“เรียบร้อยยังก้อง” วนัสตะโกนถามเพื่อนที่ยังแต่งตัวอยู่ในห้องนอนเมื่อเห็นว่าจะสายแล้ว
“เดี๋ยว...นัสมีเสื้อแขนยาวบ้างมั้ยฉันลืมเอาติดมาด้วย” เสียงก้องภพตะโกนถามออกมาจากในห้อง
“มี อยู่ในตู้นั้นละ หาใส่เอาตามสบายเลย”
คนตัวเล็กเปิดตู้ตามที่เพื่อนร้องบอก ปากก็พึมพำบ่นถึงคนที่ตัวเองคั่งแค้น
ดูสิ!เสื้อผ้าฉันอยู่ในกระเป๋าโน้นหมดเลย...เพราะไอ้บ้านั่นทีเดียว ฉันอุตส่าห์ลากมาแขนแทบหลุด...
ใช่...หนักนะนั่น...แล้ว...
จะเป็นอะไรรึเปล่า...โอ๊ย!ไปห่วงทำไม มันน่าจะซัดอีกซักเปรี้ยงสองเปรี้ยงด้วยซ้ำ!
ร่างเล็กสลัดศีรษะสองสามครั้งก่อนจะดึงเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินมาสวมใส่แล้วรีบตามเพื่อนไปยังรถยนต์คันเก่าแก่ที่จะนำพาพวกเขาไปยังไร่ภูผา
อากาศเย็นสดชื่นยามเช้าทำให้ก้องภพเปิดกระจกสูดกลิ่นดินกลิ่นน้ำค้างเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วระบายยิ้มให้กับสิ่งรอบตัว
ดีแล้วที่มาที่นี่ ร่างเล็กยกยิ้มมุมปากขณะมองรถเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณบ้านภูผา ร่างเล็กก้าวลงจากรถเมื่อจอดสนิท พลางมองไปรอบๆบริเวณบ้านด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส หาก...
“อะ!” ร่างสูงขาวคุ้นตายืนหัวโด่อยู่ระเบียงหน้าบ้านภูผาทำให้ก้องภพชะงักเท้า “มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หัวใจดวงเล็กเต้นตุบตับแทบกระเด้งออกมานอกตัวพลางหันมองคนปิดประตูรถเดินตามหลังมา อาการอิหลักอิเหลื่อของเพื่อนทำให้วนัสยิ้มกว้างอย่างคนไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เมื่อคืนเห็นนายหลับไปก่อน ก็เลยไม่ได้เล่าให้ฟังว่าคุณภาคก็มาเที่ยวด้วย เสียดายเนอะ ที่ไม่ได้มาพร้อมกัน” วนัสรุนหลังแข็งทื่อของเพื่อนไปยังระเบียงบ้าน
“สวัสดีน้องนัส” ภาคภูมิยิ้มทักทายร่างโปร่งบางขณะที่สายตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กอีกคน
“ครับ สวัสดี วันนี้มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนรึยังครับ” วนัสเอ่ยถามโดยไม่ได้มองอากัปกิริยาของคนข้างหลัง
“เชอะ” ก้องภพเบือนหน้าหนีจากสายตาหวานฉ่ำที่ส่งมาให้ราวกับจะเอาใจอยู่ในที
ไอ้บ้า ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก ไอ้หน้าด้าน! ก้องภพนึกบริภาษอีกฝ่ายในใจ ทั้งที่ลึกๆก็อดดีใจหน่อยๆไม่ได้ที่เห็นอีกฝ่ายตามมาถึงชุมพร
“ก็ยังหาคนช่วยคิดโปรแกรมอยู่ สนใจที่ไหนบ้างละ ก้องด้วย เงียบเชียว” ภาคภูมิลองเชิงคนที่ทำเหมือนไม่ได้เอาปากมาด้วยการโยนคำถามและเว้นจังหวะรอดูท่าทีของอีกฝ่าย หากแต่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
แย่ละสิ ดูท่าจะเข้าใจผิดจริงๆด้วย...
“ก้อง...เขาอยากจะไปขี่ม้านะครับ” วนัสเห็นทั้งสองคนเอาแต่จ้องหน้ากันจึงเอ่ยขึ้นราวกับจะไกล่เกลี่ยอะไรที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“อา...เอาสิ เดี๋ยวฉันสอนให้เหมือนครั้งก่อนมั้ยก้อง” ภาคภูมิรีบเสนอตัวเมื่อสบโอกาส ด้วยหวังจะใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกับก้องภพ...แต่...
เงียบ...คนตัวเล็กแต่ใจไม่เล็กทำให้ร่างสูงรู้สึกว่ากำลังถูกทำสงครามเย็นให้เข้าแล้ว โธ่ก้อง...ให้โอกาสฉันอธิบายบางได้มั้ย... ภาคภูมิครางอยู่ในอก
วนัสที่รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกประหลาดอึ้มครึ้มพิกลจึงต้องสอดแทรกตัวเองเข้ามาอีกครั้ง
“งั้นคราวนี้คุณภาคคงมีลูกศิษย์เพิ่มแล้วละครับ”
“หือ?...อ๋อ...คุณนุชน่ะเหรอ ดูท่าจะชอบม้าจริงๆเชียวละรายนั้น เมื่อเช้าก็ได้คุยกันแล้ว” ภาคภูมินึกไปถึงหญิงสาวที่ได้รู้จักมาหยกๆ ก่อนจะเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาตอนรับพร้อมกับหญิงสาวที่ถูกพาดพิงถึงเมื่อครู่
“มากันแล้วเหรอ” ภูผายิ้มกว้างให้กับก้องภพ ด้วยรู้อยู่แก่ใจ พลางแนะนำหญิงสาวให้ก้องภพรู้จัก “ก้องนี่น้องนุช ญาติๆกันนี่ละ อายุคงไม่ห่างกันมาก ยังไงก็ช่วยๆดูแลกันด้วยนะ”
ก้องภพมองหญิงสาวที่เพิ่งได้รู้จักส่งยิ้มบางเบามาให้อย่างเป็นกันเอง จึงยิ้มตอบอย่างมีไมตรี
น่ารักแฮะ...
“สวัสดีคะ” อรนุชเอ่ยทัก “คุณหินบอกว่าวันนี้จะได้เพื่อนขี่ม้า แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่านุชขี่ไม่เป็น เพิ่งลองหัดได้วันเดียวเองคะ” เสียงหวานดังเสนาะหูให้ก้องภพยิ้มรับอย่างแจ่มใส และด้วยไม่อยากจะหันหน้าไปเห็นคนที่ตัวเองทั้งรักทั้งแค้นจึงตั้งอกตั้งใจจะสนทนากับหญิงสาวเต็มที่
“งั้นก็พอกันสิครับ คราวที่แล้วผมเพิ่งจะตกม้าไปหยกๆ คราวนี้เลยกะจะขี่ให้คล่องปรื๋อเลย ฮะๆ” ก้องภพเอ่ยทอดไมตรีจนเจ้าหนุ่มสำอางข้างๆรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาตะหงิดๆ
“โฮ้...ขนาดตกม้าแล้วยังมั่นใจแบบนี้แสดงว่ามีท่าลงเจ๋งๆละสิคะ บอกนุชบ้างสิ เผื่อจะได้เอาไปใช้บ้าง” หญิงสาวทำตาหยี จนก้องภพอดยิ้มตามไม่ได้ก่อนจะแกล้งทำท่ากระซิบกระซาบบอกท่าม้วนตัวหลายตลบจนตัวเองต้องตกจากหลังม้าลงมาดังแอ๊ก! ให้ผู้ฟังขำกิ๊ก
วนัสมองอรนุชกับก้องภพคุยกันถูกคอก็ให้โล่งใจที่เห็นเพื่อนกลับมีท่าทางสดชื่นอีกครั้ง แล้วจึงถือโอกาสเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย แต่ในขณะเดียวกัน ภาคภูมิกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นส่วนเกินของคนที่เขาดันด้นตามมา
เขาผิดถึงขนาดไม่คิดจะฟังกันเลยเหรอ แม้จะรู้สึกเจ็บหนึบในใจแต่ร่างสูงก็สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้ง
มันต้องค่อยเป็นค่อยไปสิไอ้ภาคเอ๊ย!
ภูผาสังเกตสีหน้าเพื่อนสนิทอย่างเห็นใจ พลางขมวดคิ้วย่นมองไปยังหญิงสาวที่หัวเราะร่วนกับหนุ่มน้อยทั้งสอง ว่าแล้วว่าคุณนุชของป้านวลคนนี้ไม่ใช่คนหัวอ่อนอย่างที่ป้าเขาอยากให้เป็น เพียงแต่หญิงสาวรู้จักจังหวะการถอยให้ถูกที่ถูกทางโดยไม่ให้ผู้ใหญ่เสียความรู้สึกก็เท่านั้น การมาครั้งนี้ของน้องนุชก็คือการตามป้านวลมาเที่ยวจริงๆ แต่ว่า...
หากการมาครั้งนี้ทำให้น้องนุชพบคนที่ถูกอกถูกใจขึ้นมาละ แล้วจะทำยังไง? ดูสิสนุกกันใหญ่เลย ภูผานึกอิจฉาวัยอันไล่เลี่ยกันของหนุ่มสาว ด้วยคงพูดจาภาษาเดียวกัน และทั้งยังสามารถคบหากันได้อย่างเปิดเผย ผิดกับเขาที่ไม่สามารถให้สิ่งนี้แก่วนัสได้ แต่เขาก็ยังคิดจะเห็นแก่ตัว เพราะฉะนั้น...
ไอ้ภาค ฉันขอกันคนของฉันออกไปก่อนละนะ ก่อนที่จะมีอะไรยุ่งเหยิงตามมา คนของแกๆก็หาวิธีเอาเองนะ
“นัส...เดี๋ยวไปส่งเพื่อนๆที่คอกม้าแล้วคงต้องไปโรงงานด้วยกันหน่อยนะ พอดีมีงานที่ต้องรีบทำให้เสร็จก่อนที่จะประชุมวันพรุ่งนี้น่ะ ทางนี้ให้ภาคคอยดูก็ได้” ภูผาเอ่ยเสียงเรียบไม่ให้มีพิรุธแต่ก็สะดุดหูเพื่อนตัวขาวให้หันมามองเขม่ง
เฮ้ย! นี่แกจะทิ้งกันเลยเรอะไอ้หิน ภาคภูมินึกเข่นเขี้ยวอีกฝ่ายในใจอย่างรู้ทัน เออๆทีใครทีมันไอ้หิน
“อ้าว...เหรอครับ ว่าจะขอเป็นลูกศิษย์คุณภาคด้วยอีกคน” วนัสยิ้มตาใสให้ร่างสูงรู้สึกละอายหน่อยๆที่ต้องโกหกออกไป
“อืม...ไว้วันหลังฉันสอนให้ก็ได้ ที่ผ่านมาชวนตั้งหลายหนก็ไม่ยอมหัด” ภูผายกยิ้ม
“ก็...ก็มันไม่มีเพื่อนนี่ครับ หัดกันหลายๆคนคงสนุกดีออก แต่ไว้วันหลังก็ได้ครับ”
ร่างสูงใหญ่พยักหน้าแล้วจึงเดินไปส่งคนทั้งสามที่คอกม้า จากนั้นจึงพาวนัสไปโรงงานต่อทันที ทิ้งให้ภาคภูมิต้องอยู่ปะทะสงครามเย็นกับก้องภพไปคนเดียว ด้วยตั้งแต่มาถึงคอกม้าคนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมพูดกับเขาซักคำ อย่างมากก็แค่พยักหน้าแล้วหันไปยิ้มกับน้องนุชให้เขารู้สึกเป็นส่วนเกินทุกครั้ง จนเขาจะหมดกำลังใจอยู่มะลอมมะล่อ
ก้อง...
“อย่าเกร็งหลังสิ ปล่อยตัวไปตามจังหวะการเดินของม้าจะได้รู้สึกสบาย” ภาคภูมิเดินเข้าไปตบบั้นเอวก้องภพเบาๆพลางทอดสายตามองคนที่พยายามจะเมินทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ แล้วจึงถอนหายใจออกแรงๆ ก่อนจะได้ยินเสียงก้องภพเอ่ยถามน้องนุชอย่างเป็นห่วงเป็นใยเหมือนจงใจให้เขาได้ยินและรู้สึก! ยังไงยังงั้น
มันเจ็บนะก้อง! จะเอาคืนกันรึไง...
“คุณนุชเป็นยังไงบ้าง”
“ว้าว!...สนุกดีคะ แต่ก็ยังกลัวๆอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” หญิงสาวกำสายบังเหียนไว้แน่นขณะที่แม่ม้ารูปร่างแข็งแรงเดินย้ำไปมา
“ฮะๆ แต่ถ้าเริ่มปวดแข็งปวดขาก็พอนะครับ เดี๋ยวคืนนี้จะแย่เอา ผมเคยเป็นมาก่อนเกือบตายแน่ะ”
“เหรอคะ แล้วก้องเหนื่อยรึยัง ถ้ายังไงพักก่อนดีมั้ยคะ เดี๋ยวค่อยฝึกต่อก็ได้”
ก้องภพมองหยาดเหงื่อเกาะขมับเป็นเม็ดใสๆบนใบหน้าขาวแล้วยิ้มกว้างพยักหน้าเห็นด้วย ให้คนอยู่ในเหตุการณ์เจ็บหนึบในหัวใจอีกครั้ง แต่ก็ยังพาตัวเองไปรับหญิงสาวลงจากหลังม้าเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น แล้วจึงไปช่วยพยุงร่างเล็กลงจากหลังม้าตามมา
มือใหญ่ช่วยประคองเอวเล็กอย่างระมัดระวังจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความร้อนของมือทั้งสองที่ยึดจับไว้อย่างมั่นคง แต่ก็ยังปิดปากเงียบจนได้ยินภาคภูมิกระซิบบอกอะไรบางอย่างข้างหู
“ก้อง...ฉันอยากอธิบาย”
“ไม่อยากฟัง!” ก้องภพสวนตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จนอีกฝ่ายผงะหัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ก้อง!”
ภาคภูมิมองริมฝีปากเล็กขบเข้าหากันแน่นให้รู้สึกสะท้านในอก และเพราะไม่คิดจะมีปากมีเสียงกันตรงนี้ จึงได้แต่มองดวงตากลมดำที่ตอนนี้กลับไร้ซึ่งตัวตนของเขาอยู่ในนั้น
ร่างสูงกดนิ้วมือลงบนเนื้อนิ่มก่อนจะตัดใจกับอะไรบางอย่าง
ถ้าโกรธกัน...ไม่ไว้ใจกันขนาดนี้ พูดไปจะมีประโยชน์อะไร
แล้ว...เขาจะหน้าด้านอยู่ไปอีกทำไม...
“ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ก้องคิด ที่เห็นนั่นมันก็เป็นเพื่อนฉัน แต่ถ้าไม่คิดจะฟังแล้วก็ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนี้ละก็ ฉันขอโทษที่มารบกวน เที่ยวให้สนุกนะ” ภาคภูมิปล่อยมือจากเอวเล็กตกลงข้างตัว ก่อนจะตะโกนบอกน้องนุชที่นั่งโบกลมใส่ใบหน้าตัวเอง
“คุณนุช พอดีผมมีธุระ เดี๋ยวจะให้ลุงชัดมาสอนต่อนะครับ” ไม่รอให้หญิงสาวพยักหน้า ชายหนุ่มก็ก้าวเท้ายาวๆเดินจากไปโดยที่คนต้นเหตุก็ไม่หันไปมองซักนิด เอาแต่ยืนก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าหัวใจของคนตัวเล็กนั้นเต้นดังจนแทบจะกลบเสียงรอบตัว
นายภาค!
ภาคภูมิเดินจ้ำไม่มองหลังไปยังรถยนต์ของตนเอง แล้วทิ้งตัวอย่างหมดแรงลงบนที่นั่งคนขับ
“โธ่เว้ย!” กำปั้นใหญ่กระแทกเข้ากับประตูรถดังโครมเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด ก่อนจะติดเครื่องยนต์แล้วกระชากตัวออกไปในทันที เหลือเพียงฝุ่นควันให้คนที่วิ่งตามหลังมาได้เห็น
“นายภาค!” ริมฝีปากเล็กสั่นระริกก่อนจะตะโกนอย่างสุดเสียง “ไอ้บ้า! นี่นายตั้งใจจะมาง้อฉันรึเปล่าห๊ะ!” สายตาก้องภพมองไปยังถนนที่ไกลสุดลูกหูลูกตาแต่ไร้ถึงรถคันงามที่เพิ่งเคลื่อนจากไป
ไหล่เล็กลู่ตกลง หัวใจที่เคยโกรธเกรี้ยวเมื่อตอนมา และว่างเปล่าตอนมาถึง หากแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนมันจะขาดรอนๆ
“ไอ้บ้าๆ...แค่นี้ก็ไม่คิดจะพยายามเลยใช่มั้ย...ไอ้...” ก้องภพหอบเหนื่อยด้วยวิ่งตามมาจากคอกม้า ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เริ่มไหลซึม “ฉันก็โมโหเป็นนะ ให้เห็นกันแบบนั้นใครจะไปทนไหว...จำไว้เลยทำกับฉันแบบนี้!...”
ร่างเล็กพึมพำตอกย้ำกับตัวเองพลางหันหลังก้าวเท้าอย่างคนหมดแรงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านภูผา แล้วไถลรูดลงนั่งกับพื้นหญ้า เฝ้าแต่ครุ่นคิดวนกลับไปกลับมาในหัว
แล้วแบบนี้เขาควรจะทำยังไงต่อไปดี...กลับกรุงเทพ? หรือจะกลับไปเรียนต่อเลยดีมั้ย ไปแล้วไม่ต้องกลับมาเจอเจ้านั่นอีกเลย...
ก้องภพคิดด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจไปดึงต้นหญ้าข้างตัวไป แต่ไม่ว่าจะคิดไปไกลขนาดไหนเท้าตัวเองกลับไม่ขยับเขยื้อนไปจากที่เดิม
“ก็ได้...เอาแบบนี้ก็ได้” ร่างเล็กยังพร่ำบอกกับตัวเองอย่างดึงดัน พลางพยุงตัวลุกขึ้นยืนเมื่อเวลาล่วงเลย หากแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ต้องเงยหน้าเพ่งมอง
เอ๊ะ! คุ้นๆ
“นายภาค!” เมื่อรถยนต์แล่นเข้ามาใกล้ให้เห็นกันชัดๆ หัวใจที่เหี่ยวฟีบเหมือนลูกโปร่งถูกปล่อยลมกลับค่อยๆฟูพองขึ้นมาอีกครั้ง
ร่างสูงขาวก้าวลงจากรถ เดินตรงดิ่งมาหาคนที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยท่าทางไม่รีบร้อน และเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า ภาคภูมิจึงลอบระบายลมหายใจช้าๆแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไร้ซึ่งการกระแทกแดกดัน
“ไปด้วยกันมั้ย”
“...!”
“ฉันอยากอยู่ด้วย”
ก้องภพทำหน้างงกับคำชวนของอีกฝ่าย ทั้งที่เมื่อครู่ยังขับรถหายไปไม่คิดจะบอกกล่าว แต่อยู่ๆก็กลับมา กลับมาพร้อมความรู้สึกที่พร้อมจะสู้เพื่อสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้ เขารู้สึกยังงั้น
ภาคภูมิยกยิ้มบางเบาเหมือนจะเดาความคิดของก้องภพได้
“เพราะก้องเป็นคนที่ฉันรัก” คนตัวสูงทอดสายตามองร่างเล็กด้วยความรู้สึกรักใคร่ “แล้วฉันจะมีคนอื่นไปอีกทำไม” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาช้าชัดแต่มั่นคงทำให้ก้องภพแน่นในอก
“ไม่ได้ขอให้เชื่อหรอกนะ หึๆ แต่ฉันรู้สึกยังงั้นจริงๆ เพราะงั้นถึงไปไม่ได้ยังไงละ” ภาคภูมิยื่นมือออกไปตรงหน้าก้องภพ “ก้องคิดอย่างเดียวกับฉันมั้ย”
นายภาค...
ก้องภพมองมือใหญ่รอคอยการตอบรับสั่นน้อยๆด้วยแรงคาดหวัง ดวงตาที่สะท้อนภาพเงาของเขาสั่นไหว ทำให้ต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
จะวัดใจกันเลยใช่มั้ย แค่yes หรือ no
ทั้งที่เขาทำตัวเหมือนเด็กๆ ใช้แต่อารมณ์ คิดแต่จะให้อีกฝ่ายมาง้อ พอไม่ง้อก็คิดแต่จะตัดใจไปท่าเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังพยายาม
ความรักไม่ควรมีใครต้องพยายามฝ่ายเดียว...
แต่สิ่งที่เห็นละ...
ก้องภพยกยิ้มมุมปาก... จะคิดมากไปอีกทำไม
ก็แค่ชกให้น่วมก็เท่านั้น!
ร่างเล็กระบายลมหายใจก่อนจะค่อยๆวางมือลงในมือใหญ่พลางบีบกระชับให้ภาคภูมิยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดเสียงดุปิดบังความเขินอายของตัวเอง
“ถ้านายทำแบบนี้อีก ฉันจะไม่ให้อภัยเลย!”
ภาคภูมิไม่ตอบหากแต่บีบกระชับมือเล็กแน่นเหมือนให้สัญญา ก่อนจะจับจูงอีกฝ่ายเดินขึ้นรถและพาไปยังที่ๆพวกเขาจะมีเวลาให้กันและกันไปอีกนาน โดยลืมนึกถึงน้องนุชที่จะต้องฝึกขี่ม้าคนเดียวไปอีกหลายวันเชียวละ
แต่ว่าก้องภพ...ไหนบอกว่าจะโกรธนานๆไง?
จบ

เย้ๆๆๆๆๆ จบเเล้วค่ะ ไม่มีต่อเเล้วนะคะ
ขอบคุณมากๆๆสำหรับการติดตามนิยายพี่สาเก

ทุกคนน่ารักมาก ตามอ่านตั้งเเต่เรื่องเเรกจนเรื่องนี้
ท่านใดยังไม่ได้อ่านอีกสามเรื่อง เจี๊ยบทำลิงค์ไว้ให้ค่ะ หน้า 1
ไว้เจอกันเรื่องใหม่ค่ะ เเต่ไม่ใช่เร็วๆนี้นะคะ

สัญญาว่าจะเอามาลงทุกเรืองที่พี่เค้าเเต่ง

เจอกันเรื่องหน้า
ฝากถึงรกร เรื่องนี้เจี๊ยบลงจบเเล้ว ก็มีเวลาทวงน้องหนอนเเล้วล่ะ อิอิอิ จูบรกร ลูบคลำรกร

ทุกท่านไปอ่านหนอนใบตองด้วยนะคะ ของเค้าดีจริง ห้าๆๆๆๆๆ (รกร เอามายี่สิบบาท)