Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1006026 ครั้ง)

Hongfaisa

  • บุคคลทั่วไป
กร๊ากกกก

ไม่มา แถมโดนหลอกอีกต่างหาก o22 o22

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
มาปูเสื่อรอ อย่ามาม่ามากนักน๊าาาาาาาาาาาา สงสารอัลซาร์ :m15:

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารอค่า    เมื่อวานก็มาเมียงๆ มองๆ  นิดหน่อย  หนูคิดถึงคาวี่แล้วเน้อ   :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line 37 : เดิมพันสุดท้าย

    สายลมแรงหอบเอากลิ่นของทะเลและกลิ่นของผืนดินลอยมายังปลายจมูก นกนางนวลสี่ห้าตัวยังคงโผบินวนเวียนขึ้นลงคอยจับปลาหากินอยุ่บริเวณใกล้ๆลำเรือ  ร่างของบุรุษที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำสนิทกวาดตามองไปยังผืนดินที่เห็นอยู่ไกลลิบ ตัวอาคารและสิ่งก่อสร้างเลาะหลั่นกันไปตามเนินเขาสูง ด้านหน้าเป็นบ้านเรือนที่กระจุกตัวรวมกันอย่างหนาแน่น ขณะที่ด้านหลัง เป็นเนินเขาและราวป่าดูไกลออกไป ไม่ปรากฏสิ่งก่อสร้างใดๆขึ้นอีก..

     ทว่าผู้มองต่างก็รู้ดี ว่าหลังจากเงาไม้และทิวสนที่คอยปิดบังสายตาสอดส่องของคนภายนอก เบื้องหลังคือคฤหาสถ์หลังใกญ่ และสุสานกินอาณาบริเวณกว้างจรดอีกฝั่งของเกาะ ปกคุลมพื้นที่นั้นด้วยอิทธิพล เงินตรา และอำนาจในนามของมาเฟีย..

       ฝ่ามือกำแน่นเข้าหากันราวกับจะสงบสติอารมณ์ นัยน์ตาสีฟ้าสดจ้องมองตัวอาคารและอาณาบริเวรของเกาะที่เด่นชัดขึ้นทุกครา ความเครียดขึง ความปวดร้าวและเเค้นเคืองในใจยิ่งปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว

       จ้องมองแหวนสีทองวงเล็กบนนิ้ว มองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย รักใคร่..หวนอาลัย รวดร้าวทรมารและคั่งแค้นจนแทบทนไม่ไหว..

       ที่รอคอยไม่แล่นมาหาในวันแรกที่รู้ข่าว ไม่ใช่เพราะความปราณี หรือความลังเลใจ ทว่าเมื่อตัดสินใจจะ"เด็ด"ปีกอินทรีตัวนั้นแล้ว แผนการณ์จะต้องรอบคอบ...ยิ่งกว่ารอบคอบ ต้องรัดกุม ห้ามมีช่องโหว่ ต้องควบคุมทุกอย่างให้ดี ไม่ให้เกิดความผิดพลาดจนต้องเสียใครไปอีกแล้ว...

       ขอให้พ่อและแม่ไปเที่ยวเยอรมัน  พักผ่อนที่บ้านเก่าของแม่ และมีคนของคลาร์กคอยดูแลคุ้มกันตามคำเชิญที่อุปโลกขึ้นมาจากปากของเขา จัดการให้อเล็กซานดร้ารับงานเดินแบบที่ต่างประเทศโดยมีบอดี้การ์ดและคนของเขาตามประกบ ให้คาร์โลกลับมา รวมทั้งให้คลาร์กและแกเร็ตไปตามเจ้าน้องชายที่ควรจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่บุกรับ...วางหมากประกบล้อมอย่าให้ได้พลาดพลั้ง

   แม้จะเป็นที่น่าสังเวชในสายตาของผู้อื่นที่ต้องมาประหัตประหารกันเองในครอบครัว ทว่าเมื่อเสียงปืนแล่นออกมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ นั่นก็ถือเป็นการประกาศสงครามแล้ว

  ...หากต้องการชดใช้"ชีวิต"ของบุตรชายตนเองด้วยชีวิตของน้องๆของเขา พ่อแม่ของเขา อเล็กซิสยอมไม่ได้ ไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้น..

 นี่คือนัดตัดสินระหว่างเขาและผู้เป็นลุง นัดที่คำว่าอยู่หรือตายไม่มีผลอะไรไปมากกว่าการแก้แค้นและความสาใจ..

 ...ในเมื่อกล้าทำร้ายคนที่เขารัก กล้าพรากเอาคนที่รักไปจากอก..หากไม่ได้จับมันมาเชือดเนื้อเถือหนัง ไม่เอาตัวมันมานอนครวญครางร่ำไห้ต่อหน้า ไม่มีวันที่อเล็กซิส จะยอมแพ้...

    ...นัยน์ตาของพี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสค่อยหรุบตาลงต่ำแล้วสูดหายใจลึก ฝ่ามือกำแน่นอย่างสะกดอารมณ์ เมื่อความข่มปร่าแล่นเข้าจุกอก ขอบตาร้อนผ่าวอยากกรีดร้องร่ำไห้ให้สาแก่ใจ แต่ที่ทำได้ทีเพียงยืนนิ่งออกปากสั่งให้บรรดาลุกน้องขับเรืออ้อมไปยังด้านหลังของเกาะเพื่อไม่ให้ผู้คนแตกตื่น ชายหนุ่มจ้องมอง"น้องชาย"ที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย..พลันรู้สึกถึงความปวดร้าวและเจ็บแสบทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ..

      ....รู้สึกผิด...ไม่น้อยไปกว่าความปวดร้าว นึกสังเวชตัวเองที่ปล่อยปละละเลย มัวแต่วิ่งวุ่นเพ้อพกทำนั่นทำนี่เสียจนไม่คิดสนใจผู้อื่น ทั้งคนรัก ทั้งพี่น้อง หรือกระทั่งคำเตือนจากผู้คนรอบกาย มองมันเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า เพราะคิดว่าตัวเองฉลาดและอยู่เหนือคนอื่น เกมส์ที่เคยคุมได้เสมอมา จึงเป็นเหตุให้วางใจจนต้องพลาดพลั้ง..

     ถ้าเพียงแต่ฟัง...ถ้าเพียงแต่จะระวังหรือสนใจความคิดของคนอื่นมากกว่านี้สักนิด...เรื่องราวมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ ไม่จบแบบนี้..

...อาจจะไม่ต้องเสียใครไป อาจจะไม่ต้องโศกเศร้า ร่ำไห้ต่อความผิดหวัง...

มันเป็นเพราะเราห่างเหินกันไปรึเปล่า?  เพราะเราไม่พูดคุยกัน เพราะเราต่างใช้ชีวิตของตัวเอง จนลืมสนใจคนรอบข้าง เรื่องราวแบบนี้จึงได้เกิดขึ้น

โศกนาฏกรรมที่น่าสมเพช การฆ่ากันเอง ทำลายกันเอง ...เหมือนๆกับเรื่องเล่าที่ผ่านมา..

 เคอมองว่ามันเป็นเรื่องโง่เง่าที่ไม่มีทางเกิดขึ้น ในเมื่อครอบครัวเราต่างรักใคร่กันมากมายเพียงนี้ ทว่า ยามนี้กลับปรากฏชัด ชัดเจนว่ารอยร้าวนั้นแฝงตัวฝังรากลึกแค่ไหน และได้รู้...ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระสักนิด...

        "....อีกยี่สิบนาทีจะถึง " เสียงของน้องชายดังขึ้นเบาๆ  อเล็กซิสพยักหน้ารับ เขาตวัดสายตามองร่างของคาร์โลที่สวมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำตาลอ่อนทับกางเกงยีนส์สีเข้ม ขบถและต่อต้านเสมอเช่นที่มันเคยเป็นและเช่นที่เคยขัดตา ครานี้ก็เช่นกัน อเล็กซิสหน้านิ่ว แต่ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า..

ปึ่ก

        " ทำไมไม่ใส่เสื้อกันกระสุน " ฝ่ามือหนาฟาดลงบนแผ่นอกแกร่งของผู้เป็นน้องไม่เบานัก คาร์โลหน้านิ่วยกมือขึ้นลูบอกตัวเองก่อนจะพ่นลมหายใจ

        " ไม่จำเป็นน่า "

        " ทำไมจะไม่จำเป็น ไปใส่ซะ...งานนี้เราไม่ต้องการเสี่ยง...ไม่ต้องการเสียใครไปอีกแล้ว " อเล็กซิสพ่นลมหายใจพรูส่วนหนึ่งของประโยคคำพุดนั้นร้าวไหวราวกับต้องการสงบสติอารมณ์  ผลักไหล่น้องชายให้ไปเตรียมตัวเบาๆ คนฟังเซเล็กน้อย หากฝ่าเท้ายังคงชะลอไม่หันกลับไปตามคำสั่ง นัยน์ตาสีเขียวจ้องมองใบหน้าของผู้เป็นพี่นิ่ง...ก่อนจะเอ่ยถามเบาๆ

        " ...แล้วนี่ไม่ใช่การสูญเสียหรือ? "

        " หรือแกอยากให้ทุกอย่างเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ " ความคั่งเเค้น...สีหน้าเจียนคลั่งที่พยายามเก็บไว้ของพี่ชายบ่งชัดว่าอเล็กซิสเป็นเช่นไร คาร์โลใช่จะไม่รู้ ไม่เห็น  ว่านับแต่เขากลับมา หลายวันที่คอยเตรียมการและออกคำสั่งเด็ดขาด พี่ชายของเขาไม่เคยหลับไหล ได้แต่เพียงนั่งจิบเหล้าย้อมใจให้ค่ำคืนผ่านไปเป็นวันๆ ท่าทีนิ่งเรียบ เงียบขรึมราวกับภูผาไม่หวั่นไหวเช่นวันวาร แต่ภายในมันกำลังกรีดร้องร่ำไห้ด้วยความทุกข์ทรมาร... เขารู้ดี

      เคยคิดจะต่อว่า..ด่าทอหยามเหยียดด้วยความคับแค้นใจ แต่เมื่อเห็นสภาพนั้นก็เป็นเขาเองที่นิ่ง..นั่งเงียบๆฟังคำสั่ง...และนั่งอยู่ข้างๆจ้องมองรูป"ครอบครัว"ด้วยแววตาสั่นไหว...

    โวยวายด่าทอกันไปก้เท่านั้น ทะเลาะวิวาทมีเรื่องวุ่นวาย ใช่ว่าอเล็กเซย์จะกลับมา..กับสงครามนี้อยากจะห้ามไม่ให้ทำก็ไม่ได้ และต่อให้ทำได้ก็คงไม่คิดห้าม เรื่องราวที่ผ่านมามันไม่อาจจะย้อนกลับไปได้แล้ว เช่นเดียวกับที่ชีวิตของคนสำคัญไม่อาจจะหวนคืนกลับมา..

          " หันหลัง " ฝ่ามือของพี่ชายออกแรงผลักหัวไหล่เบาๆ แล้วเสื้อเกราะกันกระสุนตัวหนาก็ถูกสวมลงด้วยฝีมือเจ้าตัว พี่ชายที่ชอบบังคับวางอำนาจเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ทว่าเพราะฝ่ามือที่แตะลงบนเสื้อเกราะตัวหนา ตรวจตราและมัดปมต่างๆให้กระชับกายด้วยความอ่อนโยน ใส่ใจ ทำให้ริมฝีปากที่จะเอ่ยต่อว่าเงียบลงโดยอัตโนมัติ

.... ต่อให้ปากร้าย เอาแต่ใจ ชอบบังคับ จะอย่างไรก็เป็นพี่ชาย พี่...ที่บัดนี้สำคัญเหลือเกิน...

..."ครอบครัว" สายใยและความผูกพันที่คิดว่าแนบแน่น บัดนี้รอยแยกกลับปรากฏจนมองเห็นชัดและเหลือคนเชื่อใจได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย...ทว่าอย่างไรพี่ชายก็ยังคอยปกป้องเสมอ..

    ก้มมองใบหน้าของพี่ใหญ่ที่ตรวจตราอุปกรณ์ป้องกันของตนเอง..คาร์โลรู้สึกถึงลมหายใจสั่นไหวของตน เมื่อได้มองเห็นใบหน้า ...ที่เหมือนกับพี่เล็กเซย์ที่เขารักนักหนาคนนั้นเหลือเกิน..

        ปลายนิ้วของอเล็กซิสแตะลงบนผิวเนื้อเป็นครั้งสุดท้ายอย่างสำรวจตรวจตรา ก่อนจะเอ่ยเรียกให้คนในอาณัติไปหยิบเสื้อเกราะตัวใหม่มาแทนทีตัวเก่าที่ถูกถอดจาดร่างของพี่ชายมาสวมให้น้องชายดื้อๆงี่เง่าอย่างคาร์เนโร่ วาลกัส...

       นัยน์ตาสีเขียวสดกระพริบถี่ จ้องมองผืนน้ำสีสดเบื้องล่างราวกับต้องการจะสงบอารมณ์ หากแต่ทำได้ยากนัก เมื่อใบหน้าที่เคยคุ้นและเหมือนกับพี่ชายที่รักอีกคนยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ดวงตาคู่นั้นฉายแววห่วงหาอาทร ไม่ต่างกันกับพี่ชายที่จากไปคนนั้น.ค่อยทลายทิฐิและความไม่พอใจ ทั้งความอัดอั้นอย่างช้าๆ..

     พี่ชายที่เขานึกต่อต้าน คนที่เคยปรามาสว่าเผด็จการและไร้ปัญญาจะจัดการเรื่องของตนเอง...พี่ชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว..ที่พึ่ง..แผ่นหลังที่องอาจ ซึ่งตัวเขาไม่เคยรู้ว่ามันต้องแบกรับอะไรไว้ เฝ้าแต่ประณามถามไถ่ไม่พอใจ ทั้งที่ฝ่ายนั้นคอยดูแลมาตลอดแท้ๆ

      เงาไหวของผิวน้ำยังคงเป็นคลื่นสาดซ่ากระจายเป็นฟองเมื่อเรือยอร์ชลำใหญ่วิ่งตัดผ่าน  แต่แม้กระแสน้ำจะไม่คงที่และแตกพร่า..ภาพฝ่ามือของคาร์เนโร่ วาลกัสที่เอื้อมไปแตะลงบนไหล่ของผู้เป็นพี่และดึงร่างนั้นโผเข้ากอดก็ยังคงปรากฏอยู่อย่างชัดเจน

     อเล็กซิสชะงัก ร่างสูงนิ่งงันด้วยความงุนงงสงสัยกับแรงปะทะที่โถมเข้าหา ชายหนุ่มมองเห็นเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวระไหล่ถูกมัดรวบไว้ตรงลำคอของน้องชาย...ผ่านวินาทีแห่งความงุนงงเพียงชั่วครู่ ความอบอุ่นของผิวเนื้อ..อ้อมกอดที่สั่นไหวด้วยความเจ็บร้าว ความเข้าใจจึงค่อยเด่นชัด..เช่นเดียวกับความอุ่นวาบตามรอยกอดที่ยังคงตราตรึง...

      ฝ่ามือหนาแตะลงบนไหล่ของน้องชายบีบมันเบาๆ แล้วยิ้มรับ...ยิ้มให้กับความโศกเศร้าและความสูญเสียที่แบ่งปันมาให้กัน ตลอดจนความเข้าใจที่ทลายกำแพงทิฐิและความมึนตึงที่มีต่อกันได้อย่าง่ายดาย

เราคือครอบครัวเดียวกัน...

เราคือสายเลือดเดียวกัน ..

เราคือพี่น้อง คือคนสำคัญของกันและกัน..


..ออกแรงตบเบาๆบนไหล่ของอีกฝ่าย ตาสบตาใบหน้าประจัญกันด้วยความนัยน์ที่ต่างก็รับรู้และเข้าใจ..

      "..ไปกันเถอะ..."

      ....ไปทำให้ทุกอย่างจบลง และช่วงชิงความสุขของเรากลับคืนมา


..................


       แผ่นกระดาษสีเหลืองกรอบบ่งบอกถึงระยะเวลาที่เลยผ่าน กลิ่นของเยื่อไม้และฝุ่นกระดาษลอยขึ้นมาจางๆยามเปิดพลิกมันขึ้นทีละหน้า...ทีละแผ่นอย่างเชื่องช้า  ด้วยปลายนิ้วสีขาวซีดจัด แสงตะวันอันเจิดจ้าสาดเข้ามาบ่งบอกถึงระยะเวลาที่เลยผ่านมาจนบ่ายแก่ หากแต่ร่างที่นิ่งงันจมจ่ออยู่กับหนังสือเล่มโตกลับไม่มีท่าทีจะเคลื่อนไหว

      "...เลยเวลาทานยามามากแล้วนะครับ " น้ำเสียงเตือนสั้นๆทำให้ปลายนิ้วที่ขยับไหวชะงัก..ร่างของบุตรชายคนรองของตระกูลวาลกัสค่อยหมุนกายไปสบตาชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ตรงประตูห้อง...ห้องหนังสือของคฤหาสถ์เก่าแก่ของตระกูลวาลกัสบนเกาะซิซิลี
 
      " ขอโทษด้วยครับ.. คุณหมอ " เจ้าของประโยคก้มหัวเชิงขออภัยน้อยๆ ก่อนจะปิดพับหนังสือเล่มโตบนโต๊ะลง และนำมาวางไว้บนตัก ขณะที่ร่างของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นหมอเดินเข้ามาใกล้ แตะปลายนิ้วลงบนพนักรถเข็นใช้แรงดึงมันออกมาเพื่อนำเอาร่างของคุณชายอเล็กเซย์ วาลกัส ไปยังพื้นที่อื่นของคฤหาสถ์อย่างช่ำชอง

      " คุณลุงล่ะ ..."

      " รออยู่ที่ห้องทำงานครับ "

      " อืม...." รับคำเบาๆ สายตาจ้องมองผนังห้องที่ประดับด้วยรูปวาดของเหล่าบุคคลชายหญิงที่ล่วงลับไปแล้ว แน่นอนว่าผู้คนเหล่านี้คือหนึ่งในบรรพบุรุษเป็น"ครอบครัว"ที่จากไปแล้วของตระกูล อเล็กเซย์มองใบหน้าที่เคยคุ้นผ่านไปทีละคน ขณะที่สมองกำลังใคร่ครวญ คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น..

              " อาการเป็นยังไงบ้าง? " เอ่ยปากถามชายที่อยู่ด้านหลัง นายแพทย์ผู้ได้ฟังระบายลมหายใจน้อยๆ

       " กินยาระงับปวดไว้แล้ว...คิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากครับ "

        " งั้นเหรอ...." คนฟังรับคำ ด้วยน้ำเสียงเบาแทบไม่พ้นจากลำคอ อเล็กเซย์ถอนหายใจเฮือก ความรู้สึกผิดที่กดทับในหัวใจค่อยคลายลง...ทีละน้อย...

       เป็นเพราะตัวเขาจดจ่อกับข้อมูลที่ได้รับ เรื่องราวที่ผ่านมา หรือกระทั่งตำนานการล้างเลือดของตระกูลที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆหรือเปล่า ความคิดในสมองถึงได้มีแต่ความอัดอั้น เครียดขึง ไม่เข้าใจ จึงได้เป็นฝ่ายยกปืนขึ้นต่อกร และเป็นผู้ที่เหนี่ยวไกทำร้ายลุงของตัวเอง..

   ...ทั้งที่ผู้เป็นลุงไม่ได้ทำอะไรเขาเลยสักนิด..

          ทั้งที่เฟรเดริโก้ วาลกัส มีปืนอยู่ในมือ มีบรรดาลูกน้องผู้ภักดีเล็งปืนมาที่ตัวเขารอบด้าน...จะฆ่าก็ง่ายแสนง่าย...ไม่สิ ถ้าลุงจะฆ่าเขาจริงก็ฆ่าได้มานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องนั่งฟังเขาพล่ามหรือรอคอยให้ตัวเขาฮึดสู้จนตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก

        กลายเป็นเขาเสียเองที่ติดสินใจทำร้าย เป็นตัวเขาที่เล็งปืนและเหนี่ยวไกไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล..

        ปลายนิ้วไล้ปกหนังสือเล่มหนาบนตัก ตราประจำตระกูลรูปเหยี่ยวกางปีกคีบเถาองุ่นยังคงเด่นชัด หน้าปกสีแดงเข้มปนน้ำตาล กลิ่นอายของหยดเลือดและความลับที่คั่งค้างอยู่ยังไม่สามารถเปิดเผย

         เพราะไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร เพราะไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ถามก็ไม่ได้คำตอบ รอก็ไร้หวัง จึงได้แต่บ่ายหน้ามานั่งอ่านประวัติ เรื่องราวของบรรดาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เผื่อว่าแนวทางบางอย่างของคนรุ่นเกาที่สั่งสมมา จะช่วยเผยเงื่อนงำให้ได้รู้บ้าง..

         เพราะอะไรกัน?

         ทำไมเฟรเดริโก้ วาลกัส ถึงต้องทำแบบนี้ วางแผนร้าย แสงดงตัวเป็นศัตรกูกับพวกเขาเสียเต็มประดา เหตุผลที่เห็นอยู่ทนโท่คือการตายของลูกชาย มันก็มากพอจะเเค้นเคืองจนไม่อาจให้อภัย แต่เพราะเหตุใด ถึงได้"หยุด"เรื่องราวทุกอย่างเสียดื้อๆ

       จะบอกว่าหยุด เพราะตัวเขาตัดสินใจจะยิงลงไปให้กระสุนเฉียดแขนซ้าย มากกว่าจะให้มันทะลุหัวใจอย่างนั้นหรือ? มันฟังขึ้นหรืออย่างไร?

       ปลายกระบอกปืนที่เล็งมา ไม่อาจเดาใจคนยิงว่าจะลั่นไกไปทางไหน เมื่อไหร่ การจะมาคาดหวังกับสิ่งเหล่านี่มันเลื่อนลอยเกินไป และไร้เหตุผลเกินไป..

         เหมือนกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง..รวกับล่อหลอกให้คนอื่นปรี่เข้ามาหา เหมือนกำลังหลอกล่อให้อเล็กวิสตรงรี่เข้ามาปลิดชีวิตตัวเอง...

        ทำไม..? เพราะอะไร ?

           " ภาษาสเปน...? " นายแพทย์ที่เข็นรถเข็นของขาเอ่ยปากถามเมื่อมองเห็นบทกลอนเด่นหราบนหน้าแรก อเล็กเซย์ละจากภวังค์ ก้มลงมองหน้ากระดาษแผ่นนั้น เขายิ้มบางๆ..

           " ใช่ ....แต่ก่อนที่นี่ถูกพวกสเปนปกครองมาตั้งนานนี่ " อิตาลีใต้ถูกปกครองโดยพวกสเปนมาเนิ่นนาน วัฒนธรรม ภาษา และหลายสิ่งหลายอย่างถูกถ่ายทอดมาอย่างรวดเร็วและยังคงเหลือร่องรอยแห่งอดีตแผ่เงาปกคลุมอยู่..เรื่องนี้ใครๆก็รู้..

       อเล็กเซย์ก้มมองบทกวีสั้นๆในหน้านั้น...เขากวาดตามองผ่านๆ อ่านความหมายมันแล้วอดจะยิ้มไม่ได้..

            " กวีปลุกกำลังใจ ? ..น่าแปลกดีที่บอสมาเฟียก็ทำเรื่องแบบนี้ได้ " เปรยออกมาเบาๆอย่างนึกสงสัยไม่น้อย อเล็กเซย์มองปีที่ถูกเขียนไว้หวัดๆด้วยลายมือสวยเป็นระเบียบ บทกวีนี้เป็นฝีมือของบอสวาลกัสรุ่นแรกๆที่ย้ายไปปักหลักที่โรมนั่นเอง

    ...เส้นผมของเราปลิวสยายไปตามสายลม
จงวิ่งเข้าไปพี่น้องเอ๋ย..เพื่อชัยชนะของเจ้าเอง
ปลายดาบคมกริบและกระบอกปืนร่ายบรรเลงเพลงส่งวิญญาณ
จงสู้เข้าไปพี่น้องเอ๋ย...เพื่อความรุ่งโรจน์อันไร้ขอบเขตของเจ้าเอง..


             " ไม่ว่าเมื่อไหร่..ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย " อเล็กเซย์ยิ้ม...ยิ้มขันออกเมื่ออ่านบทกวีในท่อนแรกที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ  ทั้งขบขันปนสังเวชในชะตากรรมของครอบครัว พี่น้องและเหล่าบรรพบุรุษของตน

    ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ต้องสู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องฆ่า ต้องเกลียดชังและทุกข์ทรมาร

      ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด เลือดและชีวิตของผู้อื่นที่เราใช้เพื่อสร้างบัลลังค์ให้กับตนเอง ก็ยังคงตามหลอกหลอนอยู่เสมอ..

              ร่างของผู้เป็นลุงที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องทำงาน ทำให้อเล็กเซย์ชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาชายวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นลุง ใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาส่งยิ้มมาให้บางๆ ร่างทั้งร่างยังคงยืนอยู่อย่างเรียบร้อยไร้วี่แววความเจ็บป่วย มีเพียงแขนซ้ายที่ถูกคล้องไว้ด้วยผ้าพันแผล และมีรอยเลือดปรากฏให้เห็นอยู่จางๆ..

            อเล็กเซย์หรี่ตาลงด้วยความรู้สึกผิดทิ่มแทงหัวใจจนต้องนิ่วหน้า  เขาเสก้มตาลงไปมองกระดาษแผ่นนั้นอีกครั้ง...รู้สึกถึงฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่...แล้วบีบเบาๆ..

     " อีกไม่นานก็จะรู้เอง อเล็กเซย์ "

          คำตอบนั้นราวกับจะรู้ว่าในใจของเขาคิดสิ่งใดอยู่ ทำให้อเล็กเซย์หันขวับ จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นลุงที่ยืนอยู่ข้างๆจ้องมองหน้าต่างกระกระจกที่ปิดแน่นหากแต่ก็สะท้อนภาพเบื้องนอกชัดเจน..ดวงตาคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด..

      " คุณทำเหมือนกำลังปั่นหัวเรา....เพื่ออะไร? "อเล็กเซย์ขมวดคิ้ว เอ่ยถามออกมาอย่างวยงง ปนคับข้องใจ

       "...บอกแล้วไง ว่าอีกไม่นานก็จะเข้าใจ " ดวงตาคู่นั้นไม่ได้หันมาสบมองด้วยซ้ำ มันยังคงจับจ้องไปยังเบื้องนอก...ไกลออกไปจากยอดไม้ที่ไหวตามแรงลม และสีสันของท้องฟ้ารวมทั้งนกนางนวลที่โผบินอยู่ไม่ไกล..

        "อเล็กซิสกำลังมาที่นี่ "มันไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดเกินฝัน อีกทั้งสิ่งที่คนรัก..แฝดพี่ของเขารับรู้ก็มากพอที่จะทำให้คนๆนั้นโกรธแค้นจนตั้งจใจจะตามล้างผลาญให้ตายตกไปตามกัน

        " ...แล้วมันผิดไปจากที่ฉันคิดหรือไง? " ใบหน้านั้นหันกลับมาสบตาอีกครั้ง คราวนี้มันฉาบทับด้วยความเย็นยะเยือก...กระแสบางอย่างทำให้อเล็กเซย์ตัวเย็นวาบ..

       "คุณลุง....." ความคิดบางอย่างเเล่นวาบเข้าสมอง..เขาพึมพัม เอ่ยออกมาช้าๆ..

        " ครั้งนี้....เราคงจะได้วางเดิมพันกันอย่างเต็มที่เสียที.." เฟรเดริโก้ วาลกัสหัวเราะเบาๆคล้ายจะขับขัน ใบหน้าเข้มโคลงศรีษะน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มหมายมาด..

        "....เดิมพัน....ว่าการล้างเลือดโง่ๆมันจะจบลง หรือจะเป็นแบบนี้ตลอดไปกันแน่ " ฝ่ามือหนาทาบลงบนไหล่ บีบเเน่น..เป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจที่โลดเร่า อเล็กเซย์ก้มหน้าลงอีกครั้ง...ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงช้าๆ หรือนี่จะเป็นเหตุผลของเรื่องราวและแผนการซับซ้อนทั้งหมด..

         " ถ้าแค่อยากทดสอบ...." เขารุ้สึกได้ว่าน้ำเสียงตัวเองสั่น....สั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ

         " ...ไม่ใช่การทดสอบ แต่เป็นการเดิมพัน..." เฟรเดริโก้ยิ้มเหยียด ริมฝีปากซีดจางแทบไร้สีเลือดนั้นแสยะออกราวกับเย้ยหยันชะตากรรมทั้งหลายทั้งปวง

          " บอกว่าฉันไม่ควรเคียดแค้นไม่ใช่หรือ? นี่คือการเดิมพันของฉันไง... ถูกแล้วว่าฉันฆ่าพวกเธอไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จะได้ทรัพย์สมบุติทุกอย่างไปก็ไม่มีอะไรจะทดแทนกับลูกชายที่รักของฉัน....คิดว่าคนเราจะละได้ไหม อเล็กเซย์ ความเคียดแค้น ความโกรธเคือง..ขนาดเป็นตัวหลานเองก็ยังอดทนกับมันไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ "

       เอ่ย...พร้อมกับฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่ซ้ายที่ปรากฏผ้าพันแผล ฝ่ามือนั้นค่อยบีบลงเบาๆ และจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าหมายมาด

           " สำหรับมาเฟียนั้น เราเห็นว่าการฆ่าคนก็ไม่ต่างกับการหยิบหมากที่ไม่ต้องการออกไป  แต่การฆ่าก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด..เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากให้เลือก...เลือกว่าจะปล่อยวาง หรือ อาฆาตแค้นกันต่อไป..."

           " จำไว้นะ อเล็กเซย์ โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับสีดำ ไม่ได้มีแค่ผิดและถูก มาเฟียเราน่ะอยู่กึ่งกลางระหว่างสองสิ่งนี้ เช่นเดียวกับพวกเธอที่อยู่ในตระกูลวาลกัส...ฉันรู้ดีว่าทำผิด และนี่คือการตัดสิน...ครั้งสุดท้าย "

           " ถ้าพวกเขาแพ้...อเล็กซิสและพรรคพวกถูกฉันกำจัด ทุกสิ่งก็จะเป็นของฉัน แต่ถ้าพวกเขาชนะ...ถ้าพวกเขาเอาชีวิตฉัน ...เธอก็จบ...แต่ถ้าพวกเขาไว้ชีวิตฉัน เธอก็จะรอด.."

           ".........." คุณลุง...อเล็กเซย์ตัวสั่น...สั่นระริก เขาเม้มปากแน่นกับทางเลือกที่บีบรัดเข้ามาจนแทบหายใจไม่ออก

    ถ้าอเล็กซิสแพ้...ทุกอย่างก็จะจบลง เขาจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แผนทุกอย่างจะสำเร็จไหม มันไม่สำคัญอีกแล้ว..

    แต่ถ้าอเล็กซิสชนะ...

              " อย่าทำแบบนี้...ผมขอร้อง..." เขาเอื้อมมือไปกำเสื้อผู้เป็นลุงแน่น...เนื้อตัวสั่นระริก  เขาไม่ได้หวาดกลัว ไม่ได้กลัวความตาย ไม่ได้กลัวการพรากจาก มากกว่าความเจ็บปวดของคนที่รัก...

       หากชนะ  ถ้าหากอเล็กซิสตัดสินใจฆ่าเฟรเดริโก้...อเล็กซิสจะเป็นเช่นไร จะรู้สึกอย่างไร ถ้าพบว่าเขาต้องตายด้วยการตัดสินใจของตัวเอง

...เขาไม่ต้องการให้ ผู้ชายที่ตัวเองรักต้องอยุ่อย่างมีแผลใจไปตลอดชีวิต

      เคยคิดว่าการไว้ชีวิตของเฟรเดริโก้คือความปราณีและสายใยของความผูกพันที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตัดไม่ขาด แต่บัดนี้รับรู้ ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นสักนิด..

      ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างกับปีศาจเลือดเย็นไร้หัวใจ คนที่ไม่เหลืออะไรฉุดรั้งความต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว จึงได้สรรหาทางเลือกที่โหดร้ายที่สุดมาให้..

                " ถ้าเก็บผมไว้แบบนี้....ทำไมไม่ฆ่าผมซะ.."

          ฝ่ามือกร้านแข็งด้วยท้าแดดลมฝนมาเนิ่นนานค่อยกำรอบฝ่ามือของเขาไว้..ดึงออกจากเสื้อเชิ๊ตตัวบางของตนอย่างมั่นคงด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เฟรเดริโก้ วาลกัส สบมองดวงตาของหลายชายที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและหยดน้ำใสที่เอ่อคลอ เขามองเห็นความเจ็บปวด  ความอัดอั้น อยู่ในนั้น..แต่ที่สุดแล้ว ก็เพียงยิ้ม...ยิ้มออกมาบางๆ..

                " เพราะแบบนั้น...มันง่ายเกินไปไงล่ะ "

        ฝ่ามือหนาวางลงบนกระหม่อม ลูบและขยี้เบาๆเช่นเดิม หากเเเต่ร่างทั้งร่างของอเล็กเซย์เกร็งแข็ง เขาจ้องมองแผ่นหลังองอาจของผู้เป็นลุงที่ห่างออกไปด้วยดวงตามัวพร่า หัวใจอัดอั้นบีบเค้นด้วยความหวานหวั่นและทุกข์ระทม..

  หลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้น้ำใสหยดลงบนกระดาษแผ่นบางสีเหลืองกรอบบนตัก อเล็กเซย์มองบทกวีที่เปื้อนคราบน้ำตาของเขาด้วยดวงตาพร่ามัว..

     .. ปีศาจผู้หัวเราะอย่างป่าเถื่อน
ทิ้งดอกไม้สีโลหิตกระจัดกระจายไปทั่ว..
ปีศาจผู้ไม่ละมือจากสิ่งสกปรกทั้งปวง
ชูตราพญาอินทรีขึ้นสูง..


   บทกวีท่อนหลังราวกับเย้ยหยันเรื่องราวที่ปรากฏชัดเจนในที่สุด...ปีศาจ...กล่าวถึงผู้นำที่เป็นดั่งปีศาจในสายตาผุ้คน..

   ผู้ที่สามารถยืนอยู่บนบัลลังก์ของกองซากศพและความตาย ต้องเป็นเช่นนี้ทุกคนหรือ...แล้วน้องชายของเขาคนนั้น จะกลายเป็นแบบนี้ไหม?

     กระทั่งพี่ชายที่รัก...ชายที่ตอนนี้กำลังจมจ่ออยู่กับความเคียดแค้นและปวดร้าว จะสามารถให้อภัยได้ไหม? จะละเว้นชีวิตของผู้เป็นลุงได้รึเปล่า..

  จะมีใครสามารถลบล้างเรื่องราวอันโหดร้ายเหล่านี้ได้ไหม จะมีใคร..ช่วยฉุดดึงคนๆนั้นให้หลุดพ้นจากความเคียดแค้นชิงชัง..
        อเล็กเซย์จ้องมองหน้าต่างบานสวยที่สะท้อนแสงแดดจ้า  มันลอดเข้ามากระทบหยดน้ำตาในดวงตาของเขา พร้อมๆกับที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น...

    แข้งขาที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายที่ไม่ได้อย่างใจพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ได้ประโยชน์ ที่หวังพึ่งได้มีเพียงนายแพทย์ในอาณัติของเฟรเดริโก้ ทว่าเอ่ยปากไปก็เท่านั้น ผู้ชายที่กำลังเข็นรถพาร่างของเขาไปชม"สมรถูมิ" รบราฆ่าฟันของเหล่ามาเฟียยังคงนิ่ง ไม่มีท่าทีใดๆต่อคำขอร้องอ้อนวอนของตน..

         อเล็กเซย์หลับตาลงอย่างรวดเร็ว หัวสมองปวดระบม คำถามที่ค้างคายังคงอยู่ในหัวใจไม่คลาย..

    ..เพราะเหตุใด เราจึงต้องทำร้าย และห้ำหั่นกันเอง อยู่ร่ำไป?

....................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

   น้ำตาที่พร่างพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายของคนรัก บีบคั้นในใจจนไม่อาจนิ่งอยู่ได้อย่างสงบ อัลชาอ์จ้องมองร่างของคาวัลโลที่นอนอยู่บนตัก ใบหน้ายังคงซบแน่นิ่งสะอื้นอักราวกับใจสลาย ฝ่ามือหนาได้แต่ลูบไล้ปลุกปลอบอีกฝ่าย ทำได้เพียงเท่านี้ ในช่วงเวลาที่คนรักกำลังโศกเศร้าและทรมารเหลือแสน

         ความคิดยังคงสับสนอลหม่าน  อยากถามไถ่ อยากรู้เหตุผล ทว่าก็ไม่อยากจะให้คาวัลโลนึกเศร้าโศกไปมากกว่านี้ แต่หากไม่เอ่ยถาม ปล่อยให้ร้องไห้ ปล่อยให้เสียน้ำตาแล้วจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา..

          นั่นเป็นความคิดที่ทำให้ชีคหนุ่มสูดหายใจลึก ฝ่ามือที่ไล้เส้นผมสีอ่อนจางค่อยละออก เปลี่ยนมาแตะลงบนหัวไหล่ที่สะท้านสั่น... ค่อยพยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงนั้นให้ลุกขึ้น สบมองดวงตาและใบหน้าที่แสนรักอย่างจริงจัง..

          " เกิดอะไรขึ้น? " ปลายนิ้วแตะลงช้าๆ ฝ่ามือทาบลงบนผิวแก้ม ปาดเช็ดน้ำใสที่เปื้อนเปรอะ ลูบไล้ใต้ดวงตาบวมช้ำอย่างอ่อนโยน " บอกผมสิ คาวัลโล "

          "..........." คาวัลโลอ้าปาก...เอ่ยปากจะพูด ทว่าเสียงสะอื้นฮักก็ดังเข้ามาแทนที่เมื่อก้อนสะอื้นเเล่นมาจุกคอหอย นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่บวมช้ำเสหรุบต่ำ ฝ่ามือกำแน่น หรุบมองท่อนขาแกร่งและเนื้อผ้าสีเข้มที่กลายเป็นที่ซับน้ำตาของตนอย่างรวดร้าว 

          " คาวี่...? " น้ำเสียงถามไถ่นั้นยังตามติดประชิด ฝ่ามือนั้นยังคงกอดไว้ไม่ห่าง ชั่วขณะหนึ่งที่หัวใจอุ่นวาบ แม้จะยังคงจมจ่ออยุ่กับความเศร้าโศกและสำนึกผิดแต่สัญชาติญาณก็บอกว่านี่คือของๆเขา นี่คือคนที่คอยอยู่เคียงข้างเขา คอยซับน้ำตาและเป็นที่พึ่ง บ่งบอกว่า คาวัลโล วาลกัส ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว ไม่ได้อยู่คนเดียว โดดเดี่ยวและไม่มีคนรักอีกต่อไป

         ทว่า มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดเช่นเดียวกัน ทั้งผิดหวังและโศกเศร้า กับความจริงที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว..

...ความจริง ที่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่อาจจอยู่ร่วมกัน ความจริงที่ว่าคาวัลโล วาลกัส ยังไงก็เป็น"มาเฟีย" และตำแหน่งชีคของอัลชาอ์ก็ใช่จะเป็นตำแหน่งที่โยนให้ใครก็ได้

   พวกเขาต่างมีของสำคัญอยู่ในมือ ทั้งคู่ต่างก็มีครอบครัว สังคมและคนรอบข้าง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ละมันไม่ได้ทั้งคู่

      แม้จะถอดใจละทิ้ง แม้จะหันหลัง ขยับตัวหนีห่าง ทว่ามันกลับตามติด คอยตอกย้ำและบอกให้รู้ว่านี่คือความจริงที่ไม่อาจจะหลบหนี..

         คาวัลโลยกมือกำเสื้อคลุมของคนรักแน่น เสียงสะอื้นของตนยังคงสั่นพร่าอยู่ในลำคอ เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองใบหน้าของคนรัก มองแววตาที่ทอดมองมาอย่างห่วงใย ห่วงนักห่วงหนาด้วยแววตาสั่นไหว ดวงตาร้อนผะผ่าว ร่างทั้งร่างสะท้านสั่น..

     ความจริงที่ได้รู้ เรื่องราวบางอย่างมันทำให้ความโศกเศร้าและปวดร้าวเข้าโถมทับอย่างไม่อาจกลั้น..

    ไม่ได้ต่างอะไรกับที่อัลชาอ์ต้องเจอสักนิด...และทำให้เขารู้ ว่าเรื่องราวเหล่านี้มันหนักหน่วงมากแค่ไหน

     มาเฟียหนุ่มคิดไปถึงเหล่าบรรดาญาติๆของอัลชาอ์ เขาคิดไปถึงเรื่องที่อัลชาอ์เล่าให้ฟัง เหตุการณ์ และการตัดสินใจทั้งหมดของคนรัก ชั่วขณะหนึ่งเขาคิด ว่าการตัดสินโทษของอัลชาอ์มันช่างแสนเบา ทว่าบัดนี้เขารู้....เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าทำไมโทษถึงเบานักหนา..

