Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1058154 ครั้ง)

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
เอาอีกๆๆ ขออ่านฉากบู๊แก้เครียดหน่อยนะคะ อิอิ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อยากอ่านฉากบู๊ต่อค่ะ อิอิ

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดดดดด เห็นตอนใหม่แล้วรีบดิ่งเข้ามาอ่าน

แต่........................................เริ่มตอนต้นซะเราแทบโดดด้วยความดีใจว่า คู่แฝดเขาได้เจอกันแล้ว แถมได้จังหวะกำลังฟังเพลงไม่อยากจะเชื่อเลยของ คริสติน่า อากีล่าร์ อยู่ เลยอินสุดๆ กำลังน้ำตาซึมแต่แล้วฝันก็สลาย  มันคือความฝัน ฮือ ฮือ
++++++++++++++++++++++++++++++++
ในวันที่เรา มีคำร่ำลายังคงคิดว่า ไม่มีวันได้เจอ กัน
มีรอยแผลใจ ในกันและ กัน คงนานเท่านาน กว่ามันจะหมดจากใจ
แต่ว่าวัน นื้ เจอะกับความฝัน สิ่งที่เจอ นั้น คือเธอกับมาหา
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะกับมา กลับมาตรงนื้
อยู่ตรงนี้ (กลับมาอยู่ตรงนี้)  ไม่อยากจะเชื่อเลย...

แววตาคู่เดิม ยังมองจ้อง กัน ในความเงียบงัน ไม่มีคำพูดใด
มีเพียงน้ำตา บนความชืนใจ  มีคำมากมาย ในใจเกินจะบอก กัน
สิ่งที่มอง เห็น อย่างกับความ ฝัน สิ่งที่เจอ นั้น คือเธอกลับมาหา
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเธอจะกลับมา
กลับมาตรงนี้ อยู่ตรงนี้ (กลับมาอยู่ตรงนี้)ไม่อยากจะเชื่อเลย...

เวลา นานเท่าไร ยังมีกันและกัน ยังมี เธอและฉัน คู่เคียงกันตลอดไป..
++++++++++++++++++++++++++



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2011 02:01:21 โดย zeen11 »

ออฟไลน์ ToffeE_PrincE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-4

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ขอวางเม้นนี้ไว้ก่อน พรุ่งนี้เรียนเช้า==

-----

ตอนต้นนึกว่าเค้าเจอกันแล้ว เลยสงสัยว่าไหนเค้าจะไปบุกลุงไง แล้วไหงมาเจอมาหวานๆกันได้
และก็ถึงบางอ้อเพราะว่าตื่น
เศร้าไปไหมกับการที่จะไปคิดถึงอดีตน่ะ เวลาอ่านแบบนี้แล้วมันปวดใจไปด้วยเลยค่ะ  :sad11:
ทั้งเศร้าทั้งน่าปวดหัว  ปัญหาอะไรกันนักกันหนา
พระเจ้าคุ้มครองทั้งครอบครัวนะคะ
แต่ตอนนี้ชอบอเล็กซิสมากกก(ขอแบ่งใจจากคาวี่มาให้ซิสซักนิดนึง><)

รอตอนหน้านะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2011 22:30:20 โดย u_cosmos »

ออฟไลน์ LimousinX9

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
 = =''
อ่านจบแล้วก็ค้าง!!!  แล้วก็คงต้องรออีกนานแสนนาน

ตัวละครมันไม่รู้สึกเหนื่อยล้าทางสมองบ้างรึไง คนอ่านยังปวดหัวแทน..

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
ตอนนี้ไม่มีคาวี่กับชีคเลยอ่ะ
คิดถึงจัง

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
แอบภาวนาให้เอล็กซิสใจเย็นพอ จะรอตอนต่อไปค่ะ^^

ออฟไลน์ PAnppyJunJii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ๊ยยยย  ไม่อยากจะคิดตอนฉากบู้  ><  ตื่นเต้นนน


ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
ค้างๆๆๆๆ คุณอาทำเรื่องอะไรกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ตือไว้หนึ่งตอนนะค่ะ

saya

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามากรี๊ดร้อง  คุณปุ้ยขอกอดแน่นๆหน่อย :กอด1:

เข้าชอบฉากบู้นะแต่ตอนนี้เค้าไม่อยากให้คาวีเศร้าอ่ะ

ส่วนคุณอา ทำไม่ทำแบบนี้ค่ะ  :serius2: เค้างอนคุนอาแล้วด้วย

รอฉากต่อไปค่า

ออฟไลน์ tamako

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-6
ทำไมเรื่องราวมันยุ่งยากขนาดนี้
ด้านโน่นก็บุกกันสนั่น
ด้านนี้ก็ยังเคลียร์ไม่ลงตัว
เดาฉากต่อไปไม่อออกเลย  แต่ยังไงก็อยากให้เรื่องจบด้วยดี

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
อิรุงตุงนังกันทั้งเรื่อง :เฮ้อ:

The darkness

  • บุคคลทั่วไป
 o13 ช่างคิดจัง ชีค กะ มาเฟีย สงสัยจะ มันส์(เลือด)หยด
เพิงอ่านตอนแรก คราย เมะ คราย เคะ น่าตื่นเต้นชะมัด

The darkness

  • บุคคลทั่วไป
ฮ้า มีจูบ กรี้ดดดดดด คาลโดนกด แหงมๆ
แต่มาถึงนี่โดนจับเข้าฮาเร็ม เลยเหรอ เอาจริงอ่ะ

The darkness

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: อ่านแล้วฮา  คาลเอ้ย รางวัลออสการ์จะหนีไปไหน  o13

ออฟไลน์ inhyung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อยากอ่านต่อ ค้างมากมาย
ทำไมคาวี่ไม่ยอมกลับไป ติดอัล?
ครอบครัวแกนะเว้ยยยยย

ออฟไลน์ wikichan

  • ชื่อ:Wi! วิ! วิกิ! วิเวียน//วันๆ ไม่ทำอะไรชอบอ่านมังงะและนิยายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบผลงานของพี่แพร์ Nigiri_Sushiที่สุดอ่านทุกเรื่องแต่ไม่ได้ซื้อทุกเรื่อง อยากเจอตัวจริงสักครั้งนึงแบบว่านักเขียนในดวงใจ #เพ้อ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สวดยอดดดดดด...!!!
เรื่องราวซีเครียดมากมายเลย

กะลังจะมันส์สุดเหวี่ยงแล้วสินะครับบบ
รอตอนต่อไปฮะ..!!

ออฟไลน์ ToffeE_PrincE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-4
 :call: :call:

ทำไมยังไม่มาน๊า

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Line 40 : เข้าประชิด
             


     วางสายจากโทรศัพท์แจ้งข่าวสำคัญ แล้วออกแรงวิ่งข้ามสวนด้านข้างของคฤหาสถ์ แยกวกไปยังด้านหลัง มือซ้ายกระชับปืนยาวแน่น ข้างขวากำวิทยุสื่อสารกรอกเสียงพลางเงี่ยหูฟังรายงานความเคลื่อนไหวด้านต่างๆอย่างเคร่งเครียด เสียงหอบหายใจสั้นๆของตนดังสลับกับเสียงแกรกกรากของอุปกรณ์ในมือ ขณะที่ฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งนำพรรคพวกบุกทะลุต้นไม้ประดับที่ปลูกไว้ไม่ยอมหยุด

     อเล็กซิสพาพรรคพวกวิ่งทะลุจากสวนด้านหน้าของคฤหาสถ์ ซึ่งกองกำลังส่วนใหญ่กำลังโจมตีเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสั่งการให้พรรคพวกกลุ่มใหญ่ซึ่งทำหน้าที่บุกตะลุยนำนั้นแยกออกมาช่วยเหลือกลุ่มที่ตนแยกมาด้านหน้า ขณะที่ตัวเขา น้องชาย และบรรดาลูกน้องคนสนิทจะเข้าไปสมมทบด้านหลังของคฤหาสถ์ สลับสับเปลี่ยนกำลังพลกันเพื่อความเหมาะสม..

...ไม่สิ ไม่ใช่เหมาะสม เพราะอเล็กซิสวางแผนมาแต่แรกแล้ว ให้พรรคพวกที่บุกนำไปด้านหลังบางส่วนเปลี่ยนกับเขาที่เป็นกลุ่มสมทบเมื่อเวลาหนึ่งมาถึง ซึ่งเวลาที่ว่านั้นก็คือเมื่อสามารถมาถึงสุสานด้านหลังคฤหาสถ์ได้เป็นผลสำเร็จ

   เมื่อได้ทราบว่ามีคนมายุ่งย่ามกับหลุมศพของลูกชาย ต่อให้สู้อยู่ที่ไหน หรือต่อให้เก็บตัวอยู่ในเซฟเฮาส์ที่เต็มไปด้วยผู้คุ้มกันจากอันตราย เฟรเดริโก้ วาลกัสจะต้องมา !!

   นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อเล็กซิสสลับสับเปลี่ยนกำลังพลกันในช่วงเวลานี้ เมื่อกล้าทำร้ายจิตใจกันอย่างสาหัส เล่นสกปรกด้วยการทำลายชีวิตอเล็กเซย์ที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กล้าจะพรากคนๆนั้นไปจากเขาทั้งที่ไม่ควรจะเป็น เมื่อทำให้เขาหมดความอดทน หมดความปราณีด้วยน้ำมือตัวเอง กับอีแค่ยุทธวิธีตื้นๆอย่างรบกวนหลุมศพ คนอย่างเขาน่ะทำได้อยู่แล้ว

...แล้วจะได้รู้ ว่าอเล็กซิสคนนี้ ยังเล่นสกปรกได้มากกว่าที่คิด!


       ฟุ่บ!


      โผล่พ้นสวนด้านข้างของคฤหาสถ์ มายังพื้นที่สุสานที่เชื่อมต่อกันกับด้านหลัง ทางเดินที่โล่งโปร่งขึ้นและความสงบเงียบอันน่าประหลาดนั้นทำให้ฝีเท้าของอเล็กซิส ชะงักลงอย่างอัตโนมัตินัยน์ตาสีฟ้าสดหรี่ลงเล็กน้อย จ้องมองบรรดาป้ายบนหลุมศพผ่านแสงนวลของพระจันทร์ที่สาดลงมาอย่างอ่อนโยน กระทบเสี้ยวหน้าอันงดงามของรูปปั้นพระแม่มารีโอบอุ้มพระคริสต์ที่ประดับภายในสุสาน  สัญลักษณ์ไม้กางเขนและพวงดอกไม้แกะอาลัยสลักจากหินประดับตระหง่านอยู่ใกล้หลุมศพ ซึ่งมีแท่นหินจารึกสลักตัวอักษรเรียงร้อยถ้อยคำเป็นประโยคแสนอาลัยแด่ผู้ล่วงลับ

     ต้นเมเปิ้ลสลัดใบสีส้มร่วงหล่นบนทางเดินปูอิฐบล็อกตัวหนอนและทางลงไปยังผืนดินอันเป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายของบรรดาบรรพบุรุษ เถากุหลาบพันธ์ดีสีขาวสวยเกาะเกี่ยวทอดกิ่งคลุมป้ายสลักหินแผ่ขยายพันธุ์จนออกดอกบานสะพรั่งราวกับจะประชันขันแข่งแสงสีเงินของดวงจันทร์ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมอายอวลฟุ้งตลบทั่วบริเวณ ประสานกับเสียงสายลมและใบไม้ร่วงหล่นดั่งคอยปลอบประโลมหัวใจผู้มาเยือนให้เป็นสุข และสงบ ให้วางใจว่าผู้เป็นที่รักทั้งหลายซึ่งได้ทอดร่างลงบนผืนดินแห่งนี้จะมีที่พักพิงอันแสนสุข

    อเล็กซิส จิโอวานนี่ วาลกัส เผลอสูดหายใจลึก ชั่วขณะหนึ่งเขาพลันนิ่งงันไปด้วยกลิ่นอายบางอย่างที่ได้สัมผัส ฝ่ามือที่เคยกำกระบอกปืนแน่น...กลับค่อยคลายลงช้าๆและเริ่มสั่นระริก...

   หันกลับไปสบตาน้องชาย...คาร์โลก็จ้องมองมาที่เขาก่อนแล้วด้วยแววตาไม่ต่างกัน..

       เสหลบตาสีเขียวคู่นั้น อเล็กซิสเบือนหน้าไปจ้องมองปืนในมือ เสียงเรียกจากวิทยุสื่อสารนั้นถูกเพิกเฉยไปโดยอัตโนมัต กระทั่งฝีเท้าก็ยังช้าลงอย่างไม่รู้ตัว เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงตะโกนและสงครามที่พวกเขากำลังก่อ และดำเนินไปอย่างดุเดือด สิ่งเหล่านั้นดูจะไม่อาจแทรกมาในที่แห่งนี้ได้ด้วยซ้ำ..

        ละอายใจ...

  ..พี่ใหญ่ของตระกูลวาลกัสหลับตาลงครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่เสียดแทงเข้ามาในใจอย่างเฉียบพลัน การก่อสงคราม การฆ่าคนในแกงค์เดียวกัน ตระกูลเดียวกันว่าน่าสมเพช น่ารังเกียจแล้ว การรังควานสถานที่แห่งนี้ เพียงเพราะความแค้น ต้องการแก้แค้น ความไม่พอใจที่ตนถูกพรากของสำคัญ ..มันน่าอดสูมากกว่าหลายเท่า..

...การจะให้บทเรียนกับคนๆนั้น จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้หรือ?

   อยากให้เขารู้ อยากให้สำนึก อยากให้เสียใจ มันจำเป็นต้องใช้คนตาย...คนที่ตายไปแล้วเอามาเหยียบย่ำ เอาความสูญเสียนั้นมาซ้ำเติมกันอีกเหรือ?

  ...มันน่าอายจริงๆที่ชั่วขณะหนึ่งเขาลิงโลด ภูมิใจในความฉลาดของตน ภาคภูมิในความคิดของตนที่"สกปรก"กว่าอีกฝ่าย..

   ทั้งที่มันไม่น่าดีใจสักนิด..


       "พี่...."

      "....รู้แล้ว..."  ไม่ต้องให้คาร์โลบอก ไม่ต้องให้มันทัก ก็พอจะรู้ว่าคนอื่นๆคิดอะไรอยู่ อเล็กซิสหยิบวิทยุสื่อสารประจำตัวที่ส่งเสียงเรียกมาหลายครั้ง ออกจากเอว เขากดรับพร้อมออกปากสั่งให้พรรคพวกที่ได้รับคำสั่งให้บุกสุสานด้านหลังถอนกำลังออกมาและเข้าช่วยกับกลุ่มที่บุกหนักอยู่ด้านหน้าแทน

.... ต่อให้ใช้เวลามากกว่าเคย แต่ชัยชนะที่ใสสะอาดก็คงน่าภูมิใจกว่าการใช้วิธีเหยียบย่ำหัวใจของผู้อื่นเช่นนี้..

   ลุงของเขาทำวิธีนี้ ใช้วิธีที่ผิดแล้ว เมื่อเขาคิดจะแก้แค้น ก็ไม่ควรทำแบบนี้ด้วย

  ..ถ้าทำเหมือนกัน มันจะไปต่างอะไร..หรือจะบอกว่ามีความชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชนะ ชนะแบบนั้นมันน่าภูมิใจนักหนางั้นหรือ?

    "...ออกมาแล้วครับ ! " เสียงตอบรับจากอีกฝั่งดังขึ้นทันทีเมื่อออกปากบอก อเล็กซิสพยักหน้ารับ เขากำลังจะสั่งให้รีบมาสมทบกับพวกที่บุกหน้าคฤหาสต์ ทว่า...

    " เราออกจากในสุสานมาด้านหลังคฤหาสถ์แล้วครับ กำลังถูกระดมยิงอยู่.....คุณเฟรเดริโก้ออกมาแล้วครับ@#%#*(^()-....." ใจความหลังจากนั้นขาดหายไป

เพราะเสียงพูดที่ไม่ต่อเนื่องและเสียงกระสุนปืนที่ดังลอดออกมา อเล็กซิสเม้มปากแน่น เขาหันไปสบตาบรรดาผู้ติดตาม พยักหน้าอย่างรวดเร็วเรียกให้ทุกคนตามไปอย่างเร่งรีบ

    " เรียกทุกฝ่าย รวมกำลังพลมาด้านหลัง..ย้ำ!..รีบมาที่หน้าสุสาน เร็ว! " อเล็กซิสกรอกเสียงใส่วิทยุสื่อสารอย่างเร่งร้อน ขณะที่ฝีเท้าออกวิ่งเต็มแรง บ่ายหน้าลัดเลาะสุสานไปยังด้านหลังคฤหาสถ์ที่มีเสียงการปะทะกันดังลั่นและเสียงร้องโวยวายอันแสนคุ้นหู..

    ชายหนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความเคร่งเครียดไม่น้อย เมื่อยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งรับรู้และจับเค้าลางได้ทันควันว่าเสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นเป็นของใคร...


        " ใครใช้ให้พวกแกมายุ่งกับหลุมศพลูกชายฉัน !! "


...เสียงนั้นทั้งโกรธเกรี้ยว ทั้งเคืองแค้น และบ้าคลั่งจนถึงที่สุด

           อยากจะบอกว่าขอโทษและเสียใจ ทว่าพูดไปก็คงฟังไม่ขึ้น อเล็กซิสทำได้เพียงก้าวเท้าออกไปประจัญหน้าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงของตนโดยไม่สนใจห่ากระสุนและปากกระบอกปืนที่อาจเล็งมาทางตนได้ทุกเมื่อ..

  คนของวาลกัสต่างก็ไม่อยากมาฆ่ากันเอง และไม่มีใครที่จะกล้าเล็งปืนใส่เขากับเฟรเดริโก้

    นัยน์ตาสีฟ้าสดกวาดมองโดยรอบที่เพียงเขาจับจ้อง..ทั้งฝ่ายตนและฝ่ายของผู้เป็นลุงต่างก็ลดปืนลงอย่างอัตโนมัต ด้วยรู้ดีถึงความนัยของมัน...ต่างรู้ ว่าสงครามนี้ คนที่ต้องตัดสินเอาชีวิตกันไม่ใช่พรรคพวกทั้งสองฝ่าย แต่เป็น อเล็กซิส วาลกัส และ เฟรเดริโก้ วาลกัส ต่างหาก..


.......................................



      อเล็กซิสโยนปืนยาวในมือไปให้น้องชายซึ่งยืนนิ่งรักษาการอยู่ด้านหลัง เขาก้าวเท้าออกไปประจัญหน้ากับผู้เป็นลุงที่จ้องมองตนเขม็ง...ก่อนฝ่ายนั้นจะเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อเชิ๊ตควักเอาปืนสั้นคู่ใจมาถือไว้มั่น.

       " สวัสดีครับ...." ชั่วขณะที่ความเงียบงันเกิดขึ้นจนแทบไม่มีใครกล้าขยับตัว อเล็กซิสจึงเอ่ยปากในที่สุด..เขาทายทักผู้เป็นลุงด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย พร้อมรอยยิ้ม ราวกับมองไม่เห็นรอยเลือดที่ติดอยู่บนเสื้อโค้ทและกระจัดกระจายบนใบหน้าของตัวเอง ราวกับลืม..ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร...และมองไม่เห็น ว่าแขนซ้ายของเฟรเดริโก้ วาลกัสถูกเข้าเฝือกและทำแผลไว้
กระทั่ง...ทำเป็นลืม...ว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้าจ้องมองเขาด้วยแววตาเกลียดชัง โกรธเกรี้ยวเจียนคลุ้มคลั่งแค่ไหน..

...ไม่สิ...บางที อาจจะบ้าไปแล้ว..

...อาจจะคลุ้มคลั่ง บ้าบอ สติวิปลาสฟั่นเฟือนไปแล้วถึงได้ทำแบบนี้ เลือกวิธีที่เจ็บปวดที่สุด ไร้เหตุผลที่สุด ไร้ทางออกที่สุดมาใช้..

  ทำสิ่งที่ไม่อาจให้อภัย และ..ไม่อาจเรียกคืนความสัมพันธ์กลับมาได้อีก..


         " เจ้าคนน่ารังเกียจ... " คำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นไม่เป็นแม้แต่คำทายทัก ทว่ากลับเป็นสำเนียงห้วนกระชากและเเววตาถลึงมองอันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง " แกกล้าดียังไง กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกชายของฉัน!! "

         "............." อเล็กซิสจ้องมองดวงตาแดงก่ำ ของผู้เป็นลุง แสงของดวงจันทร์ที่ทอดเงาผ่านใบหน้าของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าก่อเกิดเป็นเงามืดครึ้มบดบังความรู้สึกจากดวงตาคู่นั้น แต่แค่ฟังเสียง มองดูกริยาท่าทางมันก็บอกอะไรได้มากพอแล้ว เห็นได้ชัดแล้วว่าตอนนี้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ เฟรเดริโก วาลกัส ..กำลังอยู่ในความรู้สึกไหน..กำลังรู้สึกเช่นไร..

คนที่เจ็บปวดทรมาร..คนที่คลุ้มคลั่งเสียใจกับการสูญเสียคนสำคัญ..เจ็บแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ...

          คาร์โลจ้องมองภาพการปะทะของชายสองคนที่เขาเคยคุ้น หนึ่งคือพี่ชายผู้ถูกกล่าวขานว่าเก่งกาจและมากความสามารถ และอีกหนึ่ง ก็คือบอสคนปัจจุบันที่มากด้วยประสบการณ์ของตระกูลวาลกัส..

   เป็นญาติพี่น้อง เป็นลุงกับหลาน..เป็นครอบครัวเดียวกัน..

....ที่บัดนี้...ต้องมาเข่นฆ่า...มาทำร้ายกัน...

       คาร์โลจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความรวดร้าวอย่างปิดไม่มิด เขากำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังได้ทราบข่าวดีถึงการ"มีชีวิต"อยู่ของน้องชายคนเล็ก ความหวังที่ไหลผ่านดั่งน้ำปลอบประโลมหัวใจบัดนี้ค่อยแห้งผากและเหือดหายไปด้วยภาพเบื้องหน้า...ด้วยความขัดแย้งที่เขาไม่เคยอยากให้เกิด ภาพของคนใน"บ้าน"เดียวกันหันกระบอกปืนเข้าหากัน เปล่งวาจาเสียดสีทำร้ายด่าว่าด่าทอกัน มุ่งหมายเอาชีวิตกัน ท่ามกลางคฤหาสถ์อันเก่าแก่ของตระกูล ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ หน้าสุสานประจำตระกูลที่ยังได้กลิ่นหอมของกุหลาบลอยมาตามลม..

  ..กลิ่นอายของความสูญเสีย กลิ่นอายของความเศร้าสร้อย เงาร่างอันน่าอดสูของอดีตที่ทอดผ่านคนทั้งคู่นั้นราวกับภาพเก่าที่วนฉายซ้ำๆ

    มันน่าอดสู...มันไม่ควรเกิดขึ้น...มันน่าเศร้ามากเกินกว่าจะคาดคิด...

   จ้องหน้าผู้เป็นลุงอีกครา เขามองสบดวงตาแดงก่ำของเฟรเดริโก้ วาลกัสด้วยแววตารวดร้าว ดวงตาของผู้เป็นลุงแดงก่ำคลุ้มคลั่งมืดบอดราวกับคนหลงทาง ไร้ที่พึ่ง มองไม่เห็นใครหรืออะไรนอกจากร่างของพี่ชายเขาเบื้องหน้า กระทั่งคำสั่งสั้นๆที่ออกมาจากปากของเขาให้ทุกคนเก็บปืนและเลิกจ่อกระบอกปืนใส่หน้ากัน ลุงก็คงไม่รู้...อาจจะไม่เห็น..ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้เสียด้วยซ้ำ...

   ...เสียใจจนคลุ้มคลั่ง คั่งแค้นจนมองไม่เห็นอะไร จิตใจมืดบอด จดจ่อเฝ้าคิดแต่ความเกลียดชังและสูญเสียที่ได้รับ...

     จะเหลือสติสามัญสำนึกคิดถึงเรื่องอื่นไหม...กระทั่งข้อนี้ คาร์โลยังไม่กล้ายืนยันด้วยซ้ำ

   ชั่วขณะหนึ่งมันดูเป็นเรื่องขำขัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาเห็นแล้วคงจะหัวเราะ ..อยากจะหัวเราะให้ฟันหักกับสภาพอันน่าสมเพชแบบนี้..

มาเฟีย...บุรุษที่ทรงอำนาจ...บุรษที่อยู่เหนือคน คนที่มีแต่คนเกรงกลัว..คนที่มีอำนาจสามารถสั่งเป็นสั่งตายได้ทุกอย่าง..

ได้มาแล้วพอใจไหม? มีความสุขไหม? อำนาจที่ว่านั่นมันเอาชีวิตคนที่ตัวเองรักกลับมาได้ไหม? อำนาจนั้นมันทำให้ตัวเองมีความสุขได้รึเปล่า?

ถ้าอำนาจเป็นความสุข เป็นสิ่งที่ต้องการ คนที่มีทุกอย่างอยู่ในมือแบบนั้นทำไมถึงมีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้เล่า..

          "...เรื่องนั้น....ผมเสียใจ... "นิ่งไปนาน...อเล็กซิสจึงถอนหายใจ...เอ่ยปากขอโทษ

          " พวกแกเหยียบย่ำหลุมศพของลูกชายฉัน พวกแกทำร้ายเขา กระทั่งเขาตายยังไม่ยอมให้เขาอยู่อย่างสงบ ทั้งที่พวกแกมันเป็นต้นเหต ทั้งที่แกฆ่าเขา ..พวกแกฆ่าเขา!!! " เฟรเดริโก้ไม่ได้สนใจประโยคนั้นเสียด้วยซ้ำ ชายวัยกลางคนร้องร่ำด้วยสีหน้าปวดร้าวคลุ้มคลั่ง มือที่ถือปืนและเล็งมายังหลานชายตัวเองสั่นระริกด้วยอารมณ์สะท้านลึกภายใน

          "....ผม....."

          " แกทำให้ลูกชายฉันตาย แก....อเล็กซิส...พวกแก...ทั้งแก ทั้งอเล็กเซย์ ทั้งคาวัลโล เพราะพวกแก เพราะพวกแกทุกๆคนทำให้ลูกฉันตาย !! "

          "....คุณลุง!? " อเล็กซิสอ้าปากค้าง ร้องออกมาอย่างตกใจเพราะตอนนี้ชายผู้เป็นบอสของตระกูลวาลกัสนั้นแทบไม่เหลือมาดผู้นำที่องอาจสักนิด เฟรเดริโก้ยกมือที่สั่นระริกกุมหน้าคร่ำครวญออกมาราวกับคนใจสลาย เปล่งสียงสะอื้นปนเสียงก่นด่าสาปเเช่งราวกับควบคุมสติไม่ได้...

          ....มันเกิดอะไรขึ้น?

   ช่วงเวลาที่เรื่องยังเป็นความลับ เวลาที่พวกเขายังคงมีความสุขและไม่ได้รู้ถึงเรื่องนี้ ผู้ชายตรงหน้าทุกข์ทรมารจมอยู่กับความสูญเสียและความเคียดแค้นมายาวนานและมากมายเเค่ไหนกัน..

   สิ่งเหล่านั้นมันเปลี่ยนแปลงลุงของเขาให้กลายเป็นชายแก่ที่คลุ้มคลั่งเพราะการสูญเสียไปซะแล้วหรือ?


       " จอร์จิโอ้ลูกพ่อ....กระทั่งสุสานของลูก กระทั่งหลุมศพของลูกมันยังเหยีบย่ำ แก.....อเล็กซิส แก!! ไอ้สารเลวที่ทำได้กระทั่งรังควานคนตาย!! " เฟรเดริโก้ปลดเซพ ปลายนิ้วสั่นระริกแตะลงบนไกปืนและเล็งมายังร่างของหลานชายที่นิ่งอึ้งราวกับต้องสาป นัยน์ตาที่แดงก่ำและน้ำตาที่เจียนหยดนั้นทำให้พี่ใหญ่ของตระกูลไม่กล้าขยับ...

...เขาไม่ได้ตกตะลึง ไม่ได้เกรงกลัว แต่เขาเสียใจ...และสะเทือนใจ..

...การต่อสู้แทบไม่ต้องรอผล เพราะบัดนี้....เพราะชายตรงหน้าเขาได้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ต่อให้ชนะ เฟรเดริโก้ก็ไม่อาจจะเป็นบอสได้อีก..

พวกเขาปล่อยให้คนเสียสติมาเป็นผู้นำไม่ได้..

...และ....เขาก็ทำร้ายชายแก่ที่วิปลาสไปเพราะความสูญเสีย ความคั่งแค้นและความโดดเดี่ยวไม่ลง..

  ต่อให้แค้นแค่ไหน...ต่อให้โกรธ เกลียดชัง..ที่ถูกพรากคนรักไป..แต่เขาก็ไม่อาจเล็งปืนไปที่ชายคนนั้นได้อีกแล้ว..

    ...เขาข้องใจ...แค่สิ่งเดียวเท่านั้น...


        "...ทำไมลุงไม่บอกเรา? "


            สิ้นคำถามนั้นเอง ที่ทำให้ร่างทั้งร่างของเฟรเดริโก้ วาลกัสพลันนิ่งงัน...

   บอสของตระกูลวาลกัส...ชายผู้มีอำนาจและมั่งมีเงินทองมากมาย...คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงุดของวงการมาเฟีย ทำได้เพียงนิ่งเงียบ...ไม่อาจเอ่ยคำใด..

...คำถามเหล่านี้...คำถามที่เขาตอบไม่ได้กลับมาสะท้อนในสมองอีกครั้ง ..

...คำถามจากหลานชายคนรองที่เขาจับมาเป็นตัวประกัน และบัดนี้ มันก็เป้นคำถามมาจากชายผู้มีใบหน้าประพิมประพายคล้ายเหมือนกันที่เป็นหลานชายคนโตของเขา..

...ทำไมถึงไม่พูด?...

         ทำไมถึงไม่บอกว่าจอร์จิโอ้คือลูกรัก คือบุตรชายคนเดียวที่จะได้สืบทอดอำนาจ เงินทอง และตำแหน่งของเขา  หาใช่เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่ง หาใช่ชายหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงมาเพื่อ"ตายแทน"คนในตระกูลวาลกัส..

...ทำไมถึงไม่บอกว่าเด็กคนนั้นคือลูกชาย....

         " ....ฮึ....." ชั่วขณะหนึ่ง...ความขมปร่าที่แล่นเข้ามาในจิตใจ ทำให้ม่านน้ำตาเอ่อท้นพร่างพรูลง ยามคิดถึงใบหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มที่เป็นบุตรชาย..

นัยน์ตาสีเดียวกันกับเขาของจอร์จิโอ้ เด็กหนุ่มที่มักสบตาด้วยความมุ่งมั่น ใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกความจงรักภักดีหนักหนา...

...ดวงตา...ที่แสนรักคู่นั้น

        "...เพราะอะไรน่ะหรือ? " เฟรเดริโก้พึมพัมเสียงสั่น...จ้องมองร่างของหลานชายผ่านนัยน์ตาที่เลือนพร่าพลันแสยะยิ้ม...ด้วยความสมเพชปนขบขันที่แล่นเข้ามาในหัวใจ..

        " เพราะสิ่งนี้ไงล่ะ....เพราะตำแหน่งนี้ เพราะตระกูลนี้ เพราะฉันเป็นบอส จึงต้องไม่ผิดพลาด เพาะฉันเป็นบอส ..เพราะฉันคือบอส ...เข้าใจไหม? " เฟรเดริโก้แสยะยิ้ม จะมีใครรู้บ้างว่าฐานะที่เป็นอยู่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายกว่าที่คิด..เจ็บปวดก็ไม่อาจแสดงออก ผิดพลาดก็ไม่อาจยอมรับหรือแก้ไข ..มีสิ่งใดก็ไม่อาจพูดออกมาอย่างที่ควรเป็น..

   ใครว่าสิ่งที่ได้รับคือความสุข...มาจนบัดนี้ เฟรเดริโก้ไม่เห็นมันสักนิด !!

    นัยนตาของผู้นำกวาดมองไปยังทั่วบริเวณ จ้องมองไปยังร่างของหลานชายที่จ้องมองตนด้วยแววตารวดร้าวปนสมเพช..และจ้องมองร่างของหลานชายอีกคนที่มีสีหน้าตกตะลึง..ปนสิ้นหวัง...และมองไปยังบรรดาลูกน้องที่ต่างลดปืนลงและยืนจ้องมองตนด้วยแววตาตกตะลึง..

    ...เฟรเดริโก้เหยียดยิ้ม บอสของตระกูลวาลกัสจ้องมองใบหน้าและแววตาของผู้คนที่ตนทั้งรักใคร่และชิงชังนักก่อนจะสูดหายใจลึก และยกปืนในมือขึ้นเล็งอีกครา..และเอ่ยถ้อยคำ..ที่เป็นดั่งคำสาปแช่ง คำกล่าวที่จะให้ผู้คนในที่แห่งนี้จดจำไว้ชั่วชีวิต



 ".คำว่ามาเฟีย คำว่าตระกูลวาลกัสมันจะแขวนคอพวกแกไปจนตาย..ไม่มีวันมีความสุข จำเอาไว้ !!! "




    ปัง!!!


 ..................................



ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


    คาวัลโลจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยแววตารวดร้าว ฝ่ามือของเขาเอื้อมหยิบแก้วกาแฟรสขมปร่ามาจิบด้วยสีหน้าเซื่องซึม..ยามเช้าของเมืองแห่งทะเลทรายไม่เคยมือมัวและน่าสลดหดหู่เท่าวันนี้  ทั้งที่สายลมอ่อนๆและแสงแดดอุ่นนั้นทำให้บรรยากาศแสนสดชื่น สมควรจะเป็นวันที่ดี แต่ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองต้องตัดสินใจ และหันไปมองหน้าคนที่เขารอคำตอบอยู่เขาถอนหายใจและทำเพียงได้ถอนหายใจอีกครั้งท่านั้น

    ....ยามที่หลับตาลงพร้อมคราบน้ำตาเมื่อคืน...ก็ไม่มีคำตอบจากอัลชาอ์

   ....และเมื่อลืมตาขึ้นมาในยามเช้า ก็ไม่มีคำตอบจากอัลชาอ์อีกเช่นเคย


            วางแก้วลงบนโต๊ะ และจ้องมองใบหน้าอันเรียบเฉยของชีคหนุ่มด้วยดวงตาคู่เดิมของตนอีกครั้ง ความสับสน ปวดร้าวและสิ้นหวังยังคงทิ้งไออวลไว้ในหัวใจ ชนิดที่ถ้าคิดถึงมันไม่ไหร่เขาก็คงอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเมือนั้น ใครกันที่เคยบอกไว้ว่าหากแก้ปัญหาไม่ตกลองทิ้งมันไว้แล้วคิดเรื่องอื่นสักพักก็จะดีขึ้น  คาวัลโลอยากบอกเหลือเกินว่าปัญหาบางอย่างที่ไม่มีทางออก ต่อให้ทิ้งมันไปเป็นปีแล้วเอากลับมาคิดใหม่ มันก็ยังไม่มีทางออกอยู่ดี

...ทางออกของปัญหานี้ คือความเจ็บปวดของคนสองคน เพียงแค่ต้องเลือกว่าจะเป็นใคร ระหว่างเขากับอัลชาอ์..

   และคนเห็นแก่ตัวอย่างคาวัลโล ก็เลือกจะโยนความเจ็บปวดนั้นให้อัลชาอ์เป็นฝ่ายรับไป..ให้อัลชาอ์เป็นฝ่ายรอ...รอแล้วรอเล่าอย่างที่อัลชาอ์เอ่ยปากพูด..

...เขาขอให้รอ แต่ไม่มีคำตอบ ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่...

  ถ้าให้รอแล้วรู้จุดสิ้นสุดของมันก็คงจะมีกำลังใจและเฝ้าคอยจนถึงวันนั้น แต่การรออย่างไร้จุดหมายหรือกระทั่งจะเป็นการรออย่างสิ้นหวัง...เป็นใคร..ก็ต้องท้อแท้กันทั้งนั้น..

..แล้วยิ่งกับคนที่ขอโอกาสซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่โกหกพกลมซ้ำซากๆอย่างเขาด้วยแล้ว มันสมควรจะเชื่อมากสักแค่ไหนกัน..

       คิดถึงการกระทำของตัวเองแล้วคาวัลโลอยากจะตะโกนด่าไอ้คนนิสัยสับปลับที่ชื่อคาวัลโล วาลกัส สักสิบรอบร้อยรอบ คนเห็นแก่ตัวยังไงก็เป็นคนเห็นแก่ตัว คนที่เอาแต่ประโยชน์ของตนเองก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ...

...เขามันก็แค่คนน่ารังเกียจ

...แต่ถึงยังไง เขาก็อยากให้อัลชาอ์รอ..ยังไงเขาก็อยากจะร้องขอ ไม่ว่ายังไง...


       "..อัล....."

       "...หยุด.."  ไม่ทันจะเอ่ยปากเรียก..ชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาก็ออกปากขัด..น้ำเสียงเรียบๆสั้นๆแต่ทำให้คำพูดที่ออกมาจากปากคาวัลโลหยุดลงได้อย่างง่ายดาย.. และเปลี่ยนมาจ้องมองนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นอย่างรอคอย..คาดหวัง...

....ผมขอแค่...แค่ให้คุณรอผม..

.....ครั้งสุดท้าย....ครั้งสุดท้ายที่ผมขอ และจะไม่ยอมผิดสัญญา.

ได้ไหม? ได้รึเปล่า?

       "..ผมรู้ดี...ว่าคุณจะพูดอะไร..." อัลชาอ์สูดหายใจลึก ก่อนจะปล่อยออกมาช้าๆ..นัยน์ตาสีดำสนิทเสมองไปยังผ้าที่ทิ้งตัวปิดทางเข้าประโจมที่มีสายสมลอดเข้ามาเล็กน้อยราวกับว่ามันน่าดูนักหนา..ไม่สิ....ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็คงน่ามองมากกว่าใบหน้าของคาวัลโลอยู่แล้ว...

        " ผมรู้...ผมเห็น...ในตอนที่คุณร้องไห้...เอื้อมมือมาหาผมแล้วขอร้องให้ผมรอ...รอคอยคุณ...." ชีคหนุ่มหลับตาลงช้าๆ หัวใจปวดหนึบ ยามคิดถึงภาพใบหน้าของคนที่รักยิ่ง ร้องไห้คร่ำครวญราวกับใจสลาย ความปวดร้าว ความอัดอั้นและไม่มีทางออกของคาวัลโลมีมากมายเพียงไรเขารู้...รู้และเข้าใจมันดี

     ...เพราะมองเห็น จึงได้เจ็บปวดและเห็นใจอย่างไรเล่า..

     "แล้วคุณ...." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าคนพูด..เขาเม้มปากแน่นด้วยสีหน้าคาดหวัง...ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นมาในหัวใจ..ยามเมื่อเห็นท่าทีและลักษณะพูดจาของชายหนุ่มเบื้องหน้า..และยิ่งมากขึ้น..มากขึ้น เมื่อมือคู่นั้นเอื้อมมาหา และอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยตวัดโอบรัดเข้ามาใกล้ชิด...

     ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นไล้เส้นผมนุ่มอย่างรักใคร่ สัมผัสแผ่วเบา ทะนุถนอม..ยิ่งทำให้ใบหน้าที่เงื่องหงอยค่อยเเช่มชื่น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม..ยิ้มที่คาดหวังและเปี่ยมสุข..

...บางที....

บางทีอัลชาอ์อาจจะให้อภัยเขาอีกครั้ง..

...บางทีอัลชาอ์อาจจะ...รอ...

        " ผมเข้าใจคุณ..." อัลชาอ์ถอนหายใจช้าๆ ริมฝีปากหนาทาบลงบนหน้าผากบาง ประทับรอยจูบเบาๆ...หากรักใคร่ ลึกซึ้งเต็มไปด้วยความสเน่หานัก...

       "อัลชาอ์...." คาวัลโลโผกอดชีคหนุ่มแน่น น้ำตารื้นคลอหน่วยด้วยความยินดี...ยินดีและโล่งใจเหลือเกิน..

     เขาซุกใบหน้าลงบนอ้อมกอดที่เคยคุ้น..ยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขสม...



....คุณสัญญาใช่ไหม?...คุณจะรอผมใช่ไหม..



....คุณ...






        " และเพราะผมเข้าใจคุณ...ผมถึง....ไม่เชื่อและไม่รอคุณอีกต่อไป..."






        "............"





        "............"






        "...โกหก...น่า....." ชั่ววินาทีแห่งความเงียบงันผ่านไป คาวัลโลจึงหัวเราะ....หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อนและสีหน้าไม่เชื่อหู..


....โกหก...โกหกแน่ๆ

     ถ้าไม่ใช่คำโกหก เขาก็คงหูฝาด..ฟังผิด...ประสาทฟั่นเฟือนไปเพราะความเครียด

      ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก คำพูดนั้น ไม่มีวันที่อัลชาอ์จะออกปากตัดรอนเขาหรอก

จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อที่ผ่านมาอัลชาอ์ทั้งรักและทุ่มเทเพื่อเขามากมาย

..ไม่มีวัน...จะ.....พูดออกมาแน่ๆ



        " ผมไม่เคยโกหก...แต่คุณต่างหากที่โกหกผม มาตลอด..และคงจะโกหกเรื่อยไป..." ไม่ใช่คำโกหก ไม่ใช่หูฝาด ฟั่นเฟือน แต่เป็นความจริงต่างหาก...

    ความจริง ที่สาดซัดเข้าหาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว..อ้อมกอดที่แสนเคยคุ้นผละจาก...ใบหน้าและดวงตาที่อบอุ่นอ่อนโยนเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น..แต่....แต่ ร่องรอยความโศกเศร้าและปวดร้าวนั้นต่างหากที่ทำให้บาดแผลในใจเริ่มปริร้าว..และค่อยแตกออกมา..

...ทีละนิด....

ทีละนิด....

....เพราะแววตาคู่นั้น..

....เพาะดวงตา...ของคนที่บอกว่าไม่อาจเชื่อใจ...ไม่อาจรอคอย...และ....ไม่อาจทนรับเรื่องโกหกทำร้ายจิตใจทั้งหลายแหล่ได้อีก...

      กว่าจะรู้ตัว..น้ำตาของเขาก็ค่อยหยดลงมาอาบแก้มและพร่างพรูลงมาราวกับน้ำฝน ..ท่วมท้น...เอ่อไหลลงอย่างไม่อาจระงับ..

...ไร้เสียงสะอื้น...ไร้อาการโวยวาย...ไร้คำพูดใดๆ..

...มีเพียงริมฝีปากสั่นระริก...ดวงตาเบิกกว้าง..และน้ำตาที่เอ่อท้น..ไหลนอง

....คุณ....ไม่เชื่อผม....

....คุณ....ไม่รอผม..

....คุณ....ไม่ให้โอกาสผม..

    ทั้งที่รู้ถึงความเลวร้าวที่ตนเองทำไว้ได้ดี ทั้งที่สิ่งนี้ที่ได้รับมันก็คงเรียกได้ว่ากรรมตามสนอง แต่ทำไม...ทำไมถึงได้เจ็บปวดรวดร้าวนัก...


          "...ผมขอโทษ..." ชีคหนุ่มหลับตาลงช้าๆ...ริมฝีปากสั่นระริกไหวไม่แพ้กันเปล่งถ้อยคำแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มเปียกชื้นเพียงเเผ่วเบา ก่อนจะผละจาก ด้วยรู้...ว่าไม่มีสิทธิ์จะสัมผัสแตะต้องมันได้อีก..

          "...ผมรู้ว่าคุณเสียใจ...ผมก็เสียใจ...แต่...มันถึงขีดจำกัดของผมแล้ว..."

         " ..คุณบอกให้ผมรอ แต่คุณตอบผมไม่ได้ ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่...คุณจะกลับมาไหมหรือคุณจะไม่กลับ แล้วให้ผมรอคอยไปจนตาย.." อัลชาอ์ละสายตาจากใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นด้วยหัวใจรวดร้าว..คนที่ถูกตัดรอนเสียใจแค่ไหน ฝ่ายที่เอ่ยปากเชือดหัวใจตัวเองทั้งที่ยังรักนักหนานั้น...เจ็บปวดยิ่งกว่า..

         "...ผม..จะ...ผมจะ...กลับ...มา..." ปลายนิ้วที่ผละจาก ความอบอุ่นที่คอยโอบประคองไว้ตลอดช่วงเวลาชีวิตที่เจอมรสุมพลันผละจาก มันสำคัญมากเพียงใดก็รู้ซึ้งในวันนี้

   วันที่...ไม่มีอีกแล้ว...

    ....แต่คาวัลโลยังพยายามเอื้อมมือไปหา เขาดึงมือของอัลชาอ์ไว้ เอื้อมคว้า..ฉุดรั้ง..ปากก็พูดละล่ำละลัก พยายามเหลือเกินที่จะไม่ให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้..

   ..จะกลับมา จะกลับมาที่นี่...จะกลับมาจริงๆ..

