2 . ข้อมูลควรรู้เกี่ยวกับตุรกี
ตุรกี (Turkey) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชีย ครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอนาโตเลีย มีพื้นที่ร้อยละ 97 ของทั้งประเทศ และถูกแยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดะเนลส์ (ซึ่งเป็นสมรภูมิรบที่ดุเดือดที่ กัลป์ลิโปลี่ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่องแคบที่เชื่อมระหว่างทะเลมาร์มาร่า และทะเลเอเจี้ยน) ตุรกีในฝั่งยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ
ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน
มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกเอเชียและยุโรปออกจากกันคือ
ทะเลมาร์มารา ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลล์ ซึ่งถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป
จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ทั้งสองทวีป (ข้อมูลจาก Wikipedia)
ตุรกีเป็นประเทศมุสลิมที่มีการปกครองแยกออกจากศาสนาอิสลาม ต้องขอบคุณ มุสตาฟา เคมาล อะตาเติร์ก
(อะตา = พ่อ/บิดา) – บิดาของชาวเติร์กสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบมบูรณาญาสิทธิราชย์
ซึ่งปกครองโดยสุลต่านในราชวงศ์ออตโตมัน มาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 1938
ทำให้ตุรกีเจริญก้าวหน้ามากกว่าประเทศมุสลิมอื่น ๆ อีกหลายประเทศ
แต่ก็เป็นประเทศหนึ่งที่ถูกประเทศมุสลิมชาติอื่น ตราหน้าว่าเป็น “มุสลิมนอกคอก”
เพราะถึงแม้ว่า จะนับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน แต่คนตุรกี เรียกตนเองว่า “นีโอมุสลิม” หรือมุสลิมสมัยใหม่
กล่าวคือ หลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม หรือ อิบาดะห์ (คัดลอกมาจาก muslimthai post)
ซึ่งแบ่งเป็น 5 ประการ ได้แก่
1. นับถือองค์อัลลอฮ์ เป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว ไม่เคารพบูชารูปใดๆ นอกจากพระอัลลอฮ์
2. การทำละหมาด ทั้งในรอบวัน ๆ ละ 5 เวลา หรือรอบสัปดาห์ รอบปี เช่น การละหมาดเมื่อสิ้นเดือนถือศีลอดหรือวันเชือดสัตว์พลีทาน เป็นต้น
3. การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
4. การบริจาคศาสนทาน หรือ ซะกาท (Sakat)
5. การประกอบพิธีฮัจญ์
(หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพราะผมไม่ใช่มุสลิม)
สิ่งที่คนตุรกีทำตามหลักปฏิบัติดังกล่าว มีเพียงอย่างเดียว คือ นับถือองค์อัลลอฮ์เป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว
ที่เหลือนอกนั้น แทบไม่ทำเลย คนตุรกีไม่เคร่งครัดเรื่องหลักศาสนา แต่ก็ไม่กีดกัน ถ้าใครจะทำ
แล้วก็ไม่ปิดกั้นสำหรับศาสนาอื่นด้วย เท่าที่เห็น พอถึงเวลาละหมาด ก็ไม่เห็นมีใครสนใจจะทำละหมาดกัน
เดินผ่านหน้ามัสยิดไปเฉยเลย ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ จากที่ถามไกด์ท้องถิ่น
เขาบอกว่า เราต้องทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จะมามัวแต่บูชาพระเจ้า ก็ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี
พร้อมกับยักไหล่ 1 ที เออ! ดีเหมือนกันเว้ย ฉะนั้น เมื่อไม่สนใจทำละหมาด
เรื่องการถือศีลอด การทำซะกาท และการประกอบพิธีฮัจญ์ ก็เลยไม่สนใจทำไปด้วย
เรียกว่า เป็นมุสลิมแต่ตัว ก็คงเหมือนบ้านเรามั้ง ที่ได้ชื่อว่า เป็นเมืองพุทธ
แต่คนรุ่นใหม่แทบไม่เคยไปวัดเลย ฉันใดฉันนั้น
เท่าที่เห็น ผู้ชายตุรกีนิยมแต่งกายอย่างชาวยุโรปทั่วไป ใส่สูท ผูกไทด์ไปทำงาน
ส่วนผู้หญิงอาจจะมีสวมกระโปรงยาวและคลุมผมบ้าง แต่ไม่คลุมหน้า
สาวในเมืองแทบไม่มีใครใส่กระโปรงยาวคลุมเท้าเลย สาว ๆ บางคนใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รัดติ้ว
บางคนผมเห็นที่สนามบินในประเทศ คุณเธอใส่เสื้อสายเดี่ยว/เกาะอกด้วยซ้ำ เอากะเธอสิ
คนตุรกีพยายามเปิดโอกาสให้สาวตุรกีออกไปทำงานนอกบ้าน เพื่อช่วยเหลือครอบครัวได้
แต่คนส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะผู้ชาย) ก็ยังนิยมให้ทำงานอยู่กับบ้านมากกว่า
คงเหมือนบ้านเราเมื่อสัก 30-40 ปีที่แล้ว ที่ผู้หญิงพอแต่งงานแล้ว ก็ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
ดูแลครอบครัว ซึ่งตอนนี้แทบหาไม่เห็นแบบนั้นแล้ว (นอกจากไม่ค่อยเจอแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้ชายยังต้องช่วยทำงานบ้านอีกด้วย
ดีที่ยังท้องเองไม่ได้ ไม่งั้นมีเฮ --- เพื่อนผมทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะต้องช่วยเอาผ้าไปซักในเครื่อง ตากผ้าบ้าง ล้างรถบ้าง ช่วยเลี้ยงลูกบ้าง ล้างจานบ้าง ไปซื้อกับข้าวบ้าง ฯลฯ แล้วแต่เมียจะบัญชาให้ทำ ---- ขอเผาเพื่อนตัวเองหน่อย 55555
)
เรื่องเชื้อชาติของคนตุรกีนี่ บอกได้ว่า หลากหลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์มาก
เพราะมีการผสมข้ามเผ่าพันธุ์กันมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลแล้ว
(เรื่องเชื้อชาติ เดี๋ยวจะค่อย ๆ เล่าให้ฟังนะครับ เพราะมันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตุรกีด้วย)
หน้าตาของคนตุรกี ทั้งหญิงและชาย ถือว่า หน้าตาดีมาก จากที่พบเห็นมา กว่า 90%
หน้าตาสวยงาม หล่อเหลา คมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ตาคม ผมหยักศก ผิวขาวเนียนละเอียด
ไม่หยาบกร้านเหมือนชาวยุโรปทั่วไป คงเพราะได้ความขาวของพวกคอร์เคเซี่ยน
และความเนียนละเอียดของพวกฮั่นหรือมองโกล เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง
ฝรั่ง+แขกเปอร์เซีย+ฮั่น
มีเรื่องหนึ่งที่ต้องทำใจไว้ก่อน ก่อนจะไปเที่ยวตุรกี คือ “กลิ่น”
ใช่แล้วครับ ก็เหมือนพวกแขกทั่วไปน่ะแหละ คนตุรกีมีกลิ่นตัวแรงทั้งหญิงและชาย
ไม่ใช่ว่า ไม่ชอบอาบน้ำนะครับ จากที่สอบถามไกด์ท้องถิ่น เขาบอกว่า คนตุรกีนิยมอาบน้ำเช้า-เย็น
เหมือนบ้านเรา แต่ด้วยความที่อาหารการกินของเขาจะเน้นพวก นม เนย เครื่องเทศ น้ำมันมะกอก
เนื้อสัตว์ และผัก จึงทำให้เขามีกลิ่นตัวแรงจากอาหารที่กินเข้าไป แต่เขาถือเป็นเรื่องปกตินะ
และไม่นิยมใช้เครื่องดับกลิ่นตัวด้วย ถือว่า เป็นฟีโรโมนอย่างหนึ่ง
แขกต่างบ้านต่างเมืองอย่างเรา ก็ต้องทำใจ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เหอ เหอ เหอ
หนุ่มสาวตุรกีจะดูดีมาก ตั้งแต่อายุ 14-15 จนถึงอายุ 25 พออายุเกิน 25 เริ่มฉุแล้ว ผู้ชายจะพุงป่อง
ออกมาก่อนเพื่อนเลย จากนั้นหน้าตาก็ตามมา แต่หาคนหัวล้านน้อยมาก
ไกด์ท้องถิ่นที่พาเที่ยวของผม ตอนแรกดูหน้าตาแล้ว นึกว่า 45 แต่พอถามไถ่เรื่องอายุ
ถึงรู้ว่า พี่แกอายุแค่ 32 เอง เด็กกว่าผมอีก แต่หน้านี่ล้ำอายุไปไกลมาก
ส่วนผู้หญิง ก็จะออกแนวอวบอึ่มเนื้อนมไข่ ตัวตัน ๆ ตั้งแต่เด็ก หาพวกเอวบางร่างน้อยยากมาก
แต่พออายุย่าง 30 ก็เริ่มเผละแล้ว เหมือนพวกสาวละติน อ้วนลงพุง สะโพกย้อยกันเป็นแถว
อีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำใจไว้ก่อน คือ การสูบบุหรี่ คนตุรกีสูบบุหรี่จัดมาก สูบกันทั้งชายและหญิง
บางทีพี่แกนั่งสูบกันในอาคารหรือร้านอาหารเลย กลิ่นตลบอบอวลไปหมด
ใครที่แพ้บุหรี่ กรุณาคำนึงถึงข้อนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้ทึ่ง คือ ตุรกีเป็นประเทศที่เปิดกว้างเรื่องเพศที่สาม ผู้ชายป้ายเหลืองหาได้ง่ายตามท้องถนน
ทั่วไป ถ้าตาถึงและช่างสังเกต แต่ต้องระวังเรื่องการขู่กรรโชก ทำร้ายร่างกาย ไว้บ้าง
หนุ่มตุรกี มีอัธยาศัยดี ช่างเจ๊าะแจ๊ะ ลูกเล่นเยอะ เรียกว่า ดูดีมีเสน่ห์มาก (ถ้าตั้งใจจะอ่อยเหยื่ออ่ะนะ)
แต่ก็กะล่อนรอบจัดมากเหมือนกัน
ขณะที่อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และประเทศมุสลิมอื่น ๆ จะถือว่า การรักชอบเพศเดียวกัน
เป็นบาปอย่างรุนแรงและผิดกฎหมายศาสนา มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต
แต่ตุรกี กลับไม่ห้ามหรือมีมาตรการกีดกันเรื่องพวกนี้
เท่าที่ได้ยิน “เขาเล่ามา”บอกว่า หนุ่มตุรกีส่วนใหญ่มักมีประสบกา(ม)รณ์กับเพศเดียวกัน
ตอนประจำการเป็นทหาร อาจเป็นเพราะความจำเป็นในสถานการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่หนุ่มตุรกีไม่รังเกียจเกย์ก็แล้วกัน แต่พวกเลสเบี้ยน กลับไม่ค่อยเปิดกว้างเท่าไหร่
ดูเป็นเรื่องแปลกประหลาดไปซะงั้น
เพราะฉะนั้น ตุรกี จึงเป็นดินแดนแห่งการปลดปล่อยของชาวเพศที่สามในเอเชียตะวันออก
มีคลับของชาวตุรเกย์ในเมืองอิสตันบูล อยู่แถว Taxim ใกล้กับโรงแรมที่ผมพักอยู่ด้วย
ห่างไปแค่ 300 เมตรเอง อิอิ
[attachment deleted by admin]