@ A MiRaClE wOrKeR ////ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @ A MiRaClE wOrKeR ////ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @  (อ่าน 122935 ครั้ง)

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
@ A MiRaClE  wOrKeR ////  ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @   <<TrAcK 10>> 14/11/2010

      
      ขายาวเรียวก้าวอย่างเร่งรีบเพื่อให้ไปถึงจุดหมายเร็วที่สุด ห้องประธานบริษัทฯ ที่ลงเครื่องมาตั้งแต่เมื่อวาน อัครเทพไม่แน่ใจว่าพ่อรู้เรื่องรึยัง แต่บินกลับมาจากสิงคโปร์เร่งด่วนแบบไม่โทรบอกเขาล่วงหน้าก็เป็นรางไม่ดีแน่นอน แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องลองกันซักตั้ง ร่างใหญ่ถอนหายใจเฮีอกใหญ่ ก่อนจะเคาะประตูและผลักเข้าไป แต่เกินที่คาดไว้ เพราะในห้องท่านประธานไม่ได้มีแค่พ่อ ยังมี วิชุดา แม่บังเกิดเกล้าที่นั่งดมยาฟืดฟาด โดยมีวิรัญญา ลูบหน้าลูบหลังอยู่ ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าถึงขนาดนี้ ดวงหน้าหวานเงยหน้ามองหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร ยิ้มเยาะให้เหมือนสะใจเล็ก ๆ มันจะมากเกินไปแล้ววิรัญญา

   “สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” เมื่อรู้ว่ามีบุคคลที่สี่ วิชุดาด้วยหัวอกความเป็นแม่ รีบดิ่งมาหาและต่อว่าลูกชายทันที ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว มันยอมรับยากกับเรื่องพวกนี้ อยากรู้ความจริงว่ามันจริงเหมือนที่วิรัญญาบอกเล่ารึเปล่า

   “ตาอาทแกทำอย่างนี้ได้ยังไง แกกล้าทำเรื่องบ้า ๆ อย่างนี้ได้ยังไง”  เสียงต่อว่าสั่นเครือ น้ำตาปรี่ออกมาจนร่างสูงใจหายรีบเข้าไปประคองมารดาที่ยืนอย่างไม่มั่นคง

   “แม่ครับ แม่ใจเย็น ๆ  ค่อย ๆ คุยกันได้ไหมครับ” พยายามปลอบและพามารดามานั่งโซฟาตัวยาวคนละฝั่งกับหญิงสาวนั่งอยู่ พ่อยังไม่หันเก้าอี้มาหา และยังไม่เอ่ยปากอะไรออกมา พ่อมีเหตุผลพอที่จะไม่โวยวายก่อนได้ยินเรื่องราว คงรออยู่ รอให้มันออกจากเขา แทนที่จะปักใจเชื่อคนอื่น ..............

   “แล้วอาทเป็นอย่างที่หนูวิรัญญาว่ารึเปล่าลูก อาทเป็น..เอ่อ..เกย์.. ฮึก.. รึเปล่าลูก” สงสารมารดาจับใจคำพูดอ่อนลง ยังหวังว่าจะได้ยินคำปฏิเสธจากปากลูกชาย เสียงสะอื้นที่แสดงถึงความเสียใจที่สุด ตั้งแต่เธอเลี้ยงลูกชายมาไม่เคยว่า ไม่เคยตี  ลูกจะควงผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนเธอไม่เคยว่า คิดว่ามันเป็นธรรมดาของผู้ชาย ซักวันนึงเธอจะหาผู้หญิงดี ๆ ซักคนให้ลูกชายมีครอบครัวที่เพียบพร้อมตามที่มารดาทุกคนประสงค์ แต่ข่าวร้ายข่าวนี้ มันทำลายทุกสิ่งที่วางไว้ในอนาคต

   “คุณพ่อครับ..คุณแม่ครับ..ผมขอโทษ ที่ทำให้เสียใจ” แค่คำพูดประโยคนี้ทำเอาหัวใจคนเป็นพ่อแม่ เหมือนจะสลาย วิชุดาถึงกลับล้มพับลง จนอัครเทพต้องถลาไปอุ้มไว้ แต่ถูกกระชากแขนออก ....อิศราประคองภรรยาไว้แนบอกก่อนจะวางบนโซฟาตัวยาว บอกให้เลขาตามหมอมาดูอาการโดยเร็ว โดยมีวิรัญญาคอยปรนนิบัติพัดวีตลอดเวลา ชายหนุ่มอยู่ในห้องเหมือนไม่มีตัวตน เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเนรคุณมากขนาดนี้

   “พ่อครับ..ผม.”

   “เพี๊ยะ!!” ฝ่ามือหนาของผู้เป็นพ่อฟาดลงบนใบหน้าคมสัน จนหันไปอีกทาง เจ็บ...แต่คงไม่เท่าพ่อกับแม่ใช่ไหม ยืนนิ่งไม่โต้ตอบ อิศราหายใจเข้าเฮือกใหญ่เรียกสติที่หลุดลอย

   “แกเลิกกับมันซะ...แกทำได้ไหมอาท” ยื่นข้อเสนอที่คิดว่าดีที่สุดตอนนี้

   “แต่ผมรักจีน..นะครับพ่อ”

   “แต่แกต้องเลิกกับมัน!!!...........และแกจะต้องแต่งงานกับหนูวิรัญญาเดือนหน้านี้” อัครเทพหน้าชา ทำไม อะไรกัน วิรัญญายิ้มเยาะมุมปาก ผู้หญิงก็ต้องคู่ผู้ชาย แต่ก่อนอัครเทพบ้าผู้หญิงยิ่งกว่าอะไรดี แค่หลงทางไปชั่ววูบ และหล่อนนี่ล่ะจะทำให้อัครเทพกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

   “พ่อ!!!!!!!! ผมไม่ได้รักคุณวิรัญญานะครับ”

   “แต่แกต้องแต่ง.............. อาทถ้าแกยังยุ่งกับเด็กนั่น ฉันจะไล่มันออก แกคงรู้นะว่าศัตรูของฉันเจออะไรบ้าง ตัวมัน ครอบครัวมัน” เขารู้ว่าพ่อเขาทำได้ คนที่อยู่เส้นทางของการแข่งขันมาตลอด ต้องมีบ้างที่ทำอะไรไม่ถูกต้อง

   “อย่านะพ่อ พ่อจะทำอย่างนี้ไม่ได้...........ผมยอมพ่อทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ผมขอเลือกเองได้ไหมครับ” หวังว่าพ่อจะเห็นใจทั้งที่ความเป็นไปได้แทบจะไม่มี

   “งั้นแกเลือกเอา ว่าจะต่างคนต่างอยู่ หรือแกอยากเห็นคนที่แกรักไปเป็นขอทานข้างถนนล่ะ”

   “พ่อไม่มีเหตุผล พ่อทำเกินไปแล้วนะครับ!!!!”

   “ก็แล้วแต่แกนะอาท ฉันให้โอกาสแกแล้ว...........ออกไปได้แล้ว แล้วไม่ต้องให้ฉันเห็นหน้าจนกว่าจะตัดสินใจได้แต่อย่าช้านะ เพราะฉันเป็นพวกใจร้อน” บิดาน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเขาจะทำยังไง ทางนี้ก็พ่อแม่ ทางนั้นก็คนรักเดินกลับห้อง ผ่านหน้าคนรัก เข้าไปอย่างไม่มีจุดหมาย จนจีนต้องลุกขึ้นเดินตามเข้าไป

   “พี่อาทครับ มีอะไรรึเปล่า” เป็นเรื่องนั้นแน่ ๆ ทำไมท่าทางร่างสูงถึงแย่ขนาดนี้

   “จีน มานี่สิ” เรียกคนรักเดินมาหา กอดเอวบางไว้ ซุกหน้าลงบนท้องนิ่ม

   “พี่รักจีนนะ..ฮึก..รักมาก”เสียงสั่นเครือ สะอื้นออกมาอย่างคนกลั้นไม่อยู่ หมดแล้วความอดกลั้น น้ำตาลูกผู้ชายมันไหลเป็นสายคนน่าใจหาย มือเล็กยกขึ้นอย่างสั่น ๆ ลูบศรีษะแกร่งเบา ๆ อย่างปลอบประโลม ประธานบริษัทเรียกเข้าพบ แล้วออกมาสภาพที่ย่ำแย่ บอกรักเขาแบบเจ็บปวดคงไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องนั้น

   “จีนก็รักพี่อาทครับ ......” เสียงบอกรักที่แผ่วเบา

   “จีน ....จีนจะสู้ไปกับพี่ไหม” คงจะเป็นสิ่งที่ตัดสินใจ ในครอบครัวขาดเขาซักคน พ่อแม่อาจจะเสียใจที่เขาเนรคุณอย่างนี้  ถ้าท่านเข้าใจบ้าง อะไรจะไม่ยุ่งยากอย่างนี้ เขาไม่โทษท่านที่เป็นอย่างนี้เขาเองที่ผิด ที่ไม่สามารถทำตามใจท่านได้ทุกอย่าง  แต่สิ่งที่เขากำลังจะทำ มันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดสำหรับพ่อกับแม่ เขาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนที่เขากอดอยู่ตอนนี้

   “แต่...ครอบครัวของพี่ล่ะ จีนทำให้พวกท่านเสียใจใช่ไหม ทำให้พี่ลำบากใช่ไหม” เขาเป็นต้นเหตุทุกอย่าง รู้ตั้งแต่แรกว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ก็ยังทำ เพราะความรักที่มีเต็มหัวใจ และความเชื่อมั่นในตัวผู้ชายคนนี้................

   สองร่างเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินบนตึกกลาง มือที่จับประสานกันทำเอาพนักงานคนอื่นที่เห็นมองตามแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หยุดยืนหน้าห้องประธานบริษัทฯ เคาะประตูก่อนเดินเข้าไป พร้อมที่จะเผชิญทุกอย่างแล้ว

   “พ่อครับ ผมตัดสินใจแล้วครับ” อิศราหันมามองลูกชายคนเดียว และเด็กหนุ่มหน้าใสที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คนนี้สินะที่ขโมยอนาคตของลูกชายเขาไป

   “ว่ามา” อยากรู้จริง ๆ ว่าจะตัดสินใจยังไงเหมือนที่เขาคิดไว้หรือเปล่า

   “ผมเลือกจีน และ ผมก็เลือกครอบครัวเราด้วย ”คำพูดหนักแน่น ทำเอาผู้เป็นพ่อ หันไปมองดวงตาที่กร้าวแต่จริงจังซะจนหวาดหวั่น ว่าจะดึงใจกลับมาไม่ได้

   “แล้วสิ่งที่ฉันพูดล่ะ”เสียงนิ่งเรียบ ถามบุตรชายที่ยืนกุมมืออีกคนที่ยืนจ้องมองเขานิ่งเช่นกัน

   “ผมคิดว่าพ่อมีเหตุผลพอ ผมอยากให้พ่อทบทวนซักรอบ แต่ถ้าจีนไม่อยู่ ผมก็จะไม่อยู่ ทำไมล่ะครับพ่อ ผมผิดที่เป็นอย่างนี้ แต่ผมสามารถทำงานดำเนินกิจการของเราต่อไปได้ถ้าพ่อยังต้องการผม พวกเราแค่รักกันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน”

   “แล้วชื่อเสียงฉันกับแม่แกที่สั่งสมมาล่ะ แกจะว่ายังไง!!” ทำไมลูกชายเขาถึงได้ดื้อดึงอย่างนี้ แล้วจะให้เขาทำยังไงกัน

   “ทุกอย่างพ่อทำเพื่อผมรึเปล่าครับ” ทุกอย่างที่ทำเขารู้ว่าเพื่อเขา เพราะพ่อพร่ำบอกเขาตั้งแต่เล็กจนโต

   “ฉันทำทุกอย่างเพื่อแก แต่ตอนนี้แกกำลังพังมันลง ด้วยตัวแกเอง” เสียงทุ้มสั่นเทา อายุขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มีลูกชายเขาจะทำไปได้อีกซักกี่น้ำ

   “ผมทำอะไรผิดครับ ผิดที่ผมรักผู้ชายด้วยกัน ผิดตรงที่ผมเลือกเพศเดียวกันมาเป็นคู่ชีวิต  ผมยอมพ่อทุกอย่างเพราะผมเชื่อว่าพ่อทำเพื่อผม แล้วทำไมพ่อไม่ยอมรับความสุขที่ผมมีล่ะครับ พ่อให้ผมพิสูจน์ได้ไหมว่าผมสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้ ถ้ามีจนอยู่ และผมสานต่อทุกอย่างต่อจากพ่อได้ ทุกอย่างที่พ่อต้องการ” สายตาหนักแน่นพร้อมกับกระชับที่มือบางเหมือนกับขอกำลังใจ แรงบีบตอบจากคนข้าง ๆ ทำให้ใจชื้นขึ้นมา

   “แกเลือกเองนะอาท” ในที่สุดก็ยอมแพ้ แต่ไม่ทั้งหมด อิศราก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำพูดที่พูดออกมาไม่ได้แค่ต้องการให้ผ่านไป มันจะออกมาในรูปไหน

   “บ้านเธออยู่ต่างจังหวัดใช่ไหม ตอนนี้มีแค่น้องชายกับย่า มีสวนอยู่ข้างบ้านไม่กี่ไร่ เป็นหลักของบ้านในการหารายได้ ฉันพูดถูกไหม” จีนถึงกับใจหายวาบ ทำไมต้องไปวุ่นวายครอบครัวเขามากขนาดนั้น

   “ครับท่านประธานฯ”

   “ถ้าฉันไม่ให้พวกแกอยู่ที่นี่  จะกลับไปที่นั่นใช่ไหม” ถามแล้วมองหน้าลูกชาย

   “ครับพ่อ ผมจะไปกับจีน และผมไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจีนเป็นอันขาด”น้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นคง ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน

   “บ้านนอกคอกนา อย่างนั้นแกจะไปอยู่ได้ยังไง”

   “ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ครับ ที่มีจีนอยู่ด้วย”

   “เธอว่าไงล่ะ จีน” หันไปถามอีกคน กำลังทอดสายตามองเขาอยู่

   “เธอมีข้อเสนออะไร รึเปล่า ที่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่เห็นแก่ตัวเกินไป ที่ทำให้ลูกชายฉันเป็นอย่างนี้” เป็นคำพูดที่จีนพอเข้าใจว่าเขาต้องทำยังไง ต้องลองกันซักตั้ง ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว

   “ครับท่านประธาน ผมขอเวลา 6 เดือน ถ้าคุณอาทสามารถที่จะอยู่ที่บ้านผม แบบที่ท่านเรียกว่าบ้านนอกคอกนาได้ ก็ขอให้ท่านทำตามที่คุณอาทขอ แต่ถ้าไม่ได้ ผมจะคืนคุณอาทให้ท่าน ผมเชื่อครับว่าคุณเป็นพ่อที่มีเหตุผลพอ และอยากจะเห็นลูกชาย ยืนและเข็งแกร่งด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องพึ่งอำนาจหรือบารมีของท่าน ท่านให้โอกาสเราซักครั้งเถอะครับ”

   แววตาที่มองมาแข็งแกร่งเหลือเกินไม่สมตัวซักนิด นี่คงเป็นสิ่งนึงที่ลูกชายเขามองเห็นสินะ

   “ได้ ฉันให้เวลา 6 เดือน ระหว่างนี้พวกแกต้องสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกแกเองด้วยไร่นาที่มีอยู่ ด้วยความสุจริต ฉันจะระงับบัตรแกทุกใบ เหลือไว้แค่เงินเก็บที่แกเก็บด้วยตัวแกเอง คงจะพอใช้ได้ แต่ก็แล้วแต่แกว่าจะต่อยอดกันยังไง ถ้าครบ 6 เดือน ไม่มีอะไรดีขึ้น เลิกกันซะ แล้วอาท แกต้องกลับมาทำงานเหมือนเดิม พ่อจะย้ายแกไปดูงานที่สาขาอื่น และแต่งงานกับคนที่พ่อหาให้ แกว่าไง”

   “ครับพ่อ” รับคำอย่างมั่นเหมาะ ในเมื่อนี่เป็นทางเดียวที่พอมีทางที่เขาจะรักษาได้ทั้ง 2 อย่าง ทั้งครอบครัวและคนรักทำไมเขาจะไม่ทำ

   ระยะเวลา 3 วัน อัครเทพและจีนเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นต้องใช้  ฝากฝังไหว้วานงานไว้กับบาร์บี้เพื่อนรักที่สัญญาว่าจะไปเยื่ยมเป็นระยะ ๆ ภูมิพฤกษ์ลาออกจากงานไปดูแลไร่นาเช่นกัน ไร่ นา และผลผลิต ที่พ่อแม่ยกให้ต้องการคนดูแลเลยถือโอกาสนี้ลาออกและกลับบ้านพร้อมเพื่อนรัก แต่ทั้งสองคนจะบอกย่ากับน้องว่ายังไงกัน แต่เขาเชื่อว่าคนที่ไม่มีหน้าตาฐานะอะไรค้ำคอ จะคุยกันง่ายกว่าคนพวกนี้
   
   เสียงประกาศจอแจที่หมอชิต วิชุดาที่พอทำใจได้มาส่งลูกชายขึ้นรถ แต่ไม่มองหน้า จีนเลย ร่างบางถอนหายใจเรียกกำลังใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขึ้นรถพร้อมคนรัก และเพื่อนรัก

   ดวงหน้ามลทอดมองออกนอกกระจกรถ จะเป็นยังไงต่อไป เขาเชื่อว่าย่ากับน้องต้องเข้าใจ เวลา 6 เดือนที่ขอ เขาต้องการพิสูจน์ใจอัครเทพเหมือนกัน ว่ารัก หรือ แค่ติดใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่ต้องการให้เป็นนิรันด์ ต้องการรู้ว่าอัครเทพยอมรับครอบครัวเขาได้ไหม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เขาเคยอยู่ได้รึเปล่า ท้องนา ธรรมชาติ ไร่สวน ดินโคลน อาหารธรรมดาที่ไม่มีสารเคมีให้ตกค้าง ถ้าทนไม่ได้หรือทำไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไป

   “คิดอะไรอยู่ครับ” สังเกตเห็นร่างเล็กนั่งเหม่อตั้งแต่ขึ้นรถ มือประสานจับกันไว้ตลอด อยากแบ่งเบาความทุกข์ในใจได้บ้าง

   “พี่อาท มั่นใจไหมครับ” อยากได้ยินให้มั่นใจว่ายังไงซะ ก็สู้ด้วยกันแน่นอน

   “ไม่เชื่อใจ พี่เหรอ ไม่ใช่พี่คนเดียวนะ ต่อไปนี้ ทุกอย่างคือเรานะรู้ไหม” พูดแล้วกระชับมือให้แน่นขึ้นแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ อย่างน้อยเขาจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ผิดอะไร

   “ครับ”

   ส่งยิ้มให้ มันจะเป็นไปยังไงก็แล้วแต่ แค่ทำให้สุดความสามารถ ไขว่คว้าให้ได้มากที่สุด เก็บความรู้สึกที่คิดว่าเป็นแรงใจให้สู้ไปได้ .......................แค่ให้รู้ว่า ต่อไป จะใช้ คำว่า ........เรา.................


   
   สั้น ๆ ๆๆ   งิงิ  รอหน่อยเน้อ กำลังเข้าเรื่องเข้าราว ให้เหมาะสมกับชื่อเรื่องบ้าง  อะไรบ้าง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นู๋จีน กระซิบบอกอีนู๋จีนกันบ้างว่าจะให้สองสามี ภรรยา เค้าทำอะไรกินกัน เอิ๊ก ๆๆๆ  :bye2: :กอด1:

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
นังวิรัญญา นี่น่าตบจริืง ผู้ชายเค้าไม่เอาก็ยังพยายามเข้าทางพ่อแม่ น่ารังเกียจที่สุด


เวลา่ 6 เดือนไม่มากไม่น้อยไปกับการพิสูจน์ใจของคุณอาทว่าจะทนได้มั้ยกับชีวิตบ้านนอกที่ไม่เคยพบเจอ
ขอเป็นกำลังใจให้พี่อาทและน้องจีน ให้ผ่านพ้นอุปสรรคช่วงนี้ไปให้ได้

 :กอด1:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
จะไหวไหมอ่า พี่อาทสู้ๆ
ช่วยแก้คำผิดนะจ๊า คำว่าลางดีลางร้าย ใช้ ล.ลิงจ้าตะเอง
รออ่านต่อนะ

sa~waii

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยย

เคื่องพ่อแม่อย่างนี้อ่าาาาาาา แค่ลูกรักเพศเดียวกันทำอย่างกะลูกไปฆ่าคนตาย  :m16:

ยัยชะนีนั้นอีก มันน่าโดนซักตั้งจัง :z6:

สู้ๆนะทั้งสองคนนนนนนนน ต่อจากนี้เอาใจช่วยสุดรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
โอ๊ย  หลังจากที่เม้นต์ล่าสุด  ทำไมถึงไม่ได้ติดตามต่อนะ  (ว่าตัวเอง)
ไรเตอร์ครับ เน้นหนุกๆนะครับ  ดูแล้วคุณอาทรักจริงนะยอมทิ้งทุกอย่าง
แต่รับรองว่าโดนแกล้งแน่ๆ  ก็ให้ความรักนำแล้วกันนะครับ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
คุณวิรัญญาครับ ทำตังแบบนี้ไม่มีใครรักหรอกนะครับ
เดี๋ยวจะบอกให้คุณบารมี เอ๊ย...บาร์บี้ตบนะครับ

กลับบ้านแล้ว ช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัวนะ หกเดือนน่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้าง

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
เทวดาใกล้จะลงมาเดินต๊อกๆบนดินจริงๆแล้ว รักนี้ต้องสู้...สู้ต่อปายย

+1 ให้ไรท์จ้า

Akad3ar

  • บุคคลทั่วไป
มากถึงมากที่สุดด

ชอบจีนมากจิงๆ

ในที่สุดก็เริ่มเข้าชื่อเรื่องแล้ว

แค่คิดว่าจะเป็นไงต่อไป ก็อยากอ่านต่อจะแย่แล้ว อิอิ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
+1 ให้กำลังใจคุณอาท น้องจีน
เรื่องในเล้าตอนนี้ เจอแต่ชะนีบุก
เกิดอะไรขึ้น  o18

ออฟไลน์ kboom

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 498
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
วิรัญญา
เธอคือผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดที่เคยเจอมาเลย
เซ็ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
เราว่าที่พ่ออาทยอม อาจจะเป็นได้ว่าฝึกลูกด้วยหล่ะ
คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แล้วทำตัวเหลวไหล
มาก่อน พ่อเค้าคงคิดหล่ะมั้งว่าเป็นไปได้ยาก แต่ดูแล้ว
พ่อท่าทางจะเล็งเห็นอนาคตนู๋จีนแล้วหล่ะ สู้ๆ  :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

4life

  • บุคคลทั่วไป
ไปอยู่ไกลๆ ยัยวิรัญญาซักที ให้เจ๊เเกไปผุดไปเกิดซะ

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ร่วมเป็นกำลังใจให้น้องจีนกับพี่อาทครับ :กอด1:
+1 สำหรับความทุ่มเทและฝ่าฟันอุปสรรคให้สำเร็จนะครับ

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
@ A MiRaClE  wOrKeR ////  ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @   <<TrAcK 11>> 15/11/2010


   รถประจำทางจอดที่ป้ายรายทางที่เป็นเพียงศาลาเล็ก ๆ ให้คนรอรถได้พักพิง หลังจากที่ร่ำลากับภูมิพฤกษ์แล้ว จีนพาอัครเทพเดินตามถนนลูกลังเส้นที่เชื่อมต่อจากถนนหลักเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็เห็นเป็นบ้านหลังน้อยใหญ่ปลูกเรียงรายกัน แต่ละบ้านก็จะมีบริเวณบ้านของใครของมันดูไม่แออัด แต่มีหลายหลังคาเรือน ตรงนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่ จีนพาอัครเทพเดินตามถนนกลางหมู่บ้านที่เป็นดินทรายแน่น ๆ  ทักทายคนในหมู่บ้านที่ต่างพากันดีใจที่เห็นหน้าหนุ่มน้อย จีนเป็นที่รักของคนใจหมู่บ้านเพราะเป็นเด็กดี และกตัญญู เวลาไม่อยู่ชาวบ้านที่อยู่ละแวกเดียวกันก็แวะมาเยียมเยียนย่าไม่ให้เหงาเวลาน้องชายเขาไม่อยู่

   “ว่าไงจีนมาเยี่ยมย่ากับน้องเหรอลูก” ลุงทัศน์คนที่มีที่นาอยู่ใกล้ ๆ กัน เป็นอีกคนที่คอยช่วยเหลือและแนะนำอะไรหลาย ๆ อย่างหลังจากที่สิ้นพ่อกับแม่แล้ว

   “ครับลุง จีนว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่ซักพักน่ะครับ” ลุงทัศน์มองหน้าอย่างสงสัยและสายตาก็พาดมาถึงหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี สงสัยแค่ไหนแต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ถามมาก เมื่อหลานชายทำท่าไม่อยากตอบ

   “อืม เดี๋ยวว่าง ๆ ลุงจะแวะไปคุยด้วยละกันนะ”

   “ครับลุงทัศน์ งั้นผมไปนะครับ” ลาลุงทัศน์เสร็จก็เดินแยกลงอีกทาง เลาะตามทางลูกลังที่มีหญ้าขึ้นสองข้างทางประปราย มองไปจนสุดทางก็เห็นรั้วไม้ไผ่ เก่า ๆ ที่บางท่อนก็หักลงระพื้น แต่ก็ยังพอรู้ถึงแนวอณาเขตบ้าน ต้นดอกแก้วสองต้นปลูกไว้สองข้างตรงประตูรั้วทางเข้าบ้าน บ้านไม้ชั้นเดียวยกจากพื้นแค่ประมาณ 1 เมตร ทรงคล้ายบ้านที่จีนอยู่กับภูมิพฤกษ์แต่ใหญ่กว่าเกือบสองเท่าตัว มีระเบียงกว้างวางตุ่มน้ำ 2 ใบ และมีโต๊ะ ก้าอี้หวายสีซีด ๆ  แต่ยังใช้งานได้ดีวางไว้ตรงระเบียงเพื่อรับแขก ...........
   คิดถึง จนรู้สึกจุกในอก เหมือนตัวเองกำลังหนีความวุ่นวายเพื่อกลับมาสูดบรรยากาศที่เรียกว่าครอบครัว ที่ที่มีแต่ความรักและอาทรให้กัน อัครเทพมองดูบ้านตรงหน้า ก็เหมือนกับหลายหลังที่เดินผ่าน ได้กลิ่นดินจาง ๆ ...บริเวณบ้านสะอาดได้รับการดูแลอย่างดี รู้ว่าจีนมีน้องชาย คงจะเป็นเด็กดีทีเดียวบ้านช่องถึงได้ดูสะอาดสะอ้าน ร่มรื่นอย่างนี้ ลำพังแค่ย่าคงไม่มีแรงจะทำได้ขนาดนี้ พุ่มเทียนทองที่ข้างรั้วถูกตัดเป็นพุ่ม ท่าทางบ้านนี้จะชอบปลูกดอกไม้ เพราะที่บ้านที่อยู่ทางนู้นก็มีดอกไม้ปลูกเรียงรายเต็มไปหมด ที่นี่ยิ่งกว่า  ทั้งกลุ่มต้นเทียนทองที่ปลูกตามแนวรั้วบ้านเป็นแนวยาว โป๊ยเซียนที่ใส่กระถางเรียงตามชั้นไม้ แล้วยังไม้ประดับที่ห้อยลงตามชายหลังคาหน้าบ้านอีก และข้างบ้านยังมีดอกพุทธรักษาที่ขึ้นริมน้ำชูช่อสีเหลืองน่ามองทีเดียว นี่น่ะเหรอที่พ่อบอกบ้านนอกคอกนา มันเป็นอีกที่นึงซึ่งคนเมืองน้อยคนที่จะได้มีโอกาสสัมผัส

   จีนเดินขึ้นไปบนบ้านตอนนี้เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว จิวน่าจะอยู่บ้าน ได้ยินเสียงตะบันหมากจากในบ้าน รอยยิ้มผุดที่ดวงหน้ามล จนคนที่อยู่ข้าง ๆ อดยิ้มตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้สินะที่ร่างบางข้าง ๆ เขาหวงแหนนักหนา เขาก็อยากสัมผัสว่ามันเป็นยังไงมันแตกต่างจากที่เขาอยู่ยังไง   ย่าแม้นที่นั่งหันหลังอยู่กำลังก้มตะบันหมากอย่างช่ำชอง ผมขาวเกือบหมดหัว ถูกเกล้ามวยไว้ข้างหลัง  จีนย่องเบา ๆ ค่อย ๆ ย่อตัวลงไปสวมกอดหญิงชราพร้อมกับซบหน้าลงบนหลังที่ค้อมค่อมอยู่

   “อุ๊ย ตาเถร ยายชีใครล่ะนิ” ย่าแม้นอุทานพร้อมกับจับแขนของคนที่กอดตนไว้เหมือนว่าจะหนีไปซะก่อนก่อนที่จะได้รู้ว่าใคร

   “คิดถึงย่าจังเลยครับ ซืด..ฮึก..”ร้องไห้จนได้ ความรู้จุกอกเหมือนได้ระบายไปด้วย

   “จีนมาได้ยังไงลูก แล้วร้องทำไมฮึ” มือเหี่ยว ๆ เอื้อมมาลูบหัวหลานขี้แยที่เปลี่ยนมากอดเอวตนด้านหน้า เป่าปี่อยู่เบา ๆ

   “ก็จีนคิดถึงย่า นิครับ” อัครเทพมองดูคนรักที่กำลังอ้อนญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียว แล้วอดยิ้มไม่ได้ เด็กชัด ๆ แล้วเปลือกที่แข็งแกร่งนั้นสร้างขึ้นมาได้ยังไง ทั้งที่ดูบอบบางขนาดนี้

   “เด็กขี้แย แล้วพาใครมาด้วยล่ะนี่ มัวแต่ร้องแล้วให้เพื่อนยืนรอตัวเองรึ “ ดุไม่จริงจังเพื่อให้หลานหยุดขี้แยซักที

   “พี่จีนนนนนนนนนนนน จิวคิดถึงจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยย” เด็กชายที่ตัวเล็กกว่าจีนแค่นิดหน่อย ก้าวผ่านประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร รีบวิ่งมากอดพี่ชายที่ผละจากย่า และเตรียมอ้าแขนรอน้องชายตัวเล็กที่วิ่งมา

   “เป็นไงบ้างเรา ฮึ” พูดแล้วลูบหัวน้องชายที่รูปร่างหน้าตาไม่ได้แตกต่างกันเลย นี่น่ะเหรอน้องชายจีน ผิวพรรณ รูปร่างหน้าตา คล้ายกัน เหลือกันแค่สองคนพี่น้องที่ท่าทางไม่ได้แข็งแกร่ง และพร้อมที่ปกป้องตัวเองและย่าได้ซักนิดแต่ก็อยู่กันมาได้จนขนาดนี้ ซ้ำยังได้ยินว่าน้องชายทำทุกอย่างเองทั้งดูแลย่า ดูแลบ้าน นับถือในความเข้มแข็งของทั้งคู่จริง ๆ

   “พี่จีน นั่นใครล่ะครับ เพื่อนพี่เหรอ หล่อชะมัดเลย” มองผ่านไปเห็นอีกคนที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ จะนั่งก็ไม่นั่งซักที จนจีนชะงักมองคนที่ยืนถือกระเป๋าไม่ยอมวางและไม่ยอมนั่ง อัครเทพรู้ว่าตัวเองเป็นเป้าสายตาก็ยิ้มแหย ๆ ไป รู้ว่ายืนค้ำหัวผู้ใหญ่แต่ไม่รู้จะนั่งยังไง จะพับเพียบก็ยังทำไม่เป็น ขัดสามาธิก็ดูจะเสียมารยาท จะนั่งที่เก้าอี้หวายที่อยู่ในบ้านก็จะสูงกว่าคนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยืนรอเจ้าบ้านอยู่ จีนยิ้มเหมือนรู้ทัน จนคนตัวโตค่อย ๆ ย่องมาด้านหลังจีน แล้วนั่งคุกเข่าลงทำท่านั่งพับเพียบด้วยท่าทีแปลก ๆ ย่าแม้นอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ทำไมตนจะดูไม่รู้ว่าชายตรงหน้ามีสง่า ราศี เป็นผู้ดีแค่ไหน แต่สงสัยก็แค่ติดสอยห้อยตามหลานตนมาได้ยังไง

   “เอาเถอะพ่อหนุ่ม นั่งยังไงถนัดก็นั่งเถอะจ้า เฮอะ ๆๆ แล้วเป็นใครมาจากไหนล่ะ ไปมายังไงล่ะ”

   “นี่พี่อาทครับย่า เป็นเจ้านาย ที่จีนทำงานอยู่ พี่อาทนี่ย่าแม้นย่าของจีน แล้วก็ จิวน้องชายจีน” ร่างสูงยกมือไหว้ย่าและรับไหว้จิว

   “แล้วมาเที่ยวรึ พ่อหนุ่ม บ้านนอกชนบทไม่มีอะไรให้เจริญหู เจริญตาเหมือนในเมืองหลวง เมืองใหญ่เขาหรอก” ถามไถ่ ตามประสา โดยที่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของทั้งคู่

   “เอ่อ จีนมีเรื่องจะบอกย่ากับจิวน่ะครับ” ท่าทางจริงจังของจีน ทำให้ย่าแม้นกับจิวตั้งใจฟังมากขึ้น

   “มีอะไรรึเจ้า มีอะไรสำคัญเล่ามาเถอะ”  ย่าหยุดมือจากตะกร้าหมากแล้วหันมามองหลาน ที่คลานมากอดตนอีกครั้ง

   “จีนขอโทษนะครับ ถ้าเรื่องที่จีนจะเล่ามันทำให้ย่ากับจิวไม่สบายรึถ้าคิดว่าจีนทำไม่ถูก” กอดย่าแน่นขึ้นเพื่อเรียกสติและกำลังใจเรียบเรียงคำพูด

   “เล่ามาเถอะหลาน อีกไม่นานย่าก็จะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าแล้ว จะมีอะไรที่น่ากลัวไปกว่านี้อีก ย่าเชื่อว่าสิ่งที่จีนทำมีเหตุผลเสมอ” ปลอบใจด้วยถ้อยคำที่เหมือนน้ำชโลมจิตใจที่กำลังแห้งแล้ง มันอบอุ่นจนคนตัวใหญ่สัมผัสได้ไปพร้อม ๆ กับคนรัก สมแล้วที่จีนรักและบูชายิ่งกว่าอะไร.........จีนเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ย่าและน้องชายฟัง ย่ายกมือทาบหน้าอกตัวเอง แต่ก็เลื่อนมาลูบหัวหลานชาย ส่วนจิวนั่งนิ่งไม่พูดอะไร  จนจีนใจหาย

   “จิวพี่ขอโทษนะ ที่พี่ไม่ได้มีหลานให้จิวอุ้มเหมือนที่พูดกันไว้” พูดจบแต่น้องชายกลับส่ายหัว เหมือนกับคำที่พี่พูดกำลังเข้าใจตัวเองผิด

   “จิวไม่ได้โกรธพี่จีนครับ แค่ตกใจนิดหน่อย แล้วพี่สองคนจะทำยังไงต่อล่ะครับ ให้จิวเลิกเรียนไหมเอาแค่ ม.3 พอแล้วจะได้ออกมาช่วยพี่จีนกับพี่อาท” ท่าทางเห็นใจจริงจังทำเอาจีนกับอาทยิ้มออก นิสัยเหมือนกัน เห็นใจคนอื่น โดยที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง

   “ไม่เป็นไรครับน้องจิว น้องจิวเรียนต่อไปเถอะ ตอนนี้ผมพอมีเงินเก็บ ถือว่ามากอยู่สำหรับการใช้จ่ายในครอบครัว แบบไม่เดือดร้อน แต่มันอยู่ที่พวกเราต้องทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันพอที่พ่อผมจะเชื่อใจว่าเรามีหลักมีฐานที่มั่นคงและมีอนาคตที่ดีได้” ประโยคแรกบอกน้องชายคนรัก ก่อนจะหันมาพูดกับย่าที่กำลังจ้องตนอยู่

   “พระคุ้มครองเถอะ มีอะไรก็ค่อย ๆ คิดค่อย ๆ ทำกันละกันนะ ย่ามันแก่แล้วอยู่ได้อีกไม่นาน มันอยู่กับพวกเจ้าว่าจะสานต่อชีวิตกันยังไง ยังไงย่าก็ฝากจิวด้วยนะ มันก็มีแค่พี่ชายกับย่า ยังไงจีนก็อย่างทิ้งน้องนะลูก” ตนรู้ว่าพี่น้องไม่มีทางทิ้งกันแน่นอน แต่ก็อยากฝากฝัง ตอนที่ยังพร้อมหน้าพร้อมตาก่อนที่ ตัวเองจะไม่อยู่ซะก่อน

   “จีนไม่มีทางทิ้งน้องหรอกย่า และย่าก็ต้องอยู่กับจีนไปอีกนาน ๆ จีนรักน้อง รักย่ามากที่สุด”พูดแล้วก็น้ำตาคลออีกแล้วส่วนน้องชายก็ทำจมูกฟืดฟัด จนอาทอดยิ้มกับครอบครัวที่แข็งนอกอ่อนในนี่ไม่ได้

   “เฮ้ย จิวตกลงจะไปได้ยัง ต้องให้มาตามนะ” เด็กหนุ่มร่างสูง เดินเข้ามาเรียกจิว ชะงักเมื่อเห็นมีหลายคนนั่งอยู่

   “ว่าไงเอ โตขึ้นเยอะนะเรา” จีนทักเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกับน้องชายหน้าตาหล่อเหลา ตัวโตมากว่าเขาซะอีก

   “หวัดดีครับย่า  พี่จีน หวัดดีครับพี่” ยกมือไหว้พี่เพื่อนที่เคยเห็นสองสามครั้งตอนมาเล่นกับไอ้เปี๊ยกจิว ส่วนอีกคนไม่เคยเห็นแต่คงเป็นเพื่อนพี่จีน

   “จะชวนกันไปไหนอีกล่ะ ฮึ”ถามเด็กหนุ่มที่มานั่งพับเพียบข้างจิว เด็กหนุ่มที่พ่อเป็นเจ้าของโรงสีที่ใหญ่พอตัว เห็นว่าครอบครัวเอเอ็นดู น้องชายเขามากอยู่ บอกว่าน่ารัก กตัญญู ไม่เกเร คอยฝากนั่นส่งนี่มาให้กินกันอยู่เรื่อย จิวบอกว่าเอคอยมารับมาส่ง ตัวใหญ่ ๆ นั่นทำให้ไม่มีใครกล้าแกล้งหรือมายุ่มย่ามกับน้องชายเขา เคยคิดว่าเป็นเพื่อนที่ดี แต่เมื่อตัวเขามาเจออาททำให้มีความรู้สึกอย่างอื่นเข้ามาแทรก มันอยู่ที่ว่าเขาคิดมากไปรึเปล่า หรือทั้งคู่รู้ตัวรึเปล่า

   “เอ!! จิวบอกว่าจะออกไปเองไม่ต้องมารับไงล่ะ” จิวพูดกับเพื่อนแบบงอน ๆ เขาบอกว่าเขาจะไปเอง ไม่ต้องมารับเดี๋ยวพวกไอ้โตก็ล้ออีกว่าเขาเป็นเพื่อนแหง่ เขาไม่ชอบ

   “เอ๊า ไม่ได้มารับ มาตามเห็นช้า อยากไปก็ไปดิต่างคนต่างไป แค่ต้องเดินทางเดียวกัน เท่านั้นเอง”เถียงเพื่อนข้าง ๆ คู ๆ ก็ตั้งใจมารับนั่นแหละ แต่เจ้าตัวเล็กนี่อยากทำตัวแมน ๆ เดินไปจุดนัดพบเอง ไม่ยอมซ้อนจักรยานเขา กลัวเพื่อนล้อ เพราะสองคนตัวติดกันตลอด  พวกมันไม่กล้าล้อต่อหน้าเขา ชอบไปแขวะไอ้เปี๊ยกนี่ลับหลังเท่านั้น

   “จะไปใส่เบ็ดน่ะครับพี่จีน ปลาชุมเชียว เมื่อวานมีคนเอาไปให้แม่ที่บ้าน ยังทำต้มยำมาให้ย่าลองชิมอยู่เลย” พูดแล้วหันไปหาย่าที่นั่งยิ้มอยู่

   “เออ อร่อยใช้ได้เลยเจ้าเอ ฝากบอกแม่อ้อยด้วยว่า ขอบใจมากที่มีน้ำใจ” อาทนั่งฟังบทสนทาต่าง ๆ ที่มีแต่น้ำใจความเอื้ออาทร บางครั้งมันอาจจะไม่ยากที่เขาจะอยู่ที่นี่

   “จีนพี่อยากลองไปดูบ้าง ว่าใส่เบ็ดยังไง” อาทหันไปพูดกับจีนที่หันมาฟังทำหน้าตาลังเล

   “เอาซิครับพี่ ผมพาไป สนุกนะ” เอรีบพูด และอาสา

   “เอาอย่างงั้นก็ได้ ย่าเดี๋ยวพวกจีนมานะ เดี๋ยววันนี้จีนเข้าครัวเองนะครับ” หอมแก้มย่าฟอดใหญ่ก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองจากคนร่างใหญ่ แต่ก็ถูกดึงไว้ไปถือเอง

   “เออ ๆ  เฮอะ ๆๆๆ สงสัยย่าจะไม่ได้อุ้มหลานซักคน” คำพูดย่าทำให้คนไม่เข้าใจงง ๆ แต่อาทกับจีนเข้าใจว่าผู้ใหญ่ย่อมดูออกว่าอะไรเป็นอะไร

   พอจีนและอาทเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ทะมัดทะแมง เดินไปก็คุยกันจนสนิทสนม เอเอาจักรยานจอดไว้ที่นี่ และมัวแต่คุยกับอาทจนลืมได้ตัวเล็กที่เดินหน้ามุ่ยรั้งท้าย  มัวแต่ขี้โม้ จนลืมมาช่วยถือกระป๋องเหยื่อที่จิวหิ้วอยู่ พอหันกลับไปเห็นหน้าบูด ๆ นั่นก็รู้ตัว รีบเดินรอให้คนตัวเล็กตามให้ทัน ปล่อยให้อาทกับจีนเดินนำ ชื่นชมธรรมชาติกันไปก่อน

   “ม่ะ ช่วยถือ” ยื่นมือไปจะรับกระป๋องเหยื่อ แต่คนตัวเล็กรีบเหวี่ยงหนีไปอีกทาง พร้อมกับทำปากแทบจะชิดจมูกอยู่แล้ว งอน ดูง่าย ๆ แล้วก็บอกไม่ให้เขามารับ

   “ไม่หนักเหรอ .....ไม่ช่วยก็ดะ ไปคุยกับพี่อาทพี่จีนต่อดีว่า” ทำท่าจะดินจากไป แต่ก็ถูกรั้งชายเสิ้อยืดสีดำไว้ก่อน

   “ให้ถือก็ได้ แต่เอให้จิว เสียบเหยื่อด้วยนะ” เอหรี่ตามองคนที่เอาการถือเหยื่อมาเป็นข้อต่อรองได้ การเสียบเหยื่อที่ครั้งแรก ๆ เป็นไส้เดือนตัวเป็น ๆ ที่ไอ้เปี๊ยกนี่เคยบอกว่าบาปและพูดว่าจะไม่มาใส่เบ็ดด้วยอีกถ้าเป็นไส้เดือน จำต้องเปลี่ยนเป็นปราร้าปลาหมอตัวเล็ก ๆ ถึงยอมมาด้วยอีก แล้วมีครั้งนึงที่เสียบแล้วเบ็ดเกี่ยวนิ้วจนแหกปากร้องไม่หยุด จากนั้นเขาก็ไม่ใส่เสียบเหยื่ออีกทั้งที่เจ้าตัวเร้าหรือตลอดว่าอยากเสียบ

   “แล้วไม่กลัวมันเกี่ยวนิ้วหรือไง” ถอนหายใจก่อนถามออกไป

   “มันไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นแค่ตกใจ แต่ถ้าเกี่ยวอีกจิวไม่ร้องก็ได้สัญญา” เอส่ายหัวที่เพื่อนเขาคิด เกี่ยวแล้วจะไม่ร้อง แล้วมันไม่เจ็บหรือไง 

   เดินตามคันนาที่เป็นทางเดินกั้นแบ่งเขตนา มีต้นข้าวที่กำลังออกช่ออ่อน ๆ สียังเขียวขจีมองไปเหมือนสนามหญ้านุ่มน่านอนกลิ้งไปมานัก อาทเดินมองดูสองข้างทาง จนจีนกลัวคนที่มัวแต่มองข้างทางไม่มองทางจะตกคูคันนาที่เดินได้แค่เรียงตัวเท่านั้น

   “พี่อาทดูทางด้วยซิครับ” ดีนะที่พ้นหน้าฝนแล้วไม่งั้นได้ลื่นตกน้ำที่มีอยู่ในผืนนาแน่ ๆ คนที่ถูกตำหนิ หันไปยิ้มให้ก่อนจะหันมองทางเดินตามเด็กหนุ่มทั้ง 2 ไปจนถึงที่เป็นเนินสูงแต่มีบริเวณกว้างพอจะวางของ และนั่งพักได้ เอวางประป๋องเหยื่อ และ เบ็ดที่ทำด้วยไม้ไผ่เหลาเป็นซี่เล็ก ยาวประมาณ 2 ไม้บรรทัดครึ่ง ปลดตะขอเบ็ดออกจากเชือกล็อคที่ทำไว้ตรงกลางลำ หยิบปลาร้าตัวเล็กที่ส่งกลิ่นจนอาทต้องปิดจมูก ทำเอาจีนและจิวหัวเราะ

   “อะไรน่ะจีนทำไมมันเหม็นอย่างนี้”พูดแล้วทำจมูกย่น

   “เหยื่อน่ะครับพี่อาท แต่ก่อนจะเป็นไส้เดือน แต่มีคนใจบุญ จนผมต้องเปลี่ยนเหยื่อเป็นเหยื่อไร้ชีวิตนี่น่ะครับ มันเป็นปลาร้าน่ะครับ พี่อาทคงไม่เคยเห็น” รู้ว่าเหม็นแต่ยังอดชะโงกดูไม่ได้เมื่อเอ เอนกระป๋องให้ดู พยักหน้ารับรู้ พร้อมกับเดินไปหยิบเบ็ดขึ้นมาดู

   “ลองทำไหมพี่ เนี่ยจิวก็จะเสียบเหยื่อเหมือนกัน” จิวรีบบอก แล้วถือโอกาสนั่งลงปลดเบ็ดแล้วหยิบเหยื่อมาเกาะตะขอ

   “ใครให้ทำ...ไม่กลัวรึไง” เพื่อนตัวโตกว่ารีบพูดเจ้าคนเนียน ๆ

   “ฮึ ก็บอกไว้แล้วนะ”เถียงทันทีแล้วทำหน้ามุ่ยอีกรอบที่โดนเพื่อนดุ ต่อหน้าพี่ชายทั้งสอง

   “ตามใจ อย่ามาร้องนะ” พูดแล้วเอาคันเบ็ดชี้หน้าไอ้เปี๊ยก แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มรับอย่างทะเล้น อาทมองทั้งคู่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เขาก็ลองบ้างโดยมีจีนปลดเบ็ดให้ ถึงกลิ่นจะเหม็นไปบ้างแต่ก็รู้สึกสนุกเหมือนกัน เสียบเสร็จก็ล้างมือ เบ็ดมีทั้งหมด 20  คัน จีนแบ่งเบ็ดจากเอมา 10  คัน แล้วพาอาทเดินเลาะคันคูแยกจากเด็กหนุ่มทั้งสอง เพื่อไปหาที่ปักเบ็ด โดยเลือกที่เป็นน้ำนิ่ง ๆ ข้าง ๆ คันนานั่นแหละ อาทมองปลาที่วิ่งในป่าข้าวเขียวนั่นอย่างตื่นตาน้ำทีไม่ลึกมาประมาณหัวเข่าได้ถ้าลงไป คนตัวใหญ่ขอปักบ้าง โดยก้มลงเอาส่วนแหลมของเบ็ดที่เหลาไว้ ตั้งหน้าเสียบที่ข้าง ๆ คันนาเหมือนที่เห็นจีนทำ แต่คงก้มมากเกินจนรู้สึกถึงการเอนตัวที่เสียศูนย์ ร่างใหญ่ล้มคะมำลงอย่างไม่เป็นท่า ตัวเปียกและเปื้อนโคลนดิน ตอนแรกจีนก็ตกใจว่าจะโดนเบ็ดเกียวเอาแต่คนร่างใหญ่ตกใจเหวี่ยงคันเบ็ดไปซะไกล 

   “เป็นยังไงบ้างพี่อาท ใส่เบ็ดเขาไม่ลงไปจับปลาอย่างนั้นอย่างนั้นนะพี่ มันจะมากินเหยื่อและติดเบ็ดเราเอง” จีนพูดอย่างล้อเลียนคนที่ยังไม่ขึ้นจากท้องนา

   “แซวใช่ไหม นี่แน่ะ!!!” วักน้ำที่อยู่ตรงหน้าใส่คนตัวเล็กที่ยืนแซวและหัวเราะเขา จนต้องวิ่งหนีไปอีกทาง อาทรีบปืนขึ้นข้างบนและสลัดโคลนออกจากเท้า รู้สึกคันยิบ ๆ ขึ้นมาแต่ไม่มาก

   “จีนมาดูนี่สิ” ชะโงกหน้าลงไปทำเป็นมองตรงที่ตัวเองตกลงไป จนคนตัวเล็กเดินมาใกล้ ถือจังหวะนั้นเอาตัวเปียกๆ ของตัวเองกอดคนตัวเล็กที่หลงกล

   “พี่อาทเปียกหมดแล้ว ฮะฮ่า ๆๆๆๆ” หัวเราะสนุกสนาน  แต่ก็ต้องหยุดเล่นแล้วปักเบ็ดให้เสร็จเพราะเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองคนเดินกลับมาที่เดิมแล้ว

   ทุกคนกลับไปที่บ้าน และกินข้าวเย็นด้วยกันด้วยฝีมือจีนกับจิว มีคนที่กำลังลำบากอยูตอนนี้ อาทรู้สึกคันยิบ ๆ ตรงขาและแขนที่ถูกโคลน ต้องเกาและลูบอยู่บ่อย ๆ จนจีนสังเกตเห็น

   “พี่อาทเป็นอะไรครับ” ถามคนที่กำลังนั่งที่เก้าอี้หวายดูทีวีอยู่หลังจากินข้าวเสร็จ หลังจากพาย่าไปนอนในห้องแล้ว จิวก็เดินออกไปส่งเอหน้าบ้านและยืนคุยหรือเถียงกันอยู่หน้าบ้านก็ไม่รู้ ก็พึ่งจะเคยเห็นน้องเขาอ้อนคนอื่นนอกจากเขากับย่าก็คราวนี้แหละ ส่วนเรื่องเบ็ดเอบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้แต่เช้ามืดจะออกไปดูเอง

   “พี่คันน่ะ” จีนก้มลงดูตรงที่บอกว่าคัน เห็นเป็นผื่นเล็ก ๆ ขึ้นมา ก็บอกให้อาบน้ำตั้งแต่มา ก็ไปล้างขาเฉย ๆ บอกว่ามืด ๆ ค่อยอาบ เพราะเดินมาก็ตัวแห้งแล้ว อดสมน้ำหน้าคนรั้นไม่ได้  รีบไล่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะได้อาบน้ำ ระหว่างเดินเข้าห้องน้ำร่างสูงก็คิดอะไรออก

   “จีนพี่รู้แล้วล่ะ ว่าเราจะทำอะไรดี”พูดแล้วยิ้มเปิดประตูห้องน้ำออก  ปล่อยให้คนที่ยื่นของใช้ให้ทำหน้างง ๆ ว่าจะทำอะไร ทำไมคิดออกเร็วจังว่าจะทำอะไรกัน แต่ก็ดีจะได้มีเวลาเตรียมตัวนาน ๆ จะได้รู้ว่าดีหรือไม่ดี

   “พี่อาทว่าจะทำอะไรน่ะครับ ในระยะ 6 เดือน” ถามออกไปอย่างสงสัย

   “เปล่า พี่ว่าที่เราจะทำกันวันนี้น่ะ”พูดแล้วฉุดแขนคนตัวเล็กปลิวเข้าห้องน้ำไปด้วย

   “ไอ้พี่อาทบ้า ลามก น้องกับย่าอยู่นะ” หน้าแดงเห่อขึ้นมาไม่คิดว่าหน้าสิ่วหน้าขวานยังมากวนแบบลามกอยู่ได้

   “อยู่ ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้นิครับ”พูดแล้วก็ไม่ได้ฟังเสียงทัดทานของคนขี้อาย แค่เก็บเสียงกว่าเก่าแค่นั้น แต่ก็ยังมีคนได้ยินยืนหน้าแดงอยู่หน้าห้องน้ำ  ...แค่ปวดท้องฉี่ เป็นอันต้องเก็บไว้ก่อน ก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป ทำไมได้ยินแล้วต้องไปคิดถึงเพือนตัวใหญ่ด้วยนะ

   บ้านแบ่งเป็นสามห้องเมื่อก่อนแม่กับพ่อห้องนึง ย่าห้องนึง และเขากับจิวนอนด้วยกัน แต่ตอนนี้ย่าบอกให้เขาแยกมานอนห้องพ่อกับแม่ คืนนั้นกว่าจะได้นอนทั้งคู่ก็คุยกันจนดึกดื่น ..............

.......................... อาทพอจะรู้แล้วจริง  ๆ ว่าเขาจะทำอะไรให้ทัน 6 เดือน และจะอยู่ต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่เขาต้องมีผู้ช่วย.........คิดก่อนจะหลับตาลง หันตัวไปกอดคนตัวเล็กที่หลับไปก่อน ยังรู้สึกคันอยู่แต่ก็ถูกป้ายคารามายด์ซะเต็มตัวไปหมด มันไม่ได้ลำบากอย่างที่พ่อบอกซะหน่อยหรือว่ามันแค่เริ่มต้น...................


   ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลัง น้องจีนกับพี่อาทเน้อ :กอด1: :กอด1:

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
จะไหวไหมอ่า พี่อาทสู้ๆ
ช่วยแก้คำผิดนะจ๊า คำว่าลางดีลางร้าย ใช้ ล.ลิงจ้าตะเอง
รออ่านต่อนะ
:pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
อดทนนะจีน :L1:

4life

  • บุคคลทั่วไป
อย่ามีหญิงบ้านนอกมาจีบเฮียอาทเลยส๊าาาาาธุ :call:
เเต่เอาชนะท่านพ่อก็เเย่พอล่ะ สู้ๆ

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
มีอีกหนึ่งคู่ให้ตามเชียร์ จิว+เอ
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้อง :L1:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อร๊างงงงงงงงงงงอิพี่อาทนี้หื่นจริงๆว่าแต่หนู๋จิวจ๊ะแค่ได้ยินเสียงแล้วคิดถึงเพื่อนเลยหรือ อิอิ

ชักอยากจะอ่านตอนหวานๆกับ เอ-จิวเสียแล้วสิเนี้ย


พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสคนเขียนเจ้าขา สักบทสองบทนะเจ้าคะ หรือหลายๆบทก็ได้ อิอิ

+1 สำหรับบรรยากาศบ้านทุ่ง อ่าส์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2010 00:18:24 โดย samsoon@doll »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
จิวเอน่าร๊ากนะเนี่ย

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ช่วยกันสร้างอนาคตให้ได้นะ ทั้ง จีน - อาท
ส่วน จิว - เอ นี่ก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกคู่

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
ไม่แน่นะ อาจจะติดใจไม่กลับไปเลยก็ได้นะ
แล้วพ่ออย่ามาเสียใจ  :m20:

mamagrils

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: ขอเอ-จิว ด้วยคนนะ อิอิอิ  o13

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
สู้ๆ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปค่าา :a2:

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
ช่ายยย มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น 555

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
เอาใจช่วยทั้งสองคน :man1:

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
@ A MiRaClE  wOrKeR ////  ท้าเทวดา......ให้มาเดินดิน @   Special Track…A + Jew  16/11/2010

   
   
   หลังจากเพลงมาร์ชโรงเรียนดังตอนเช้า เสียงจอแจเพื่อเตรียมตัวจะเข้าแถวของนักเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอจะมีให้ได้ยินอยู่ทุกวันก่อนจะสงบเงียบเมื่อเริ่มกิจกรรมหน้าเสาร์ธง เริ่มขึ้นท่ามกลางแสงแดดในฤดูหนาวจึงทำให้บรรยากาศไม่ค่อยจะทรมานใจกันเท่าไหร่ หลังเลิกแถวก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน

   “เฮ๊ย  จิว พ่อมึงไปไหนวะ ทำไมไม่มามึงมาขี้ล่ะ”เสียงและถ้อยคำหยาบคายดังจากข้างหลังขณะที่กำลังจะก้าวเข้าห้องน้ำ

   “พ่อกูตายแล้ว มึงอยากไปหาพ่อกูเปล่าล่ะ” เสียงเล็กใสโต้ตอบทันควันเหมือนกัน จิวรู้ที่พวกไอ้โตมันพูดถึงพ่อมันหมายถึงใคร จะพูดเพราะกับคนที่พูดเพราะกับเขาเท่านั้น

   “อ้าว ไอ้นี่กวน กูถามดี ๆ เห็นว่าไอ้เอมันคุ้มกะลาหัวมึงรึไง มึงถึงกล้าหือ อย่าลืมว่าตอนนี้มึงอยู่คนเดียวนะ” ไอ้โตลูกอาจารย์ฝ่ายวิชาการ เห็นว่าพ่อมันตำแหน่งใหญ่โตในโรงเรียนก็เที่ยวระรานคนอื่นโดยเฉพาะกับเขาที่ไม่รู้ว่าไปเหยียบเล็บขบมันตอนไหน

   “ดีของมึงอย่างนั้น กูก็ดีได้เท่านี้ อย่ากวนได้ป่ะโตคนจะเข้าห้องน้ำ รึมึงจะไปช่วยกูเบ่ง” ถ้าพี่จีนได้ยินคำพูดคำจาอย่างนี้ได้ตีปากกันบ้าง แต่เขาก็ต้องเป็น เอาไว้สู้กับพวกอย่างไอ้โตนี่แหละ

   “กูเข้าไปก็ได้ช่วยมึงทำอย่างอื่นดิ ไอ้จิวหรือมึงจะลอง” ร่างที่เล็กกว่าเอนิดเดียวเดินอาด ๆ มาปล่อยให้พวกอีกสองคนเฝ้าหน้าประตู............... ทำยังไงดีเอก็ไม่อยู่ถูกเรียกไปเอางานกับอาจารย์  ปวดท้องก็ปวดทำไมต้องมามีเรื่องตอนนี้ด้วย สองขาเรียว ก้าวถอยหลัง  หวังจะเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู แต่ก็ช้าเมื่อไอ้โตเอามือมายันประตูไว้เหมือนจนมุม เพราะร่างใหญ่ยืนเต็มประตูห้องน้ำ ทำไงดีไม่อยากมีเรื่อง แต่ก็ต้องทำ

   “ว่าไงมึงจะเอารอยแดงสวย ๆ ที่ซอกคอ รึจะเอารอยซ้ำที่หน้าเลือกเอา” ข้อต่อรองที่น่ารังเกลียดและน่ากลัว

   “ไอ้โต ไอ้หน้าปลาคราฟ” เสียงด่าทอทำโตเริ่มโกรธขึ้นมาจริง ๆ ปากดีนักมันต้องสั่งสอนให้เข็ด เอื้อมมือจะขว้าแขนเล็กเพื่อดึงออกมานอกห้องน้ำ

   “โอ๊ย!!!ไอ้จิว สัดมึงทำส้นตีนอะไรห๊า” ต้องผงะออกเพราะน้ำที่สาดโครมออกมา ทำให้ร่างใหญ่เปียกไปเป็นแถบยังไม่พอยังมีขันที่เอาครอบหัวเมื่อไหร่ จิวรีบออกมาจากห้องน้ำ หลับหูหลับตาวิ่งชนลูกสมุนได้โตที่ยืนขวางทางอยู่  เห็นเอไวไวกำลังหอบสมุดปึกเบ่อเร่อ

   “เอ เอ !!!รอจิวด้วย”ตะโกนเสียงดังจนคนแถวนั้นหันไปมอง เอได้ยินเสียงแว่ว ๆ หันไปมองก็เจอะไอ้ตัวเล็กวิ่งกระหืดกระหอบมา แล้วที่สำคัญข้างหลัง ไอ้โตและสมุนวิ่งตามมาติด ๆ อีกแล้วงานเข้าแต่เช้าแน่ ๆ

   “เอ ช่วยจิวด้วยยยยยยยย”  วิ่งเฉียดหมัดมาหน่อยเดียวเพราะไอ้โตก้าวยาวกว่า แต่ก็ทันได้หลบข้างหลังเพื่อนรักที่ยืนถือสมุดอยู่

   “มึงออกมานะ ไอ้จิว ไอ้เอมึงส่งมันมาดี  ๆ ให้กูอัดซักหมัดสองหมัดแล้วหายกัน”

   “มึงจะอัดมันเรื่องอะไร”ถามนิ่ง ๆ ทั้งที่สมุดที่ถืออยู่ก็หนักอื้ง อยากจะเอาทุ่มหัวไอ้คนก่อเรื่องก็กลัวจะคอหักตายซะก่อน เป็นเขาเองอีกที่จะเสียใจ

   “ไอ้โตมันแกล้งจิว!!!”ชิงฟ้องก่อนให้คนตัวโตกว่าเข้าใจ

   “แต่มึงสาดน้ำใส่กู” อีกฝั่งยังไม่ยอมแพ้ แต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ว่าไอ้เอมันหมัดหนักยังกะอะไร แล้วยิ่งเรื่องไอ้เบี๊ยกนี่จากน้ำเปล่ากลายเป็นน้ำกรดได้ทันที

   “งั้นก็แสดงว่ามึงแกล้งมันก่อน”  รีบพูดต้นสายปลายเหตุเพื่อจะยุติเรื่องราววุ่นวาย ไอ้ตัวเล็กจะได้เลิกขยำเสื้อนักเรียนเขาซักที  กลัวแต่ปากเก่ง เขารู้นิสัยเพื่อนเขาดี

   “ก็ กูก็ทักทายมันปกติ แต่มันดิ ดันอารณ์เสียเอง” แถ แก้ตัวได้หน้าตาเฉยทำเอาคนตัวเล็กฟึดฟัด ออกมายืนประจันหน้ากับศัตรู เกลียดที่สุดคนโกหก

   “ทักทายปกติที่มึงจะฝากรอยแดงสวย ๆ ไว้ซอกคอกู จะฝากรอยช้ำไว้บนหน้ากูน่ะเหรอไอ้โต ไอ้โกหก เออย่าไปเชื่อมันเอก็รู้ว่าจิวไม่หาเรื่องใครก่อน” ไม่ยอมใครนี่ก็ที่หนึ่ง

   “ไอ้!!!” โตง้างหมัดจะซัดไอ้คนปากดีนี่ซักที แถมยังพยักเพยิดยื่นหน้ามาท้าทายหมัด แต่ดันหันไปเห็นสายตาดุ ๆ ของคนตัวโตข้างหลังที่จ้องมา ประมาณว่าถ้าทำมันมึงตาย ต้องเก็บหมัดและถอยออกมา

   “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไอ้จิว” พูดแล้วชี้หน้าก่อนจะหันหลังเดินกับอย่างเสียอารมณ์

   “อย่าลืมมาเอาคืนนะมึง โด่ไม่แน่จริงนี่หว่า” ยังเก่งกระโดดท้าเหยง ๆ ไม่รู้ซักนิดว่าถ้าไม่มีคนข้างหลังตัวเองจะอ่วมไปแค่ไหนแล้ว

   “จิว กลับห้องเดี๋ยวนี้เลย” หันมาเจอคนตัวใหญ่ทำหน้าดุใส่ ก็หัวหดลง แล้วเดินตามขึ้นห้องไปต้อย ๆ อย่างว่าง่าย

   “เอ...”

   “...........”  ไม่อยากพูดกับคนอวดเก่ง

   “เอ...”

   “อะไรอีกฮะ!!!” พูดเสียงรำคาญใส่............ ลืมตัวว่าไอ้ตัวเล็กที่จะมีปฏิกิริยากับคำพูดเขาเสมอ หน้าที่เริ่มมุ่ยลง น้ำตาเริ่มคลอ.....

   “เปล่า จิว.. ฮึก.. แค่จะบอกว่าจิวปวดท้องยังไม่ได้เข้าห้องน้ำเลย จิวไป ฮึก เข้าห้องน้ำก่อนนะ ซืด..”เอาล่ะสิต้องตามง้อมันอีกใช่ไหมทั้งที่ยังมีภาระอยู่ในมือ  เฮ่อ...ไม่รัก ไม่สนใจหรอกนะ.........

   
   “น้องจิว แม่ฝากแกงส้มให้ย่าด้วยนะลูก” น้าอ้อยใจดีที่สุดเลย วันนี้จิวมาเล่นที่บ้านเอที่เป็นโรงสี รับซื้อข้าว และขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน ซึ่งไม่ไกลจากบ้านจิวเท่าไหร่ จึงไปมาหาสู่กันได้ ไม่ลำบาก

   “ขอบคุณครับน้าอ้อย เดี๋ยวจิวเก็บดอกมะลิมาให้น้าอ้อยลอยน้ำอีก” คำพูดคำจาท่าทางน่ารักทำให้แม่เพื่อนรักเหมือนลูกตัวเอง เอ็นดูจนคนตัวใหญ่ต้องเป็นสารถีรับส่งไอ้ตัวเล็กยามที่แม่บอกว่าคิดถึง และไม่มีเวลาไปหา แม่ชักจะรักมันมากกว่าเขาขึ้นทุกวัน อะไรก็น้องจิว ไม่เคยเห็นแม่จะเรียกหาน้องเอซักครั้ง

   “แค่น้องจิวมาหาแม่ แม่ก็ดีใจแล้วลูก” เดินมากอดร่างน่ารักแล้วหอมแก้วนุ่มไปฟอดใหญ่

   “โธ่แม่ จะอะไรนักหนา แม่ไม่เห็นจะเคยหอมเอเลย อะไรก็น้องจิว ๆ ให้เอไปอยู่กับย่าแล้วให้มันมาเป็นลูกแม่เลยไหมล่ะ” แกล้งประชดประชันไปอย่างนั้น รู้สึกดีที่พ่อกับแม่รักเพื่อนตัวเล็กนี่ มีกันแค่สองพี่น้องกับย่าแต่ก็ไม่เคยขาดความรักและเอ็นดูจากคนรอบข้าง เพราะนิสัย ความกตัญญู และรูปร่างหน้าตา อย่างน้อยมันทำให้เขาเบาใจว่าเพื่อนเขาจะไม่เหงา

   “แล้วดูตัวเอซิลูก ยังกะตึก แล้วยอมไปอยู่กับย่าจิงป่ะลูก” แหย่ลูกชาย เพราะรู้ว่าไม่จริงจังอะไร 

   “น้าอ้อย จิวต้องกลับบ้านแล้วครับ จะค่ำแล้ว เดี๋ยวย่าเป็นห่วง” ร่ำลาแม่เพื่อนเตรียมถือของฝาก ติดตรงไอ้คนไปส่งยังนอนกระดิกเท้าดูหนังสบาย ไม่ยอมลุก ทั้งที่ได้ยินเขาบอกน้าอ้อยแล้ว

   “เอ ไปส่งจิวหน่อยนะ” ไปยืน ๆ ข้าง แล้วเอาเท้าเขี่ยขาเพื่อน จนคนร่างสูงหันไปมองแล้วขมวดคิ้ว

   “กวน” หันไปว่าเพื่อนแล้วเอารีโมทในมือเคาะขาเรียวที่กำลังเอาเท้าสะกิดเขายิก ๆ น่ารักต่อหน้าแม่ทีกับเขาอย่างนี้ทุกที

   “เดินไปเองดิ” ไม่ยอมลุก ซ้ำยังกันมายักคิ้วให้ จนจิวขมวดคิ้วไม่พอใจ

   “ได้ รอเดี๋ยว” คนตัวเล็กพูดแล้ววิ่งหายไปในครัว แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากกว่าหนึ่งเดินออกมา เอาแล้วไงไอ้ขี้ฟ้อง

   “เอ ทำไมไม่ไปส่งจิวล่ะลูก มันไม่ไกลก็จริง แต่มันโพล้เพล้แล้ว งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันเยอะ มันอันตรายรู้ไหม แล้วไหนขะถือของอีกเป็นเพื่อนประสาอะไรนิฮึ” หูชา ไอ้ตัวแสบ ไม่ได้ดังใจไม่ถูกใจก็มาไม้นี้ตลอด อยากจะลุกขึ้นไปหยิกแก้มได้คนที่ยืนหลังแม่แล้วยิ้มอย่างสะใจ  ฝากไว้ก่อนเถอะ

   “ครับแม่ เอแหย่จิวเล่นเฉย ๆ “ พูดแล้วลุกขึ้นไปดึงถุงแกงกับมือเล็กที่ถืออยู่ เดินนำออกไปหน้าบ้านรอไอ้ตัวเล็กที่หันไปอ้อนแม่เขาอีกรอบก่อนออกมา

   “จะไปมอไซค์หรือจักรยาน”พูดห้วน ๆ กับเพื่อนรักที่เดินตามออกไป

   “ไปจักรยานจะได้ไม่เปลืองน้ำมัน” ยิ้มถูกใจแล้วเตรียมตัวซ้อนจักรยานคนตัวโต ก้าวขาขึ้นเตรียมนั่ง เพื่อนตัวใหญ่ก็แกล้งเข็นรถไปข้างหน้าจนต้องเดินตามไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่สองสามรอบ จนคนตัวเล็กเริ่มปากชิดจมูก

   “ไม่อยากไปส่งก็บอกมาดิ จิวไปเองก็ได้ เอาแกงมา!!!” กระชากถุงแกงมาถือเองแล้วก้าวยาว ๆ ออกไปไม่สนใจคนขี้แกล้งที่ปั่นจักรยานตาม

   “จิว...เอล้อเล่น ป่ะขึ้นมาสิ เหนื่อยนะเผื่อจะถึง” ปั่นจักรยานชะลอจนคอรถส่ายไปมา ไอ้ตัวเล็กนี่ก็ไม่ยอมหันมาซักที

   “ขอโทษ  คราวหลังไม่เล่นแล้วนะนะ” ...........ก็ยังไม่หยุดได้งอนแล้วเลยเถิดอย่างนี้ทุกที...งั้นก็

   “ไม่กลัวดงกล้วยข้างทางเหรอ เมื่อวันก่อนแม่บอกว่าเห็นเงาตะคุ่ม ๆ  ตอนขับมอเตอร์ไซค์ผ่าน วึ่ย!! พูดแล้วขนลุก” พูดแล้วทำท่าทำทางขนลุก จนเหมือนจริง แล้วชะลอจักรยานให้คนตัวเล็กเดินไปก่อน ผีเท้าเริ่มเบาลง ในหัวยังคิดเรื่องที่เพื่อนพูด หันไปข้าง ๆ ไม่เห็นเพื่อนรักที่ปั่นจักรยานดักหน้าดักหลัง หยุดเดินทันที รีบหันหลังเห็นเพื่อนรักกำลังหันจักรยานกลับทางเดิม

   “เอ........... จะไปไหนอ่ะ” พูดเสียงอ่อยจนคนตัวใหญ่ แอบยิ้ม

   “ก็จิวไม่ให้เอไปส่ง นิ”

   “ใครบอก จิวแค่เดินมาก่อนเอ จะได้ไม่หนักไง เนี่ยจิวรอขึ้นตรงนี้ไง มาดิ” แถหน้าตาเฉย  จนเพื่อนตัวใหญ่อยากจะหัวเราะ แต่ก็กลัวจะงอนอีก จำต้องหันจักรยานกลับมารับไอ้คนเจ้าเล่ห์ ที่ยืนรออยู่

   “เหรอ ...เอนึกว่าจิวโกรธนะเนี่ย เห็นไม่พูด” ลองแหย่ดู หลังจากที่ซ้อนท้ายจักรยานเรียบร้อยแล้ว

   “เปล่าซักหน่อย...เอไม่เชื่อจิวเหรอ” พูดแล้วทุบหลังเพื่อนรักไปผลัวะใหญ่ ไม่มีคำตอบก็จะมามุกนี้ทุกที ..เอไม่เชื่อจิว....เอไม่รักจิวแล้วเหรอ....จิวไม่ใช่เพื่อนเอแล้วเหรอ.........อีกมากมายที่ทำให้เขายอมได้อย่างนี้

   ...

   ลองดูนะ ไม่รู้จะถูกใจรึ น้อง ๆ ยังเด็กเอาน่ารัก ๆ ไปก่อนนะเปล่า ค่อยเป็นค่อยไป........ ดึก ๆ อาจจะมาลงเรื่องหลักต่อเน้อ  ขอเวลาเรียบเรียงจัดแต่งนิดหน่อย  :กอด1:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด