ แล้วมึงไม่เหมือนเหรอวะกองขี้น่ะ เฮ่ย ! โอ๊ย!! เชี่ยน๊อต แม่งไม่ยั้งเลยนะมึง” ไอไปส์ลูบหัวตัวเองเมื่อโดนฝ่ามือไอ้น๊อต เสียงดังฟังชัด คาดว่าคงจะเต็ม ๆ มือ ไอ้นี่พูดเรื่องพี่กรขึ้นทีไรมันก็สวมบทโหดทุกที
“เลิกกัดกันได้แล้วพวกมึง อาจารย์ขึ้นมาแล้ว” ผมบอกพวกมันเมื่อเห็นอาจารย์กำลังจะก้าวขึ้นรถ พวกมันเงียบลงได้ในที่สุด
“แฮม มึงหนาวเปล่า” เสียงไอ้น๊อตมันถามผม ตอนนี้รถวิ่งออกมาได้ซักพักแล้ว อากาศรอบ ๆ ตัวเริ่มมืดครึ้มลมหนาวจากแอร์ที่เป่าอยู่บนหัว ว่าไปแล้วก็หนาวนิด ๆ เหมือนกัน ดีที่พี่เรกำชับให้ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย พูดถึงรายนั้นเห็นโทรบอกว่าคงต้องมาดูงานที่โรงเรียนพรุ่งนี้เช้าถึงจะตามไป ผมเลยจัดกระเป๋าทิ้งไว้ให้ก่อนออกจากบ้านไม่รู้ว่าจะเอาอะไรบ้างผมก็จับยัด ๆ พับ ๆ สิ่งที่คิดว่าน่าจะใช้ลงกระเป๋าเดินทางให้
“แฮม !! ได้ยินที่กูถามไหม” ไอ้น๊อตมันคงเห็นผมนิ่งอยู่นาน เลยเอามือมาผลักหัวผมซะเกือบทิ่มกระจก
“สาด ทำไมไม่ถีบกูเลยล่ะ” ผมหันไปด่ามัน เสียงบนรถดังครึกครื้นได้พักใหญ่แล้ว ทั้งเสียงเพลงที่เปิดและเสียงแหกปากคุยกันของผองเพื่อนและรุ่นพี่
“เอ๊า..ทำได้ก็ไม่บอก” ผมหันไปมองค้อนมันพองามทีนึง
“เชี่ย” ทุกทีน่ะมัน ไม่หยอดก็กวนประสาท แต่ก็ดีอย่างไม่เหงาดี
“ก็หนาวนิด ๆ แต่กูใส่เสื้อแขนยาวอยู่ไม่เห็นไง หนาวอ่ะดิมึง”ผมหันไปถามมัน ไอ้น๊อตพยักหน้าคอแทบหลุด
“หนาวมากไหมครับ..” เสียงคุ้น ๆ ผมและไอ้น๊อตเงยหน้ามองและคงเหว๋อพอกัน ว่า...มาได้ไง
“พี่กร”.... “เชี่ยเข้าบ้านแล้วไง” เสียงแรกของผม ต่อมาก็ไม่ต้องบอกว่าของใคร
“ครับพี่เอง และ เออกูเองมีไรมั๊ยครับมึง” คำแรกมองหน้าผม แล้วหันไปมองหน้าไอ้น๊อตกับคำหลัง เริ่มอีกแล้วผมแอบถอนหายใจ วันหลังผมจะปล่อยให้ต่อยกันซักยก ไอ้น๊อตจะได้รู้ซักทีว่ามันสู้พี่เค้าไม่ได้ จะได้เลิกซ่าส์กับพี่แกซักที อยู่กับผมมันก็ดูตัวใหญ่กว่า แต่ถ้าเทียบกับพี่กรแล้วมันห่างชั้นพี่เขาอีกเยอะ …..ผมชะเง้อมองไปหลังรถพวกพี่แกนั่งกันให้พรึบ ถ้ามีเรื่องพวกผมตายสถานเดียว
“ไม่มี แล้ว มึงมีไร” ไม่ใช่เสียงผมแน่นอน
“เปล่าพี่ก็ดูน้อง ๆ เรื่อย ๆ ก็แค่อยากหยุดยืนตรงนี้น้องหวงก็ไม่บอก” ดูเหมือนพี่กรจะพูดเพราะแบบแปลก ๆ
“กูก็เปล่า ไม่ได้หวง แต่ไม่อยากมองเห็นอะไรที่ขวางหูขวางตา” ยัง...ยังจะ...
“พี่ก็ว่าธรรมดานะ ไม่ได้ใหญ่ขนาดไปขวางตาใคร น้องจ้องพี่เกินไปรึเปล่า” น้ำเสียงธรรมดาแต่ไอ้คนที่นั่งข้างผมนี่สิอารมณ์มันเริ่มไม่ธรรมดาแน่นอน พี่กรก็ช่างเป็นจริง ๆ พี่แกคงไม่ได้เดินมาดูน้องแล้วบังเอิญหยุดยืนดูตรงนี้หรอกนะผมว่า
“ใครจะสนใจมึงขนาดนั้น อย่าหลงตัวเองนักเลย กูไม่ใช่พวกสาว ๆ ที่จะได้ไปล้อมหน้าล้อมหลังเดินตามเหมือนหมาติดสัดอย่างนั้น”
“น๊อต..เงียบเถอะมึง” ผมดึงแขนมัน ยิ่งยั่วขึ้นมันจะยิ่งมีเรื่อง ผมเคยบอกให้มันเงียบเวลาที่โดนพูดใส่มันรับปากผม แต่ถึงเวลามันก็ลืมทุกที
“มึงก็ดู ดิ” มันหันมาทางถามความยุติธรรม ว่ามันไม่ผิด .....ผมขมวดคิ้วใส่ มันถึงได้กระแทกหลังลงกับพนักพิงอย่างระงับอารมณ์ พร้อมกับหันไปมองหน้าพี่กรอย่างเคือง ๆ พี่กรเลิกคิ้วและยักไหล่อย่างไม่ยี่ระอะไร
“พูดเหมือนหึงพี่เลยนะครับ.... มึง..” ยังทิ้งท้ายที่ข้างหูไอ้น๊อตที่ผมบังเอิญได้ยินด้วย ก่อนเดินกลับไปที่ฝูงเพื่อนที่โห่แซวอะไรกันซักอย่าง
“สาดดดดดดดด มึงกะกูอย่าได้ดีกันเลย” ผมได้แต่มองไอ้น๊อตขบเคี่ยวเขี้ยวฟันอย่างคับแค้น เฮ่ออ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าพี่กรแกต้องการอะไรกันแน่ เพราะความสนุกหรืออย่างอื่น อย่างน้อย ๆ ผมก็รู้ว่าพี่กรน่ะ...เป็นไบ ...ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ก็ไม่อย่ากคิดเลยว่าจะออกมาในรูปแบบไหน