@ A MiRaClE wOrKeR //// ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @ <<TrAcK 12>> 17/11/2010
เมื่อนึกไว้ในใจว่าอยากจะทำอะไรอัครเทพก็เริ่มดำเนินการ โดยให้จีนพาทัวร์ภายในหมู่บ้านว่ามีอะไรน่าสนใจอีกนอกจากธรรมชาติที่สวยงาม นาข้าวเขียวขจี น้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านดูจะยินดีต้อนรับทั้งสองคนนี่สินะที่เขาบอกว่าน้ำใจคนรากหญ้า มันมากซะจนล้นพ้น รับกันไม่หวาดไม่ไหวทั้งน้ำท่าที่ตักมาต้อนรับและของฝากให้ย่า และพวกเขา ดูไม่มีพิษภัย แม้กระทั่งสาว ๆ ที่เข้าพูดคุยก็ดูเป็นสาวเป็นนาง ไม่ได้แรงร้ายเหมือนวิรัญญาซักคน เสน่ห์บ้านนามันมีอะไรอีกหลายอย่างที่น่าค้นหา โรงเลี้ยงหม่อนไหม ที่หลังโรงเลี้ยงปลูกใบหม่อนเรียงรายหลายไร่ ข้างหน้าทำเป็นโรงถักทอฝีไม้รายมือไม่เป็นรองใครเลย ผ้าไหมชั้นดีทั้งนั้น อัครเทพพึ่งจะรู้ว่ามีโรงปศุสัตว์เลี้ยงวัวเนื้อด้วย เป็นของลุงทัศน์ที่เห็นและทักทายกันวันนั้น คอกวัวถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน แม้ไม่ใหญ่โตเหมือนปศุสัตว์คนมีตังแต่ดูแล้วการเอาใจใส่แม้กระทั่งการเอาใจใส่ระบบนิเวศไม่น้อยหน้าเลย ชาวบ้านละแวกนี้มีอาชีพที่หลากหลายเมื่อยามหน้านาก็ลงนา เมื่อสิ้นข้าวก็ มีอาชีพเสริมอย่างอื่น ยังมีกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันนำพืชผลทางการเกษตรมาดัดแปลง เช่นกล้วยฉาบ มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงกวน และอีกหลายอย่าง อย่างนี้สิเหมาะสมที่สุด กิจการที่ไม่ใหญ่โต แต่น่าใจ ผลิตภัณฑ์ที่หากินได้ตามท้องตลาด แต่ถ้าได้มาดูแหล่งผลิตว่าเขาทำยังไงกัน มันน่าสนไม่น้อย
“พี่อาทไม่บอกจีนเลยว่าจะทำอะไร” จีนเดินตามร่างใหญ่ที่หอบของฝากเต็มมือ คนในหมู่บ้านเป็นอย่างนี้เสมอมีไม่มากมาย ไม่เหลือเฟือ แต่ก็ไม่เคยอด
“โฮมสเตย์” พูดสั้น ๆ พลางกำลังคิดวางแผนว่าจะเริ่มต้นยังไง
“โฮมสเตย์!!!” คนตัวเล็กทวนคำ ที่หมู่บ้านนี่นะแล้วจะต้องทำยังไง
“ใช่.. จีนรู้ไหมว่าวิถีชาวบ้านที่นี่มันน่าสนใจ ทั้งธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ เกิดมาพี่ก็พึ่งจะเคยได้ใส่เบ็ด ได้เดินตามคูนา ได้พูดคุยกับชาวบ้านพวกเขาน่ารักกันทุกคนดูไม่มีพิษภัยอะไร จีนไม่คิดว่าอยากให้คนอื่นได้มาสัมผัสบ้างเหรอ คนที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติและคนในท้องถิ่นที่นิสัยดีและอบอุ่น ตั้งแต่พี่เดินดูพี่ยังไม่เห็นมีใครไล่เราออกจากบ้านที่เราไปรบกวนเขา ไม่เห็นใครทำท่ารำคาญซักคน มันมีเสน่ห์มากจีนรู้ไหม” ฟังคนตัวใหญ่พูดก็พอเข้าใจในความคิด เขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด อาจจะไม่เห็นความแตกแต่ง แค่รู้ว่าสบายใจกว่า อบอุ่นและไม่รู้สึกการแก่งแย่งชิงดีอะไรกันมากมายเหมือนอยู่ที่นู่น
“ธรรมดาครับพี่อาท ชาวบ้านธรรมดาอย่างเราไม่ได้ต้องการที่จะแก่งแย่งชิงดีอะไรกับใคร ไม่ได้ต้องการบารมีหรืออำนาจ ขอแค่อยู่แบบไม่เดือดร้อน ดูแปลงผักสิครับ พี่อาทเห็นไหมว่ามันมีแทบจะทุกบ้าน เขาอยู่อย่างพอเพียง เหลือค่อยแบ่งขาย หรือแลกเปลี่ยนกัน ไม่มีใครเขารำคาญเราหรอก จิตใจที่ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูง ถึงแม้จะปากกัดตีนถีบก็เพื่อปากท้องตัวเองไม่ได้จะไปทำเพื่อหวังร่ำรวยอะไร ฟังดูอาจจะคิดว่าไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าได้มาสัมผัส ก็จะเป็นอย่างที่พี่อาทเห็นนี่แหละ”
“อืม พี่เชื่อ แล้วพี่คิดว่าคนที่ต้องการชีวิตแบบนี้มีอยู่ไม่น้อย หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ สัมผัสสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบ อยู่กินอย่างพอเพียง “ พูดแล้วหันไปยิ้มให้คนที่อมยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าพี่อาท จะปรับตัวได้เร็วอย่างนี้ จีนยังคิดเลยว่าจีนหวังมากเกินไปรึเปล่า” หยุดยืนข้างลำธารใสมองดูปลาซิวเล็ก ๆ วิ่งกันในน้ำ
“พี่ต่างหากที่หวัง และหวังมากด้วย หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่พี่คิด เพื่ออนาคตของเรา พี่ไม่ได้กลัวลำบาก พี่แค่ต้องการเวลาปรับตัวบ้าง แต่จีนเชื่อพี่นะว่าพี่ทำทุกอย่างเพื่อเรา และต่อไปพี่เชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันจะทำให้หมู่บ้านเรามีรายได้หมุนเวียนมากขึ้น” เดินไปฉุดมือคนตัวเล็กเดินไปข้าง ๆ กัน จนถึงบ้าน ก็เห็นสองคู่หู นั่งซัดส้มตำกันนัวเนีย จิวน้ำหูน้ำตาไหล ทำปากซืดซาดอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ก็ยังไม่หยุดยัดเส้นมะละกอเข้าปาก
“ใครตำส้มตำเนี่ย กลิ่นยวนเชียว” ทักคนที่ยังไม่เงยหน้าจากจานส้มตำ
“พี่จีน พี่อาทหวัดดีครับ กินด้วยกันไหมพี่ น้านงค์ตำให้ แซ่บเชียวลองไหมพี่อาท” น้านงค์ น้าข้างบ้านที่มีอาชีพเย็บผ้าที่เคยฝากฝังให้ดูแลย่ากับน้อง แกมักจะทำกับข้าว ของกินเล็ก ๆ น้อยมาให้เสมอ ฝีมือตำส้มตำของแกเป็นที่เลื่องลือทีเดียว อาทยืนมองเห็นคู่หูซืดซาด ก็อดน้ำลายสอไม่ได้
“ก็ดีเหมือนกันกลิ่นนี่สุดยอดเลย” วางของที่ถืออยู่บนโต๊ะหวายถัก แล้วหยิบช้อนที่วางริมจานตักน้ำและเส้นส้มตำขึ้นคำใหญ่ ทำเอาจีนที่มองอยู่ทักไม่ทัน ก็ยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ซักพักถึงเห็นน้ำตาเริ่มคลอ ปากเริ่มแดงเจ่อ จนคนมองอยู่อดหัวเราะไม่ได้ นี่ขนาดน้องชายเขาที่ว่ากินเผ็ดยังซืดซาด แล้วนี่ซัดเข้าไปซะเต็มคาบคงจะรอดอยู่
“อย่อยนะ .....แต่มันแสบปากไปหมดเลย จีนพี่ขอน้ำห่อย... ซืด... อาส์” หันรีหันขวางทำเอา จิวและเออดหัวเราะไม่ได้
“เป็นไงพี่ นี่ยังน้อยนะไอ้เปี๊ยกนี่มันเร่งเหยง ๆ ให้ใส่พริกเยอะ ๆ กลัวกระเพาะมันทะลุหรอกนะถึงให้น้านงค์ใส่แค่นี้” ว่าพลางหัวเราะอยู่ไม่หายทำเอาพี่ชายยิ้มแหย ๆ ให้ จีนตักขึ้นมาชิมบ้าง แต่ไม่ได้มากเหมือนคนก่อนหน้า
“รสชาติอร่อยนะครับพี่อาท ไม่แน่อาจจะเป็นสิ่งที่เกื้อธุรกิจพี่ก็ได้” แนะนำไป อาทพยักหน้ารับ เดินเข้าบ้านแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนรัก เขาต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด
“ฮัลโหลอฮันนี่ของบาร์บี้เป็นยังไงบ้าง” เสียงตามสายไม่น่าคุยซักนิด แต่จำเป็นต้องอาศัยความฉลาดและเจ้าวางแผนของเพื่อนตัวดี
“เออ คิดถึงเหมือนกัน ฉันมีเรื่องให้แกช่วยว่ะ บาร์ ..เอ่อบาร์บี้”
“ว่ามามีอะไรจ๊า..”
เล่าความประสงค์ที่ต้องการทุกอย่างให้เพื่อนรักฟัง รุ่งเช้าก็ให้จีนพาเข้าหาองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อแจ้งความประสงค์ ซึ่งนามสกุลเขาก็พอจะมีประโยชน์ให้เชื่อถือกันได้ สุดท้ายก็ต้องพึ่งบารมีพ่ออยู่ดี ทางองค์การบริหารก็ยินดีให้ความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ มีการเรียกประชุมคนในหมู่บ้าน อย่างน้อยธุรกิจที่คนส่วนใหญ่ทำจะทำกันเป็นอาชีพเสริมแต่มันก็ช่วยยกระดับหมู่บ้านให้เป็นที่รู้จัก ไม่ได้เพื่อชื่อเสียง แต่เพื่อคนในหมู่บ้าน ทุกอย่างจะหมุนเวียนดีขึ้น
มีการพูดคุยกันของคนในหมู่บ้าน ทุกคนดูยินดี และให้ความร่วมมือ มีการตกลงกันว่าจะมีส่วนไหนบ้างที่ต้องเตรียมตัวอะไร ก็แค่ปรับสถานที่นิดหน่อย และช่วยกันพัฒนาถนนหนทางให้สะดวกสบายขึ้น ของเดิมที่ดูดีอยู่แล้วไม่ได้มีการทำจนเวอร์ แต่ทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วใหดีมากขึ้น ที่ทางข้างบ้านจีนถูกดัดแปลงจากลานกว้าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานอะไร ซึ่งเป็นที่ที่เหลือจากการแบ่งขาย ถูกสร้างเป็นกระท่อมขนาดกะทัดรัดและแข็งแรงที่นอนและอยู่กันได้ประมาณ 3 คน ถูกตกแต่งภายในตามสไตล์เรียบ ๆ แบบชาวบ้านทั่วไป เรียงกัน 5 หลัง เรียกว่า ฮัทรีสอร์ท ตกแต่งบริเวณรอบ ๆ ด้วยต้นไม้ออกไม้ที่จีนและจิวช่วยกันปลูก ทุกคนดูตั้งใจ งบประมาณไม่ได้มากมายอะไร เพราะใช้ทุกอย่างที่มีในหมู่บ้านและได้ชาวบ้านมาช่วยลงแรงกันทำเพราะเห็นความตั้งใจของหนุ่มนิสัยดีคนนี้ แต่ที่น่าหนักใจสำหรับจีนก็คงไม่พ้นที่สาว ๆ หมั่นส่งข้าว ให้อาท เช้า-เย็น แต่สิ่งนึงที่ทำให้เบาใจคือความเชื่อใจ เมื่อคนรักเขาไม่มีท่าทางสนใจอะไรนอกจากวางแผนการในธุรกิจที่ทำอยู่
ลำธารใสหน้าบ้านมีสะพานที่ถูกสร้างขี้จากไม้ไผ่ และขอนไม้ขนาดใหญ่ พาดผ่านเท่านั้น นี่ล่ะวิศวกรการผลิตของแท้ไม่ได้เอาอะไรที่ผิดธรรมชาติเข้ามาปะปนมากมายเลย ในเมื่อจุดขายคือธรรมชาติทุกอย่างที่ทำต้องกลมกลืนและรักษาสิ่งสมดุลที่มีอยู่
เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะชื่มชมกับป้าย ขนาดกลางที่ทำด้วยไม้สลัก ตั้งเด่นตรงทางเข้าหมู่บ้าน สิ่งที่ทำให้อาททึ่งและอดจะซึ้งไม่ได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือ น้ำใจคนในหมู่บ้าน ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าจะออกมาแบบไหน และตัวเองจะได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด แต่ทุกคนก็ช่วยกันเต็มที่ ตอนนี้ผ่านมาแล้วเกือบสองเดือน ทุกอย่างลงตัวพร้อมที่จะทำการได้ ต้องลอง ต้องเสี่ยง แม้จะไม่ใช่ธุรกิจ ร้อยล้าน พันล้าน แต่เขาเชื่อว่าถ้าพ่อกับแม่มาเห็นสิ่งที่เขากำลังสัมผัสจะชอบอย่างที่เขาชอบก็เขาเป็นลูกพ่อกับแม่นิคงไม่มีอะไรแตกต่างกันมากมาย
จีนมองดูป้ายที่พึ่งจะให้หลวงพ่อเจิมและพรมน้ำมนต์ “โฮมสเตย์บ้านจิตงาม” มันเป็นชื่อหมู่บ้านที่เข้ากับคนในหมู่บ้านที่สุด และเป็นวันแรกที่มีลูกค้าลงมาจากเมืองใหญ่โดยการประชาสัมพันธ์ของเพื่อนรัก บาร์บี้ที่เป็นคนนำทีมมาเองที่ลงมาก็วางไว้ ครั้งละ 20 คนมากที่สุด แพ็คเก็จก็ 2 วัน 2 คืน ลูกทัวร์จะเสียค่าใช้จ่ายต่อหัวในครั้งนี้คนละ 3,500 บาท ลูกทัวร์เลือกที่พักที่รีสอร์ท ที่ถูกตกแต่งอย่างธรรมชาติเต็มทั้ง 5 หลังจะได้ 15 คน อีก 5 คนให้กระจายลงตามบ้านในหมู่บ้านที่จัดเตรียมกันไว้ หลังจากที่ส่งลูกทัวร์เข้าพักที่พักเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวมาทานข้าวเที่ยงร่วมกันที่บ้านจีน และจะเริ่มการทัวร์วิถีชาวบ้านที่อัครเทพวางไว้ ที่แปลกและคิดว่าคนเมืองอาจจะลองทำก็ได้
“น้องจีนพี่คิดถึง จังเลยมามะมากอดหน่อย” บาร์บี้รี่ตรงมากอดน้องรัก แต่สายตาเหลือบไปเห็นอีกคนที่รูปร่างหน้าตาไม่ได้ผิดกันซักนิด
“ต๊าย ตายแล้ว นี่ใครจ๊ะ ว๊าย น่ารักน่าเอ็นดู” จิวตกใจที่อยู่ดี ๆ ก็มีผู้ชายที่แต่งตัวแปลก และท่าทางตุ้งติ้งเข้ามาทำท่าจะกอดตัวเองรีบวิ่งไปหลบหลังเพื่อนตัวใหญ่ที่ยืนข้าง ๆ กัน ทำเอาบาร์บี้ชะงักพร้อมกับหัวเราะ ก็เพื่อนที่ยืนบังก็ทำหน้าทำตาเหมือนกับเขาจะเข้าไปทำอะไรไอ้ตัวเล็กที่หลบอยู่ข้างหลัง
“จิว เอ นี่พี่บาร์บี้ คนที่คอยช่วยเหลือพี่กับพี่อาท” รีบยกมือไหว้ แต่คนที่หลบหลังเพื่อนยังไม่ยอมออกมา
“แหม ๆ เอาล่ะจ๊ะ ไม่ทำอะไรละ หวงกันจริง จีนนี่ใกล้เวลาแล้วไปดูกับข้าวกับปลาข้างบนเถอะ” กับข้าวเที่ยงที่เตรียมไว้รอก็เป็นแบบพื้นบ้านที่สุดไม่ว่าจะเป็นส้มตำที่รสชาติไม่จัดมาก ไก่ย่าง แกงส้ม และมัสมั่นฝีมือน้าอ้อย เมื่อลูกทัวร์มาก็จับจอง เก้าอี้หวายบนบ้านที่ถูกซื้อหาเพิ่มเติมและถูกจัดวางเต็มพื้นที่ระเบียงบ้านพอดี ลูกทัวร์แต่ละคนก็แต่งตัวตามสบายไม่ได้ติหรูหราทั้งที่แต่ละคนก็มีหน้าที่การงานที่มีหน้ามีตา คงจะต้องการหาความสงบอย่างที่อาทว่า ทุกคนดูอัธยาศัยดี จนบางคนดีเกินเหตุ จนอาทต้องมองตามร่างคนรักที่คอยแนะนำนู่นนี่กับสถาปนิกหนุ่มที่ตั้งอกตั้งใจคุยกับแฟนเขาเกินไป มองจนเพื่อนรักสะกิด
“เฮ่ย ลูกค้านะแก เบา ๆ หน่อย...”กระซิบเบา ๆ
“ฉันต้องแนะนำไหมวะว่านั่นแฟนฉัน”หันไปกระซิบต่อกับเพื่อนรัก บาร์บี้มองเพื่อนแล้วมองสาวน้อยติสแตกที่ส่งสายตาเชื่อมให้เพื่อนเขาตั้งแต่ทักทายกัน พลางคิดว่าตัวเองก็ใช่ย่อยซะที่ไหนล่ะ ได้แต่ภาวนาว่าเพื่อนเขาคงไม่หึงจนงานล่มหรอกนะ เพราะลำพังจีนเขาไม่ค่อยห่วงน้องเท่าไหร่เพราะดูมีเหตุมีผลกว่าไอ้ ตึกที่มันจ้องจะงับหัวลูกทัวร์เขาอยู่แล้ว
พอทานข้าวเสร็จก็นั่งคุยนัดแนะโปรแกรมกันพอประมาณ เริ่มด้วยพาไปให้อาหารโคเนื้อ ให้ลูกทัวร์ใส่ถุงมือและลงมือเกี่ยวหญ้าในแปลงหญ้าที่ปลูกไว้หลายไร่ ซึ่งมีแต่เดิมอยู่แล้ว ลูกทัวร์ดูสนุกสนาน และไม่มีใครบ่นว่าเหนื่อยนิ่สินะที่เขาเรียกว่ามาด้วยใจ นำหญ้าที่เกี่ยวได้มายื่นให้โคเนื้อที่ยืนเรียงกันตามราง เห็นโคเคี้ยวหญ้าที่ตัวเองเกี่ยวมาอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกชื่นใจ
โปรแกรมต่อมาคือการมาดูกลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เป็นผลหมากรากไม้สด ๆ การล้าง การหั่นฝานวิธีการทำต่าง ๆ จนเป็นรูปผลิตภัณฑ์และการส่งออกขาย ทุกขั้นตอนลูกทัวร์จะได้ลงมือทำเองถ้าต้องการทดลอง พอเสร็จลูกทัวร์ก็ควักเงินซื้อของที่ตัวเองทำและที่มีอยู่ในสหกรณ์ มาอีกคนละถุงใหญ่เป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในหมู่บ้านได้ในตัว
กว่าจะผ่านสองกิจกรรมดูลูกทัวร์ถูกอกถูกใจกิจกรรมสุดท้ายของวันเป็นที่สุด การใส่เบ็ดตามทุ่งนา ที่อาทคิดไว้ว่าจะจัดกิจกรรมนี้ทุกวันในตอนเย็น โดยคนที่นำก็ไม่ใช่ใครก็สองคู่หู เอกับจิวที่ชวนเพื่อนมาแนะนำลูกทัวร์ และเป็นคนเหลาคันเบ็ดเตรียมไว้ โดยมีผู้ใหญ่อย่างสามีน้านงค์คอยดูแลอยู่อีกที อาทเลือกที่จะให้เดินบนคูไม่ให้ลูกทัวร์ลงลุยป่าข้าวชาวเด็ดขาด แต่ที่หงุดหงิดทั้งวันคงไม่พ้น สถาปนิกหนุ่มที่ไม่ยอมห่างจากแฟนเขาเลย ซ้ำยังถามนู่นนี่ไม่หยุดขนาดว่าเขาเรียกจีนออกมาแล้ว ยังมีหน้าเดินตามมาคุยด้วย กิจกรรมใส่เบ็ดจบก็ต้องกลับบ้านกันไปพักผ่อนเพื่อร่วมรับประทานอาหารกันตอนเย็น ลูกทัวร์ชมเปาะว่าถูกใจธรรมชาติและความเป็นกันเองของชาวบ้านที่สุด
“ไปไหนมาครับ” ถามคนรักที่เดินเข้าบ้านมา จีนเลือกที่จะไม่ให้ลูกทัวร์มาพักบ้านตน เพราะอยากให้ย่าพักผ่อน นอกจากใช้เป็นสถานที่ทานข้าวร่วมกัน
“ไปส่งคุณศรัณย์น่ะครับ พอดีแกเดินดูธรรมชาติแถวนี้จนโพล้เพล้แล้วจำทางไปบ้านน้าทัศน์ไม่ถูก”
“โอ๊ะ พี่อาทนี่!!!” แรงกระชากเข้าห้องและปิดประตูทำเอาจีนตกใจ
“พี่หึงรู้ไหมครับ” นั่งลงบนเตียงไม้ที่มีฟูกวางซ้อนอยู่แล้วกอดเอวคนตัวเล็กไว้
“โธ่พี่อาทครับอย่าคิดมากสิ ทีแม่สาวน้อยที่หมั่นส่งสายตาให้พี่ จีนยังไม่คิดอะไรเลย เพราะจีนเชื่อใจพี่” คำพูดของคนรักทำให้อาท ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พี่ขอโทษครับ” มือบางวางบนแก้มสากที่คล้ำลงเห็นได้ชัด แต่ความหล่อเหลาไม่ได้ลดลงเลย
“ทุกอย่างที่ทำเพื่อเราไม่ใช่เหรอครับ”
มือใหญ่โน้มคอเล็กลงมารับจูบที่นุ่มนวล ลิ้นเกี่ยวกระหวัดจนน้ำใส ๆ ไหลออกจากมุมปาก เสียงดังจนอารมณ์กระเจิดกระเจิง ปากหนาไล่เล็มตามสันหน้าลงซุกคอคอขาว ร่างบางสะบัดหน้าขึ้นเพราะแรงอารมณ์ เสื้อยืดตัวบางถูกกระชากออกทันทีเหมือนกับกำลังจะทำให้อารมณ์สะดุด อกเล็กถูกดูดดุนเสียงดัง จับมือเล็กให้เอื้อมมาจับแก่นกายที่กำลังตระหง่านในกางเกงเลที่ใส่อยู่ มือเล็กที่เรียนรู้ก็ลูบไล้จนคนตัวใหญ่แทบจะทนไม่ไหว ดึงตัวร่างบางออก ให้ห่างตัวดวงหน้าแดงเรื่อ ตาหวานเชื่อม ด้วยแรงกามาทำให้เขาแทบครั่ง
“ทำให้พี่บ้างสิครับคนดี”พูดแล้วกดไหล่คนรักลงเบา ๆ จีนพอรู้บ้างว่าต้องทำยังไง ลองทำแบบที่อาททำให้เขาบ่อยคงไม่เป็นไร ลิ้นเล็กเริ่มทักทายแก่นกายใหญ่โต ตรงส่วนหัวที่มีน้ำใสปริ่มอยู่ ฉกลิ้นลงไปเบาและไล่เลียรอบหัวอย่างช้า ๆ ถ้าไม่ใช่เขาสอนเองจะคิดว่าแฟนเขาทำเป็นมาก่อนแน่ ๆ ลิ้นเล็กที่เริ่มครอบครองแก่นกายแค่ส่วนหัวแล้ว แล้วดูดดุนจนร่างใหญ่เผลอให้มือกดหัวเล็กให้เป็นไปตามจังหวะมือ ถอนปากแล้วไล่เลียจากโคนถึงปลายอีกครั้ง แก่นกายปูดโปนจนจะทนไม่ไหวเมื่อปากเล็กใช้ปากครองตลอดความยาวแต่ไม่สุดแค่นี้ก็แทบทนไม่ไหวแล้ว ห่อปากรูดขึ้นลงช้า ๆ เป็นจังหวะแล้วเร่งจังหวะจนคนตัวใหญ่ทนไม่ไหว
“อื่ส์ อย่าพึ่งใจร้อนสิครับคนดี อ่าส์” ดึงร่างเล็กให้ขึ้นมาเหมือนเดิม อุ้มร่างเล็กให้นอนบนเตียงพร้อมกับเร้าโลมจนพร้อมที่จะกลืนกินแก่นกายเขาได้ แหย่แยงจนเข้า ร่างเล็กสะดุ้งสุดแรงไม่ชินซักที หัวใจเต้นแทบจะระเบิด เริ่มโยกโยน จนหน้าหวานสะบัดเกลือกกลิ้งไปตามที่นอน มือเล็กกอบกุมผ้าปูจนยู่ยี่ เริ่มซอยหนักและถี่ขึ้นตามแรงปรารถนา ร่างเล็กที่ชิงไปก่อนเพราะถูกปรนเปรอทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ส่วนอีกคนที่ก็กำลังจะถึงฝั่งก็เร่งซอยไม่หยุด
“อ่าส์ คนดี สุดยอดครับ อ่าส์”
“อืมส์ พี่รักจีนครับ อ่าส์ ....อา” คำบอกรักพร้อมกับร้ำรักที่พุ่งฉีดแรงเข้าช่องทางด้านหลัง ถอนแก่นกายแล้วนอนลงเคียงข้างคนรักที่นอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“พี่อาทว่าเราจะทำได้ไหมครับ อีก 4 เดือนกว่าโฮมสเตย์เราจะทำให้พ่อพี่เชื่อใจเราได้ไหม” เป็นร่างเล็กที่ถามขึ้นมาก่อน
“พี่จะให้พวกท่านมาสัมผัสที่นี่ แล้วพวกท่านจะต้องชอบ เชื่อพี่สิ” กระชับร่างในอ้อมกอด ให้อุ่นใจก่อนจะไปอาบน้ำให้สบายตัว
มันไม่มีอะไรยากถ้ามีแรงบันดาลใจและความหวัง อัครเทพคิดอย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ทำอย่างสุดความสามารถที่มีอยู่และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรที่จะเริ่มและลงมือทำ..........................