...เชื่อเถอะ ได้โปรดเชื่อเถอะ ได้โปรดเชื่อผม...

         " ..แต่คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่? " อัลชาอ์ดึงมือของตนออกจากการเกาะกุมและหยัดกายขึ้นสูง..ชีคหนุ่มสูดหายใจลึก พยายามเก็บความปวดร้าวและทรมารทั้งหลายให้มิดชิด..พยายามใช้ความเข็มแข็งที่เหลือเพียงน้อยนิดของตนคอยช่วยพยุงให้มีพละกำลังจะยืนหยัดและลุกขึ้น พร้อมก้าวขาออกไปจากที่แห่งนี้..

....พยายามที่จะเดินออกไป แล้วทิ้งคนที่รักนักหนาไว้เบื้องหลัง..

...เพราะ...ไม่อาจรอคอยได้อีกแล้ว...


      ไม่อาจทนรออยู่กับความหวังที่ไม่ต่างกับสิ้นหวัง ไม่อาจรอ..รอโดยที่อาจไม่เป็นจริงตลอดชีวิต..

...ผิดหวังมาแล้วกี่ครั้ง เจ็บปวดเพราะคนๆนี้มาแล้วกี่ครา เจอกับคำโกหก หลอกลวงและถูกทำร้ายมาแล้วกี่หน..อัลชาอ์คร้านจะนับ..ชีวิตคนๆนึงจะทนรับความเจ็บปวดได้มากแค่ไหน จะทนรับความผิดหวังเพราะความรักไปได้มากเท่าไหร่..
มาบัดนี้...อัลชาอ์ได้รู้ ว่ามันถึงเวลาแล้ว...

...ความอดทนที่เคยมี ความพยายาม ความหวัง ความรู้สึกทั้งหลายที่ทุ่มเทไป ควรจะหยุดได้แล้ว..

  มากเกินไป...ซ้ำซากเกินไป...สิ้นหวังจนเกินไป..

      มองไปข้างหน้ายังมองไม่เห็นทาง...ต่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ การจะได้อยู่ร่วมกันในภายหน้าก็ยังไม่มีความหวัง..เขาเคยพุดไว้ว่าทำอะไรก็จงอย่าให้เสียใจภายหลัง..เคยพูดไว้...ว่าตนได้มอบโอกาสสุดท้ายให้กับคาวัลโลไปแล้วด้วยคำพูดประโยคนั้น

      พนันทุ่มเทความรู้สึกมากมายให้อย่างที่ไม่เคยให้กับใครมาก่อน สู้อุตส่าห์ทนตัดได้แม่ญาติมิตรและคนสนิทเพียงเพราะรัก

       ขออย่าให้ความพยายามของพวกเขาเปล่าประโยชน์...ขออย่าให้โอกาสสุดท้ายที่คาวัลโลได้ต้องเสียไปอย่างไร้ค่า..
...มาบัดนี้อัลชาอ์ได้รู้ ความพยายามนั้นไม่ได้ไร้ค่า ทว่า มันไร้หวัง..

...ไม่มีหวัง...ไม่มีทางออก ไม่มีทางไป..

ทำได้เพียงตัดใจ หันหลัง ลาจาก จบกันเพียงเท่านี้...

เพราะเส้นทางของพวกเขาต่างกันเกินไป เพราะหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะคนรอบข้างและผู้คนอีกมากมายที่ต้องแบกรับไว้..
...เพราะ...เรา....ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน..

            "....ผม...ผมสัญญา..ผม..." คาวัลโลส่ายหน้าเขาทำได้เพียงลุกขึ้นดึงมือของชีคหนุ่มไว้ บีบเเน่นฉุดรั้งดึงไว้ไม่ยอมให้อัลชาอ์ได้ไปไหนอย่างดื้อดึง ไม่ยอมรับ..ไม่มีวันยอมรับ..

...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ให้คำตอบไม่ได้...ทำอะไรให้อัลชาอ์เชื่อใจไม่ได้..

   คำว่ารักที่เดิมพันกันด้วยความเชื่อใจ มันน่ากลัวเกินไป..เบี้ยพนันที่ต่างก็วางไว้ ตอนนี้คาวัลโลใช้มันไปหมดแล้ว..


            "...คำสัญญาของคุณ...มันถูกใช้พร่ำเพรื่อเกินไป จนไม่อาจจะเชื่อถืออะไรได้อีกแล้ว..รู้ไหม..." อัลชาอ์หันหลังกลับ ชีคหนุ่มกุมฝ่ามือที่ดึงมือตนเองไว้ กอบกุมอ่อนโยน ทว่าใจความจากริมฝีปากที่เปล่งออกมากลับทำให้หัวใจของคนฟังแทบร้าวสลาย " ผมรู้..ว่าผมกะเกณฑ์ให้คุณเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคุณต้องอยู่กับผม ต้องเคียงข้างผมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้..ผมรู้..คุณก็มีหน้าที่ของคุณ ผมก็มีหน้าที่ของผม..."

           "....ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะคุณไม่บอกผมว่าจะกลับมาตอนไหนมันไม่ใช่เรื่องของเวลา...มันไม่ใช่เรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่มันคือเรื่องของความเชื่อใจ..คือสิ่งที่จะยืนยันได้ว่าคุณจะทำตามที่พูด...เพราะเดิมพันของเรามันหมดไปแล้ว ความเชื่อใจที่ผมมีให้มันไม่มีแล้ว..คุณใช้หมดแล้วรู้ไหม...คนดี..." ปลายนิ้วทางลงบนผิวแก้ม ปาดเช็ดมันอย่างอ่อนโยนหากแสนเศร้าราวกับเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาสีนิลที่ฉายแววปวดร้าวไม่ต่างกันจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่สั้นไหวด้วยแววตาโศกเศร้า...

           " ผมอยากเชื่อคุณ ผมอยากรอคุณ แต่ที่สุดแล้วผมก็ทำไม่ได้ เพราะการรอคอยของผมมันไม่มีที่สิ้นสุด มันสิ้นหวังเกินไป..ผมไม่รู้จะหวังไปทำไมเพราะมันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว "คาวัลโลเอื้อมกุมฝ่ามือหนาไว้แล้วสะอื้นฮักเนื้อตัวสั่นระริก พิษของพฤติกรรมร้ายกาจ วาจากล่าวร้าย คำพูดพล่อยๆและการวางเฉยไม่ใส่ใจ หยิ่งทะนงว่าอัลชาอ์รักเขาและไม่มีวันทอดทิ้งมันกลับมาทำร้ายได้รุนแรงแค่ไหนและเจ็บปวดมากเพียงใด คาวัลโลก็พึ่งได้ซาบซึ้งวันนี้

ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเขา..

ทำตัวเอง ผลของการกระทำที่ย้อนกลับมาหาตัวเอง..

ทำตัวกลับกลอกที่สุดจึงไม่มีใครเชื่อ ทำตัวใจร้ายไม่สนคนอื่น มาจนบัดนี้จึงถูกย้อนคืน เอาคืนอย่างเจ็บแสบซาบซึ้ง




          " ..ถ้าคุณรักผมและอยากอยู่กับผม...ถ้าไม่อยากไม่อยากให้เรื่องของเราจบลง   ทางเลือกของคุณมีทางเดียวคืออยู่ตรงนี้และอย่าจากไปเท่านั้น "


...........................



          ก๊อกๆ...

         เสียงเคาะกระจกรถเบาๆ ดังขึ้นขณะที่การจราจรบนเส้นถนนเป็นอมพาต รถทุกคันที่สัญจรเข้าออกตัวเมืองทัสคานีต่างหยุดชะงักลงและนิ่งรอสถานการณ์จากเหตุอันไม่รู้ที่มาของควันไฟสีดำที่ลอยเอื่อยและสุ้มเสียงของความวุ่นวายที่ห่างออกไปไม่ไกล  ทั้งเสียงวิทยุสื่อสารดังมาไม่ขาดสาย พอได้มองเห็นว่าคนเคาะเป็นใครแกเร็ตและคลาร์กก็พลันขมวดคิ้ว..

        "...ว่าไง? " คลาร์กเลิกคิ้ว นัยน์ตาจ้องมองใบหน้าของหลานชาย...ก่อนจะเบือนหนีอีกครั้งแล้วกอดอกแน่น ท่าทีบ่งชัดว่าการจ้องใบหน้าของคาวัลโลในยามนี้นานเกินไป อาจจะทำให้เส้นอารมณ์ขาดขึ้นมาก็เป็นได้..

     ..แกเร็ตมองตามแล้วลอบถอนใจยาว..ขนาดเขา ยังไม่อยากมองเอาเสียเลย..

..ทำหน้าเหมือนคนจะตาย..หน้าตา เหมือนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลก ..

..นี่น่ะเหรอคนจะเป็นบอส นี่น่ะเหรอผู้นำที่เขาไว้ใจ คนแบบนี้น่ะหรือจะให้ยอมรับโดยสนิทใจ มันจะบ้าเกินไปแล้ว

       " ...ผมมีเรื่องจะคุยด้วย.." คาวัลโลเอ่ยเสียงเบา พลางสูดหายใจลึก " เชิญที่รถคันนั้นครับ ในเมืองมีเรื่องวุ่นวาย เราจะใช้ทางลัดกลับไป "

      " ........" คลาร์กพยักหน้ารับ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรง ก่อนจะลุกเดินออกไปจากรถตามคำเชื้อเชิญนั้น แกเร็ตขยับตัวมองตามแผ่นหลังของชายที่เขาเคยคุ้นก่อนจะขมวดคิ้วฉับเมื่อพบว่ากระเป๋าเสื้อด้านซ้ายของคลาร์กนั้น"ตุง"จนผิดปกติ..

    หันไปมองข้างเบาะคนขับด้านซ้ายซึ่งเป็นที่เก็บปืนพกพร้อมเครื่องกระสุนที่บัดนี้ว่างเปล่า แกเร็ตถึงกับสถบอุบอย่างหัวเสีย ทว่าเขาก็เอื้อมือคว้าปืนจากเบาะที่นั่งด้านขวาออกไปเช่นกัน

   ...คลาร์กกำลังวางแผนอะไรอยู่กันนะ..?

      คิดใคร่ครวญอย่างหนักใจปนหงุดหงิด แต่ต่อให้อารมณ์เสียแค่ไหน แกเร็ตก็ทำได้เพียงหยิบฉวยปืนพกไว้เผื่อเอาตัวรอดและแก้ไขสถานการณ์บ้าๆที่ผู้ปกครองของเขาจะสร้างมันขั้นมาเท่านั้น

     คนแบบนี้อยู่ด้วยแล้วน่าหงุดหงิดจริงๆ!!



         แกเร็ต เคย์ นิ่งเงียบพลางจ้องมองใบหน้าของผู้ที่อยู่ในรถคันหรู ที่กำลังวิ่งผ่านเส้นทางลัดเลาะต่างๆเพื่อไปยังสถานที่พักหรือพระราชวังใจกลางเมืองของกษัตริย์แห่งประเทศนี้..หนึ่งคือใบหน้าของคลาร์ก โรเซนเบิร์ก ที่แสนจะเคยคุ้นใบหน้านั้นยังคงวางเฉยไร้ร่องรอยอารมณ์ใด ทั้งยังแฝงแววหยิ่งยโสจนน่าหงุดหงิดนัก ซึ่งผู้คุ้นเคยกันก็พอจะรู้ ว่านี่คือการ"ต่อต้าน"และ"วางอำนาจ"ของเจ้าตัวแบกรายๆ เพราะรู้แบบนั้น สีหน้าของคาวัลโล วาลกัส ว่าที่บอสของเขาจึงได้เคร่งเครียดกว่าเดิม เมื่อบวกกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แห้งผากทั้งยังแดงก่ำ และใบหน้าขาวซีดสลับกับเครียดขึงแล้วก็ไม่แปลกหรอก..ที่คลาร์กจะนึกขัดใจกับท่าทีของมัน

       สุดท้าย แกเร็ตกวาดมองไปยังคนที่นั่งอยู่บนเบาะหน้า ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มแบบชาวอาหรับแฝงความองอาจเคร่งขรึม นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองสภาพเส้นทางจราจรและสิ่งก่อสร้างตามข้างทางจดจ่อราวกับไม่สนใจใยดีว่าพวกเขาจะพูดคุยหรือทำเช่นไรต่อกัน..แต่...เขาก็ยังสามารถมองเห็นริมฝีปากที่เม้มเเเน่นราวกับสะกดกั้นอารมณ์และนัยน์ตาแฝงแววโศกเศร้าอาลัยที่เจ้าตัวพยายามปิดอย่างไรก็ไม่มิด..

  ...ยิ่งดวงตาคู่นั้นเผลอสบมองกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงก่ำของคาวัลโล..บอกให้รับรู้โดยไร้คำพูดใด ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นั้นยังไม่อาจตัดขาด..


..ตัดสินใจยังไม่ได้ แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยอีกงั้นหรือ?


     ถอนหายใจอย่างนึกฉิว ดวงตาเสมองทิวทัศน์ด้านนอกรถ มันวิ่งผ่านประตูใหญ่ด้านหน้าที่มีการตรวจตราตัวรถอย่างละเอียดแล้วจึงตรงเข้าไปด้านใน ถนนทางเรียบปลูกต้นสนและพรรณไม้ต่างๆไว้ข้างๆ ที่อยู่ไม่ไกลคือลานน้ำพุทำจากหินอ่อนสีขาว ก่อนที่รถจะจอดลงยังหน้าพระราชวังอันเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ที่นี่   
 
     พระราชวังหลังใหญ่สร้างด้วยอิฐและหินอ่อน ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบบาโรคมีลวดลายพรรณไม้และสลักช่องประตูหน้าต่างเป็นรูปร่างของดวงดาว จันทร์เสี้ยวและโดมทองอย่างวังของผู้นำประเทศแถบตะวันออกไกลอื่นๆที่นับถือศาสนาอิสลาม กินพื้นที่หลายตารางกิโลเมตรประกอบกับสิ่งก่อนสร้างอำนวยความสะดวกอื่นๆทั้งอาคารเรือนกระจกและสวนขนาดใหญ่ด้านหน้า

     รถจอดลงเพียงชั่วครู่ก่อนวกจากด้านหน้าพระราชวังใหญ่โตไปยังด้านหลังที่ยังมีกลุ่มอาคารอื่นๆซึ่งปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆและถูกเชื่อมไว้ด้วยทางเดินที่มีเสาและหลังคากันแดดฝนสร้างอย่างงดงามตามแบบศิลปะะอิสลามด้วยเช่นกัน

      รถเลี้ยวเข้าไปจอดยังด้านหลังของวังก่อนจะจอดเทียบลง ชายชาวอาหรับที่แต่งกายด้วยผ้าคลุมหน้าและชุดคลุมตัวยาวตามแบบมุสลิม ใบหน้าคมและดวงตาเข้มจัด รูปร่างสูงใหญ่ตามกรรมพันธุ์ ก็เดินกรูกันเข้ามาหา หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้กษัตริย์หนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าออกจากรถและพูดอะไรสักอย่างรัวเร็วเป็นภาษาท้องถิ่น ก่อนตัวรถจะเคลื่อนที่อีกครั้งไปยังชั้นใต้ดิน ชายหนุ่มผู้ขับจอดรถและเปิดประตูให้พวกเขาที่อยู่บนเบาะหลัง


         " อัลชาอ์จะมาไหม? " แกเร็ตมองคาวัลโลที่ลูกขึ้นแล้วออกปากถาม ชายคนนั้นปรายตามองพวกเขาเพียงชั่วครู่จึงส่ายหน้าช้าๆ

         " ชีคสั่งให้ทำธุระของคุณไปก่อน ตอนนี้กำลังมีเรื่อง " คำกล่าวสั้นๆนั้นก็มากพอแล้วที่จะบอกให้รู้ว่าอัลชาอ์ไม่มีคำว่าใจอ่อนให้เขาอีกต่อไป คาวัลโลพยักหน้ารับคำพูดของฮาซานอย่างเซื่องซึม หันหลังและเดินก้าวขึ้นไปบนบันไดอย่างลอยเหม่อ มาถึงขั้นนี้แล้วก็มีเพียงแต่ต้องตัดสินใจใช่ไหม?

      หลังจากเอ่ยทางเลือกที่ไม่ต่างอะไรกับการบังคับออกมาจากปาก อัลชาอ์ก็ไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ยออกมาอีกแม้จะวอนขอ แม้จะพยายามส่งสายตาร้องขอความเห็นใจ จะเรียก จะทำอย่างไร ชีคหนุ่มก็ทำเสมือนไม่รับรู้ ไม่ได้ยิน..

   ก็พอจะรู้ว่าไม่อาจมีหวัง..เวลาดี..อัลชาอ์ก็ดีใจหาย เวลาจะใจร้าย อัลชาอ์ก็ใจร้ายเลือดเย็นได้อย่างสาใจเช่นเดียวกัน..

      ผลักประตูห้องพักว่างๆห้องหนึ่งซึ่งฮาซานมันบอกว่าเป็นห้องพักของคลาร์กและเเกเร็ต คาวัลโลหันไปมองหน้าสองหนุ่มที่ตามหลังเขามา..นิ่ง...เงียบอยู่ครู่หนึ่งกับคำกล่าวประณามที่ออกมาแม้ไม่ได้พูดและแสดงท่าทีใด เขานิ่ง...ถอนใจยาว ที่สุดจึงตัดสินใจลากโต๊ะว่างๆตัวหนึ่งมาเพื่อจะได้นั่งคุยกันอย่างจริงจังเสียที

       " ทำไมไม่ปิดประตู ? "เสียงทักเครียดๆแสดงความไม่พอใจของคุณอาเอ่ยขึ้นมาก่อน เมื่อมองเห็นประตูที่เปิดอ้าและการสนทนาของพวกเขาคงไม่มีความลับเป็นแน่แท้

       " ที่นี่ห้ามมีความลับ " คาวัลโลตอบพลางถอนใจยาว..ไม่พูด...ว่าที่เปิดไว้เพื่อให้อัลชาอ์จะได้ตามมาและรับรู้บทสนทนาเหล่านี้ รู้ถึงความกดดันที่ตัวเขาต้องเผชิญ

        " ไม่ใช่ว่าแกรอใครอยู่หรือไง ? " คำกล่าวของผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มแสยะเสียดแทงใจนัก คาวัลโลเม้มปากแน่น ไม่ตอบปฏิเสธ..เพราะมันจริง...จริงอย่างที่คลาร์กพูด

    ...อยากให้เห็น เผื่อจะรู้สึกแย่ จะใจอ่อน เห็นใจและได้เข้าใจบ้าง..

    มันน่าสมเพชใช่ไหม?...ที่สิ่งนี้คือแผนชั่วขั้นสุดท้ายสำหรับคนที่ไม่อยากจะเสียอะไรไปเลยอย่างคาวัลโลคนนี้

         "...แค่ภาษาอิตาเลียนก็พอแล้ว " แกเร็ต เคย์ ถอนใจแรง เอ่ยออกมาลอยๆเผื่อจะให้เจ้าสองอาหลานที่กำลังฮึ่มฮั่มใส่กันรู้เสียบ้าง ว่าที่นี่คือที่ไหน หรืออย่างน้อย พวกตนกำลังถกเถียงกันเป็นภาษาอะไรอยู่..

     ..ฟังไม่ออกความลับจะรั่วไหลได้อย่างไร? แค่นี้ก็ยังปล่อยให้ความเคืองใจมันปกปิดจนไม่คิดกันอีก       
   
          " โลกนี้มีคนพูดและเข้าใจเป็นกันอยู่สามสี่คนงั้นสิ " คลาร์กตวัดสายตาเคืองๆใส่เจ้าคนที่พูดออกมาราวกับไม่ใส่ใจ

         " ถ้ามันจำเป็นต้องรู้ขนาดนั้น...ก็เรื่องของเขาสิครับ " อยู่กับคุณอามามากไป ไอ้หมอนี่ต้องติดนิสัยกวนประสาทมาบ้างแน่ๆ คาวัลโลมองหน้าพูดแล้วแทบจะกุมขมับ

         "...ที่มานั่งคุยกันนี่เป็นเรื่องควรปิดหรือเปิดประตูไว้เหรอ? พอได้แล้ว " คาวัลโลตลวาดออกมาอย่างเดือดดาลเล็กๆ  นึกหงุดหงิดกับพวกที่มีหน้าที่แค่มาทำลอยหน้าลอยตากดดันเขาแล้วเอาแต่พูดดูถูกไม่สนใจความรู้สึกกันเป็นที่สุด

         " โฮ่...นี่เริ่มจะกล้าขึ้นมาแล้วเหรอ นึกว่าจะหงอทำเป็นแต่นั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่กับ"คนสำคัญ"นักหนาของแกเสียอีก " คลาร์กหัวเราะหึๆ ทั้งฉุนทั้งขันแต่ขณะเดียวกันเขาก็พึงใจ..ที่มันกล้าจะลุกมาสู้เสียบ้าง แม้ว่าเหตุที่ทำให้มันกล้ามาต่อว่าเขาจะเป็นเพราะความหงุดหงิดก็ตามที

          " อย่า...ลากเขามาเกี่ยว " คาวัลโลเม้มปากแน่น ตาขวาง

          " แตะไม่ได้งั้นสิ..." คลาร์กหัวเราะหึๆ..ยกมือกอดอกแน่น "..ถ้าไม่อยากให้ฉันไปวุ่นวาย แกก็เลิกเอาแต่ซุกหัวอยู่ที่นี่ เลิกนั่งร้องไห้ เลิกคร่ำครวญน่าสมเพชแล้วตัดสินใจซะสิ ! "

          " พูดอย่างกับไม่รู้ว่าผมจะเลือกทางไหน.." คาวัลโลฟังแล้วสูดหายใจลึกระงับอารมณ์พลุ้งพล่านและไม่พอใจถ้อยในคำหยามหมิ่น บอกตัวเองให้เคยชินกับคำพูดและท่าทีของคลาร์กเสียที แต่ไหนแต่ไรอาของเขาก็เป็นคนแบบนี้และก็คงจะเป็นแบบนี้ไปตลอด มันป่วยการจะไปสนใจวิวาทกับคำพูดแบบนั้น เขาก็ได้บทเรียนไปแล้วไม่ใช่รึไง

          " ...ฉันจะรู้ใจแกได้ยังไง..." คลาร์กจ้องมองหลานชายคนสนิทที่นั่งจ้องเขาบนเก้าอี้ด้วยสายตาวาววับ..ทั้งรวดร้าวและเจ็บปวด ชั่วขณะหนึ่งด้วยสายเลือดและความรักที่มีในใจส่งผลให้นึกสงสารเห็นใจ..ทว่า..เพราะหน้าที่ ทำให้เขาเลือกจะเเสยะยิ้ม ท้าทายมัน เหยียดหยามมันต่อไป

...ต่อให้มันจะโกรธจะเกลียดเขาไปทั้งชีวิตก็ช่าง.. ขอแค่ลากมันกลับไปได้ จะโกรธแค้นกันจนวันตายก็เรื่องของมัน!..

          " โดยเฉพาะกับใจของคนที่กลายเป็นแบบนี้....ฉันไม่ต้องการไอ้โง่ที่ทำเป็นแต่นั่งซึมร้องไห้อาละวาดบ้าๆบอๆกลับไป ที่ฉันต้องการคือคาวัลโล วาลกัส คนที่จะเป็นบอสมาเฟีย คนที่จับปืนแล้วเล็งไปได้อย่างไม่ลังเล ไม่หันหลังกลับ ไม่ใช่ไอ้ง่อยที่กำรังดิ้นรนอย่างน่าทุเรศอยู่ตอนนี้ หัดส่องกระจกมองหน้าตามองการกระทำของตัวเองเสียบ้างว่ามันน่าสมเพชแค่ไหน !"


      ปัง!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2011 14:52:44 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


       " แล้วคุณจะรู้อะไร ! "

 
         คาวัลโลลุกพรวด เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ถูกผลักจนล้มโครม ลำคอแสบร้อนจากการตะโกนอย่างเดือดดาลด้วยแรงอารมณ์จนนัยน์ตาแดงก่ำ จ้องมองใบหน้าของญาติสนิทที่เอ่ยคำพูดเยาะหยันออกมาอย่างรวดร้าว ก็รู้ดีว่าคลาร์กเป็นคนเช่นไร  และเขาไม่เคยต้องการคำปลอบโยนประโลมใจจากชายคนนี้สักนิด แต่ขอแค่เพียงการนิ่งเงียบและรอคอยการตัดสินใจของเขาอย่างสงบก็เป็นไปไม่ได้หรือ ให้เวลาเขาได้สงบจิตสงบคิดอะไรเสียบ้างได้ไหม? ทำไมพบกันแต่ละคราวจะต้องเอ่ยวาจาเชือดเฉือน ดูถูก เหยียดหยาม ส่อเสียดจิกกัดให้เจ็บแสบรวดร้าวอยู่เรื่อย ไม่รู้ ไม่เข้าใจเอาเสียเลยหรือยังไงว่าเขากำลังคิดมาก กำลังเครียดขึงและต้องตัดสินใจ ทำไม...ทำไมจะต้องมากดดันกันขนาดนี้..

   ..ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังไงเขาก็ต้องกลับไป ทำไมถึงต้องเอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจกันอยู่ตลอดด้วยเล่า..ต่อให้เขาเข้มแข็งแค่ไหนแต่ใครมันจะทนรับคำพูดด่าว่าหยามหยันทุกวันได้กัน


    ..ทุกคนเอาแต่กดดัน ทุกคนเอาแต่รุมประณาม ทุกคนต่างก็ผลักไสทางเลือกที่ไม่มีทางเลือก ทางออกที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเจ็บปวดมาให้เขา

    ..ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเขา ทำไมถึงไม่มีคนเห็นใจเขา


           " คุณจะเข้าใจอะไร...คุณก็แค่เดินเข้ามา...เข้ามาพูดจาด่าว่าปาวๆแล้วประกาศว่าจะลากคอผมกลับบ้าน ได้มองเห็นไหม? ได้สนใจไหมว่าผมรู้สึกยังไง ?  คุณบอกว่าผมผิดที่เอาแต่ยึดติดสำออยไม่กล้าไปไหน เอาแต่ซุกตัวร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนคนอื่นงั้นเหรอ? แล้วในตอนที่ผมถูกทิ้ง ตอนที่ผมไม่มีทางไปคุณอยู่ตรงไหน? ตอนที่ผมต้องกลายเป็นคนตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่ผมถูกหักหลังก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ทั้งพ่อแม่ทั้งครอบครัวทั้งแกงค์ไม่มีใครอยู่กับผมสักคน ..."

            " คุณให้ผมเลือก..เลือกทั้งๆที่คุณก็บังคับผมอยู่กรายๆแล้วว่าให้กลับไป...บอกแบบนั้นแล้วยังจะให้ผมเลือกอีกงั้นเหรอว่าจะทำยังไง?  ผมไม่ได้มีทางเลือกมาแต่แรกแล้ว ผมก็แค่ต้องทำตามที่ถูกสั่ง ก็แค่ต้องเดินไปตามทางที่ถูกขีดไว้เรื่อยๆเหมือนคนไม่มีสมอง!...แล้วตอนนี้สาแก่ใจไหมที่เขาก็บอกให้ผมไป เขาไม่ต้องการผม เขาไม่เชื่อผมอีกแล้ว...คนที่คอยดูแลผม คนที่คอยช่วยผม เป็นกำลังใจให้ผม ...เขาทิ้งผมไปแล้ว..."

   ชั่วขณะหนึ่งความน้อยใจและความอัดอั้นผลักดันให้พูดพร่ำเอ่ยคำพูดโง่ๆ..คาวัลโลส่ายหน้าร่ำร้องออกมาด้วยความปวดร้าวและอัดอั้นเกินจะทนไหว ..มาสำนึกว่าที่พูดไปมันแย่มันเลวร้าย มาคิดได้ว่าเขาทำอะไรลงไปก็เกินจะแก้ไขเสียแล้ว..

             " อ้อ...ฮะ ฮะ ฮะ.." คลาร์กหัวเราะ....เปล่งเสียงหัวเราะที่ค่อยแผ่วเบาเสียงนั้นค่อยดังขึ้นเรื่อยๆ...และเแปรเป็นกระแสเหยาะหยันราวงกับสมเพชเวทนา...เจ้าคนที่กำลังสะอึกสะอื้นร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนบ้า คนที่กำลังโทษคนนั้นคนนี้ พร่ำเพ้อแล้วร้องไห้ราวกับใจสลาย..

   ...เขาผิดเองที่คิดว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผิดเองที่คิดว่ามันได้เรียนรู้และเข้มเเข็งมากกว่าเดิม ผิดเองที่เชื่อมั่นและคิดในแง่ดีว่าคาวัลโลต้องตัดสินใจอย่างไม่มีลังเล ผิดเอง...ผิดเองทั้งหมด!


      ...เพราะคนที่อยู่ตรงหน้ามันน่าสมเพชกระทั่งไม่มีค่าพอให้แลตามองด้วยซ้ำ!!!



               " ที่แกร้องไห้ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิดที่ไม่มีทางเลือกหรือต้องทิ้งใครไป แกก็แค่เอาแต่โทษคนนั้นคนนี้โดยไม่มองเห็นความผิดของตัวเอง! ...สุดท้ายแล้ว...แกมันก็เป็นไอ้พวกคลั่งรักจนไร้สติเท่านั้น!! " ฝ่ามือของคลาร์กคว้าปกเสื้อคอตั้งตัวยาวสีขาวชุดแบบอย่างพวกชนชาวอาหรับที่หลานชายของตนกำลังใส่อยู่มากำแน่น กระชากและขย้ำแรงๆราวกับจะค้นหาเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ของคาวัลโล วาลกัส คนเดิมให้เจอ


                " ไม่มีทางเลือกใช่ไหม ไม่รู้จะทำยังไงใช่ไหม เลือกยังไงก็เจ็บงั้นสินะ...ดี......ดี.... "คลาร์กคำรามอย่างเคืองโกรธ จ้องมองใบหน้าที่แสนเคยคุ้นของหลานชายที่ตนภูมิใจ มองดวงตาสีน้ำทะเลที่บัดนี้เต็มไปด้วยคราบนี้ตาของความพายแพ้อันน่าอดสูอย่างเคืองโกรธ พายุโทสะในอกกำลังคำรามร้องอย่างเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่ง...โกรธ เคือง ผิดหวัง เสียใจ เสียใจเป็นที่สุด ด้วยเด็กหนุ่มซึ่งเขาเฝ้าอดทนสั่งสอนดูแลมาจะกลายเป็นแบบนี้..


...สอนให้เข้มเเข็ง สอนให้อดทน สอนให้เเข็งแกร่ง แต่ทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลงเพราะคำว่ารักอันไร้ค่า!!



        ผลั่วะ!

          กริ๊ก...


          "...ไม่มีทางเลือกใช่ไหม? ไม่รู้จะเลือกอะไรใช่ไหม? ถ้าแกโทษว่าเป็นความผิดของพวกฉันที่กดดันแกนัก ถ้าแกคิดว่าทุกคนผิดที่อยากให้แกกลับบ้าน..ผิดที่ตัวเองเกิดมาในตระกูลมาเฟีย! ..ก็เลือกนี่ซะสิ..ไม่มีทางออกนักก็ตายไปซะสิ คนไร้ค่าอย่างแกน่ะ ตายๆไปซะดีไหม!! "

     ชกหน้ามันสุดแรงจนร่างนั้นถึงกับทรุดฮวบ ฝ่ามือเรียวซุกเข้าไปในเสื้อตัวใน กระชากกระบอกปืนที่ลอบนำมาใช้แล้วยื่นมันไปยังเบื้องหน้า คลาร์กปล่อยชายเสื้อสีขาวของหลานชายตนลงด้วยความรู้สึกโกรธเคืองที่แล่นพล่านในอกจนไม่อาจสงบใจ ไม่แม้กระทั่งจะสามารถแตะต้องตัวมันได้อีกแล้ว..

    ...ไม่รู้จะทำยังไงแล้วใช่ไหม? งั้นก็ตายไปซะ คนที่กล้าทิ้งทุกสิ่งแล้วคร่ำครวญร้องไห้ คนที่สิ้นหวังอย่างไร้ค่าแบบนั้นควรจะตายไปซะ!!


           " ตอบฉันสิ ! บอกฉันมา....หรือจะให้ฉันฝังกระสุนปืนลงบนหน้าผากแกซะเลย! ...."  ใบหน้านองน้ำตาของหลานชายบัดนี้มันชวนอดสูจนไม่กล้ามอง ท่าทีพ่ายแพ้ ไร้ศักดิ์ศรีมันรับไม่ได้จนเขาต้องคำรามออกมาด้วยความเคืองโกรธ  คลาร์กกระชากแขนออกจากการเกาะกุมของแกเร็ตที่รี่มากห้ามด้วยสีหน้าร้อนรน มันเอ่ยปากทักท้วงถึงสาเหตุการมาของพวกเขาและขออย่าให้ความโกรธทำให้เสียเรื่อง  แต่เขาไม่คิดจะสนใจแล้วว่าผลมันจะออกมาแบบไหน อนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ที่รู้ คือเรื่องมันจะต้องจบลงวันนี้ ถ้ามันเป็นทายาทที่อ่อนแอไร้สติ ไร้ค่าขนาดนี้มันก็ไม่สมควรเป็นบอส ถ้ามันกลายเป็นความผิดพลาดของตระกูลวาลกัส มันก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ !


         " หยุด!!!! นี่คุณคิดจะทำอะไร !? " เสียงคำรามก้องและฝ่ามือที่เข้ามากระชากปัดกระบอกปืนในมือของตนไปจากร่างของหลานชาย คือชายหนุ่มที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของเรื่องนี้ ชายที่มีศักดิ์เป็นถึงผู้นำประเทศ คนที่ไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับคาวัลโลให้มันต้องไขว้เขว้ คนที่ควรจะปล่อยให้คาวัลโลกลับไปแต่เนิ่นๆเรื่องราวมันคงจะไม่เลวร้ายแบบนี้!

          "..อย่ายุ่ง นี่มันเรื่องในครอบครัว คนนอกไม่เกี่ยว !! " คลาร์กกระชากเสียงห้วนใส่อีกหนึ่งบุรุษที่เขานึกชิงชัง คนที่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผลและสิ่งที่ควรจะทำ คนโง่เง่าพวกนั้น ไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ !

          " ครอบครัวเหรอ...? มีครอบครัวที่ไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง!! "อัลชาอ์ร้องตวาดอย่างโกรธเคือง สิ่งที่พบเจอเมื่อเดินเข้ามาในห้องนี้ไม่ใช่การทะเลาะถกเถียงหรือการสนทนากันตามประสาญาติๆเสียด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ เป็นวงวิวาทที่มีเป้าหมายมุ่งจะเอาชีวิต ปากกระบอกปืนที่อยู่ในมือชายที่คาวัลโลยอกว่าเป็นอาทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ คนในครอบครัว? ญาติสนิท? คนประเภทไหนกันที่กล้าทำแบบนี้กับครอบครัวของตนเองได้ !

          ชีคหนุ่มรวบเอาร่างที่นิ่งงันของคาวัลโลมากอดประคองไว้ในอ้อมแขน กระชากปืนพกที่ข้างเอวมากำไว้แน่นพร้อมหันกระบอกปืนไปยังร่างของคลาร์กที่ยืนจังก้า ด้วยท่าทีพร้อมจะปกป้องคนในอ้อมกอดจนสุดกำลัง ชีคหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านของคนในอ้อมกอด ฝ่ามือของคาวัลโลที่ขยุ้มเสื้อคลุมแน่นและเสียงสะอื้นที่หลุดออกมาอย่างชวนน่าสงสารนัก อัลชาอ์สูดหายใจลึกจ้องมองชายหนุ่ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าตนอย่างไม่พึงใจ ในมือของชายคนนั้นยังถือปืนอยู่ แม้จะไม่ได้ยกมาเล็งที่พวกเขาแล้ว แต่อย่างไรอัลชาอ์ก็ยังยอมไม่ได้ !

         " อย่าครับ...พอเถอะ...." คาวัลโลพึมพัมเสียงเบา ฝ่ามือแตะลงบนมือหนาที่กำกระบอกปืนไว้แน่นและค่อยดึงให้ฝ่ามือนั้นลดลงข้างกาย จ้องมองเสี้ยวหน้าที่ยังคงแสดงความห่วงหาอย่างแจ่มชัดของอัลชาอ์ด้วยความดีใจแม้เสี้ยวหนึ่งของหัวใจจะยังคงเจ็บปวดรวดร้าวนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้อีกแล้ว

      ค่อยผละจากอ้อมแขนของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาพร้อมกับสูดหายใจลึก เรียกคืนสติและกำลังใจที่ได้จากอ้อมกอดเมื่อครู่มาเป้นพลังให้ยืนหยัดได้อย่างยากเย็น นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าเคืองโกรธของผู้เป็นอาที่จ้องมองเขาอย่างผิดหวัง กระบอกปืนในมือฝ่ายนั้นลดลงข้างกาย ทั้งฝ่ามือยังสั่นระริก ชั่วขณะหนึ่งเขาถามตัวเองอย่างนึกสมเพชว่าหากอัลชาอ์มาห้ามไม่ทัน คลาร์กจะฆ่าเขาไหม?


    อาของเขาจะบังคับให้เขาเลือกกระบอกปืนหรือเลือกกลับบ้านรึเปล่า?



         " ...นี่มันจะเกินไปแล้ว พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง คาวัลโลเป็นหลานชายคุณไม่ใช่เหรอ? แทนที่จะคุยกันแบบมีเหตุผล ทำไมคุณถึงทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปอีก! " แม้จะลดปืนลงแล้ว ทว่าความโกรธเคืองเมื่อพบว่าคนที่ตนรักสุดหัวใจถูกหมายคร่าชีวิตยังคงอยู่ อัลชาอ์คำรามพลางจ้องหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้คิดหวั่นแกรงแม้ในมืออีกฝ่ายจะมีประบอกปืนบรรจุกระสุนพร้อมลั่นไกสังหาร และนั่น..ยิ่งทำให้ความอดทนของคลาร์กถึงขีดสุด


          " ..อ้อ...ดี....ดี..." คลาร์กคำรามเสียงต่ำตวัดสายตามามองสบดวงตาของหลานชายคนสนิทพร้อมกับรอยยิ้มแสยะที่แสนไม่น่าไว้ใจที่ปรากฏอยู่บนหน้า นั่นทำให้คาวัลโลใจหายวาบ " ถูกทิ้งอะไร? ...มันก็ยังอาลัยอาวรณ์แกอยู่นี่ แค่ยอมอยู่ที่นี่ก็จบลงง่ายๆแล้วใช่ไหม? "


    กริ๊ก....



          " งั้นฉันเจอต้นตอของปัญหาที่แท้จริงแล้ว..."



      สิ้นคำเอ่ยนั้น กระบอกปืนในมือของคลาร์กก็ถูกยกขึ้นพร้อมเล็งเป้าไปยังร่างของชีคแห่งเซเนียยาอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับปืนสั้นในมืออัลชาอ์ที่หันไปยังร่างของคลาร์กโรเซนเบิร์กในทันที...

     ภาพชายสองคนที่ยืนถือปืนจ่อมายังร่างของอีกฝ่ายชวนให้ใจหายวาบยามคิดถึงสิ่งที่จะเกิด แน่นอนว่าแกเร็ตนั้นไม่อาจอยู่เฉย มาเฟียหนุ่มรีบปลดเซฟปืนในมือขยับเท้าเข้าไปใกล้แล้วจ่อมันลงกับขมับของผู้นำประเทศเซเนียยา ไม่สนใจเสียงเอะอะโวยวายใดๆแม้ว่าจะมีชายนับสิบพร้อมกับอกปืนเด่นหราส่องมาที่เขาและคลาร์กก็ตาม...

      ผู้ชายที่เขาอ้าแขนปกป้อง เอาชีวิตเข้าต่อรองกำลังยิ้มแย้มด้วยท่าทีพึงใจ ใบหน้าแสนรื่นรมย์ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมาบ่งชัด..ว่ากำลังโกรธจนขาดสติ...

      มุมปากเจ้าตัวยกยิ้ม..กระชับปืนในมือแน่นขึ้นก่อนจะหันหน้าไปสบตาหลานชายของตนที่ยืนตะลึง นิ่งงันกับสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดจะเอ่ย..ริมฝีปากนั้นแสยะออกอย่างมากเล่ห์ก่อนจะค่อยขยับ เอ่ยประโยคบีบคั้นให้คนฟังแทบขาดใจ..




        " เรามาเลือกกันดีไหม คาวัลโลหลานรัก  ว่าระหว่างชีวิตผู้ชายคนนี้ กับครอบครัวของแก..อะไรจะสำคัญกว่ากัน ?  "




  ....................


..โฮก  ก ก ก ก ไม่มีเน็ตใช้  :sad4:
แต่งเสร็จแล้วแต่ไม่มีเน็ตอ่ะคะ เลยมาช้าขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่ได้มาต่อตามที่พูดไว้..
มาคุยตอนนี้กันแบบยาวสักนิดนึงซะหน่อย (ปกติก็ยาวอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ ฮ่าๆ)

    ตอนนี้มันถือเป็นอีกไคลแมกซ์ของเรื่องเลยล่ะคะ เขียนไปก็มันส์ไป ชอบตอนนี้มาก มันทั้งเครียดทั้งมันส์และแอบเศร้าไปในตอนเดียว หรือเราควรจะงงว่าตอนนี้มันบู้หรือดราม่า (ฮ่าๆ)
   เอาจริงๆปุ้ยว่าเรื่องการรบราหรือการฆ่ากันนี่มันไม่ใช่เรื่องควรจะทำเลยนะ ทั้งคนทำและคนถูกทำร้ายต่างฝ่ายที่หันหน้าเข้ามาประจัญหน้ากันก็คงเจ็บปวดทั้งคู่..คนที่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้ต่างก็พูดว่าสงครามมันโหดร้าย การฆ่ากันมันไม่สนุก ฉะนั้นปุ้ยคิดว่าการจะมาเขียนฉากบู้แบบฆ่าๆๆ ฆ่ากันเหมือนไม่มีจิตสำนึกไม่มีความรู้สึกนี่มันก็เกินไป พวกที่ฆ่าคนได้แบบไม่รู้สึกอะไรนี่น่ากลัวนะ (ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำ เพราะตามเนื้อเรื่องมันต้องทำแต่ควรจะรู้สึกแย่และรู้สึกผิด )

    ส่วนฝั่งท่านชีค...อ่า...ไม่แปลกที่อัลไม่รอ และไม่แปลกเช่นกันที่คาวี่จะโวยวาย ฟูมฟาย (บ้า? / :beat: โดนตบ) ความรู้สึกมันคงคล้ายๆกับคนที่เราเห็นว่าเขาเป็นของตาย อารมณ์ประมาณยังไงเมิงก็รักกูและกูจะทำอะไรกับเมิงก็ได้ พอมาวันนึงเค้าจากไปก็เพิ่งรู้ตัว..แต่มันก็สายไปเสียแล้ว..

       และคุณอา(ที่รัก) ตกลงว่าคุณมาช่วยหรือมาทำให้เรื่องมันดิ่งลงเหว? :เฮ้อ: หลายคนคงอยากจะถามฮ่าๆ อันว่าพอคุณอามานี่มันส์มากมาย แต่คงทำให้ใครหลายคนไม่ชอบหน้าและเชียร์ให้คุณอาโดนจัดการ(แบบเอสเอ็ม)โดยเร็ว แถมตอนนี้กล้าเอาปืนจ่อหัวพระเอกในใจมหาชนเชียว โดนแฟนคลับชีคตบตีแน่ ฮ่าๆ :laugh: :laugh:

ปลลอ. แบดกายต้นฉบับหายสามตอนรวด..ขอเวลาทำใจสักสองสามวันแล้วจะมาต่อ ชีวิตมันบัดโซ้บบบบบ ฮือออ :o12: :o12:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2011 14:28:02 โดย Serin »

hahn

  • บุคคลทั่วไป
กดดันกันเหลือเกิน +1

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
ค้างงงงงงงงงงงงงง :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :z6:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 :monkeysad: มาม่าทั้ง2ที่เลย โฮกกกกกก

เสียงปืนในฉากที่อิตาลี ลุงคงยิงตัวเองตายแน่ๆเดาเอาอ่ะ ช้ำใจอย่างหนัก

ทนชีวิตรันทดไม่ไหว ส่วนไอ้อาคราร์กนี่มันติสเกินเหมือนคนบ้าไปแล้ว

แบบคุมตัวเองไม่ได้จะฆ่าหลานซะงั้น แต่ถ้ามองอีกแง่อาจเป็นแผนให้

คาวัลโลได้อยู่กับท่านชีคต่อก็ได้น้า คิดในแง่ดีเข้าไว้ เพราะเพลียใจ

เหลือเกิน :z3:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
เครี๊ยดดดดเครียดเลย เจ้าข้าเอ้ยยยยยย :z3:

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ปวดตับ เครียดจริงๆๆ

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
มันจะกดจิตกันไปไหม
ต่างคนต่างคิดแค่ตัวเองทั้งนั้น ชิ !  :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด