==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 944591 ครั้ง)

Bench

  • บุคคลทั่วไป
ก้าาาาาาาก  นึกภาพคุงคิงเปงลูกหมาตัวน้อยๆ
งั้นผมก็ต้องเอานมมาให้ทาน ฮ่าๆๆๆ ลูกหมาทานนม

พออ่านแล้ว  ไม่เหมือนกะผมนะคับ
เพราะผมไม่ได้คิดจะมำให้ใครมาบอกรัก หรืออะไรเลย
แต่ผมจะเปิดเผยมากถึงมากที่สุด  ให้รู้กันเลยว่า
ผมก็เปงของผมงี้แหละ  ไม่แอ๊บ  ไม่เฟค
ไม่ต้องรอให้มาเหงทาสแท้ตอนสาย  เอามันแต่ต้นเลย   :laugh:

แต่คนส่วนใหญ่พอเหงผมเปิดให้แล้ว
ชอบคิดว่า  ผมหลงเค้าซะแล้ว
แล้วก็จะทำกับเราเหมือนเปง  ของตาย  แต่มันไม่ใช่งัยคับ

ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเปลี่ยนหรอก
แต่อีกฝ่ายไม่เ้หมือนเดิมมากกว่า
ตามวิสัยผู้ชายรักง่ายหน่ายเร็ว  o12
พอผมรู้ว่าจะเปงแบบนั้น  ผมก็ถอยออกมาก่อนดีกว่า
ไม่อยากโดนหลอกซ้ำๆซากๆ  เหอๆๆ

สำหรับ เรื่องความรัก เป็นสิ่งที่รอได้เสมอ อาจจะเป็นพราะว่า เวลาผมทำอะไร ผมมักจะมองมุมกลับด้านเสมอ เช่น ในขณะที่เราไม่ชอบคนเจ้าชู้คนเอาแต่ใจ เรามักจะทนไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเป็นอย่างนั้นซะเองล่ะ ใครจะทนเราได้บ้าง ?? จริงใหม
ผมชอบความคิด "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"  ของคุง @#Jackie#@ คับ  o13

ออฟไลน์ ★L'Hôpital

  • แค่เราได้พบกัน...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-18
แต่สำหรับผม...ผมสามารถทำให้ใครซักคนสามารถบอกรักผมได้ภายใน 2 วันด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นคารม คำพูด คำจา หรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่ใส่เต็มที่

แสดงว่ายังไม่เคยเจอของจริงหรือเปล่าครับ  :laugh:

สำหรับตัวผมเอง ถ้าในกรณีที่ไปจีบเค้าก่อน...ผมเองยังไม่เคยเป็นฝ่ายพูดคำว่ารักก่อนเลยครับ มีแต่บอกเค้าว่าผมชอบคุณนะอะไรอย่างนี้ครับ
อีกอย่างผมคงเป็นพวกเน้นการกระทำมากกว่าด้วยมั้ง ทำให้เค้ารู้ว่าผมรักเค้ามากขนาดไหน
ส่วนใหญ่จากที่เคยไปจีบเค้าก่อน...ทุกครั้ง คนที่ผมไปจีบมักจะพูดว่ารักผมก่อน ก่อนที่ผมจะบอกเค้าครับ

ส่วนถ้าในกรณีที่ผมเป็นฝ่ายโดนจีบก่อน...ต่อให้ยกโปรโมชั่นมาหมด พูดเก่ง คารมคมคาย treat ดีอย่างนั้นอย่างโน้น ก็ยังยากคับครับ
สำหรับผม ความรักเป็นเรื่องระยะยาว ไม่ใช่รู้จักกันผิวเผินแล้วก็คบกันเลยครับ...แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้กำหนดว่าใช้เวลานานขนาดไหน
เอาเป็นว่าถ้าผมมั่นใจแล้ว ผมก็จะตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้าครับ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
แหม! พูดซะผมเขินเลย   :-[
เรื่องของพวกผม มันก็แค่ชีวิตคู่ปกติทั่วไปเท่านั้นแหละครับ ต่างกันแค่เรื่องเพศเท่านั้น
เพียงแต่พวกผมจะถือคติว่า "รักน้อย ๆ ค่อย ๆ ก่อ" น่ะ
ไม่ได้มีโปรโมชั่นหวานแหววอะไรอย่างที่คุณ King Arthur พูดมาเลยครับ
เวลาไปไหนด้วยกัน ก็เดินกันไปธรรมดา ไม่มีการจับมือถือแขนกัน
ไม่มีโอบหลังโอบไหล่อะไรทั้งสิ้น บางทียังเดินห่างกันเป็นวาด้วยซ้ำ
บางทีไปห้างเดียวกัน แต่ต่างคนต่างเดินไปดูของที่ตัวเองสนใจ
เสร็จแล้วก็นัดมาเจอกันอีกที จะไปกินข้าวหรือจะกลับบ้านก็ว่ากันไป
น้อยครั้งมากที่จะออกงานร่วมกัน ส่วนใหญ่จะต่างคนต่างไปมากกว่า
เพราะกลุ่มเพื่อนเขากับเพื่อนผม คนละกลุ่มกัน life style ก็ต่างกัน
สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ เราสองคนเป็นคนไม่หลงตามกระแสโลกาภิวัฒน์น่ะครับ
อะไรที่ไม่ควรซื้อ ก็จะไม่ซื้อ ไอ้พวก Late Factor นี่ ไม่มีทางได้กินเงินพวกผมแน่
ขอโทษนะครับที่พูดมาซะยาว กลับเข้าเรื่องมาที่คำถามของคุณ King Arthur กันดีกว่า  o18

เกี่ยวกับสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารัก ที่คุณ King ถาม สำหรับพวกผมมันมีหลายอย่างหลายเรื่องน่ะครับ
ขอยกมาเล่าให้ฟังพอเป็นสังเขปก็แล้วกัน
อย่างแรก แฟนผมเขาต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อย ๆ ถ้าไปที่ไหนแล้วสวย เขาก็มักจะถ่ายรูปส่งมาให้ดู
แล้วเขียนไว้ว่า "Wish you were here" อะไรทำนองนี้แหละครับ แล้วเราก็จะหาโอกาสไปเที่ยวกันเองอีกที
หรือ ถ้าพวกผมนัดเจอกันข้างนอก ถ้าใครไปถึงก่อน เราก็จะกะเวลาสั่งอาหารให้พอดีกับที่อีกฝ่ายมาถึง
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนาน มาถึงเหนื่อย ๆ ก็จะได้กินอาหารร้อน ๆ ได้เลย
คือ เราจะรู้กันอยู่ว่า ใครชอบหรือไม่ชอบทานอะไร ก็เลยพอจะคาดเดาได้ว่า ควรจะสั่งอาหารอะไรให้ทานน่ะครับ
เรื่องสุดท้าย แฟนผมเขาเป็นพวกชอบมองโลกแง่ร้ายไว้ก่อน เขาบอกว่า มองแต่แง่ดี คนก็เลยมักจะไม่ได้ระมัดระวังป้องกันอะไร เวลาเกิดเหตุขึ้นมา ก็เลยทำอะไรไม่ถูกหรือแก้ไขไม่ทันท่วงที เพราะฉะนั้นเวลาไปไหนกับเขานี่ ผมแทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลย
เพราะเขาจะจัดเตรียม จัดการอะไรไว้หมดแล้ว ผมมีหน้าที่คือ กิน เที่ยว แล้วทำใจให้สนุกสนานกับสิ่งที่เขาจัดหามาให้ก็พอ
เขาบอกว่า การที่ผมมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำให้ ก็เท่ากับทำให้เขามีความสุขไปด้วย

แหะ แหะ หวังว่า มันคงจะไม่น้ำเน่าเกินไปนะครับ  :o8:

Bench

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เสียเวลาที่รอจิงๆคับ
คือ...น่ารักมากมายยยยย
ม่ายหวายแล้ววววววว
 :m3: :m3: :m3:

คุงเปงคนที่โชดดีมากๆเลยรู้มั้ยคับ
ผมว่านะ  ความรักอย่างที่คุงมีเนี่ย
เปงความรักที่ใครหลายๆคนอยากสัมผัส

ก็ยังบอกเหมือนเดิม
รักกันตลอดไปนะคับ  :L2:

ออฟไลน์ nookik

  • ลั้นลาบางเวลาเจ้าค่ะ
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ยังคงเป็นที่อิจฉาได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

รักกันนานๆ นะเจ้าคะ  :L2:












ปอลิง. จะมีแบบนี้มั่งไม๊น๊าาา  :impress3:

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านนานแล้วกับกระทู้นี้

เป็นหนึ่งกระทู้ที่โดนใจ แหะๆ

ก่อนอื่น ขอแสดงความเห็นเรื่องการลืมก่อน

อย่างที่บอกแหละ ว่าปัจจุบัน ยังไม่มีสิ่งไหนที่สามารถลบความทรงจำของคนได้

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ คือเดินไปข้างหน้าอย่างไร มากกว่า ครับ

ที่ผมจะบอกก็คือ จะจัดการอย่างไรกับความทรงจำเหล่านั้น ให้เรามีความสุข

ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดขึ้นจากใจ ถ้าสติเราเหนือจิตใจ เราจะมีความสุข

แต่ผมเองก็เหอะ บางทีก็ทำไม่ได้เหมือนกัน หลายๆครั้ง ที่เรื่องเก่าๆ วันสำคัญต่างๆที่วนมา มันก็ทำให้เราหวิวๆ เหมือนกัน

เป็นกำลังใจให้ดีกว่า ผมเชื่อว่า ความเหงา ความเศร้า ไม่ทำให้เราทุกข์จนตายครับ  :กอด1: มนุษย์ไม่เคยมีใครเศร้าหรือเหงาตาย

 

ขอร่วมสนุกกับคำถามด้วยคน

ข้อแรก ผมกับแฟนคนแรก รู้จักกันในเล้านี่แหละครับ เป็นนักเขียนด้วยกันทั้งคู่ และได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันในเรื่องต่างๆแล้วถูกคอ

แล้วก็ได้เจอกัน แล้วก็ตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ควรเข้า คือตัดสินใจคบกัน ทั้งๆที่เค้าก็มีใครอยู่ ผมก็รู้ แต่เราก็เลือกที่จะเดินไปบนเส้นทางที่เป็นไปไม่ได้


สำหรับข้อสอง ตอบว่าไม่เคยอะ เพราะผมค่อนข้างเปิดเผย คือถ้ารู้สึกถุกใจ แล้วจนแบบความรู้สึกมัน บึ้มๆๆๆ ถึงจุดๆหนึ่ง ผมจะรวบรวมความกล้าบอกไปเลย

อันนี้สำหรับแฟนคนแรกนะครับ แต่กะแฟนคนที่สองนี่มันสารภาพกับผม โดยที่ผมยังมึนๆอยู่เลย -*-


ข้อสาม เป็นคำถามที่พออ่านแล้ว เป็นคำถามที่ทำให้ผมตัดสินใจมาเม้น ฮ่าๆๆ

เพราะมันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ของผม

ตอนนั้น คือกนอนเล่นๆ แล้วก็แกล้งกัน แบบจี้เอว มั้ง แล้วทีนี้ด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเลยมองหน้ามัน แล้วก็ประกบปากมัน

เพราะด้วยแบบว่า เออ ตั้งแต่เราตัดสินใจคบกัน (ถึงจะไม่ถูกต้อง แต่เรามั่นใจว่าเรารักกัน) เรายังไม่เคยจูบกันเลย

พอจูบเสร็จ มันก็ผลักผมออก แล้วบอกว่า

"มึงจูบเหมือนกระหายเซ็กส์เลย มึงรู้มั้ย"

ผมเลยหน้าเสียเล็กน้อย ก็นะ ไม่เคยมีแฟนนี่หว่า ที่ผ่านมาก็ one night stand ทั้งนั้น

จากเหตุการณ์วันนั้น ผมกับมันก้ไม่เคยจูบกันอีก จนผมกับมันเจอกับบททดสอบหลายๆ อย่าง และสุดท้าย ผมกับมันก็ตัดสินใจเลิกกัน

และขอเวลาอยู่ด้วยกัน สี่วันสุดท้ายก่อนที่จะจากกัน โดยไม่เจอกันอีก

คืนก่อนที่เราจะจากกัน ผมบอกกับมันว่า

"มึงจำได้มั้ย ว่ามึงบอกว่ากูจูบเหมือนพวกบ้าเซ็กส์"

"อืมม แล้วไง"

"มึงช่วยสอนกูหน่อยได้มั้ย ว่าจูบแบบคนที่เค้ารักกัน มันทำยังไง ครั้งสุดท้ายก่อนที่กูต้องไปจากมึงไง กูจะได้ไม่ไปจูบแบบหื่นๆกับคนอื่นอีก"

"อืมม ไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะ"

"ทำไมต้องพรุ่งนี้ละ"

"เพราะคืนนี้ เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่ใช่หรอ"

"อืมม นั่นสินะ"

พอถึงวันรุ่งขึ้น เราทั้งคู่พยายามไม่พูดอะไรอีก จนถึงตอนที่มันจะต้องไปส่งผมที่ท่ารถ

"มึงยังไม่ลืมสัญญาใช่มั้ย" ผมทวง

"เออ"

ผมโผเข้ากอดมันครั้งสุดท้าย และน้ำตาก็ไหลอย่างกลั้นไม่ได้

"หนิง อย่าร้องไห้สิ เราจากกันด้วยดีไม่ใช่หรอ"

แล้วมันก็สอนผมตามสัญญา

จะว่าไป อีกสองวัน ก็เป็นวันที่จะครบปีแล้วครับ ที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น


ข้อสี่

กับแฟนคนแรก เป็นตอนที่เราเจอกันอะครับ คือตอนแรก มันก็ไม่อยากที่จะคบกับผมหรอก ทั้งที่ต่างคนต่างรู้สึกยังไง

ผมกับมันนั่งอยู่ที่ท่ารถที่สาวรีย์ รอส่งผมขึ้นรถ ผมพยายามหาสิ่งของที่จะให้มัน

ผมไม่อยากให้มันลืมผม เชื่อมะ วันนั้น ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ติดตัว แล้วสิ่งที่ผมค้นเจอในกระเป๋าตัง เป็นรุปติดบัตรกน้าเอ๋อๆ แทน ฮ่าๆ

เลยตัดสินใจว่า เอาวะ รูปก็รูป (ความรู้สึกผม ผว่าการให้รูปมันเสี่ยวมาก) เลยให้มันไป

มันยิ้มๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

แล้วมันก็ถอดแหวนที่นิ้วมัน เป็นแหวนที่อาร์ตๆ หน่อย เพราะมันเป็นแหวนแบบ กึ่งๆ แหวนสองส่วน คือถอดมาไม่ได้ แต่อีกส่วนมันจะสามารถหมุนๆ ได้รอบ

มันถอดให้ผมแล้วบอกว่า " อะกุให้ แหวนวิเศษนะเว้ย"

"วิเศษยังไงวะ"

"อืม ถ้ามึงหมุนแหวนนี้แล้ว มึงจะหายเหงา มันเหมาะกับคนขี้เหงาอย่างมึงนะ"


ตอบยาวจัง แฮะๆๆๆ แต่ก็ดีนะ เขียนเสร็จแล้ว รู้สึกมีความสุขดี ที่ได้คิดถึงเรื่องเหล่านั้นอีกครั้ง

ส่วนตัวตอนนี้ ก็นะครับ ยังไม่มีใครเหมือนกัน ทั้งที่ก็ไม่ได้ปิดใจอะไรยังไง สงสัยเป็นช่วงดวงไม่มีเรื่องผู้ชาย ฮ่าๆๆ

ขอฝากตัวด้วยคนนะครับ อิอิ :pig4:

 

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งกลับมาจากฉลองฮัลโลวีนครับ เดี๋ยวขอไปคุยกะเด็กดื้อแถวนี้ก่อน แล้วจะมาเม้นนะคร้าบบบบ
 :pig4:

MomentInTime

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ถึงกับเป็นแฟนนะครับ ยังจีบกันอยู่ เป็นการจีบที่ยาวนานมาก ๆ  :impress2: คนนี้เป็นคนแรกของผมเลยก็ว่าได้

