Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1058409 ครั้ง)

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
กรี้ดดดดดดด   :-[ :-[ :o8: :o8: :o8: :o8: :impress2: :impress2: :impress2:

ตอน 37 แล้ว

 :o12: :o12: :o12: :o12:
จะ รีบ สอบ ติด แล้ว จะ รีบ มา ตาม อ่านนนน    :z3:

Y2Y

  • บุคคลทั่วไป
อ่านทันคนอื่นแล้ว 

ต้องชมนักเขียนว่า เจ๋งจริงๆ การดำเนินเรื่อง ไม่เนิบนาบ มีปมต่างๆให้คิด

แต่จะบอกว่าชอบมากคือ คาร์โล  อยากให้มีบทเด่นๆอ่ะ และแอบเดาไว้ว่า คาร์โลนี่แหล่ะที่จะเป็นบอสคนต่อไป

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line 38 : ทางออกที่ไร้ทางออก


      ตะเกียงโบราณทำจากไม้เนื้อดีฉลุเป็นลวดลายสดสวยตามแบบศิลปะอิสลาม นอนกลิ้งโค่โร่อยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆในสภาพไร้แสง หลอดแก้ว ชิ้นส่วนต่างๆถูกประกอบเข้ากัน ทว่าวงจรไฟก็ใช่จะกลับมาใช้ได้ตามปกติเช่นเดิม ทำให้ภายในกระโจมเหลือแสงสว่างสลัวเลือนรางจากจุดเดียวคือตะเกียงที่แขวนอยู่ด้านบนสุด คาดว่าหากสามารถเอื้อมถึงและเป็นตะเกียงรูปลักษณ์แปลกใหม่น่าสนใจอีกสักหน่อยมันก็คงไม่เว้นถูกคว้ามาชำแหละด้วยตัวการที่ตอนนี้กำลังนั่งเช็ดถูประคบประหงมปืนสั้นสุดที่รักของตนเป็นแน่แท้ๆ

       แกเร็ต เคย์หยิบตะเกียงที่ดับแสงนั้นมาสำรวจดูคร่าวๆด้วยหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น พยายามหาว่ามันมีส่วนไหนที่บุบสลายหรือผิดปกติเผื่อจะได้แก้ไขให้มันสามารถกลับมาใช้งานให้แสงสว่างอีกครั้ง เนื่องจากแสงสลัวๆที่ได้มันไม่เพียงพอต่อการมองเห็นของตนเองสักเท่าไหร่..

      " คุณเคยอยู่นิ่งๆโดยไม่ทำความเสียหายสักวันไหม? " ไม่ว่ายังไงก็หาร่องรอยแก้ไขไม่เจอ จึงสถบออกมาอย่างสุดกลั้น ทว่าคำบริภาษของตนนั้นไม่กระเด็นเข้าหูของชายวัยกลางคนผู้กำลังผิวปากหวือสักนิด..

      " ..จะเอาตะเกียงไปส่องดูขี้อูฐรึไง? " อาเป็นอย่างไรหลานก็เป็นอย่างนั้น เชื้อไม่ทิ้งแถว ปากจัดกัดจิกได้เจ็บแสบไม่แพ้กันจนน่าปวดหัวนัก

      " เอาไปส่องหาเศษสมองของใครบางคนที่ทำตกไว้รายทางน่ะสิ " พ่นลมหายใจด้วยความหน่ายระอาเกินจะสงบสติอารมณ์ แกเร็ตมองเห็นหัวคิ้วคนฟังกระตุกวูบแล้วผ้าสะอาดที่ใช้เช็ดปืนนั้นก็ปลิวหวือมาหา ต้องบอกว่าดีนักหนาที่ปืนไม่ได้ลอยตามมาด้วยมากกว่า

       " มีอะไรก็พูด อย่ามาอ้อมค้อม น่ารำคาญ ! " พอเถียงไม่ออก ไม่โวยวายกลบเกลื่อนก็เปลี่ยนเรื่องไม่ยอมรับผิดแบบนี้เสมอ แกเร็ตนึกสงสัยตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้ง ว่านอกจากชายคนนี้เป็นผู้ที่คอยเลี้ยงดูมาหลายปีแล้ว มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เขาต้องมาคอยรับใช้ รองมือรองเท้าลุงแก่อายุสามสิบกว่าคนนี้อีก

       " ดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้... " เมื่ออีกฝ่ายเปิดประเด็นมาเขาก็โต้กลับ แน่นอนว่ายามนี้สิ่งที่รบกวนจิตใจคงไม่พ้นเรื่องของชายหนุ่มที่ถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งบอส คนที่เป็นหัวหน้าในอนาคตอันใกล้...คนที่ตอนนี้...บอกว่าจะไม่กลับไปและคนที่เพิ่งมีเรื่องพูดคุยกันเคร่งเครียดและกลับออกไปด้วยสภาพใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  " คุณพูดแรงเกินไป..และเขาไม่ชอบถูกบังคับ คุณก็รู้ดี "

       " .จะอ้อมค้อมไปทำไม? พูดยังไงความจริงก็ไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี... " คนพูดพ่นลมหายใจออกจากจมูกช้าๆ แต่เหตุผลที่เหมือนไม่ใช่เหตุผลนั้นชวนปวดหัวจี๊ด

       " ....ถ้าเขาไม่กลับ...." เกริ่นเบาๆด้วยท่าทีลังเลไม่น้อย เคยแน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่วันนี้เมื่อได้พบเจอเพื่อนสนิทอีกครา สัญชาติญาณลึกๆกำลังกระซิบบอกแกเร็ตว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

       " ..กลับ " คนพูดโยนปืนสุดรักประจำกายมาให้ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนอย่างรวดเร็ว ท่าทีไร้ความกังวลเช่นเคย ทว่าแกเร็ตก็รู้ ในใจคนพูดลึกๆ ความมั่นใจก็ถูกสั่นคลอนไปเช่นเดียวกับตัวเขา

       " ยิ่งไปพูดจาแบบนั้น สมแล้วจะถูกด่า " แกเร็ตเก็บปืนสั้นนั้นลงไปในซองพลางถอนหายใจเบาๆ เขาแว่วเสียงขยับตัวของคู่หูแต่ก็ยังทำเฉย

        " นี่แกกลายเป็นคนงี่เง่าน่ารำคาญแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? " คลาร์ก โรเซนเบิร์กหน้านิ่ว พ่นลมหายใจอย่างนึกฉิว นัยน์ตาสีบรูเน็ตปรายมองคนที่เป็นทั้งคู่หูและเป็นคนในปกครองที่เขาเลี้ยงดูมันมานานด้วยนัยยะที่ทำให้ผู้ถูกมองชะงัก...ริมฝีปากเม้มเข้าหากันช้าๆ..เงียบเสียงลงเมื่อรู้ว่านี่คือคำเตือน...ห้ามเซ้าซี้ ห้ามถามน่ารำคาญ ห้ามก้าวก่ายเรื่องที่คลาร์กตัดสินใจ นี่เป็นข้อห้ามที่ถูกขีดเส้นไว้เสมอ และเหมือนว่าครั้งนี้...เขาจะเผลอก้าวล้ำเข้าไปอีกแล้ว..

        นัยน์ตาสีทองจ้องมองชายเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ทว่าความเงียบนั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าแกเร็ต เคย์รับรู้แล้วว่าตนเองกำลังทำอะไรลงไป..

        "....ผม ...คิดว่าเขาก็คงไม่อยากให้คุณไปยุ่งเรื่องนี้เหมือนกัน " ..ทว่านั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเงียบได้ตลอด เพระแกเร็ตก็รู้จักคาวัลโลดีพอที่จะเอ่ยปากเตือนเช่นกัน

        " ตกลงแกอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ !! " คลาร์กพ่นลมหายใจใส่เจ้าเด็กหนุ่มในปกครองอย่างหงุดหงิด ชักจะรู้สึกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่ายิ่งโตขึ้นมันยิ่งเชื่อฟังเขาน้อยลงทุกที

        " ผมไม่อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้นแหละ  คนบ้าอย่างคุณกับคาวัลโลมันเหมาะจะฝากชีวิตด้วยซะที่ไหน " แกเร็ตส่ายหน้า ก่อนจะโยนปืนสั้นที่เก็บเรียบร้อยไปให้

        " ...มันกำลังสับสน.." คลาร์กรับปืนมาตรวจดูแล้วออกปากบ่นงึมงัม "เพราะกำลังสิ้นหวัง พอเจอใครยื่นมือมาหาก็ยอมรับไปง่ายๆ แล้วยึดติด คิดไปเองว่านี่แหละ...สิ่งที่ต้องการมาตลอด ...เจ้าคาลมันเป็นคุณหนูที่ถุกเลี้ยงบนกองเงินกองทองมาตลอด แทบไม่รู้จักความลำบาก แทบไม่รุ้ด้วยซ้ำ ว่าความสิ้นหวังมันคืออะไร...ให้มันมาเจอเรื่องแบบนี้เสียบ้างก็ดี จะได้ไม่เอาแต่ผยองคิดอะไรโง่ๆตื้นๆ จมอยุ่กับคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศที่ไม่มีจริง..."

      นัยน์ตาสีบรูเน็ตของผู้พูดค่อยแลสบดวงตาสีทองที่จ้องมองมาอย่างเผลอไผล...ผู้มากวัยกว่าพ่นลมหายใจช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลางดงามอย่างผู้มีเชื้อสายอารยันแท้ๆสะท้อนแสงตะเกียงสลัวเป็นเงาวูบไหว

        " .เกียรติและศักดิ์ศรีที่แท้จริงของ..มาเฟีย....มี คือไม่มี ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดและความสุขสบาย ถ้ารักเกียรติ รักศักดิ์ศรีจริงๆ จะมีการหักหลังและฆ่าฟันกันทุกวันหรือ ?  แม้ไม่อยากให้หลานชายตัวเองมัวแต่ฝันหวานถึงเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง มองผ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไป แต่กลับเอาใจไปคิดถึงอุดมการณ์เปล่าๆที่ทำไม่ได้ในชีวิตจริง เจอแบบนี้เสียบ้าง อย่างน้อยก็จะแข็งแกร่งและรู้จักชีวิตมากขึ้น ..ฉันไม่ได้ดูถูกมัน ที่อยากจะอยู่ที่นี่ หรือปากบอกจะไม่กลับไป เพราะไม่มีไอ้บ้าคนไหน มีชีวิตจมอยู่กับสังคมมาเฟียแล้วมาเจอชีวิตที่สงบสุขและมีที่พึ่งแบบนี้จะไม่ชอบหรอก  แต่มันต้องแยกให้ออก ว่าอันไหนคือความต้องการ และอันไหนคือเรื่องที่ต้องทำ "

          " หน้าที่....ต่างกับความรับผิดชอบและจิตสำนึกก็ตรงมันเป็นเรื่องที่จำเป็น....เมื่อรับปากแล้วก็ห้ามอิดออด เมื่อเสนอตัวมาแล้วก็จงอย่าบิดพลิ้ว...ที่คาวัลโลตัดสินใจแบบนี้ไม่ผิด และที่แกจะคิดว่าพวกฉันสองคนมันคนบ้าก็ไม่ผิด ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองมันเป็นคนทั่วไป มีคนปกติธรรมดาที่ไหนอยากจะมาอยู่ตรงนี้ ...ไอ้พวกที่อยากเป็นมาเฟีย ฉันไม่เห็นมันเป็นคนดีสักคน "

          " แล้วยังเรื่องที่บ้าน..ถ้ามันเห็นแก่ตัว ไม่สนกระทั่งว่าพ่อแม่พี่น้องจะเป็นจะตายยังไง คนแบบนั้นสมควรจะฝากชีวิตไว้ สมควรจะเป็นนายพวกเรางั้นเหรอ? ...นี่มันเป็นความผิดพลาด เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่ควรจะเกิดก็จริง แต่มันก็เป็นหนทางที่จะพิสูจน์ด้วย ว่าคาลมันเหมาะจะเป็นบอสไหม...จะผ่านมันไปได้หรือจะเป็นแค่คนขี้แพ้ไปตลอดกาล "

         "...สายตาเรามองว่านี่มันขี้แพ้ แต่....มันอาจจะเป็นทางเลือก..." แกเร็ตเปรยช้าๆ...ออกปากแก้ต่างให้เพื่อนสนิทที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

        " เลือกอะไร?..."

        " .....อยู่ที่นี่..." แกเร็ตถอนหายใจเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด..

        ".... ที่สำคัญกว่าอำนาจหรือตำแหน่งที่อยากได้ คือคนสำคัญที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว..ฉันเข้าใจถ้ามันจะยอมแลก แต่จะเห็นที่ ที่ตัวเองอยู่ไม่กี่เดือน สำคัญไปกว่าบ้านที่อาศัยมาทั้งชีวิตงั้นหรือ?..." คลาร์ก โรเซนเบิร์กส่ายหน้าช้าๆ " ...และต่อให้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆ..ก็ต้องหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายอยู่ดี "

          "....คาวัลโลกับผู้ชายคนนั้น..."นิ่ง...นาน กับประโยคยาวๆแบบมีสาระของคนตรงหน้าที่มีมาไม่บ่อยนักแกเร็ตจึงเอ่ยประโยคที่ตนเองค้างคาใจมากที่สุดออกไป...ถามเรื่องที่เขาหนักใจมากที่สุด...

          " ไม่ใช่เรื่องของฉัน "  ทว่าคลาร์ก โรเซนเบิร์กเพียงแต่พ่นลมหายใจด้วยท่าทีชาเฉย นัยน์ตาสีบรูเน็ตเลยไปจ้องมองตะเกียงจ้าวพายุที่ส่องแสงจ้า " จะรัก ไม่รัก จะอยู่ด้วยเพราะไม่มีที่ไปหรือเพราะผูกพันธ์กันจริงๆ ก็เรื่องของมัน ...โตๆกันแล้วก็ต้องจัดการเอง ถ้ามันแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้ ก้ไม่ต้องคิดจะฝากอนาคตไว้ด้วยแล้ว "

          " เมื่อกี้คุณพูดเอง ว่าคาวัลโลมันแค่คิดตื้นๆ ยึดติด เพราะกำลังสิ้นหวัง " แกเร็ตขยับแว่นกรอบบางที่สวมใส่ ทำหน้านิ่งมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาจับผิด

         " .. ฉันคิดแบบนั้น แต่มันจะคิดแบบนั้นไหมก็อีกเรื่องสิ ต่อให้มันรักจะเป็นจะตายยังไงมันก็ต้องกลับไป รับผิดชอบเรื่องที่มันควรจะทำ ไม่ใช่เอาแต่หดหัวอยู่ตรงนี้ เรื่องผู้ชายคนนั้นมันจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ จะหักหลังแอบหนีไปเงียบๆ หรือจะบอกลากันไปซึ่งๆหน้าก็คิดเอาเอง  "  ตาลุงจิตว่างวางท่าพูดดีมีสาระได้ไม่กี่ประโยคสุดท้ายก็ตบะแตก คลาร์กร้องโวยวายหงุดหงิดคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวตัดบทสนทนาส่วนคนฟังก็ถอนหายใจเฮือก....นึกระอา

        "  สุดท้ายคุณก็จะให้คาวัลโลจัดการเอง ที่มาก็แค่มากดดันให้มันรีบไปเท่านั้น  " แกเร็ต เคย์ ส่ายหน้าบ่นดังๆให้ผู้ปกครองของตนที่กำลังเอาผ้าห่มมาคลุมหัวนอนหลับหนีบทสนทนาเหมือนเด็กๆ

        " แล้วเอ็งจะเสือกมากกว่านั้นรึไงไอ้ลูกหมา! ไป ....จะไปเก็บขี้อูฐที่ไหนก็เรื่องของแก ! "  เสียงโวยวายล้งเล้งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาการกระทืบบาทตวาดอึง แกเร็ตผุดลุกขึ้นจากพื้น เอื้อมมือคว้าตะเกียงใบเดียวที่มีอยู่

        " ผมก็จะบอกมัน...ว่าคุณช่วยอะไรไม่ได้เลย " แกเร็ตขยับมือแตะผ้าปิดปากกระโจมด้วยท่าทีครุ่นคิด ปากก็ตอบโต้ผู้สูงวัยกว่าแบบไม่ยอมแพ้

        "  ฉันไม่ใช่พวกคนดีมีศีลธรรมชอบช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แล้ว จะตรอมใจตายจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมก็ช่าง  " เสียงตอบหยันๆใจร้ายอย่างคงเส้นคงวาดังขึ้นมาจากโปงผ้าห่ม แกเร็ตหรี่มองแสงสว่างจากโทรศัพท์มือถือต่อสัญญาณดาวเทียมที่อีกฝ่ายกำลังกดยิกๆด้วยสายตาใคร่ครวญ..

        " นั่นหลานชายคุณ..." ...ช่างเป็นอาที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ความห่วงใยต่อบุตรหลานสิ้นดี

         "...นี่เป็นชีวิตของมัน  "

     ต่อปากต่อคำนานกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องที่คลาร์กต้องการจะบอกกับคาวัลโลก็รู้มาแล้ว แกเร็ตเปิดผ้าคลุมประโจมออก ชูตะเกียงในมือขึ้นสูงนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นหรี่ลงช้าๆจ้องมองทัศนียภาพทั่วไปที่มืดครึ้มและมีสายลมปนเม็ดทรายปลิวคลุ้ง ผู้ที่ไม่คุ้นชินกับทะเลทรายอย่างแกเร็ตแทบจะหมดหวังในการออกไปไหนมาไหนโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ กวาดตามองหากระโจมที่พักอีกครั้ง

         " มีอะไร ? "  น้ำเสียงทักสั้นๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาแทบสะดุ้ง แกเร็ตหันไปมองชายที่อยู่เบื้องหลังในชุดคลุมตามแบบฉบับชาวอาหรับ สีหนึ่งเคร่งๆและนัยน์ตาขุ่นแสนจะไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายทำให้คิ้วของเขาเลิกขึ้นน้อยๆ..

         " ผมอยากพบคาวัลโล " เอ่ยปากบอกความต้องการออกไปสั้นๆ

        " ตอนนี้ดึกแล้ว " นั่นไม่ต่างกับคำปฏิเสธ...

        " ผมจำเป็นต้องขออนุญาติคุณงั้นเหรอ? " ถ้าคิดว่าฝ่ายนั้นจะหาเรื่องเป็นอยู่ฝ่ายเดียวล่ะก็ขอบอกว่าคิดผิด แกเร็ตใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่วาจาไร้ความปราณีและจิกกัดเป็นนิตย์ พร้อมพฤติกรรมระห่ำไร้การไตร่ตรองมานานจนเคยชินแล้ว นับประสาอะไรกับการต่อกรกับพวกคนรับใช้เล็กๆพวกนี้เล่า..

        ".....ไม่.....แต่ตามมารยาทก็ไม่ควรจะออกไปไหนดึกๆดื่นๆ "

       " ถ้าไม่นำทางไปก็หลีกด้วย " แกเร็ตชูตะเกียงขึ้นสูง ส่องไปยังใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วหรี่ลงน้อยๆ "คุณองครักษ์...ผมไม่ว่างจะมายืนต่อล้อต่อเถียงกับคุณ "

       ".........." ที่สุดองครักษ์ผู้ถูกเรียกก็ยอมเดินนำไป เเกเร็ตก้าวเท้าตามขณะที่นัยน์ตากวาดมองรอบด้าน และเหลียวหลังมองกระโจมพักของเขาที่บัดนี้มืดสนิททั้งที่ไม่ควรจะเป็น แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อตะเกียงอันนี้ถูกตนนำมาใช้งาน ส่วนอีกอันก็เสียไปแล้วด้วยฝีมือของคลาร์ก...ดังนั้นเจ้าคนทำเจ๊งก็สมควรจะรับผิดชอบ

       " รอสักครู่...." เดินไม่นานก็มาถึง แกเร็ตยืนอยู่หน้ากระโจมใหญ่ที่พักของเพื่อนสนิท ชายหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตนเองจะพูด รวมถึงเรื่องที่"คุณอา"ของคาวัลโลฝากมากรายๆ...

    ...มันก็จริงอย่างที่คลาร์กว่า..เรื่องของตัวเองก็สมควรจะจัดการเอง ไม่ใช่หน้าที่ ที่พวกตนจะต้องเข้าไปยุ่ง...เขาและคลาร์กมีหน้าที่แค่พามันกลับเท่านั้น เรื่อง"ความสัมพันธ์"ซึ่งแม้คนโง่ยังดูออกของคาวัลโลและผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าตัวจะจัดการ...หน้าที่ก็ยังคงเป็นหน้าที่...ภาระที่รับปากไว้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น..

    ...มันรับปากว่าจะเป็นบอส ก็ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ไม่มีสิทธิ์จะกลับคำหรือไม่สนใจในสิ่งที่ตัวเองรับปากไว้แล้ว

    ...ปัญหาที่คาวัลโลคิด ไม่ใช่ทำยังไงจะได้กลับไปหรือทำอย่างไรจะได้ตำแหน่งคืนหรือ แต่คงเป็นทำอย่างไร...จึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของตัวเองและความสัมพันธ์ของตัวเองให้อยู่รอดมากกว่า...

   ..  ชีวิตไม่ใช่เรื่องของการทำอย่างไรให้รอดจากพายุฝน แต่เป็นเรื่องของการจะเล่นน้ำฝนอย่างไรต่างหาก ..

         " เชิญ "

        เสียงเคร่งออกปากสั้นๆ ทำให้ชายหนุ่มละออกจากภวังค์ สายลมอุ่นจากด้านในกระจายออกมาเบาบางยามที่องครักษ์รายนั้นเปิดผ้ายบังกระโจมออก แสงไฟเล็ดรอดออกมาจากด้านในทอดยาวสว่างจ้า..แกเร็ตมองตะเกียงในมือตัวเอง สลับกับหันไปมองกระโจมพักของเขาที่มืดสนิทไร้แสงไฟ..เขายื่นตะเกียงไปยังชายคนนั้น มองสบแววตาสงสัยที่อีกฝ่ายจ้องมา

     "....ฝากนี่ไปไว้ที่กระโจมผมที "

............................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2011 17:30:39 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
    ซบหน้าลงกับหมอนใบโต ทอดกายนอนแน่นิ่งบนฟูกนอนหนาคาวัลโลจ้องมองเนื้อผ้าและสีสันของเครื่องนอนที่ตนเองนอนแน่นิ่งอยู่ด้วยสีหน้าลอยเหม่อ ครู่หนึ่งจึงพลิกกายนอนหงาย นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงแดงช้ำ จ้องมองตะเกียงเจ้าพายุที่ส่องแสงจ้า ลวดลายแกะสลักงดงามยังคงปรากฏชัดเจน ขณะที่ความคิดสับสนวุ่นวาย..ขอบตาที่ผ่าวร้อนค่อยปิดพับลงช้าๆนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...เรื่องราวและภาพนั้นยังคงชัดเจนอยู่ไม่คลาย..

      ...." ได้โปรด....เชื่อใจผม "...

       คำๆนั้น...ไม่รู้ว่ามันจะมีค่า จะเพียงพอต่อสิ่งที่เขาตัดสินใจรึเปล่า...จะสามารถทำให้คนที่รักเขา ต้องเจ็บปวด ชอกช้ำ ผิดหวังมาครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพราะการกระทำของ คาวัลโล วาลกัส คนนี้

      ในยามที่ตนเองสิ้นหวังถึงที่สุด...คาวัลโลก็ได้ผู้ชายคนนี้...ได้อัลชาอ์มาคอยอยู่ข้างกาย ทั้งปลอบขวัญและชี้ให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของศักดิ์ศรีและความเป็นคนของตน..

      ในวันที่ฟ้าหม่นเมฆครึ้ม...เขายังเคยเอ่ยปากสัญญา ...พยายาม...จะพยายามเพื่อที่จะรักคนๆนั้นอย่างสุดกำลัง...

      และในวันที่อัลชาอ์สูญเสีย ครอบครัว ญาติมิตร ตลอดจนความไว้ใจที่มีต่อคนเหล่านั้น วันที่ต่างก็เดียวดายไม่แพ้กัน พวกเขายังกอดซบประคองกันไว้ ...อัลชาอ์เคยขอสัญญา เคยเอ่ยว่าเหลือเพียงคาวัลโลคนนี้ .และเขา ก็สัญญาว่าจะไม่จากไปไหน..

     ....แต่เพียงไม่กี่วัน...ทุกอย่างมันกลับตาลปัตร...คำสัญญาที่เอ่ยปากเอง  คำพูดที่พูดออกมากลายเป็นคำโกหกที่น่ารังเกียจที่สุด..

      ไม่แปลกเลย...หากอัลชาอ์จะนึกรังเกียจ ผิดหวัง และไม่เชื่อใจเขาอีกต่อไป..

       การวางเดิมพัน การยอมเชื่อใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ผลตอบแทนไม่ต่างกันเลย คือความผิดหวังและนิสัยกลับกลอกของเขา..

          ..ไม่น่าแปลกใจเลยที่อัลชาอ์ฟังคำนั้นแล้วทำได้เพียงนิ่ง...และถอนหายใจออกมาเพียงแผ่วเบา ก่อนจะดึงมือออกและเดินออกไป..ทิ้งให้คาวัลโลอยู่ตรงนี้เพียงคนเดียว..

        มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่น รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกคอหอย ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่...ไม่รู้ ว่าความอ่อนโยนและความรักที่อัลชาอ์มอบให้มีค่าต่อจิตใจมากถึงเพียงนี้...

       คาวัลโลทำได้เพียงทิ้งกายนอนลงอย่างไร้เรี่ยวแรง สมองกำลังคิดจนปวดระบมถึงทางออก...ที่ไม่มีทางออก...

      อัลชาอ์เป็นคนสำคัญ....ทว่า...พ่อแม่ พี่...ครอบครัวของเขาก็สำคัญเช่นเดียวกัน..

        ไม่ว่าจะเลือกทางไหนล้วนต้องปวดร้าว...และคาวัลโลก็รู้ดี ว่านับแต่รู้ความจริงทั้งหมด เขาก็ไม่อาจจะปล่อยวาง ไม่อาจจะหันหลังให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกแล้ว

        ...แผนการของผู้เป็นลุง การหักหลัง การทรยศ ความจริงที่เขารู้ และเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น มันบอกให้รู้ว่าคาวัลโลไม่มีทางจะอยู่ที่นี่ได้...ไม่มีทางเลย ตราบใดที่หัวใจของเขายังคงร้อนรนและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้..

      จะให้ทิ้งครอบครัว จะให้ทิ้งพ่อแม่และคนอื่นๆ แกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น แล้วทำเฉยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ใช่ไอ้คนไร้กำลัง เขามันก็ไอ้คนเลวบัดซบที่ทิ้งได้กระทั่งผู้ให้กำเนิด ..นับแต่ได้รู้เรื่องทั้งหมด ใจเขาก็คิดแต่จะกลับไป กลับไปแก้แค้น กลับไปจัดการสำเร็จโทษคนทรยศ คนที่ทำร้ายกันมาตลอดให้สาสม ให้มันจดจำไปจนวันตาย

        ที่ออกปากพูด ออกปากพูดถึงคำสัญญาครั้งสุดท้าย คาวัลโลเพียงแต่หวังให้อัลชาอ์เข้าใจถึงสิ่งที่เขาจะทำ เข้าใจถึงความสำคัญของ"ครอบครัว"ว่ามันจำเป็นเพียงใด ...หากจะเรียกเขาว่าคนกลับกลอกก็จงเรียกไป หากจะเรียกเขาว่าเป็นคนใจร้าย ผิดคำสัญญา มันก็เป็นไปตามนั้น..

       ....แต่คาวัลโลจะไม่มีวันปล่อยให้ครอบครัวของตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย  เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาเพราะตัวเขา เพราะความทรนงโง่ๆ ความมั่นใจจนเกินเหตุ และความวู่วาม ที่เป็นเหตุให้เฟรเดริโก้ วาลกัส คนนั้น กลับกลายมาเป็นคนที่ทำร้ายกันได้อย่างเจ็บแสบมากที่สุด..

          ผิดหวังที่ไม่เป็นที่ต้องการ ไม่ได้เป็นบอส เขายังพอทำใจรับได้ว่ามันเป็นเพราะการกระทำของตนเอง เป็นผลจากความผิดพลาดของตัวเอง ทีทำได้คือไม่โวยวายและยอมรับมัน

         ทว่า...ความผิดหวังจากเรื่องราวที่รู้ มันเกินจะรับไหว เกินจะบอกตัวเองให้ทำใจและยอมอยู่เฉยได้แล้ว..

...พี่ของเขาสู้...อาของเขาสู้ ทุกคนที่อยู่ฝ่ายเขาต่างก็สู้..

...แล้วจะให้คาวัลโลยอมแพ้ หลบอยู่ตรงนี้เหรอ?

เป็นความจริงว่าที่เขาไม่อยากไปเพราะอยากจะอยู่กับอัลชาอ์...แต่มันก็เป็นความจริงเช่นกัน ว่าที่เขาไปเพราะครอบครัวสำคัญมากกว่า...

...พ่อ แม่...พี่...คนเหล่านั้นสำคัญมากมายจนไม่อาจจะอยู่ตรงนี้ได้อีกแล้ว

นี่คือการเดิมพันของเขา เช่นเดียวกับการเดิมพันของอัลชาอ์

เดิมพันความเชื่อใจ เดิมพันความรู้สึกทั้งหมดไว้กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้..

 คาวัลโลยังไม่อาจตอบตัวเองได้ ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจากอะไร มันอาจจะเป็นเพียงความอ่อนแอหวั่นไหวอย่างที่คลาร์กว่า หรืออาจจะเป็นความรักจริงๆก็สุดจะรู้..

...รู้เพียงแต่ว่าถ้าอัลชาอ์ยอมรับ..หนทางข้างหน้าถึงจะลำบาก แต่คาวัลโลก็พร้อมจะพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง

...แต่ถ้าไม่.....เรื่องทุกอย่างก็คงต้องจบ....ลงเพียงเท่านี้....

        เขาเป็นคนผิด คาวัลโลเป็นคนผิดที่กลับกลอกหลอกลวง ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ จะกล่าวโทษด่าว่าหรือเข้าใจอย่างนั้นไปตลอดก็ได้..เขายอมรับ แต่ก็จะทำมันต่อไปเช่นกัน

อยากจะอยู่ที่นี่แต่ก็ต้องจากไป อยากจะสานสัมพันธ์ต่อ แต่ก็ต้องจากไกล ไม่มีอะไรเป็นไปตามทีต้องการ ใช่...ชีวิตมันก็แบบนี้ล่ะ
ผิดหวังมามากเล้ว เจออะไรมามากมายแล้ว กับแค่เรื่องแบบนี้จะยอมแพ้ได้อย่างไร...เสี่ยงพนันไปเลยว่าได้ไม่ได้ เดิมพันกันซะ ได้คือได้ ไม่คือไม่ แตกหักกันไปตรงนี้เสีย

       คาวัลโลหลับตาลงอย่างรวดร้าว ลมหายใจทิ่มแทงลำคอราวกับหนามแหลม..ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะ เรื่องราวมันต้องเป็นแบบนั้น คาวัลโลคนเก่าก็คงตัดสินใจแบบนั้น เด็ดขาด ไม่สนใจ ไม่ยอมไว้หน้าใคร รู้แค่เพียงตัวเองต้องการอะไร คนอื่นต้องยอมทำตาม คนอื่นต้องยอมรับและเข้าใจเขา ใครที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปมองมันอีก...เพียงแค่นั้น...เรื่องราวทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ หากเป็นคนเดิม คนที่ไร้หัวใจคนนั้น...


       ....แต่ตอนนี้...แม้จะต้องทำอย่างเดิม แต่เขาไม่อาจจะตัดใจ ใจร้าย ใจเเข็งได้เช่นเดิมอีกแล้ว...

เพราะคนๆนั้นสำคัญมากเหลือเกิน คนๆนั้นทำเพื่อเขามาตลอด คนๆนั้น...รัก...เขามาตลอด...เพราะคนๆนั้นคาวัลโลถึงได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง..แล้วจะให้เขาทำร้ายอัลชาอ์ได้ลงอีกหรือ..

      เสียงพูดคุยเบาๆที่ดังมาจากด้านนอกกระโจมทำให้คาวัลโลชะงัก..ร่างที่นอนแน่นิ่งราวกับไร้ลมหายใจดีดตัวขึ้นมานั่งทันที นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองเงาคนที่เห็นรางๆด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ คาดว่าอัลชาอ์อาจจะกลับมาแล้ว...และคำตอบที่เป็นไปได้ทั้งสองอย่างก็ทำให้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ทว่า...ร่างของฮาซานที่โผล่ออกมารายงานเบาๆนั่นทำให้ต้องขมวดคิ้ว..

      " ให้เข้ามา " คาวัลโลตอบรับสั้นๆ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าลวกๆ ไม่อยากให้คนที่เข้ามารับรู้ว่าเขากำลังอ่อนแอแค่ไหน ต่อให้มันจะเป้นเพื่อนสนิทที่ร่วมเรียนและฝึกฝนมาด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะให้มันได้เห็นใบหน้าที่อาบน้ำตาหรือท่าทางย่ำแย่ของเขา...เรื่องแบบนั้น...แค่คนๆเดียวได้เห็น ได้ดูแล...ก็เพียงพอแล้ว....

        เม้มปากแน่นกับเสี่ยนเล็กๆที่ผุดแทงในใจยามนึกถึงชีคหนุ่ม แต่ท่าทางคนที่เข้ามาจะไพล่นึกว่าตนเป็นต้นเหต สีหน้าของแกเร็ต เคย์จึงเคร่งขึ้น...

      " นั่งสิ " คาวัลโลออกปากเรียบๆ นัยน์ตาจ้องมองท่าทีของอีกฝ่ายที่ทรุดกายลงตรงหน้า สีหน้าเรียบเฉยของแกเร็ตเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด...ทว่าจากดวงตาที่ฉายความกังวลของอีกฝ่าย คาวัลโลก็รู้ ว่ามันคงจะลำบากใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น...

        "....คุณอาล่ะ ไปไหน? "ออกปากถามถึงญาติสนิทที่เพิ่งลงมือซัดกำปั้นใส่กันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แกเร็ตถอนหายใจช้าๆ จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย

        " นอนแล้ว "

        " อ้อ...." คาวัลโลรับคำเบาๆ...นัยน์ตาเกลื่อนด้วยความประหลาดใจปนความละอาย...เพราะความโกรธและช็อค จึงทำให้เขามีท่าทีแบบนั้น ทั้งที่ทุกคราว ไม่มีเลยที่คาวัลโลจะไปหาเรื่องชกต่อย ปากดี ด่าว่าส่อเสียดอาที่เขาสนิทสนม...คลาร์ก โรเซนเบิร์กคนนั้น..

         "..เขาไม่โกรธหรอก...ก็ปากร้ายไปแบบนั้นเอง " เหมือนแกเร็ตคิดว่าเขากำลังไม่พอใจคลาร์กอยู่ คาวัลโลพ่นลมหายใจลงช้าๆ..

         "  ฉันรู้...ที่พูดมามันก็ความจริง " คำตอบอีกฝ่ายนั้นทำให้แกเร็ตต้องเก็บงำความคิด...สองอาหลานคงไม่ได้เหมือนกันแค่ปากร้าย หุนหัน เจ้าเล่ห์แถมชอบใช้กำลังอย่างเดียว ทว่าก็คงจะเข้าใจและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ง่ายพอๆกัน

         " ก็เหมาะที่จะเป็นญาติกันนี่นะ " สรุปแบบนั้น ควรจะคิดในหัวมากกว่าจะออกปากพูด แกเร็ตเผลอปากแล้วชะงักเล็กน้อย ส่วนคาวัลโลก็ร้องหึเบาๆในลำคอ

          "....อิจฉารึไง ที่ฉันเข้าใจเขามากกว่า...หืม....? "

          "...คนแบบนั้นเข้าใจก็เหมือนไม่เข้าใจนั่นแหละ..ยังไงเขาก็ชอบทำตามใจตัวเอง.." พอหงุดหงิด แล้วชอบยั่วโมโหชาวบ้าน นิสัยแบบนี้มันลอกเลียนแบบกันมาชัดๆ

          "...แต่ก็ยังดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ...สินะ..." คาวัลโลยิ้มออกมาบางๆ จ้องมองใบหน้าของแกเร็ต เคย์ที่เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแบบ...จ้องหน้าคนพูดเขม็ง

          "...เรื่องที่คุณคิด....อย่าพูดออกมาต่อหน้าเขาจะดีกว่า  " เอ่ยเตือนนเบาๆ กับเรื่องที่รู้ก็จงทำเป็นไม่รู้..เรื่องที่เข้าถึงหูคนๆนั้นเมื่อไหร่ก็จะได้ยิ่งวุ่นวายเข้าไปได้เรื่อยๆ

         " ...เขาก็แค่แกล้งไม่เห็น ..." คาวัลโลยักไหล่ช้าๆ..นึกถึงผู้เป็นอาที่ทำการไม่ต่างจากเขา ไม่ออกปากพูด ไม่หยิบยกเรื่องการแสดงออกที่เผลอไผลออกมาบ่อยครั้งของแกเร็ตให้วุ่นวาย ทว่าก็ทำเป็นไม่รู้ ปฏิเสธเงียบๆให้มันยอมแพ้ไปเองในที่สุด..

   ..จะได้ผลไหม? จะเป็นแบบที่เขาเคยเจอไหม เรื่องนั้นคาวัลโลไม่รู้และไม่อยากจะนึกร็ให้ปวดหัวมากกว่านี้เสียด้วย

          " แล้วเรื่องของฉัน คุณอาว่ายังไง"

          " เขาให้คุณตัดสินใจ " แกเร็ตตอบสั้นๆหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งด้วยท่าทีครุ่นคิด

          "...นั่น....ทำให้ฉันหนักใจกว่าเดิมนะ " คาวัลโลหัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดของเพื่อนสนิท..คือสิทธิตัดสินใจให้กับเขา ทั้งที่รู้อยู่ว่ายังไงเขาก็ต้องไป แบบนี้มันเท่ากับกดดันให้เขารีบๆจัดการเรื่องทั้งหมดชัดๆ

          " คุณอเล็กซิส กับคุณคาร์เนโร่กำลังมุ่งหน้าไปซิซิลี พรุ่งนี้น่าจะถึงแล้ว..." แกเร็ตตอบไปอีกเรื่อง นัยน์ตาสีทองหรี่ลงช้าๆ จ้องมองใบหน้าของคาวัลโลที่ยังคงเหมือนเดิม ทว่าก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป

...แววตา...ท่าทาง...นิสัย หรืออะไรสักอย่าง ในตัวคนๆนี้เปลี่ยนไป..

เจ้าตัวจะทราบหรือไม่แกเร็ตไม่แน่ใจ และเขาก็ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแแปลงนั้นจะนำมาซึ่งอะไร..

          "....ฉันต้องไปภายในอาทิตย์นี้สินะ..."คาวัลโลพ่นลมหายใจช้าๆ ยิ้มออกมาอย่างชืดชา..ทว่าก็สงบ และยอมรับได้ง่ายๆต่างกับท่าทีโวยวายเมื่อรู้ข่าวเป็นคนละคน

คาวัลโลคนเดิมนั้น"ตรง"และ"เอาแต่ใจ"มากเกินกว่าจะสนใจความรู้สึกของคนอื่น... คาวัลโล วาลกัส คนก่อนจะจากมา ยังเป็นชายหนุ่มที่มั่นใจในตัวเอง ไม่สนว่าใครจะคิดแบบไหน ไม่สนว่าจะเหยียบย่ำหรือทำร้ายใครเพื่อความต้องการของตัวเอง

...การแสดงออกที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตนเอง ความรู้สึกที่ส่งออกมาโดยเปิดเผย พอใจ ไม่พอใจ โวยวาย ด่าทอ สิ่งเหล่านั้นมันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว...ทว่า.... ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา จ้องมองใบหน้าและถอนหายใจด้วยท่าทีครุ่นคิด...กลับดูสงบ และ"ต่าง"ไปจากคนเดิมคนนั้นไม่ใช่น้อย..

     ต่อให้ยังคงพูดจาแบบเดิมหรือทำตัวไม่ต่างจากเดิม ทว่าพฤติกรรมที่อ่อนลงมากและอาการรับฟังเหตุและผลของคนอื่น เป็นสิ่งที่แกเร็ตเพิ่งจะพบเจอ..

ระยะเวลาไม่กี่เดือน ทำให้คนๆนึ่งเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? แกเร็ตตั้งข้อสงสัยตนเองในใจอย่างงครุ่นคิด...

          "...คุณดูเปลี่ยนไป " ขยับแว่นกรอบดำของตัวเอง...ด้วยความสงสัย เขาจึงเอ่ยปากถามในที่สุด..

     นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่กำลังฉายแววครุ่นคิดชะงัก...เงยมาสบด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ...รอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มมีความสุข เยาะหยัน หรือรอยยิ้มระอาใจ เป็นเพียงยิ้มไร้ความหมาย แต่กลับทำให้ผู้มองยิ่งต้องครุ่นคิดถึงความเงียบที่เกิดขึ้น...

     ...แกเร็ตกวาดตามองชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง คาวัลโลถอนหายใจ ขยับตัวพิงหมอนนุ่มด้านหลังก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นจะหันมามองด้วยแววตาวาววับ...

      " ทำไม หรือฉันดูอ่อนแอ ? " นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มวาววับขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ

     "....นั่น...แล้วแต่จะคิด.." แกเร็ตยักไหล่...ท่าทีไม่สนใจ

     " ...มันเป็นความพอใจของฉัน " คาวัลโลเม้มปาก เชิดหน้าขึ้นจ้องมองหน้าคนพูดที่เคยคุ้นกันอย่างไม่ยอมแพ้ " ฉันพอใจจะเปลี่ยนไป..พอใจที่ตัวเองจะเป็นแบบนี้ "

     ...ใช่จะไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม...คาวัลโลรู้ดี ทว่าเขาก็ไม่นึกอยากกลับไปเป็นคนเดิม...เป็นคนอ่อนแอในสายตาคนอื่น ยังดีกว่าเป็นคนโหดร้าย ไร้หัวใจอย่างที่เคยถูกประณาม..

    คนที่ถูกตราหน้าว่าอ่อนแอ ทว่าแท้จริงแล้วหัวใจเข้มแข็งและเป็นผู้นำที่ทำเพื่อคนอื่น...อัลชาอ์พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้ว ว่าเป็นผู้ปกครองที่องอาจได้ไม่แพ้ใคร

    ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอยู่ที่หัวใจ ไม่ใช่กริยาที่แสดงออก ท่าทีแข็งกร้าวหรือวาจาโหดร้าย ไม่ใช่เลย..

     "...ฉันไม่ได้อ่อนแอลง...แต่ฉันเรียนรู้อะไรมากขึ้นต่างหาก "บุตรชายคนสุดท้องของตระกูลวาลกัส ทายาทมาเฟียผู้เย่อหยิ่งและร้ายกาจ เป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ..แต่ท่าทางที่ควรหยิ่งยโสกลับดูอ่อนโยนขึ้น...รอยยิ้มที่เคยเย้ยหยันฉาบฉวย มองโลกอย่างผู้สามารถสยบทุกอย่างไว้แทบเท้ากลับเปลี่ยนไป...

       แกเร็ตพ่นลมหายใจลงช้าๆ...ใช่ คาวัลโลยังไงก็เป็นคาวัลโล แต่คาวัลโลคนที่เขาเจอคนนี้ กลายเป็นคนที่เติบโตขึ้นแล้ว จากทั้งความเจ็บปวดและประสบการณ์ต่างๆ เป็นอย่างที่คลาร์กว่า...สิ่งที่เจอ จะทำให้เติบโตขึ้นได้จริงๆ..

     " อืม...ตอนนี้....คุณก็คงดูคล้ายพี่ชายล่ะมั้ง "

     " อะไรนะ ..." ท่าทางพูดไปเจ้าตัวจะไม่ขำ แกเร็ตยักไหล่ หัวเราะหึออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่ว่ายังไงคาวัลโลก็เกลียดการถูกเปรียบเทียบ หรือการพูดว่าเป็นเหมือนใคร...โดยเฉพาะกับพี่ชายคนนั้น..

     "...ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น.." แกเร็ตเอ่ยช้าๆ กวาดสายตามองรอบกระโจมที่กว้างใหญ่และหรูหรากว่าของเขามากบ่งชัดถึงฐานะของเจ้าของและบ่งบอกว่าสถานะของคาวัลโลนั้นสำคัญเพียงไร

     "....เรื่องของคุณ...คลาร์กบอกให้คุณจัดการเอง เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง..แน่นอนว่าเรื่องไหนที่เขาโผล่เข้าไปยุ่ง ก็รู้กันอยู่ว่ามันจะวินาศสันตะโรแค่ไหน " แกเร็ตวกเข้าเรื่อง แต่ยังไม่วายกัดผู้ปกครองนิสัยเสียของตนเช่นเดิม " เรื่องของทางโน้น...คุณอเล็กซิสและคุณคาร์เนโร่จะจัดการ...ผมคิดว่าไม่เกินสองวันเราจะได้รู้ผล "

      " พี่ไม่มีทางแพ้ " คาวัลโลหรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบ ...แน่นอนว่าคนเก่งเช่นพี่ชายของเขาหากคิดจะทำอะไรแล้วล่ะก็ไม่มีวันแพ้..และยิ่ง....เป็นการทำเพื่อคนที่รักด้วยแล้ว...

      " ...ที่เราห่วงกว่าผลแพ้ชนะ คือไพ่ตายที่เฟรเดริโก้ซ่อนไว้...และ...การกระทำทุกอย่าง จะไม่เป็นผลเลย ถ้าเราไม่สามารถพาตัวคุณกลับไปได้..." แกเร็ตพ่นลมหายใจช้าๆ จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้าอีกครา อย่างจริงจัง  " การมีตัวตนอยู่ของคุณ...ไม่ต่างกับการประกาศชัยชนะของพวกเราทางอ้อม..ทุกอย่างจะจบลงถ้าคุณไม่กลับไป..ทุกคนต่อสู้เพื่อคุณ..ตอนนี้...ตอนที่เราตัดสินใจจะเเตกหักกับเฟรเดริโก้ นั่นหมายถึงตำแหน่งนั้นได้กลายเป็นของคุณแล้ว.." 

      ".....อย่าทำให้พวกเราผิดหวังล่ะ...บอส..."

            แกเร็ต เคย์ จ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอีกครา ดวงตาสีทองของเขาเปล่งประกายชัดบ่งบอกถึงความเชื่อมั่น ฝ่ามือหนาคว้ามือของคาวัลโลมาจุมพิต...บ่งบอก ถึงการ"ยอมรับ" ในตัวคนเป็นนายอย่างถึงที่สุด..

แกเร็ต เคย์ จะเป็นมือขวา คลาร์ก โรเซนเบิร์กจะเป็นมือซ้าย พวกเราจะเป็นมือเท้า เป็นแขนขาของคุณ จะช่วยคุณกรุย ตะลุยขวากหนามสู่ความสำเร็จ...

        คาวัลโลจ้องมองใบหน้าของเพื่อนสนิท...ความนัยน์ที่อีกฝ่ายสื่อออกมานั้นเขาเข้าใจมันดี...รวมทั้งหน้าที่และสิ่งที่เขาไม่อาจจะหลีกพ้น...

        จ้องมองริมฝีปากที่ประทับลงบนหลังมือ คำกล่าวของฝ่ายนั้นที่เอ่ยเรียกเขาเป็นบอส เรียกเขาว่า "DON " ชัดถนัดหู...

          ใบหน้าที่เคยก้มต่ำ ดวงตาที่เคยหรุบลงด้วยท่าทีครุ่นคิดไม่สบายใจค่อยเงยขึ้นและสบมองแววตาของบุรุษเบื้องหน้าไม่กระพริบ รู้ดีถึงความหวังและเจตนารมย์ที่ถูกส่งต่อ กระทั่ง"อำนาจ"ที่ตัวเขาลืมเลือนมันไป...

       หัวใจที่สงบค่อยเต้นโลดแรงด้วยความภาคภูมิและความปราถนาที่เด่นชัด...

    "...ขอบใจ...แกเร็ต " คาวัลโลพยักหน้ารับ...ฝ่ามือละจากปลายนิ้วที่กอบกุมแตะลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ทั้งแสดงอาการขอบคุณและแสดง"อำนาจ"ออกมาโดยไร้ท่าทีข่มขู่...หัวใจเต้นโลดแรง สมองแล่นฉิวเพื่อทบทวนแผนการณ์ทั้งหมด ดวงตาที่แดงช้ำกระพริบถี่ก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว...

แกเร็ตยิ้มรับ จ้องมองท่าทีนั้นอย่างพึงใจ...นัยน์ตาของเขาเป็นกระกายวาววับ ราวกับเห็นพญาเหยี่ยวที่กำลังกู่ร้องพร้อมจะโผบินแสดงอำนาจให้ผู้คนประจักษ์...

....กลับมาแล้ว....

....ใช่... คาวัลโล วาลกัส คนเดิมกลับมาแล้ว...กลับมาพร้อมกับความลุ่มลึกและองอาจยิ่งกว่าเดิม กลับมาพร้อมกับประสบการณ์ที่สอนให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น..พร้อมที่จะเป็นผู้นำอย่างเต็มตัว..

 เท่านี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว...


   ตึก!


   " ดึกแล้ว ใครอนุญาติให้ออกมาเพ่นพ่าน ! " เสียงตวาดไมคุ้นหู ทำให้ทั้งสองคนชะงัก แกเร็ตขมวดคิ้ว เขาจ้องมองร่างสูงใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยาที่ยืนตระหง่านด้วยใบหน้าแสดงความไม่พอใจฉายชัด

   " ผมมาคุยธุระ " แกเร็ตตอบสั้นๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่คาวัลโลลุกพรวด จ้องมองสีหน้าของฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าลังเล...ความอ่อนไหวที่กลับมาอีกครั้งแสดงออกชัดเจนจนแกเร็ตต้องพ่นลมหายใจระอา..

....อีกนาน...กว่าจะรู้จักแยกแยะ "อารมณ์"กับ "หน้าที่"ออกจากกันได้จริงๆ

     " เสร็จธุระแล้วก็เชิญ " สีหน้าของท่านชีคคนพูดอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติพอกัน แกเร็ตพ่นลมหายใจอย่างนึกฉุนเล็กๆ ทว่าก็ยอมพยักหน้ารับโดยดี  เขาสาวเท้าก้าวยาวๆออกจากกระโจม ทว่าก่อนจะยกผ้าเปิด เขาก็หันไปมองหน้าคาวัลโลที่กำลังเอื้อมมือไปดึงชุดของชีคคนนั้นไว้...คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้านายของเขาแล้วมาทำท่าทางแบบนี้ มันชวนคันเคืองในหัวใจเสียจริงๆ..

       " ลืมบอกไปว่าในฐานะเพื่อน...ดีใจจริงๆ ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ "  แกเร็ตเอ่ยปากแล้วหันหลังเดินออกจากระโจม แว่วเสียงพุดคุยดังออกมาเบาๆ ทว่าเขาก็ไม่คิดจะสนใจมัน

...จัดการกันเอง ก็อย่างที่คลาร์กเป็นคนพูดนั่นแหละ...
       
        คิดพลางสาวเท้าออกจากด้านหน้ากระโจม เขาจ้องมองกระโจมพักของตนเองที่ไฟมืดสนิทแล้วขมวดคิ้ว..เพราะมันควรจะสว่างในเมื่อได้ฝากตะเกียงกลับไปแขวนไว้แล้ว..

รึเจ้าคนที่เขาฝากไว้ มันจะไม่เอาไปให้กัน?

     ปึ่ก!

     "ชักช้า ทำอะไรอยุ่นักหนา" แรงเตะไม่เบานักตรงท่อนขาทำเอาเจ็บแปลบ แกเร็ตหันขวับไปมองหน้าคนพูด..คนที่แค่ได้ยินเสียงก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร

      " ไหนคุณนอนแล้ว? " แกเร็ตขมวดคิ้วยุ่ง...

      " เศษสมองของแกมันตกอยู่ในกระโจม เหม็นเน่าซะจนนอนไม่หลับ " ใบหน้ายุ่งๆสะท้อนภายใต้แสงตะเกียงจ้า วาจาชวนกวนประสาทเช่นเดิมชวนระอาใจ แกเร็ตพ่นลมหายใจช้าๆ เอื้อมมือหยิบตะเกียงจากมืออีกฝ่าย

      " คุณมายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว? "

      "  นานพอจะได้ยินว่าแกไปผ่าหาเรื่องอะไรเจ้าคาลมันอีกก็แล้วกัน " คลาร์กส่ายหัว ร่างในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวกอดอกเข้าหากันช้าๆเพราะความเย็นในทะเลทราย

      " ทำไมคุณไม่เข้าไปล่ะ? " แกเร็ตเลิกคิ้วถามอย่างงวยงงไม่น้อย

       " เพราะฉันไม่คิด...ว่าเรื่องที่ได้รู้มามันจะควรพูดตอนนี้น่ะสิ " คลาร์กพ่นลมหายใจเบาๆนัยน์ตาสีบรูเน็ตของอีกฝ่ายฉายแววครุ่นคิด นั่นทำให้เเกเร็ตรู้ ว่าคงจะเกิด"เรื่อง"อะไรขึ้นอีกแล้ว...

......

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2011 17:33:46 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


           สีหน้าไม่พอใจของอัลชาอ์ที่เห็นชัดเจนนับแต่ก้าวเท้าเข้ามานั้นก็ทำให้รู้ชัดว่าเจ้าตัวคงอารมณ์ไม่คงที่เสียเท่าไหร่  คาวัลโลนิ่งมองท่าทีของคนรัก กระทั่งแกเร็ตออกไปแล้วนั่นล่ะ ฝ่ามือของเขาจึงแตะไปที่แผ่นหลังแกร่ง เรียกให้อัลชาอ์ที่กำลังตาขวางหันมามองกันเสียบ้าง...

     ...เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะออกไป รับปากไปแล้ว ตั้งใจไว้แล้ว ตอนนี้คาวัลโลได้แต่คาดหวัง...รอคอย...ว่าอัลชาอ์จะยอมรับมันหรือไม่...

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลเกลื่อนไปด้วยความหวาดหวั่นไม่น้อย...เขาคาดหวังเต็มที่ให้อัลชาอ์ยอมรับ แต่ถ้าหากไม่ยอมเล่า...เรื่องราวคงไม่พ้นแตกหักกันไปอีก..

    ถ้าเป็นแบบนั้น...หวังจะให้จบลงอย่างที่สามารถยอมรับกันได้ทุกฝ่าย จะเป็นไปได้จริงหรือ?

          " อัลชาอ์..." คาวัลโลกระตุกเสื้อคลุมอีกฝ่ายแรงๆอีกครา เมื่อแตะแผ่นหลังและเฝ้ามองแล้วชีคหนุ่มยังไม่หันกลับมาสบตา

          "........." แม้นัยน์ตาคู่นั้นจะหันมาหา ทว่ายังไร้คำพูดใดออกมาจากชีคหนุ่ม และใบหน้าที่เคร่งขรึม นั่นชวนให้ใจเสียขึ้นทุกที

         " คุณเงียบทำไม? " คาวัลโลเกลียดความเงียบ อัลชาอ์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะความเงียบจากคำถามที่เขาต้องการคำตอบ ทำไมต้องเงียบ ทำไมต้องทำเฉย ทำไมต้องทำเป็นไม่พูดไม่จา มันแก้ปัญหาได้หรือย่างไร หรือจะให้เขาคิดเองเออเอง
เข้าใจเอง ใครมันจะไปมีปัญญาอ่านใจออกได้

          ".........."

          " อัลชาอ์ ! " เพราะกำลังเครียดขึงและคาดหวัง แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบนิ่งไม่ตอบคำแถมยังเบือนหน้าหนี ชวนให้ความหงุดหงิดพุ่งปรี้ด คาวัลโลกัดฟันเข่นเขี้ยวฝ่ามือตะปบเข้าให้ที่แขนของชีคหนุ่มแล้วกระชากพร้อมกับร้องเรียกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ....กล้าดียังไงมาทำเมินเขาแบบนี้

           " อย่าเพิ่งเซ้าซี้ คาวัลโล! " อัลชาอ์ตวัดสายตามามองอย่างนึกฉุน ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจแรง ดึงท่อนแขนออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย " ช่วยอยู่เงียบๆตอนที่ผมกำลังสงบสติอารมณ์ได้ไหม? ผมไม่อยากโมโหดคุณเรื่องงี่เง่านะ "

         "............." แล้วตอนนี้ไม่ไดทำอยู่หรือไง ! คาวัลโลอ้าปากค้าง พยายามระงับความไม่พอใจของตนเองเต็มที่ พยายามจะเข้าใจว่าที่อัลชาอ์ทำเพราะไม่อยากให้มีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตในสถานการณ์แบบนี้ แต่ยิ่งมองแผ่นหลังของคนรักที่ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะหันหลังกลับมา ความอึดอัดกลับค่อยตีขึ้นมาอย่างกะทันหัน..

    ...ทั้งที่พยายามจะหาทางออกแล้ว จมาโกรธอะไรกันอีก?

    ยอมรับว่าผิดแล้ว ยอมรับและขอโอกาสแบบนี้จะได้ไหม? เรื่องมันจะจบยังไงกันถ้ายังหันหลังคุยกันแบบนี้

          " หมอนั่นเป็นใคร? " ผ่านนาทีแห่งความเงียบงันไปชั่วครู่ ที่สุดอัลชาอ์ก็พ่นลมหายใจลงและหันกลับมาอีกครา...เพื่อจะได้พบกับคาวัลโลที่นั่งลงบนฟูกนอนด้วยสีหน้างอง้ำเคร่งเครียด

          " เพื่อน..." น้ำเสียงที่ตอบออกมาสั้นห้วนทว่ายังมีแววสั่นไหว คาวัลโลกลืนก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกลำคออย่างกะทันหันรู้สึกว่าตัวเองชักจะบ่อน้ำตาตื้นและร้องไห้ง่ายเหมือนเด็กเข้าไปทุกที

          " ...เพื่อนที่ไหนจูบมือกันด้วย ? " อัลชาอ์ทรุดกายลงตรงหน้า ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจแล้วเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าตึงขึง ความเคืองใจจากภาพที่เห็นค่อยคลายลงยามได้เห็นท่าทีเงื่องหงอยของคนรัก แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ความหงุดหงิดนี้หายไปได้

         " เอ๋?....คุณเห็นด้วยเหรอ? " คราวนี้คนฟังเงยหน้ามามองด้วยสีหน้าเหรอหรา ผิดคาดสำหรับอัลชาอ์ที่จะได้เห็นสีหน้าจืดเจื่อนหรือท่าทีอึกอักเป็นลิบลับ..

         " เห็น...และกำลังหงุดหงิดอยู่นี่ " ชีคหนุ่มพ่นลมหายใจช้าๆ หลังจากเดินออกไปคิดอะไรเงียบๆไม่นานก็มีคนมาตามและเเจ้งเรื่องที่มีคนมาคุยกับคาวัลโล รีบเดินเข้ามาและยืนนิ่งอยู่ด้านนอกอย่างไม่อยากขัดจังหวะ ทว่าภาพที่ชายหนุ่มคนนั้นก้มลุงจูบบนหลังมือของคาวัลโลทำให้ความโกรธเคืองและหงุดหงิดแล่นวูบจนถึงตอนนี้ แต่คนถูกทำกลับทำหน้าตาเหรอหราเสียอย่างนั้น

...การจูบหรือกอดในสายตาของคนยุโรป มองมันไม่ต่างกับการทักทาย ชีคหนุ่มรู้ดี แต่มันหมายถึงการจูบลงบนหลังมือของผู้ชายด้วยกันด้วยหรือ?

         "...ที่แท้คุณก็หงุดหงิดเรื่องนั้น บ้าชะมัด " คาวัลโลพ่นลมหายใจพรูแล้วบ่นงึม ความคิดร้ายๆที่โผล่มาในสมองเรื่องคำพูดของตนเองถูกปัดหายไปจากสมอง

        " ..มันน่าแปลกนักหรือ? " ท่าทางอัลชาอ์จะไม่ได้โล่งใจด้วยสักนิด ชีคหนุ่มยังคงมีท่าทีเคืองใจ สีหน้าหงุดหงิด

        "...หมอนั่นเป็นแค่เพื่อนผม...เป็นลูกน้องผมด้วย สิ่งที่เขาทำ แค่การเคารพ..เท่านั้น " คาวัลโลพ่นลมหายใจพรูยามนึกถึงตำแหน่ง"บอส"ที่แกเร็ตเรียกขาน บ่งบอกถึงอำนาจ ทว่าก็บอกถึงภาระหนักที่อยู่บนไหล่เช่นกัน

        " เคารพ...." อัลชาอ์ขมวดคิ้วจางๆ

        "....ยอมรับบอสที่จะเข้ามาปกครอง ด้วยการจูบหลังมือน่ะ..." คาวัลโลตอบสั้นๆ พร้อมกับถอนหายใจยาว...และ บรรยากาศที่เริ่มจะผ่อนคลายเพียงเล็กน้อย ก็กลับกลายเป็นหนักอึ้งอีกครั้ง..

        " อัลชาอ์...ผมน่ะ......." คาวัลโลถอนหายใจ เขาอ้าปากพูดเพราะจะปิดไปหรือทำนิ่งเฉยไปก็ไร้ประโยชน์ ขอร้องอัลชาอ์กลับไปไม่พอ เขายังกลับไปรับตำแหน่งบอสที่ต้องทำด้วย เพราะคาวัลโลเองก็รับปากไว้แล้ว จะเพิกเฉย จะทำไม่สนใจแล้วโยนภาระให้คนอื่นก็ทำไม่ได้..

         "....ผมรู้ " ชีคหนุ่มเอื้อมมือแตะไหล่ ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอันหลากหลาย..คาวัลโลเงยหน้าสบนัยน์ตาสีนิลของคนรัก..มันกำลังสั่นไหวเช่นเดียวกับดวงตาของเขา...

           ฝ่ามือหนาแตะลงบนผิวแก้ม สัมผัสและลูบไล้มันเบาๆทั้งด้วยความรักใคร่และอาวรณ์หนักหนา คาวัลโลกลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่สั่นระริกของอีกฝ่าย..

         "....ที่สุดคุณก็ต้องกลับไป...ไปตามทางของคุณ......"

         " อัลชาอ์....." คาวัลโลเม้มปากแน่น ก้อนสะอื้นจุกคอหอย แววตาสั่นระริกไหวสบมองดวงตาสีเข้มของคนรักอย่างเศร้าสร้อย เขาเอื้อมมือกุมฝ่ามือหนาไว้แน่น จ้องมองใบหน้าและแววตาของอีกฝ่าย

         " ผมจะกลับมา...ผมสัญญา....สัญญานะ...." ริมฝีปากสีจางพึมพัมเสียงพร่าสั่น พยายามสบมองใบหน้าและแววตาของชีคหนุ่มทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอจนภาพทั้งมวลสั่นไหว " เชื่อผมนะ...ได้โปรดเชื่อผมเถอะ...เชื่อใจผมด้วย..."

          ".........." ชีคหนุ่มหลับตาลง...ถอนหายใจพรูแล้วรั้งร่างของคาวัลโลให้แนบชิด อ้อมแขนหนากอดรัดร่างที่สั่นระริกของอีกฝ่ายไว้แน่น นัยน์ตาสีเข้มหรุบต่ำจ้องมองเส้นผมสีน้ำตาลทองของคนรัก..ชีคหนุ่มสอดปลายนิ้วลงบนเส้นผมนุ่มนั้นอย่างรักใคร่ ขณะที่แว่วเสียงสะอื้นของคนในอ้อมกอด จ้องมองฝ่ามือที่กำเสื้อคลุมของตนไว้แน่น มือที่กำแน่นเกร็งสั่นไปทุกส่วนบ่งบอกว่าคาวัลโลก็ลำบากใจไม่แพ้กัน..

        "...อัลชาอ์....รับปากผมนะ....อัลชาอ์ ". คาวัลโลพึมพัมเสียงสั่น เงยนหน้าขึ้นมาจากแผ่นอกหนาเพื่อสบตาอ้อนวอนชีคหนุ่มเจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นที่เขาถวิลหา...เว้าวอน...ร้องขอ เพียงเพื่อจะได้คำสัญญาที่เขาต้องการ ให้มั่นใจ และสามารถจะก้าวออกไปโดยไร้อาการลังเล..

    ...เพื่อจะกลับมาอีกครั้ง...เพื่อจะได้อยู่กับคนๆนี้อีกครา..

          ทว่าอัลชาอ์เพียงแต่ถอนหายใจไม่ตอบคำ ชีคหนุ่มเอื้อมมือปาดน้ำตาที่อาบแก้มของคนรักด้วยสีหน้ารวดร้าว..ทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่เอ่ยปากรับหรือปฏิเสธ และทำเพียงโอบกอดร่างของคนที่ตนรักหมดใจไว้แน่น...

....เดิมพันที่วางไว้...หมดไปหรือยังเหลือไหม อัลชาอ์ไม่อาจจะตอบได้

กี่ครั้งกี่คราวที่เรื่องกลับมาสู่จุดเดิมๆ..กี่ครั้งที่คำถามนั้นวกกลับเข้ามาสู่ห้วงคำนึง

...คนเราจะยอมรับ จะยอมเจ็บปวดกับความรักแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน..?

        " อัลชาอ์....." ริมฝีปากของคาวัลโลยังคงเอ่ยปากอ้อวนวอนด้วยสีหน้าโศกเศร้า ใบหน้าที่เขาหลงรัก หลงไหลเต็มไปด้วยน้ำตา ที่ค่อยเอ่อท้นดวงตาคู่สวยแล้วอาบลงบนผิวแก้ม.. ชีคหนุ่มดันร่างของอีกฝ่ายให้ทอดกายลงบนฟุกนอนหนา ขณะที่ตนโถมกายเข้าทาบทับ ปิดเสียงสะอื้น ซับรอยน้ำตา และหยุดยั้งคำถามที่ไม่อาจเอ่ยปากตอบไว้เพียงเท่านั้น..

       ฝ่ามือหนาดันร่างของคนที่ดิ้นรนน้อยๆให้แนบอยู่กับฟูกนอน ฝ่ามือที่สัมผัสใบหน้าเปลี่ยนเป็นกำท่อนแขนเเน่น ...ดวงตาสีเข้มภายใต้กุตราห์สีขาวฉาบฉายด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้น..

 ....ไม่ใช่คนดีนักหนา ผมก็คนเห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน

...แต่ที่ทำเพื่อคุณ และยอมให้กับคุณมากขนาดนี้ เพราคุณเป็นคนที่ผมรัก สาเหตุมันก็มีเพียงเท่านั้น

แต่จะทนได้อีกนานไหม...จะยอมเจ็บช้ำซ้ำๆซากๆและตั้งความหวังไว้กับสิ่งที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่หรือเปล่า...อัลชาอ์ไม่กล้าตอบตัวเองเลย..

ทนมากเท่าไหร่ยิ่งทุรนทุรายมากขึ้นเท่านั้น ต้องการมากขึ้นแต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบรับ และต้องจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆไปอีกนานเท่าไหร่..?

         ".. เมื่อไหร่  " คำถามผ่านออกมาจากริมฝีปากสีเข้ม จากคนที่ทั้งกอดและกดทับร่างกายของเขาให้แน่นิ่งจนไม่อาจขยับ..ถึงขยับได้คาวัลโลก็คงไม่ทำ เพราะยามนี้สีหน้าและแววตาของอัลชาอ์บ่งชัดว่าไม่ควรทำเช่นนั้น..

...มาเฟียหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความอดสู ยามที่คำถามนั้นดังออกมาจากริมฝีปากของชีคหนนุ่ม...นั่นทำให้เขานิ่งงันไปอย่างจนด้วยคำตอบ

เมื่อไหร่?

นั่นสิ...เมื่อไหร่กัน?

เมื่อไหร่ที่เขาจะได้กลับมาเหยียบที่นี่ เมื่อไหร่เรื่องราววุ่นวายจะจบ เมื่อไหร่ความปราถนาของตนเองจะบรรลุ เมื่อไหร่ นานแค่ไหน?

...อัลชาอ์จะทนรอได้หรือ? จะยอมรับได้หรือ?

...คาวัลโลสะอื้นออกมาด้วยความรวดร้าว มันเป็นความผิดของเขาเองที่ทำตัวแบบนี้ ให้ความหวังแล้วปัดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าใครก็ปวดร้าวและเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากจะทนกับมันทั้งนั้น

ยิ่งเห็นท่าทางของอัลชาอ์ยิ่งบอกชัด ให้รุ้ว่าคาวัลโลเป็นคนเห็นแก่ตัวแค่ไหน..และได้ทำร้ายคนที่รักเขาไปมากมายเพียงไร

        "...คุณให้ผมสัญญา..." ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น ชีคหนุ่มได้แต่หัวเราะเสียงพร่าสั่นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่พุ่งทวี ความโกรธมันน้อยนักเมื่อเทียบกับความเสียใจและผิดหวัง..รู้ดีถึงเหตุและผล รู้ว่าตนเองควรจะตัดสินใจเช่นไร ทว่ากับความเป็นจริงเช่นนี้ จะทนยอมรับมันและปล่อยมือไปง่ายๆโดยที่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลยหรือ?

   ....เขาดีกับคาวัลโล คอยดูแลอยุ่เคียงข้างเพราะรัก..ทุกๆอย่างก็เพราะรัก แต่เพรารักเช่นกัน ที่ทำให้ตอนนี้อัลชาอ์กำลังจะเป็นบ้า..

คนบ้าที่เจ็บปวดเพราะความรัก...คนที่ใกล้จะขาดสติและทำอะไรบ้าๆลงไปเพราะความปวดร้าวที่ไม่อาจระบายออก...

          "...สัญญาแล้วเมื่อไหร่คุณจะทำมัน...คุณบอกให้ผมรอ รอแบบไหน รออย่างคนบ้าที่เพ้อพกอย่างไร้หวัง หรือรออย่างคนโง่ที่เฝ้างมงายเชื่อถือโดยไม่นึกถึงตัวเอง " ฝ่ามือหนาแตะลงบนคอเสื้อ กระตุกดึงเครื่องพันธนาการร่างกายให้หลุดออกด้วยรอยยิ้มหยัน.และ.แววตาขื่นขม "  เมื่อไหร่ ตอบผมสิ...เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับมา...เดือน...สองเดือน สามปี สิบปี ยี่สิบปี....."
 
 " หรือตลอดชีวิต ?"


               ชีคหนุ่มกระชากเสื้อนอนของคาวัลโลออกแรงๆด้วยสีหน้าเยาะหยัน แววตาที่มองมาไม่ใช่แววตาที่เคียดแค้นหรือหื่นกระกาย ตรงกันข้ามมันกลับรวดร้าวและเจ็บแวดนัก..คาวัลโลเม้มปากแน่นสะท้านไปทั้งร่างยามที่ชีคหนุ่มตรงเข้ากระชากอาภรณ์ออกจากร่างกายของตนด้วยสีหน้าเครียดขึง  แขนสองข้างถุกดทับ และปลายฟันขบยอดอกแรงๆ จนร่างสะดุ้งไว้ อีกทั้งปลายลิ้นยังลามเลียซอกคอพร้อมกับสร้างร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของ พฤติกรรมอุกอาจที่ควรจะโกรธเคือง ทว่าเขากลับทอดร่างยินยอมให้อีกฝ่ายทำรุนแรงตามใจ

 .. รู้ดีว่าผิด รู้ดีว่ามันโหดร้ายกับคนที่ต้องเฝ้ารอโดยไร้ความหวัง ฉะนั้นหากอัลชาอ์อยากจะระบายความปวดร้าวกับการกระทำแบบนี้เขาก็ยินดี..

    ....สาสมแล้ว สมควรแล้วกับคำถามที่เขาตอบไม่ได้...

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบถี่ ปิดพับลงอีกคราขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม...

      ...ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ถึงจะได้พบกันอีกครั้ง...

           อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าของคนที่รักสุดใจซึ่งบัดนี้ทอดกายอยู่ใต้ร่าง หลับตานิ่งและยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าจะต้องถูกใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ มองเห็นอยู่ว่าการกระทำของเขามันป่าเถื่อน ก็ยังไม่ยอมดิ้นรนทั้งรอยฟันตรงลำคอขาว รอยกัดบนยอดอกสีสวยที่เคยถุกทะนุถนอมบัดนี้แดงช้ำและเป็นรอยสีจัดอย่างน่าสงสาร  หากคาวัลโลจะดิ้นรนด่าทอเขามันคงดีกว่านี้ ดีกว่าจะมายอมนอนแน่นิ่งยอมรับทุกสิ่งราวกับผู้พ่ายแพ้..

        เสื้อผ้าที่ถูกกระชากออกถูกเหวี่ยงไว้รอบกาย..สายตาของอัลชาอ์จ้องมองมันด้วยสีหน้ารวดร้าว...ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของคาวัลโลที่ยังคงเปื้อนด้วยน้ำตาไหลเป็นสาย...

       ไม่เคยคิดจะทำอะไรรุนแรง ไม่เคยคิดจะทำให้คนๆนี้ต้องร้องไห้ ทะนุถนอมโอบประคองอย่างดีเพราะว่ารักมากจนแทบทนไม่ไหว แต่สุดท้ายก็มาทำแบบนี้...    เพราะรัก เพราะผิดหวัง เพราะเจ็บปวดจนแทบกลายเป็นคลุ้มคลั่งและอยากจะหาทางออก.
.
        ...ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มซีดขาวแผ่วเบา จูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคนรักด้วยท่าทีทะนุถนอม. ฝ่ามือที่เคยกำแน่นกดทับให้ร่างของมาเฟียหน่มให้นอนนิ่งไม่อาจขัดขืนเปลี่ยนเป็นกอดประคองอย่างอ่อนโยน อัลชาอ์ซุกใบหน้าลงกับไหล่ผอม...กอดรัดร่างของคาวัลโล วาลกัสไว้ด้วยหัวใจรวดร้าว...

   ...ที่สุดก็ทำไม่ลง

    อยากจะย่ำยี อยากจะทำเรื่องโหดร้ายเพื่อสลักร่องรอยของตนให้จารึกบนความทรงจำของคาวัลโลไม่ให้จางหาย ให้คนๆนี้คิดถึงเขาตลอดไปแม้จะไปพบเจอใครหรือไปกอดใครอีก..แต่ว่ายังไงก็ทำไม่ลง..

...เพราะรัก...เพราะรัก....รักมากเหลือเกิน...

        คาวัลโลกระพริบตาถี่ จ้องมองแสงตะเกียงจากโคมไฟที่ยังคงสาดจ้า ลำคอตีบตันรวดร้าวด้วยความเจ็บปวดที่บีบรัด ชายที่รักเขายิ่งดวงใจยังคงกอดไว้แน่น..โอบกอดทะนุถนอมเช่นที่เคยเป็น และความคุ้นเคยนั้นเองทำให้มาเฟียหนุ่มสะอื้นไห้ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว...

      เขายกมือมือกอดร่างของอัลชาอ์ไว้ โอบรัดและกอดไว้แน่นอย่างที่ใจอยากจะทำ ทั้งที่จะทำรุนแรงหรือจะทรมารเขาอย่างไรก็ได้ คาวัลโลเต็มใจจะให้เป็นแบบนั้น แต่สุดท้ายอัลชาอ์กลับเป็นฝ่ายโอบกอดและฉุดรั้งเขาออกมาจากวังวนแห่งความเจ็บปวดอีกครา..

        มาเฟียหนุ่มสะอื้นไห้ออกมาอย่างรวดร้าว เขาจ้องมองแสงจ้าของตะเกียง ขณะที่โอบกอดร่างของคนรักไว้แน่น ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกครองครอบไว้พร้อมกับความร้อนในกายเริ่มปะทุจากสัมผัสของชีคหนุ่ม...คาวัลโลครางในลำคอเบาๆ ปนกับเสียงสะอื้น นัยน์ตาที่มัวพร่ายิ่งเรือนลางยามมองเห็นร่างของอัลชาอ์ขยับอยู่บนกาย ความร้อน แรงเสียดสีและความรู้สึกที่พุ่งทวี ไม่ได้ตราตรึงไปมากกว่าใบหน้าและแววตาของคนรัก...

     คาวัลโลครางฮือ โอบกอดร่างของชีคหนุ่มไว้แน่นขณะที่อีกฝ่ายขยับกายรวดเร็ว เสียงลมหายใจหอบ เสียงขยับกายเสียดสี เสียงครางแผ่วเบาในลำคอยังคงเคล้าคลอเสียงสะอื้น..

   ท่ากลางสติรับรุ้อันเลือนรางเขาสัมผัสได้ถึงของเหลวใสๆที่ตกลงบนใบหน้า  รสเค็มปร่าของน้ำตายิ่งทำให้ความเจ็บปวดแผ่ซ่านอย่างไม่อาจระงับ...

   ร่างของพวกเขายังคงทาบทับ กอดรัด คลอดเคลียกันราวกับเป็นครั้งสุดท้าย เปล่งเสียงครางครวญเจือสะอื้นให้ พร้อมกับคำถามที่ยังคงดังก้องอยู่ในสมอง..

ต่างรับรู้ ต่างก็ยอมรับ แต่ไม่อาจปล่อยมือ ไม่อาจจะตัดใจจากไปได้...

รู้ดีว่าสุดท้ายก็ต้องจากไกล แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจปล่อย..

เพราะว่ารัก..เพราะว่ารัก...รักมากเหลือเกิน...

...แล้วจะหาทางออกได้อย่างไร?


.......................
     :m15:น้ำตาซึมตอนท้ายๆ...ตอนแรกจะจัดท่านชีคเอสเอ็ม แต่ไม่ไหวอ่ะ ไม่ใช่อัลชาอ์ อัลชาอ์ไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่ใช่คนใจร้ายกับคนที่ตัวเองรัก ท่านชีคคนดี ฮือ อ อ / โดนเตะ

    ตอนนี้คาวี่ใจร้าย...ก็นะ...ใจร้ายแบบปวดใจนั่นแหละ อยู่กับคนอื่นล่ะมั่น อยู่กับท่นชีคล่ะเรียกอัลชาอ์ๆไม่ขาดปาก โถ อิหนูเอ๊ย
ท่านชีคก็มีโมโหเหมือนกัน แต่ที่น่าโมโหที่สุด คือต่อให้ดิ้นรนไปสุดท้ายมันก็เป็นเหมือนเดิม...

ดราม่าน้ำตานองกันต่อไป T T

ปล. หกล้มหน้าห้องน้ำตอนเย็นนี้เอง เจ็บหลัง เจ็บแขน แขนถลอกหมด อร้าก ก ก ก :m15:
ปล2 แบดกายอัพพรุ่งนี้จ๊ะ

 :pig4:

ppmayuree

  • บุคคลทั่วไป
ก็รักไปแล้ว...จะให้อัลชาร์รออีกหน่อยจะเป็นไรไป
คาวัลโล ก็ปวดใจพอกันนั่นแหละ
:เฮ้อ:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
"...ฉันไม่ได้อ่อนแอลง...แต่ฉันเรียนรู้อะไรมากขึ้นต่างหาก "

เราคิดว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนา

เค้าไม่เรียกว่าอ่อนแอ แต่ เค้าเรียกว่า .. อ่อนโยน ...

สงสารชีคใจจะขาด สงสาร ชีคน่าสงสารที่สุดในสามโลก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2011 02:22:49 โดย THiiCHA »

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงท้ายๆนี่ชวนให้น้ำตาซึมจริงๆค่ะ  ทั้งเศร้า ทั้งซึ้ง
ท่านชีคนู๋คาวี่ สู้!!! o7


 ปอลอ :L2: เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ หายเจ็บไวๆนะคะ



ออฟไลน์ ammer

  • มีหัวใจแต่ไร้ความรู้สึก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-0

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
คนเขียนต้องหาทางออกให้คาวี่กับอัลซาร์ให้สวยๆ ด้วย ไม่งั้นมีงอน
สงสารคาวี่กับอัลซาร์ แต่มันเป็นเรื่องของครอบครัวมันจำเป็น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
 :sad4:ในที่สุดเวลาของการจากลาก็มาถึง

สงสารอ่า ท่านชีคต้องรออีกนานแค่ไหน....

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
น้ำตาแตก
สงสารท่านชีคจัง
สุดท้ายก็ได้แต่รอคอยต่อไป :m15:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนนี้ท่านชีค คงนึกว่าตัวเองเป็น นิว-จิ๋ว "รอแล้วได้อะไร"

ฮือๆๆๆ เจ็บปวดสุดใจทั้งสองคน

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อัลชาร์เป็นคนรักที่เพอร์เฟคจริงๆ สมกับเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง งื้อ เศร้าแทน

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมตอนนี้มันโศก สลด น้ำตาท่วมจอขนาดนี้อะ  :serius2: :serius2: :serius2:

ไม่รู้จะสงสารใครดี ทั้งคาวี่ทั้งอัลซาร์ ความจริงน่าจะให้คุณอาขึ้นเป็นบอสแทนซะเลยนะ นิสัยให้จะตาย :o10: :o10:



hahn

  • บุคคลทั่วไป
สงสารทั้งคู่เลย   :sad11:

ออฟไลน์ inhyung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
รันทดมากกกกก เมือไหร่ จะได้กลับก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ เมือไหร่คาวี่จะไปจัดการเรื่องทั้งหมด เอาแบบ มาดเท่ๆ ด้วยนะ 5555

saya

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad: สงสารทั้งคู่จังตอนนี้น้ำตาลท้วมในตอนท้าย
อยากให้ท่านชีครอคาวี่ แต่คำถามที่ท่านชีคถามคาวี่มันทำให้สะอึกเลย
แบบรอถึงเมื่อไหร่  สุดๆอ่ะคำถามนี้
ปล. แอบตกใจตอนที่ท่านชีคจะ sm แต่ถ้ามีก็ชอบนะ :-[ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ขอให้คนเขียนหายเจ็บเร็วๆนะจ๊ะ  :กอด1:

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15:


อะไรมันจะเศร้าขนาดนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สงสารท่านชีคอ่า ทรมานแทน
จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่ เฮ้อ.........เจ็บปวด

tengu3

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: ทนไม่ไหวแล้ว
นั่งซับน้ำตาท่วมจอ คนอ่านจะตายก่อนแล้ว
สงสารท่านชีคอ่ะ ท่านชีคร้องไห้ด้วย
แต่ก็สงสารคาวี่นะ แต่น้ำตาลลูกผู้ชายอย่างท่านชีคนี้มันยากนะ
ถ้ามันไหลออกมาเพราะคาวี ก็แสดงว่าคาวีเป็นดั่งดวงใจและชีวิตเลยทีเดียว
เข้าใจเลยว่าท่านชีครักคาวีมากขนาดไหน
เฮ้อ เศร้าๆๆ ไรท์เตอร์ขา จบสวยๆนะ
สงสารทั้งคู้เลยอ่า อุตส่าห์ตัดขาดญาติเพื่อคาวีขนาดนี้ :sad4:

ออฟไลน์ Bee_YJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
คาลน่าสงสารมาก
เลือกทางไหนก็มีแต่ทุกข์กับทุกข์ :m15:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
เฮ้อ เศร้าและซาบซึ้งในรักของทั้ง2คน แต่หน้าที่ก็คงต้องทำ

แล้วชีคจะรอคาวี่มั้ย ถ้าไม่รอเราก็เข้าใจเพราะรักมากก็เจ็บมาก

แล้วคนแต่งจะให้จบไงเนี่ย นอยด์มากอ่ะ

ปล.คู่คลาร์กกะแกเร็ตนี่คงมีไรแน่ๆ

ปล.2ตอนนี้พิมพ์ชื่อคลาร์กกะแกเร็ตสลับกันไปมาเยอะเลยค่ะ

 :o12:

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
แอร๊ยย ขอกรี๊ดก่อน
แกเร็ตกับคลาก นี่มันอะไรร อ่านแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาชอบคู่นี้้ :o8: :o8:
ตาลุง30วัยกำลังซึน? มันมาแอบหวานกับเด็กในอุปการะ กร๊าก :laugh: ชอบอ่ะ
อยากให้ จัดหนักคู่นี้ ตอนพิเศษก็ยังดีจ้าาา :กอด1:

ส่วนน้องคาร์โล ก็ :o12:

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
แง้  ๆๆๆๆ :sad4: อัลซาล์  คาวี่  ไม่นะไม่ยอม
เศร้าอ่ะ  ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย คาวี่ต้องกลับมาสิ
เคลียร์เรื่องทางโน่นให้เสร็จแล้วต้องกลับมานะ  ห้ามนานด้วย
สงสารซีคเป็นที่สุดอ่ะ  ฮือๆ :m15: :monkeysad:

ออฟไลน์ kikumaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่ากันอะ
รู้แต่สงสารตัวเอง
อ่านแล้วเศร้าแบบอินเกิน

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ติดไปอีกตอนน่ะค่ะ ยังไม่กล้าอ่าน :o12: กลัวเศร้า

raphaello

  • บุคคลทั่วไป
ท่านชีคคนดี ดีเกินไปแล้วววววT^T

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด