+ G A M E R L O V E R +
แฟนผมเป็นโอตาคุเกมครับ!
13
..ได้กัน..
...ได้กัน... ตึงตึงตึง แกรกๆ ตึงๆๆ ตึงงงงงงง
เสียงไม้กระทบหนังกลองดังเป็นจังหวะประกอบเพลงเหมือนเช่นเคย เพลงสบายๆคุ้นหูตีง่ายๆราบรื่นแทบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เด็กหนุ่มแอบแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเลือกเพลงนี้...จริงๆแปลกใจตั้งแต่ที่คนตัวเล็กกว่าทำดวงหน้าเหม่อลอยตั้งแต่เมื่อครู่แล้วล่ะ
ข้าวโอ้ตเคาะไม้กลองด้วยมือเดียวเพราะนี่ไม่ใช่เพลงเร็วอะไร และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องเลือกเพลงนี้
ส่วนในหัวน่ะ...มีแต่คำว่า...
…..ได้กัน..... “ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!
เท่านั้นแหละทั้งเสียงกลองเสียงว๊ากลั่นก็ดังขึ้นพร้อมๆกันจนคู่ต่อสู้อดตกใจไม่ได้ พอเห็นว่าไม้กลองสีแดงรัวไม่ยั้งบนแป้นชนิดที่ว่าไม่ได้มองหน้าจอหรือตีไปตามจังหวะเลยด้วยซ้ำจนเหล่าผีหน้ากลมสีเทาอ่อนวิ่งกันให้ควั่กตรงหน้าไม่มีแต้มโผล่สักกะผีก จบสุดท้ายจึงต้องโยนไม้กลองตัวเองทิ้งแล้วยื้อยุดคนข้างตัวไว้ก่อน
“ด-เดี๋ยว!! พี่โอ้ตครับ ใจเย็นๆครับ!!”
“โอ้ยแม่ง! ไอ้โจ้ มึง...ตาย! มึงตายยย!!”
“อะไรครับ? พี่โจ้ทำอะไร?”
“มันทำอะไรน่ะเหรอ!? ก็มันพูดว่า....................” ครั้นตั้งสติได้ เจ้าตัวก็เงียบเสียงลงไปในบัดดล
เมื่อพบว่าตนอยู่ในท่วงท่าที่ไม่งามนักในอ้อมแขนของอีกฝ่าย...จริงๆจะเรียกว่ากอดกันเลยก็ไม่ถูก เพราะมือใหญ่ด้านกำลังคว้ามือตัวเองเอาไว้ และเพราะแรงขัดขืนกิริยาปฏิกิริยาทำให้ตัวทั้งคู่ติดกันหนึบจนหันไปจมูกก็แทบจะชนแก้มมันอยู่ล่ะ...
มันคงจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ถ้าไม่ติดว่า....
….ได้กัน... พลั่ก! เท่านั้นแหละมือเรียวบางก็ผลักอีกฝ่ายออกจนสุดช่วงแขน เล่นเอาทั้งคนทำคนถูกทำตกใจด้วยกันทั้งคู่ ข้าวโอ้ตเผลอปล่อยไม้ตีกลองลงกระแทกพื้นอย่างไม่ตั้งใจแล้วถัดขาถอยหลังด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ
ความเงียบก่อตัวขึ้นในทันที ชายหนุ่มรู้ดีว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ
“...'โทษที...” อีกฝ่ายสั่นศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ไม่ครับ ผมผิดเอง...ลืมไปว่าพี่โอ้ตเคยบอกว่าไม่ชอบให้เข้ามาทางด้านหลัง"
..อุ๊บส์..เสียวตูดทันทีเลยกู... แต่จะแสดงท่าทีสันหลังวาย..เอ้ย! สันหลังวาบออกไปไม่ได้ ชายหนุ่มเลยพยายามตีเนียนด้วยการก้มลงหยิบไม้กลอง ส่วนอีกมือไพล่หลังไปหลวมๆเป็นการป้องกันระดับที่หนึ่ง..ซึ่งรู้ดีอยู่แล้วล่ะว่ามันป้องกันอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่หรอก หลังจากฟังคำไอ้โจ้แซวก็อดจะคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ จบด้วยการทำตัวประหลาดแบบนี้ยังไงล่ะ
“แล้วเป็นอะไร..รึเปล่าครับ?”
“อ้อ เปล่า"
..ด้วยน้ำเสียงห้าวประหลาดสุดๆ.. “พอดีว่า..เอ่อ...หงุดหงิดไอ้โจ้นิดหน่อย"
“พี่โจ้?”
“อือ ก็มันน่ะสิ...จะใครล่ะ"
อารมณ์ในตอนนั้นทำให้ข้าวโอ้ตไม่มีกระจิตกระใจที่จะเล่นต่อเท่าไหร่ จึงได้แต่สอดไม้กลองเก็บเข้าที่..แถมยังทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมด้วยการเก็บให้อีกฝ่ายด้วย เสร็จพิธีก็คว้ากระเป๋าสะพายเรียบร้อย
ไม่ได้ทันรู้ตัวว่าคนข้างๆเงียบเสียงลงไปเลยจนกระทั่งคำๆหนึ่งเอ่ยขึ้นมา..
“พี่โอ้ตนี่...สนิทกับพี่โจ้ดีนะครับ" คนฟังเลิกคิ้ว “หืม? ก็ใช่"
“รู้จักกันตอนไหนเหรอครับ?”
“ก็เห็นหน้ากันตั้งแต่ประถม เรียนคนละห้องน่ะ..แต่มันป็อบปูล่า ใครๆก็รู้จัก" ชายหนุ่มตอบไปตามตรง "เพิ่งมาคุยกันจริงๆจังๆตอนมหา'ลัยนี่แหละ"
“แล้วก็มาทำงานด้วยกัน?”
“อื้อ ก็ทำงานด้วยกันได้...แล้วรุ่นพี่ที่คณะก็แนะนำบริษัทมา"
“อ้อ ครับ"
ควายก็ยังรู้ว่าน้ำเสียงนั้นมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ข้าวโอ้ตขมวดคิ้วหรี่ตามองอย่างจับผิด แล้วถามเสียงหนัก
“.....มีอะไรรึเปล่า?” อีกฝ่ายกรอกตาหนี “เปล่าครับ แค่คิดว่า...สนิทกันดีจัง..."
“แค่นั้น?”
“ครับ แค่นั้น"
“แค่นั้นจริงๆนะ?”
“...ก็เห็นว่าอยู่ด้วยกันบ่อยๆ...” “เพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน..ก็ธรรมดาป่ะ...แต่ไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย พี่เคยบอกแล้วนี่?”
“ครับ ใช่"
..เงียบ.. นี่เป็นอีกอย่างที่เจ้าของร่างผอมบางต้องทำความรู้จักกับคนตรงหน้า ส่วนที่เพิ่มเติมมาคือเรื่องที่ว่า..การรับคำด้วยประโยคสุภาพที่สั้นสุดฤทธิ์สุดเดชแบบนี้มันค่อนข้างที่จะ...กวนอารมณ์สิ้นดี...!!
เขาหรี่ตาลง ความที่มักจะเป็นคนแสดงออกทางสีหน้าท่าทางอย่างตรงไปตรงมาเสมอนั้นเองที่ทำให้เขาเริ่มจะรู้สึก 'หงุดหงิด' อย่างน่าประหลาด เมื่อไอ้เด็กตรงหน้านี่ก็เสือกทำสีหน้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ถ้ามันปิดตาปิดหูปิดปากได้ก็คงทำไปแล้ว..แต่ก็เห็นชัดๆว่ามันไม่ใช่ 'ไม่มีอะไร' เกิดขึ้นแน่ๆ...เพราะฉะนั้น...
“พี่ไม่ชอบเดา มีอะไรก็พูดกันตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อม ลูกผู้ชายอ่ะเข้าใจป่ะ?" ...กอดอกอย่างมาดแมน แฮนซั่มสุดฤทธิ์... และท่าทางเช่นนั้นทำให้คนมองหลุดยิ้มออกมาจนได้
“ผมแค่ไม่สบายใจ"
“นั่นกูรู้ แต่ที่ถามน่ะต้องการจะรู้ว่า...อะไรทำให้แกไม่สบายใจ?”
“นิดหน่อยเองครับ"
“โอย นิดหน่อยกูก็อยากจะรู้ครับ"
“นี่หรือว่าพี่โอ้ต....” เด็กหนุ่มปรือตาลง
"… 'แคร์' ผมด้วย?” กึก.. “ม-ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยไอ้บ้า!! ถ้าจะแหย่ให้พี่เขินแล้วเอาสีข้างเข้าถูขนาดนี้..ไม่เอาตีนซัดหน้าพี่ไปเลยล่ะวะ!!”
“ฮะๆ ผมล้อเล่นน่ะครับ"
...ล้อเล่นทีนึงเล่นเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อยากจะฆ่ามันจริงๆ ข้าวโอ้ตพักความอาฆาตพยาบาทเอาไว้ก่อน
“แล้วสรุปไม่สบายใจเรื่องอะไร?” ..แถไม่ได้...จริงๆแหะ... ร่างสูงกว่ากรอกตา นึกอยากจะกระโดดมุดตัวหายไปกับผังฝ้าเพดานสีทะมึนด้านบนให้รู้แล้วรู้รอด แต่คิดอีกทีว่าต่อให้ตนทำจริงๆอีกฝ่ายก็คงคว้าข้อเท้ากระชากลงมาเป็นแน่..ไม่มีทางรอด..
เขาสูดลมหายใจ “ถ้าบอกแล้ว...พี่โอ้ตอย่าโกรธนะครับ"
“เอ๊ะไอ้นี่...อย่าลีลา..."
“ห้ามโกรธนะครับ"
พอโดนย้ำถาม คนฟังก็คลายคิ้วที่ขมวดลงเล็กน้อยแล้วยอมเออๆออๆไปตามเรื่อง "เออ ไม่โกรธ"
“จริงนะ?”
“จริง"
“จะด่าจะว่าอะไรผมก็ได้ แต่ห้ามโกรธนะครับ?”
"เออออ ก็บอกอยู่นี่ไงว่าไม่โกรธ! บอกมาสักทีสิวะ"
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองคงจะยึกยักอยู่แบบนี้ได้อีกไม่นาน สุดท้ายจึงทำได้แต่ถอนหายใจแล้วตอบตรง
“...ผมอิจฉาพี่โจ้" คู่สนทนาได้ยินดังนั้นก็หันควับทันที “อิจฉา? อิจฉาอะไร?”
“อิจฉา...เอ่อ..." คนถูกถามกรอกตา
"….....เรื่องแบบนี้ต้องให้ผมพูดด้วยเหรอครับ..." “ก็บอกมาสิวะว่าอิจฉาอะไร?”
กอล์ฟสูดลมหายใจ รู้สึกกระดากไม่มากก็น้อยที่จะต้องพูดออกไป...แต่ถ้าไม่พูด...ก็ดูท่าจะโดนคนที่ยืนเท้าสะเอวจิกกัดอยู่คนนี้แหวกอกเอาเป็นแน่...
“........ถ้าพี่โอ้ตจะเลือกระหว่างผมกับพี่โจ้....พี่โอ้ตจะเลือกใครครับ?” คำถาม..ที่ทำเอาลมหายใจสะดุดกึก ราวกับแบตเตอร์รี่ในสมองกำลังวิ่งติ้วๆๆทำการวิเคราะห์ถ้อยประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ทีละน้อยๆ จนเมื่อเริ่มจับใจความได้...ปริมาณเลือดทั้งหลายก็สูบฉีดมาที่ใบหน้ามากกว่าปกติเสียแล้ว
ข้าวโอ้ตเผยอริมฝีปากพะงาบขึ้นลงไม่เกินสามที อะไรบางอย่างในอกมันพองโตจนหายใจได้ติดขัดนัก...พอสบตากับคนตรงหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองลืมปกปิดไอ้อาการผิดปกตินี่ไปสนิทใจ แถมยังทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนเขินไปสามสิบวินาที...ก่อนใจตัดสินใจเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“ก-...แก...แกหึง?” เด็กหนุ่มเบือนสายตาหลบ
"ก็...นะ" “หึงทำไม!?”
“...ก็...ผมชอบพี่" "ร-รู้แล้ว!!" คนฟังอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายจริงๆ "ไม่ต้องย้ำได้ป่ะ!!”
“นึกว่าพี่โอ้ตจะชอบฟังซะอีก"
“ใครจะชอบฟังกันวะไอ้บ้า!”
“ผมก็รอฟังอยู่นะ"
ป๊าดดดดดดดดด...ดอกที่หนึ่ง..! ชายหนุ่มอยากจะวิ่งร้อยเมตรพุ่งทะยานเข้าใส่เสาต้นบักควายนั่นประหนึ่งมันจะสามารถทะลุไปชานชาลาที่เก้าเศาสามส่วนสี่ก็มิปาน หรือวิงวอนให้ศาสตราจารย์มักกอลนากัลทำให้เขาสามารถวาร์ปจากสถานการณ์ตึงเครียด(!?)แบบนี้ได้!
หนำซ้ำยังไม่ทันจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาทำนองว่า 'รู้นะว่าเขินอ่ะห์' แถมอธิบายต่อ
“...ก็...วันๆนึง..พี่โอ้ตก็อยู่แต่กับพี่โจ้นี่นา"
“ไอ้บ้า โจ้มันเพื่อน"
คำสวนทันทีนั่นผิดถนัด เมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มให้
“แล้วผมเป็นอะไรล่ะครับ?” ป๊าดดดดดด
...โดน โดนรอบสอง! ครั้งนี้คนฟังถึงกับตะลึงงันคิดไม่ออกว่าจะทำสีหน้ายังไงดีระหว่างโกรธ โมโห สับสน อาย..หรือขนลุก แต่ก็เอาเถอะ! ถ้ามัวแต่คิดเยอะเดี๋ยวได้โดนมันตุ๋ยจริงๆเป็นแน่!
ดังนั้นต้องสงวนท่าทีแล้วด่ามันก่อน...!
“ไม่ต้องหลอกถามเลยสัส! เรื่องไอ้โจ้น่ะไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก"
“แต่...พี่โอ้ตพูดให้คิดนี่ครับ"
“พูดอะไร?”
“ก็เห็นพี่โอ้ตหงุดหงิดพี่โจ้ เอะอะๆก็พูดแต่เรื่องพี่โจ้"
“กูมีเพื่อนอยู่คนเดียว ไม่พูดเรื่องมันให้กูพูดเรื่องใครวะ?...บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร มันกับมึงอยู่ใน
'ฐานะ' ต่างกัน...ยังต้องให้พูดซ้ำอยู่ได้...
อ้าวสัส ขำเหี้ยอะไรมึง!?”
คนตัวเล็กแหวขึ้นมาทันทีที่จับสังเกตได้ ก็ไอ้เด็กหน้าเป็นตรงหน้าเสือกกระตุกยิ้มขึ้นมาเฉย..จริงๆแล้วมันก็แค่ยิ้มนั่นแหละ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมาประกายระริกระรี้จนรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นขำอยู่..!!
คนโดนด่ารีบยกมือปิดปากพลัน แต่แววตาไม่ได้มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย
แถมยังแก้ตัว
“เปล่าครับ...แค่...”
“..'แค่'อะไร!?”
“แค่รู้สึกว่า....” ดวงตาคู่คมปรือลงมองคนตรงหน้า..รู้สึกยินดีไม่น้อยที่จะเห็นอีกฝ่ายตื่นตระหนกขนาดนี้
“...ที่พี่โอ้ตพยายามพูดถึงขนาดนี้...ผมจะเข้าข้างตัวเองบ้าง...ได้มั้ยครับ?” ป๊าดดดดดดดดดดดดด
...รอบสาม... และรอบนี้เป็นรอบที่คู่สนทนาถึงกับหันหลังควับ เดินหนีละอองความเขินอายตรงนั้นแทบไม่ทัน
+ G A M E R L O V E R +
..ครืดดด ครืดดดด...
หมับ! ดวงตากลมดุสอดส่ายสายตาไปมาโดยรอบอย่างระแวดระวัง...หลังจากสังเกตการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่มีใครคนอื่นอยู่ในบริเวณนั้นนอกจากตัวเองถึงค่อยหยิบโทรศัพท์เจ้ากรรมขึ้นมาช้าๆ จ้องตรงไปยังหน้าจอกระพริบไฟสว่างไสวกับรายชื่อเมมไว้ง่ายๆเลยว่า 'MINAMI' ซึ่งเป็นเบอร์ที่โทรเข้าบ่อยที่สุดแล้ว
ปิ๊บ.. “ฮัลโหล...”
((ครับ?)) ปลายสายขมวดคิ้ว ((...พี่โอ้ตอยู่ไหนน่ะครับ?))
“ออฟฟิศไง...ถามมาได้”
((เปล่าครับ แค่...เอ่อ....กระซิบทำไมน่ะ?))
ข้าวโอ้ตเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ "จะทำไมล่ะ ก็เดี๋ยวใครเค้าจะแอบฟังน่ะสิ!”
((…..ใครล่ะครับ?))
“ไอ้โจ้ ไอ้ป๋อง ไอ้กรัง"
((อ้าว วันนี้อยู่กันครบเหรอครับ?))
“เปล่า" ชายหนุ่มว่า "แต่เดี๋ยวนี้เวลาโทรคุยกับมึง แม่งชอบมาแอบฟังกัน"
..จริงดั่งที่พูด.. เพราะอะไรไม่รู้ที่ทำให้เจ้าลูกล้อสามตัวนั่นชอบมานั่งใกล้ๆเขาเวลาที่คุยโทรศัพท์กับอีกฝ่าย ทั้งๆที่เวลาปกติแม่งไม่เคยมีใครอยากจะเฉียดเข้ามาใกล้ด้วยซ้ำ แถมพอหันไปด่าก็หัวเราะเอิ้กอ้าก...จนตนเองเนี่ยแหละที่เป็นฝ่ายหน้าแดงแล้วเดินหนีไปเอง และถึงแม้จะเดินออกไปคุยนอกระเบียง....ไอ้พวกเวรก็เสือกไปนั่งกันสลอนรอรับตรงประตู ไม่บอกก็รู้ว่าสัญชาตญาณเสือกมันรุนแรงกว่าความเกรงกลัว ต้องหาความโหดใหม่ๆมาคุมความประพฤติพวกมันซะแล้ว
ยังไม่ต้องนึกไปถึงโซ่ แส้ กุญแจมือ เทียนไข..หรืออะไรแนวฮาร์ดคอร์พวกนั้นหรอก ข้าวโอ้ตแค่คิดว่าตัวเองคงกำลังอ่อนกำลังลงกระมัง...สาเหตุไม่ใช่อะไร...ไอ้เด็กบ้าที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นขี้ผึ้งเหลวๆนี่น่ะแหละ...
ห้าทุ่มทุกวัน..
บางวันก็แวะมาหา.. ไอ้ที่น่าประหลาดน่ะคือเรื่องที่บางวันเดินลงไป...เจอมันนั่งคุยกับยามหน้าตึกนั่นแหละ!?
….มันจะมาตีซี้เร็วไปม๊ายยยยยย..!? แต่ชายหนุ่มก็เก็บความเหวี่ยงพวกนั้นไว้ในใจ แล้วก้มหน้ารับชะตากรรมว่าแท้จริงแล้ว..เขาเองก็ไม่ได้รำคาญอีกฝ่ายอย่างที่พยายามพูด หนำซ้ำยังแอบเฝ้ารอให้ถึงเวลาห้าทุ่มของทุกวันเร็วๆด้วยซ้ำไป
….....นี่มัน...เป็นลางที่แย่สุดๆ.. แทนที่เขาจะวางแผนทำให้พวกที่บริษัทเกรงกลัว...
...สู้เอาเวลาทั้งหมดไปหักห้ามใจตัวเอง...มันจะดีกว่าไหม??? ((พี่โอ้ตครับ?)) “หืม?” ชายหนุ่มสะดุ้งจากภวังค์ ถึงได้รู้ว่าสติตัวเองเผลอหลุดลอยไป "'โทษที เหม่อนิดหน่อย...ว่าไงนะ?”
((เหนื่อย..เหรอครับ?))
คนฟังเลิกคิ้ว “เปล่านี่ ถามทำไม?”
ปลายสายเงียบไปสักพัก ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เวลานานพอที่คู่สนทนาจะเอะใจ...อย่างน้อยก็ไม่สะกิดใจเลยสักนิดจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดขึ้นมาว่า
((งั้น...แค่นี้ก่อนก็ได้....))
คู่สนทนาขมวดคิ้ว “....ว่าไงนะ?”
((พี่โอ้ตทำงานเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว))
“เดี๋ยว อะไรของแก...?”
((ฝันดีล่วงหน้า อย่าลืมนอนนะครับ))
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นแทบไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แถมยังติดว่าอ่อนโยน..และแผ่วเบามากด้วยซ้ำไป ข้าวโอ้ตขมวดคิ้วกับประโยคเหล่านั้น และพูดอะไรตอบกลับไม่ได้นอกจากคำที่ว่า
“..อือ ฝันดีเหมือนกันนะ..." ...ที่เขาไม่เคยคิดจะเอ่ยบอกใครออกมาก่อนในชีวิต... เขาไม่รู้ว่าพูดคำนั้นออกมาได้ยังไง แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วเมื่อปลายสายเงียบลงชั่วอึดใจ กับคำพูดต่อมาที่ว่า
((….ผมชอบพี่โอ้ตนะ แล้วจะโทรไปใหม่ครับ)) …..
ปิ๊บ.. ชายหนุ่มยังถือโทรศัพท์ค้างอยู่แบบนั้นในตอนที่อีกฝ่ายวางสาย
เขายังคงอาการช็อคอยู่ สติสตังทั้งหมดเลือนหายไปกับเสียงหัวใจที่ดังระรัวอยู่ในอก มันไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่เคยคิด..กลับกัน..เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั่งไม่ติดพื้น คล้ายกับลูกโป่งโดนอัดแก๊สจนลอยละล่องหายไปที่ไหนไม่รู้ แถมยังมีของเหลวอะไรบางอย่างล้นปรี่แทบจะทะลักออกจากสมองด้วย...
เอาเป็นว่าเขาได้แต่นั่งหน้าแดงอึ้งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ กว่าจะได้สติกลับมาทำงานก็ปาเข้าไปสิบนาทีเห็นจะได้
..ลืมเรื่องพฤติกรรมแปลกๆของอีกฝ่ายเมื่อครู่ไปได้เลย...
…..ไอ้อัตราการเต้นของหัวใจนี่สิ ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าหลายเท่า... ข้าวโอ้ตหลุบสายตามองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ..เจ้าวาดะดนยิ้มแฉ่งห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า พอนึกไปถึงวาดะคัตสึของอีกฝ่ายก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ความกระวนกระวายแบบนี้ไม่ยากเกินการคาดเดา และเขา..ที่ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อนก็รู้ได้แทบจะในทันที
“...ซวยแล้วไง...” ร่างผอมบางรำพึงรำพันกับตัวเอง หลับตา..คว่ำโทรศัพท์เจ้ากรรมลงบนโต๊ะ
เสร็จสรรพก็ยกมือสองข้างขึ้นมานวดขมับตัวเอง
“.......ยิ่งกว่าหวั่นไหวเลยแหะกู..”+ G A M E R L O V E R +
กี่วัน..กี่สัปดาห์...หรือเป็นเดือนกันนะ..?
...นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกับคนๆนั้น... กอล์ฟกำลังครุ่นคิดหนักเรื่องนาฬิกาที่จะไปหามาเปลี่ยนใหม่..การที่ปล่อยให้ห้องเงียบสงัดขนาดนี้มันให้ความรู้สึกประหลาดที่เขาเพิ่งสังเกต อย่างน้อยถ้าหากมีเสียงเข็มนาฬิกาขยับบ้างเขาก็คงไม่รู้สึกโหวงในอกขนาดนี้
..น้ำลดทุกวันหินมันยังกร่อน..
...แต่ให้ตาย..มันกร่อนจริงรึเปล่าใครเล่าจะรู้... เด็กหนุ่มพลิกตัวอยู่บนโซฟาตัวเล็ก ครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆและปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายมอบให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
หน้าแดงตอนเข้าใกล้ ลนลานเหมือนกระต่ายตื่นตูม ชอบพูดจาแรงๆดุๆ บางครั้งก็อ้อมแอ้มก้มหน้างุดๆ บางทีก็พูดเหมือนพยายามจะรักษาน้ำใจอย่างสุดซึ้งด้วยคำพูดหยาบกระด้าง..ซึ่งเขาไม่เคยนึกโกรธเลยสักครั้ง กลับกัน..ยิ่งอีกฝ่ายแสดงท่าทางเช่นนั้นใส่กลับยิ่งรู้สึกว่า 'น่ารัก' มากขึ้นทุกที..
อีกฝ่ายไม่ได้บอบบางอรชรแท้ๆ ไม่ได้มีดวงหน้าหวานสวยหน่อมแน้มแท้ๆ
..ก็แค่ตาโต คิ้วเข้มๆดุๆ จมูกตรงแน่วเชิดตรงปลาย ริมฝีปากหยักไม่ได้อวบอิ่มอะไร รูปร่างผอมบางก็จริงแต่แขนก็มีกล้ามอยู่นิดๆหน่อยๆ(ก็เล่นบ้าพลังขนาดนั้นนี่หว่า...) ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาแทบจะเป็นชายชาตรีทุกสัดส่วน..ที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยสำรวจด้วยมือตัวเองก็เถอะ..
….....แต่การกระทำน่ารักชิบหาย... “..อยากเจอจริงเว้ย...” เขารำพึงรำพันแล้วมุดหน้าลงหมอน เพิ่งจะเคยรู้ว่า 'ความรัก' ที่ใครว่ามันสวยงามน่ะ..ทรมานได้ขนาดนี้..
...แต่ถ้าพูดกับเจ้าตัวตรงๆว่า 'คิดถึง' น่ะ...อีกฝ่ายคงไม่พอใจเป็นแน่.. วาดะคัตสึ(กลองสีฟ้า)ฉีกยิ้มแฉ่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ตรงหน้า ยิ่งเห็นยิ่งนึกถึงเจ้าวาดะดนตัวคู่กันที่อยู่กับอีกฝ่าย แล้วก็ยิ่งคิดถึงมากเข้าไปอีก เขารู้ดีว่าช่วงเวลานี้เรียกว่า 'อาการหนัก' ซึ่งแปลความได้ว่าการกระโจนครั้งสุดท้ายก่อน 'อกหัก' ก็เป็นได้..
..จะรำคาญรึเปล่า..?
..จะเบื่อรึเปล่า..?
..จะเกลียดรึเปล่า..? พอถึงตรงนี้..เรื่องที่กังวลก็ดูเหมือนจะเยอะไปหมด...
ดังนั้น...
…..ที่ทำอยู่ทุกวันนี่...ดีรึเปล่านะ....?TBC===========================
อดทนไว้ อดทนไว้นะกอล์ฟฟฟฟ
เม้นท์เยอะแบบนี้คนเขียนรักตาย
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่า >w<
ozaka*