ข้อ 1 - คนนี้ผมเจอโดยบังเอิญ ที่ใกล้ ๆ คณะของน้องเขาครับ แรก ๆ ก็เฉย ๆ นะครับ แต่เหมือนมีอะไรมาฉุดก็ไม่รู้ กลายเป็นว่าเราอยากเห็นหน้าเขาและเริ่มทำความรู้จักกับเขาในที่สุด

ข้อ 2 - จูบ ยังไม่เคยได้จูบเลยครับ รู้แต่ว่ารักเขาอ่ะครับ ตอนนี้ แต่ยังปากหนัก ไม่ยอมบอก ไว้รอโอกาสเหมาะ ๆ และจูบแรกของผมกับเขา ต้องเป็นจูบที่คุ้มค่า

ข้อ 3 - ไม่เชิงโรแมนติกครับ แต่เหมือนดูเขาจะเอาใจใส่ผมผมเหมือนกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ เข้า กินข้าวด้วยกันบ่อย เขาจำได้ว่าผมชอบกินอะไร ชอบกินน้ำอะไร ไม่ชอบกินอะไร ชอบกินไอติมรสอะไร เป็นปลื้มครับ  :m1:

ข้อ 4 - สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนผมมีสอบปฏิบัติการแลบ เขารู้ด้วย ว่าผมจะสอบวันไหน ผมแค่เปรย ๆ ว่าเดี๋ยวจะมีสอบ เขาแอบเอาการ์ดอวยพร บอกอย่าเครียด ๆ สู้ ๆ ใส่ไว้ให้ในหนังสือ เป็นการ์ดที่เขาทำเอง  :-[

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ตอบคุณคริส (ผมถือวิสาสะเรียกคุณ KrysTal ว่าคริสละกัน)

แต่ก่อนจะตอบ...ขอเล่าเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อคืนให้เพื่อนๆ ทุกคนฟังนิดนึงดีกว่า...เผื่อใครจะอิจฉาผมในคืนวันฮาโลวีนแบบนี้ 555

เมื่อคืน...ผมไปฉลองฮัลโลวีนกับเพื่อนมาครับ เพื่อนกลุ่มนี้จะเป็นเพื่อนกลุ่มที่ผมสนิทด้วยที่สุด...ทั้งยังเป็นกลุ่มเดียวที่รู้ว่าผมเป็นเกย์...แล้ว...ไม่ว่าผมจะมีแฟนจะมีกิ๊กจะมีใครกี่คน...ผมจะต้องพาคนเหล่านั้นของผมมาแนะนำให้พวกมันรู้จักซะก่อนเพื่อสแกนว่าโอหรือไม่โอ...แล้วก็ถือเป็นธรรมเนียมของกลุ่มเราด้วยครับที่เพื่อนทุกคนจะต้องรู้จักหน้าค่าตาของแฟนเพื่อนเพราะเคยมีครั้งนึงที่เพื่อนในกลุ่มผมดันไปปิ๊งคนๆ เดียวกันขึ้นมา 555 (แต่มียกเว้นอยู่คนเดียวครับที่ผมไม่เคยพาไปก็คือ..........โจ...ส่วนเหตุผลเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกทีเพราะเรื่องมันยาวมากๆ)

เข้าเรื่องเมื่อคืนเลยละกันครับ...ก็...ผมก็ไปนัดเจอกับพวกเพื่อนๆ ที่บ้านของเพื่อนผมคนนึง...แล้วก็จัดปาร์ตี้เล็กๆ กัน มีขนมนมเนย มีเบียร์ มีเหล้า ฯลฯ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเพื่อนของผมกลุ่มนี้ดันไปชวน ‘คริส’ อดีตคนที่ผมเคยคบด้วยพักนึงมาซะงั้น (ที่เรียกว่าคบด้วยพักนึง...เพราะผมกะคริสเคยคบกันอยู่ช่วงนึง...เป็นช่วงสั้นๆ แค่ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ...ส่วนรายละเอียด...เรื่องมันยาวครับ...ค่อยเล่าอีกเหมือนกัน 555)

ตอนที่ผมไปเจอคริสเนี่ย ผมอึ้งๆ นะ เพราะตอนที่เรายุติความสัมพันธ์ครั้งนั้น...ผม...นี่แหละที่เป็นคนชิ่งหนีเขามาเอง ทีนี้พอจู่ๆ มาเจอตัวเป็นๆ แบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันครับ ผมพยายามอยู่ในมุมของผมและเกาะติดเพื่อนไว้ ส่วนคริส...หมอนี่มันเป็นคนเงียบๆ อยู่แล้วครับ มันก็เลยอยู่ของมันคนเดียวได้ (เดินมาคุยกะเพื่อนของผมบ้าง...แต่พอเค้าเดินมา...ผมก็จะเสเดินไปทางอื่นแทน)

ตลอดทั้งงานเราไม่ได้พูดอะไรกันซักคำเดียวครับ...ไม่เลยซักคำ...จนผมรู้สึกว่าเฮ้ย...ถ้าขืนอยู่ต่อไปมีหวังเรื่องวุ่นๆ เกิดแน่ พอซักประมาณสี่ทุ่มผมก็เลยขอตัวกลับก่อน ตอนนั้นหน้าผมเริ่มแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยครับ....พวกเพื่อนมันก็เลยไม่ว่าอะไร (ปล. ผมแพ้แอลกอฮอล์ครับ...กินมากไม่ได้)

จนผมมาถึงห้องซักพักก็มีเบอร์แปลกโทรมา ตอนแรกกะว่าจะไม่รับเพราะปกติผมจะไม่รับสายเบอร์แปลก แต่สำหรับสายนี้สุดท้ายก็ต้องรับจนได้เพราะ....ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม 555

แล้วคนที่โทรมาก็คือคริสครับ ผมก็....ซวยแล้วสิกู ไม่คิดว่าจะเป็นมัน มันก็ถามโน่นถามนี่ครับ ถามว่าทำไมผมถึงไม่ยอมคุยกะมัน ผมก็...ด้วยความที่ไม่รู้จะตอบว่าไงก็เลยค่อนข้างเงียบครับ ผมเงียบไปซักพักก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู...ผมก็ไปเปิด...เชื่อมั้ยครับว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็คือมันนั่นแหละครับ แล้วมันก็ยืนร้องไห้เป็นเผาเต่าก่อนจะโผเข้ากอดผม จบครับ (เหมือนนิยายมั้ยครับ 555)

สรุปก็....กลายเป็นว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้าผมก็ให้มันนอนกะผมที่ห้องนี่แหละครับ ก็หวนความหลังกันเล็กน้อยด้วยการนอนกอดกัน

ส่วนใครที่กำลังคิดว่าผมกะมันมีอะไรกันรึปล่าว? ขอบอกว่าเสียใจครับ ใจจริงก็อยากอยู่หรอก 555 ผู้ชายหน้าตาน่ารักตัวอุ่นๆ อยู่ในอ้อมกอดทั้งคน...ถ้าไม่คิดก็บ้าละครับ แต่เผอิญว่าเนื่องจากช่วงนี้ผมถือศีลก็เลยมีเซ็กกะใครไม่ได้  อีกอย่าง...มันง่ะแพ้อ้อมกอดอุ่นๆ ของผมครับ แค่นอนซบไม่ถึงห้านาทีก็หลับเป็นตายแล้ว 555




ตอบเม้นคุณคริส(ตั้น)ต่อดีกว่า ถ้าในเรื่องของความเปิดเผย ผมว่าผมน่าจะเหมือนคุณนะครับ เพราะข้อเสียอย่างใหญ่หลวงของผมก็คือผมเป็นคนไม่มีความลับครับ....ใครที่ได้เข้ามาคุยมาทำความรู้จักกับผมจะรู้จักผมหมดทุกด้าน...ทั้งด้านดีและด้านเลวๆ แล้วที่สำคัญผมเป็นคนชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้แฟนฟัง...วันนี้ผมไปไหน...ไปทำอะไรมาบ้าง...ไปเจอใคร...ใครมาจีบมั้ย...ให้เบอร์เค้ารึปล่าว....ผมจะบอกหมด...จนบางครั้งก็เหมือนเป็นดาบสองคม...คนที่รับได้ก็จะชอบ...แต่ถ้าเจอคนที่ขี้หึงเนี่ย....เหอๆๆๆ (แต่โชคยังดีครับ ที่ตลอดชีวิตยังไม่เคยเจอคนขี้หึงขั้นเทพแบบที่จินตนาการไว้)

ส่วนเรื่องของตาย ผมเองก็ไม่อยากเป็นของตายของใครเหมือนกัน แต่คิดว่าที่ผ่านมา...ยังไม่เคยเป็นของตายของใครเลยนะครับ อิๆ

และสุดท้ายทฤษฎีของคุณแจ๊กกี้...ตอนนี้ผมก็พยายามทำแบบนั้นอยู่ครับ ‘อยากได้อะไรก็ทำให้เค้าก่อน ไม่ชอบอะไรก็อย่าทำกับเค้าแบบนั้น’ เมื่อก่อนผมอีโก้สูงมาก ง้อใครไม่เป็น แต่เดี๋ยวนี้ลดลงมาเยอะละครับ




ตอบคุณ ★ShouguN☆ บ้าง
ที่บอกว่ายังไม่เคยเจอของจริงรึปล่าว ฟังดู...ทะแม่งๆ นะครับ หมายความว่ายังไงเหรอ 555

ส่วนเรื่องของการจีบเค้าก่อน ถ้าเดินเข้าไปบอกโต้งๆ ว่าชอบ ขอจีบเป็นแฟนได้มั้ย...แบบนี้จะไม่เคยเหมือนกันครับ เพราะไอ้ที่ผมบอก...ผมหมายถึงว่าคนๆ นั้นจะต้องแสดงให้ผมรู้ก่อน...หรือ...เซ้นอาจจะบอกผมก่อนว่าเค้าเองก็สนใจผมเหมือนกัน...ผมถึงจะกล้าเข้าไปคุย ขอเบอร์หรืออะไรแบบนี้ครับ แต่ถ้าเป็นแบบจู่ๆ เห็นผู้ชายคนนึงแล้วชอบ จะให้เดินเข้าไปคุยด้วยเลยเนี่ยไมสามารถเหมือนกัน

ส่วนการกระทำ...เนื่องจากผมเป็นคนไม่หวานไม่โร(แมนติก) ผมก็เลยไม่ค่อยจะทำอะไรให้เค้าซักเท่าไหร่ อาจจะพูดจริง อาจจะทำบ้าง แต่ก็น้อยครับ ส่วนมากจะเก็บไว้ในใจมากกว่า แต่ถ้าเค้าป่วยไข้ไม่สบายขึ้นมานี่ผมไม่ทิ้งแน่ๆ (ปล. มีคนชอบบอกว่าผมมักจะแสดงมุมน่ารักออกมาก็เฉพาะตอนที่แฟนผมป่วยเท่านั้นแหละ 555)

แต่ถ้าเป็นเคสของคนที่มาจีบผมก่อน...จริงๆ ก็มีครับ...มีเยอะซะด้วย 555 แต่คนที่เข้ามาจีบผมจะมีแต่รุก มีแต่แมนๆ อ่ะ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะลุคผมดูสุขุมๆ เงียบๆ ด้วยมั้งครับ คนที่เข้ามาจีบก็เลยคิดว่าผมเป็นรับ หารู้ไม่ว่า..........




ตอบเจ้าชาย fanfic2010 ดีกว่า
คุณ fanfic2010 สงสัยมั้ยครับว่าทำไมผมถึงเรียกคุณแบบนั้น? ง่ายๆ สั้นๆ เลยครับว่าอ่านแล้วรู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่ในเทพนิยายยังไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ คู่ของคุณกะแฟนเป็นคู่ที่หาได้ยากมากๆ หนึ่งในล้านจะได้รึปล่าวก็ไม่รู้

ปล. ยังอิจฉาอยู่ตลอดเวลานะครับเนี่ย แต่ผมก็บอกกับตัวเองว่าจะพยายามทำตัวน่ารักๆ เหมือนแฟนของคุณ fanfic2010 เยอะๆ เผื่อว่าคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตผมในอนาคตจะโชคดีแบบคุณบ้างยังไงล่ะครับ (แต่รู้สึกว่ากว่าผมจะทำได้ซักครึ่งคงอีกนาน ก็ผมมันซาตานนี่ครับ 555)

อ่านเรื่องของคุณแล้วผมก็ลองมาย้อนดูตัวว่ามีใครเคยทำอะไรเพื่อผมได้มากขนาดเท่าที่แฟนคุณ fanfic2010 ทำให้บ้างรึปล่าว???

แล้วผมก็เจอครับ ผมมีแฟนที่คบกันจริงๆ จังๆ มาแล้ว 3 คน
คนแรกผมคบกะเค้าเกือบปี เค้าเป็นพี่รหัสผม แต่ก็ต้องเลิกกันเพราะศาสนา เค้าเป็นคริสตร์ส่วนผมเป็นพุทธ

คนที่สองคบกันเกือบสองปี เราเจอกันในวันที่ผมตัดสินใจเลิกกับแฟนคนแรก แฟนคนที่สองของผมน่าจะเปรียบได้กับแฟนของคุณ fanfic2010 คนนี้เลย เค้าน่ารักมาก ดีกับผม...ทุ่มเทกับผมทุกอย่าง แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์บางอย่าง...ทำให้เราต้องแยกจากกันทั้งๆ ที่เรายังรักกันอยู่ (เรื่องมันยาวอีกแล้วครับ...ขี้เกียจเล่าตอนนี้ 555)

ส่วนคนสุดท้ายก็คือโจ คนที่ผมกำลังบ้าบออยู่นี่แหละครับ ก็อย่างที่ผมน่าจะบอกไปแล้วว่าเราคบกันมาตั้ง 6 ปี

ทีนี้ผมมานั่งคิดดูแล้ว...ทั้งที่ความจริงผมรักแฟนคนที่สองของผมมากที่สุด แต่ทำไม ณ เวลานี้ผมแทบจะไม่คิดถึงเค้าเลย อะไรๆ กลับเป็นโจไปซะหมด จนสุดท้ายผมก็เข้าใจว่าคงเนื่องด้วยเวลาที่ผ่านไปค่อนข้างจะนานแล้ว ความรักที่ว่านั้นก็เลยอาจจะค่อยๆ ลบเลือนไปตามกาลเวลา(รึปล่าว) ในขณะที่กับโจ ผมยอมรับว่าถ้าเทียบความรักเป็นเปอร์เซ็นต์จำนวนตัวเลขระหว่างแฟนคนที่สองของผมกับโจ...คงห่างกันจนแทบไม่เห็นฝุ่น แต่เพราะในความผูกพันที่มีมากกว่าและเหตุการณ์พึ่งจะเกิดขึ้นไม่นาน นั่นจึงทำให้ผมยังก้าวไปไหนไม่ได้

แล้วผมก็พาลคิดว่า ถ้าวันนึงผมรักใครคนใหม่ ผมจะลืมโจเหมือนที่ผมลืมแฟนคนที่สองของผมรึปล่าว

ถ้าการมีใคร...แล้วทำให้ผมต้องลืมเค้า ผมเลือกที่จะไม่มีใครเลยดีกว่า...................พูดจริงๆ




กลับมาที่เรื่องที่คุณ fanfi2010 เล่าบ้าง...กับคติที่ว่า ‘รักน้อยๆ ค่อยๆ ก่อ’

อย่างในเคสของผมกะโจ ผมเองก็ยอมรับครับว่าผมน่ะชอบเดินห่างกะมันเป็นวาๆ เหมือนกัน ผมเป็นคนเดินเร็ว โจมันจะชอบเดินช้าอ้อยอิ่ง (ผมชอบเรียกมันว่าไอ้เตี้ย ทั้งที่มันอ่ะสูงกว่าผม เพราะช่วงขามันสั้น...แต่มือใหญ่ เท้าใหญ่เหมือนฮอบบิท)

แต่มันจะน่ารักครับ เดินๆ อยู่ ชอบแกล้งเนียนๆ มาจับมือผม พอผมมองค้อนๆ มันก็จะทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ก็ยังจบอยู่อย่างงั้น (ไม่รู้ที่หัวเราะอยู่น่ะ แอบขมขื่นอยู่ข้างในรึปล่าว)

แต่เวลาไปไหนมาไหนเราก็จะเดินด้วยกันนะครับ ไม่มีการที่คนนั้นจะต้องไปรอตรงโน้น อีกคนจะรอตรงนี้ อย่างถ้าเป็นร้านที่เราชอบไม่ตรงกัน คนที่ไม่ชอบก็จะยืนคอยหน้าร้าน ยกตัวอย่างเช่นผมเป็นคนชอบดูหนังฟังเพลง ผมก็จะอยู่ในร้านขายซีดีได้เป็นชั่วโมงๆ (ร้านประจำผมคือร้าน Cap กะบูมเมอแรงสาขาเซนทรัลบางนา) แต่โจมันเฉยๆ มันก็จะโฉบเข้ามาดูแว่บนึงแล้วออกไปยืนทำตาโตๆ ทำหน้าเหงาๆ อยู่ข้างนอก หรืออย่างถ้ามันไปอยู่ในร้านเสื้อ หรือร้าน...เอ่อ...ผมจำชื่อร้านไม่ได้อ่ะที่ขายของสะสมเกี่ยวกับฟุตบอลทีมแมนยูรึปล่าวผมไม่แน่ใจ (มีพวก FHM ขายด้วย) มันก็จะเข้าไปขลุกอยู่เป็นชั่วโมงๆ เหมือนกัน ซึ่งผมเองก็เข้าไปเสื้อมาทาบกับตัวสองสามที แล้วก็ต้องออกมายืนทำหน้าเซ็งอยู่หน้าร้านเหมือนกัน

ส่วนเรื่องของอาหารการกิน ข้อนี้ผมยกมือยอมรับผิดเต็มประตู เพราะผมไม่ค่อยจะพามันไปกินอาหารดีๆ ในร้านดีๆ ซักเท่าไหร่ จะไปกินแต่ละทีมันก็ต้องชวนแล้วชวนอีก...ชวนอยู่เป็นล้านรอบได้มั้งกว่าผมจะยอมตามใจ........คือผมเป็นคนไม่ชอบทานข้าวนอกบ้านอ่ะครับ...เป็นนิสัยส่วนตัวที่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่....แต่ถ้าย้อนเวลาได้...มันอยากจะกินอะไรจะไปที่ไหนผมจะตามใจมันตั้งแต่มันขอครั้งแรกเลย (แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้วใช่มั้ยครับ...เศร้า)

อีกอย่างเราชอบอาหารคนละแบบครับ โจมันชอบอาหารญี่ปุ่น ส่วนผมกินอาหารญี่ปุ่นไม่เป็น (กินดิบๆ ไม่ได้ กินได้แต่ราเมน) มันเป็นคนชอบอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด (เวลามันใส่พริกน้ำปลาแต่ละทีคุณเอ้ยยยยยย เห็นแล้วงงเลยว่าไม่รู้มันกินเข้าไปได้ยังไง) ส่วนผม...กินเผ็ด กินอาหารรสจัดๆ ไม่ได้ กินแล้วจะท้องเสีย

ส่วนเรื่องเพื่อน ผมกับมันมีเพื่อนกันคนละกลุ่มเหมือนกันครับ เพื่อนมันจะมีทั้งเพื่อนผู้ชายที่เป็นขาเหล้า และเพื่อนผู้หญิงที่เป็นขาเม้า (นี่ผมพูดถึงตอนที่เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ...ไม่ได้เรียงตามลำดับก่อนหลัง) ส่วนผม...มีเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย กลับเพื่อนในกลุ่มของแฟนคนที่สองครับ (กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับงานวันฮัลโลวีนเมื่อคืนอ่ะครับ)

แต่ถ้าพูดถึงกระแส ผมเป็นคนไม่ชอบตามกระแส แต่โจ...มันบ้ากระแสมากๆ อะไรที่เค้าฮิตๆ กันมันจะต้องอยากมีอยากได้ไปเรื่อย อย่างถ้าเป็นตอนนี้ผมว่ามันน่าจะมีบีบีไปแล้วมั้ง ในขณะที่ผมก็ยังใช้โทรศัพท์ทัชสกรีนธรรมดาๆ ต่อไป



 
ส่วนเรื่องของสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘รัก’ ของผม เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าต่อครับ รู้สึกว่าเม้นตอนนี้จะยาวเกินไปแล้ว 555



คนที่เข้ามาอ่านอย่าลืมแชร์ประสบการณ์รักฉบับเลิฟๆ ให้ฟังกันบ้างนะครับ ยิ่งเยอะยิ่งดี
อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ อะไรดีๆ คุณจะได้เอาไปใช้กะแฟนคุณได้ ส่วนอะไรแย่ๆ ก็แค่ปรับปรุงและรีบเปลี่ยนแปลงโดยด่วน ชีวิตรักของคุณจะได้ไม่ต้องลงท้ายแบบผมยังไงล่ะครับ 555 

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ครับ มาที่เรื่องราวที่เป็นสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘รัก’ ของผมบ้าง

อืม...........ตอนแรกผมกะว่าจะเล่าแบบ 1 2 3 เป็นสเต็ปๆ ไป แต่พอคิดไปคิดมา....เอาเป็นภาพรวมตลอด 6 ปีที่คบกันมาเลยดีกว่าว่ามีสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘รัก’ สิ่งไหนที่ผมประทับใจที่สุดบ้าง

เอาเป็นเหตุการณ์เล็กๆ หลังจากนั้น ‘จูบ’ ในคืนนั้นละกัน...........

เท้าความก่อนว่าโจมันไม่ใช่คนรวยอะไรถูกมั้ยครับ...ส่วนผมก็เป็นแค่อดีตคนเคยรวยครับ..(ที่บ้านผมประสบปัญหาธุรกิจขาดทุนในยุคนึงทำให้จากที่เราเคยใช้ชีวิตอย่างคนมีตังค์ก็ต้องดร๊อปไปตามระเบียบ)....เพราะฉะนั้น ณ ช่วงเวลาที่เรารู้จักกันในตอนนั้น...เรา...ต่างก็ยังไม่มีเงินมีทองอะไรมากมายนัก...อีกอย่างชีวิตแบบนักศึกษาด้วย...เรียกว่ามีเงินพอกินพอใช้ไปวันๆ ก็ดีถมเถไปแล้ว

แต่ทีนี้...หลังจากที่ผมจูบมันไปในคืนนั้น...หลังจากเลิกงานเราก็โทรหากัน....ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นฝ่ายโทรหาใครก่อน...แต่ที่จำได้แม่นเลยก็คือต่างคนต่างก็คุยกันจนตังค์(ในโทรศัพท์)หมด...แล้วก็หยิบโทรศัพท์บ้านมาคุยกันต่อ...กว่าจะวางได้ก็เล่นเอาค่าโทรบานเหมือนกัน...(ถ้าใครเคยอยู่หอน่าจะรู้ดีว่าหอพักแต่ละที่เวลาโทรออกเค้าจะกำหนดเวลาการโทร 8 นาที 10 นาที หรือ 15 นาทีแล้วแต่ว่าหอไหนจะกำหนดเท่าไหร่)

ในคืนที่เราคุย เราก็คุยกันทุกอย่างครับ ทั้งเรื่องของความเป็นอยู่ และเรื่องของแบบ? (แบบไหน)  ซึ่งอย่างหลังนี่สำคัญสำหรับผมมาก(ในตอนนั้น)...เพราะดูจากลุคแล้วโจมันก็แมนๆ อ่ะครับ กลัวเหมือนกันว่ามันจะเป็นรุก แต่พอถามไปถามมาปรากฏว่า...มัน...ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนครับ!!!...ทั้งกับผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม...ตอนแรกผมก็แปลกใจนะที่ผู้ชายหน้าตาหล่อๆ อย่างมันไม่เคยมีแฟนมาก่อน...แต่พอมันพูดให้ฟังว่าวันๆ มันก็อยู่แต่กับเพื่อน(และจากเท่าที่ดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ)...ผมจึงพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง..........ซึ่ง..สรุปก็คือมันยังไม่รู้ครับว่ามันเป็นแบบไหน..แบบนี้ต้องลองถึงจะรู้ครับ 555

ข้ามเรื่องแบบไปก่อนครับ หลังจากคืนนั้นเราก็ตัดสินใจคบกันแบบลับๆ (ประหนึ่งว่าทำผิดอะไรกันซักอย่าง) อย่างเวลาไปเจอกันที่ทำงานเราก็จะทำตัวเป็นปกติเหมือนเดิม ไม่ได้กระโตกกระตากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน

ว่างๆ ผมก็จะเดินไปส่งยิ้มหวานๆ ให้มันที่แผนกบ้าง มันเอง...ก็จะอาศัยเวลาที่มาเข้าห้องน้ำ มาแอบด้อมๆ มองๆ ว่าผมกำลังทำอะไรที่แผนกของผมเหมือนกัน จนเลิกงานเราถึงจะโทรคุยกันครับ....แต่เนื่องด้วยพอคุยไปซักพักค่าโทรชักเริ่มบาน(จริงๆ) ผมก็เลยเริ่มโทรหามันน้อยลง จากที่คุยกันวันละเป็นชั่วโมงๆ ก็ลดเหลือซักครึ่งชั่วโมง...ซึ่งตรงจุดนี้มันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร....แต่สิ่งที่มันซีเรียสก็คือ....ผมไม่ค่อยชอบเติมเงินโทรศัพท์ครับ!!!...เมื่อก่อนค่าโทรยังแพงอยู่...เวลาจะเติมก็ต้องเติมทีสองสามร้อย....เติมบ่อยๆ เงินเดือนก็ไม่ต้องเหลือกันพอดี....อีกอย่างผมไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์กับใครอยู่แล้ว...ผมก็เลยไม่รู้จะเติมไปทำไม ก็ปล่อยไว้อย่างงั้นครับไว้รับสายอย่างเดียว

จนมีอยู่วันนึงผมจำได้ว่าวันนั้นวันเดย์ออฟของผม ผมก็นอนอยู่ที่ห้อง ซักเย็นย่ำหน่อยก็มีผู้หญิงคนนึงโทรมาหาผมบอกว่าเติมเงินไม่เข้า ผมก็งง เติมเข้าไม่เข้าแล้วไง คืองงครับ จะมาเติมให้ผมทำไม รู้จักรึก็ปล่าว ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าโจมันวานให้เพื่อนมันเติมเงินมือถือให้ผมซะงั้น

หลังจากวางสายจากเธอไป ผมก็เลยโทรไปถามโจว่าจะมาเติมให้ผมทำไม มันก็บอกผมสั้นๆ ง่ายๆ แค่ว่า

‘ตัวเองจะได้โทรหาเค้าได้ตลอดเวลาที่เค้าคิดถึงตัวเองไง’ 555 ตอนนั้นมันเริ่มแทนคำพูดว่า ‘ตัวเอง’ กะ ‘เค้า’ ละครับ แล้วก็...ไอ้ประโยคที่มันพูดอาจจะไม่ได้เลี่ยนขนาดนี้ แต่ก็น่าจะประมาณนี้อ่ะครับ (จำต้นฉบับไม่ได้แล้วจริงๆ 555)

ฟังแล้วอาจจะงงกันกับคำว่า ‘ตลอดเวลาที่เค้าคิดถึงตัวเอง’

คืองี้ครับ....มันหมายความว่าเมื่อไหร่ที่มันคิดถึงผมมันจะยิงมาครับ....แล้วผมก็ต้องโทรกลับไปหามัน แล้ววันๆ นึงมันก็คิดถึงผมบ่อยซะด้วยสิครับ 555

ก็....ถือเป็นสิ่งเล็กๆ (มากๆ) สำหรับผม แต่ได้ใจไปเต็มๆ เพราะคำพูดและวิธีคิดของมันนั่นแหละครับ มีอย่างที่ไหนเติมเงินให้เค้าเพื่อให้เค้าโทรหาตัวเอง

หลังจากนั้นมันก็จะแอบเติมเงินให้ผมเรื่อยๆ ครับ จนพอมากๆ เข้าผมถึงต้องยื่นคำขาดไปนั่นแหละว่าไม่ต้องเติมให้แล้ว...เพราะผมมีปัญญาเติมเอง (เรื่องของเรื่องคือห่วงมันแหละครับ มันเองก็ยิ่งไม่ค่อยมีเงินอยู่)


ความจริงสิ่งเล็กๆ ที่มันทำให้ผมมีอีกเยอะครับ อย่างเรื่องที่มันรู้ว่าผมชอบดอกทิวลิปมันก็ไปหามาจัดใส่แจกันให้ผมจนได้ หรือเรื่องที่ผมไม่ชอบคนกินเหล้าสูบบุหรี่ มันก็เลิกเพื่อผม หรืออย่างเรื่องที่พอเราเป็นแฟนกันได้ซักปีสองปีแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานที่อื่นกันเพราะเรียนจบแล้ว ทุกๆ บ่ายสามโมงของทุกวัน มันก็จะโทรมาหาผม คือยุ่งหรือไม่ยุ่งยังไงมันก็จะปลีกเวลามาโทรหาผมจนได้ หรืออย่างเวลาที่มันต้องตื่นเช้าไปทำงาน (อันนี้ผมทำให้มัน) ผมก็จะต้องตื่นมาส่งมัน คือต่อให้ง่วงแค่ไหนก็ต้องตื่นครับ รอจนกว่ามันจะเดินออกจากห้องไป แล้วค่อยรอจนมันเดินพ้นตึกออกไปจึงค่อยโบกมือบ๊ายบ่ายให้มันจากระเบียงห้องอีกที แล้วจึงค่อยกลับมานอนต่อ หรือสุดท้าย(ข้อนี้มันอาจจะไม่รู้)คือไม่ว่ามันจะไปเที่ยวจนดึกดื่นขนาดไหน ผมก็จะนั่งรอนอนรอให้มันกลับมาก่อนผมถึงจะหลับลงได้ แต่สิ่งที่ผมแสดงออกไปก็คือแกล้งว่าหลับไปแล้วทุกครั้ง....



ก็เท่าที่คิดได้ตอนนี้ก็ประมาณนี้ครับ



เดี๋ยวอีกซักพักผมจะมาตอบเม้นที่เหลือต่อนะครับ
ปล. วันนี้เหมือนกระทู้จะเงียบๆ เลย 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ตอบเม้นคุณคริส(ตั้น) กะคุณ nookik

เห็นด้วยกะคุณครับที่ว่าเรื่องของคุณ fanfic2010 เป็นเรื่องที่น่ารักและอิจฉามากๆ แล้วก็...เห็นด้วยอีกเหมือนกันที่ว่าคุณ fanfic2010 เป็นคนโชคดีจริงๆ

เสียดายที่ตอนมีโอกาส ผม...ไม่ได้ทำแบบนั้นให้กับคนที่ผมรัก...สุดหัวใจ

เป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยกมือขอให้คุณ fanfic2010 กะแฟนรักกันแบบนี้ไปตลอดครับผม





หวัดดีครับคุณ JkrR

กระทู้ผมโดนจริงๆ เหรอครับ (แต่ยังไม่ค่อยมีคนอ่านซักเท่าไหร่นะผมว่า)

ว่าด้วยเรื่องของการลืม ผม...ก็คงจะบอกเหมือนที่ผมบอกทุกๆ คนแหละครับว่าใจจริงผมยังไม่อยากลืม และยังแอบหวังเล็กๆ ทุกวันว่าวันนึงเค้าจะต้องกลับมาหาผม (ผมนี่โง่เนาะ) แต่เพราะความที่ผมอยากจะก้าวไปข้างหน้าบ้าง ผมถึงอยากจะลืม

ทุกวันนี้ ทุกๆ วินาทีของผมยังมีเงาของเค้าตามติดผมอยู่ตลอด ความรู้สึกผิดเอย ความน้อยใจเอย และความอะไรอีกสารพัด ผมเป็นอย่างงี้จนงานผมดรอปลง เริ่มเบื่อที่จะดูแลตัวเอง กินข้าววันละ 2 มือ กลางคืนก็นอนไม่หลับ เบื่อที่จะพบปะผู้คน บางครั้งเบื่อ....ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยซ้ำ กับคำถามที่ว่าถ้าผมตาย เค้าจะเสียใจรึปล่าว (เหมือนในเพลงฉันมีค่าแค่ไหน ของบอยพีช(เมคเกอร์))

แรกๆ ก็กะจะประชดตัวเองแบบนั้นนะครับ สะพานเนี่ยเคยจะไปกระโดดมาแล้ว รถไฟฟ้านี่ก็คิดอยู่ตลอดว่าเวลามันวิ่งมาจะกะโดดลงไปในรางดีมั้ย (ผมเป็นคนตจว. ที่เข้ามาเรียนและทำงานที่กทม. ยังไม่มีรถขับ) หรือ...ถ้าผมจะโหม่งโลก...มันจะเป็นยังไงนะ ฯลฯ

แต่ที่ผมไม่ทำเพราะผมยังหวังครับ ยังหวังว่าเค้าจะกลับมา ของทุกอย่างสมบัติทุกชิ้นของเค้าในห้องก็ยังอยู่ที่เดิม เตียงของผมที่เราเคยนอนด้วยกันก็ยังเป็นผมที่ยังคงนอนคนเดียวอยู่แบบนี้ ใครเข้ามาในชีวิต...ผมก็แทบไม่มีกะใจจะแล

เพราะฉะนั้นการจะให้ผมก้าวเดินไปข้างหน้าได้ สำหรับผมถือเป็นเรื่องยากมากๆ บอกไม่ได้เลยจริงๆ ว่าจะทำได้มั้ย แต่ก็จะพยายามครับผม



ส่วนเรื่องที่คุณร่วมตอบคำถาม ผมดีใจนะ ดีใจมากๆ ด้วย เพราะหนึ่งผมเองก็ยังใหม่ในเล้านี้ การที่คุณมาเล่นกะผมแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าเออ ผมก็ไม่ได้เหงาอยู่คนเดียวนี่นา สอง...อย่างที่บอกแหละครับ บางทีประสบการณ์ของคนอื่นอาจทำให้เราคิดอะไรได้ก็ได้ (ผมหวังอ่ะนะ)

กับคำถามข้อแรก แสดงว่าตอนนี้คุณมีแฟนอยู่แล้วถูกมั้ยครับ (เพราะคนที่คุณพูดถึงก็คือแฟนคนแรก) ส่วนที่ว่ารู้จักกันในเล้านั้น ข้อนี้ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับผมอยู่ เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อว่าคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน...เห็นแต่ตัวอักษรจะรักกันได้ แต่ตอนนี้ผมพยายามเปลี่ยนมุมมองอยู่ครับ  555

ส่วนคำถามข้อสอง (ผมลืมไปแล้วว่าผมถามว่าอะไร) 555

ข้อสามเรื่อง ‘จูบ’ ใช่มั้ยครับ เรื่องของคุณเป็นประสบการณ์ที่ดูแมนดีครับ ออกแนวผู้ชายที่เป็นผู้ชายรักกันจริงๆ แม้ว่ามันจะจบลงแบบนี้ แต่คุณก็มีความสุขแล้ว...ใช่มั้ย

ข้อสี่ เป็นสิ่งเล็กๆ ที่โรแมนติกมากสำหรับผมนะ โดยเฉพาะเรื่องแหวนกับคำพูดที่ว่า "อืม ถ้ามึงหมุนแหวนนี้แล้ว มึงจะหายเหงา มันเหมาะกับคนขี้เหงาอย่างมึงนะ"

แม้จะลงท้ายคำพูดทีดูทึมๆ ก็ตาม

ส่วนช่วงท้ายที่คุณบอกว่ารู้สึกดีที่ได้ระบาย อืม...เชื่อมั้ยครับว่าผมเองก็รู้สึกดีที่ได้ระบายเหมือนกัน มันรู้สึกโล่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตัวที่หนักอึ้งมันเบาลง (ปกติเวลาผมมีปัญหาอะไร ผมจะแก้ของผมคนเดียวอ่ะครับ ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวไปปรึกษาใครเลย)



ยังไงก็โสดเป็นเพื่อนกันก่อนละกันครับ อย่าเพิ่งหนีหายไปไหน คนโสดอย่างผมต้องการกำลังใจ 555

แล้วก็สุดท้าย...ผมสิครับที่ต้องฝากตัว อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นน้องใหม่ที่นี่




หวัดดีครับน้อง MomentInTime

ตอบรวมเลยละกันนะครับ เอาเป็นว่า..........พี่ไปตามอ่านไอ้ที่น้องขอคำปรึกษาอยู่นะ ยังไงก็เอาใจช่วยครับ เรื่องที่ว่าใครเป็นแบบไหนไม่ต้องซีเรียสนะครับ...เพราะเมื่อถึงเวลาน้องก็จะรู้เอง แต่สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดถ้าน้องคิดว่าน้องรักเค้าจริงๆ น้องก็ต้องดีกับเค้ามากๆ นะครับ อะไรที่อยากทำก็ทำไปเหอะ อย่ากั๊ก อย่าฟอร์ม อย่าปากแข็งแบบพี่ 555

เชียร์ครับเชียร์

อย่าลืมมาเล่าความคืบหน้าให้ฟังบ่อยๆ นะครับ





ทีนี้มาที่คำถามข้อที่ 5 ละนะครับ ตอนต่อไปผมจะพูดถึงหนังเรื่องแรกที่ผมดูกับโจ

Question 5: จำได้รึปล่าวครับว่าหนังเรื่องแรกที่ไปดูกันคือเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงไปดูเรื่องที่ว่านั่นกัน

ย้ำนิดว่าเป็นหนังเรื่องแรกนะครับ ไม่ใช่หนังที่ดูแล้วอินเลิฟ (เดี๋ยวจะไม่มีอะไรเล่าต่อซะก่อน 555)



ส่วนเรื่องของผม เดี๋ยวค่อยมาเล่าครับ ใครอยากเล่า เล่าก่อนโลด 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 01:32:23 โดย King_Arthur »

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
 :pig4: ขอบคุณครับที่ชมผมว่าเป็น เจ้าชาย ผมก็ไม่รู้หรอกว่า เรื่องของผมมันดูเป็นยังไง เพราะผมก็เพิ่งจะมีแฟนผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียว
และก็คงมีเป็นคนสุดท้ายครับ ถ้าหากมีอันต้องจากกันไปด้วยสาเหตุใดก็ตาม ถ้าผมไม่อยู่คนเดียว ก็คงแต่งงานมีครอบครัวไปล่ะมั้งครับ

บุคลิกของผมภายนอก ค่อนข้างจะสวนทางกับคุณ King มากเลย ขณะที่คุณ King ดูภายนอกเป็นคนสุขุม เงียบ ๆ แต่ผมจะเป็นคนสนุกสนานเฮฮา ยิ้มง่าย เข้ากับคนง่าย ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี คงไม่ต้องบอก แต่ข้อเสียคือ ทำให้เราเหมือนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ตลอดเวลา มีแต่คนเข้าหา บางทีมันก็อึดอัดนะครับ บางครั้งผมก็อยากอยู่อย่างสงบ ๆ กับแฟนผมสองคนบ้าง
หลายครั้งที่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็มักจะมีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เข้ามายิ้ม ทักทายพูดคุยด้วยอยู่เสมอ ขณะที่แฟนผมภายนอกเขาจะดูเงียบ ๆ เฉย ๆ ใครที่ไม่รู้จักจะคิดว่า เขาค่อนข้างหยิ่ง ๆ ดุ ๆ ด้วยซ้ำ
แต่ถ้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนฝูงคนรู้จักที่สนิทกัน เขาจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย กลายเป็นคนเฮฮา คุยสนุกสนาน ยิงมุขฮาตลอด
เราสองคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่ก็เติมเต็มเราสองคนซึ่งกันและกัน

ถ้าพูดถึงเรื่องสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำให้กัน มันมีเยอะแยะครับ ทุกการกระทำ ทุกความทรงจำ มันเหมือนต้นกล้าความรักที่ค่อย ๆ เพาะบ่มให้เติบโตขึ้นมา และทำให้เรามีความผูกพันกันมากขึ้น
ความรักมันจืดจางได้ไปตามกาลเวลาครับ แต่ความผูกพันฉันท์เพื่อนร่วมชีวิตมันยืนยาวกว่า ถามว่า เคยทะเลาะกันบ้างมั้ย ถ้าที่ทะเลาะกันรุนแรง ไม่มีครับ แค่มีปากเสียงกันบ้างแต่น้อยมาก
ส่วนใหญ่เป็นเพราะความเห็นไม่ตรงกันมากกว่า เพราะพอคนหนึ่งร้อน อีกคนก็เลยต้องเย็นไปโดยปริยาย เวลาโมโหกันมาก ๆ พวกผมสองคน ต่างคนต่างเดินหนีออกมาหามุมสงบของตัวเอง
พักยกชั่วคราว ไม่ไปเซ้าซี้ต่อความยาวสาวความยืด รอให้อารมณ์รุนแรงบรรเทาลง แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ แล้วเมื่อเรื่องจบแล้ว มันก็คือ จบ จริง ๆ จะไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาพูดใหม่ให้แสลงใจกันอีก
แต่สิ่งหนึ่งที่พวกผมไม่ทำกันมาตั้งแต่แรกคือ พวกผมจะไม่พูดคำหยาบใส่กัน ไม่พูดกูมึงใส่กัน เราจะแทนตัวด้วยชื่อเล่นของเราน่ะครับ แล้วถ้าอารมณ์เริ่มไม่ดี คำแทนตัวก็จะเปลี่ยนเป็น คุณกับผม เมื่อนั้นแหละ เราก็จะรู้ว่า อีกฝ่ายเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว 5555

สำหรับคำถามข้อที่ 5 ของคุณ King หนังเรื่องแรกที่เราไปดูด้วยกัน คือ Jurassic Park Part III ครับ แล้ววันที่ไปดูก็คือ วันที่ 9 กันยายน 2001 วันที่ตึกเวิร์ลเทรดโดนเครื่องบินถล่มนั่นแหละครับ
ผมยังจำได้ดีว่า พอหนังจบสักประมาณสองทุ่มเศษ ๆ พวกผมกำลังเดินออกมาจากโรงหนัง จะมาหาอะไรกินกันก่อนกลับบ้าน ก็ปรากฏว่า มีภาพข่าวของ CNN ฉายภาพตอนเครื่องบินชนตึก ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ก็เลยจำได้แม่น  ส่วนที่ไปดูกันเรื่องนั้น เพราะพวกผมเป็นพวก Hardcore ครับ ชอบดูหนัง Sci Fi, Action, Advanture อะไรประมาณนี้แหละครับ ไอ้พวกหนังรักโรแมนติค หนัง Drama ทั้งหลาย ไม่ค่อยชอบดู เพราะชีวิตจริงก็เศร้าพออยู่แล้วครับ

แต่พอบอกแบบนี้แล้ว หลายคนก็รู้เลยสิว่า พวกผมอยู่รุ่นไหนอ่ะ  :sad11:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ู^
^
^
ฟังจากที่คุณ fanfic2010 เล่ามาแล้วเนี่ย สงสัยผมต้องเปลี่ยนสรรพนามแทนแฟนๆ ผมจาก ‘มัน’ เป็น ‘เค้า’ บ้างแล้วมั้งครับ เผื่อผมจะดูไฮโซ ดูเป็นผู้ดีขึ้นบ้าง 555

ว่าด้วยเรื่องของบุคลิกภายนอก ผมว่า...ผมน่าจะออกแนวคล้ายๆ กับแฟนของคุณ fanfic2010 นะครับ คือภายนอกจะดูขรึมๆ เงียบๆ มีมาดนิดๆ ติดหยิ่งซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นเพื่อนหรือคนที่สนิทด้วยจริงๆ ผมน่ะแทบจะเป็นตัวฮาของแก๊งเลยล่ะครับ ผมจะชอบทำให้เพื่อนตลก ชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน จนเพื่อนๆ ลงความเห็นกันแล้วว่าผมน่าจะมาจากดาวอังคาร 555
ส่วนเรื่องของรูปร่างหน้าตา แม้ผมจะไม่ได้หล่อจัดอะไร แต่ลุคของผมแบบนี้ด้วยมั้งครับที่ดึงคนเข้ามาหาผมบ้าง แต่ก็อย่างที่ผมบอกแหละครับว่าถ้าคนไม่รู้จักผมจริงๆ เจอกันครั้งแรกเค้าจะเกลียดผมก่อนเลย คือที่เข้ามาก็จะเข้ามาเอาชนะอ่ะครับ แต่ถ้าได้ลองรู้จัก ได้คบหาซักพัก พวกเค้าก็จะเปลี่ยนความคิดครับ คนใกล้ตัวส่วนใหญ่ผมจะบอกแบบนี้บ่อยมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย

แล้วก็ถือเป็นโชคดีของผมแล้วครับที่ผมไม่ได้โดดเด่นจนไฟแยงตาอย่างคุณ fanfic2010 เพราะผมเป็นโรคแพ้คนเยอะๆ ครับ เวลาอยู่ต่อหน้าสาธารณชนที่ผมไม่รู้จัก(ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป)ผมจะประหม่าเอามากๆ มือเย็น เท้าเย็น ปวดท้องจนทำอะไรไม่ถูก ถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ครับ 555

ส่วนเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้งเนี่ย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีกที เพราะผมมีหัวข้อเกี่ยวกับการทะเลาะไว้เหมือนกัน จะได้เล่าให้ฟังทีเดียว

ส่วนเรื่องของคำพูดคำจาเวลาโกรธๆ ผมยอมรับครับว่าผมยังใช้คำพูด ‘มึง’ กะ ‘กู’ อยู่ แต่พอพูดออกไปทุกครั้งก็เสียใจทุกครั้งเหมือนกัน

เอาเป็นว่าถ้าผมมีแฟนใหม่ ผมจะพยายามสุภาพให้มากกว่านี้ละกันครับผม

สุดท้าย ถ้า Jurassic Park III บอกอายุของคุณ fanfic2010 หนังเรื่องที่ผมกำลังจะบอก...ก็คงจะบอกอายุของผมเหมือนกันมั้งครับ 555




มาที่เรื่องหนังเลยละกันครับ ตอนนี้อาจจะสั้นๆ เพราะไม่ค่อยมีประเด็นอะไรซักเท่าไหร่
หนังเรื่องแรกที่ผมกะ.......เอ ถ้าบอกว่าดูกะโจคนเดียวมันคงดูจะธรรมดาไปใช่มั้ยครับ งั้น...ไล่มาตั้งแต่แฟนคนแรกของผมเลยละกันครับ ถือว่าตอนนี้เป็น Special เพิ่มเส้น เพิ่มลูกชิ้น เพิ่มถั่วงอกละกัน 555

กับแฟนคนแรกนี่เราไปดู ‘Gone in 60 seconds’ กันครับ แฟนคนแรกของผมเค้าจะบ้ารถมาก เค้าก็เลยลากผมไปดูเรื่องนี้ แต่หนังก็มันส์จริงอะไรจริงครับ แล้วรถก็สวยทุกคันจริงๆ ด้วย และเพราะการที่เค้าใส่ความคิดผมเรื่องรถนี่แหละครับ ทำให้ผมกลายเป็นคนชอบรถมาจนถึงทุกวันนี้ (ชอบดูรถสวยๆ หรอกนะครับ ยังไม่มีปัญญาซื้อ ขอขายตัวอีกซักพักก่อน 555 ล้อเล่นครับผม)

