ตอนสั้นขัดดอก...
เนื่องจากยังไม่สามารถวางมือจากภาระการงานได้
อ่านบทสั้นๆ ของชายเอิงกะหมอขิมไปก่อนนะ
==================
ข้าง ข้าง ใจ"สวัสดีครับ ผมเอิง..ตอนนี้ไม่อยู่บ้าน กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ....ติ๊ดดดดดดดดด" หือ...!!!? คุณหมอขิมยกโทรศัพท์ที่แนบหูตัวเองออกมาดูเบอร์อีกรอบ โทรศัพท์มือถือเดี๋ยวนี้มีระบบตอบรับอัตโนมัติกันแล้วรึ!! หรือเราจะแก่เกินแกงกันละหว่า แต่พอลองเอาแนบหูตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ กลับได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานมาจากปลายสาย...โดนหลอกซะแล้วไอ้หมอ!!
"น้องเอิงครับ นี่พี่ขิมนะ ฝากอย่างอื่นแทนฝากข้อความไว้ได้ไหมครับ ถ้ายังไงตอนกลับมาก็อย่าลืมเอาของที่ฝากไว้กลับคืนมาด้วย..." ไอ้นี่ก็เล่นตามบทซะเนียน
"อะไรอ่ะครับของฝาก!!?" ทำงง ๆ ที่แกล้งคนอื่นล่ะสนุกนัก ลืมไปแล้วมั้งน่ะว่าตัวเองเป็นเครื่องตอบรับอัตโนมัติอยู่
"อ้าว...เครื่องตอบรับ ถามกลับได้ด้วยเหรอเนี้ยะ รุ่นนี้มีขายที่ไหนอีกไหมหนอ..?" หมอขิมแกล้งหยอดกลับไปแบบเนียน ๆ ใจก็รอลุ้นอยู่ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไง
"สินค้าแบบพิเศษมีเครื่องรุ่นนี้แค่ชิ้นเดียวในโลก หมดแล้วหมดเลย" เสียงที่ตอบกลับมา เป็นเสียงเหมือนคนที่แกล้งบีบจมูกตัวเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ เหมือนเวลาที่เราดูหนังเกี่ยวกับพวกหุ่นยนต์....ความพยายามยกให้เต็มร้อยเลยไอ้เด็กคนนี้
"งั้นพี่ขอทำสัญญาเช่าแบบเหมาได้รึป่าว..." พูดออกไปแล้วไอ้หมอขิมก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย เกิดอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยมีหวังงานนี้คะแนนคงมีแต่ติดลบกับติดลบลูกเดียวด้วยความที่รุกเร็วไป
แล้วบางทีความขี้เล่นก็เปลี่ยนไปเป็นความเงียบเชียบ...เกินไป...จนน่ากลัว...หรือสัญญาณจะขาดหายไปแล้ว แบตอาจจะหมด แต่ก็ไม่มีเสียงสัญญาณโดนตัดนี่หว่า
"ฮ้าาาา...พอก่อน ๆ เลิกเล่นดีกว่าเหอะ หายใจไม่ออก" เสียงที่ตอบกลับมาอีกหนึ่งอึดใจ จนคนรอเกือบจะท้อ แล้วก็ต้องหลุดขำก๊ากออกมา
"ใครใช้ให้กลั้นหายใจไว้ล่ะ เดี๋ยวเกิดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันขึ้นมาจะทำไง" อดไม่ได้ที่จะใส่อารมณ์ของคุณหมอต่อว่าเด็กซน ไอ้เราก็ลุ้นแทบตายนึกว่าหายไปไหน ที่แท้หายไปเพราะกลั้นหายใจเล่นเอาคนรอฟังลุ้นซะใจหายใจคว่ำ
"ผมก็ไปหาหมอซิ ไม่เห็นต้องถาม.." เออจริง!! โดนเด็กมันย้อนมาแบบนี้ก็ไม่ต่างจากโดนด่าว่าโง่เลยนี่หว่า ไอ้เด็กกวนๆ แบบนี้มันน่า.....!!
"พี่ขิมมีอะไรรึป่าว โทรมาตอนนี้..?" เจอคำถามตรง ๆ ซื่อ ๆ ของไอ้เด็กศิลป์เข้าไป เล่นเอาคุณหมอที่โทรมาถึงกับอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก ลืมไปว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับเด็กเจ้าปัญหาต้องมีเหตุผลมาคอยอธิบายให้ฟัง
"ไม่มีอะไรครับ แค่อยากโทรมา..." แค่อยากได้ยินเสียง...อยากได้ยินเสียงงงงงง...ก็พูดไปซิวะไอ้ขิม!!
ทางฝั่งชายเอิงที่เอียงหูรอฟังปลายสาย...ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องตื่นเต้นทั้งที่ถามออกไปแบบนั้น แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาแทบจะทันที ธรรมดา...แต่ทำไมถึงยิ้มออกมาได้ก็ไม่รู้ คุณหมอคนนี้..ทำให้ไอ้เอิงคนนี้แปลกไป จากที่ไม่เคยติดอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ ไม่สนใจจะพกติดตัว ไม่เคยต้องมาคอยรอให้ใครโทรเข้ามา...แต่บางเวลาไอ้เด็กศิลป์คนนี้กลับเอาแต่นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์...เหมือนกับคาดหวังอะไรบางอย่าง
"หืม..? โทรมาหาผมอ่ะนะ" เอาอีกแล้ว..ไอ้เอิงอยากตบปากตัวเองจริง ปากมันไวในสิ่งที่ตัวเองคิดสงสัยมาก พอถามไปประโยคก็รอลุ้นฟังคำตอบด้วยใจระทึกกันไปอีกรอบ
"น้องเอิงทานข้าวเย็นหรือยังครับ"
"เรียบร้อยนานแล้ว พี่หมอล่ะ..?" เหมือนเป็นการพูดคุยกันตามปกติธรรมดาไหม..
อยู่ที่ไหน..?
ทำอะไร..?
กินข้าวหรือยัง..?
จะไม่ธรรมดาก็ตรงที่...คนที่คุยกันดันเป็นผู้ชายสองคนที่กำลังมาถามหาเรื่องราวธรรมดาเหมือนคู่อื่นๆ ก้อนเนื้อในอกพองโตทุกครั้งที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับ คนหนึ่งรู้....ส่วนอีกคนยังไม่เข้าใจ แค่อมยิ้มกับตัวเองทั้งสมควรจะรำคาญและเบื่อหน่ายคำถามซ้ำๆ แบบที่ได้ยินทุกครั้ง แต่...มันก็ขึ้นอยู่กับว่า..ใครเป็นคนถามอีกนั่นแหละ
"อยากกินบะหมี่ที่หน้าหมู่บ้านน้องเอิง...." คำเปรยที่ได้ยินทำเอาคนฟังอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
"ไม่เอาอ่ะ..." หมอขิมหุบยิ้มทันทีที่ได้ยิน ระดับความกล้าในใจลดลงวูบจนถึงขั้นต่ำสุด
.
.
.
.
"ไปหาอย่างอื่นกินกัน..!!"
"หา!!? น้องเอิงว่ายังไงน่ะครับ.." ปลายสายหัวเราะลั่น ทำเอาคนฟังทางนี้ถึงกับเหวอปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
"คุณหมอคร้าบบบ จะเจอกันที่อื่นบ้างก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องร้านบะหมี่ซักหน่อย กินแต่เส้น" เสียงบ่นพึมพำตอนท้ายทำเอาคุณหมอที่นั่งฟังถึงกับหลุดขำออกมา ทั้งฮาด้วยก็หนึ่ง ส่วนอีกเรื่องก็คงดีใจที่เหมือนอีกฝ่ายชี้โพรงให้กระรอกหัวหมอ
"งั้นคราวหน้า..เราไปหาอย่างอื่นทานกันนะครับ"
"หึ หึ ผมกำลังรอ...ให้พี่ขิมพูดแบบนี้อยู่เลยครับ.." กลายเป็นกระรอกหัวหมอที่เป็นฝ่ายขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความมึนงงเสียเอง...
สรุปว่างานนี้...เข้าทางใคร..!!?=================
ลงเสร็จแล้ววิ่งแอบด้วยความอับอาย ....สั้นสุดชีวิต...