คนวิวก้เยอะเนอะแต่เม้นน้อยจัง
ยังไงก็จะติดตามบ่อยๆนะคะ ขอย่าเศร้ามากเลยนะคะแอบกังวลยังไงไม่รู้อ่ะส์
นั่นน่ะสิเนอะ
@ A MiRaClE wOrKeR //// ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @ <<TrAcK 3
ดวงอาทิตย์ที่ยังโผล่มาไม่ถึงครึ่ง จากเส้นขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อน ๆ ทาทาบไปทั่วบริเวณตึกของโรงพยาบาล เปลือกตาสีเนื้อนวลกระพริบถี่เพื่อปรับสายตา แพดานสีขาว แอร์ราคาแพง ที่อยู่ตรงระดับสายตา เป็นสิ่งที่ไม่คุ้ยเคย หันหน้าหาทิศทางที่จะบอกได้ว่าที่นี่ที่ไหน ก็เจอเพื่อนสนิทนอนหลับเหยียดยาวบนโซฟาข้างประตูทางเข้า สมองเริ่มประมวลเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ยกมือขึ้นกุมขมับ สายน้ำเกลือก็ลากติดมาให้เห็น..รู้สึกระบมที่ขา ขยับก็เจ็บแปลบจนต้องนอนนิ่ง ๆ ........อยู่โรงพยาบาลอีกจนได้ หลังจากเหตุการณ์ที่ต้องนอนเฝ้าไข้แม่ตอนนั้น ต่างกันตรงที่ตอนนี้ตัวเองเป็นคนบนเตียงสีขาวสะอาด ที่ดูเหมือนจะนุ่มสบาย แต่กลับต้องมีความรู้สึกร่วมอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง คงจะไม่มีใครที่จะชอบนอนเตียงแบบนี้ซักเท่าไหร่ รวมทั้งเขาด้วย สถานที่ ที่ทำให้เขาเห็นแม่นอนหายใจรวยริน จ้องหน้าเขากับน้องที่เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมกับคำที่แม่พูดเป็นครั้งสุดท้าย “แม่ขอโทษ” เขาไม่ต้องการคำนี้ซักนิด ถ้าทำให้แม่ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เคยโกรธแม่ที่ทิ้งพวกเราไป ไม่เคยโกรธแม่ที่ไม่เข้มแข็ง เพราะพ่อกับแม่ทำเพื่อเขากับน้องมาทั้งชีวิต คงถึงเวลาที่พวกเขาต้องทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง คงถึงเวลาที่พ่อกับแม่ต้องพักผ่อน คิดถึงสิ่งที่ผ่านมารู้สึกถึงความชื้นที่หางตา..... คิดถึงครอบครัว.... โดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้ ร่างบางบนเตียงนอนจมอยู่กับอดีตจนไม่รับว่ามีใครเปิดประตูเข้ามายืนมองอยู่
อัครเทพเข้ามาทันได้เห็นหยาดน้ำใส ที่ไหลลงจากหางตาเรียวสวยนั่น เจ้าตัวยังเอาแต่เหม่อมองสายตาจับจ้องแพดานสีขาว ไม่รู้ซักนิดว่าเขามีตัวตนอยู่ในห้องนี้
“อือ.อื่ม!!” เสียงกระแอมไม่ดังมากแต่ก็พอทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รู้ตัว แล้วก็ทำสีหน้าที่แสดงให้รู้ว่าแปลกใจ ที่เขามาอยู่ที่นี่ คงยังไม่รู้สินะว่าเขาเป็นคนขับรถชนตัวเอง หรือจะพูดว่าเป็นเจ้าของรถที่เจ้าตัวเดินชนดี แต่ยังไงซะรถใหญ่ก็ผิดอยู่ดี คนรู้เหตุการณ์ยังนอนหลับอุตุบนโซฟาตัวยาวนั่น
“สวัสดีครับ คุณอัครเทพ” พยายามยกมือเรียวขึ้นมาไหว้นายน้อยตรงหน้า แต่ก็ยังดูเงอะงะอยู่ดี จีนอดแปลกใจไม่ได้ว่าคน ๆ นี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ก็ฉุกคิดถึงเรื่องห้องไม่ได้ เพราะถ้าเป็นภูมิพฤกษ์เขาคงไม่มีทางได้นอนห้องพิเศษ ที่มีทุกอย่างครบอย่างนี้ แต่มันมากไปสำหรับเขาหรือเปล่า
“เป็นยังไงบ้าง” รู้สึกโล่งใจที่ร่างบางตรงหน้าจำเขาได้ แสดงว่าสมองไม่กระทบกระเทือนอะไร
“ค่อยยังชั่วแล้วครับ ต้องขอบคุณคุณอัครเทพที่กรุณา” ไม่รู้ว่ากรุณาอะไรแต่อย่างน้อยมาเยี่ยมพนักงานธรรมดาอย่างเขา ก็คงจะเรียกได้ว่ากรุณา
“ดีแล้วล่ะ ผมนึกว่าจะขับรถชนคนจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนซะอีก” คำพูดของร่างใหญ่ตรงหน้าทำให้จีนถึงกลับขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์ ได้
“คุณ..เอ่อ..คุณอัค..อัครเทพว่าไงนะครับ” สงสัยจนพูดผิดพูดถูก ใครขับรถชนใคร แล้วหมายถึงเขารึเปล่า
“เรียกผมอาทก็ได้” รีบบอกเพราะชื่อที่เรียกง่ายกว่าชื่อจริง เพราะดูเหมือนจะเรียกยากสำหรับร่างบางตรงหน้า
“ครับ...ผมเป็นคนขับรถชนคุณ ก็คุณวิ่งออกมาจากไหนผมไม่ทันห็น เอาเป็นว่าผมขอโทษละกัน”
ร่างบางถึงบางอ้อ คงเป็นเขาเองที่วิ่งออกมาที่ถนน จะว่าไปร่างสูงก็ไม่ผิด เพราะตรงนั้นเป็นทางรถวิ่งไม่ใช่ทางคนเดิน ดีแล้วที่เป็นแค่นี้ ถ้ารถที่วิ่งมาด้วยความเร็วเขาคงไม่ได้มานอนพูดเจื้อยแจ้วอย่างนี้ มองไปข้างประตูก็เห็นเพื่อนตัวดีงัวเงียตกลงแล้วก็ได้รู้ว่ามานอนเฝ้าไข้จริง ๆ ภูมิพฤกษ์สะดุ้งเมื่อเงยหน้ามาเจอคนที่ยื่นสง่าอยู่ข้างเตียงเพื่อนเขา เมื่อวานหลังจากที่เขาได้ข่าวจากเพื่อนที่โรงงานก็บึ่งรถมาที่นี่...คิดว่าน่าจะใช่ เพราะโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็มีเพียงที่นี่ และก็ใช่...พบคนที่ขึ้นชื่อว่าจะได้เป็นประธานบริษัทในอนาคตนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จึงเข้าไปถามไถ่ ยังเกร็งและเกรงอยู่แต่ด้วยความห่วงเพื่อนจึงกล้าที่จะซักไซ้ เมื่อร่างของเพื่อนรักถูกจัดแจงให้เข้าห้องพิเศษโดยมีนายน้อยตรงหน้ารับเป็นเจ้าของไข้ ก่อนกลับยังให้เบอร์ติดต่อไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉิน
“สวัสดีครับคุณอัครเทพ ไม่ทราบว่ามานานรึยังครับ” ทักทายเจ้านายหลังจากเด้งตัวลุกจากที่นอนทันทีที่เห็น
“ซักครู่นี่เอง เดี๋ยวยังไงคุณภูมิถามหมอด้วยละกันว่าพรุ่งนี้กลับบ้านได้ไหม แล้วติดต่อผม ผมจะมารับ”
“เดี๋ยวผมกับภูมิกลับเองก็ได้ครับ....เอ่อ ถ้าจะกรุณา ย้ายผมไปห้องรวมเถอะครับเพราะผมคงไม่มีเงินจ่ายค่าห้องพิเศษนี่หรอก” ริมฝีปากสีสดเอื้อนเอ่ยสิ่งที่ต้องการ แต่กลับทำให้อีกคนหรี่ตามองร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง
“ทำไมล่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ผมจัดการเอง” ร่างสูงก็พูดสิ่งที่เขาตั้งใจที่จะทำเช่นกัน
“เอ่อ...คือผมเกรงใจน่ะครับ” คิดอย่างนั้น ๆ จริง ๆ เขาเป็นแค่ลูกจ้าง สวัสดิการที่โรงงานก็มี ไม่จำเป็นต้องให้เจ้านายมายุ่งยาก ถึงแม้จะเป็นคนที่ขับรถชน แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้ผิดฝ่ายเดียว
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก”
“เอ่อคือ..”
“เอาเถอะ รักษาตัวเองให้ดี จะได้กลับไปทำงานให้บริษัทเหมือนเดิม...”
“ แล้วเงินแค่นี้ไม่ทำให้ผมจนหรอก....” ก็แค่สิ่งที่ควรทำ แต่...
“กรุณาย้ายผมไปห้องรวมด้วยครับ.!!.” แววตาจากดวงตากลมโตแข็งกร้าวขึ้นมาแทบจะทันที เหมือนโดนลูบหน้าแล้วตบหัว เค้าไม่ต้องการให้ใครมาเห็นใจ สงสาร และไม่เคยต้องการเศษเงินของใคร
“และคุณอัครเทพก็ไม่ต้องจัดการอะไรให้ผมทั้งนั้น ผมช่วยเหลือตัวเองได้” ร่างบางแทบอยากจะลุกเดินไปขอเปลี่ยนห้องเองด้วยซ้ำ ก็เพื่อนรักยังยืนงงมองเขากับเจ้านายเถียงกัน
“ผมว่าผมพูดแล้วนะ ว่าคุณต้องทำอะไร..คุณจิรชา..” ตกใจในตอนแรกที่เห็นสายตาที่แสดงออกว่าไม่พอใจในคำพูดของเขา แต่ทำไม ในเมื่อสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วร่างบางตรงหน้าก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“คุณไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไรเลย แค่ถึงพรุ่งนี้คุณก็กลับบ้านได้ คุณจะเอาอะไรอีก ในเมื่อผมเป็นคนขับรถชนคุณ ผมว่าผมทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว คุณไม่มีเงินแต่ผมมี ทุกอย่างจะเรียบร้อย ถือซะว่าเป็นค่าทำขวัญละกัน” ร่างสูงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ร่างบางจะรู้ไหมว่านิสัยภายใต้หน้าตานิ่ง ๆ ของเขาอีกอย่างนึงคือ..ไม่ยอมใคร.. ทุกอย่างที่อยากทำ จะทำ ถ้าพูดถึงการ.. เอาชนะ... ก็ต้องเป็นเขาเท่านั้น ยกเว้นสองคนที่จะหยุดเขาได้ ...พ่อกับแม่..
“คุณอัครเทพ!!” ตากลมโตจ้องมองคนตัวโตตรงหน้าอย่างแค้นเคือง จนลืมไปว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ถ้าไม่ติดว่าขายังเจ็บร้าวอยู่จะลุกขึ้นไปชกให้คว่ำ(?) ซักที สิ่งที่พูดมา เค้าไม่เรียกร้องว่าต้องทำ แล้วคำพูดที่พร่ำออกมาแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้เต็มใจที่จะทำ ไม่จำเป็นต้องให้เขามานอนงอมืองอเท้าอยู่ แล้วให้ใครมารับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้ชายที่ดูถูกค่าของเงินอย่างนี้ คำพูดร้ายกาจที่เหมือนดูถูกอยู่กลาย ๆ ในความคิดของเขา ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับ ร่างบางจัดท่าทาง ทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง ภูมิพฤกษ์รีบถลาไปประคองเพื่อนรัก แต่พูดอะไรไม่ออกนี่ก็เพื่อน นั่นก็เจ้านาย ตัวเขาก็แอบเห็นด้วยกับเจ้านาย แต่เขารู้ดีว่าเพื่อนเขาเป็นคนยังไง ... ยอมกินศักดิ์ศรีแทนข้าว แต่การกระทำของเพื่อนเขา คงไม่ถูกใจนายน้อย..
“หยุดนะจิรชา !! อย่าแม้แต่จะลุกขึ้นมา และอย่าให้ผมรู้ว่าคุณย้ายห้องหลังจากที่ผมกลับไปแล้ว พรุ่งนี้ถ้าผมมารับแล้วคุณไม่อยู่ที่ห้องนี้ คุณเจอผมแน่” ได้แต่ชะงักงัน ไม่ทันจะได้เอ่ยเถียง ร่างสูงใหญ่ก็หันหลังเดินออกจากห้องไป ร่างบางได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ภูมิพาจีนย้ายห้องหน่อยสิ!!” ไม่ได้ดั่งใจกับคนที่ออกไป ก็หันมาหาภูมิพฤกษ์ เพื่อนรักได้แต่อ้าปากค้าง ขนาดถูกขู่ขนาดนี้ยังจะกล้าอีก
“จีน ภูมิว่าจีนคิดใหม่เถอะ โดนเด้งขึ้นมาเดือดร้อนนะ” พยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนรัก
“ภูมิ กลัว แต่จีนไม่กลัว ไล่ออกก็หางานใหม่” แค่อยากเอาชนะคนปากร้ายนั่นเหมือนกัน เป็นไงเป็นกันสิ
“งานมันหาง่ายไหมล่ะจีน กว่าเราจะได้ที่นี่จีนก็รู้ แล้วถ้าจีนตกงาน หางานไม่ได้ แล้ว ย่ากับน้องจิวจะทำยังไง จีนอย่าลืมสิว่ายังมีสิ่งสำคัญกว่า..เอ่อ..ศักดิ์ศรีอีกนะ”ประโยคหลังอ้อมแอ้มเบา ๆ จนจีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ได้ผลถ้าเป็นเรื่องย่ากับน้องชายเอาชนะทุกอย่างได้เสมอ..สำหรับนายจิรชา ชนะนรินทร์
*********************************
ร่างบางบนเตียงมองดูเพื่อนรักนั่งหน้าเครียดบนโซฟาตัวเดิม ภูมิพฤกษ์ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านให้กลับบ้านด่วนเพราะต้องกลับไปทำธุระเรื่องการโอนที่ทางจากชื่อพ่อเป็นชื่อเขาหลังจากที่พ่อกับแม่ตัดสินใจแบ่งทรัพย์สินทีมีอยู่ให้ลูก ๆ ทุกคน และทางกรมที่ดินก็นัดพรุ่งนี้ ควรจะดีใจสิ แต่เขาจะทิ้งเพื่อนที่ช่วยเหลือตัวเองลำบากอย่างนี้ไปได้ยังไง จะชวนไปด้วยกันยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ นั่งรถนาน ๆ ขาเพื่อนเขาคงได้หักจริง ๆ แน่
“ภูมิอย่าคิดมากสิ จีนอยู่ได้ ไม่เชื่อใจกันรึไง ทางที่ดีภูมิโทรลางานก่อนเถอะ มันจะไม่ทัน” ไม่อยากให้เพื่อนรักมากังวลเรื่องของเขาเพราะสิ่งที่ภูมิพฤกษ์ต้องไปทำ มันสำคัญมากกว่าเรื่องของเขามาก
“โธ่จีน จะไม่ให้ภูมิเครียดได้ไง แล้วใครจะดูแลจีน จะโทรหาไอ้เน่ จีนก็ไม่ยอม” เขาแค่จะโทรบอกให้เน่เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันแต่คนละแผนก มานอนเป็นคนตัวเล็กนี่ แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้เหตุผลว่าเพื่อนเข้าออกไลน์ก็เหนื่อยแล้วยังต้องมาดูแลตัวเองอีก แต่ดูสภาพอย่างนี้เดินยังลำบาก ถึงมีไม้ค้ำแต่มันก็คงทำอะไรไม่สะดวกอยู่ดี ขาข้างที่เข้าเฝือกอ่อนไว้คงต้องใช้ระยะเวลานานทีเดียวกว่าจะประสาน ช่วงนี้คงต้องอาศัยไม้ค้ำตลอดแน่
“ถ้าภูมิยังคิดมาก แล้วยังไม่โทรลางาน ก็ไม่ต้องมาคุยกับจีนแล้วนะ” ต้องพูดให้ตัดสินใจอะไรซักทีไม่งั้นเขาต้องได้ชื่อว่าตัวถ่วงอนาคตเพื่อนแน่ ๆ
“จีน...”
“ภูมิ” เอาสิถ้าไม่ยอมหยุดคิดมาก และตัดสินใจ เขาจะไม่คุยด้วยเลย เพื่อนเขารู้ว่าถ้าเขาพูดแล้ว จะทำได้ดีกว่าพูดอีก
“ก็ได้ แต่จีนสัญญากับภูมินะว่าถ้ามีอะไรให้โทรหาภูมิหรือเน่ทันที” อย่างน้อยก็ต้องการความแน่ใจว่าเพื่อนเขาอยู่ได้จริง ๆ และถ้ามีอะไรเขาต้องรับรู้
“อื่อ สัญญา.”ต้องรีบให้สัญญาเพื่อนรัก จะได้จบซักที
ขายาวรีบก้าวออกจากลิฟท์โรงพยาบาล ตรงไปที่ห้องพิเศษห้องที่พึ่งทำสงครามกับพนักงานในโรงงานตัวเองเมื่อวาน ทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องอยากเอาชนะคนร่างบางนั่นขนาดนี้ แต่ถ้าเขาเข้าไปแล้วไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น เขาก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไร เพราะที่พูดตอนนั้นก็แค่พูดเพื่อเอาชนะคนที่กำลังจะก้าวลงจากเตียง ก็คงเพื่อเอาชนะเขาเหมือนกัน ทั้งที่แค่ขยับก็คงร้าวทั้งขาแน่ ดื้อดึงขนาดนั้นคนเป็นพ่อแม่คงลำบาก เขาอยู่อังกฤษตั้งแต่อายุ 18 จนอายุ 25 และเรียนด้านการบริหารครอสพิเศษอีก 2 ปีที่นั่น ความคิดและการตัดสินใจ มั่นคง และมั่นใจ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่เรื่องวันนี้เขากลับใจเต้นตุบตับลุ้นว่าเข้าไปในห้องจะเห็นร่างบาง ๆ ขาว ๆ นั่นอยู่รึเปล่า และถ้าไม่อยู่เขาจะทำยังไง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดที่คนอย่างเขาต้องมาคิดไม่ใช่รึไง
ผลักประตูเข้าไป ได้ยินกลาย ๆ เหมือนว่าสองเกลอกำลังเถียงอะไรกันซักอย่าง เรื่องอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ อย่าบอกนะว่าจนวินาทีสุดท้ายร่างบางนั่นยังจะมาพูดว่าไม่อยากอยู่ห้องนี้ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่ายังอยู่....
“มีอะไรกันรึเปล่า”ถามออกไปเผื่อเรื่องที่คุยมันเกี่ยวข้องกับเขา และเผื่อเขาช่วยได้
“สวัสดีครับคุณอาท”ภูมิพฤกษ์เรียกตามที่นายน้อยบอก ส่วนอีกคนแค่ยกมือไหว้ไม่พูดอะไรซ้ำยังหันหน้าไปมองทีวีที่เปิดทิ้งไว้ จ้องจนเหมือนกับจะเข้าไปสะบัดผมแข่งกับนางแบบในโฆษณาขายแชมพูชนิดหนึ่ง
“คือพอดีผมต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็เลยเถียงกันนิดหน่อยอ่ะครับว่าจีนจะอยู่ยังไง”บอกเจ้านายไปตามเหตุการณ์
“แล้วไม่มีเพื่อนคนอื่นที่พอจะมาอยู่เป็นเพื่อนหรือไง”พูดแล้วชำเรืองมองคนที่ทำเหมือนไม่สนใจบทสนทนาของเขากับเพื่อนรักตัวเอง
“ก็มีครับแต่จีนเค้าไม่ยอมกลัวเพื่อนออกไลน์มาแล้วไม่ได้พักผ่อน” ฟ้องถึงความดื้อของเพื่อนซักหน่อย
“งั้นผมจะให้แม่บ้านมาอยู้ด้วย” คงจะดีกว่าแน่เพราะยังไงแม่บ้านก็ต้องดูแลบ้านดูแลคนได้ดีกว่าเพื่อนของทั้งคู่
....แต่....
“ไม่ต้องครับผมอยู่คนเดียวได้” ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นึกโกรธเพื่อนเขาที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่
พีคแบคกลับมาทันที จนคนร่างสูงเริ่มขมวดคิ้วกับคนชอบเถียงตรงหน้า
“ทำไมล่ะจีน” ภูมิพฤกษ์เห็นด้วยกับเจ้านายเป็นอย่างยิ่ง
“จะทำไมล่ะภูมิ ห้องเราก็เล็กเล็ก จะให้เขาไปอยู่ให้ลำบากทำไม เค้าเคยอยู่อย่างสุขสบาย บ้านช่องใหญ่โต แล้วภูมิคิดว่าเค้าจะมาอยู่กับเราได้เหรอ จีนไม่ได้เป็นเจ้านายเขานะ”พูดไปก็ตั้งใจจะเตือนสติร่างสูงด้วย ความจริงก็เรียกได้ไม่เต็มปากว่าห้องเช่าน่าจะเป็นบ้านมากกว่าแต่เนื้อที่ไม่ได้มากมายแค่มีที่พอให้ปลูกผักสวนครัว ได้ไม่กี่แปลง บ้านที่ป้าณีป้าของภูมิหาให้ จึงได้ในราคาถูกเพราะเป็นเพื่อนของป้าณีเอง ที่ปล่อยเช่า แต่เครื่องครัวหรือสิ่งอำนวยความสะดวกมีไม่ครบครันพอจะทำอะไรได้สะดวกสบาย แต่คำตอบจากร่างสูงใหญ่ทำให้ทั้งเค้าและเพื่อนรัก....ตาโต....%+@# …อ้าปากค้าง..+@##~%
“งั้นผมจะเป็นคนไปดูแลคุณเอง”
ขอบคุณทุกกำลังใจนะ พึ่งรู้นี่แหละว่ากำลังใจในการแต่งมันอยู่ไหน...มากน้อยไม่เป็นไรแต่เมนท์บ้างอะไรบ้างก็ดีเนอะ จะได้มีแร๊งส์...........นิยายเรื่องนี้แค่วางโครงเรื่องส่วนเนื้อหาสดใหม่จากเตาทุกวันจ้า................ซูก้าเอ๋ง ๆ