ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจนะครับ ตอนนี้กำลังยุ่งมากเลยครับ แต่วันนี้ทนคิดถึงผู้อ่านไม่ไหวก็เลยมาโพส บทที่ 33 พิิมพ์ได้แค่นี้ก่อนนะครับ
รักแล้วรอหน่อยนะคร้าบ
ป.ล. อย่าลืมกดบวกให้หน่อยนะครับ ใครอ่านแล้วไม่กดให้คะแนนขอให้ไม่มีแฟนจนแก่เฒ่า
Guy Chapter 33
แม้มีงานแปลต้องทำให้เสร็จหลายชิ้นแต่กายก็ยังนั่งเหม่ออยู่บ่อยครั้งเพราะเจอภาพหลุดของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ตามหน้าเว็บไซท์ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ คนที่รู้จักเขาต่างพากันโทรศัพท์มารายงานให้ทราบ เชิงชายเองก็โทรศัพท์มาตัดพ้อ เขาต้องอธิบายให้ฟังอยู่นานกว่าจะยอมวางสาย
ขณะที่นั่งอยู่เฉยๆ กายก็สะดุ้งเมื่อเสียงของการุณย์ดังขึ้น พูดประโยคสั้นๆ ว่าท่านประธานเชิญให้ไปพบ ตามด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ และเดินจากไปทันที
“เสียงถอนหายใจพี่ช่วยได้มากจริงๆ เลย” กายบ่นพึมพำแล้วถอนหายใจเช่นกัน มองตามหัวหน้าแผนกด้วยสายตาอ่อนใจแล้วบ่นต่อ “ลองถึงขนาดหัวหน้าการุณย์เดินมาบอกคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา กายเอ๊ย แกนะแก ไม่น่าเลย เล่นกับใครไม่เล่น เสือกไปเล่นของสูง นี่จะโดนไล่ออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้อหาเมาเละจนท่านประธานต้องลากกลับไปห้องนอน แล้วก็...”
...ไม่อยากจะเชื่อ เรามีอะไรกับท่านประธานจริงๆ หรือ คนอย่างคุณพฤศนั่นหรือจะมองเรา ตอนที่ลากออกมาจากผับ คงส่งต่อให้พนักงานโรงแรม สั้งให้ไปส่งไอ้ลูกน้องขี้เมาคนนี้ที่ห้อง เกิดซวยที่พนักงานโรงแรมเป็นเกย์ เลยได้ที ข่มขืนเราตอนเมา ตื่นมาเลยเจ็บๆ แสบๆ แบบนั้น...
...ใช่ ต้องใช่แบบนั้นแน่ๆ เลย เรากับท่านประธานมันคนละชั้น เรื่องอะไรคนระดับนั้นจะลากแขนคนเมาอย่างเราไปส่งถึงห้องพักแล้วหน้ามืดตามัวมีอะไรกับเรา คเชนทร์ยังบอกเลยว่าตอนเราเมานี่ซ่าส์สุดยอด กว่าจะพากลับไปนอนได้เหนื่อยแทบตาย ท่านประธานคงไม่ใช้ความพยายามขนาดนั้นหรอก และที่สำคัญ คงไม่ถือโอกาสขืนใจคนเมา...
เลิกงานวันนี้กายมีราชรถคันใหม่มาเกยถึงหน้าตึกที่ทำงาน เป็นรถฮัมวี่สีเหลืองสดป้ายแดง ขับโดยนายทหารอากาศหนุ่มรูปหล่อชื่อเมฆ
“ผมมาทำธุระที่บริษัทคุณ เรื่องเดินทางไปทดลองขับเครื่องบิน F-35 ครับผม เลยถือโอกาสรอรับคุณกายด้วยเลย” เมฆพูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
...เหตุผลน่าเชื่อมากเลย...กายคิดอยู่ในใจ
“รถพี่ชายผม” นต. เมฆตบพวงมาลัยเบาๆ “ผมก็อยากได้ซักคัน แต่คงไม่มีปัญญาซื้อ”
...มีปัญญาแค่แลนด์โรเวอร์หนึ่งคัน นั่นก็คันละหลายล้าน...
“คุณกายครับ เป็นอะไรครับผม ทำไมนั่งนิ่ง หรือว่าผมขับรถเร็วเกินไป คุณเลยกลัว” นต. เมฆถามด้วยสีหน้าห่วงใย
...กลัวที่ไหน ถ้าเคยนั่งรถกับวรุจน์และคเชนทร์มาแล้ว เรื่องกลัวนั่งรถไม่มีวันอยู่ในสมองหรอก ฝีมือขับรถท้านรกของสองคนนั้นเหลือจะบรรยาย...
“พอดีวันนี้งานยุ่งมากครับ เลยรู้สึกเบลอๆ” กายตอบ ในใจนึกถึงการสนทนากับพฤศเมื่อบ่ายวันนี้
...เรียกว่า เทศนา น่าจะถูกกว่า...
...ท่านประธานสอนว่า อย่าให้เกิดเรื่องอะไรเหมือนที่เกิดขึ้นที่เมียนมาร์อีก คุณไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวสนุก อเมริกายิ่งมีผับบาร์เยอะ และที่สำคัญ ไม่มีคนคุม ไม่มีใครคอยจับตามอง แต่อย่าคิดว่าผมจะไม่รู้ คุณอาจจะเถียงว่า เป็นเลิกงาน จะทำอะไรยังไงกับใครก็ได้ ไม่เห็นจะแคร์ แต่ถ้าคิดซักหน่อยคุณก็น่าตระหนักได้ว่า หากจะทำอะไรก็ควรจะนึกถึงบริษัทบ้าง ทหารที่ไปด้วยเป็นลูกค้า คุณต้องท่องเอาไว้ ถึงแม้คุณกับเขาจะคุ้นเคยกันก็เถอะ การไปอเมริกาคราวนี้ บทบาทของคุณคือล่าม เป็นล่ามก็ต้องทำหน้าที่ล่าม ทำงานให้บริษัท คุณต้องทำงานหนัก ไม่ใช่ดื่มหนัก...
...ปากดีจริงๆ เลย ถ้าเราจะเมาเละทุกคืนท่านประธานจะรู้ได้ยังไง มีดาวเทียวสอดแนมพฤติกรรมพนักงานข้ามทวีปหรือไง”
“คุณกายครับ ไม่พอใจอะไรครับผม”
“เปล่านี่ครับ” กายส่ายหน้า หันไปตอบ นต. เมฆ
“ผมเห็นคุณเบ้ปาก ผมนึกว่าตัวเองพูดอะไรออกไปทำให้คุณไม่ชอบใจ”
“เปล่าครับเปล่า” กายรีบปฏิเสธ “เส้นเอ็นมุมปากผมกระตุกเฉยๆ ครับ เวลาเครียดมันชอบเป็นบ่อยๆ”
“เลิกเครียดได้แล้วครับผม เราจะไปหาอะไรดื่มกัน เลิกงานแล้วจะเครียดทำไม”
...นั่นสิ แต่ถึงเลิกงานแล้ว ผีท่านประธานยังตามมาหลอกมาหลอน...
ทันโดนั้นเสียงโทรศัพท์ของกายก็ดังขึ้น กายก้มหน้าลงมอง ครั้นเห็นว่าเป็นหมายเลขของวรุจน์จึงลังเลว่าจะรับดีหรือไม่
“รับสิครับ” นต. เมฆเตือน “ผมจะปิดหูทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น”
“ไม่มีความลับอะไรหรอกครับ” กายตอบ
“ผมเก็นความลับเก่ง” นต. เมฆหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ครับผม” กายรับสายเสียงเบา วรุจน์บอกว่าคิดถึง แต่งานที่โรงแรมกำลังยุ่งมากและอ้อนว่าอยากทานอาหารเย็นด้วย กายบ่ายเบี่ยง โดยให้เหตุผลว่ากำลังหิวข้าวมาก คงจะรอไม่ไหว วรุจน์จึงขอนัดกับกายวันศุกร์เพื่อรับประทานอาหารด้วยกัน
“ถ้างั้นแวะทานอาหารก่อนดีกว่าครับ คุณหิวก็ไม่บอก ผมนึกว่าจะพาคุณไปดื่มอะไรเย็นซะก่อนแล้วค่อยไปทานดินเนอร์ที่ร้านอาหารนอกเมือง” นต. เมฆพูดขึ้นหลังจากกายวางสายโทรศัพท์
“ก็มันเพิ่งหิวเมื่อกี้นี่ครับ” กายให้เหตุผลแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีก
...ธฤต!...
...ถ้าไม่รับ คุณทหารอากาศเมฆก็จะสงสัยว่ามีความลับอะไร เฮ้อ...ทำไมจะต้องโทรมาตอนนี้...
กายพยายามพูดกับธฤตให้สั้นที่สุดโดยให้เหตุผลว่ากำลังจะแวะทานอาหารที่ร้านอาหารเพราะว่าหิวมาก ก่อนจบการสนทนา ธฤตขอนัดกับกายวันเสาร์เพื่อทานอาหารด้วยกัน
“คุณกายนี่มีนัดทุกเย็นเลยหรือครับ” นต. เมฆถามพร้อมกับยิ้มมุมปากบางๆ
“เพื่อนเยอะครับ” กายยิ้มตอบแล้วต้องแอบถอนหายใจเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
...วรุจน์อีกแล้วหรือ ใช้เบอร์ของโรงแรมโทรมาหาทำไมเนี่ย เพิ่งคุยกันไปเมื่อกี้...
กายอุทานในใจขณะที่มองหน้าจอโทรศัพท์ จำได้ว่าเป็นหมายเลขของโรงแรม The Atlantis
“รับสิครับ จะได้นัดทานอาหารเย็นวันอาทิตย์กับเพื่อน” นต. เมฆเตือน คราวนี้ใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่ยิ้มกว้างเช่นเคย กายจึงกดรับสายและยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูช้าๆ
“เฮ้ กาย นี่เบนนี่นะครับ มาเมากันที่ผับ Sequences ที่โรงแรม The Atlantis กันไหม”
...ตายแล้ว เพิ่งจากกัน ซอว์ เบน มาทำอะไรที่กรุงเทพฯ...
กายอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของซอว์ เบนยังคงเรียกชื่อกายอยู่อีกหลายครั้ง ส่วน นต. เมฆนั้นหันมามองและเลิกคิ้วแสดงอาการสงสัยว่าทำไมกายรับโทรศัพท์แล้วไม่พูดอะไรสักคำ
::: บทที่ 33 ยังไม่จบครับ จะหาโอกาสมาโพสต่อครับ ง่วงแล้วนะ Zzzzz