==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 947088 ครั้ง)

ออฟไลน์ PHUCK™

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-31
.
.
.




คำตอบ : เจอในนี้นี่แหละครับ (เล้าเป็ด) ผมเป็นนักเขียน - เขาเป็นนักอ่าน :')

chaiiyawit

  • บุคคลทั่วไป
ขอนอกเรื่องนะ 


 ตรองรูปนี้เหมือนแกจะฟินเลยหว่ะ กร๊ากๆๆๆ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
วันนั้น...น่าจะเป็นวันจันทร์มั้งครับ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) วันนั้นมีเด็กใหม่เข้ามา 2 คน ซึ่ง...หนึ่งในนั้นก็..........โจนี่แหละ

ครั้งแรกที่ผมเห็นโจ ผมก็เฉยๆ นะ ถามว่ามันหล่อมั้ย หล่อครับ แต่หล่อแบบเชยๆ หล่อแบบบ้านนอกๆ เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ (เก่าๆ เหลืองๆ) ใส่แว่นสายตา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง  

แต่มีสิ่งนึงที่ผมจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ...รอยยิ้มของมันครับ

มัน...เป็นผู้ชายที่ยิ้มน่ารักมากๆ ยิ้มกว้างๆ ดูจริงใจๆ

พอหัวหน้าผมเค้าแนะนำให้ผมรู้จัก ผมก็แค่ยิ้มให้มันไปทีนึง แล้วกลับไปทำงานต่อ...ซะงั้น!


(ตอนนั้นมันน่าจะเรียนอยู่ซักปี 2 หรือปี 3 นี่แหละครับไม่แน่ใจ ส่วนผม...เป็นพี่มัน 2)

ทีนี้เนื่องจากว่าผมเป็นคนไม่ค่อยพูดกับคนที่ตัวเองไม่ค่อยสนิทอยู่แล้ว ช่วงแรกๆ ผมกับโจก็เลย...แทบจะไม่ได้คุยกันเลย อาจจะแค่เดินสวนกันแล้วก็ยิ้มให้กันบ้าง เจอกันในห้องเบรกบ้างอะไรงี้ครับ (อ่อ แม้เราจะทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่เราจะอยู่คนละแผนกกันนะครับ) ซึ่ง...สำหรับผม ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรไง เพราะผมก็ไม่ได้คิดอะไรกะมัน ยิ่งตอนนั้นผมเพิ่งจะอกหักจากคนๆ นึงมาด้วย ผมก็เลย...ยิ่งไม่อยากจะผูกสัมพันธ์หรือเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตซักเท่าไหร่

แต่...ครับแต่...แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าโจเนี่ยมันจะเสน่ห์แรงเอามากๆ เข้ามาอยู่ได้ไม่ทันไร ใครๆ ก็พากันปลื้มมันไปทั่ว โดยเฉพาะผู้หญิงและหัวหน้าทั้งหลายของผม อาจจะด้วยความที่มันเป็นคนเข้ากับคนง่าย ช่างคุยด้วยมั้งครับ มันก็เลยได้ใจคนในที่ทำงานของผมไปเต็มๆ  (ผิดกับผมที่เริ่มจะมีคนเกลียดเพราะกร่าง ถือว่าตัวเองเป็นเด็กเก่า 555)

พอมีคนมาพูดถึงมันให้ผมฟังมากๆ เข้า พอมีเวลา...ผมก็เลยลองสังเกตการใช้ชีวิตของมันดู ซึ่งก็...จริงอย่างที่ใครๆ พูดนั่นแหละครับ มันเข้าหาคนเก่ง(มาก) ขี้อ้อน อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี จนผมคิดว่า....อืม...(นิสัย)มันก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ

แล้วก็...เนื่องจากว่างานที่ผมทำอยู่ตอนนั้นเป็นงานโรงหนังอ่ะครับ (คล้ายๆ กะการทำเล่นๆ ระหว่างเรียน เป็นpart-time) ซึ่งถ้าใครชอบไปดูหนังบ่อยๆ จะเห็นว่าโรงหนังเค้าจะมีพวกชุดคอมโบ (แก้ว+ของที่ระลึก) และพวกโปสเตอร์หรือแฮนบิลแจกใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้น...ผม...จะเห็นโจมันเดินเก็บไอ้พวกแก้วตามถังขยะ หรือขอของพรีเมียมจากคนโน้นคนนี้บ่อยๆ

พอผมถาม มันก็บอกว่าจะเอาไปสะสมครับ (ส่วนผมตอนนั้นเนื่องจากทำมาซักพักก็เริ่มเบื่อละครับไอ้พวกของสะสมเนี่ย)

และเพราะมันเป็นคนซื่อๆ แบบนี้แหละครับที่ทำให้ผมไปชอบมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอรู้อีกทีก็ชอบมันไปแล้วง่ะ

คือผมน่ะรู้ตัวแล้วแหละตอนนั้นว่าตัวเองเริ่มจะชอบโจมันเข้าแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันเป็นเกย์รึปล่าว แล้ว..ถ้าเป็น...มันจะชอบผมมั้ย ผมก็เลยไม่กล้าพูด ไม่กล้าไปอะไรกะมันครับ แต่ผมจะคอยสังเกตว่าแต่ละวันมันใช้ชีวิตยังไง มันสนิทกะใคร กินข้าวกับอะไร ซึ่งมีอยู่อย่างนึง...ที่ผมเห็นแล้วออกอาการอึ้งเล็กๆ ก็คือไอ้นี่มันเล่นกินมาม่าทุกวันครับ พอถามจากคนใกล้ตัวถึงรู้ว่า...ฐานะทางบ้านของมันไม่ใช่คนร่ำรวยซักเท่าไหร่นี่สิ (แต่เล่นแดรกมาม่าทุกวันก็ไม่ไหวนะเฟร้ย) ทีนี้นอกจากชอบแล้ว...กลายเป็นยิ่งสงสารเข้าไปอีก

ด้วยความที่ทั้งชอบ(เล็กน้อย) บวกกับความสงสาร ผมก็เลยรู้วิธีที่จะผูกสัมพันธ์กะมันแล้วครับ

วันรุ่งขึ้นผมก็เอาเลย ซื้อข้าวมา 2 กล่อง กล่องนึงก็ของผม อีกกล่องก็ซื้อมาให้มันอ่ะแหละ ซื้อมาก็เอาไปตั้งไว้ที่ห้อง staff ครับ ตั้งให้เห็นชัดๆ รอจนมันเบรก (แอบรอนิดๆ ทั้งที่ตัวเองก็ถึงเวลาเบรกตั้งนานแล้ว) พอมันเบรก ผมก็เนียนตามมันขึ้นไป แล้วก็เปิดกล่องนั่งกินของผมคนเดียว ซักพักครับเห็นมันเปิดล๊อกเกอร์แล้วเอามาม่าออกมา น้ำร้อนกะชามนี่พร้อมละครับ ผมก็เลยแกล้งถามไปว่ากินมาม่าเหรอ (555) มันก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้เหมือนที่มันชอบยิ้ม ทีนี้เข้าทางเลยครับ ผมก็เลย ยื่นข้าวอีกกล่องให้มันด้วยหน้าตาที่เฉยมากๆ มันก็ถามงงๆ กลับมาว่าให้มันเหรอ ผมก็เลยบอกว่าใช่ ให้โจอ่ะแหละ แต่ก็บอกแบบมีฟอร์มนิดๆ นะครับว่า

“ตั้งใจว่าจะซื้อมากินคนเดียวน่ะแหละ แต่กินไม่หมด โจเอาไปกินเหอะ กินมาม่าทุกวันมันไม่ดีนะ”

555 แอบหยอดให้รู้ว่าแคร์เล็กน้อย นั่นแหละครับมันถึงรับไปกิน แล้วตั้งแต่วันนั้นเราก็ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวครับ

.............................................
ทีนี้ก็มาที่คำถามข้อที่ 2 ดีกว่า ก็ตามที่ผมเล่าข้างบนเลยครับ

Question 2: จำได้มั้ยครับว่าเคยเนียนๆ ทำอะไรให้แฟนคุณบ้างรึปล่าว แล้วฟีดแบคเป็นยังไงมั่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 01:05:48 โดย King_Arthur »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

murua

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีนะคับ น่าเอาไปเขียนนิยาย  :-[


แอบตอบคำถามแรกนิดนึง
จะลืมได้ หรือไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดคับ เพราะยังไงก็ไม่มีทางลืมได้อยู่แล้ว ยิ่งคิดอยากจะลืม มันก็เหมือนตอกย้ำให้ยิ่งจำมากกว่า
ก็ถือว่า เป็นความทรงจำดีๆคับ จำไว้แหละคับดี เก็บไว้เป็นบทเรียนในการก้าวเดินต่อไป
ส่วนเรื่องจะมีใครใหม่ได้หรือไม่ได้ ก็ยังไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน คิดแค่ว่า วันพรุ่งนี้เราจะทำอะไร หน้าที่ การงาน ความฝัน และอนาคตข้างหน้าอยากจะทำอะไรก็พอคับ (ถึงเวลาถ้ามันจะมีใครเข้ามามันก็มีเองแหละ)

ส่วนเรื่องเหตผลที่ว่าทำไมเลิกกัน หลายๆคนอาจบอกว่า ไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่ผมกลับคิดว่า ถ้ามันติดค้างมากๆ ก็น่าจะไปเคลียร์ให้รู้เรื่องนะคับ
เคลียร์เพื่ออะไร? เพื่อให้เราหายค้างคา และก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่ต้องหันหลังมามอง ไม่ต้องลังเลใจต่อไปอีกไงคับ
ใครที่บอกว่า ไม่ต้องไปอยากรู้หรอกว่าเลิกกันทำไม ผมก็เชื่อว่าคุณเองก็ทำไม่ได้หรอก (ทำได้ก็ยากกก และมันจะคาใจไปตลอดอะคับ นอกจากคุณจะเข้าถึงหลักธรรม...สาธุ)


greenoak

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีนะคับ น่าเอาไปเขียนนิยาย  :-[


แอบตอบคำถามแรกนิดนึง
จะลืมได้ หรือไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดคับ เพราะยังไงก็ไม่มีทางลืมได้อยู่แล้ว ยิ่งคิดอยากจะลืม มันก็เหมือนตอกย้ำให้ยิ่งจำมากกว่า
ก็ถือว่า เป็นความทรงจำดีๆคับ จำไว้แหละคับดี เก็บไว้เป็นบทเรียนในการก้าวเดินต่อไป
ส่วนเรื่องจะมีใครใหม่ได้หรือไม่ได้ ก็ยังไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน คิดแค่ว่า วันพรุ่งนี้เราจะทำอะไร หน้าที่ การงาน ความฝัน และอนาคตข้างหน้าอยากจะทำอะไรก็พอคับ (ถึงเวลาถ้ามันจะมีใครเข้ามามันก็มีเองแหละ)

ส่วนเรื่องเหตผลที่ว่าทำไมเลิกกัน หลายๆคนอาจบอกว่า ไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่ผมกลับคิดว่า ถ้ามันติดค้างมากๆ ก็น่าจะไปเคลียร์ให้รู้เรื่องนะคับ
เคลียร์เพื่ออะไร? เพื่อให้เราหายค้างคา และก้าวไปข้างหน้าได้ โดยไม่ต้องหันหลังมามอง ไม่ต้องลังเลใจต่อไปอีกไงคับ
ใครที่บอกว่า ไม่ต้องไปอยากรู้หรอกว่าเลิกกันทำไม ผมก็เชื่อว่าคุณเองก็ทำไม่ได้หรอก (ทำได้ก็ยากกก และมันจะคาใจไปตลอดอะคับ นอกจากคุณจะเข้าถึงหลักธรรม...สาธุ)


ู^
^
^
นั่นสิครับ ผมว่าน่าจะเป็นเพราะคำถามพวกนี้ด้วยแหละ ที่ทำให้ผมเคลียร์หัวใจไม่ได้ซักทีว่าตกลงเพราะผมผิด หรือเค้าไม่รักผมแล้วกันแน่

แต่ผมโทรไปเค้าก็ไม่คุยครับ ส่งsmsไปก็ไม่ตอบกลับมา

อ่อ มีข้อความนึงครับตอนที่เลิกกันใหม่ๆ เค้าส่งมาว่า

"พี่(ชื่อผม)อย่าทำอย่างนี้เลยนะ แยกกันอยู่หน่ะดีแล้ว ต่างคนต่างก็มีชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาอยู่ด้วยกันมีแต่แย่ลง เป็นเพื่อนหน่ะดีแล้วนะ อย่าให้มันไม่มีอะไรเหลือเลย"

ตามนี้เลยครับ ผมยังเก็บไว้ในมือถืออยู่เลย


ช่วยแปลหน่อยสิครับว่ามันหมายความว่าไง

หรือเพราะเค้าอยู่กับผม....ชีวิตเค้าแย่...เหรอ???

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ
 :pig4:


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ไม่น่าจะใช่นะ แล้วตอนอยู่ด้วยกันมีทะเลาะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวกันบ่อยมั้ยล่ะ
บางทีเค้าอาจจะอยากจากกันด้วยดี ไม่อยากให้เสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ก็เป็นได้
ก็อย่าเก็บตรงจุดนั้นมาคิดมากนะ มันจะทำให้เรายิ่งเสียใจไปปล่าวๆ เอาส่วนดีๆที่มีให้กันเก้บไว้ เป็นความทรงจำที่ดี น่าจะดีกว่านะ
เพราะถ้ายิ่งย้ำอยู่อย่างงี้ มันจะพาลเจ็บแล้วจะพาลไปหลายๆอย่าง ตีความไปเรื่อยไม่จบสิ้น
แล้วจะเริ่มต้นกับคนใหม่ช้านะเออ :L2:

ออฟไลน์ ★L'Hôpital

  • แค่เราได้พบกัน...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-18
อันนี้เป็นแฟน(ผู้ชาย)คนแรกครับ

คำถามข้อแรก - เจอที่มหาลัยครับ เรียนคณะเดียวกัน...จริงๆแล้วต้องบอกเจอกันที่เรียนพิเศษตั้งแต่ม.ปลาย (เค้ารู้จักผม แต่ผมไม่รู้จักเค้าหงะ :m23:)

คำถามข้อ 2 - ทำเนียนๆ ไม่เคยครับ เพราะมันซื่อจนบางครั้งก็แอบเซ่อ แต่บางครั้งก็แสนรู้เกินไป รู้ไปหมด 55+
มีแต่ทำเซอร์ไพรส์ให้มากกว่าครับ

 :bye2:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ไม่น่าจะใช่นะ แล้วตอนอยู่ด้วยกันมีทะเลาะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวกันบ่อยมั้ยล่ะ
บางทีเค้าอาจจะอยากจากกันด้วยดี ไม่อยากให้เสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ก็เป็นได้
ก็อย่าเก็บตรงจุดนั้นมาคิดมากนะ มันจะทำให้เรายิ่งเสียใจไปปล่าวๆ เอาส่วนดีๆที่มีให้กันเก้บไว้ เป็นความทรงจำที่ดี น่าจะดีกว่านะ
เพราะถ้ายิ่งย้ำอยู่อย่างงี้ มันจะพาลเจ็บแล้วจะพาลไปหลายๆอย่าง ตีความไปเรื่อยไม่จบสิ้น
แล้วจะเริ่มต้นกับคนใหม่ช้านะเออ :L2:
^
^
^
ทะเลาะกันบ่อยครับ ผมขี้บ่น และเจ้าระเบียบ (ตามประสาลูกทหารอ่ะครับ พ่อผมระเบียบจัดและขี้บ่นกว่าผมอีกอ่ะ)

แต่ผมก็ไม่ได้เลวขนาดทำให้ชีวิตเค้าแย่(รึปล่าว)

ขอบคุณครับผม
 :pig4:

Bench

  • บุคคลทั่วไป
บางทีคำว่ารัก  ก็ทำให้เราจู้จี้จุกจิกโดยไมรู้ตัวนะคับ
เพราะเราค่อยๆสนใจในทุกๆรายละเอียดของเค้า
ให้ความสำคัญกับเค้าทีละน้อย  ทีละน้อย
จนกลายเปงเราไปวุ่นวายกับชีวิตเค้ามากไปรึป่าว???
ความเปงห่วงที่ออกมาในแบบนั้น  ทำให้อีกฝ่ายอึดอัดและไม่สบายใจมั้ย???
เค้าเคยบอกเราตอนนั้นเลยมั้ย???  หรือจนถึงจุดที่เค้าทนไม่ได้แล้วเค้าเพิ่งบอก
เรื่องเล็กๆที่เราไม่รู้ตัว  และเค้าไม่ยอมบอกเรา  ก็อาจเปงต้นเหตุของเรื่องใหญ่ๆที่ไม่อาจย้อนคืนได้
เพราะบางที  แค่คำว่ารักมันไม่พอเสมอไป  รักไม่ช่วยอะไร  ถ้ารับกันไม่ได้

อดีตที่ผ่านไป  เก็บไว้เปงบทเรียนนะคับ
จะได้ไม่ทำผิดซ้ำๆอีก   :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ู^
^
^
ขอบคุณมากครับผม

ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณบอกจริงๆ มั้งครับ
 :pig4:

ออฟไลน์ nookik

  • ลั้นลาบางเวลาเจ้าค่ะ
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ตอนคำถามด้วยๆ  :o8:

ข้อแรก - เจอกันทางโทรศัพท์ เพื่อนขอช่วยให้เราเป็นแม่สื่อให้ ((ให้ช่วยพูด - ถามอะไรต่างๆที่มันอยากรู้ ------...ไหงกลับมาได้เองซะงั้น))


ข้อสอง - ทำเนียนๆ รึปล่าว ...อ่าา จำไม่ได้แห๊ะ ส่วนมาก พี่เค้าจะเป็นคนทำให้มากกว่า

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ผมร่วมตอบคำถามด้วยคนนะครับ

คำถามแรก: ผมเจอแฟนผมครั้งแรกในผับครับ ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่ทำงาน ผมไปช้า แล้วไปเจอผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่คนเดียวในโต๊ะ ขณะที่คนอื่นเค้าออกไปเต้นกันหมด แฟนผมเค้าเป็นเพื่อนสนิทกับเพื่อนที่ทำงานคนนั้น เมื่อผมไปถึงไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะ ผมก็เลยนั่งห่างออกมาจากเค้า เพราะตอนนั้นผมกำลังอกหักจากแฟนผู้หญิงมาหมาด ๆ ยังไม่อยากคุยกับใคร แค่อยากกินเหล้าอย่างเดียว แต่เค้าก็แถเข้ามานั่งคุยด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนสปีชี่ เพียงแต่รู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่เค้ามาจ้ออยู่ข้างหู จากนั้น ก็ห่างกันไปหลายเดือน กว่าจะมาเจอกันอีก

คำถามที่สอง: โดยส่วนตัว ผมเป็นพวกโรแมนติคหลบในครับ แบบว่า รักนะ แต่ไม่แสดงออก นาน ๆ ถึงจะแสดงออกมาที จะคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ น่ะแหละครับ แต่แฟนผมจะมีความโรแมนติคมากกว่า ครั้งหนึ่ง เขาต้องไปทำงานต่างประเทศตอนช่วงคริสมาสต์และต่อยาวไปถึงสิ้นปีเลย ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่า จะไปเที่ยวกันสองคนในช่วงนั้น แต่เขาต้องไปทำงานกระทันหัน ผมเลยค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย วันนั้นเป็นวันคริสมาสต์ ผมก็ไปหาอะไรดื่มนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน (ก็แฟนไม่อยู่นิ อิอิ) พอกลับมาถึงบ้าน ก็แปลกใจที่เห็นแสงไฟวิบวับอยู่ในบ้าน พอเปิดประตูเข้าไป ถึงเห็นว่า มีต้นคริสมาสต์ขนาด 2 ฟุตวางอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น ตกแต่งประดับประดาซะสวยงามเลย มีแสงไฟระยิบระยับ แล้วก็มีกล่องของขวัญวางอยู่ใต้ต้นคริสมาสต์หนึ่งกล่อง พร้อมทั้งมีการ์ดหนึ่งใบ ผมถึงรู้ว่า แฟนผมเขาแอบกลับมาบ้านแล้วมาทำต้นคริสมาสต์นี้ให้ผม แทนคำขอโทษที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย มันเป็นอะไรที่ผมยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานานถึง 10 ปีแล้วก็ตาม

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อ..คือ..นั่งอ่านมาแล้วก็น่าเห็นใจเจ้าของทู้

 จริง ๆ เรื่องของความรักคงพูดไม่ได้ว่าใครกันที่ผิดถูก 100%
เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บางครั้ง ตัวเราเองก็ไม่อาจจะเข้าใจ..ว่ามันทำไมเป็นแบบนี้
ถ้า..คุณเอาแต่คิดโทษตัวเองว่า เพราะคุณผิดด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ตัวคุณก็จะจมอยู่กับความรู้สึกผิด และเอาแต่ถามตัวเองว่า ทำไม? และเพราะอะไร? ซ้ำไปซ้ำมา
และพอคุณได้คำตอบหนึ่ง ก็จะเกิด ทำไม?อันใหม่ขึ้นมาอีก เหมือนเดินวนอยู่ที่เก่าไม่จบไม่สิ้น

ในทางเดียวกัน

ถ้า..คุณโทษว่าการที่เค้าจากเราไป เค้าคือคนผิด เราก็จะจมอยู่กับความแค้น(ฝั่งหุ่น) โกรธ เคืองใจ โดยที่เค้าคนที่จากคุณไป ไม่ได้มาสนใจ
ว่าเราจะไปโกรธเกลียดอะไรยังไงเพราะเค้าได้ตัดเราออกจากสารบบไปแล้ว เราเองที่ทุกข์ใจไปคนเดียวอีก

ไม่ว่าจะทางไหน...ก็เหมือนลงโทษตัวเองเลยว่าไหม..?

ถ้าเป็นแบบนั้น..ก็พาตัวเองออกมาจากห้องขังเสียเถอะ ปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปแล้ว ขังอยู่ในห้องนั้น หันกลับไปดูได้บ้างเป็นครั้งคราว
เลือกจดจำแต่ความรู้สึกดี ๆ เอาที่ช่วยให้เรายิ้มออกมาได้ยามที่นึกถึง ไม่ต้องลืมเลือนมันไปเสียหมดทุกอย่าง
ชีวิตคนเราต้องก้าวต่อไป มัวเดินวนอยู่แบบนั้น อาจจะพลาดโอกาสดี ๆ ไปก็ได้ใครจะไปรู้ จริงไหม..?
ลองมองโลกในมุมใหม่ เปิดใจให้กว้าง มีอะไรตั้งมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ยังไม่ได้เรียนรู้ เพราะงั้น เลิกลงโทษตัวเองเสียเถอะ

อย่างน้อย ๆ ในกระทู้นี้ก็มีกำลังใจตั้งเยอะตั้งแยะเนอะ ^____^ สู้ ๆ

ปล.เป็นเพียงความคิดเห็นที่มองในแง่ของคนนอกคนหนึ่ง(ที่เคยมีแฟนเก่า 555+)

---------


ขอบคุณสำหรับคำถาม 555+

เจอกันที่ทำงานเก่า..
และเลิกกัน...เพราะทางไกล และเราให้ในสิ่งที่เค้าต้องการไม่ได้ จบข่าว!! (ง่ายมากเหอะ) o18
ผ่านมาเจอกันบ้างอะไรบ้าง ก็ยังยิ้มให้และพูดคุยกันได้เหมือนคนรู้จัก เออ..ก็แปลกดีเนอะ

ไปแล้วดีกว่าเหอะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2010 14:13:48 โดย pandaๅ123 »

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ผมร่วมตอบคำถามด้วยคนนะครับ

คำถามแรก: ผมเจอแฟนผมครั้งแรกในผับครับ ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่ทำงาน ผมไปช้า แล้วไปเจอผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่คนเดียวในโต๊ะ ขณะที่คนอื่นเค้าออกไปเต้นกันหมด แฟนผมเค้าเป็นเพื่อนสนิทกับเพื่อนที่ทำงานคนนั้น เมื่อผมไปถึงไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะ ผมก็เลยนั่งห่างออกมาจากเค้า เพราะตอนนั้นผมกำลังอกหักจากแฟนผู้หญิงมาหมาด ๆ ยังไม่อยากคุยกับใคร แค่อยากกินเหล้าอย่างเดียว แต่เค้าก็แถเข้ามานั่งคุยด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนสปีชี่ เพียงแต่รู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่เค้ามาจ้ออยู่ข้างหู จากนั้น ก็ห่างกันไปหลายเดือน กว่าจะมาเจอกันอีก

คำถามที่สอง: โดยส่วนตัว ผมเป็นพวกโรแมนติคหลบในครับ แบบว่า รักนะ แต่ไม่แสดงออก นาน ๆ ถึงจะแสดงออกมาที จะคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ น่ะแหละครับ แต่แฟนผมจะมีความโรแมนติคมากกว่า ครั้งหนึ่ง เขาต้องไปทำงานต่างประเทศตอนช่วงคริสมาสต์และต่อยาวไปถึงสิ้นปีเลย ตอนแรกเราคุยกันไว้ว่า จะไปเที่ยวกันสองคนในช่วงนั้น แต่เขาต้องไปทำงานกระทันหัน ผมเลยค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย วันนั้นเป็นวันคริสมาสต์ ผมก็ไปหาอะไรดื่มนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน (ก็แฟนไม่อยู่นิ อิอิ) พอกลับมาถึงบ้าน ก็แปลกใจที่เห็นแสงไฟวิบวับอยู่ในบ้าน พอเปิดประตูเข้าไป ถึงเห็นว่า มีต้นคริสมาสต์ขนาด 2 ฟุตวางอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่น ตกแต่งประดับประดาซะสวยงามเลย มีแสงไฟระยิบระยับ แล้วก็มีกล่องของขวัญวางอยู่ใต้ต้นคริสมาสต์หนึ่งกล่อง พร้อมทั้งมีการ์ดหนึ่งใบ ผมถึงรู้ว่า แฟนผมเขาแอบกลับมาบ้านแล้วมาทำต้นคริสมาสต์นี้ให้ผม แทนคำขอโทษที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย มันเป็นอะไรที่ผมยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมานานถึง 10 ปีแล้วก็ตาม
ู^
ู^
^
โรแมนติก & น่ารักมากๆ ครับผม

อ่านไปแล้วผมยิ้มตามไปด้วยเลย



เอาเป็นว่าหลังจากแชร์กันเสร็จแล้วเรามาร่วมกันโหวตดีกว่าครับว่าในแต่ตอน (แต่ละคำถาม) เรื่องจริงของใครสุดยอดที่สุด (ปล.ที่บอกว่าเจ๋งสุดไม่ได้ เพราะบางข้อจะมีเรื่องที่ดร่าม่าค่อนข้าง....อยู่ด้วยอ่ะครับ)


เหมือนอย่าตอนนี้ ทั้งคำถามข้อที่ 1 และข้อ 2 ผมยกความสุดยอดให้คุณ.....




fanfic2010 ครับ

แอบอิจฉาในความโรแมนติกของแฟนคุณมากมาย :-[

ปล. กับโจเนี่ย ความโรแมนติกแบบนี้จะมีน้อยครับ
แต่ผมเคยคบกะคนนึง (ก่อนจะมาคบกะโจ ผม...มีแฟนมาก็หลายอยู่นะ) ก็เคยมีแนวๆ คุณ fanfic2010 เหมือนกัน แต่เป็นเชอร์ไพรท์วันเกิดผม ด้วยการ....นี่แหละครับ แอบเข้าไปในห้องพร้อมเค้ก แต่เนื่องจากวันนั้นผมเซ็งๆ มาจากข้างนอก แล้วมองลอดประตูเข้าไปก็เห็นแสงเทียน ก็เลยพอจะคาดเดาได้ว่าเขากำลังทำอะไรให้ผม ผมก็เลย....ไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจซักเท่าไหร่ (ตอนนั้นจำได้ว่าเรียนปี 1)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 01:10:20 โดย King_Arthur »

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ต่อที่คำถามต่อไปดีกว่าครับ

แต่ก่อนจะไปที่คำถาม....ผมขอเล่าเรื่องของผมกะโจให้ฟังต่ออีกนิดดีกว่า

หลังจากวันนั้น...เราได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวจริงครับ แต่เป็นเรื่องเป็นราวที่ผมหมายถึง...ก็แค่การคุยกันมากกว่าการทักกัน มีแซวกันบ้าง หยอกล้อกันบ้าง ช่วยงานกันบ้าง แสดงความมีน้ำใจกันบ้าง ฯลฯ แต่อะไรก็ยังไม่คืบหน้าไปซักเท่าไหร่

เป็นอย่างงี้อยู่เป็นเดือนๆ เลยครับ จนกระทั่งวันนึงวันนั้นไม่รู้ผมนึกครึ้มอะไรขึ้นมา คือเรื่องของเรื่องก็คือคืนนั้นผมต้องไปเคลียร์สโตร์ที่เก็บโปสเตอร์อ่ะครับ หน้าที่นี้จะมีผมทำได้แค่คนเดียวเพราะว่าสโตร์ที่ว่าเนี่ยมันน่ากลัวมาก เงียบๆ เก่าๆ และวังเวงสุดๆ

พูดง่ายๆ ว่านอกจากผมแล้วไม่มีใครกล้าเข้าไปเหยียบหรอกครับไอ้เจ้าสโตร์ที่ว่าเนี่ยอ่ะ ขนาดผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวผอสระอี ผมยังแอบหวั่นๆ ไม่ได้เลย แล้วยิ่งเรื่องเล่าผีๆ ในโรงหนังเองก็มีมิใช่น้อยๆ อีก ประกอบกับไอ้ห้องสโตร์ที่ว่าเนี่ยฝ้ามันจะพังลงมาบางส่วนเพราะโดนน้ำฝนอ่ะครับ มองขึ้นไปทีก็จะเห็นช่องแอร์โล่งๆ ลึกๆ เป็นทางยาวอ่ะครับ คือถ้ามีอะไรโผล่หรือห้อยหัวลงมาจริงๆ ต่อให้โรงตะโกน หรือเป็นลมไปก็คงไม่มีใครกล้ามาช่วย 555

แต่ไอ้ห้องสโตร์เนี่ยมันจะอยู่ติดกับห้องที่พวกเราเรียกมันว่าห้องเทเลครับ (เป็นห้องสำหรับรับโทรศัพท์พวกลูกค้าที่โทรมาจองตั๋ว) ถ้าเพื่อนๆ นึกภาพไม่ออก ให้ลองนึกถึงทางเดินยาวๆ นะครับ ขึ้นไปปั๊บจะเจอห้องสต๊าฟก่อน จากนั้นก็จะเป็นห้องฉาย ถัดไปก็จะเป็นห้องเทเล แล้วสุดท้ายก็จะเป็นสโตร์เก็บโปสเตอร์ของผมครับ (แม้จะอยู่ลึกสุด แต่ก็จะมีทางลัดที่ขึ้นไปได้อีกทาง แล้วที่บอกว่าต้องขึ้น เพราะ...ก็อย่างที่เพื่อนๆ น่าจะทราบว่าห้องฉายมันต้องอยู่เหนือโรงหนังขึ้นไป...)

ครับ ทีนี้วันนั้นผมต้องอยู่จนดึก (ประมาณ 4 ทุ่ม) ผมก็จัดโปสเตอร์ของผมจนเสร็จจนเลิกงาน ก็ด้วยความรวดเร็วก็อาศัยเดินผ่านห้องเทเลไปยังห้องสต๊าฟเลยละกัน ไม่ต้องลงไปข้างล่างแล้วอ้อมกลับไปกลับมา

แต่ด้วยความที่กฎของโรงหนังประตูทุกบานจะถูกล๊อกจากด้านใน (จะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ไม่ได้ครับ) ผมก็เลยวอไปบอกให้ห้องฉายออกออกมาเปิดประตูให้ผม รอซักพักก็มีคนมาเปิดประตู ซึ่ง...คนที่เดินเงอะๆ งะๆ มาเปิดดันเป็นไอ้โจอ่ะครับ (มาถามทีหลัง ถึงรู้ว่ามันอาสาออกมาเปิดเอง เพราะมันได้ยินเสียงผมจากวอในห้องฉาย)

ด้วยความที่...ก็อึ้งๆ อ่ะครับ ก็เลยไม่รู้จะคุยอะไรดี แล้วมันเอง...ทั้งโรงก็มีแต่ผมนี่แหละที่มันพูดด้วยน้อยที่สุด ผมกะมันก็เลยทำได้แค่ขอบคุณและยิ้มให้กันเท่านั้น พอมันเปิดประตูให้ผมเสร็จมันก็กลับเข้าไปในห้องเทเลไปทำของมันต่อ ส่วนผม...ด้วยความอยากที่จะไปทักทายเพื่อนคนอื่น ก็เลยถือวิสาสะเดินตามโจเข้าไปในห้องเทเลด้วย (จะบอกว่าผมเอง....นอกจากโจแล้ว...กับคนอื่นนี่ผมสนิทกะทุกคนอ่ะ)

แต่พอเข้าไป นอกจากโจ ผมก็ไม่เห็นเงาของใครซักคนเลย สรุปก็คือทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้วครับ เหลือแต่โจคนเดียว ผมก็...ด้วยความที่ในห้องมีแค่เราสองคน ผมก็เลยอยู่เป็นเพื่อนมันแป๊บนึง ยืนดูมันทำงาน (แล้วสิ่งที่ผมได้รู้เกี่ยวกับมันเพิ่มเติมก็คือ ถึงลุคมันจะดูบ้านนอก แต่ภาษาอังกฤษของมันเก่งมากครับ พูดปร๋อกว่าผมอีก....แทบทึ่งเล็กน้อยครับบอกตรงๆ) รอจนซักพัก ผมก็ขอตัวกลับซะที เพราะอยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ (ในเมื่อเป็นงานคนละส่วน)

แต่ตอนก่อนจะกลับ มันก็ยิ้มๆ ให้ผมแล้วก็หันกลับไปทำงานต่อ ตอนนั้นแหละครับที่ผมรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกยิ้มแบบนี้ให้กูซะที ผมก็เอาเลยครับ จับหน้ามันให้หันมาหาผม แล้วบรรจงจูบมันไปหนึ่งทีเน้นๆ

แบบว่าหน้ามืดอ่ะครับ ตอนนั้นไม่ได้คิดด้วยว่ามันจะมีฟีดแบ๊คยังไง จะโกรธ จะต่อยผมกลับมั้ย แต่....มันอดใจไม่ไหวแล้วจริงๆ

จนกระทั่งเมื่อมันจูบตอบผมนั่นแหละครับ ผมถึงรู้ว่า....เออ....มันก็คิดอะไรกับผมเหมือนกันนี่หว่า!!!


ค้างไว้แค่นี้ครับ
ส่วนคำถาม...



Question 3: จูบครั้งแรกที่ไหนครับ แล้วเพราะอะไร...คุณถึงอดที่จะไม่จูบเค้าไม่ได้แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 01:12:32 โดย King_Arthur »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ว่าแต่จูบแบบไหนอะ ลึกซึ้งแบบล้วงด้วยลิ้น หรือแค่แตะๆปากกัน  :z1:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ู^
^
^
กึ่งๆ อ่ะครับ
เอาปากประกบกัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดล้วงลึกล้วงจริงอะไรขนาดนั้น

แล้วก็...ไม่ใช่แค่แตะๆ เหมืิอนละครไทยอ่ะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
^
^
ถ้าแค่เอาปากแตะ ก็ที่สนามบิน  :laugh:


ไม่น่าจะใช่นะ แล้วตอนอยู่ด้วยกันมีทะเลาะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวกันบ่อยมั้ยล่ะ
บางทีเค้าอาจจะอยากจากกันด้วยดี ไม่อยากให้เสียความรู้สึกไปมากกว่านี้ก็เป็นได้
ก็อย่าเก็บตรงจุดนั้นมาคิดมากนะ มันจะทำให้เรายิ่งเสียใจไปปล่าวๆ เอาส่วนดีๆที่มีให้กันเก้บไว้ เป็นความทรงจำที่ดี น่าจะดีกว่านะ
เพราะถ้ายิ่งย้ำอยู่อย่างงี้ มันจะพาลเจ็บแล้วจะพาลไปหลายๆอย่าง ตีความไปเรื่อยไม่จบสิ้น
แล้วจะเริ่มต้นกับคนใหม่ช้านะเออ :L2:
^
^
^
ทะเลาะกันบ่อยครับ ผมขี้บ่น และเจ้าระเบียบ (ตามประสาลูกทหารอ่ะครับ พ่อผมระเบียบจัดและขี้บ่นกว่าผมอีกอ่ะ)

แต่ผมก็ไม่ได้เลวขนาดทำให้ชีวิตเค้าแย่(รึปล่าว)

ขอบคุณครับผม
 :pig4:

อาจจะเพราะทะเลาะกันบ่อย ด้วยมั้ง เค้าคงไม่อยากให้ชีวิตที่มีแต่เรื่องแบบนี้ จากที่แรกๆรักทุกอย่างก็ให้อภัยได้
แต่นานไปตรงจุดนี้มันอาจจะบางเบา จนคำที่เคยทนได้ จนมันทนไม่ได้ขึ้นมา

เค้าเลยเลือกที่จะเลิกกัน เพื่อให้ชีวิตของทั้งสองคน ดีขึ้น คืออยู่ด้วยกันก็ทะเลาะ ถ้าไม่อยู่ด้วยกันก็จะไม่ทะเลาะ
แล้วการจากลา ที่เค้าบอกมาคงอยากจากกันด้วยดี ถึงไม่ใช่แฟนกัน เวลาเจอกันคงอยากจะพูดแบบเพื่อนหรือคนรู้จัก
ที่ไม่ใช่ถ้าเลิกไปแล้วไม่มองหน้ากัน ไรแบบนี้หรือปล่าว

คงไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกมั้ง อย่าไปคิดอะไรที่ทำร้ายตัวเราและบางทีการตีความหมายไปเองแบบนั้นอาจจะผิดก็เป็นได้

ออฟไลน์ at_point

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ขอตอบคำถามที่ 3 อิอิ (อยู่ๆ ก็มาตอบข้อ3 แล้วข้อ 1,2 กูไม่ตอบล่ะว่ะ )

จูบกับแฟน (เก่า) ครั้งแรก ก็ตอนที่จะไปรับพี่สาว(ป้ารหัส ผมเอง) จะไปเที่ยวงานลอยกะทง
แล้วบังเอิญพี่ยังไปกลับจากทำงาน ผมกับแฟน(เก่า) ก็เลยเข้าไปรอในห้องพี่เค้า(รู้ว่าพี่ซ่อนกุญแจสำรองที่ไหน แอบชั่ว)
ทีนี้ นั่งคุยกันไปก็มองหน้ากันไป ห้องไม่มีทีวี ไม่รู้จะทำอะไร เค้าก็เลยพูดขึ้นมาว่า ...จูบ...
ผมก็ทำหน้าสงสัย (ประมาณ เอาจริงเหรอ) เค้าก็เข้ามาประกบปาก เลย ฮิฮิ เค้าจูบเก่งครับ (เค้าเคยมีแฟนมาก็เยอะ)
ไม่รู้จูบนานแค่ไหน รู้ตัวอีกที พี่สาวโทรเข้ามาบอกว่าให้ไปเจอกันข้างนอก ก็เลยผละออกจากกัน

ที่อดใจไม่ไหว ก็เพราะ เค้าน่ารักแล้วพูดเก่ง แล้วเวลาเค้ามองตา ขอบคิดว่าเค้าท้าทาย อิอิ เลยจูบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ถ้าพูดถึงจูบครั้งแรกของผมกับแฟน อืม! คงเป็นตอนที่เปิดใจรับเขาเป็นแฟนน่ะครับ
คงต้องเท้าความกันสักหน่อย คือ แต่ก่อนผมไม่ได้เป็นเกย์มาแต่แรก ก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดนี่แหละครับ แล้วในแวดวงเพื่อนฝูงผมก็ไม่มีใครเป็นเกย์เลยสักคนเดียว จนเมื่อผมมาเจอแฟนผมน่ะแหละครับ เจอกันครั้งแรกก็อย่างที่เล่าไปแล้วว่า ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ก็เหมือนเพื่อนผู้ชายคนอื่น ๆ แล้วตัวแฟนผมก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นเกย์เลยสักนิดเดียว ดูแมนมาก ๆ เลยครับ ไม่เจาะหู ไม่แต่งตัวโฉบเฉี่ยว ถ้าเขาไม่บอก ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แล้วที่แฟนผมเขาปิ๊งผมตั้งแต่แรกเห็น ก็เป็นเพราะหน้าผมบังเอิญไปเหมือนแฟนเก่าที่เขารักมาก แต่ต้องมีอันพลัดพรากจากกันไป พอมาเจอผมโดยบังเอิญ เขาเลยประกบติดไม่ปล่อย เขาก็พยายามเทียวไล้เทียวขื่อตามตื๊อผมให้ยอมรับเขามาร่วม 3 ปี แต่ผมก็ยังไม่ยอมใจอ่อนกับเขาสักที อันที่จริง ผมไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอกนะครับ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่านั้นว่า รู้สึกยังไงกับเขา ว่าจะรักอย่างเพื่อนหรือแฟน อีกอย่างเพื่อนฝูงผมก็ไม่มีใครเป็นเกย์สักคน ก็กลัวว่า เพื่อนฝูงจะรังเกียจด้วยน่ะครับ จนมาวันหนึ่งที่เขาหายไปร่วมอาทิตย์ จากที่ปกติจะโทรมาหาเกือบทุกวัน ก็หายเงียบไป ผมก็เลยสงสัยและเป็นห่วงขึ้นมา เลยแวะไปดูที่บ้านเขา ซึ่งโดยปกติ เขาจะเป็นฝ่ายมาหาผม หรือไม่ก็โทรมาหามากกว่า น้อยครั้งมากที่ผมจะโทรไปหาเขาก่อนหรือไปที่บ้านเขา พอไปถึงบ้าน ก็เห็นแฟนผมเขานอนซม ไม่สบายอยู่ ผมก็เลยพาไปที่โรงพยาบาล หมอก็สั่งแอดมิทเลย เพราะมีอาการปอดบวมแล้ว ตอนที่อยู่เฝ้าไข้เขานั่นแหละครับที่ผมรู้ใจตัวเองว่า ผมรักเขาแบบไหน ก็เลยบอกความในใจกับเขาไป แล้วนั่นก็เป็นจูบแรกของผมกับผู้ชายด้วยน่ะครับ พอเขาออกจากโรงพยาบาล ผมก็เลยเริ่มลองใช้ชีวิตเกย์ฝึกหัดอยู่นานพอสมควรเหมือนกัน กว่าจะปรับตัวปรับใจได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ แต่ไม่ใช่ว่า ผมจะไม่สนใจผู้หญิงนะครับ ถ้ามีผู้ชายกับผู้หญิงเดินมาด้วยกัน ผมก็จะมองผู้หญิงก่อนแล้วค่อยมองผู้ชาย 55555   

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ขอตอบคำถามที่ 3 อิอิ (อยู่ๆ ก็มาตอบข้อ3 แล้วข้อ 1,2 กูไม่ตอบล่ะว่ะ )

จูบกับแฟน (เก่า) ครั้งแรก ก็ตอนที่จะไปรับพี่สาว(ป้ารหัส ผมเอง) จะไปเที่ยวงานลอยกะทง
แล้วบังเอิญพี่ยังไปกลับจากทำงาน ผมกับแฟน(เก่า) ก็เลยเข้าไปรอในห้องพี่เค้า(รู้ว่าพี่ซ่อนกุญแจสำรองที่ไหน แอบชั่ว)
ทีนี้ นั่งคุยกันไปก็มองหน้ากันไป ห้องไม่มีทีวี ไม่รู้จะทำอะไร เค้าก็เลยพูดขึ้นมาว่า ...จูบ...
ผมก็ทำหน้าสงสัย (ประมาณ เอาจริงเหรอ) เค้าก็เข้ามาประกบปาก เลย ฮิฮิ เค้าจูบเก่งครับ (เค้าเคยมีแฟนมาก็เยอะ)
ไม่รู้จูบนานแค่ไหน รู้ตัวอีกที พี่สาวโทรเข้ามาบอกว่าให้ไปเจอกันข้างนอก ก็เลยผละออกจากกัน

ที่อดใจไม่ไหว ก็เพราะ เค้าน่ารักแล้วพูดเก่ง แล้วเวลาเค้ามองตา ขอบคิดว่าเค้าท้าทาย อิอิ เลยจูบ
ู^
^
^
ของคุณ at_point ออกแนวไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวรึปล่าวครัีบ  :o8:

แล้วที่บอกว่าจูบเก่งเนี่ย ถึงขนาดลงเอยเป็นแฟนกันเลยใช่มั้ยครับ  :serius2:


ตอนนี้คนโสดหมาดๆ (มาเกือบปี) อย่างผมเริ่มจะอิจฉาแล้วสิครับ แต่....เห็นบอกว่ากับแฟนเก่า แสดงว่าตอนนี้คบคนใหม่แล้วใช่มั้ยครับ

สรุปก็คือรักแล้วเลิกคงเป็นเรื่องเบสิคของชีวิตจริงๆ



 

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าพูดถึงจูบครั้งแรกของผมกับแฟน อืม! คงเป็นตอนที่เปิดใจรับเขาเป็นแฟนน่ะครับ
คงต้องเท้าความกันสักหน่อย คือ แต่ก่อนผมไม่ได้เป็นเกย์มาแต่แรก ก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดนี่แหละครับ แล้วในแวดวงเพื่อนฝูงผมก็ไม่มีใครเป็นเกย์เลยสักคนเดียว จนเมื่อผมมาเจอแฟนผมน่ะแหละครับ เจอกันครั้งแรกก็อย่างที่เล่าไปแล้วว่า ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ก็เหมือนเพื่อนผู้ชายคนอื่น ๆ แล้วตัวแฟนผมก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นเกย์เลยสักนิดเดียว ดูแมนมาก ๆ เลยครับ ไม่เจาะหู ไม่แต่งตัวโฉบเฉี่ยว ถ้าเขาไม่บอก ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แล้วที่แฟนผมเขาปิ๊งผมตั้งแต่แรกเห็น ก็เป็นเพราะหน้าผมบังเอิญไปเหมือนแฟนเก่าที่เขารักมาก แต่ต้องมีอันพลัดพรากจากกันไป พอมาเจอผมโดยบังเอิญ เขาเลยประกบติดไม่ปล่อย เขาก็พยายามเทียวไล้เทียวขื่อตามตื๊อผมให้ยอมรับเขามาร่วม 3 ปี แต่ผมก็ยังไม่ยอมใจอ่อนกับเขาสักที อันที่จริง ผมไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอกนะครับ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่านั้นว่า รู้สึกยังไงกับเขา ว่าจะรักอย่างเพื่อนหรือแฟน อีกอย่างเพื่อนฝูงผมก็ไม่มีใครเป็นเกย์สักคน ก็กลัวว่า เพื่อนฝูงจะรังเกียจด้วยน่ะครับ จนมาวันหนึ่งที่เขาหายไปร่วมอาทิตย์ จากที่ปกติจะโทรมาหาเกือบทุกวัน ก็หายเงียบไป ผมก็เลยสงสัยและเป็นห่วงขึ้นมา เลยแวะไปดูที่บ้านเขา ซึ่งโดยปกติ เขาจะเป็นฝ่ายมาหาผม หรือไม่ก็โทรมาหามากกว่า น้อยครั้งมากที่ผมจะโทรไปหาเขาก่อนหรือไปที่บ้านเขา พอไปถึงบ้าน ก็เห็นแฟนผมเขานอนซม ไม่สบายอยู่ ผมก็เลยพาไปที่โรงพยาบาล หมอก็สั่งแอดมิทเลย เพราะมีอาการปอดบวมแล้ว ตอนที่อยู่เฝ้าไข้เขานั่นแหละครับที่ผมรู้ใจตัวเองว่า ผมรักเขาแบบไหน ก็เลยบอกความในใจกับเขาไป แล้วนั่นก็เป็นจูบแรกของผมกับผู้ชายด้วยน่ะครับ พอเขาออกจากโรงพยาบาล ผมก็เลยเริ่มลองใช้ชีวิตเกย์ฝึกหัดอยู่นานพอสมควรเหมือนกัน กว่าจะปรับตัวปรับใจได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ แต่ไม่ใช่ว่า ผมจะไม่สนใจผู้หญิงนะครับ ถ้ามีผู้ชายกับผู้หญิงเดินมาด้วยกัน ผมก็จะมองผู้หญิงก่อนแล้วค่อยมองผู้ชาย 55555  
^
^
^
เรื่องของคุณ fanfic2010 ทำให้ผมตาร้อนผ่าวอีกแล้วสิครับ

แฟนคุณ fanfic2010 เนี่ยน่ารักและเสมอต้นเสมอปลายมากๆ

น้อยคนนะครับที่จะรอใครซักคนถึง 3 ปี

ปล. ที่ผมคบกะโจก็เพราะเค้าหน้าเหมือนคนที่ผมเคยชอบคนนึงเหมือนกันครับ แต่แย่ที่ในเคสของผมใครคนนึงดัน 'แทนที่' ใครอีกคนไม่ได้  :o12:




สุดท้าย...อยากให้คนที่เข้ามาอ่านช่วยกันโหวตดีกว่าครับว่าแต่ละตอน...คุณอิจฉาเรื่องของใครมากที่สุด

ผมว่าผมเป็นอีกหนึ่งผู้เล่าน่าจะดีกว่า.

มาแชร์กันเยอะๆ นะครับ คนที่เข้ามาอ่านจะได้เอา 'สิ่งดีๆ' ไปประยุกต์ใช้ และตรึกตรอง 'สิ่งแย่ๆ' เพื่อแก้ไข
.


ขอบคุณทุกท่านนะครับที่มาช่วยกันแชร์ & ให้กำลังใจผม
 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2010 11:27:33 โดย King_Arthur »

ออฟไลน์ nookik

  • ลั้นลาบางเวลาเจ้าค่ะ
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อิจฉาของ fanfic2010  มากเลยอ่าาา



รอตั้ง 3 ปีแน๊ะ



เสมอต้นเสมอปลายดีจัง  :o8:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
อิจฉาของ fanfic2010  มากเลยอ่าาา
รอตั้ง 3 ปีแน๊ะ
เสมอต้นเสมอปลายดีจัง  :o8:
เพราะเหตุนี้แหละครับ ผมแพ้ความดีและความเสมอต้นเสมอปลายของเขา
ถึงไปไหนไม่รอด ตายคาตักเขาอยู่จนถึงทุกวันนี้ :impress2:

 

Bench

  • บุคคลทั่วไป
อิจฉาของคุง fanfic2010 เหมือนกันอ่าาา  :-[

สามปีไม่ใช่เวลาน้อยๆเลยนะ
ถ้าไม่รักกันจิง  จะรอได้นานขนาดนี้เลยมั้ยเนี่ย???

ขอให้รักกันนานๆตลอดไปนะคับ  :L2:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
ที่ผมทึ่ง เพราะผมเป้นคนเจ้าชู้ และความอดทนต่ำรึปล่าวก็ไม่รู้สิครับ ผมก็เลยโคตรของโครตอิจฉาคุณ fanfic2010

อย่างถ้าเป็นผม ผมให้เต็มที่แค่เดือนเดียวอ่ะครับ ถ้าภายในเดือนเดียวจีบไม่ติด หรือดูท่าว่าจะไม่รุ่ง ผมปล่อยเลยครับ ถือว่าอยากเล่นตัวเองทำไม 555



Question 4: เคยมีใครทำอะไรที่เป็นสิ่งเล็กๆ แต่ที่ทำน่ะเพราะรัก....เพื่อคุณบ้างรึปล่าว

ผมยังไม่เล่าเรื่องของผมนะครับ (เพราะฟังดูอาจจะธรรมดาไป) รอให้เจ้าชายของพวกเรามาเล่าก่อนดีกว่า (ผมหมายถึงคุณ fanfic2010 นั่นแหละครับ)


มาแชร์กันเยอะๆ นะครับ กระทู้จะได้มีสีสัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 01:15:25 โดย King_Arthur »

Bench

  • บุคคลทั่วไป
อย่างถ้าเป็นผม ผมให้เต็มที่แค่เดือนเดียวอ่ะครับ ถ้าภายในเดือนเดียวจีบไม่ติด หรือดูท่าว่าจะไม่รุ่ง ผมปล่อยเลยครับ ถือว่าอยากเล่นตัวเองทำไม 555
คริทก็เหมือนคุง คิง อ่ะแหละคับ
แต่ของคริทไม่ได้จำกัดเวลา  ถ้าเรารู้สึกว่า
คนคนนั้นเค้าไม่สม่ำเสมอเหมือนเคย  คริทก็จะค่อยๆถอยออกมา
แล้วชิงตัดใจก่อนซะเรย  ตัดใจก่อนได้เปรียบคับ  :laugh:

ไม่ได้ว่าหล่อเลือกได้หรืออะไรนะคับ
แต่ว่าในเมื่อเราจิงใจในความรู้สึกให้เค้าไปแล้ว
เค้ายังไม่รักษาความรู้สึกเรา  มันจะมีค่าอะไรที่จะทรมานใจตัวเราเองต่อไป   ช่ายป่ะ???
ท้ายที่สุด  เราก็ต้องรักตัวเองก่ิอน  รักใจเราเอง  ไม่ให้เจ็บจากการลองใจ ฮ่าๆๆ

โทดทีคับ  ตอบซะยืดยาว

เอาหนมมาแบ่งคุง คิง แล้วนั่งรอ fanfic2010 มาตอบคำถามข้อสี่ดีกว่า
เคี้ยวหนม  หนุบๆหนับๆ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
อย่างถ้าเป็นผม ผมให้เต็มที่แค่เดือนเดียวอ่ะครับ ถ้าภายในเดือนเดียวจีบไม่ติด หรือดูท่าว่าจะไม่รุ่ง ผมปล่อยเลยครับ ถือว่าอยากเล่นตัวเองทำไม 555
คริทก็เหมือนคุง คิง อ่ะแหละคับ
แต่ของคริทไม่ได้จำกัดเวลา  ถ้าเรารู้สึกว่า
คนคนนั้นเค้าไม่สม่ำเสมอเหมือนเคย  คริทก็จะค่อยๆถอยออกมา
แล้วชิงตัดใจก่อนซะเรย  ตัดใจก่อนได้เปรียบคับ  :laugh:

ไม่ได้ว่าหล่อเลือกได้หรืออะไรนะคับ
แต่ว่าในเมื่อเราจิงใจในความรู้สึกให้เค้าไปแล้ว
เค้ายังไม่รักษาความรู้สึกเรา  มันจะมีค่าอะไรที่จะทรมานใจตัวเราเองต่อไป   ช่ายป่ะ???
ท้ายที่สุด  เราก็ต้องรักตัวเองก่ิอน  รักใจเราเอง  ไม่ให้เจ็บจากการลองใจ ฮ่าๆๆ

โทดทีคับ  ตอบซะยืดยาว

เอาหนมมาแบ่งคุง คิง แล้วนั่งรอ fanfic2010 มาตอบคำถามข้อสี่ดีกว่า
เคี้ยวหนม  หนุบๆหนับๆ
^
^
^
ที่บอกว่าเต็มที่เดือนเดียวน่ะผมหมายถึงเมื่อก่อนนะครับ ก่อนจะเลิกกับแฟนคนปัจจุบันของผม เดี๋ยวจะมาเข้าใจว่าผมเป็นเสือที่ยังไม่ถอดเขี้ยวเล็บซะอีก เพราะตอนนี้...กลายเป็นลูกหมาตัวน้อยๆ ไปซะแล้ว อิๆ:z1:

คุณ KrysTal link คิดแนวๆ เดียวกับผม (ในตอนนั้น)

ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าจีบกันนานแค่ไหน แต่สำหรับผม...ผมสามารถทำให้ใครซักคนสามารถบอกรักผมได้ภายใน 2 วันด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นคารม คำพูด คำจา หรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่ใส่เต็มที่ ซึ่งก้อย่างที่ผมเคยบอกแหละครับว่าผมเคยเป็นผู้ชายปกติมาก่อน เคยมีแฟนผู้หญิง ก็เลยจะรู้ดีว่าต้องทำยังไง ให้เค้าบอกรัก

ใครอยากรู้ทริคพวกนี้ปรึกษาผมได้ครับ อิๆ

แต่...เป็นเรื่องไม่ดีเลยครับ เป็นความคิดแบบเด็กๆ พอมาคิดตอนนี้แล้วก็รู้สึกผิด เพราะพอได้(เป็นแฟน)แล้วก็จะรู้สึกเฉยๆ อีกอย่างการรู้จักกันในช่วงสั้นๆ แล้วเป้นแฟนเลย มันทำให้ไม่เห็นในมุมอื่นๆ ของเค้า ทำให้เข้าคอนเซ็ป รักง่ายก็เลิกง่ายไปโดยปริยายครับผม

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับ เรื่องความรัก เป็นสิ่งที่รอได้เสมอ อาจจะเป็นพราะว่า เวลาผมทำอะไร ผมมักจะมองมุมกลับด้านเสมอ เช่น ในขณะที่เราไม่ชอบคนเจ้าชู้คนเอาแต่ใจ เรามักจะทนไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเป็นอย่างนั้นซะเองล่ะ ใครจะทนเราได้บ้าง ?? จริงใหม

ถ้ามีคนมาจีบผม ผมจะใช้เวลาดูเขาคนนั้นเกินกว่า 1 เดือนแน่นอน อย่างต่ำสุดคือ 1 เดือน ผมจะมีบททดสอบอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่คิดว่าเขาเหมาะกับผมหรือไม่ เพราะเราก็ต้องเลือกคนที่เข้ากับเราได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าผมไปจีบคนอื่น ผมก็ให้เวลาเขาเช่นกัน เพราะเราเอง เราก็ยังใช้เวลาในการศึกษาดูใจเช่นกัน

ผมถือคติ ที่ว่า อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มันก็จะมักจะไปง่าย ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเรือง Sex ผมค่อนข้างหัวโบราณหน่อยนะ ถึงจะเป็นเกย์ก็เถอะ ตั้งแต่มัธยมมาแล้ว ผมค่อนข้างยึดคติที่ว่า Sex และ ความรัก ควรจะมาพร้อมกัน ผมเป็นคนไม่ชอบ Sex แบบฉาบฉวย เจอหน้ากันยังไม่ทันรู้จักก็ขึ้นเตียงไปด้วยกันซะแล้ว หรือรักที่ง่ายเบื่อหน่ายเร็ว เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น

ถึงคติของผมจะเป็นแบบนี้ และทำให้ไม่มีคนผ่านเข้ามาในชีวิตผมมากนัก หรือ ชีวิตผมอาจจะไร้สีสันไปบ้าง แต่มันทำให้ชีวิตของผมปลอดภัย ปลอดภัยจากหลาย ๆ อย่าง ถือเป็นการดำรงตนอยู่ในชีวิตที่ไม่ประมาท

1. แฟนครั้งแรก เจอกันที่มหาวิทยาลัย ตอนปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่ แต่เราอยู่คนละคณะกัน ก่อนหน้านั้นในสมัยมัธยม ผมควงหญิงครับ เริ่มควงตั้งแต่ตอนขึ้น ม.4 คบกันอยู่ประมาณ 2 เดือน ก็ได้กัน แล้วก็คบยาวจนจบม.6 แล้วถึงเลิกกันไป ตอนเข้ามหาวิทยาลัย แปลกใจว่า ตอนนั้นไม่ท้อง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ป้องกันเลย ตลอดระยะเวลา 3 ปี โชคดีมากที่รอดมาได้
2. จูบแฟนครั้งแรก หลังจากคบกันได้ 3 เดือนกว่า ๆ ก่อนหน้านั้นก็มีหอมแก้ม กอดบ้าง คบกันยาวและคนเดียว ตั้งแต่ 1 ถึง ปี 4 สาเหตุที่เลิกกัน เพราะห่างกันในขณะที่ผมทำงานที่ กทม. เขากลับไปทำงานที่บ้านเขา ที่เชียงใหม่ ประกอบกับเขาได้เจอคนใหม่ ๆ เราจึงตกลงเลิกกันด้วยดี ทุกวันนี้ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด