กลับมาแล้วคร้าบ......
หลังจากหายหน้าไปหลายวัน เพิ่งกลับจากต่างประเทศ เหนื่อยโคตร ๆ
ลอยกระทงปีนี้ ต่างคนต่างอยู่กันคนละประเทศเลย
ได้แต่โทรถึงกัน แล้วก็ลอยกระทงด้วยกันในเน็ต
โชคดีที่สมัยนี้มีลอยกระทงออนไลน์กันแล้ว 5555555
เมื่อวานนี้ ก็เพิ่งไปตะลอนทัวร์ด้วยกันมา กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสี่ทุ่ม
เริ่มด้วย.....
1) ผมไปตรวจสุขภาพ (รอบ 2) ที่ รพ. สมิติเวช ศรีนครินทร์
เพราะทางบริษัทประกันของที่ทำงานใหม่ เขาขอให้ไปตรวจตามโปรแกรมที่เขากำหนด
รวมทั้งตรวจ HIV ด้วย ผมก็เลยถือโอกาสลากเอาคุณชายติดไปตรวจอีกคน
เพราะไม่ได้ตรวจกันนานแล้ว ไม่รู้ว่า ระหว่างนี้ไปแอบนอกกายที่ไหนมาบ้าง

นอกจากตรวจ HIV แล้ว ก็เลยถือโอกาสตรวจมะเร็งทวารหนักไปด้วยเลย
ไหน ๆ ก็เจ็บตัวเจาะเลือดแล้ว ก็ตรวจมันซะให้ครบ จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย
ส่วนผล เดี๋ยว รพ. จะส่งผลแจ้งมาให้อีกทีครับ
2) หลังจากเสร็จจากกระบวนการตรวจสุขภาพแล้ว พวกผมก็ไปเดินงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป
โดยอาศัยสิทธิรับบัตรเข้าชมฟรี ผ่าน Serenade ของ AIS ที่เขามีโปรโมชั่น
1 เบอร์ ต่อ 1 ใบ ก็ตื่นตาตื่นใจดีครับ แต่คนเยอะมาก เดิน ๆ ไปสักพักชักเริ่มเวียนหัว
อีกอย่าง ไปกับคุณชาย ยืนเหล่พริตตี้นานมากไม่ได้ พี่แกมองตาเขียวปั๊ด
แต่พอผมเผลอ ตัวเขาเองก็ยืนมองตาเป็นมันเหมือนกันแหละวะ
ปีนี้ แต่ละบริษัท เขาก็สรรหาพริตตี้หน้าตาจิ้มลิ้ม หุ่นเซี๊ยะ มาแข่งกันเรียกแขกน่าดู
พอออกมาจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ก็เดินเลยไปที่ Challenger Hall
เขามีงานมหกรรมของขวัญอะไรเนี่ยแหละ ก็เลยเดินไปดูของขวัญ ของกิน ของใช้
เผื่อเป็นไอเดียซื้อของขวัญปีใหม่แจกญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง แต่ก็ไม่ได้อะไร
เพราะของมันก็ซ้ำ ๆ เดิม ๆ ได้แต่ของกิน คุณชายเขาซื้อไวน์ผลไม้มา 2 ขวด
ไวน์องุ่นกับสตรอเบอรี่ กะว่า จะเอาไว้กินตอนไปเที่ยวที่เชียงคาน อิอิ
3) หลังจากเดินกันมาร่วม 4-5 ชั่วโมง พวกก็เลยขับรถมาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว
เพราะนัดเพื่อนกลุ่มที่จะไปเที่ยวเชียงคานด้วยกัน มาทานข้าวเย็นกัน
และกะจะคุยเรื่องกำหนดการท่องเที่ยว จุดนัดพบ ที่กิน ที่เที่ยวกันด้วย
ไปถึงเซ็นทรัลฯ เกือบ 6 โมงเย็น คนมาเที่ยวกันเยอะแยะมาก
โดยเฉพาะวัยรุ่น ทั้งม. ปลาย และมหาวิทยาลัย เดินกันขวักไขว่
คงเป็นเพราะเป็นช่วงลดราคาประจำปี เซ็นทรัลมิดไนท์เซลล์มั้งครับ
เห็นบรรดาซุ้มขายของ โดยเฉพาะเสื้อผ้า มีแต่คนรุมทึ้งแย่งกัน
ตอนแรกพวกผมนัดเจอกันที่ร้านฟูจิ แต่พอไปถึง มีคนรอคิวเยอะมาก ประมาณ 20 กว่าคิว
ซึ่งกว่าจะได้โต๊ะนั่ง คงร่วมสองชั่วโมงแน่ ก็เลยเปลี่ยนใจ เดินไปสำรวจร้านอื่นกัน
ส่วนใหญ่ร้านที่คนนิยมกิน ก็ล้วนมีคิวยาวกันทั้งนั้น เห็นอย่างนี้แล้ว ใครบอกคนไทยจน
ที่เห็นยืนรอคิวกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กวัยกำลังเรียนทั้งนั้น หาวัยทำงานน้อยมาก
ทำให้ผมนึกในใจว่า ไอ้เด็กพวกนี้มันช่างร่ำรวยกันจริง ๆ
มีเงินมากินอาหารมื้อละ 200-300 บาท สงสารคนเป็นพ่อแม่จัง กว่าจะเงินได้แต่ละบาท
เหนื่อยยากลำบากกายแค่ไหน รู้กันบ้างมั้ยเนี่ย!
บางคนแต่งตัวกันมา ยังกับมาเดินแบบ เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งหญิงและชาย
พวกผมก็มองอาหารตากันเพลินไปเลย 555555

สุดท้ายก็มาลงเอยกันที่ Hot Pot เพราะคิวสั้นสุด รอแค่ 2-3 คิว
ก็ตามประสาเพื่อนฝูงที่นาน ๆ เจอกันที มีแต่คนแย่งคุย ไม่ค่อยมีคนฟัง 55555
ตอนแรกว่า จะไปดื่มกันต่อ แต่ปรากฎว่า ไอ้พวกแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
ต้องรีบกลับบ้าน เพราะขอวีซ่า ผบทบ. ไว้แค่นัดกินข้าวเย็น ไม่ได้ขอเผื่อย่ำราตรี
ก็เลยเหลืออยู่ไม่กี่คน พอไม่ครบก๊วน มันก็ไม่สนุก จริงมั้ย?
อีกอย่าง ผมเห็นคุณชายแอบตาปรือเป็นระยะ ๆ ด้วย
คงเพลียเหมือนกัน เพราะตื่นมาออกจากบ้านแต่เช้า เดินทางไปหลายที่ด้วย
พวกผมก็เลยจำใจต้องแยกย้ายกันกลับ บ้านใครบ้านมัน
เนะ....ผมอ่านเรื่องที่แนบมาให้ดูแล้ว สงสารน้องคนนั้นนะครับ
ก็เป็นกำลังใจให้น้องคนนั้นเข้มแข็ง อย่าไปเก็บเรื่องสั่ว ๆ แบบนี้มาเป็นอารมณ์
คนเราก็มีหลายประเภท ความคิดและการแสดงออกก็แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับพื้นฐานครอบครัวและการเลี้ยงดู นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่พวกผมสองคน
ถึงได้ไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผยตัวตนกับคนอื่นที่เขาไม่รู้จักเราจริง ๆ
เพราะเราไม่รู้ว่า เขาจะคิดยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่ทำงานของคุณชายเขา
พวกนี้ชอบเป็นผู้ดูอยู่วงนอก ไม่ได้รังเกียจหรือต่อต้าน ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวกับเขา
แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่รู้ว่า ในสังคมของเขา มีพวกเราเข้าไปแจมด้วย
ผมไม่แน่ใจว่า เขาจะรับได้หรือเปล่า ซึ่งเรื่องแบบนี้มีให้เห็นกันอยู่ดาษดื่น
น้องที....หายไปนานเลยนะ ดีใจจังที่รู้ว่า ยังมีคนแอบอ่านอยู่
นึกว่า จะมีแต่หนุ่มน้อย?? สองคนซะแล้ว มาให้กอดหน่อย

ส้ม....

เหนื่อยนัก ก็พักซักหน่อยนะครับ อย่าไปคิดมาก
ยิ่งคิด ยิ่งเครียด ค่อย ๆ หาทางแก้ไขกันไป ที่ละเรื่อง
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เพียงแต่มันจะถูกใจเราหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พี่เป็นกำลังใจให้นะครับ