        ....ยิ่งทำร้ายอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ ยิ่งโหดร้ายกับคนอื่นมาแค่ไหน ความเจ็บปวดก็จะสะท้อนกลับมามากเท่านั้น เมื่อพวกเขาทั้งหลายต่างก็เป็นญาติสนิท เมื่อพวกเขาต่างก็เป็นคนชิดใกล้ เจ็บปวดรวดร้าวเพียงใดก็ไม่อาจโหดร้ายได้ดั่งที่ควรเป็น

        เพราะใจมนุษย์คือก้อนเนื้อนิ่มๆ ไม่ใช่เหล็กหรือก้อนหินที่ไร้ความรู้สึก

        แต่เจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทำ บัดนี้เข้าใจชัดเจน ..ในยามที่เรื่องราวเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นกับตนเอง

         ...นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงอีกครา เขาสะอื้นในลำคอเสียงสั่นพร่า ยามคิดถึงผู้เป็นลุง และเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ฟังจากคลาร์ก...

        " ทุกอย่าง....มันเป็นเพราะผม " น้ำเสียงพร่าสั่น แทบไม่พ้นจากลำคอ เต็มไปด้วยความรวดร้าวและความเจ็บปวดมากมายจนผู้ฟังหัวใจหนาวเยือก อัลชาอ์ขมวดคิ้วจ้องมองใบหน้าของคนรักที่ก้มลงไม่ยอมสบตา มือที่กำหัวไหล่ผอมรู้สึกถึงอาการสั่นไหวมากขึ้นทุกที...ทุกที...

          น้ำใสๆหยดลงจาดนัยน์ตาคู่นั้นทีละหยด...ทีละหยด....พร่างพรูลงอาบผิวแก้มและปลายคาง ตกลงบนเนื้อผ้าสีเข้มจนเป็นด่างดวง ความปวดร้าวที่แสดง

ออกมาชัดเจนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง อัลชาอ์เม้มปากแน่นด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งงวยงงและร้อนรนกับอาการของคนรักยิ่งนัก..

          "...พี่ผม.....พ่อ แม่..เพื่อนผม...ทุกอย่าง...ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมคนเดียว..." คำสารภาพอันไร้เรี่ยวแรง น้ำเสียงผากแห้งเต็มไปด้วยความรวดร้าวแทบไม่หลุดออกมาจากลำคอ ใจความนั้นทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วแน่น ชีคหนุ่มครางในลำคอด้วยความไม่พอใจและไม่เข้าใจ...ว่าเพราะเหตุใด..คนรักของเขาถึงได้คิดแบบนี้

        คาวัลโล วาลกัส ชายหนุ่มที่องอาจและแสนมั่นใจคนนั้น ..ทำไมถึงได้โทษตัวเอง ทำไมกล่าวร้ายว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหลาย..

          ฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรงเกาะเกี่ยวอยู่บนเสื้อคลุมสีเข้ม กำแน่นเข้าหากันจนมันยับยู่ด้วยแรงอารมณ์ ฝ่ามือนั้นสั่นไหว ดวงตามัวพร่าด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นไม่ขาดสาย และเหมือนจะมีมากขึ้น..มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อเอ่ยปากบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาจากริมฝีปาก..

         "คาวัลโล...."

         " เพราะผม...พี่เลยต้องตาย..เพราะผม พ่อกับแม่ถึงได้ทุกข์ใจ เพราะผม...เพราะผมทุก....ทุก......ทุกอย่าง..." ฝ่ามือนั้นกำแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความรวดร้าวและความโศกเศร้า  ปลายนิ้วเกร็งแน่นสั่นระริกละออกจากเสื้อคลุมตัวยาว แนบทับลงบนใบหน้าปิดตาร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนใจสลาย..

          "..ทำไมถึงเป็นแบบนี้..."

         คำถามนั้นดังขึ้นด้วยความสิ้นหวังและตัดพ้อโชคชะตาที่ขีดเส้นทางให้เดิน ชีคหนุ่มเม้มปากแน่น นัยน์ตาจับจ้องรอยน้ำตาที่แม้ถูกปิดไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง ทว่าก็ยังมองเห็นได้เด่นชัด สังหรณ์ร้ายที่เคยปกคลุมความคิด ความหวาดหวั่นลึกๆในใจ และ"คำสัญญา"ที่แฝงความหวั่นไหวอยู่ถูกปัดทิ้งจากสมองไปอย่างรวดเร็ว อัลชาอ์ดึงฝ่ามือที่เกร็งสั่นด้วยความเครียดและอาการร้องไห้อย่างหนักของคาวัลโลออกจากตัว ฝ่ามือไล้ผิวแก้มที่ขาวซีดเปื้อนรอยน้ำตานั้นอย่างรวดร้าว เจ็บปวดทรมารกับท่าทีที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเหลือเกิน..

       เหมือนอยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไร ไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้เลยกระทั่งปลุกปลอบใจให้หายจากความเจ็บร้าว

     ...ทำไม่ได้กระทั่งหยุดยั้งคำๆนั้นเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่บางเฉียบราวกับถ้อยคำสาปส่งตนเอง..


        " ตายไปแต่แรกซะก็ดี.ตายไปก็ดีแล้วแท้ๆ..."


        " คาวัลโล! " ชีคหนุ่มใจหายวาบ ดึงร่างของมาเฟียหนุ่มมาแนบอก ร้องตวาดใส่คนที่กำลังเพ้อคลั่งร้องไห้โหยหวนราวกับไร้สติราวกับพบเจอเรื่องที่หนักหนาเกินจะรับไหว และคนที่รับไม่ไหวนั้นก็กำลังออกปากสาปแช่งให้ตัวเองตายตกไปเสีย

       นัยน์ตาสีเข้มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และขัดเคือง หัวใจที่เต็มไปด้วยความเครียดขึงและห่วงใยชักจะโกรธกรุ่น ...โกรธเคืองคนที่พูดออกมาราวกับตัวเองไร้ค่า นึกเคืองคนที่ออกปากว่าอยากตาย...ควรจะตายไปขึ้นมาทั้งที่มีคนอย่างตนหลงรักหัวปักหัวปำ..

       ..อย่ามาคร่ำครวญอยากตาย อย่ามาทำเหมือนไม่รักตัวเอง ทำเหมือนไม่รู้ว่าใครคนอื่นจะรักตัวมากแค่ไหน

       ยิ่งกล่าวโทษยิ่งด่าว่าทำราวกับไม่เห็นค่า เห็นว่าตัวเองไม่มีค่ามากแค่ไหน อัลชาอ์ก็ปวดใจมากเท่านั้น..

       บัดนี้ ชีคหนุ่มได้ตระหนัก คนที่เขาเคยมองว่าแข็งกร้าว เก่งกาจไม่กลัวใคร แท้จริงเป็นเพียงเด็กน้อยเอาแต่ใจและอ่อนต่อโลกคนหนึ่งเท่านั้น..

        "ลุกขึ้น! " เสียงกระซิบเข้มๆ แฝงความกรุ่นเคืองอยู่ใกล้ๆหู ทำให้คาวัลโลชะงัก นัยน์ตาสีน้ำทะเลยังคงเอ่อนองด้วยน้ำใสเงยขึ้นจับจ้องใบหน้าของชายที่กอดเขาไว้แน่นอย่างงวยงง  และกระแสของความกรุ่นโกรธรวมทั้งความขัดเคืองในแววตานั้นทำให้เขาชะงัก..ตัวชาวาบ..

        " ผมบอกให้ลุกขึ้น ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ! " ทั้งที่พูดแบบนั้น ออกปากตะคอกข่มขุ่ แต่ฝ่ามือของคนพูดยังคงวางอยู่บนไหล่ โอบรั้งร่างที่โซเซอ่อนแรงของเขาเอาไว้มั่น ทั้งฉุกดึงทั้งโอบกอดให้ลุกขึ้นยืนทั้งที่ฝ่าเท้ายังคงสั่นไหว

        " อัล...." ชั่วขณะหนึ่งความโกรธและเฉยชาในดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจเจ็บแปลบ คาวัลโลเม้มปากแน่น....ก่อนจะสะอื้นฮัก น้ำตาที่เลือนหายไปด้วยความตกใจเริ่มกลับมาเอ่อนองท้นสองแก้มอีกครั้ง

        " ... อย่าร้องไห้ คาวัลโล! " ฝ่ามือหนาบีบไหล่บางแน่น แน่นจนคาวัลโลเบ้หน้าด้วยความเจ็บ สับสนและไม่เข้าใจกับท่าทีของคนรักที่แปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทั้งที่อัลชาอ์คอยโอบกอดปลอบประโลมอยู่แท้ๆ ทั้งที่หัวใจของเขากำลังปวดร้าวและต้องการคนคอยดูแล แต่ทำไมท่าทีของชีคหนุ่มถึงได้แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันแบบนี้เล่า..

         "..อย่ามาพูดพร่ำว่าตัวเองควรจะตายอย่างนั้นอย่างนี้ คิดบ้างไหมว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง คนที่รักคุณและได้ฟังคำนี้ " ใบหน้าเครียดขึงของชีคหนุ่มทำให้คาวัลโลชะงัก เสียงสะอื้นถูกเก็บเอาไว้ในลำคออย่างรวดเร็ว " ลุกขึ้นมาแล้วมาคุยกัน อย่าร้องไห้ อย่าเอาแต่โทษตัวเอง อย่าบอกว่าควรจะตาย อย่าพูดแบบนี้อีก.."

         "...ผะ...ผม...."

         " ผมรู้สึกยังไง รู้ไหม? " ฝ่ามือหนาจับปลายนิ้วเปียกชื้นแตะลงบนอกซ้ายของตนแรงๆ นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นฉายแววรวดร้าวไม่ต่างกัน นั่นทำให้คาวัลโลเบ้หน้า ก้อนสะอื้นแล่นมาจุกคอหอย แต่เขาก็พยายาม..พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถ..

          " อย่าพูดว่าตัวเองสมควรตายอีก..."

         " มีอะไรก็บอกผม..เจ็บตรงไหนก็บอก ทรมารตรงไหนก็พูดออกมา อย่าร้องไห้แล้วเอาแต่ด่าตัวเอง..โทษตัวเอง เพราะคนที่เจ็บกว่าคือผมที่อยู่ตรงนี้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย.." ฝ่ามือหนาที่บีบเเน่นค่อยลดแรงลงและเปลี่ยนเป็นลมหายใจที่สูดลึก ดวงตาของชีคหนุ่มจ้องมองมาด้วยความรวดร้าว..และความห่วงหา ห่วงใยนัก..

      ..นั่น ทำให้ได้รู้ ว่าบัดนี้ความสุข และความทุกข์ของเขาส่งผลต่อใครอีกคนมากเพียงไร

         "...ผม....ขอโทษ " ริมฝีปากสั่นระริกแล้วปล่อยโฮ คาวัลโลเอื้อมมือไปหาร่างของคนรักที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เข้าไปหาอ้อมกอดที่คุ้นเคยของชีคหนุ่มอย่างรวดเร็ว หัวใจที่รวดร้าวด้วยความโศกเศร้าและความจริงที่ปรากฏแม้จะยังเจ็บปวด ทว่าอ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักก็ช่วยรักษาเยียวยาได้เสมอ..

        ริมฝีปากเม้มแน่น เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความเศร้าสร้อยเสียใจที่ยังคงประเดประดัง..แต่ตอนนี้ต่างออกไป เพราะเขาได้รู้ว่ามีใครคอยอยุ่ข้างๆ และไม่ได้อยุ่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว.

       ..นิ่ง....นาน เสียงสะอื้นที่ถี่กระชั้นจึงแผ่วค่อยลง คาวัลโลซบหน้าลงกับแผ่นอกหน้า จ้องมองลวดลายของเส้นใยถักทอและอักขระโบราณบนเนื้อผ้าด้วยหัวใจที่ค่อยสงบลงอีกครั้ง...

        เวลาที่เขาโกรธ เสียใจ หรือกระทั่งโมโห โวยวายร้องไห้เหมือนคนบ้า ไม่มีใครเลยที่จะอยู่ข้างๆไม่มีใครรับมือกับพฤติกรรมงี่เง่าของเขาได้สักนิด..น้ำตาที่พรั่งพรู ความสียใจ กระทั่งอาการพึมพัมราวกับตกอยู่ในฝันร้าย ไม่มีใครทำให้มันหยุดลงได้เลย เขาอยู่คนเดียว เป็นแบบนี้และรู้สึกเช่นนี้คนเดียวมาตลอด..

          คอยปลอบประโลมตัวเองตลอดมาเวลาเศร้าเสียใจ เก็บเอาเรื่องราวทั้งหลายไว้และไม่เอ่ยปากพูด..เคยชินกับการทำแบบนี้เสียจนหัวใจด้านชา จนเอาแต่คิด...คิดว่าไม่เหลือใคร ไม่มีใครอยู่ข้างๆ คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวไม่มีใครใส่ใจอยู่เสมอ..

        ...ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น ที่สุดแล้วเขาก็มีใครอีกคนคอยอยู่ข้างๆวับน้ำตาและปลอบประโลมหัวใจ..

      หากแต่รอยยิ้มที่เคยมีกลับค่อยเลือนหาย...ชะงัก และแน่นิ่งไปทั้งร่างราวกับเพิ่งลืมตาตื่น...ตื่นจากความฝันแสนหวานและตื่นจากความต้องการที่ไม่มีวันเป็นจริง..

      ร่างที่เคยโอบกอดอย่างแนบแน่น เอนกายผ่อนแนบร่างสูงพลันเกร็งแข็ง ฝ่ามือกำเสื้อคลุมของชีคหนุ่มแน่นขึ้น...ริมฝีปากสั่นระริก...

        ความจริงที่รู้...มันบ่งบอกไว่าไม่มีทางไหน ที่คาวัลโล วาลกัส จะได้อย่ข้างๆอัลชาอ์อีกแล้ว

       นั่นเป็นความจริงที่คาวัลโลนึกสมเพช...สมเพชนักหนา กับคนที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจไม่แพ้ใคร คนที่คิดว่าตัวเององอาจยิ่งใหญ่และเหนือกว่าผู้คนทั้งหลาย..คนที่เดินหยียบหัวใจของผู้คน คนแล้ว..คนเล่า...

       คนสับปลับ...จอมโกหกและไม่มีความจริงใจให้ใคร..คนที่ตอนนี้พ่ายแพ้สิ้นหวังจนน่าสมเพช กำลังยืนอยู่ตรงนี้ และถูกโอบกอดปลอบประโลมโดยผู้ชายที่เขาสัญญาว่าจะรัก...จะอยู่เคียงข้าง จะไม่จากไปไหน..

    สมหายใจที่ผ่อนลงค่อยถี่กระชั้น..ก่อนจะชะงัก แน่นิ่งไปราวกับไม่อยากมีชีวิต..

       จะอยู่ข้างๆ...จะไม่จากไปไหน...

     ..คำสัญญานั้น ไม่มีวันเป็นจริง..

.................................................................


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
 

     " เอาล่ะ ..." อัลชาอ์ลูบเส้นผมที่ชื้นเปียกเพราะรอยน้ำตาและหยาดเหงื่อของเจ้าแมวน้อยเบาๆ เอนตัวลงบนฟูกนอนหนา จ้องมองร่างของคนรักที่ขดตัวนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้า เสียงสะอื้นยังคงสะท้อนอยู่ในลำคอขาว ถี่กระชั้นเป็นบางคราหากแต่รอยน้ำตาและเสียงร่ำไห้ก็ไม่มีอีกแล้ว..นั่น ทำให้อัลชาอ์นึกเบาใจ...ได้เพียงเล็กน้อย..

     ...เพราะตราบใดที่ไม่รู้สาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหาของคนรัก..จะให้วางใจคงเป็นไปไม่ได้

           " เล่าให้ผมฟังได้ไหม ..ทุกสิ่ง ทุกอย่าง..." ฝ่ามือนั้นไล้ผิวแก้มอย่างอาดูร ส่งความอบอุ่นและกลิ่นอายของความห่วงใยผ่านมาด้วยปลายนิ้วและรอยยิ้มแสนจริงใจ คาวัลโลขดตัวเข้าหาร่างสูงของชีคหนุ่ม เขาร้องครางในลำคอเบาๆ กอดแนบร่างหนาด้วยความหวั่น...หวาดหวั่นกับการสูญเสียลึกๆ..

           "....คนดี....เงยหน้ามาคุยกันก่อน..." อัลชอ์ใช้ปลายนิ้วดันคางของเจ้าแมวน้อยให้แหงนเงยขึ้นและสบมองดวงตาของตน..นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่แดงช้ำคู่นั้นจ้องมองสบตา...แล้วค่อยหรุบลงช้าๆ..

           "....งั้นผมถามก็ได้....พวกเขาสองคน ที่มาที่นี่ เป็นใคร? ต้องการอะไร? รู้จักกันจริงรึเปล่า? "  คำถามนั้นทำให้คาวัลโลแม้มปากแน่น ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะถอนหายใจเบาๆ..

           " คนผมสีทองนั้นเป็นอาของผม...น้องชายของแม่.. ชื่อคลาร์ก ...คลาร์ก โรเซนเบอร์ก  "คาวัลโลเม้มปากแน่น นัยน์ตาหรุบต่ำลงยามเอ่ยปากเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มทั้งสองช้าๆ "  เมื่อก่อนเขาเคยเป็นพวกหัวรุนแรง...นีโอนาซีน่ะ แล้วก็มาเข้ารับราชการในกองทัพเยอรมัน เป็นคนเก่งมากเลยนะ...เป็นอาจารย์คอยสอนพวกศิลปะป้องกันตัว และเรื่องต่างๆให้ผมด้วย..."

           " อืม...." ชีคหนุ่มรับคำเบาๆ ...ฝ่ามือลุบเส้นผมสีทองอย่างรักใคร่..

           " ส่วนอีกคนเป็นเพื่อน...เพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุณอาเขาเป็นคนสอนน่ะ หมอนั่นชื่อแกเร็ต เป็นลูกชายของคนในแกงค์..พ่อแม่เขาตาย พอไม่มีที่ไปคุณอาเลยรับเลี้ยงดู...ให้ติดตามป็นคนสนิท..." มาเฟียหนุ่มเอ่ยช้าๆ...ก่อนร่างที่นอนนิ่งอยู่จะค่อยขยับไหว...

           " อัลชาอ์..."

         " หืม? " ชีคหนุ่มรับคำช้า จ้องมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ค่อยเอ่อรื้น...ล้นไปด้วยหยาดน้ำใส

         " พี่ผม....พี่ผมถูกคุณลุงฆ่าตาย..." คำสารภาพจากปากของคนรักทำให้อัลชาอ์ชะงัก ใจหายวูบ เขาจ้องมองคนพูดด้วยทีที่ครุ่นคิดปนสงสัยไม่น้อย " ....เพราะ...เพราะผม...."

         "ชี่ย์....." ปลายนิ้วแตะลงบนริมฝีปากบวมช้ำ ดวงตาเขม้นมองแววตารื้นน้ำใสของมาเฟียกนุ่ม...จับจ้อง...ก่อนจะเอ่ยปากตักเตือน.. " อย่า...คิดว่าเป็นเพราะตัวเอง "

        " แต่....."

       " ...คนๆนั้นเป็นพี่ชายของคน คิดว่าเขาจะมีความสุขเหรอถ้าน้องชายตัวเองต้องมาทุกข์ทรมารแบบนี้ การโทษตัวเองมันไม่ต่างกับการเพิ่มทุกข์ให้คนตาย เพราะเอาแต่คิดไปว่าเราเป็นต้นเหต " ชีคหนุ่มวางฝ่ามือลงบนไหล่บางที่สั่นระริกของคนรัก บีบเบาๆให้กำลังใจคนที่กำลังว้าวุ่น...สับสน...

         " อย่าทำให้เขาเสียใจ ด้วยการทรมารและโทษตัวเอง...เข้าใจไหม? "

        "........" คาวัลโลเม้มปากแน่น ใบหน้าค่อยก้มลงช้าๆ จ้องมองฝ่ามือและปลายเท้าของตนเอง กลืนน้ำลายลงคอและเอ่ยปากเล่าเรื่องราวต่อ..

       "...เมื่อสามปีที่แล้ว...." นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเหม่อ ครุ่นคิดยามนึกถึงเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่ผ่านผัน " ก่อนผมจะได้ตำแหน่งจากพี่...พี่ชายผม...พี่ชายคนโตที่ ได้ตำแหน่งบอส แต่เขาไม่ต้องการ เพราะไม่ต้องการเลยเกิดเรื่อง  พี่ถูกตามล่าจากทั้งคนของตระกูลผมและของตระกูลอื่น...และสุดท้าย ผมก็เป็นออกไปจัดการเรื่องทั้งหมด..ทั้งรับตำแหน่งจากพี่...ทั้งตามล้างแค้นพวกศัตรูที่มาลอบกัด...ตอนนั้นผมยังโง่ ยังคืดว่าตัวเองเก่งที่สุดและไม่ต้องกลัวใคร..นั่นมันจึงเป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นนี่..."

          " ผมยกพรรคพวกไปตามล้างแค้นพวกหมาลอบกัด...ก็ไอ้พวกของฟิลิเป้ที่อยู่ในคุกใต้ดินไง แล้วก็พวกของราฟาเอลโร่ด้วย...ผมกับซิลเวีย เราร่วมมือกัน...เราวางแผนทำร้ายคนพวกนั้น ..." ชั่วครู่หนึ่งความขมปร่าของภาพอดีตและความรวดร้าวจากปัจจุบันที่มาซ้อนทับ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจึงไม่พ้นลำคอและมีสภาพเป็นเพียงเสียงสะอื้น...คาวัลโลแม้มปากแน่นรู้สึกหัวใจวูบไหวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย..

          ...นิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึก..เรี่ยวแรงที่หายไปกลับมามีอีกครั้งเพราะริมฝีปากหนาที่กระซิบปลอบประโลมและปลายนิ้วที่กอดไว้อย่างอ่อนโยน...       

        " ผมทำสำเร็จ...แต่เพื่อนของผมต้องตาย...เพื่อนสนิทที่ผมรักมากที่สุด...คนที่คอยอยู่ข้างๆคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด...และมันตาย...ตายเพราะปกป้องผม..." คาวัลโลแม้มปากแน่น ใบหน้าบิดเขี้ยวด้วยความรวดร้าวขื่นขม กับภาพอดีตที่ยากจะลบเลือน...

          " ในคววามคิดของทุกคน...แม้กระทั่งผม จอร์จิโอ้ก็เป็นเพียงคนในแกงค์ เขาเป็นเด้กกำพร้าที่เรารับมาเลี้ยงดูและถูกเลี้ยงให้เป็นตัวตายตัวแทน เป็นบอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ปกป้องผมด้วยชีวิตอยู่แล้ว...มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนตาย มันไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไรที่ต้องสละชีวิตเพื่อป้องกันคนที่สำคัญกว่า...แต่.....แต่ผมไม่เคยรุ้...ไม่เคยรู้ ว่าความจริงแล้วมันเป็นใคร....."

           " คาวัลโล? "ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเอื้อมมือลูบรอยน้ำตาที่หยดลงมาบนผิวแก้มของคนรักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปนครุ่นคิด ด้วยลางสังกรณ์ที่เคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว..

   ...หรือ....จะต้อง...

            "...จอร์จิโอ้เป็นลูกชายของลุงผม...เขาเป็นลูกนอกสมรสของบอสคนปัจจบันของแกงค์วาลกัส คนที่เป็นลุงของผม...คนที่ผมได้รู้...รู้ในที่สุด .ว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องการผม...ทำไมผมถึงต้องตกหลุมพรางที่ไม่น่าเป็นไปได้...ผมรู้แล้ว....." สิ้นคำมาเฟียหนุ่มก็หัวเราะ...หัวเราะเยาะหยันโชคชะตาและเรื่องราวทั้งหลายออกมาแผ่วเบา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้...แล้วร้องไห้โฮ

         ...ชีคหนุ่มกระพริบตาอย่างเชื่องช้า อ้อมแขนหนากอดรัดร่างบางไว้พร้อมๆกับสมองที่แล่นฉิว ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด...

             ...ลูกชาย...ไปปกป้องคนๆนึงจนเสียชีวิต สำหรับคนเป็นพ่อ ไม่ว่าลูกจะทำมันด้วยเจตนาใด ความขัดแค้น เคืองโกรธก็ย่อมจะมีอยู่แล้ว...

          ลุงของคาวัลโลที่เป็นบอส มีลูกนอกสมรสที่บอกใครไม่ได้ จนต้องแฝงตัวอยู่ในชื่อของเด็กกำพร้า เมื่อเด็กคนนั้นตาย ความผิดย่อมตกไปอยู่ที่คาวัลโลอย่างไม่ต้องสงสัย 

      นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม...ทำไมคาวัลโลถึงได้ถูกล่อมาติดกับดักตื้นๆ และทำไมถึงพลาดท่าอย่างง่ายด้วย รวมทั้ง...สาเหตุที่"ไม่ต้องการ"คนรักของเขาในตำแหน่งบอสอีกต่อไป

    ไม่ใช่แค่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการมาตั้งแต่แรกแล้ว...

             "...แล้วลุงยังฆ่าพี่ผม.....ลุงกำลังวางแผนจะฆ่าพ่อแม่ผมอีก..." คาวัลโลส่ายหน้าแรงๆราวกับรับความจริงที่โหดร้ายไม่ไหว มาเฟียหนุ่มซุกใบหน้าจมคราบน้ำตาลงบนแผ่นอกของคนรัก สะอื้นไห้ออกมาให้สาแก่ใจ

      อัลชาอ์หรี่ตาลง...จ้องมองภาพน้ำตานองหน้าของคนรักด้วยความเจ็บปวด...รวดร้าวไม่ต่างกันนัก..

       คนที่ทำร้ายได้เจ็บปวดที่สุดคือคนใกล้ชิด เสี้ยนหนามที่ถอดยากที่สุดและทำใจยากที่สุดคือสิ่งที่เรียกว่าคนในครอบครัว
 เจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหน ผิดหวังกับสิ่งที่เกิด ผิดหวังกับเหตุและผลที่มาของมัน..รู้สึกเช่นใดตนเข้าใจดี...

        อัลชาอ์ยกมือลูบศรีษะเจ้าแมวน้อย...กอดร่างที่สะอื้นสั่นไหวไว้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด..

   ไม่ว่าอย่างไรคาวัลโลก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบ ที่ไม่ได้เผชิญกับโลกภายนอก การถูกทรยศเช่นนี้คงปวดร้าวเกินกว่าใจจะรับไหว..

  อีกทั้งการเสียคนในครอบครัวไป...การถูกทำร้ายจากคนใกล้ตัว ทุกสิ่งที่ประเดประดัง ใครๆก็มีสิทธิล้มได้ทั้งนั้น...

   ...แต่สิ่งที่ชีคหนุ่มครุ่นคิดมากกว่าปัญหาของของคนรัก คือการมาถึงของคนสองคนที่เป็นญาติ และเรื่องราวที่พวกเขาจะทำต่อจากนี้ต่างหาก..

  อัลชาอ์จ้องมองร่างที่กอดตนเอวไว้แน่นด้วยสีหน้าลำบากใจไม่บอกก็รู้...ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ต่อจากนี้

....ตอนจบ...ใกล้จะมาถึงแล้วงั้นหรือ?

ชีคหนุ่มกระพริบตาช้าๆ ควาเจ็บปวดที่เเเสนจะเคยคุ้น ที่ได้โบกมือลามันเพียงไม่นานเริ่มแล่นวาบเข้าสู้หัวใจช้าๆ...

  ..พิษร้ายแรงของความรัก การพลัดพราก ความเจ็บปวดค่อยซึมลึก..และกำลังส่งผลอีกครา..ทั้งทวีความรุนแรงกว่าเดิม...มากมายนัก

ไม่ได้สัมผัสความรักว่าทรมารแล้ว หากแต่เมื่อพบมัน ได้เข้าใกล้สัมผัสชิดเชย กลับต้องมาละมือออก ผละจากและตัดใจหันหนี...เจ็บยิ่งกว่า..

เดิมพันที่ทิ้งไว้กับคำสัญญา คำพูดของคาวัลโล วาลกัส เริ่มสั่นคลอนและใกล้จะพังทลาย...

เดิมพันสูงสุดทีที่ทิ้งไว้กับหัวใจ...พลาด....ก็คงไม่แคล้วขาดใจตายเข้าสักวัน..

เขาได้พนันหัวใจไว้กับความเชื่อมั่นในตัวคนๆหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว


         " อัลชาอ์...." น้ำเสียงเอ่ยพูด พัมพัมเสียแผ่วเบาปนรอยสะอื้นไห้ ดังขึ้นจากริมฝีปากของคนรักคาวัลโลค่อยปาดเช็ดน้ำตาที่เอ่อไหล จ้องมองใบหน้าและดวงตาของคนรักอีกครั้ง..

       ฝ่ามือที่เคยกำแน่นผละจาก อ้อมกอดที่เคยกอดรัดค่อยห่างไกลออกไป ต่างฝ่ายต่างนิ่ง จ้องมองใบหน้าของกันและกันผ่านความเงียบที่ลอยอวลอยู่ในบรรยากาศ..

   เราต่างรู้ดีว่าอะไรกำลังจะมาถึง...

    คาวัลโลกระพริบตาช้าๆความนัยน์และความเจ็บปวดที่ส่งมาโดยไร้คำพูด จากสายตาของอัลชาอ์ทำให้ชายหนุ่มสะอื้นสั่น  นัยน์ตาที่แดงก่ำ เริ่มมีน้ำตาไหล...แน่นอนว่าคราวนี้คนที่เช็ดมันก็มีแต่เขา...ตัวเขาเพียงคนเดียว...

       "...ผมมันคนสับปลับ...คนขี้โกหก...กลายเป็นคนแบนนี้ไปจริงๆแล้ว...ใช่ไหม? "

          "......"ชีคหนุ่มนิ่งงัน ไม่ตอบคำ...

        " ...ผมรู้ คุณเข้าใจดี...ว่าเราต้องทำอะไร ผมรู้ดี...คุณก็เห็น ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..." มาเฟียหนุ่มเอ่ยช้าๆ ปากเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มด้วยแววตาที่เริ่มแปรเปลี่ย่น จากสั่นไหว ...ค่อยแน่วแน่ และเด็ดเดี่ยว...


        " ผมจะกลับไป อัลชาอ์.."

         "..........."

          "......และจะกลับมาเช่นกัน "


          " เพราะฉะนั้น..." คาวัลโลเอื้อมมือทั้งสองข้างกุมมือของชีคหนุ่มไว้แน่น...ฝ่ามือของเขาสั่นระริก ฝ่ามือของอีกฝ่ายอุ่นจนร้อนหากปลายนิ้วเย็นชืดดูแตกต่าง ...มาเฟียหนุ่มสุดหายใจลึก จ้องมองดวงตาคู่เดิมที่เคยคุ้น ก่อนจะบีบมือทั้งสองข้างแน่น..


         " ได้โปรดเชื่อใจผม และเชื่อในคำพูดของผมอีกครั้งด้วยเถอะ "

               สิ้นคำ...ริมฝีปากบางจึงจรดแนบฝ่ามือหนา คุกเข่าประทับรอยจุมพิตดั่งคำสัญญากับชายหนุ่มที่ตนเองผูกพันมากกว่าใคร...

....ได้โปรด...

เชื่อใจ และให้โอกาสอีกครั้ง...


...............


อ่าาา :m15:
ช้ามาก บกจะอัพมาแล้วก็ไม่อัพ เค้าขอโทษจริงๆ T T ไม่ได้ตั้งใจหลอกเน้อ แต่ไม่ไหวจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายมึนๆมาสองสามวันแล้วเลยทำอะไรไม่ได้ดั่งใจไปหมด กำหนดการที่วางไว้เละทะเเสียหาย ขอโทษทุกคนที่อุตส่าห์เข้ามารอด้วยนะคะ หวังว่าจะไม่โกรธกันน้า :sad4:
ส่วนตอนนี้...อเล็กเซย์ไม่ตาย ก็นั่นล่ะ(แค่ีวาดรูปหลอกชาวบ้าน55/  :z6:) ที่ผ่านมาโหดร้ายกับเซย์ที่รักมามากแล้ว แต่อุปสรรคทั้งหมดก็ยังอยู่ที่ซิสอยู่ดี...
ตอนนี้แอบชอบฉากกอดกันของซิสกะคาร์โล ยังไงก็พี่น้องนี่เนาะ
ส่วนคาวี่ก็..อ่า นั่นล่ะ มันก็ถึงเวลาแล้ว...เรื่องราวที่ควรจะเป็นก็มาวัดกันสิ ว่าเราจะเชื่อใจกันได้แค่ไหน.รู้สึกคาวี่จะแมนแข่งกับท่านชีคยังไงก็ไม่รู้(ในตอนท้าย  :laugh:)
ปอลิง.. รักสเนปรักสเนป รักสเนปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป :m15:
ปอลิงสอง. แบดกายยังไม่มีกำหนดอัพแน่นอน คาดว่าไม่เกินสองวันนี้(มั้ง)

นนพี

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: เจ็บปวด :sad4:
มันอึดอัดๆๆๆๆแงๆๆๆๆๆๆๆหายใจไม่ทั่วท้องเลยอ่าาาา
 :z10:

ขอบคุณคร่าาา :pig4: :L1:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
แง้ววววววววววว มาม่าชามใหญาสุดๆ โถ อัลชาร์จ๋า มาซบอกป้ามา น่าสงสารจัง

ปล.ไม่สบายก็พักผ่อนเยอะๆน๊า ไม่ต้องห่วงทางนี้มาก พักผ่อนให้เตฝ้มที่ สบายดีแล้วค่อยมาต่อตอนสองตอนก็ได้จ้า

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
กรี๊ดด ดีใจจ อเล็กน้อยยังไม่ตายย  :man1: แถมยังมาวาดรูปหลอกกันอีกแหนะ :angry2: :z3:
ขอให้เรื่องนี้จบแบบมีความสุขน๊า ไม่เอาดราม่า ไม่อ๊าวว...

อยากบอกว่าแอบจิ้น+ช๊อบชอบ ตอนพี่กอดน้องชายอะ :laugh:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาต่อทีไร ยาวววววววววววววววววววว

ได้ใจมากค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
รักเค้า ก็ปล่อยเค้าไปเถอะ
นิยายเรื่องนี้จะได้ปั่นต่อได้ (เจ้ย เวนละเก่วอะไร อ๊ะล้อเล่งง)
555555 แหมก็เห็นบรรยากาศซีเรียสง่ะ อ่านแล้วปวดหัวตึ๊บๆๆ
งืมมมมม อัลชา คงต้องปล่อยคาวี่ไป
ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ๆตัวเองจะต้องรับผิดชอบนี่เนอะ
มันเป็นโอกาสดีนะที่จะทำให้แมวเหมียวได้พิสูจน์ตัวเอง...
ว่าจะกลับมาจริงรึเปล่า 
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2011 01:01:01 โดย THiiCHA »

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ว่าเรื่องที่ต้องสะสางยังไงก็ต้องทำ
อืม... เดิมพันครั้งสุดท้าย น่าตื่นเต้นมากๆ อยากเห็นฉากบู๊เลือดสาดจังค่ะ o18
 :กอด1:คนเขียน ดูแลตัวเองเยอะๆด้วยน๊าาาา

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ดีใจที่เซย์ยังอยู่ แต่สงครามของครอบครัวยังมี เครียดจังตอนนี้

น้องคาวี่ก็ทำท่านชีคช้ำใจอีกแล้ว แต่คงต้องให้ชีคอัลชาเชื่อใจคาวี่อ่ะนะ

 :o12:

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจที่เซย์ไม่ตาย แต่กินมาม่าจนจุกไปเลยเพราะคาวี่กับอัลซาร์  :o7: :o7: :o7:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
อ่านตอนนี้แล้วเครียดสงสารทั้งอัลทั้งคาวี่ ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ความรักและความเชื่อใจแล้ว

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ่านต่อกันมา 14 ชั่วโมงแล้วยังไม่จบ ปวดตามาก
แต่ขอบอกว่า"สนุก" มากค่ะ ชอบ ๆๆ แ้ล้วจะมา่อ่านต่อนะคะ ไม่ไหวแ้ล้ว ง่วงมากค่ะ ^^

ppmayuree

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจ...ที่ยังไม่มีใครตาย
ดีใจ...ที่ได้อ่านต่อ ขอบคุณค่ะ
:pig4:

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ลุ้นได้อีกว่าอเล็กจะทำยังไงต่อไป

แงๆ คาวี่จะไปแล้ว สงสารชีคอ่า

wapview

  • บุคคลทั่วไป
ต้องกลับมาน่ะ คาวี่ TT

กลีบมาหาท่านชีด ให้ได้น่ะ

ปล. เซย์ ยังไม่ตาย ดีใจ กรี้ดๆ

saya

  • บุคคลทั่วไป
จริงๆอ่านจบตั้งแต่เมื่อคืนแต่ขอนอนทำใจก่อน
อ่านตอนนี้มีหลายมุมมองและอารมณ์มากเล่นเอาปวดเครื่องในเล็กๆเบาๆ
ชอบอารมณ์ของคุณพี่ซิสกับคาเนโลมีบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่า วากัสเป็นครอบครัวที่รักกันมากจริงๆ
ส่วนด้านเซย์ดีใจที่ยังไม่ตายแต่อารมณ์แบบทำมายลุงแกใจร้ายยังงี้นะ
คู่สุดท้ายอันนี้ไม่ต้องบอกอ่านแล้วเหมือนตัวเองเป็นอัลชา หรือไม่ก็นู๋คาวี่  :m15:
เข้าใจความคิดทั้งคู่ แต่อยากให้อัลชาเชื่อใจคาวี่อีกซักครั้ง แล้วก็หนูคาวี่เริ่มรู้ตัวว่ารักท่านชีคแล้วรึเปล่า?
ยังงัยก็อยากให้ผ่านบทพิสูจน์ความรักนี้ไปให้ได้อ่ะนะ
สุดท้ายคุณปุ้ยรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ พักผ่อนเยอะๆอนุญาตให้ท่านชีคไปดูแลได้
ยังงัยๆคนอ่านก็รอได้อยู่แล้ว ขอบคุณสำหรับตอนนี้มากค่า รอตอนต่อไปจ้า  :กอด1:
ปล.รีบไปหาอะไรบำรุงเครื่องในกิน ก่อนตอนต่อไปจะมา   :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
เศร้าแทนอัลชาร์ค่ะ
ต้องห่างกันอีกแล้ว
 :o12:

hahn

  • บุคคลทั่วไป
หายป่วยไวๆ นะ  เป็นห่วงคาวี่จริงๆ แล้วท่านชีคจะต้องรอนานแค่ไหนเนี่ย +1

raphaello

  • บุคคลทั่วไป
คาวี่จะได้กลับมาใช่มั้ย อัลชาต้องเข้าใจคาวี่ใช่ป่ะ

ออฟไลน์ beer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อ่านแล้วบีบหัวใจมาก

เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปไม่อยากจะคิดเลย :m15:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ในที่สุดก็อ่านจนทันแล้ว
สงสารท่านชีคกับคาวี่มากมาย
อ่านไปก็อึดอัดทีเีดียว ทำไมทุกอย่างมันถึงได้มะรุมมะตุ้มรุมรักกันขนาดนี้
หวิวๆแทนสองแฝดจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
โอย ดีใจที่สองแฝดยังอยู่รอดปลอดภัย

ลุ้นกันต่อว่าเรื่องจะคลี่คลายลงอย่างไร

ออฟไลน์ แมวอัดกระป๋อง

  • ...
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สองตอนหลังอ่านยากมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นฉากสู้กันด้วย แต่ยังชอบแนวนี้อยู่นะค่ะ เราอาจจะมีสมาธิในการอ่านไม่พอเองก็ได้ :z3: :z3: :z3:

เป็นกำลังใจกั๊บ :L2:

nootnoot

  • บุคคลทั่วไป
สงสารคาวี่อ่ะ พี่ก่ะตายยังต้องมาแยกจากคนรักอีก เศร้าอ่า

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
โอยยย ปวดตับ หนึบๆ   :m15:
แต่ก็ดีแล้วนี่ค่ะ ที่เซย์ยังไม่ตาย แต่ในอนาคต ถ้าอเล็กซิสฆ่าอิตาลุง เซย์ก็ตาย แต่ซิสกำลังโกรธ มันจะห้ามตายได้เหรอเนี่ย
อิตาลุงใจร้าย เลือดเย็น สมแล้วที่ไม่เหลือใคร ยิ่งใหญ่แต่ไม่มีใคร มันจะมีความสุขเหรอว้า   :angry2:
คาวี่ ขอให้ท่านชีคเชื่ออีกครั้ง รู้อยู่แล้วว่ายังไงคาวี่ก็ต้องกลับไปสะสางบัญชีแค้น
สองหนุ่มที่อยู่ในคุก คุก เป็นยังไงบ้างเนี่ย  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
ปวดตับ ชาไต ช้ำเซี่ยงจี้..

ทำไมถึงทำกับฉันด้ายย~
 :o12:

ปล. รีบน สงสัยสองหนุ่มนั่นคงกินกันไปเองแล้วมั้ง คึคึคึคึ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด