@ A MiRaClE wOrKeR //// ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @ <<TrAcK 5>> Up 4/11/2010
เสียงนกร้องเสียงเจื้อยแจ้วนอกหน้าต่าง จีนค่อย ๆ ลืมตาเพื่อหวังจะสู้กับแสงแดดจ้านอกหน้าต่าง รู้สึกนอนหลับสบายเกินไปรึเปล่า รึอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา ขยับตัวแต่ขายังปวดหนึบ ค่อย ๆ ปรับสายตามองไปที่ตรงหน้า แทบจะตื่นเต็มตาตอนนั้น มือตัวเองที่กอดเอวของอีกฝ่าย หน้าตัวเองที่เมื่อซักครู่งัดออกจากตรงแผงอกใหญ่ ...และอุ่น... หน้าแดงและร้อนไปถึงใบหู รีบจัดท่าจัดทางให้เป็นปกติมากที่สุด หวังว่าคนที่ยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่อง คงจะไม่รู้ ว่าเขานอนผิดที่ผิดท่าขนาดไหน...รีบลุกขึ้นและพยุงตัวเองไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนคนที่นอนเป็นตายจะตื่นมาซะก่อน
“เมื่อคืนนอนหลับสบายรึเปล่า” ถึงกับชะงัก เมื่อเดินออกจากห้องน้ำ ถูกร่างที่นั่งบนโซฟายิงคำถามใส่..ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน....
“ก็ปกตินี่ครับคุณอาท แล้วคุณละครับ” รู้สึกร้อนตัวเหมือนคนทำความผิด
“ก็ดีนะ แต่ผมติดนิสัยนอนดึกน่ะ”
“แล้วมีอะไร เอ่อคือ..ผมหมายถึงมียุงบ้างไหมครับ” อยากจะถามตรง ๆ ว่ารู้ตัวบ้างไหมว่าโดนเขาใช้แทนหมอนข้าง
“ไม่มีนะ ก็มีมุ้งลวดนี่นา แล้ว.....” เว้นช่วงหายใจ แต่จีนกลับเหมือนจะหายใจไม่ออก
“แล้วเมื่อคืน....ผมอุ่นหรือเปล่า..” ถามก่อน แล้วร่างโย่ง ๆ นั้นจะเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งคำถามปริศนา ที่ถามแบบแปลก ๆ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าตัวจะอุ่นหรือเปล่า....นอกจากคนที่นอนกอดร่างใหญ่นั่นทั้งคืน...คราวนี้ไม่ได้แดงถึงแค่ใบหู คงลามไปทั่วหัวแน่ ๆ
นั่งเล่นบนโซฟาตัวยาวหลังจากที่ร่างสูงออกไปข้างนอกโดยให้รถมารับ และกำชับว่าจะเข้ามาทานข้าวกลางวันด้วย หลังจากที่อาหารเช้าก็เป็นอาหารที่จัดเดรียมให้แบบง่าย ๆ แต่พิเศษคือคุณชายเป็นคนทำ ไข่เจียว ที่เจ้าตัวอาสาลงมือทำเองโดยไม่ฟังคำทัดทานจากเขา พร้อมกับเถียงว่า รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่เหลือคราบลูกชายประธานบริษัทเลยซักนิด...............มองไปเหมือนเด็กเอาแต่ใจมากกว่าเจ้านายบ้าอำนาจอย่างที่คิด ..ไข่เจียวชุ่มน้ำมันที่ร่างสูงเทน้ำมันลงไปเกือบหมดขวด พร้อม
กับอาสาล้างจาน จีนต้องมาจัดการกับจานที่เฉอะแฉะไปด้วยคราบน้ำยาล้างจาน และคราบมัน ที่คนล้างก่อนหน้านี้นำมาคว่ำไว้แสดงให้รู้ว่าเรียบร้อยแล้ว
...มีเวลาอยู่คนเดียว...นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น ..คงไม่มีใครรู้ เตชทัต คนที่ทำให้เขาสติแตกจนต้องวิ่งออกมาให้รถชน ต่อไปเขาจะทำยังไง.... ถ้าเจ้านายใหญ่ยังเมตตาไม่ไล่เขาออก....อาจจะขอโอนย้ายไปลงไลน์กับเพื่อนก็ได้ งานหนักแต่สบายใจ .....
“สบายดีเหรอจีน” เสียงคุ้นหู ที่ทำเอาตัวเย็นเฉียบ นั่งนิ่งไม่ขยับชั่วอึกใจ
“คุณเตย์” เสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาหวิว....
“คุณมาทำอะไรที่นี่” ถามออกไปก่อนจะตวัดสายตามองคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านเขา อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ร้องตะโกน คงมีคนมาช่วยได้
“คือ ผมมาขอโทษคุณ แล้วก็มาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง....ผมเป็นห่วงคุณนะจีน”คำพูดสวยหรู พร้อมกับเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จนจีนต้องขยับตัว...เตรียมพร้อมที่จะหนี
“ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณกลับไปเถอะครับ” แทบจะถอยไปชนขอบโซฟาอีกฝั่ง เมื่อร่างสูงของเตชทัตนั่งลงอย่างไม่ต้องรอใครเชิญ
“ผมทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้ผมล่ะจีน”หน้าที่เศร้าสลดก้มลง ทำเอาจีนเริ่มลังเล แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณเตย์กลับไปเถอะ” รีบตัดความไม่อยากวุ่นวายกับคน ๆ นี้อีกแล้ว จะมาดีหรือไม่ดีก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องคุยเรื่องนี้อีก
“ผมหวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันต่อนะ ผมไม่อยากเป็นสาเหตุทำให้คุณลำบากใจ ผมทำไปเพราะผมชอบคุณนะจีน ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ คุณยกโทษให้ผมนะ ....ผมสัญญาว่ามันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“คุณเลิกยุ่งกับผมได้ไหม..” ต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ รู้สึกไม่ดีถ้ายังต้องมาวุ่นวายกันอยู่ ไม่งั้นเขาคงต้องขอโอนย้ายจริง ๆ แน่
“ได้..ผมสัญญา แต่เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”
“เป็นหัวหน้ากับลูกน้องดีกว่าครับคุณเตย์ ผมคงจะไปเป็นเพื่อนคุณไม่ได้” สีหน้าอีกผ่ายสลดลง อย่างเห็นได้ชัด แต่แค่ชั่วครู่ก็เงยหน้ามายิ้มกับร่างบางตรงหน้า
“ได้ ถ้าคุณสบายใจ แต่มีอะไรหรือเดือดร้อนเรื่องไหนผมก็พร้อมให้คำปรึกษาคุณนะ”ท่าทางจริงใจกับแววตาจริงจังทำเอาคนที่ฟังอดจะคล้อยตามไม่ได้
“คุยอะไรกันครับคุณเตชทัต” เสียงทุ้มที่ขัดขึ้น สำหรับจีนแล้วมันเหมือนระฆังที่ดังช่วยชีวิต ความอึดอัดจางหาย รู้สึกถึงความอุ่นใจที่วิ่งริ้วขึ้นมา .....
“สวัสดีครับคุณอัครเทพ พอดีผมมาเยี่ยมจีนน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณจะมาเยี่ยมด้วยเหมือนกัน” รู้อยู่ว่าเป็นคนชนแต่เท่าที่ดูร่างบางก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไม่คิดว่าจะมาเยี่ยมถึงบ้านขนาดนี้
“ผมไม่ได้มาเยี่ยมจีนครับ ผมกลับมาทานข้าวเที่ยง” พูดพร้อมชูถุงอาหารที่แวะซื้อก่อนเข้ามาเมื่อเช้าก็กินนิดเดียวเอง ไข่เจียวเขาคงไม่อร่อยเท่าไหร่
“กลับมาทานข้าว ?” กลับมายังไงไง พูดเหมือนเคยอยู่ก่อนหน้านั้น
“ยังไงคุณเตชทัตทานข้าวด้วยกันนะครับ ผมกับจีนคงทานไม่หมด” ...เตชทัต..คนที่เจอตอนอยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่เข้ามาดูแล หรือมาช่วยเหลือ ร่างสูงลงทุนง้างปากภูมิพฤกษ์ด้วยการเสนอให้พักร้อนได้ยาว แล้วเขาจะดูแลเพื่อนรักให้เอง เจ้าตัวไม่รับข้อเสนอแต่กลับเล่าเรื่องที่เขาฟังแล้วเริ่มจะเดาทางเหตุการณ์ได้แบบมั่ว ๆ แต่ความเป็นไปได้ก็มี....เขาตั้งใจจะเรียกเตชทัตเข้าไปคุยเรื่องการทำรหัสสินค้าของสโตร์วันนี้ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ พนักงานสโตร์ขยายความว่าถามที่อยู่ของจีน แล้วรีบออกมา .......รู้สึกไม่มีสมาธิที่จะทำอะไรทันทีที่รู้ ถึงแม้เรื่องที่คิดอาจไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่อยากให้ยุ่ง....กับคนที่เขาดูแลอยู่
“จีนคุณดีขึ้นรึยัง” พูดเสียงอ่อนหวานพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งตรงกลางระหว่างสองคน แล้วหันหน้าไปคุยกับร่างที่กำลังงงกับท่าทีของร่างสูง
“ไม่ปวดมากแล้วครับคุณอาท เอ่อคุยกันก่อนนะครับเดี๋ยวจัดการเรื่องกับข้าวก่อน”
“เดี๋ยวซิ มาให้ผมดูขาก่อน มานั่งนี่มา”ทำเอาร่างบางและอีกคนทำหน้าเอ๋อแทบจะทันที เมื่อคำว่านั่งนี่มันหมายถึงขาข้างนึงของตัวเอง ทำอย่างนี้ก็เท่ากับนั่งตักกันชัด ๆ
“เอ่อ...คือ คุณ” ไปไม่ถูก มองหน้าเตชทัตที่กำลังมองตัวเองอยู่เหมือนกัน สายตาบ่งบอกได้ว่างงกับความสนิทสนมของเขากับอาทมากแค่ไหน อย่าว่าแต่เตชทัตเลย จีนเองก็งงเหมือนกัน
“ผมบอกให้มานั่งนี่” เสียงทุ้มกดต่ำ พร้อมกับแรงกระตุกที่ชายเสื้อร่างบาง
“เอ่อ....ผมไม่เป็นไรหรอกครับ...เดี๋ยวยังไงผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ” พูดพลางกุลีกุจอจะลุกขึ้น ขีนยังอยู่ตรงนี้คงได้กลายเป็นโรคเอ๋อแบบไม่รู้ตัวแน่ แล้วยังสายตาเตชทัตที่มองมาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย จะให้ตอบตอนนี้ก็คงทำไม่ได้เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าร่างสูงนี่มาแนวไหนเหมือนกัน.....
วืด!!! พึ่บ !!! ปลิวไปตามแรงดึง ยังไม่ทันได้ลุกทั้งตัว สัมผัสที่เอวบางพร้อมกับแรงดึงมหาศาลจนต้องมานั่งแหมะที่ขาข้างหนึ่งตามความประสงค์ของร่างสูงนี่
“คุณอาท ผมเจ็บนะ” ตกใจ แล้วก็ไม่คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้ เห็นเขาเป็นเด็กรึไง ถึงจะจับดึงไปนู่นเหวี่ยงไปนี่ได้
“ก็นี่ไง ผมก็จะดูให้คุณนี่ไง ไหนดูซิ” คำพูดไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ผิดแผกไป ไม่สนใจสายตาที่ถลึงใส่จนลูกตาจะกระเด็นออกมาของร่างที่นั่งบนตัก ก้มลงไปดูให้อย่างไม่รู้ร้อนหนาว จนจีนต้องหันไปหาเตชทัตที่นั่งมองมาหน้าเหมือนเด็กออทิสติกก็ไม่ปาน จะลุกจากตักที่นั่งอยู่ แรงกอดที่เอวนี่มันก็แน่นเกินไป....
“เอ่อ...งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” รู้สึกเป็นส่วนเกินจนต้องพูดขึ้น อย่างน้อยให้รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ที่นี่ด้วย มองก็รู้ว่าแกล้งทำ มองตาก็รู้ว่าคิดยังไง .....ก็คนมันคิดเหมือนกัน จะไม่รู้ได้ยังไง แต่ใครจะไปสู้กับลูกชายประธานบริษัท...ซึ่ง ๆ หน้า...ให้โง่
“อ้าวคุณเตย์ ไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอครับ” เป็นจีนที่ถามขึ้น อย่างน้อยวันนี้ก็มาดี ยังไงก็เป็นหัวหน้า...ถ้าได้ทำงานที่เดิมก็ดี....เพราะยังไม่อยากเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ตอนนี้...
“คงไม่หรอกจีน เอาไว้ครั้งต่อไป ไว้ผมเลี้ยงละกัน” พูดก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ลาล่ะครับ คุณอัครเทพ” ยกมือไหว้ลานายน้อย ที่ยังกอดร่างบาง ๆ นั่นไม่ปล่อย จะเย้ยกันไปถึงไหนกัน....
“โชคดีครับ ถ้าจะเลี้ยงคราวหน้ารบกวนชวนผมไปกับจีนด้วยนะครับ”หันขึ้นไปทันเห็นมองสายตาที่แสดงถึงความไม่พอใจ แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้น ไม่ไว้ใจ.... แต่ก่อนเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทุกสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กำลังทำ เขาพอเดาได้ เพราะรู้ทันเลยอยากปกป้อง.....
“ปล่อยได้แล้วครับ” พยุงตัวเองออกพร้อมแกะมือปลาหมึกที่ยังรัดแน่น หลังจากที่อีกคนลากลับไปแล้ว
“คุณอยากเปลี่ยนแผนกไหมจีน” ไม่สนใจคำพูดของคนที่ยังยุกยิกพยายามจะลุก
“ทำไมล่ะครับ จะไล่ผมไปเป็น รปภ. รึไง” รู้สึกเหนื่อยจนต้องอยู่นิ่ง ๆ เพราะรู้สึกว่าขยับไปก็เจ็บ(ขา)เปล่า ๆ
“ผมไม่ได้พูดเล่น ไปช่วยงานเอกสารคุณจิตราก็ได้”จิตราผู้ช่วยวิศวกรคนใหม่ แต่มันจะมากเกินไปรึเปล่า คนในโรงงานได้เมาท์กันสนุกว่ากระโดดให้รถลูกชายบริษัทชนเล่น ๆ ก็ได้เปลี่ยนตำแหน่ง
“ไม่ดีกว่าครับ ผมยังไม่มีความสามารถขนาดนั้น แต่ผมว่าคุณปล่อยผมก่อนเถอะ....ผมอึดอัด” นั่งตัวเกร็งจนปวดหนึบที่ขาแล้ว
“ตามใจยังไงก็ได้ตอนนี้...แต่ผมหิวข้าวแล้ว หิวน้ำด้วย” คำพูดเอาแต่ใจเริ่มกลับมาอีกแล้ว คนฟังเริ่มขมวดคิ้ว หรี่ตามอง แล้วเมื่อครู่ใครกันที่ เอาแต่ทำอะไรแปลก ๆ ไม่สนใจน้ำ...ไม่สนใจข้าว…
……………………………………………………………………………
“จีนเชิญคุณ มาคุยกับผมข้างในด้วยนะ” เสียงสายภายในดังมาจากห้องผู้จัดการแผนกสโตร์ จีนกลับมาทำงานหลังจากนั้น อีก 1 อาทิตย์ ดีขึ้นแต่คงยังโลดโผนไม่ได้ ต้องค่อย ๆ เดิน อาศัยว่าไม่ต้องลุกไปไหนทำเอกสารที่โต๊ะอย่างเดียว .... พอภูมิพฤกษ์กลับมา เขาก็ขอบคุณร่างสูง พร้อมกับอัญเชิญให้กลับทิพยวิมานได้แล้ว เห็นว่าช่วงนี้มีประชุมดึกทุกวันเรื่องการร่วมหุ้นกับบริษัทในแวดวงเดียวกัน เพื่อผลิตแบรนด์ใหม่ขึ้นมา ทำให้ช่วงนี้ทุกแผนกต้องทำงานหนักมากขึ้นตามโปรเจคงานที่มาใหม่ มีผ้าอีกหลายชนิดที่สั่งเข้ามาจากนอก เพื่อผลิตแบรนด์ใหม่โดยเฉพาะ
“ครับ คุณเตย์” เดินเข้ามานั่งตรงหน้าหัวหน้างาน หลังจากที่เคาะประตูกระจกเบา ๆ
“คือพรุ่งนี้มีประชุมสาขา ทุกแผนก ที่สาขาเรา ผมว่าจะให้คุณ เข้าไปจดรายละเอียดงานใหม่ ให้ผมหน่อย เพราะเดย์ ลากิจพรุ่งนี้ คุณไหวรึเปล่า น่าจะเป็นเรื่องแบรนด์ใหม่”
“เอ่อ...ครับ” ผู้ช่วยเตชทัตเป็นตำแหน่งที่ว่างมานานแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่รับมาซักที เลยต้องเป็นเขาหรือเดย์ที่ต้องเข้าประชุมด้วย...และส่วนมาก็เป็นเดย์..โดยการพรีเซนต์หรือตอบคำถามจะเป็นหน้าที่ของเตชทัตเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับในความสามารถในการทำงานของคนตรงหน้า จนเป็นที่ชื่นชมและยอมรับของระดับผู้บริหาร ส่วนพวกเขาเข้าไปจดลายละเอียดงานที่ได้รับเพิ่มและบางส่วนที่มีคอมเมนต์มา....
“แล้วอาการคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ดีแล้วครับ ยังไงผมกลับไปทำงานก่อนนะครับ” คำพูดตัดบทของร่างบาง รู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้เตชทัตจะไม่ได้เข้าหาเขาเหมือนแต่ก่อน แต่สำหรับจีนแล้วมันเหมือนเป็นบทเรียนให้ระวังตัวไว้
“อืมดีแล้วล่ะ เชิญ...” เห็นสายตาระแวงที่วูบไหวในดวงตาคู่สวย ก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดไป จิรชาไม่เหมือนทุกคนที่เข้าหาเขา เพราะหน้าที่การงาน เพราะเงิน แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยอมกลับมาอยู่ที่เดิม และถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำในสิ่งที่จีนจะเข้าหาเขาได้ แผลที่ท้ายทอยยังเจ็บอยู่และเย็บหลายเข็ม ไม่ใช่ไม่โกรธ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ มันคงไม่ผิดอะไรถ้าซาตานอย่างเขาจะทำหน้าที่สุภาพบุรุษ......
ภูมิพฤกษ์มาส่งจีนที่หน้าแผนกฯ ก่อนจะเอารถไปเก็บ วันนี้เพื่อนเขาต้องเข้าประชุมสาขากับผู้จัดการนั่น เหตุการณ์ตั้งแต่จีนถูกรถของอัครเทพชน มันทำให้เตชทัตออกห่างจากจีน ไม่มาถามหา ไม่เข้าหานอกจากเรื่องงาน เป็นเพราะตอนนี้อัครเทพหมั่นโทรภายในมาหาร่างที่นั่งโต๊ะทำงานแทบจะตลอด และยังมีโทรเข้ามือถือเขาตอนพักเที่ยง ถามว่าจีนกินข้าวรึยังกินยารึเปล่า โดยที่ไม่ยอมที่จะโทรหาเจ้าตัวเอง... รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวนำไฟฟ้ายังไงไม่รู้...
“จีนเดี๋ยวคุณเตรียมเอกสารใบรับผ้าล็อตใหม่ ที่เออร์เจนท์เข้ามาด้วยนะ เตรียมข้อมูลเรื่องของขาด / เกินด้วยเอาเฉพาะล็อตใหม่ละกัน”
“ครับ คุณเตย์” รับคำร่างสูงที่กำลังเก็บโน๊ตบุ๊คหลังจากดูข้อมูลในการประชุมวันนี้ จีนรวบรวมเอกสารเข้าแฟ้มและจัดการเตรียมข้อมูลตามที่หัวหน้างานสั่ง ทุกอย่างเรียบร้อยในเวลาไม่นาน เพราะถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เตชทัตเป็นคนที่วางแผนการทำงานได้ดี และมักจะเป็นคนรอบคอบในการจัดเตรียมเอกสารเข้าที่ประชุม
วันนี้ร่างสูงแต่งตัวเต็มยศในชุดสูทแบรนด์ของบริษัท ที่ผู้บริหารทุกคนจะต้องใส่ ทำให้สถานที่หน้าห้องประชุมใหญ่ภายในตึกกลางดูคึ่กคัก เพราะผู้บริหาร หรือระดับบอร์ดจากทุกสาขา รวมทั้งเลขาและผู้ติดตาม มาลงชื่อเข้าประชุมกันก่อนที่จะเข้าห้องประชุม
เตชทัตลงชื่อในวาระการประชุม วันนี้เขาตกเป็นเป้าสายตาเหมือนทุกครั้ง โดยเฉพาะกับเลขาที่บรรดาผู้บริหารแทบจะเรียกว่าเอาโชว์กัน เพราะแต่ละคนเหมือนกับคัดคนทำงานด้วยหน้าตากันทั้งนั้น แต่เลขาจำเป็นของเขาวันนี้ก็น้อยหน้าใครที่ไหนกันจิรชาในชุดสูทเข้ารูป กางเกงสแลคที่ออกเดฟ ๆ นั่นกลับไม่ดู ว่าไม่เหมาะสม เมื่อมาอยู่กับร่างบาง ๆ นั่นรับกับรองเท้าหนังขัดมันที่เจ้าตัวใส่ ถ้าจะบอกว่าสวย น่ารัก คงไม่เกินไป สำหรับคนที่กำลังพึงใจอย่างเขา แล้วสายตาผู้บริหารบางคนที่มองมาที่คนของเขาอีก...หวงจนต้องหันไปถามข้อมูลงาน เพื่อจะได้ยืนใกล้ ๆ และบังสายตาพวกนั้น
“สวัสดีครับคุณเตชทัต สวัสดีจิรชา” เสียงทุ้มคุ้นเคย แค่บังเอิญเห็นว่าใกล้ชิดกันเกินไป หลังจากทักทายผู้ร่วมหุ้นแบรนด์ใหม่ และรับไหว้ทักทายบรรดาผู้บริหารและฝ่าการจิกสายและพยายามมีส่วนร่วมในการพูดคุยของเลขาสาวสวยจากหลายสาขาหลายแผนก มองตามสายตาผู้บริหารบางคนจนมาเห็นสองร่างที่ยืนคุยกันจนแทบจะสิงกันเป็นร่างเดียวกันมะรอมมะร่ออยู่แล้ว ขายาวก้าวออกมาหาแทบจะทันที สะดุดตาร่างบางที่ยืนอยู่...ดูดี..น่ามอง..
“สวัสดีครับคุณเตชทัต” อาจจะมองนานไปหน่อยจนเตชทัตต้องทักทายทำลายความเงียบ จีนไม่ได้สนใจอะไรต่อหลังจากยกมือไหว้ผู้เข้ามาใหม่ ที่ตอนนี้คุยกับเตชทัตบ้าง หันมามองและคุยกับเขาบ้าง ก็ต้องยอมรับว่า หล่อขั้นเทพ เหมือนเดิม ยิ่งมายืนคุยกับเตชทัต ถ้าเขาเป็นสาว ๆ คงได้ถูกแม่เลขาน้อยใหญ่ ที่มองกันตาเป็นมันเหมือนมีสิ่งหัศจรรย์เกิดขึ้นตรงนี้ เขม่นเอาแน่ ๆ ยิ่งตอนนี้เขายืนอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 หนุ่ม ทั้งที่เลี่ยงออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่วายจะเรียกเข้าไปถามนู่นนี่ไม่หยุด จนไม่รู้ว่าจะตอบใครก่อน อึดอัดกับชุดที่ใส่และรองเท้าหนังที่เพื่อนให้เป็นของขวัญวันเกิด
……ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้นะ.....................................
ขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจจร้าา งานเริ่มซา เริ่มมาบ้าบอร์ดอีกครั้ง ก๊าก ๆๆๆ