ส่วนคนที่สอง เราไปดูเรื่อง ‘Bridget Jones’s Diary’ ภาคแรกกัน ตอนนั้นผมกะแฟนคนที่สองเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกนะครับ และ...การที่เค้าพาผมไปดูหนังเรื่องนี้ (ทั้งๆ ที่เค้าดูมาก่อนแล้ว 3 รอบ) ก็เพื่อจะบอกผมเป็นนัยๆ ว่าเค้าน่ะเหมือนพระเอกของเรื่องนะ เพราะถึงผมจะดูทึ่ม ดูบื้อๆ ยังไง (ผมก็มีมุมบ๊องๆ นะครับ 555) เค้าก็จะรักผม รักแบบที่ผมเป็น เหมือนที่พระเอกบอกนางเอกว่า I Love You, Just like you are อะไรประมาณนั้นครับ แล้วคืนนั้นเค้าก็สารภาพรักกับผมแบบเดียวกับที่พระเอกสารภาพกับนางเอกในตอนจบเรื่อง...ซะงั้น โดยเปลี่ยนจากที่นางเอกใส่กางเกงในลายเสือกอดกับพระเอกท่ามกลางหิมะใจกลางเมือง เป็นผมใส่ผ้าขนหนู เค้าใส่ชุดนอนยืนกอดกันท่ามกลางหมู่ดาวบนดาดฟ้าแทน ยังครับ....ยังไม่จบ โดยมีเพลง someone like เพลงตอน End Credit ของเรื่องเปิดคลอ แล้วจูบแรกของผมกับแฟนคนนี้ก็เกิดขึ้นที่นั่นเช่นกันครับ 555

และเพราะแฟนคนนี้ ทำให้ผมชอบ โคลิน เฟิร์ท ไปโดยปริยาย และ Bridget Jones’s Diary ก็กลายเป็นหนังรักที่ผมดูบ่อยที่สุดไปด้วยเลย
ปล. แฟนผมคนนี้โรแมนติกมากๆ ครับ แค่นี้ยังถือว่าเป็นแค่น้ำจิ้ม แต่นั่นมันก็นานมาแล้วล่ะครับ 555

ส่วนกับโจ....เรื่องที่เราไปดูด้วยกันเป็นหนัง Action Thriller เรื่อง ‘Basic’ ครับ เป็นหนังแนวทหารของ จอห์น ทราโวต้า

ตอนที่ไปดูก็ฮาๆ ครับคือไม่รู้จักตัวหนังด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นเรื่องนี้กำลังมีรอบฉายพอดีก็เลยเข้าไปดูกัน ดูไปก็งงๆ ครับ หนังออกแนวเครียดๆ มึนๆ แต่....เราดูไปก็จับมือกันไปด้วย และครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ผมกับโจได้จับมือกันนานๆ แล้วก็....เค้าก็เอนหัวมาซบไหล่ผมจนเกือบจะจบเรื่องอ่ะครับ คือต่อให้หนังงงแค่ไหน แต่ ณ เวลานั้นมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกอ่ะครับ 





สุดท้าย......ขอบคุณคุณ fanfic2010 อีกครั้งนะครับที่มาร่วมแชร์ความหวานให้ผมและเพื่อนๆ ฟัง

MomentInTime

  • บุคคลทั่วไป
หนังเรื่องแรก เราจะไปดูเรื่อง "Harry Potter 7.1" กันครับ เนื่องจาก เป็นแฟน Harry Potter ด้วยกันทั้งคู่   :m18:

Bench

  • บุคคลทั่วไป
คุงคิงคับ  เรียกผมว่า "คริท" เหอะคับ
คริสมันดูสวยเกิ๊นนนนนน  o6
แถมละม้ายคล้ายพ่อหนุ่มคนนั้นที่คุงคิงเล่าถึงอีก  o22

ไม่เคยเจอคนขี้หึง???
เนี่ย  คุงคิงกะลังคุยด้วยอยู่เนี่ยคับ
ก้้าาาาาาาาาาาาาาาก
ผมขี้หึงมากเลยนะ  ถ้าเค้าคนนั้นไปเจ้าชู้กะใคร  แล้วผมไปเห็นเข้า
หรือแม้แต่ใครมาเกาะแกะ ผช ของผม
ฮึ่ยยย  ลับมีด ชิ้งงงง  o18

ข้อเสียของผมนอกจากเปิดเผยมากไปแล้วคือเปงคนช่างสังเกต  และคิดมาก
แต่ไม่ได้คิดแบบไร้เหตุผลนะ 
ถ้าเค้าไม่ทำให้เราคิด  เราจะคิดทำไม  ช่ายป่ะ???
เวลาเค้าไม่เสมอต้นเสมอปลาย  เราก็จะรู้เลย
แม้ว่าจะไม่อยากรู้ก็เถอะ  แต่ความรู้สึกมันจะรับได้อ่ะคับ
"แบบนี้สินะ  ที่เรียกว่าหมดโปร"  ไรเงี้ยคับ 555+

ของตายผมก็ไม่เคยเปง  เพราะผมจะชิ่งก่อนเสมอ 555+
เซฟหัวใจตัวเองคับ

คนเรามักจะคิดได้ตอนที่มันสายไปเสมอ

แต่สิ่งหนึ่งที่พวกผมไม่ทำกันมาตั้งแต่แรกคือ พวกผมจะไม่พูดคำหยาบใส่กัน ไม่พูดกูมึงใส่กัน เราจะแทนตัวด้วยชื่อเล่นของเราน่ะครับ แล้วถ้าอารมณ์เริ่มไม่ดี คำแทนตัวก็จะเปลี่ยนเป็น คุณกับผม เมื่อนั้นแหละ เราก็จะรู้ว่า อีกฝ่ายเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว 5555
อันนี้ผมเหงด้วยนะ  เพราะผมก็ทำ  ไม่เฉพาะกะคนพิเศษ  แต่กับทุกคนด้วยซ้ำ  o13

หนังเรื่องแรก เราจะไปดูเรื่อง "Harry Potter 7.1" กันครับ เนื่องจาก เป็นแฟน Harry Potter ด้วยกันทั้งคู่   :m18:
ข้าวใหม่ปลามัน  อิอิ   :impress2:

ตอบมั่ง  ขำๆ  แต่ลืมคำถาม  ต้องไปไล่เอา -*-
1.เจอในเนตคับ  เค้ามาจีบผม  :-[
มาแบบน่ากัวด้วย  ไม่มีรูป  ไม่มีอะไรเลย
ผมนั่งชิลๆ  คุยเล่นไปเรื่อย
เหงเค้าเข้ามาก็คิดในใจ  "เฮ้อ  เด็กอีกแระ - -"

2.เคยเนียนแบบเล่นๆเฉยๆอ่ะคับ
แบบไปนั่งเรียนใกล้ๆ  อะไรงี้  หรือไปยืนต่อแถวข้างหลัง -////-
ขอได้อยู่ใกล้คนน่ารัก  แหะๆ  อายอ่ะ
พอไปอยู่ใกล้ผมก็จะทำเปงไม่สนใจ  แต่แอบมองบ้าง -////-
(มะได้ใช้กะคนในข้อที่ 1 นะคับ)

3.โดนจู่โจม
เค้าเดินมา  กอด  แล้วจูบเลย -////-
มันไม่โรแมนติดเลยอ่ะ
แต่ว่าอบอุ่นและร้อนแรง
ผมก็ช็อคนะ  น้องเค้าเด็กกว่าผมมาก
แต่ผมไม่เคยเจอใครจูบเก่งแบบนี้เลย
คิดไปเขิลไป  ข้อต่อไปเลยละกันคับ  :-[

4.ไม่เคยคับ  มีแต่ผมล่ะที่ทำให้เค้า - -*
เศร้านะเน่  :sad4:

5.ไม่ได้ดูคับ เลิกกันไปก่อน 
จากนั้นผมก็ไม่ได้คบใครอีก  มีแค่ดูๆกัน
ที่ผ่านๆมามีแฟนคนเดียว 555+

พวกที่เข้ามาจีบๆ ไม่นับละกันคับ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ตอนต่อไปจะพูดถึง 'ข้อความแทนใจ' นะครับ



Question 6: มีข้อความแทนใจจากเค้าที่ส่งมาให้แล้วรู้สึกประทับใจกันบ้างรึปล่าว แล้ววิธีการส่ง...เค้าส่งยังไงครับ

จะยังไงก็ได้ครับ mms sms หรือจะเป็นจดหมายก็แล้วแต่


เดี๋ยวช่วงดึกๆ ผมจะมาเล่าของผมนะครับ


ปล. ตอนหน้าจะเข้าสู่เรื่องของ 'ครั้งแรก' ของเราละครับ :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 15:07:26 โดย King_Arthur »

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ดูหนังกับแฟน เป็นเรื่องแรกก็คือ Final Destination ภาคแรกเลย ครับ เข้าฉายเมื่อปีอะไรหว่า ไม่อยากจะจำล่ะ อิอิ ตอนนั้นไปดูกัน 2 คนครับ
จำว่าเพิ่งเริ่มเป็นแฟนกันใหม่ ๆ เลยด้วย แต่เลือกไปดูหนัง แบบสยองขวัญกันก่อนเลย คิดแล้วขำ แบบว่า เจมส์ เขาชอบดูหนังแบบตื่นเต้น สยองขวัญ
ตอนดูแบบมีการกุมมือกันไปด้วย แต่พอออกจากโรง ต่างคนต่างเดินแบบปกติ เหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า เสร็จแล้วไปนั่งกินข้าวกัน ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นไปนั่งกิน MK กัน ยังนั่งกันคนละฝั่งเลย

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
.
.
.




คำตอบ : เจอในนี้นี่แหละครับ (เล้าเป็ด) ผมเป็นนักเขียน - เขาเป็นนักอ่าน :')
^
^
^
มีคนเจอกันในนี้เยอะเหมือนกันนะครับ


อันนี้เป็นแฟน(ผู้ชาย)คนแรกครับ

คำถามข้อแรก - เจอที่มหาลัยครับ เรียนคณะเดียวกัน...จริงๆแล้วต้องบอกเจอกันที่เรียนพิเศษตั้งแต่ม.ปลาย (เค้ารู้จักผม แต่ผมไม่รู้จักเค้าหงะ :m23:)

คำถามข้อ 2 - ทำเนียนๆ ไม่เคยครับ เพราะมันซื่อจนบางครั้งก็แอบเซ่อ แต่บางครั้งก็แสนรู้เกินไป รู้ไปหมด 55+
มีแต่ทำเซอร์ไพรส์ให้มากกว่าครับ

 :bye2:
^
^
^
พูดถึงเรียนม. ปลายแล้วละเหี่ยใจครับ ตอนม. ปลายผม...จะเป็นอะไรที่เนิร์ดมาก ออกแนวๆ คุณวี (เนื้อคู่...อยากรู้ว่าใครอ่ะครับ) แต่โชคดีที่พอเข้ามหาลัยเพื่อนๆ ในกลุ่มผมมันแต่งตัวกันเก่งๆ ผมก็เลยได้ปรับตัวตามพวกมันนั่นแหละครับ แล้วก็...ยิ่งพอเลิกกับแฟนคนแรกเนี่ย ผมยิ่งต้องสังฆยานาจัดการเปลี่ยนแปลงตัวเองยกใหญ่ ออกแล้วประชดอ่ะครับว่าในเมื่อเห็นว่ากูไม่มีค่า...กูก็จะทำตัวไม่มีค่าให้ดู...ซะงั้น (เกเรอยู่พักนึงครับ เที่ยวเอย คบคนโน้นคนนี้เอย)

ส่วนคำถามข้อสองนี่...ผมไม่มีคอมเม้นครับ แต่ส่วนตัวผมแล้วผมชอบคนซื่อๆ นะ คอนโครลง่ายดี (ซะงั้น)


ตอนคำถามด้วยๆ  :o8:

ข้อแรก - เจอกันทางโทรศัพท์ เพื่อนขอช่วยให้เราเป็นแม่สื่อให้ ((ให้ช่วยพูด - ถามอะไรต่างๆที่มันอยากรู้ ------...ไหงกลับมาได้เองซะงั้น))


ข้อสอง - ทำเนียนๆ รึปล่าว ...อ่าา จำไม่ได้แห๊ะ ส่วนมาก พี่เค้าจะเป็นคนทำให้มากกว่า
^
^
^
ผมเคยมีเคสได้กับพ่อสื่อเหมือนกันครับ แต่ก็เป็นคนกันช่วงสั้นๆ ไม่น่าจะเกินสองเดือน (ไม่ขอนับเป็นแฟนละกันครับ) กับคนนี้...บังเอิญผมไปชอบเพื่อนของเค้าครับ ผมก็เลยวานให้เค้าช่วยไปติดต่อให้หน่อย แต่เค้าทำเฉยๆ อ่ะครับ จนผมต้องโทรถามโน่นถามนี่ตลอด คืออยากรู้อ่ะครับว่าคนที่ผมชอบคนนั้นอ่ะชอบอะไรบ้าง สุดท้ายไปๆ มาๆ ก็ปิ๊งกับตัวพ่อสื่อนั่นแหละครับ

โดยส่วนตัวผมแล้ว พ่อสื่อคนนี้ค่อนข้างจะน่ารักนะครับ หล่อมากๆ (แต่ไม่สูง) แล้วเค้าก็แคร์ผมมากๆ ด้วย แต่ด้วยเรื่องที่เราเป็นแบบเดียวกัน และเค้าก็พยายามจะรุกผมท่าเดียว สุดท้ายเราก็เลยต้องเลิกกันครับ พูดแล้วก็คิดถึงเค้าขึ้นมาซะงั้นครับ ไม่รู้เค้าจะเป็นยังไงบ้าง

ปล. เค้าเรียกเอกพละครับ หุ่นนี่เป๊ะมาก ซิกแพ็คเน้นๆ (แอบหลังไมค์ว่าถ้าเค้าบังเอิญเข้ามาในเล้านี้...แล้วบังเอิญยังไม่มีใคร...เราจะกลับมาคบกันดูใหม่ก็ได้นะครับแบบว่าคิดถึงง่ะ..555.แล้วก็...เค้าชื่อเล่นจริงๆ ของเค้าชื่อ ‘ต๊ะ’ ครับผม)

ส่วนข้อสองเนี่ย...พี่เค้าทำให้มากกว่าเนี่ย...ทำอะไรเหรอครับ...ผมคิดนะ 555


เอ่อ..คือ..นั่งอ่านมาแล้วก็น่าเห็นใจเจ้าของทู้

จริง ๆ เรื่องของความรักคงพูดไม่ได้ว่าใครกันที่ผิดถูก 100%
เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บางครั้ง ตัวเราเองก็ไม่อาจจะเข้าใจ..ว่ามันทำไมเป็นแบบนี้
ถ้า..คุณเอาแต่คิดโทษตัวเองว่า เพราะคุณผิดด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ตัวคุณก็จะจมอยู่กับความรู้สึกผิด และเอาแต่ถามตัวเองว่า ทำไม? และเพราะอะไร? ซ้ำไปซ้ำมา
และพอคุณได้คำตอบหนึ่ง ก็จะเกิด ทำไม?อันใหม่ขึ้นมาอีก เหมือนเดินวนอยู่ที่เก่าไม่จบไม่สิ้น

ในทางเดียวกัน

ถ้า..คุณโทษว่าการที่เค้าจากเราไป เค้าคือคนผิด เราก็จะจมอยู่กับความแค้น(ฝั่งหุ่น) โกรธ เคืองใจ โดยที่เค้าคนที่จากคุณไป ไม่ได้มาสนใจ
ว่าเราจะไปโกรธเกลียดอะไรยังไงเพราะเค้าได้ตัดเราออกจากสารบบไปแล้ว เราเองที่ทุกข์ใจไปคนเดียวอีก

ไม่ว่าจะทางไหน...ก็เหมือนลงโทษตัวเองเลยว่าไหม..?

ถ้าเป็นแบบนั้น..ก็พาตัวเองออกมาจากห้องขังเสียเถอะ ปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปแล้ว ขังอยู่ในห้องนั้น หันกลับไปดูได้บ้างเป็นครั้งคราว
เลือกจดจำแต่ความรู้สึกดี ๆ เอาที่ช่วยให้เรายิ้มออกมาได้ยามที่นึกถึง ไม่ต้องลืมเลือนมันไปเสียหมดทุกอย่าง
ชีวิตคนเราต้องก้าวต่อไป มัวเดินวนอยู่แบบนั้น อาจจะพลาดโอกาสดี ๆ ไปก็ได้ใครจะไปรู้ จริงไหม..?
ลองมองโลกในมุมใหม่ เปิดใจให้กว้าง มีอะไรตั้งมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ยังไม่ได้เรียนรู้ เพราะงั้น เลิกลงโทษตัวเองเสียเถอะ

อย่างน้อย ๆ ในกระทู้นี้ก็มีกำลังใจตั้งเยอะตั้งแยะเนอะ ^____^ สู้ ๆ

ปล.เป็นเพียงความคิดเห็นที่มองในแง่ของคนนอกคนหนึ่ง(ที่เคยมีแฟนเก่า 555+)

---------

 ขอบคุณสำหรับคำถาม 555+

เจอกันที่ทำงานเก่า..
และเลิกกัน...เพราะทางไกล และเราให้ในสิ่งที่เค้าต้องการไม่ได้ จบข่าว!! (ง่ายมากเหอะ) o18
ผ่านมาเจอกันบ้างอะไรบ้าง ก็ยังยิ้มให้และพูดคุยกันได้เหมือนคนรู้จัก เออ..ก็แปลกดีเนอะ

ไปแล้วดีกว่าเหอะ



^
^
^
ก็จริงอย่างที่คุณพูดนั่นแหละครับ แต่บางครั้งหัวใจของคนเราก็ดื้อไม่ยอมฟังเหตุผลท่าเดียว

อย่างในเคสของผม ผมน่ะอยากให้เรากลับมาคุยกันได้เหมือนเดิมครับ คือถึงแม้เค้าจะไม่อยากคบกับผมแบบแฟนแล้ว ผมขอแค่ได้เป็นเพื่อนก็ยังดี ขอแค่นี้เองครับ ทุกวันนี้ยังอยากคุยอยากได้ยินเสียงของเค้าอยู่

แต่ก็นั่นแหละครับ ตอนอยู่ด้วยกัน(ผม)ก็มีแต่ผลักไสให้เค้าไปไกลๆ ท่าเดียว


สำหรับ เรื่องความรัก เป็นสิ่งที่รอได้เสมอ อาจจะเป็นพราะว่า เวลาผมทำอะไร ผมมักจะมองมุมกลับด้านเสมอ เช่น ในขณะที่เราไม่ชอบคนเจ้าชู้คนเอาแต่ใจ เรามักจะทนไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเราเป็นอย่างนั้นซะเองล่ะ ใครจะทนเราได้บ้าง ?? จริงใหม

ถ้ามีคนมาจีบผม ผมจะใช้เวลาดูเขาคนนั้นเกินกว่า 1 เดือนแน่นอน อย่างต่ำสุดคือ 1 เดือน ผมจะมีบททดสอบอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่คิดว่าเขาเหมาะกับผมหรือไม่ เพราะเราก็ต้องเลือกคนที่เข้ากับเราได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าผมไปจีบคนอื่น ผมก็ให้เวลาเขาเช่นกัน เพราะเราเอง เราก็ยังใช้เวลาในการศึกษาดูใจเช่นกัน

ผมถือคติ ที่ว่า อะไรที่ได้มาง่าย ๆ มันก็จะมักจะไปง่าย ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะเรือง Sex ผมค่อนข้างหัวโบราณหน่อยนะ ถึงจะเป็นเกย์ก็เถอะ ตั้งแต่มัธยมมาแล้ว ผมค่อนข้างยึดคติที่ว่า Sex และ ความรัก ควรจะมาพร้อมกัน ผมเป็นคนไม่ชอบ Sex แบบฉาบฉวย เจอหน้ากันยังไม่ทันรู้จักก็ขึ้นเตียงไปด้วยกันซะแล้ว หรือรักที่ง่ายเบื่อหน่ายเร็ว เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น

ถึงคติของผมจะเป็นแบบนี้ และทำให้ไม่มีคนผ่านเข้ามาในชีวิตผมมากนัก หรือ ชีวิตผมอาจจะไร้สีสันไปบ้าง แต่มันทำให้ชีวิตของผมปลอดภัย ปลอดภัยจากหลาย ๆ อย่าง ถือเป็นการดำรงตนอยู่ในชีวิตที่ไม่ประมาท

1. แฟนครั้งแรก เจอกันที่มหาวิทยาลัย ตอนปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่ แต่เราอยู่คนละคณะกัน ก่อนหน้านั้นในสมัยมัธยม ผมควงหญิงครับ เริ่มควงตั้งแต่ตอนขึ้น ม.4 คบกันอยู่ประมาณ 2 เดือน ก็ได้กัน แล้วก็คบยาวจนจบม.6 แล้วถึงเลิกกันไป ตอนเข้ามหาวิทยาลัย แปลกใจว่า ตอนนั้นไม่ท้อง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ป้องกันเลย ตลอดระยะเวลา 3 ปี โชคดีมากที่รอดมาได้
2. จูบแฟนครั้งแรก หลังจากคบกันได้ 3 เดือนกว่า ๆ ก่อนหน้านั้นก็มีหอมแก้ม กอดบ้าง คบกันยาวและคนเดียว ตั้งแต่ 1 ถึง ปี 4 สาเหตุที่เลิกกัน เพราะห่างกันในขณะที่ผมทำงานที่ กทม. เขากลับไปทำงานที่บ้านเขา ที่เชียงใหม่ ประกอบกับเขาได้เจอคนใหม่ ๆ เราจึงตกลงเลิกกันด้วยดี ทุกวันนี้ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน

^
^
^
เรื่องการมองในมุมกลับด้านผมเม้นไปแล้วนะครับ เป็นสิ่งที่ผมเองก็พยายามจะทำให้ได้แบบนั้นเหมือนกัน

แต่สำหรับแนวคิดของผมในการคบใครซักคน ถ้า(ถ้านะครับ)ว่า...ถ้าผมอยากจะคบกับใครซักคนจริงๆ ช่วงนั้นผมจะไม่ยุ่งกับใครเลยครับ ไม่มีการเผื่อเวลาให้ตัวเองสำหรับไปมองคนอื่น (แต่ถ้าเค้าจะมองคนอื่นก็แล้วแต่ครับ...แต่ถ้ารู้คือจบกัน!!! 555)

ส่วนเรื่องเซ็ก ผมจะคิดสองแบบครับ ถ้าจะคบเป็นแฟนก็จะคิดเหมือนคุณ คือปล่อยให้เวลาตัดสินก่อนว่าคนนี้ใช่หรือไม่ใช่แล้วเรื่องเซ็กค่อยตามมา (เป็นเรื่องที่ยากมากครับกับการบังคับร่างกายไม่ให้รู้สึกปรารถนากับคนรักแบบนั้น) และอีกแบบก็คือคนที่ไม่ได้คิดจะเอาเป็นแฟน สำหรับแบบนี้ก็มีบ้างครับประปราย ผมเองไม่ใช่คนดีเด่อะไร บางทีใครเสนอมาผมก็แค่สนองกลับ แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจตรงกันก่อนก็คือครั้งเดียวจบนะ เสร็จแล้วก็แยกทางตัวใครตัวมัน ไม่ขอเบอร์ ไม่นัดเจอต่อ ที่ผมเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเป็นพวกฉาบฉวยหรืออะไรหรอกนะครับ แต่บอกตรงๆ ว่าจากประสบการณ์ของผม ครั้งที่สองผมจะไม่รู้สึกอยากจะมีอะไรกับเค้าอีกแล้ว (ไม่รู้คนอื่นคิดเหมือนป่าว?) แต่มีอะไรทุกครั้ง ผมก็ป้องกันทุกครั้งนะครับ แต่ส่วนมากผมจะให้เค้าช่วยแค่ภายนอกมากกว่า ส่วนผม...อยู่เฉยๆ ครับ (แบบนี้ติดเรทป่ะครับ 555)

กับคำถามข้อแรก ดูเหมือนคุณเฉยๆ มากเลยนะครับ ที่คบกันเพราะรักเธอใช่มั้ยครับ

ส่วนคำถามข้อสอง ก็อย่างที่ผมบอกไปข้างบนนั่นแหละครับ ว่าบางทีผมก็แค่อยากจะจากกันด้วยดี แบบที่ยังคุยกันได้บ้าง...ก็เท่านั้น



ขอบคุณครับ
 :pig4:

ออฟไลน์ at_point

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
โว๊ะๆๆๆ  ไม่เท่าไหร่ มีคนมาโดนใจกระทู้นี้แล้วครับ หึหึ

มาตอบพี่คิง อาร์เธอร์  เห่อๆๆ

เรื่องที่บอกว่าตอนนี้แฟนเก่าผมมีแฟนใหม่แล้วนั่น ผมไม่รู้ครับตอนนี้ เพราะผมไม่ได้ติดต่อกันแล้ว
แล้วที่ผมบอกว่าเค้าจูบเก่ง ก็เพราะก่อนหน้าที่เค้ามามาคบผม เค้ามีแฟนมาก่อนแล้ว 2 คน ผมก็เลยคิดว่ามันเก่ง หึหึ
ซึ่งผมเองก็เคยมีแฟนมาก่อนมันแล้ว 2 คนเหมือนกัน แต่คบได้ไม่นาน ก็เลิก มาคบได้นานที่สุดกับคนที่ เพิ่งเลิกนี่แหละ ครับ

มาคำถามกันครับ ข้อไหนนะ จำไม่ได้ ฮ่าๆ
เอาเป็น สิ่งเล็กๆ  แล้วกันนะครับ  สิ่งเล็กที่ว่ากันนั้นสำหรับผม ไม่ค่อยจะมีหรอกครับ จะมีก็แค่ไปเดินซื้อของกิน เดินเที่ยวกัน
แล้วเค้า ชอบห่วงเรื่องกินของผม เพราะปกติ ผมจะเป็นคนไม่กินข้าวเช้า ไม่รู้เป็นอะไรครับ เวลาตื่นเช้าทีไรมากินข้าว มันจะอวกทุกที
เค้าก็จะชอบซื้อมาเก็บไว้ให้กิน แล้วก็บอกว่า มื้อเช้าสำคัญควรกิน  กินได้มาก ได้น้อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่กินบ้าง
ผมคิดว่าเรื่องนี้แหละครับ ที่เค้าน่ารัก และเป็นห่วงผม ถึงเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่มัรก้อทำให้ผมมองเค้าว่าน่ารัก

ส่วนเรื่อง คำพูดแทนตัวเอง ผมเกือบทุกคู่ ก้อคงมีคำเฉพาะที่เอาไว้ใช้เรียกกัน 2 คน คู่ผมก้อมีเหมือนกันครับ
ผมกับเค้าจะเรียกกันว่า  "ตัวดี" กับ "ตัวดื้อ"  เห่อๆ ฟังแล้ว ปังยาอ่อนดี  แต่ก้อมีที่มาเหมือนกัน
เพราะมันดื้อกว่าผมนั่นเอง มันเลยได้ชื่อ  "ตัวดื้อ" ไปแทน ฮ่าๆ หลังๆ มาก้อเรียกกันสั้นๆ ว่า "ดี" กับ "ดื้อ" :-[

เรื่องหนัง ผมจำไม่ได้ครับ ว่าไปดูกับใครเรื่องอะไรมาบ้าง แต่กับแฟนเก่สคนล่าสุด ไม่ค่อยได้ดูหนังมากนัก
ก็มีจำได้ว่าไปดูหนัง เซ็งเป็ดด้วยกันด้วย นั่งหลังสุด (นั่งกับเจ้ตูน) อิอิ
แล้วก็มีเรื่องอลกันเรื่องหนัง คือเรื่องของเรื่อง ไปเดินแถวบิ๊กซีลาดพร้าว  แล้วบังเอัญผมอยากดูหนังเรื่อง
รถไฟฟ้ามหานะเธอ  แล้วมันไปดูมาแล้วหลายรอบ  มันไม่อยากดูกับผมอีก ผมก้อเลยงอล แล้วไม่ดู
จนมีแผ่นหนังออกมาผมเลยดูแม่ง เป็น 10 รอบคนเดียว ฮ๋าๆ

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาตอบคำถามก่อน

ข้อสี่ กับ แฟนคนแรก ไม่เคยไปดูกันเลยครับ เพราะหลายอย่างๆ แต่เคยนัดจะไปดุเซ็งเป็ดด้วยกันนะ แต่มีเรื่องซะก่อน เลยไม่ได้ไป ประกอบกับผมกับมันคบกันทั้งๆที่มันไม่ถูกต้อง ถึงผมกับมันจะไม่ได้เป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่การคบกันทั้งๆที่ อีกคนหนึ่งมีใครอยู่ก่อน มันก็ไม่ถุกต้องแล้ว เรื่องโรแมนติคเลยเลิกพุดไปได้เลย แค่ประคองความสัมพันธ์ให้มันรอดไปวันๆก็ลำบากแล้ว สิ่งที่ทำให้กับมันยังคบกันมีอย่างเดียวคือคำว่ารักจริงๆ ในขณะที่เค้ากับอีกคนมันคือวามผูกพันธ์

กับแฟนคนที่สอง รู้สึกจะเป็นเรื่องสามย่าน เข้าไปนั่งฮากัน

ส่วนข้อที่ 5 ส่วนใหญ่ที่มันส่งมา จะเป็นข้อความเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรามากกว่า แต่มีสองข้อความแรก ในวันที่ตกลงคบกัน คือก่อนหน้าที่จะคบกัน ทะเลาะกันหนักมาก ประมาณว่า เราไม่ควรคบกัน แต่สุดท้าย ก็คบกันจนได้ เชื่อมั้ยว่าคุยกันตั้งแต่สี่ทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้า ทะเลาะกันล้วนๆ ถ้าเป็นโรคหัวใจคงเส้นเลือดแตกตายไปแล้ว แต่พอตกลงกันได้ แล้วนัดกันว่า จะไปเจอกัน มันก็ส่งข้อความมาว่า "อย่าเพิ่งคิดมาก มีไรค่อยมาคิดกันที่นี่" ซึ่งความหมายของมันก็คือ มันจะไม่หนีผมอีกแล้ว แล้วซักแปดโมง มันก็ส่งข้อความมาว่า "หาข้าวแดกด้วย ถ้าไม่อยากโดนกูตบตาย" คือผมจะไม่กินข้าวเช้าไง แล้วทีนี้มันบอกว่า คบกับมัน ต้องเลิกนิสัยนั้น แล้วก็นอนให้ครบวันละ 6 ชม อย่างน้อย

กับคนที่สอง ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความกุ๊กกิ๊กๆ แล้วก็ชอบแซวผมว่าเป็นเมียมันอยู่เรื่อย (ตอนแรกไม่ชอบให้มันเรียกเมีย) หลังก็ชินอะครับ แต่ก็ยอมมัน แต่ต้องห้ามมันพูดต่อหน้าคนอื่น


ที่คุณคิงว่า ตอนนี้ผมมีใครนั้น เขาใจผิดถนัดครับ ฮ่าๆๆ ตอนนี้อะโสดสนิทจริงๆ โสดหมาเมินด้วย  :laugh:
กับแฟนคนที่สองนี่ก็รู้สึกดีนะครับ ถึงจะไม่เท่าแฟนคนแรก หลายๆครั้งความรู้สึกกับแฟนคนที่สองมันไปทางแนวพี่น้องซะมากกว่าอีก เพราะมันอ่อนกว่าผม เกือบเจ็ดปีอะ
(ผมเรียนปีสุดท้าย มันเด็กปวชปีหนึ่ง) แต่ก็นะแพ้ความซื่อๆ ของมัน แต่ที่เลิกกัน เพราะด้วยระยะทาง แล้วก็มีเรื่องกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม ทางใครทางมันไป กับคนนี้ ผมออกแนวรู้สึกผิดมากกว่า เพราะผมเป็น แฟนผู้ชายคนแรกของมัน ถ้าผมไม่ยอมใจอ่อนคบมัน มันอาจไม่เดินทางนี้ก็ได้ ทุกวันนี้มันกลายเป็นเสือไบที่เจ้าชู้ตัวพ่อเลยทีเดียว (ล่าสุดมันบอกคบอยู่ 5 คน  :z3:)

ส่วนกับคนแรก ที่เห็นว่าผมแทบจะจดจำได้ทุกอย่าง เพราะด้วยความที่ผมต้องประคองความสัมพันธ์ไว้ มันเลยทำให้ผมทุ่มเทมากๆ ทุกวันนี้ก็ยังเสียใจ ที่เรื่องวันนั้น มันทำให้เราต่างเสียผู้เสียคนกันไปเป็นเวลาร่วมหลายเดือน ทุกวันนี้ผมกับมันก็ยังคุยกันครับ แต่ก็นะครับ มันก็คุยไม่สนิทใจ เพราะสำหรับผมแล้ว ในทุกวันนี้ยอมรับเลยว่า กลับไปยืนอยู่ตรงคำว่าเพื่อน...ไม่ค่อยจะไหวจริงๆ ตอนนี้ ยังแอบเข้าไปส่องเฟสมันบ้าง เห็นมันยังรักกันดี เหมือนจะรักกันมากขึ้นด้วย บอกตามตรงว่าดีใจด้วยไม่สนิทใจเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจได้ในระดับนึง และก็ยังเป็นห่วงมันอยู่ เพราะมันปาเข้าไป 25 แล้ว แต่ยังซิ่ว เข้าๆออกๆ ตอนนี้มันยังอยู่ ปีหนึ่งอยู่เลย

ตัวผมเองหน้าตาธรรมดามากถึงมากที่สุด ค่อนไปทางอัปลักษณ์  :laugh: ฟังคนนั้นคนนี้ เค้าเล่าว่า เออมีคนเข้ามาคุยบ้างก็อิจฉานะ แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมมันพวกหลบมุมมืด และโลกส่วนตัวสูงพอสมควร ไม่ต้องเกย์ หรอก ผู้หญิงยังไม่กล่าเข้าใกล้เลย เพื่อนสนิทผมมันบอกว่า หน้ามึงเหมือนคนที่พร้อมจะแดกหัวชาวบ้านตลอดเวลา ตอนที่มึงทำหน้านิ่งๆ ฮ่าๆๆ รูปลักษณ์ภายนอกของผมเลยไม่ค่อนไปทางเกย์เลย เพื่อนสนิทที่ผมบอกมันตอนแรกๆมันยังอึ้งๆเลยครับ

สำหรับเรื่องของพี่ fanfic ผมอ่านแล้วก็อมยิ้มตามตลอด เหมือนอ่านนิยายชวนฝัน มั่นใจอย่างที่สุดว่าผมไม่มีทางเจอแบบนั้นแน่ๆ  :laugh:
เอาเป็นว่าพวกเราทั้งหลาย ไปทำบุญกันเยอะๆ ด้วยดอกไม้สวยๆ ปล่อยนกเป็นคู่ เค้าว่ากันว่า ทำบุญด้วยของสวยงามชาติหน้ารุปลักษณ์จะดี และไม่อาภัพเรื่องคู่กันนะครับ
 :L2:

แด่คนโสดที่ยังเชื่อในความรักครับ
ใครไม่มีใครขอให้ได้เจอ
ใครที่มั่นใจว่าคนๆนั้นจะกลับมาก็ขอให้สมหวังเช่นกัน
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ตอบคำถามคุณ King เรื่อง ข้อความแทนใจ

อยากจะบอกว่า แฟนผมอาจไฮเทคในเรื่องที่เกี่ยวกับอาชีพการงานของเขา
แต่พอเป็นเทคโนโลยีอย่างอื่น เขาค่อนข้างโลว์เทคมาก ๆ ครับ
มือถือที่ใช้ ถ้าผมไม่ซื้อให้ ก็ยังคงใช้รุ่นจอขาวดำอยู่เลย เขาบอกว่า ใช้แค่โทรเข้า-ออก
จะไปเสียเงินซื้อแพง ๆ เพื่อฟังค์ชั่นที่ไม่เคยใช้งานทำไม เหนียวเรียกพี่ได้อีกครับ แฟนผม
แต่หลังจากที่ผมซื้อรุ่นใหม่ มี GPRS ให้ใช้ พี่แกก็เริ่มเล่นฟังค์ชั่นนู่นนี่นั่นอย่างเพลิดเพลินเลยครับ
แล้วก็บอกว่า ก็อุตส่าห์ซื้อมาให้ใช้แล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหน่อยสิ เอากับเขาสิครับ

แล้วพอเล่นเป็น ทุกเที่ยงคืนของคืนวันที่ 31 ธ.ค. เขาจะส่งข้อความสั้น ๆ มาหาผมว่า
"Love You Forever" บ้าง "รักมาก ๆ" บ้าง อะไรทำนองนี้แหละครับ
ถ้าเป็นช่วงอื่น จะใช้วิธีโทรศัพท์หรือถ้าเขาอยู่ต่างประเทศ ก็จะ skype มาคุยกับผมตลอดครับ
ส่วนการส่งข้อความ เขาจะส่งเฉพาะตอนคืนวันสิ้นปีครับ ก็เลยกลายเป็นความเคยชินของผม
ที่ต้องถ่างตารอข้อความจากเขาในวันนั้นครับ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ตอบคุณคริทก่อนละกันครับ (ตามคิวฮะ 555)

ก็...เป็นอันตกลงว่าผมจะเรียกคุณว่า ‘คริท’ อย่างที่คุณเควสมาละกัน
ส่วนชื่อของผม...
จริงๆ ผมก็ไม่ได้ชื่อ ‘คิง’ หรอก
แต่ไหนๆ เรียกแล้ว ก็เรียกเลยละกันครับ..........ผมไม่ซีเรียส! (จริงๆ นะเออ)

พูดถึงคริส...เก่าของผม (ที่เว้นวรรคไว้คือเริ่มจะสับสันละครับว่าผมควรจะเติมคำในช่องว่างว่ายังไงดี ‘เพื่อนเก่าที่กลายมาเป็นเพื่อนกันใหม่’ หรือ ‘แฟนเก่าที่กำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนใหม่’)
วันนี้ผมก็เพิ่งไปเจอเค้ามาครับ
แต่ก็แค่เจอและพูดคุยกันเท่านั้น


กลับมาที่คุณคริทต่อ...
สรุปว่าคุณคริทขี้หึงเหรอครับ
ได้ยินแบบนี้แล้วเปรี้ยวปากอยากได้ อ่าวไม่ใช่ 555 พูดเล่นครับ
ไม่ต้องถึงขนาดลับมีดรอนะครับ
ผมกลัว...

คือ...จริงๆ ผมน่ะไม่ชอบแฟนขี้หึงเลยครับ
แต่ไอ้ที่ผ่านๆ มาเนี่ยขี้หึงทุกคน
ผมก็เลยชินจนกลายเป็นชอบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
มารู้ตัวอีกทีวันไหนไม่ได้ทำให้เค้าหึง วันไหนไม่ได้ให้เค้าด่า...ผมจะพาลนอนไม่หลับเอาน่ะครับ 555

ส่วนเรื่องที่คุณคริทเป็นคนเปิดเผยเนี่ย
ผมกำลังงงอยู่ว่าคำว่า ‘เปิดเผย’ กับคำว่า ‘แสดงออก’ นี่มันความหมายเดียวกันรึปล่าว
ถ้าใช่ก็โนคอมเม้นครับ
แต่ถ้าไม่ใช่...สงสัยผมต้องกลับไปคิดใหม่ทำใหม่แล้วล่ะ
หรือ...ถ้าคุณคริทจะนิยามให้ผมเก็ทก็ดีนะครับ
(บอกแล้วว่าผมเป็นพวกเข้าใจอะไรช้า ยิ่งทึ่มๆ เบ๊อะๆ อยู่ด้วย)

ส่วนไอ้อาการหมดโปรเนี่ย
ถ้าถามผมผมก็ไม่แน่ใจนะว่าผมเป็นแบบนั้นรึปล่าว
ความรักอาจจะเท่าเดิม แต่การกระทำบางอย่างอาจจะลดน้อยลงบ้างมั้ง (ก็ต้องเข้าใจกันนิดนึงสิครับ แบบนี้ไม่แฟร์สำหรับผู้ชายอย่างผมนะ 555)

ตอบคำถาม...........ข้อที่หนึ่ง จริงๆ ผมซีเรียสนะกะการคุยกะใครซักคนโดยไม่เห็นหน้าเห็นตาเนี่ย
ที่พูดงี้ไม่ใช่รับไม่ได้ในเรื่องรูปร่างหน้าตาหรอกนะครับ
แต่...ผมว่าของแบบนี้เห็นหน้าไว้ก่อนก็ดีนะ
จะได้ไม่ต้องปวดหมองจินตนาการ
ถ้าสุดท้ายไม่ใช่อย่างที่ใจคิดมันจะพาลเซ็งเอาน่ะสิครับ
แล้วก็....สันดานผมเป็นประเภทที่ผูกพันกับคนง่ายซะด้วยสิ
ถ้าเจอเคสอย่างงี้ผมคงจะเสียใจไปสามวันเจ็ดวันล่ะมั้ง

แต่เป็นเด็กก็ดีไม่ใช่เหรอครับ พาลให้กระชุ่มกระชวยดีออก (ผมอยากมีเด็กมาจีบมั่งอ่ะ ปกติมีแต่คนรุ่นเดียวกัน กับอายุมากกว่าทั้งนั้น)

ข้อสอง.......หมายถึงกับคนทั่วไปใช่มั้ยครับ
เคสแบบนี้ผมจะไม่กล้าเลย กลัวโดนต่อยเอาน่ะครับ
ผมจะเป็นประเภทนี้...ถ้าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองจะเก่งกล้าสามารถมาก...
แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองหรือไปชอบใครซักคนเข้าเนี่ย...จะอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ให้มากที่สุดอ่ะครับ
เรียกว่ายิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี (ผมว่า...ผมเป็นคนขี้เขินนะ 555)

ข้อสาม....ที่บอกว่าโดนจู่โจมเนี่ย สำหรับผมก็คงจะมีแค่แฟนคนที่สองแหละครับที่จูบผมก่อน
แต่กับคนอื่นผมเริ่มก่อนตลอด
ก็แต่ละคนขี้อายอะไรจะขนาดนั้นก็ไม่รู้สิครับ ไม่ใจเลย

แล้วไอ้ที่หลายๆ คนว่าจูบเก่งเนี่ย
ผมก็ลืมๆ ไปแล้วอ่ะครับว่านิยามคำว่าจูบเก่งเนี่ยเค้าทำกันยังไง
เพราะนานนนนนนนมากแล้วครับที่ผมไม่ได้จูบกะใครแบบดูดดื่มจริงๆ

เต็มที่ก็แค่นาทีสองนาทีแค่นั้น

ข้อสี่..........ข้ามไป

ข้อห้า..........ก็ข้ามไป แต่แฮรี่ พอตเตอร์ ยังไม่มีใครไปดูด้วยใช่มั้ยครับ งั้นผมจองคิวเลยละกัน ล้อเล่นครับ 555



แล้วก็มาที่คุณแจ๊คต่อ
ผมจำได้ว่า Final Destination ภาคแรกเนี่ยน่าจะตอนผมอยู่ปี 1 นะครับ ถ้าจำไม่ผิดนะ (ทีนี้ก็รู้กันพอดีว่าผมอายุเท่าไหร่ 555)
เรื่องนี้เป็นหนังสยองในดวงใจผมเลย มีดีวีดีเก็บทั้งสามภาค (ภาคสี่ยังไม่ซื้อ...รอเซลก่อน)
แต่ผมชอบภาคสองสุด แต่ละฉากนี่เสียวๆ ทั้งนั้น
พูดถึงชื่อแฟนคุณแจ๊คแล้วจะบอกว่าแฟนผมคนนึงก็ชื่อเล่น(จริงๆ)ว่าเจมส์เหมือนกัน ชื่อนี้โหลดีนะครับคิดเหมือนผมป่ะ
ผมเคยถามเค้าว่าทำไมพ่อแม่ถึงตั้งชื่อนี้ให้
คำตอบง่ายๆ เลยครับคือพ่อเค้าชอบดูเจมส์ บอนด์!!!

แต่คนชื่อเจมส์ส่วนใหญ่นี่หล่อนะครับ อันนี้วัดจากประสบการณ์จริง 555





เรื่องข้อความแทนใจของผม สงสัยต้องเลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้แล้วอ่ะครับ กำลังจะไปเฝ้าพระอินทร์เต็มที่ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 15:20:40 โดย King_Arthur »

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
จริงๆ ผมจำไม่ได้แล้วล่ะครับว่าระหว่าง
‘เซ็กครั้งแรก’
กับข้อความที่ผมกำลังจะเอามาลงให้อ่านต่อไปนี้
อย่างไหนที่มันเกิดขึ้นก่อนกัน

เอาเป็นว่าผมหยิบยกเรื่องข้อความมาเล่าก่อนละกันครับ

สำหรับผมกับโจ ความจริงโจเค้าจะโรแมนติกประมาณนึงเลยครับ
ชอบทำโน่นทำนี่ให้ผม
ซื้อโน่นซื้อนี่ให้
ฯลฯ
แต่ถ้าเป็นข้อความ...
อย่างตอนที่คบกันซักพักแล้ว...เค้าก็จะส่งข้อความโน่นนี่นั่นมาให้ผมตลอด...
เค้าอยู่ไหน...
เค้าทำอะไรอยู่...
คิดถึงนะ...
รักนะ...
อะไรแนวๆ นี้แหละครับ

แต่เนื่องด้วย...พอคบกันซักพักผมอาจจะเป็นอย่างที่คุณคริทเปรยๆ คือมีช่วงโปรโมชั่น
พอหมดโปรความหวานก็จะลดน้อยลงจนอาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เลิกกันก็ได้
................ข้อนี้ก็เป็นอีกข้อนึงครับที่ทำให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองแย่เอามากๆ

แต่ข้อความทุกข้อความ ผมก็เก็บไว้ตลอด และไม่เคยลบทิ้ง
แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ระยะเวลาตั้ง 6 ปี
ข้อความเหล่านั้นก็หายไปบ้าง
อย่างบางทีเวลาเปลี่ยนโทรศัพท์ เปลี่ยนซิม ข้อความมันก็หายไป จนตอนนี้ถ้าเป็นข้อความที่อยู่ในโทรศัพท์...เรียกได้ว่ามีแทบจะนับได้เลยครับ
มีไว้ให้ดูต่างหน้าแค่ไม่กี่ข้อความเท่านั้น

เอาเป็นว่าผมจะยกข้อความทั้งหมดมาให้อ่านกันเลยละกันครับ

“วันนี้นู๋ไปงานวันเกิดเพื่อนนะ กลับดึกนะกั๊บ”
ช่วงหลังๆ โจจะแทนตัวเองว่า ‘หนู’ แทนตัวเองเหมือนกับที่เค้าแทนตัวเองกับยายเค้าอ่ะครับ
ส่วนผมเค้าจะเรียก ‘เฮีย’ แต่ผมจะเรียกเค้าว่า ‘ลูกหนู’

“นอนห้องเพื่อนนะกั๊บ รักเฮียกั๊บ”

“ลูกหนูเลิกงานแล้ว แต่ต้องเอาถุงพลาสติกไปคืนเพื่อนจะกลับช้าหน่อยนะครับ” ถ้า ‘ครับ’ แบบนี้แสดงว่าเรากำลังทะเลาะกันอยู่ครับ

“ตื่นยังคับคนดีของลูกหนู”

ก็...เท่าที่กู้มาได้จากในมือถือก็มีอยู่แค่นี้แหละครับ (ไม่รู้ว่าถ้าเอาไปให้ที่ร้านเช็คให้จะได้ข้อความที่หายไปกลับมาบ้างรึปล่าว)
คิดแล้วก็เสียดายเหมือนกัน คือไม่คิดไงครับว่ามันจะหายไปหมด
ทุกวันนี้ผมก็ยังมานั่งอ่านข้อความพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เลย
แต่อ่านแล้วก็ได้แต่ละเหี่ยใจในความงี่เง่าของตัวเอง...

เหล่านั้นคือข้อความในมือถือ (นอกจากนี้ก็จะมีพวกรูป mms และคลิปตลกอีกเพียบ)

แต่ถ้าเป็นช่วงแรกๆ ที่คบกัน เค้าจะชอบเขียนเป็นเพลงส่งมาให้ครับ
ซึ่งวิธีการเขียนก็จะเขียนใส่กระดาษรายงานอ่ะครับแล้วก็พับเอาไปสอดไว้ในล๊อกเกอร์ของผมบ้าง
แอบใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์บ้าง
ใส่ในเป้ผมบ้าง

อย่างไอ้เนื้อเพลงพวกนี้ผมก็ยังเก็บไว้ในสภาพเดิมอยู่เลย
เก็บไว้อย่างดีไม่ได้เก่า
ไม่ได้ฉีกขาด
แต่เชื่อมั้ยครับ...ว่าตลอด 6 ปีที่เราคบกัน ผมไม่เคยไปขวนขวายไขว่คว้าหาเพลงเหล่านั้นมาฟังเลย (ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเพลง)
จนกระทั่งวันที่เค้าบอกลาผมนั่นแหละครับ ผมถึงเพิ่งรู้ว่าเพลงแต่ละเพลงมันมีความหมายระหว่าง ‘เรา’ ยังไง

เพลงที่โจเขียนส่งให้ผมจะมีอยู่ 3-4 เพลงครับ พอจบแต่ละเพลงก็จะมีคำนิยามสั้นๆ ของเค้าแนบท้าย ตามอารมณ์ของเพลงอ่ะครับ




I Miss You : Darren Hayes Lyrics

Gimme a reason
Why I'm feeling so blue
Everytime I close my eyes, all I see is you
Gimme a reason
Why I can't feel my heart
Everytime you leave my side, I just fall apart

And when you're fast asleep, I wonder where you go
Can you tell me, I wanna know

Because I miss you
And this is all I wanna say
I guess I miss you, beautiful
These three words have said it all
You know I miss you
I think about you when you're gone
I guess I miss you, nothing's wrong
I don't need to carry on

Gimme a reason
Why I can't concentrate
The world is turning upside down
Spinning round and round
Gimme a reason
Why I now understand
The beauty and simplicity of everything surrounding me

You got a way of spreading magic everywhere
Anywhere I go, I know you're always there
It sounds ridiculous, but when you leave a room
There's a part of me that just wants to follow you too

Because I miss you
And this is all I wanna say
I guess I miss you, beautiful
These three words have said it all
You know I miss you
I think about you when you're gone
I guess I miss you, nothing's wrong
I don't need to carry on

It's such a hard life in most of the time
I'm just surviving
That's why I want you to know
In the world where sincerity has lost its meaning
You fill my world with so much hope

And I miss you
This is all I wanna say
I guess I miss you, beautiful
These three words have said it all
You know I miss you
I think about you when you're gone
I guess I miss you, nothing's wrong
I don't need to carry on

You know I miss you
And this all I wanna say
I guess I miss you, beautiful
These three words have said it all

You know I miss you
And this is all I wanna do
I know it doesn't sound too cool
But maybe I'm in love with you

You know I miss you
And this all I wanna say
I guess I miss you, nothing's wrong
I don't need to carry on

I just miss you
Yeah, it's true
I miss you, baby
And when you're walking out that door
I know I miss you
You make me wanna ask for more
I just miss you
Yeah, it's true
I miss you, baby

........................................................

Love Never Fails : Sandy e Junior

There will be those times we fight back tears
And there will be those times when we get scared
As long as we're together we'll get there
Cause love never fails.. Love never fails
I have all that I need
So much so I feel weak
Cause the love that we have is never ending
All the moments we make
Are too precious to waste
In a world that is forever changing
I wouldn't change you for anything
I will be forever loving you
(Chorus)
There will be those times we fight back tears
And there will be those times when we get scared
As long as we're together we'll get there
Cause love never fails.. Love never fails
A sleep or awake
No there's never a day
That goes by when I don't think about you
Only you touched my life
For the very first time
I'll be lost surely without you
I wouldn't change you for anything
I will be forever loving you
(Chorus)
There will be those times we fight back tears
And there will be those times when we get scared
As long as we're together we'll get there
Cause love never fails.. Love never fails
Love never fails
Oh! Yeah
Love never fails
There's no greater gift
Than love that you breathe
Forever hold me
Many rivers to cross
But our love will guide us
It's all we need
It's all we need...
(Chorus)
There will be those times we fight back tears
And there will be those times when we get scared
As long as we're together we'll get there
Cause love never fails.. Love never fails
There will be those times that test our faith
On some of the roads that we have to take
But I know that we'll always find our way
Cause love never fails Love never fails

......................................................
Tonight, I Celebrate My Love : Peabo Bryson

Tonight, I celebrate my love for you
It seems the natural thing to do
Tonight, no one?s gonna find us
We?ll leave the world behind us
When I make love to you

Tonight, I celebrate my love for you
And hope that deep inside you?ll feel it too
Tonight, our spirits will be climbing
To a sky lit up with diamond
When I make love to you tonight

Tonight, I celebrate my love for you
And that midnight sun is gonna come shining through
Tonight, there?ll be no distance between us
What I want most to do is to get close to you tonight

Tonight, I celebrate my love for you
And soon this ol? world will seem brand new
Tonight, we will both discover how friends turn into lovers
When I make love to you

Tonight, I celebrate my love for you
And that midnight sun is gonna come shining through
Tonight, there?ll be no distance between us
What I want most to do is to get close to you

Tonight, I celebrate my love for you
Tonight






จบเรื่องของข้อความแทนใจครับ แต่...เมื่อกี๊ผมพูดถึงฉายาที่ผมกะโจเรียกแทนกันและกันไปแล้ว เพื่อนๆ ล่ะครับ เพื่อนๆ มีฉายาที่เรียกกันเฉพาะบ้างรึปล่าว ถ้ามี...เรียกแทนกันยังไงบ้างครับ

Question 7: มีฉายาที่เรียกกันเฉพาะบ้างรึปล่าว ถ้ามี...เรียกแทนกันว่ายังไงครับ

เดี๋ยวผมจะมาขยายความถึงฉายาที่ว่านั่นให้เห็นภาพกว้างๆ อีกที
 :pig4:


ปล. ผมเขียนน่าเบื่อป่ะครับ เห็นเขียนยาวๆ กลัวว่าคนอ่านจะเบื่อเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2010 15:25:35 โดย King_Arthur »

chocolate

  • บุคคลทั่วไป
งงอะ ยังไง แบบเรียกกันยังไงงี้เหรอ

ถ้าใช่ มันเรียกผมว่าดำ ส่วมผมเรียกมันว่าพี่ 555555

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
แฟนผมเขาจะเรียกผมตอนที่เขากำลังมีอารมณ์เอ็นดูสุดขีดว่า "เฟอะ" (ฟะ)
ส่วนผมก็จะเรียกเขาว่า "คุณชาย"
ที่เขาเรียกผมแบบนี้ เป็นเพราะผมค่อนข้างขี้หลงขี้ลืม ได้หน้าลืมหลัง
ทำให้เขาต้องคอยระวังหลังให้ผมเป็นประจำ
ตัวอย่างเช่น ทุกเช้า ผมจะชงกาแฟใส่เหยือกไปดื่มระหว่างขับรถไปทำงาน
แล้วผมก็ชอบวางมือถือไว้บนหลังคารถเวลาเปิดประตูเอาของไปเก็บในรถ
พอวางเหยือกได้ ก็ลืมมือถืออยู่บ่อย ๆ ทำให้เขาต้องคอยมาดูว่า ผมเก็บมือถือไปด้วยหรือเปล่า
ซึ่งบ่อยครั้งที่ผมมักจะลืม เพราะมัวแต่โฟกัสที่เหยือกกาแฟ 5555


Bench

  • บุคคลทั่วไป
Re: ==> ระบายรัก กับค$
«ตอบ #85 เมื่อ03-11-2010 03:20:06 »

ตอบคุณคริทก่อนละกันครับ (ตามคิวฮะ 555)

ก็...เป็นอันตกลงว่าผมจะเรียกคุณว่า ‘คริท’ อย่างที่คุณเควสมาละกัน ส่วนชื่อของผม...จริงๆ ผมก็ไม่ได้ชื่อ ‘คิง’ หรอก แต่ไหนๆ เรียกแล้ว ก็เรียกเลยละกันครับ..........ผมไม่ซีเรียส! (จริงๆ นะเออ)
งิ  แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีคับ
แนะนำมาเซ่  :angry2: 
555+

โห  คืนเดียวหายเคือง  ไม่ค่อยเลย 555+

ก้ากกกกกกก รับมะม่วงเปรี้ยวแทนคริทไปพลางๆก่อนมั้ยคับ???  :m20:
แต่ที่ไม่โดนด่าแล้วนอนไม่หลับนี่  เอ่อออ  :m29:
คริทก็มีเพื่อนคนนึงเหมือนกัน  ตอนนี้เลยแหละ
นอนหอห้องเดียวกัน  มันชอบมาถามโน่นถามนี่
แล้วก็กวนโมโห  คือขอให้เราด่าแล้วมันก็จะมีความสุข  o22

กรรมอะไรของคริทเนี่ย???  :serius2:

เปิดเผย เนี่ยนะคับ  เราไม่ต้องทำอะไรมากมาย
มันอยู่ในอิริยาบทของเรางัยคับ  เปงธรรมชาติ
ส่วนแสดงออกเนี่ย  มันเปงการกระทำ  ที่เราแสดงออกมาก
ให้คนอื่นเค้าได้เห็น

ง่ายๆคือ เปิดเผย เปง passive
ส่วน แสดงออก เปง active
ตามความคิดคริทนะคับ

ส่วนเรื่องโปร  ลดลงบ้่างมันปกติคับ
แต่ลดลงจนสังเกตได้ชัดเนี่ย  มันไม่ปกติแล้วงัย  555+

ส่วนที่ว่าไม่ได้เจอเลย  ก็ไม่เชิงนะคับ
แค่ครั้งแรกที่คุยกันน่ะแหละที่ไม่เหงหน้า
เพราะต่อมาก็เจอกัน หลงเลย -////-  แหะๆ

ผมมีแต่เด็กๆมาจีบสิคับ
แล้วส่วนตัวคริทเองนิสัยเด็กอยุ่แล้ว
ยิ่งเที่ยบกะเพื่อนเดียวกัน  ยิ่งชัด
อยากได้แบบผู้ใหญ่ใจดีบ้าง 555+
แต่คอนเฟิร์มว่า  เด็กนั้น  กระชุ่มกระชวย 555+

แหมเรื่องเนียนเนี่ย  ผมก็เนียนจิงๆนี่คับ
เจ้าตัวเค้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  ว่าเรา  เนียนนนน

เรื่องจูบ  จนปัญญาแนะนำคับ  o16
ไปหาจูบเอาเองนะ  เห็นเล่าว่าขึ้นเตียงบ่อยนิ
นึกว่าจะเจน  :laugh:

เรื่องข้อความ  ก็บอกรักกันแหละคับ  แหะๆ
เอาเพลงของเรามาลงดีกว่ามะ???

คำแทนกันเหรอ???
ตอนนั้นใช้คำว่า Baby คับ -////-
เวลาอารมณ์ดีๆ ก็ ที่ร๊าาาาาาาาาก
แต่พอเคืองกันก็ เรียกชื่อจิงกันเลย!!!

แฟนผมเขาจะเรียกผมตอนที่เขากำลังมีอารมณ์เอ็นดูสุดขีดว่า "เฟอะ" (ฟะ)
ส่วนผมก็จะเรียกเขาว่า "คุณชาย"
ลองแนะนำให้แฟนคุง fanfic2010 เรียกคุงว่า "เจ้าชาย" ตามคุงคิงมั้ยคับ??? 555+
คุงชาย เจ้าชาย  น่าร๊าาาาาาาาก  :m1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2010 03:24:53 โดย KrysTal »

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
สองสามรีบน ดึกๆ นี่ไม่หลับไม่นอนกันรึไงครับ 555
 :กอด1::pig4:

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ครับ คุณคิง พ่อของ เจมส์ ชอบดูหนัง เจมส์บอน เป็นชีวิตจิตใจ และเป็น ไอดอล ของพ่อเจมส์ด้วย
เจมส์เป็นคนที่จัดว่าหล่อ (สำหรับผม) เลยครับ หน้าตาแบบหนุ่มเหนือ ขาว ปากแดง รูปร่างสันทัด สูง 175 ไม่สูบบุหรี่ ดื้มเหล้าบ้างตามโอกาส เวลาตัดผมสั้น ผมเจมส์จะชี้โด่ชี้เด่ เหมือนนักเรียนมัธยมเลย เป็นคนทีี่หน้าตาอ่อนเยาว์มาก แม้แต่ปัจจุบันนี้ก็ตาม ถ้าคนไม่รู้อายุ อาจจะนึกว่าเจมส์ยังเป็น นักศึกษาอยู่ก็ได้ (นักศึกษาบางคนสมัยนี้ หน้าแก่กว่ากว่าเจมส์หรือผมอีกไม่รู้ไปตากแดดตากลมที่ไหนกันมา)

ผมเจอเจมส์ครั้งล่าสุด เมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะผมกับเพื่อน ๆ ขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่กัน ก็เลยนัดเจมส์มาด้วย เพื่อน ๆ ก็แซวว่า ถ่านไฟเก่าจะคุใหม ?  :m29: :m23: แบบแซวเล่นสนุกสนาน

ผมจะเหมือนคุณ fanfic2010 คือ ผมไม่เคยเคยพูด กู มึง กับ เจมส์ หรือ คนอื่น ๆ ที่ผมคบด้วยเลยนะ กับ เจมส์ เราจะแทนตัวเองด้วยคำว่า เรา และ นาย ถ้าทะเลาะกันหรือเริ่มโมโห จะเปลี่ยนเป็นการเรียกชื่อแทน หรือ โมโหระดับสูงขึ้นไปอีก ก็จะแทนด้วย ว่า คุณ...

เจมส์ชอบส่งข้อความ แบบความหมายดี ๆ ให้กำลังใจ หรือ ข้อความประมาณว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร มาให้ผม ส่วนผมมันคนไม่โรแมนติกเท่าไหร่ ผมชอบส่งแค่ว่า รักนะ คิดถึงนะ รอยู่ที่ไหน ประมาณนี้

ส่วนฉายาผมกับเจมส์ไม่ค่อยมีเรียกเป็นทางการ ค่อนข้างเป็นไปตามกระแสนิยมมากว่า ว่าช่วงนั้นเขาฮิตอะไรกัน แต่เพื่อน ๆ จะเรียกผม 2 คนว่า เจเจ (JJ = Jack+James)

เพลงของผม แจ็ค และ เจมส์ คือเพลง Truly madly deeply - Savage Garden เป็นเพลงที่ดีมาก สื่อว่าเราจะรักกันไปตลอด ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงสถานะไปก็ตาม

http://www.youtube.com/watch?v=H6Dg1Ymji-Q
http://www.youtube.com/watch?v=H6Dg1Ymji-Q 

* I'll be your dream, I'll be your wish I'll be your fantasy
I'll be your hope, I'll be your love be everything that you need
I love you more with every breath truly madly deeply do

I will be strong I will be faithful 'cause I'm counting on

A new beginning.
A reason for living.
A deeper meaning.

** I want to stand with you on a mountain
I want to bathe with you in the sea
I want to lay like this forever
until the sky falls down on me

And when the stars are shining brightly in the velvet sky,
I'll make a wish send it to heaven then make you want to cry
The tears of joy for all the pleasure in the certainty
That we're surrounded by the comfort and protection of
The highest powers. In lonely hours. The tears devour you

[Repeat **]

Oh can't you see it baby?
You don't have to close your eyes
'Cause it's standing right here before you
All that you need will surely come

[Repeat * , ** , **]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2010 15:57:24 โดย @#Jackie#@ »

Bench

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
สองสามรีบน ดึกๆ นี่ไม่หลับไม่นอนกันรึไงครับ 555
 :กอด1::pig4:
งิ  ก็ของคริทมันยังไม่ดึกนี่คับ  :laugh:

ฟังเพลงรักของแต่ละคู่แล้ว
เอ่อออออ  อายุ...  :m29:

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
สองสามรีบน ดึกๆ นี่ไม่หลับไม่นอนกันรึไงครับ 555
 :กอด1::pig4:
งิ  ก็ของคริทมันยังไม่ดึกนี่คับ  :laugh:

ฟังเพลงรักของแต่ละคู่แล้ว
เอ่อออออ  อายุ...  :m29:

อายุเป็นเพียงตัวเลข อย่างน้อยปีนี้และปีหน้า ก็ยังน้ำหน้าด้วยเลข 2  o13 :m20: :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด