Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1058499 ครั้ง)

ออฟไลน์ __oo__

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่อยากให้อเล็กเซตายอ่าา

ฮือออTTTTT

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
คาวี่น่ารักจิงๆนะให้ดิ้นตายเถอะ  :o8:
ท่านชีคก็ดูเป็นคนดี๊ คนดี เวลาอยู่กะคาล รักเมีย หลงเมียหัวปักหัวปำจิงๆ
มีแอบรักมาเป็นปีเสียด้วย แหม ช่างดวงดี พระเจ้าเข้าข้าง ดรีม คัมส์ ทรู อะไรเช่นนี้
สงสารคู่แฝดอเล็กซ์ ชีวิตดูรันทดยังไงชอบกลนะคู่นี้

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ท่านชีคกะคาวี่นี่หวานกันซะ  อิจฉาเลยอ่ะ
คนที่มาจากบริษัทที่จ้างมาจากต่างประเทศนี่
จะมีความสำคัญยังไงนะ
แล้วร๊อบจะลงเอยกับใครเอ่ย
ขอให้ซิสไปช่วยเซย์มันทีเท้ออ...
อย่าให้เซย์เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดนะ
ท่านอากะคุณมือขวาจะแฝงตัวเข้าเซเนียยายังไงน้า

เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ลุ้นทั้งนั้นเลย
รอลุ้นตอนต่อไปน้าาา...
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line : 31  Next...

              เสียงสายลมโชยพัดและเสียงสาดซัดของคลื่นกระทบโขดหิน นกนางนวลสีขาวตัวโตบินว่อนไปทั่วหอบเอากลิ่นของทะเลเข้ามาสู่โสตประสาท เสียงกระดิ่งลมที่ทำจากเปลือกหอยดังขึ้นเบาๆประสานกับเสียงดนตรีจากแผ่นเสียงขนาดใหญ่ ในเครื่องเล่นที่มีลำโพงรูปเปลือกหอยแสนคุ้นตา...

             แสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์สาดมากระทบดวงตาที่ยังคงทิ้งปัญหาด้านการมองเห็นไว้ไม่น้อย ทำให้อเล็กเซย์ยกมือขึ้นทาบปิดมัน ฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งแตะลงบนพนักพิง แผ่นหลังสัมผัสหมอนนุ่มและขณะที่ขาสองข้างซึ่งเข้าเฝือกอยู่ก็วางระพื้นไม้ของเก้าอี้โยกขนาดพอตัว เส้นผมสีทองกระทบกับแสงอาทิตย์เป็นประกายระยับ ใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ ราวกับไม่หยี่ระต่อบรรยากาศเครียดเคร่งของผู้เป็นลุงที่นั่งทานกาแฟอยู่ในห้องด้านหลัง

             นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองบริเวณสวนด้านหน้าคฤหาสถ์ มองเห็นประตูรั้วเหล็กสีดำที่ มีชายในชุดสูดสีดำยืนเฝ้า ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าทุกคนต่างก็พกปืนประจำตัวกันทั้งนั้น ลานด้านหน้ามีรถโรสลอยซ์คันโตจอดอยู่ สีเขียวสดของพรรณไม้ประจำถิ่นยืนต้นอยู่ด้านหน้าคฤหาสถ์แบบโบราณสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คฤหาสถ์สีน้ำตาลอิฐดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขามอยู่ในที ตั้งอยู่ในหุบเขาด้านหลังเกาะซิซิลี...เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นปราการลับของเหล่ามาเฟีย เบื้องหน้าของมันคือเกาะเล็กๆที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่หนาแน่นด้านหน้าเกาะ เพียงด้านหน้าเพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจ หลังไร่องุ่นและไร่มันฝรั่ง ผ่านถนนหนทางคดเคี้ยวเลี้ยวลด หลังเทือกเขาเตี้ยๆจะเป็นที่ตั้งของคฤหาสถ์ของมาเฟีย..ผู้ครอบครองพื้นที่หนึ่งในสี่ของเกาะนี้

       และตอนนี้....ร่างของชายผู้เป็นบอสของมาเฟียตระกูลวาลกัส ก็กำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องรับแขกเบื้องหลังตนไปไม่กี่ก้าว อเล็กเซย์ยัคงยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาจับจ้องทิวทัศน์อันสงบและสวยงามของเกาะซิซิลีไม่วางตา..

            ฝ่ามือของเขามีโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของผู้เป็นลุง ทว่าก็ไม่ได้คิดจะกดโทรออกไปไหน และกระทั่งมีสายเรียกเข้า ปรากฏชื่อ "อเล็กซิส"เขาก็ยังไม่คิดจะกดรับมัน

     ชายหนุ่มเพียงแต่ยิ้ม แล้ววางมันลงบนขอบระเบียงกว้าง เงยหน้ารับแสงอาทิตย์อุ่นร้อนในยามบ่ายแก่ของวัน...ปลายนิ้วเคาะเก้าอี้โยกเป็นจังหวะ ใบหน้ายิ้มแย้มหากสมองครุ่นคิด...

       ...ยามที่ผู้เป็นลุงได้"เชิญ"ให้เขามาเที่ยวที่เกาะนี้ ให้มาพักผ่อนรักษาตัว ด้วยบัตรเชิญสีดำมะเมื่อมจ่อบนศรีษะ เขาทำได้แต่เพียงยิ้ม จ้องมองใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ของเฟรเดริโก้ วาลกัส อย่างนึกสงสาร ปนสมเพชในใจ..

     "คุณอา"ของเขาได้เข้ามาพูดคุยนับแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน ก่อนจะไปคุยกับพี่ชายของเขาเสียอีก คุณอาได้เล่าถึงเรื่องทั้งหมดของผู้เป็นลุง..เรื่องราวของจอร์จิโอ้ เรื่องความปราถนาทั้งหมด และเรื่องความตายอันน่าเศร้านี่...

  เขาคิดไม่ผิดว่าตนเองจะเป็นเป้าหมาย และเขาก็ทำได้เพียงยิ้มรับ ไม่ตกใจอะไรเมื่อถูก"เชิญ"มาที่นี่...

         " ไม่กดรับล่ะ อเล็กเซย์ "น้ำเสียงของผู้เป็นลุงดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้คนฟังได้แต่ยกยิ้ม..

         " โทรศัพท์ของคุณลุงนี่ครับ..ผมไม่กล้าเสียมาารยาท " เขาออกปากตอบ แม้จะรู้อยู่แก่ใจ เหตุที่เฟรเดริโก้นำโทรศัพท์มาให้เขาถือไว้ ก็เพื่อให้เขาโทรออกไปหรือ กดรับสายและบอกให้แฝดผู้พี่มาหาตน เพื่อให้อเล็กซิสมาตกหลุมพรางที่นี่...

ฉะนั้น...ต่อให้ตกที่นั่งลำบาก เขาก็ไม่คิดจะทำ

          " เสียมารยาทอะไรกัน...เราเป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ "...ครอบครัวเดียวกัน? อเล็กเซย์ยิ้มให้กับคำพูดนั้น ลุงของเขาก็เป็นเช่นนี้เสมอ วาจาเรียบง่ายไร้การปรุงแต่ง คำพูดแต่ละคำล้วนน่าฟังและออกมาจากใจจริง...แม้ความนัยของมันจะน่าสยดสยองเพียงใดก็ตาม

         " ครับ....ครอบครัวเดียวกัน...." อเล็กเซย์ยิ้ม นัยน์ตาของเขาเหลือบแลไปยังเบื้องหลังของตน ด้านซ้ายของคฤหาสถ์ที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ปลูกไว้ราวกับจะบดบังสถานที่นี่ให้พ้นจากสายตาของคนภายนอก หากแต่เขารู้ ปีกซ้ายของคฤหาสถ์...แค่เพียงเดินออกไปไม่นาน จะปรากฏสุสานขนาดเล็ก...ปกคุลมด้วยดอกกุหลาบพันเกี่ยวกับป้ายหลุมศพ พื้นหญ้าเขียวสดและดอกหญ้าเล็กๆจะปกคุลมผืนดินและปกป้องผู้ที่ทอดร่างหลับไหล...และไกลออกไปไม่เท่าไหร่ ผ่านสุสานที่เต็มไปด้วยป้ายหินสลัก สู่ทางลาดเล็กๆเป็นทางออกไปสู่ทะเล ไม่มีรั้วกัน มีเพียงพรรณไม้เขียวสดคอยป้องกันสายตาคนภายนอกเท่านั้น

...ณ...ที่แห่งนี้ เป็นที่พักผ่อนอันแสนสงบของ"ครอบครัว"ผู้ล่วงลับทุกคน

          "..จะเสียดายก็แต่....เขาไม่ได้มาที่นี่......" น้ำเสียงแผ่วค่อยของหลานชาย ทำให้ผู้ฟังเม้มปากแน่น เฟรเดริโก้กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ กล้ำกลืนความเจ็บปวดที่แล่นวาบขึ้น ยามได้ฟังคำนั้น ด้วยรู้...ว่าผู้เป็นหลานเอ่ยถึงใคร..

เลือดเนื้อเชื้อไขของตน ผู้ไม่มีโอกาสจะรู้ด้วยซ้ำว่าใครคือบิดาที่แท้จริง ผู้ที่ไม่มีสิทธิได้ทอดร่างบนผืนดินอันงดงามนี้ ในฐานะ"คนในครอบครัว"

......."ลูกชาย" ผู้อาภัพน่าสงสารคนนั้น

         " .........."

        " น่าเสียดายนะครับ....น่าเสียดาย..." เสียงเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้ง ชื่อเดิม คนเดิมที่โทรมาทำให้อเล็กเซย์ยิ้มคล้ายขบขัน นัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบแลขึ้นสบดวงตาสีเขียวของผู้เป็นลุง....ซึ่งจ้องมองโทรศัพท์เครื่องนั้นไม่วางตา

       "...เสียดายจริงๆ....ที่เขาเกิดเป็นลูกคนขี้ขลาดอย่างคุณ..."

       "อเล็กเซย์ !!!! " เสียงตวาดของผู้เป็นลุง และฝ่ามือที่จิกไหล่เขาแน่น ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หากความเจ็บปวดที่ได้รับไม่ได้มากไปกว่าความขมปร่าที่แล่นวาบในหัวใจ...ด้วยรู้...ว่าหนทางที่ตนถูกนำพามา คืออะไร...

...เพียงเพื่อเป็นเหยื่อล่อ และท้ายที่สุด ก็สังหารให้สิ้นชีพไปจากโลกนี้

จากคนในครอบครัว ด้วยน้ำมือของ"ครอบครัวเดียวกัน "

         "....ถ้าเรารู้...ผมคงจะได้เรียกเขาว่าน้อง ถ้าเรารู้....ผมคงจะได้ร้องไห้ในงานศพของเขา ...ถ้าเรารู้ เราคงจะได้จูบลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่โลงศพของเขา...และถ้าเรารู้....เราคงจะปกป้องเขา...อย่างสุดกำลัง..." คำกล่าวถึงเรื่องราวที่ผ่านผันมานั้นทำให้เฟรเดริโก้หลับตาลงอย่างรวดร้าว...กับคำที่ย้ำในจิตใจเหลือเกิน....

ถ้าเพียงแต่จะออกปากพูดออกไป

ถ้าเพียงแต่ทุกคนจะได้รู้...ถ้าเพียงแต่...จะไม่ขี้ขลาดเพียงเพราะกลัวบทลงโทษของสังคมที่หนักหนา...

...ถ้าย้อนเวลาไปได้...ตนเองคงจะได้โอบกอดร่างนั้นยามที่สิ้นหวัง จะได้ยิ้มชื่นชมและยินดีกับความสำเจ็จ..และ..จะได้ก้มลงจูบประทับลงบนฝาโลงของบุตรชาย .จะได้นำร่างของเขามาที่นี่...แทนที่จะเป็นสุสานไร้ชื่อของบรรดาลูกน้องในแกงค์....

ทุกอย่างมันถูกขีดขั้นเพียงเพราะคำว่า"ถ้า"...และคำว่า...ความกล้า เท่านั้น...

     อเล็กเซย์หรุบตาลงช้าๆ เม้มปากแน่นด้วยความปวดหนึบในหัวใจ เขาก้มตัวลงไม่ยอมทอดมองใบหน้าและแววตาอันรวดร้าวของผู้เป็นลุง ยามเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้
         " มันเป็นเพราะพวกแก..." ฝ่ามือนั้นจิกแน่นขึ้น พร้อมกับเสียงกระซิบห้วน...หากสั่นไหว... ใจความนั้นทำให้อเล็กเซย์ยิ้ม....ยิ้มรับ

         " ครับ...เป็นเพราะพวกเรา.....เป็นเพราะผม...เป็น....เพราะทุกๆคน "

         " ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว..." น้ำเสียงของผู้เป็นลุง..ช่างรวดร้าว บาดหัวใจ

         "....คุณยังมีเรา....มีผม มีพี่ มีพ่อ แม่ มีคาร์โลและอเล็กซานดร้า รวมถึงป้าลูเซีย..." คำพูดของเขา มีเพียงเสียงหัวเราะตอบรับราวกับเยาะหยันเท่านั้น  ทว่าเขาไม่สนใจ อเล็กเซย์หันไปมองหน้าผู้เป็นลุง มองใบหน้าที่เหี่ยวย่นและทิ้งร่องรอยเหนื่อยล้าด้วยวัยที่ร่วงโรยและความรวดร้าวในหัวใจ ก่อนจะออกปากถาม

         " แต่ฆ่าเราไปแล้ว ลุงจะเหลือใคร? "

 ...ทำลายไปแล้ว จะเหลืออะไร

ฆ่าเขา ฆ่าอเล็กซิส ฆ่าคาร์โล อเล็กซานดร้า และพ่อแม่ของเขา...ทำลายคนที่ตัวเองออกปากพูดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน....แล้วจะเหลืออะไร

         " บทเรียนจากความตายของคาวัลโล มันยังไม่เพียงพออีกหรือ? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลปิดพับลงยามนึกถึงน้องชายผู้ล่วงลับ...เหตุเพียงเพราะ...ชีวิต ต้องแลกด้วยชีวิต...

   ก่อนจะเปิดออกมาอีกครั้งอย่างแน่แน่ว...

       " ได้แก้แค้น...ได้ความสะใจ...ได้อำนาจ ทรัพย์สมบัติเงินทอง.." น้ำเสียงของหลานชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่งสงบ ไม่หวั่นไหว รวมทั้งดวงตาที่มองตรงมายังตน ทำให้ร่างของเฟเดริโก้ วาลกัส นิ่งงันไปด้วยควมรู้สึกหลากหลาย...โดยเฉพาะ เมื่อคำถามนั้นถูกส่งมา

         "...ได้ทุกอย่างแล้ว...จะมีความสุขรึเปล่า?"

.......................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

          เมื่อก้าวเท้าไปยังลานด้านหน้าของวัง มองผ่านแผ่นหลังของอัลชาอ์ก็เห็นรถสามสี่คันที่จอดเรียงกันอยู่ด้านหน้า พร้อมกับร่างกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า โดยมีสัมภาระวางไว้ใกล้ตัว ร่างของชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่มีร่องรอยบาดแผลปรากฏอยุ่ไม่น้อย ทำให้คาวัลโลนึกรู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าชายฟาลซาอ์ถึงมีท่าทีแตกตื่นนัก  คณะของบริษัทผู้รับเหมาโครงการดินทางกันมาสี่พอดีไม่ขาดไม่เกิน บวกคนขับรถเข้าไปอีกสองเท่านั้น นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันเจตนารมย์ของอัลชาอ์ถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจาการจ้างงานคนมีความสามารถในวงเงินสูงลิ่ว สี่คนนี้คงเป็นวิศวะกรและสถาปนิกที่จะมาช่วยงาน นอกจากนั้นก็มีแต่คนของเซเนียยาเท่านั้นที่จะได้รับหน้าที่อื่นๆไป..

        เมื่ออัลชาอ์เดินเข้าไปต้อนรับคณะคนที่เข้ามา คาวัลโลก็ละแขนออกและหยุดฝีเท้าเพื่อให้ชีคหนุ่มเดินเยื้องน้ำหน้าไปก่อนอย่างรู้ตัว เขายิ้มให้กับแววตาหวานที่จ้องมองมา ก่อนจะมองเหตุการณ์ในฐานะที่ปรึกษาอย่างที่ตัวเองเป็น..

      ชายหนุ่มชาวยุโรปคนหนึ่งที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าคณะเดินเข้ามาและโค้งตัวทักทาย จากนั้นก็มีชายหนุ่มอีกสี่คนโค้งกายเคารพและจับมือแสดงไมตรีตามแบบสากล   รอยยิ้มแสดงมารยาทที่ดีและท่าทีองอาจหากแต่ก็ไม่วางตัวของอัลชาอ์ทำให้คาวัลโล อดจะยิ้มออกมาอย่างภูมิใจในตัว"ชีคของเขา"ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้ายินดี และเมื่ออัลชาอ์ออกปากเรียก เขาจึงเดินเข้าไปใกล้โดยไม่อิดออด สมทบกับรามิล ราเซย์และโรเบิร์ตที่เดินเข้ามาสมทบพอดี

       ผู้ร่วมงานต่างก็มากันครบ อัลชาอ์จึงออกปากเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปที่ห้องรับรองด้านในเพื่อนั่งลงทำความรู้จัก คาวัลโลนั่งบนเก้าอี้ใกล้ตัวอัลชาอ์ รามิล ราเซย์ และโรเบิร์ตก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ตามมาด้วยคนของบริษัท asc accest ทุกคน

   สรุปรายชื่อคนที่มามีทั้งหมดสี่คน รายแรกเป็น ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าคณะหน้าตาบ่งบอกว่าเป็นคนยุโรปด้วยรูปลักษณ์ ผิวขาวจัด เส้นผมน้ำตาลอมแดงและนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง ใบหน้าคมคาย ชื่อ วิลเลียม เซนทิงตัน ตำแหน่งหัวหน้างานและวิศวะกรใหญ่

    สองคือ อิลาดอฟ  เวนโกสกี้ ตำแหน่งวิศวะกรเช่นเดียวกัน  เขาเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ เส้นผมสีบลอนด์ และนัยน์ตาสีอ่อน ใบหน้าคมคายหากนิ่งขรึม ไม่ต้องเดาจากชื่อก็บอกได้เลยว่ามีเชื้อสายยูโก สลาฟเป็นแน่

     คนที่สาม เป็นหนุ่มละตินผิวเข้ม สำเนียงสเนปนิชคุ้นหูจนไม่ต้องบอกก็รู้ชัดว่าเป็นคนประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงนี่เอง ตาสีเขียว ผมสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางใจดีและงกเง่นพอประมาณอย่างคนขาดความมั่นใจชวนให้แปลกใจนัก เจ้าตัวชื่อ แอนโตนีโอ คาริชชี่  เป็นสถาปนิกด้านบริหารโครงการ

    และคนสุดท้ายเป็นสถาปนิกออกแบบและตรวจสอบโครงการ หนุ่มเอเชีย ผิวขาวเหลืองใบหน้าเรียวดูออกหวานหน่อยๆ ที่โดดเด่นคือนัยน์ตาเรียวรีสีดำสนิทกลมใสราวกับลูกปัดรับกับปลายจมูกเล็กโด่งสัน เส้นผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ ใบหน้ายามยิ้มออกมาดูมีสเน่ห์น่าสนใจ  ชายคนนั้นแนะนำชื่อจริงนามสกุลจริงของตนเองว่า กฤษธีร์ เกียรติธำรงค์สกุล แน่นอนว่ามันยากไปสำหรับการจดจำ รายนั้นจึงบอกให้เรียกคริสได้ตามสบาย

     ดูชายหนุ่มแต่ละคนที่มาร่วมงานแล้วคาวัลโลแทบจะผิวปากหวือ ที่อัลชาอ์ว่าบริษัทนี้มีคนหลากหลายเชื้อชาติ ท่าจะจริง

      จากนั้นรามิลในฐานะวิศวะกรที่จะมาร่วมงานด้วยก็ออกออกปากแนะนำตัว ตามด้วยราเซย์ โรเบิร์ต และตัวเขา ในชื่อคาวัลโล เตอเกียเร่ ผู้มีฐานะเป็นที่ปรึกษาของอัลชาอ์  แต่ทว่าบรรยากาศการสนทนากลับดูแปลกๆพอสมควรในสายตาของคาวัลโล แน่ล่ะว่านี่ไม่ใช่การคุยกันแบบเป็นทางการ ประเภทเซ็นสัญญาเริ่มโครงการหรืออะไรแบบนั้น แต่ท่าทางของผู้ร่วมโครงการทั้งหลายกลับแปลกไปชอบกล

        สีหน้าตึงของและรามิลและนัยน์ตาที่เหลือบแลไปยังชายหนุ่มผมดำรายนั้นน่าสงสัยและน่าสนใจพอๆกับนัยน์ตาของราเซย์ที่จับจ้อง มองไปที่ชายคนเดียวกันเขม็ง  คาวัลโลมองตามนัยน์ตาของคนทั้งคู่นั้นแล้วได้แต่ขมวดคิ้วหากความสงสัยทวีมากขึ้นเรื่อยๆ  นึกแปลกใจว่าเพราะใบหน้าเขียวช้ำจากการถูกทำร้ายมันดึงดูดความสนใจคนได้มากเป็นพิเศษงั้นหรือ แต่ทำไมนัยน์ตาของสองพี่น้องเซย์ฮามัคที่จ้องมาเขม็งนับแต่มาถึงนั้นมันเบิกโตและวาววับด้วยประกายตาแปลกๆที่มองไม่ออกว่ามันดีใจหรือไม่พอใจกันแน่

               แต่มองดีๆ เหมือนจะเป็นแววของความตกใจ และคาดไม่ถึงเสียมากกว่า  ..

    พอมองปฏิกริยาของสองพี่น้องที่ชวนคิดแล้วก็น่าสนใจจนต้องมองดูชายคนนั้นอีกครั้งว่ามีปฏิกริยาแบบไหน แต่คาวัลโลไม่พบท่าทีของความแปลกใจหรือความรู้สึกเช่นไรในดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีดำสนิทสบตาสองพี่น้องเซฮามัคอย่างเฉยเมยเช่นการมองคนไม่รู้จัก ก่อนเจ้าตัวจะเบนสายตาไปจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวสดของ...โรเบิร์ต...ชอว์ตัน...?

      หนุ่มชาวอังกฤษก็มองสบตาชายหนุ่มคนนั้นเฉกเช่นเดียวกัน หากแต่มันเป็นแววตาตกตะลึงที่แฝงความรวดร้าวเอาไว้อย่างปิดไม่มิด..เหมือนจะไม่สมดุลกับนัยน์ตาสีดำสนิทของคู่กรณีที่ฉาบฉายด้วยความอ่อนโยนเสียจนสังเกตได้..

....มีอะไร?

     เขาหันไปสบตาชีคหนุ่มราวกับขอความเห็น พบว่าอัลชาอ์ก็มองมาที่ตนก่อนแล้ว ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน..รวมทั้งฉงนกับความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ด้วย..

          " ผมขอถามเรื่องแบบของอาคารและส่วนอื่น...กับแปลนงานที่ได้มา.. "ในที่สุดชีคหนุ่มก็ลากบรรยากาศเข้าสู่การปรึกษาหารือ อัลชาอ์เปรยขึ้นมาพลางหยิบเอากระดาษแปลนที่ลงรายละเอียดในแฟ้มเอกสารของตนมาดู  ชัดเจนว่าเมื่อมาถึงแล้วก็เริ่มคุยงานกันเลยวิญญาณบ้างานท่าจะเข้าสิงท่านชีคอีกรอบ

         " ครับ ...และที่คอมเมนท์ขอแก้ตรงส่วนลานด้านหน้าและส่วนแปลนที่ยื่นออกมา..." ชายชื่อคริสกระแอมเบาๆแล้วเริ่มเปิดประเป๋าหยิบงานของตัวเองออกมา และจากนั้นบรรยากาศจึงเปลี่ยนจากการพูดคุยแนะนำตัวเป็นการทำงานอย่างรวดเร็ว คาวัลโลสังเกตเห็นเขานิ่วหน้าน้อยๆ คาดว่าแขนซ้ายคงจะบาดเจ็บมาบ้าง แต่ที่ไม่เห็นเพราะเสื้อเชิ๊ตสีดำที่อีกฝ่ายสวมอยู่

          " ...อืม...ขอผมพิจารณาดูแบบสักระ......." อัลชาอ์หยิบเอากระดาษในมือของคริสที่ยื่นมาให้ขยับปากกระแอมพูด แต่ทว่าร่างของจาฟาองค์รักษ์อีกนายก้าวพรวดเข้ามาในห้อง เดินเข้ามากระซิบข่าวบางอย่างแก่ชีคแห่งเซเนียยา  อัลชาอ์จึงขยับกายลุกขึ้นออกปากขอตัว " ...เชิญทุกคนพักผ่อนก่อนนะครับ  วันนี้ผมขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็น  "

        อัลชาอ์เดินออกไปจากห้องก่อนใครด้วยอารามรีบร้อนพอควรชวนให้คาวัลโลขมวดคิ้วงงๆ ก่อนที่บรรดาคนของบริษัท asc accest จะเริ่มหันมาคุยกันเบาๆ คาวัลโลเอื้อมมือหยิบแปลนแบบอาคารที่ถูกวางไว้ตรงหน้ามาดู เขาเลิกคิ้วมองมันอย่างสนใจ ปราดเดียวสิ่งที่ดึงดูดคือแบบลงร่างอย่างละเอียดของอาคารแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยดึงเอาความโด่ดเด่นของราชวังปลายยอดแหลม และสัญลักษณ์ดาวเดือนเสี้ยวที่เป็นของศาสนาอิสลามมาดัดแปลงใส่กับอาคารแบบยุโรป สูงสี่ชั้นในพื้นที่ขนาด6400ตารางเมตร(4ไร่)และมีสวนกับลานน้ำพุด้านหน้า

         "....คุณว่าเป็นไง ? "ออกปากถามรามิลที่นั่งข้างกายและเป็นวิศวะกรผู้สร้างไปในตัว แต่กว่ารามิล เซย์ฮามัคที่นั่งจ้องหน้าชายที่ชื่อคริสคนนั้นจะรู้สึกตัวมาได้ก็ต้องสะกิดไปหลายรอบ รามิลกระแอมเบาๆแล้วหันมาก้มมองแบบอาคารในมือของเขา นัยน์ตาคนมองฉายประกายถูกใจวาบขึ้น หากก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา

         " เรื่องนี้คงต้องถามชีคล่ะครับ ว่าพอใจไหม ...แต่...ผมสงสัยอยู่อย่างว่าร่างแบบไว้เสียหรู จะมีปัญหาตอนสร้างรึเปล่า "

          "...ว่าไงครับ...คุณ.....คริส....." รามิลหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มที่นั่งเอนตัวพิงโซฟาอย่างเรื่อยเฉื่อยปัดท่าทีเป็นการเป็นงานพ้นตัวออกไปทันทีที่อัลชาอ์เดินออกไปจากห้อง นัยน์ตาเหมือนลูกปัดคู่นั้นวาววับขึ้นยามได้ยินคำถาม...เขายิ้มออกมาอย่างเรื่อยเฉื่อย...ก่อนจะยักไหล่

         "ทำงานหรือทำอะไรมันก็มีปัญหาทั้งนั้นแหละครับ ไม่อยากให้มีเรื่องปวดหัวก็มีทางออก แค่ทำคนเดียว...กับไม่ต้องทำ " สถาปนิกหนุ่มเอ่ยช้าๆ รอยยิ้มกวนโทสะประทับตรงมุมปาก ชักทำให้คาวัลโลนึกสนใจขึ้นมาอีกครั้ง...เพราะตอนนี้ในสายตาของเขา...พบแล้วว่าหมอนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่แตกต่างจากตัวเองเท่าไหร่
ประเภทที่"ภายนอก"ดูเป็นอีกอย่าง ส่วน"ภายใน"ก็เป็นซะอีกแบบ...

แถมชะรอยว่าจะเป็นปีศาจะประเภทอินคิวบัสที่ชอบล่อลวงมนุษย์เสียด้วย

          " และต่อให้มีปัญหาตอนสร้าง  วิศวะกรก็มีหน้าที่ใช้"สมอง"ที่มีอยู่ทำให้มันไปได้ราบรื่นไม่ใช่เหรอครับ  "

          " อ้อ.....วาดภาพไว้สวยหรู แต่วางวัสดุโครงสร้างไว้มั่วๆ สุดท้ายก็....ผลักภาระ " ไปกันใหญ่...คาวัลโลกรอกตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งงวยงงและไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่น่าจะไม่เคยพบเจอกันถึงได้มีปฏิกริยาแบบนี้ อีกทั้งยังงง ว่าปกติรามิล เซย์ฮามัค ก็มีมิตรสัมพันธ์อยู่ในระดับใช้ได้ ถึงจะกวนประสาทไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหนา ทำไมตอนนี้ถึงได้...มารยาททรามแบบนี้กัน

แต่เอ....พอมองเห็นประกายไฟแล่นวาบๆในดวงตาของทั้งสองคนแล้ว คาวัลโลชักไม่แน่ใจว่าไอ้สองคนนี้มันไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ....จริงๆหรือ?

           ".....คุณคงลืมไปแล้วมั้ง ว่ากว่าจะได้งานนี้มีขึ้นตอนยังไง "คริสหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากไม่ได้คลายลงแม้แววตาจะฉาายความหงุดหงิด " ถึงจะต่างความเชี่ยวชาญ แต่แหม....สายงานแบบนี้ก็เกี่ยวข้องกันอยู่ดี ไม่ทราบว่าลืมหรือแกล้งลืมกันแน่ " ริมฝีปากคนพูดบิดเป็นรอยยิ้มร้าย " ถ้าทำไม่ได้ใครจะมา"โง่"ทำ ถ้าทำไม่ได้ใครจะมา"โง่"อนุมัติ และใครจะมาเลือก...ถ้าคิดว่าทำไม่ได้จริงๆ"

       .....ความนัยน์ของประโยคนั้นทำให้คาวัลโลกรอกตาแล้วเหลือบมองรามิลที่ทำท่าเหมือนมีใครเอารองเท้าบู๊ทปาใส่หน้า จะตอบก็ไม่ได้จะด่าก็เข้าตัวเอง เพราะแน่นอนว่า ไอ้ใจความหลังหมายถึงตัวมันเองที่ทู่ซี้ถามเรื่องไม่เป้นเรื่องแบบนี้ นอกจากจะโง่แล้วยังด่าเจ้านายตัวเองว่าโง่ด้วย

เอาง่ายๆคือการสงสัยในตัวของสถาปนิกนายนี้หรือวิศวะกรทั้งกลุ่ม ก็ไม่ต่างกับการดูถูกอัลชาอ์ เพราะอัลชาอ์เป็นคนเลือกพวกเขามาทำงานนี้เอง

     คิดแล้วก็มองคนพูดอย่างเริ่มจะถูกใจ....ปัดความระแวงจากรูปลักษณ์ภายนอกออกไปให้ไกลจากมอง และเมื่อนั้นถึงได้เริ่ม...สนใจขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ คาวัลโล มองเห็นนัยน์ตาวาววับสีดำสนิท และรอยยิ้มมุมปากบางๆ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นอริอย่างออกนอกกหน้า เพียงแต่ประกาศศักดาให้รู้ว่าอย่าคิดว่าจะมาหาเรื่องกันได้ง่ายๆ รึอะไรแบบนั้น  หนุ่มอิตาเลียนหัวเราะหึในลำคอด้วยความถูกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่เหมือนจะมีดีแค่หน้าตานั้นกลับมีอะไรที่"น่าสนใจ"กว่าที่คิด  แหม ดูไปดูมาก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ ว่าหมอนี่"เหมือน"กับใครบางคนเสียจริงๆ

   ร่างของกลุ่มวิศวะกรและสถาปนิกจากบริษัทasc accest ลุกจากโต๊ะและลากสัมภาระของตนตามหลังสาวใช้ไปยังห้องพักแล้ว คาวัลโลจึงได้มีโอกาสคุยกับชายหนุ่มสามคนที่ยังนั่งนิ่งเป็นพระประธานอยู่บนเก้าอี้  เขากวาดตามองทั้งสาม นับแต่ราเซย์ เซฮามัค รามิล เซฮามัค และโรเบิร์ต ชอว์ตัน ที่ต่างแสดงปฏิกริยาต่างกันไปอย่างพิจารณา นับแต่รามิลกำลังจับมือโรเบิร์ตไว้แล้วบีบแน่น สีหน้าของเขาฉายแววเคร่งเครียด ไม่ต่างจากโรเบิร์ต ชอว์ตัน ที่มีสีหน้าจืดเจื่อน ใบหน้าเริ่มซีดขาว และเขาไม่ได้ตาฝาดไปเลย ที่มองเห็นฝ่ามือของโรเบิร์ตสั่นระริกอย่างชัดเจน... และ....นัยน์ตาสีเขียวสด ที่จับจ้องไปยังโซฟา....ซึ่งเคยมีร่างของคริสเขม็ง...แม้ว่ารามิล จะคอยกุมมือไว้ แม้ว่าราเซย์จะมองไปยังโรเบิร์ตอย่างห่วงใย...ทว่าหนุ่มอังกฤษก็เหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจ

           " นี่...."คาวัลโลสะกิดแขนของรามิลที่ยังคงมีสีหน้าอยากฆ่าคนเบาๆ เขาพยายามซ่อนยิ้มในใบหน้าขณะที่ออกปากถาม "มีอะไร? คุณไม่พอใจที่อัลชาอ์ใช้คนของบริษัทอื่นมาจัดการแทนคุณ งั้นหรือ? "

           " เปล่า "รามิลไหวไหล่ หันมาจ้องหน้าเขาแม้นัยน์ตาจะฉายแววหงุดหงิด "ผมไม่ใช่เด็กนี่จะได้ไม่รู้เรื่อง  งานแบบนี้ทำคนเดียวได้ที่ไหน มืออาชีพน่ะมาทำงานก็ถูกแล้ว...เพียงแต่.......ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะมี"ประสิทธภาพ" ...แค่ไหน..."ว่าแล้วเจ้าคนพูดก็นิ่วหน้าแล้วพ่นลมหายใจอย่างฉุนๆ

        " อ้อ....เพียงแต่ไม่ชอบขี้หน้าคนบางคนเท่านั้น " คาวัลโลเลิกคิ้วรับคำแล้วหัวเราะเบาๆ "คุณไปหาเรื่องเขาก่อนนะ แถมผมก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะไร้ประสิทธิภาพตรงไหน...แบบนี่เขาก็เป็นคนเขียน...สวยดีเสียด้วย..."

        " หึ....คุณไม่รู้จักหมอนั่นดีพอ..."รามิลเบ้ปาก สีหน้าเหม็นเบื่อเกินกำลัง

         " เหรอ? "คาวัลโลยิ้มมุมปาก ...ทว่า นั่นก็เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้รามิล เซย์ฮามัคได้ทราบว่าเขาพลาดอะไรบางอย่างไปเสียแล้ว " แล้วคุณคิดว่าตัวเอง"รู้จัก"เขาดีมากพอจะพูดแบบนี้รึไง? "

         " คุณด้วย.....และคุณก็ด้วย.... "นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันเขม็ง คาวัลโลยิ้ม หากแต่แววตาวาววับชวนให้หนาวสันหลังวาบ

           "...ผมไม่รู้และ...ไม่สนใจ ว่าคุณ คุณ และคุณ...จะมีเรื่องอะไรกับผู้ชายคนนั้น " แววตาของคาวัลโลวาววับขึ้นด้วยความไม่พึงใจเด่นชัด ริมฝีปากของเขาขยับเสียงพูดไม่เบาเกินกระซิบ ทว่าชายหนุ่มทั้งสามคนผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ยินชัดเจน " แต่อย่าทำตัว"โง่เง่า"แบบนี้อีก คนพวกนี้เป็นแขกของอัลชาอ์ เขามาทำงาน ไม่ได้มาทะเลากับพวกคุณเป็นการส่วนตัว งานคืองาน อย่าเอาความรู้สึกมายุ่ง หุบปากที่เอาแต่พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องของคุณซะรามิล และคุณ ราเซย์ ...คุณก็หยุดทำหน้าตาแบบนั้นแล้วเอาแต่"จ้อง"ได้แล้ว และคุณ...โรเบิร์ต ถ้าการสงบสติอารมณ์มันยากนัก ก็กลับห้องไปซะ "

            "........" ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม มีเพียงนัยน์ตาที่แลสบกันครู่หนึ่งอย่างจืดเจื่อนไม่น้อย สองพี่น้องเซฮามัคลอบถอนใจและพยักหน้ารับเงียบๆ ส่วนโรเบิร์ตก็นิ่ง หุบปากฉับ

             คาวัลโลกอดอก กวาดตามองเจ้าบ้าสามคนที่เงียบไปแล้วด้วยดวงตาขวางๆ อยากจะไล่กระทืบเจ้าคนงี่เง่าสามคนนี้นัก มาแล้วแทนที่จะเตรียมงานกันให้เรียบร้อย คุยงานกันอย่างเป็นกิจลักษณะ กลับทำท่าเหมือนเจอผีบรรพบุรุษออกมาอาละวาด เดือดร้อนให้ตัวเขาซึ่งอยู่ในหน้าที่"ที่ปรึกษา"ต้องแต่ยิ้มขัดตาทัพไว้กระทั่งพวกของบริาทนั้นทยอยกันไปพัก เนื่องจากเจ้าบ้ารามิลและพี่ชาย รวมทั้งโรเบิร์ตทำให้บรรยากาศการพุดคุยเหลวไม่เป็นท่า..

   โตแล้วยังจะไม่รู้จักเก็บอารมณ์ แก่แล้วยังจะมาทำท่าทางเหมือนเด็ก พวกบ้าสมองไม่พัฒนาเอ๊ย !

            ราเซย์ เซฮามัคและน้องชายเป็นฝ่ายหลบดวงตาวาววับของมาเฟียหนุ่มอย่างรู้ตัวดี สายลับหนุ่มที่ได้โอกาสมาอยู่ในวังชั่วคราวลอบถอนหายใจเฮือก ไม่ต่างกับวิศวะกรผู้เป็นน้องชาย รู้ดีว่าการแสดงอารมณ์แบบนี้ออกไปนอกจากจะไม่เป็นผู้ใหญ่แล้วยังจะงี่เง่า...เพียงแต่ว่า....

      นัยน์ตาของเขาหันไปจ้องมองร่างของโรเบิร์ตอีกครั้ง แม้คราวนี้แววตาของอดีตคนรักจะเริ่มสงบลง ทว่าคลื่นความปั่นป่วนในใจก็ยังไม่จางหาย

     เขารู้สึกราวกับคนที่กำลังฝันดี ถูกกระชากแรงๆให้ตกลงมาจากเตียง ราเซย์กวาดมองร่างของน้องชายและโรเบิร์ตอย่างครุ่นคิด...ฝันร้ายที่เคยเลือนหาย กำลังเข้าปกคุลมอีกครา...จากชายคนนั้น และแววตาเย้ยหยัน...เยาะเย้ย ที่แฝงอยู่ในดวงตา รอยยิ้มสดใส..ที่ฉาบทับหน้ากากของความโหดเหี้ยมไร้หัวใจเอาไว้...การก้าวเข้ามาของคนที่ไม่เคยคิดจะได้เจออีกชวนให้หวั่นใจไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าคราวนี้ จะเกิดอะไรขึ้น   

.......................


     " มีปัญหา ?" ฝ่ามือไล้เส้นผมสีอ่อนเบาๆ น้ำหนักของศรีษะที่ทับบนตักของตนนั้นไม่ได้มีสักกี่มากกี่น้อย ไม่หนักเสียจนต้องผลักไสให้ไกล อัลชาอ์อดจะยิ้มออกมาบางๆไม่ได้กับใบหน้าที่นิ่วและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของคาวัลโล วาลกัส  ชีคหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วเงี่ยหูฟัง"ที่ปรึกษา"ของตัวเองพูดเรื่องกลุ่มคนที่มารับงานเมื่อครู่

        "...ก็.....พวกคนของบริษัทนั้นไม่มีปัญหาหรอกนะ " คาวัลโลว่าแล้วยักไหล่  " แต่ปัญหามันอยู่ที่ฝั่งคนของเรานั้นแหละ...เพราะเหมือนเรื่องนี้จะไปเปิดปมปัญหาอะไรเข้า "

        "หืม? " ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว งวยงงไม่น้อยกับคำกล่าวนั้น

        " ..ตั้งแต่คุณลุกไป " คาวัลโลอ้าเล่าเรื่องนับแต่อัลชาอ์ไปรับโทรศัพท์ เอ่ยถึงเหตุการณ์รวมๆจากการสังเกตการของตนเอง บอกเรื่องที่ท่านชีคไม่รู้หลังออกไป และก่อนที่ตัวเขาจะกลับมาคุยกับอัลชาอ์ในห้องทำงาน...เอ่อ โอเค ไม่เชิงคุยก็ได้ เพราะมันกลายเป็นการนอนตักกระหนุงกระหนิงกันมากกว่า...แต่แล้วไงล่ะ นี่มันห้องส่วนตัว ทำอะไรใครจะว่าได้ และต่อให้มีคนมาเห็นใครมันจะ"กล้า"เคือง

      " ปัญหาตอนนี้อยู่ที่รามิล ราเซย์ และโรเบิร์ต " คำพูดนั้นทำให้อัลชาอ์ขมวดคิ้วอย่างงวยงงไม่น้อย " สามคนนี้น่ะ ต้องเคยรู้จัก แถมยังเคยมีเรื่องกับสถาปนิกที่ชื่อคริสอะไรนั่นแน่ๆ "

      " คุณรู้ได้ยังไง? " อัลชาอ์ถามกลับ แม้จะรู้สึกแปลกๆกับท่าทีของสามคนนั้นอยู่ ทว่าก็ไม่ได้เห็นชัดเจนขนาดจะสรุปออกมาได้ว่าเพราะเหตุใด

       " พอคุณไป รามิลก็เริ่มปากเสีย...พูดจาหาเรื่อง " คาวัลโลบ่น " ปกติเขาไม่ใช่คนไร้มารยาทนี่...ถึงจะชอบพูดจากวนประสาทอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะไร้สมองขนาดพูดจาหาเรื่องคนที่จะทำงานร่วมกัน..ต่อให้ไม่ชอบหน้าแค่ไหนก็เถอะ แถมราเซย์..หมอนั่นก็ด้วย ไม่พูดนะ แต่จ้องนายคริสอะไรนั่นเสียเขม็ง...แล้วยังโรเบร์ต...ไม่อยากบอกว่าหมอนี่น่ะมันบ้าสุดๆ จ้องชนิดตาไม่กระพริบ  แถมยังหน้าซีด กุมมือกับรามิลตลอดเวลายังกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่ากำลังคบกัน "

        คนพูดว่าแล้วทำหน้านิ่ว บ่นด้วยอารมณ์หมั่นไส้กึ่งๆไม่พอใจ ให้อัลชาอ์อดจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ทว่าข้อมูลที่คาวัลโลว่ามา ก็ใช่จะไม่มีมูล...

      " แน่ใจว่าไม่ได้พูดเพราะไม่ชอบหน้า หมั่นไส้ หรืออะไรแบบนั้น ...? "ชีคหนุ่มเลิกคิ้วถาม " ผะ....โอ๊ย ! "

           ปลายนิ้วเรียวลูบปลายจมูกตนเองที่ถูกเจ้าของนิ้วเรียวขาวหยิกเข้าเต็มแรงด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว ชีคหนุ่มนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจ้องมองใบหน้าและตาวาวๆของเจ้าแมวน้อยที่ทำฤทธิ์ให้บนตัก คาวัลโลจ้องมองสีหน้าเจ็บปวดของคนรักแล้วยักไหล่อย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าในสายตาเจ้าตัว นี่คืออะไรที่"สาสม"ดีแล้ว

       " สม! ....นี่เห็นผมเป็นเด็กรึไง จะได้มาแกล้งใครเพราะไม่พอใจ...บ้า....." พูดแบบนั้น แต่คนฟังก็นึกค้านในใจว่าเจ้าตัวทำแบบนั้นไปตั้งเท่าไหร่ แต่...เพื่อความปลอดภัยของจมูกและส่วนอื่นๆของร่างกายอัลชาอ์จึงตัดสินใจจะเงียบ..แล้วฟัง

       " เจ้าสามคนนี้น่ะออกอาการแบบไม่กลัวคุณขายหน้าเอาเสียเลย ปกติไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย ไม่แปลกก็เกินไปแล้ว...แล้วเจ้าคนถูกจ้อง...หมอนั่นมีหน้ามายักไหล่ ยิ้มชิวๆเหมือนชินเสียเต็มประดา...โอ้ยยย แบบนี้ล่ะ มีปัญหาชัดๆ "

        " อืม..." อัลชาอ์รับฟังแล้วพยักหน้ารับ " แต่....ผู้ชายคนนั้นแค่มาแก้แบบงาน ดูแลอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่กี่วันก็ไป"....แล้วไม่กี่วันก็คงวกลับมาอีก..
       " ถึงจะแค่ไม่กี่วันก็เถอะ " คาวัลโลบ่นงึมงัม " แต่นี่น่ะมีปัญหาแน่ๆ คอยดู.."

          และ...คำพูดนั้นก็ไม่ได้เกินจริงไปสักนิดเดียว..

     ชีคหนุ่มกวาดตามองชายหนุ่มมากหน้าหลายตนบนโต๊ะอาหารของตน เว้นแต่มาเฟียหนุ่มสุดที่รักข้างกาย และเจ้าชายฟาลซาอ์ไว้เสียสองคน นอกจากนั้น..ผู้ร่วมโต๊ะของตนต่างก็มีปฏิกริยาแปลกประหลาดกันทั้งนั้น

นับแต่รามิล เซฮามัคที่นั่งทานข้าวไป สลับกับการจ้องมองใบหน้าของ"เป้าหมาย"และหน้าของโรเบิร์ตไปพลางๆ

 ราเซย์ เซฮามัคก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน แม้จะสงบกว่าเล็กน้อย ทว่าความสงบนั้นกลับมีความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาประกอบเสียด้วย

 และโรเบิร์ต ชอว์ตัน นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง โรเบิร์ตไม่เคยกลบเกลื่อนความไม่สบายใจของตัวเองได้อยู่แล้ว และครั้งนี้ยังตามมาด้วยภาวะย้ำคิดย้ำทำที่แสนน่าปวดหัว อย่างการเขี่ยอาหารในจานของตัวเองไปมาแบบไม่คำนึงถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารสักนิดเดียว

     และอัลชาอ์จะไม่ตำหนิผู้ร่วมโต๊ะที่มาจากบริษัท asc accest ทั้งหลายเลยที่มีท่าทีแปลกๆ ทั้งวิลเลียม เซททิงตัน ที่ยิ้มในหน้าอย่างหัวหน้าผู้พยายามสานสัมพันธ์กับผู้จ้างวานและทำงานให้ออกมาดีที่สุด อิลาดอฟ เวนโกสกี้ ที่กินข้าวเงียบๆไม่สนใจใครก็พอจะให้อภัยได้ถึงการถือคติไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น และกับอันโตนิโอ้...หนุ่มสเปนที่เหลียวซ้ายแลขวาหลุกหลิกไปมามอง"เป้าหมาย"ของสองพี่น้องนั่นด้วยสีหน้างวยงงกึ่งสงสัยนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

...และสำหรับ"เป้าหมาย"คนสำคัญที่มาจุดชนวนเรื่องแปลกๆ นับแต่การหายตัวไป การถูกทำร้าย หรือกระทั่งการเป็นตัวเร่งปฏิกริยาประหลาดๆของสองพี่น้องเซฮามัคและอดีตคนรักของตน แม้จะนั่งอยู่ท้ายโต๊ะ...ทว่าสีหน้าระรื่นผ่องใสไม่เห็นหัวใครของชายคนนี้ก็กระแทกตาได้ไม่ต่างกัน

   ถอนหายใจเฮือกแล้วหันไปมองสบตาคนข้างกาย มองเจ้าตัวยิ้มหวานให้แว๊บหนึ่งแล้วอดจะคิดไม่ได้ว่าการทำตัว หรือกระทั่งรอยยิ้มอันไม่น่าไว้วางใจชายที่ชื่อ"คริส"คนนั้นช่างเหมือนกับใครบางคนเสียเหลือเกิน

...อย่าให้สองคนนี้ได้คุยกันหรือสนิทสนมกันจะดีที่สุด !!

    ชีคหนุ่มปฏิญาณในใจเงียบๆ เพราะลางสังหรณ์อันแม่นยำของเจ้าผู้ครองรัฐกระซิบบอกว่าถ้าเกิดสองคนนี้ได้รู้จักกันเมื่อไหร่ล่ะก็....มันคงเป็นอะไรที่น่าปวดหัวสุดจะทานทน!


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

    เข้าไปนั่งๆนอนๆกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องก็ไม่มีอะไรทำ หนังสือบนชั้นในห้องของอัลชาอ์เขาก็อ่านไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ภาษาอารบิกที่เขาไม่เคยรู้ อยากออกไปเดินนอกวังแต่สายฝนที่ยังสาดซัดมาไม่ขาดสายก็ทำให้หมดอารมณ์จะไปตากไอเย็นให้หวัดกินเล่น คาวัลโลกลิ้งตัวไปมาแล้วกรอกตาอีกสองสามรอบด้วยความเบื่อหน่าย แม้จะดีที่ตอนนี้เขาไม่ใช่นักโทษ ไม่ใช่คนที่ต้องคิดดิ้นรนหาทางรอดของตัวเองเสียจนสมองไม่ได้พัก คิดแล้วก็ไพล่นึกไปถึงราฟาเอลดร่กับฟิลิเป้ที่คงจะกลายเป็นซากแห้งๆอยู่แถวห้องขัง มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ปัดเรื่องราวกวนใจทั้งหลายให้ไปพ้นสมอง ตอนนี้เขาคือคาวัลโล ที่เป็นคนรักของชีคอัลชาอ์ สิ่งที่ทำได้ก็คือหน้าที่"พยายาม"จะรัก ไม่ใช่หน้าที่สืบสวนหาความผิด หรือทำอะไรกับไอ้บ้าสองคนที่อยู่คุกใต้ดินนั่น

        สมองเริ่มว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้งแค่เพียงคิดถึงเรื่องราวอันน่าปวดหัวของตน มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเฮือก ลุกพรวดขึ้นจากเตียงนอน ตัดสินใจจะออกไปเดินเตร่ข้างนอกลดอาการว้าวุ่นของตัวเอง เดินสำรวจวังของอัลชาอ์ให้ถี่ถ้วนด้วยอภิสิทธิ์พิเศษของตนเอง ยังจะดีกว่ามานอนฟุ้งซ่านแบบนี้นัก

      " เอ๋? " ร้องอุทานออกมาเบาๆเมื่อเปิดประตูห้องออกมาแล้วพบร่างขององค์รักษ์ผู้คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น...ฮาซานที่ใบหน้ายังปรากฏรอยฟกช้ำ หากแววตานิ่งๆที่สบมองมายังตัวเขาไม่ได้มีแววเคืองโกรธหรืออารมณ์รุนแรง...ทว่ากลับทำให้ความละอายใจแล่นวาบโดยอัตโนมัติ...

...พวกที่ไม่พร่ำเพ้อถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของตัวเอง แต่ใช้ความเงียบเป็นตัวต่อสู้ แบบนี้แหละที่คาวัลโลแพ้ทางนัก..

     "...เอ้อ.....ฮาซาน เป็นไง ? "ออกปากถามอึกอักไม่น้อย คาวัลโลมองเห็นรอยฉงนในแววตาคู่นั้น ก่อนเจ้าตัวจะออกปากเรียบๆ

      " สบายดีครับ...ถ้าคุณจะถามแบบนั้นล่ะก็...." เอ่ยปากพลางถอนหายใจ ส่วนคนฟังฉีกยิ้มเหย ไม่แน่ใจว่าคำตอบนั้นถูกต้องนัก ถ้าเทียบกับ..เอ่อ....รอยแผลที่หน้า..

      " ...ฉัน....ขอโทษด้วยนะ เรื่องที่ชกหน้า..." ออกปากอึกอักด้วยความละอายไม่น้อย ส่วนผู้ฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ เพียงวูบเดียวแต่ทำให้คิ้วของมาเฟียหนุ่มขมวดเข้าหากันแบบอึ้งๆ...

     " ผมไม่เป็นไร..." คาวัลโลกระพริบตาปริบๆมองหน้าฮาซานแล้วก้าวถอยหลังออกมาสสองก้าวเป็นอย่างต่ำ นึกสงสัยอย่างจริงจังว่าตอนที่เขาชกมันหัวเจ้านี่ไปกระแทกกับอะไรแข็งๆเข้ารึเปล่า ประสาทมันถึงได้พลิกกลับขนาดนี้ ก็นะ...ยิ้ม....ฮาซานมันยิ้ม!?  ยิ้มให้เขา คาวัลโล วาลกัสที่มันเคยคิดจะฆ่าเสียด้วย น่าสยองน้อยไปเสียเมื่อไหร่

       " ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นไปล่ะ " ไม่ถนัดต่อกรกับฮาซานเวอร์ชั่นนี้ คาวัลโลขอบอกตามตรง

       "...คุณจะออกไปไหน? " องค์รักษ์หนุ่มเอ่ยปากถาม..จ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเขม็ง ...นั่นทำให้คาวัลโลถอนหายใจเอือก ด้วยความโล่งใจที่สมองฮาซานเริ่มกลับมาเป็นปกติ...

       " ออกไปเดินเล่น ไม่ต้องตามนะ ไม่หนีไปไหน " ว่าแล้วก็เริ่มก้าวเท้าเดินเตร่ ไม่รอฟังคำตอบจากปากองค์รักษ์หนุ่มแต่อย่างใด แค่ทว่า ประโยคหนึ่งที่แล่นเข้าหูกลับทำให้มาเฟียหนุ่มแทบจะหน้าทิ่มพื้น

        "....ขอบคุณ..."

             หันกลับไปมองหน้าฮาซานอีกครั้งเพราะคำพูดที่น่าแปลกใจ ทว่ากลับต้องช๊อคกว่าเดิม........กับ....ร่างขององค์รักษ์หนุ่มที่คุกเข่าโค้งตัวให้อย่างนอบน้อม มือข้างหนึ่งแตะลงตรงอกซ้าย แสดงอาการ"เคารพ"นับถือมากมายแบบที่มันเคยทำกับอัลชาอ์...แต่ทว่าตอนนี้...เป็นเขา!?

          สีหน้าตกตะลึงปนกระอักระอ่วนของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้ฮาซานนึกขัน เขายืดกายลุกขึ้นอีกครั้งนัยน์ตาสีสนิมจ้องมองใบหน้าของมาเฟียหนุ่มเบื้องหน้า สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ยังคงฉายแววฉงนฉงายปนตกตะลึง ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

         " ขอบคุณ...ที่ทำให้ชีคมีความสุข..."

                นัยน์ตาสีน้ำทะเลกระพริบช้าๆ คาวัลโลจ้องมองร่างของฮาซาน องค์รักษ์หนุ่มผู้เอ่ยขอบคุณตนเองแล้วจึงหันกลับไปยืนเฝ้าหน้าห้องนอนของอัลชาอ์ทั้งที่ไม่มีใครอยู่อีกครั้ง...มาเฟียหนุ่มรู้สึกมือเย็นวาบ ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่เป็นความตกตะลึงกึ่งซาบซึ้ง...ไม่ใช่เพราะอัปกริยาที่คนๆนี้แสดงต่อเขา ทว่าเป็นเพราะ ...ความจงรักภักดี และความหวังดีที่มีต่ออัลชาอ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดของคนๆนี้ต่างหาก...

            หมุนตัวเดินออกมาเพื่อจะ"เดินเล่น"ตามที่ปากบอกเอาไว้ แต่สมองของคาวัลโลก็ยังเฝ้าคิดถึงท่าทางของฮาซานซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า...

สำหรับโลกที่เขาจากมา ...ลูกน้อง คือคนในปกครอง คือคนที่เป็นดังครอบครัวก็จริง ทว่า...มันก็ยังมีค่าเป็นเพียงลูกน้อง คนในแกงค์...ที่ปกครองกันด้วยเม็ดเงิน...

และเขาคิดว่า สำหรับลูกน้อง สำหรับคนของตน สิ่งที่"สำคัญ"ต่อพวกมันมากที่สุดก็คงไม่พ้นเงินที่ตัวเขามี มีมากเท่าไหร่ และให้พวกมันได้มากแค่ไหน  มันก็จะจงรักภักดีและยอมอยู่ด้วยอย่างพึงใจ

แต่..กับที่นี่.....มันไม่ใช่

กับคนของอัลชาอ์ กับองครักษ์ข้างกาย "เงิน"ไม่ได้มีความหมายมากขนาดนั้น

ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่มอบให้อัลชาอ์....อัลชาอ์ที่เป็นที่รักของบรรดาคนรอบกายได้ขนาดนี้

ดูต่างกับเขาที่มีมิตร หากรอบกายก็มีศัตรูกลาดเกลื่อน วันๆเอาแต่คิดวางแผนมุ่งร้าย เอาแต่คอยคิดจะหาทางล้มล้าง จัดการคู่ต่อสู้ ฟาดฟันให้มันตายกันไปข้าง

กับประเทศที่เขาคิดว่าล้าสมัย จารีตประเพณีที่คร่ำครึโบราณ...หากทว่า ใจของคนที่นี่กลับสูงค่า มากล้นด้วยสิ่งที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน

แตกต่างมากมายกับสิ่งที่เคยอยู่ในมือของเขา แตกต่างกับเศษเงินโชกเลือดที่แลกมาด้วยน้ำตา เลือดและชีวิตของคนมากมายหลายคน สำหรับตัวเขาที่ช้"เงิน"เพื่อให้ตนเป็นที่รักของลูกน้อง ช่างแตกต่างกับอัลชาอ์ที่ใช้"ใจ"ผูกมัดให้คนเหล่านี้รักใคร่บูชามากมายนัก

เคยไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮาซานถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นแทนอัลชาอ์มากมาย ไม่เข้าใจว่าแค่เพราะ"เสียเกียรติ" เหตุผลเท่านี้ฮาซานถึงคิดจะฆ่าเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมทุ่มเทเสียจนตัวตายขนาดนั้น..

กระทั่งยอมรับ...ความรักที่ผิดหลักศาสนาของผู้เป็นนาย และกระทั่งตอนนี้ ที่เจ้าตัวคุกเข่า เอ่ยปากขอบคุณตัวเขาที่รับรักอัลชาอ์ ทั้งที่เคยต่อต้านและชิงชังตัวเขานัก...

   ...มาเฟียหนุ่มหรุบตาลงช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลทอดมองไปยังดวงดาวที่ส่องแสงริบหรี่บนฟากฟ้าหม่น...บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร...หากแต่อย่างหนึ่งที่เขารู้ คือยินดีและเต็มตื้นในหัวใจเสียเหลือเกินกับความจงรักภักดีที่อัลชาอ์ได้รับจากคนรอบกาย..

        "อะ....." ร่างของผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมอยู่ใกล้ระเบียง แสงไฟจากทางเดินสอดส่องให้เห็นเงาร่างที่ไม่เคยคุ้นและเส้นผมสีดำสนิท คาวัลโลขมวดคิ้ว จ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้นอย่างสงกา แต่อีกวินาทีหนึ่งเขาก็นึกได้ทันทีว่านี่เป็นใคร เมื่อได้มองเห็นดินสอและแผ่นกระดาษในมือของชายคนนั้น

       "  คุณ....คริส ? " เอ่ยปากทัก ทำให้ใบหน้าของชายคนนั้นหันมามอง นัยน์ตาเหมือนลูกปัดนั้นฉายแววสงสัยเพียงชั่วครู่ก่อนจะยิ้มให้เขาบางๆ....บ้าชะมัด...คาวัลโลนึกบ่นในใจ เขาแพ้รอยยิ้มแบบหมอนี่...

        "ครับ...คุณ...คาวัลโลใช่ไหม? สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว " ชายคนนั้นหันมามองหน้า เอ่ยปากทายทัก

        " คุณมาทำอะไรที่นี่? " คาวัลโลออกปากถาม เพราะระเบียงชั้นสองนี่ไม่ห่างจากห้องทำงานของอัลชาอ์มากนัก แม้จะมีคนเฝ้าอยู่และที่ตรงนี้จะมองเห็นวิวสวยๆชัดเจนก็เถอะ...แต่ก็ไม่น่าจะมาเพ่นพ่าน

        " อ้อ.....ผมเพิ่งไปคุยกับท่านชีคมา เรื่องแก้แปลนแบบนิดหน่อย เดินผ่านตรงนี้เห็นมัสยิดตรงนั้นสวยมาก...เลยกะจะเอามาเป็นแบบเสียหน่อย " ดินสอในมือของชายคนนั้นชี้ไปยังมัสยิดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ในเวลาค่ำคืนนั้นยังเป็นจุดเด่นด้วยแสงไฟที่สาดส่องด้วยถุกติดตรงปลายยอดแหลม

          " ส่วนหลังคาของผมมันดูเป็นเอกภาพมากไป ต้องเพิ่มความนุ่มนวลเบรกความเเข็ง อีกอย่างวัสดุและสีสันของ $^#E*%$E%*T{**#$ .." แค่ออกปากถาม หมอนี่ก็พล่ามมาเป็นคุ้งเป็นแคว แถมด้วยศัพท์แสงเฉพาะทางชวนให้ปวดหัวไปใหญ่ แต่ด้วยมารยาทจึงจำต้องยืนฟังทั้งที่ไม่รู้เรื่องและอยากไปไกลๆแค่ไหน  อีกอย่าง ดูสีหน้ามีความสุขนักหนาเวลาพูดถึงงานของตัวเองแล้วจะทำเดินหนีก็ทำไม่ลง..

          " อ้อ...นี่คุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วล่ะ ? " ผ่านห้านาทีแห่งความมึนงงและไม่เข้าใจ ที่สุดเหมือนว่าชายชื่อคริสคนนี้จะนึกพูดเรื่องอื่นได้เสียที ร่างเพรียวในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวและกางเกงแสลคสีดำเรียบๆลุกจากเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวแล้วเอนกายพิงระเบียง นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยความสนใจแล้วฉีกยิ้มกว้าง....อีกรอบ

          " ก็ไม่นานหรอกครับ " ชิ ...บ้าเอ๊ย...หมอนี่มันไปฝึกยิ้มมาจากที่ไหน

           " เหรอครับ..จะขอให้พาเที่ยวเมืองเสียหน่อย ที่นี่น่าสนใจดี " ดินสอในมือถูกสอดเก็บไว้ในกางเกง ขณะที่กระดาษถูกม้วนเก็บ ท่าทางของคนพูดสบายๆขณะที่กวาดตามองทิวทัศน์โดยรอบ

          " อืม...เหมือนอีกโลกนึงเลยใช่มั้ยล่ะ ...ไม่ค่อยมี...เอ.... คุณเป็นคนประเทศไหนเหรอ?จีนรึเปล่า? " จะพูดว่าไม่ค่อยมีที่ไหนสงบและไร้ความวุ่นวายอย่างที่นี่เสียเท่าไหร่ แต่ก็นึกได้ว่าชายคนนี้เป็นคนเอเชีย ไอ้ตาเล็กๆกับสีผิวและสีผมแบบนั้น จะเคยเห็นก็แค่คนจีนที่อยู่ในไชน่าทาวน์ของอิตาลี และตามที่เขารู้ คนเอเชียยังไปไหนมาไหนด้วยช้างด้วยม้ากันอยู่นี่...เอ๊ะ...หรือไม่ใช่?

          " มีแต่คนพูดแบบนั้นนะ.."คริสว่าด้วยสีหน้าเหนื่อยหย่าย " ผมไม่ใช่คนจีน ถึงจะมีเชื้อสายจีนก็เถอะ ผมมาจาก...อืม...ไทยแลนด์ รู้จักไหม?" คริสเอ่ยปาก พลางยิ้มร่าอีกครั้ง...

           " เอ๋ ไต้หวัน?(Taiwan) " คาวัลโลเอ่ยถึงอีกประเทศที่เขาก็เคยได้ติดต่อกับพรรคพวกในประเทศนี้อยู่บ้าง

           " ไม่ช่ายยยยยยย "สีหน้าจากที่เคยยิ้มร่าเปลี่ยนเป็นเหยเกอย่างรวดเร็ว " ไม่ใช่ Tai-wan แต่เป็น Thai Land ..T-h-a-i.. ! " เหมือนคนพูดจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ถูกเข้าใจผิด แต่คาวัลโลก็ไม่ว่าหรอก เพราะคงไม่มีใครชอบ อย่างถ้ามีคนเข้าใจว่าอิตาลีเป็นสวีเดนเขาก็คงโมโหเหมือนกัน

           "....เอ้อ....งั้นเหรอครับ...." ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ แม้จะไม่รู้จักไอ้ประเทศนี้เลยก็เถอะ แหม ในโลกนี้มีเป็นร้อยห้าหกสิบกว่าประเทศ รุ้จักได้ห้าหกสิบประเทศก็ดีถมเถ แถมประเทศแถบเอเชียน่ะเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ วัฒนธรรม อาหารการกินน่าสนใจอยู่  แต่หน้าตาคนแถวนั้น เหมือนกันไปซะหมด
...และเอาจริงๆ แถวนั้นเขารู้จักแค่จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง กับไต้หวันเท่านั้นล่ะ

 ไอ้ประเทศ Taiwan เอ๊ย Thailand นี่....มันอยู่ที่ไหนว่ะ !

             " อืม...." คนพูดบุ่ยปากนิดๆท่าทางจะรู้ทันเขาอยู่ไม่น้อยว่าไม่รู้จักบ้านเกิดตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยักไหล่ ด้วยท่าทางไม่แยแส  " ช่างเถอะครับ ก็เรื่องปกติล่ะนะ ประเทศผมไม่ค่อยมีคนรู้จัก ถึงรู้จักก็จะมีพวกบ้าคิดว่าตอนนี้เรายังไม่มีไฟฟ้ากับประปาใช้ และอยู่ในถ้ำแถมยังขี่ช้างไปไหนต่อไหน....งี่เง่าจริงๆ ไม่คิดเสียบ้างว่านี่มันยุคไหน "

          " ฮ่าๆ   " ได้แต่หัวเราะรับ เพราะคาวัลโลกำลังจะอ้าปากถามอยู่พอดี ว่าแถวบ้านมีไฟใช้รึเปล่า..อะไรแบบนั้น

           "...จริงสิ....คุณคงมีเรื่องถามผม..." รอยยิ้มของคนพูดลดองศาลงและจ้องมองดวงตาของตนตรงๆ นั่นทำให้คาวัลโลหัวเราะรับบ้าง เมื่อถูกรู้ทัน

..ว่าแล้วเชียวว่าหมอนี่เป็นประเภทไม่ธรรมดาจริงๆเสียด้วย

           " อืม....แล้วคำตอบล่ะครับ " คาวัลโลจ้องตอบ มองใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นเฉยเมย ต่างกับรอยยิ้มกว้างเมื่อครู่ราวกับคนละคนแล้วอดจะขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้

          " เรื่องมันนานมาแล้ว...ขออนุญาติไม่เล่า แต่ผมจะไม่ให้มีผลกระทบกับงาน..." น้ำเสียงเรียบเรื่อยออกมาจากริมฝีปากสีจาง "ผมก็ไม่คิดหรอกนะ ว่าจะได้มาเจอกันอีก...บางครั้งโชคชะตานี่มัน....ช่างร้ายกาจ..."

ว่าแล้วคริสก็หัวเราะเบาๆ...นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด...เสหลบนัยน์ตาสีน้ำทะเลไปยังฟากฟ้าสีหม่นแเทน

           " แต่ช่างเถอะครับ...ผมจบแล้ว ใครจะทำบ้าอะไรอีกก็เชิญ ไม่ขอยุ่งด้วย....." นัยน์ตาคู่นั้นหรี่ลงเล้กน้อย ก่อนจะตวัดมองไปยังด้านหลัง ประกายความเย็นชาที่วาบขึ้นเป็นผลให้ใบหน้าออกวานนั้นเคร่งขรึม "....ชัดเจนนะครับ...รับรู้เอาไว้ซะ.. "

     คาวัลโลเลิกคิ้วมองร่างของรามิล และ ราเซย์ เซฮามัคที่ปรากฏตัวอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันไปมองนัยน์ตาสีดำสนิทที่เย็นยะเยียบ...กร้าวเเข็ง

...ไม่ต่างกับแววตาของสองพี่น้องเซฮามัคสักเท่าไหร่นัก

             " หืม......ยังไงก็เคยรู้จักกัน.. " คาวัลโลเลิกคิ้ว สบมองนัยน์ตาคู่นั้น อย่างยั่วล้ออยู่ในที ชักจะสนุก...กับการยั่วโมโหชายตรงหน้าและสองพี่น้องเซฮามัคขึ้นมาเสียแล้ว

              "...อย่าดีกว่าครับ....แล้วคุณ...อย่ามายิ้มหวานใส่กันเสียให้ยาก..ผมไม่อยากถูกจับขังคุกหรอกนะ.. " วาจานั้นทำให้คนฟังชะงัก มองรอยยิ้มแสนจะ"รุ้ทัน"ของหนุ่มเอเชียตรงหน้าแล้วนึกบ่นในใจที่ตัวเองแสดงออกมากไปหน่อย ก่อนที่คาวัลโลจะชะงักกับร่างของท่านชีคแห่งเซเนียยาที่ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ และกำลังจ้องมองเขาด้วยแววตา...เอ่อ   กรุ่นๆ

              " เฮ้อ.......ไปก่อนนะคุณคาวัลโล อยากไปพักเสียที ....ยินดีที่ได้คุยกันนะครับ...ท่านชีคด้วย ไว้พรุ่งนั้จะเอาแบบมาเสนอครับผม.. " เมื่อหันกลับมามองหน้าเขา ใบหน้าคมนั้นก็ยิ้มสดใสให้ ...และยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนได้รับแสบตาเช่นเดิม เจ้าตัวออกปากบอกลากับเขา แล้วหันไปโค้งตัวให้อัลชาอ์ที่เดินมาใกล้ ประสานมือเข้าที่ศรีษะแล้วผิวปากเป็นทำนองเพลงอันไม่คุ้นหู ก้าวเท้าเดินเตร่ไปยังห้องพักของตัวเองด้วยท่าทีเริงรื่น ราวกับบรรยากาศเครียดขึงเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก..

และแน่นอน....เมินเฉยสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนอยู่หลังอัลชาอ์ประหนึ่งธาตุอากาศโดยสิ้นเชิง

               "  ............" ฝ่ามือหนาวางหมับเข้าที่ไหล่ ทำให้มาเฟียหนุ่มยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อน แต่แววขุ่นในดวงตาของอัลชาอ์ก็ยังไม่หายไป..อดจะถอนหายใจกับความขี้หึงขี้หวงของอัลชาอ์ไม่ได้ แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือสองพี่น้องเซฮามัคที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมากกว่า

              "... ยังข้องใจอยู่งั้นเหรอครับ? " เลิกคิ้วถามราเซย์ที่ยังคงนิ่ง ชายหนุ่มหันมามองหน้าเขา แล้วถอนหายใจเฮือก

               " หมอนั่นมันอันตราย อย่าไปสนิทกันให้มาก "

               " เห...? คุณคิดว่าเตือนใครอยู่? "คาวัลโลเลิกคิ้ว ดูจากลักษณะท่าทาง อย่างมากคริสก็ทำได้แค่ชกต่อย ไม่มีอะไรมากกว่านั้นและกับเขาที่เป็นมาเฟียจะกลัวอะไรกันเล่า  " และที่สำคัญ...สงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ "

               "...คาล มาคุยกับผมดีกว่ามา "อัลชาอ์ถอนใจแล้วเอื้อมมือมากุมมือของเขาไว้ ทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วด้วยความงวยงงกึ่งสงสัย

               " เรื่องสำคัญครับ.." รอยยิ้มของชีคหนุ่มแฝงแววหนักใจไม่น้อย ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว คาวัลโลพยักหน้ารับในที่สุด และปล่อยให้สองพี่น้องเซฮามัคยืนทำหน้าเครียดอยู่แถวๆระเบียงนั้นอย่างไม่คิดจะสนใจอีก..

...คนเขาไม่คิดจะเล่นด้วยแล้ว จะทำตัวไร้สมอง ตามทะเลาะกันอีกก็ตามใจ !

.................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

      ริมฝีปากแดงจัดและเปียกชื้นเห่อร้อนด้วยจูบแสนดุเดือดที่เพิ่งผ่านพ้น เสียงหอบหายใจเบาๆดังขึ้นภายในห้องนอนขนาดใหญ่ของชีคแห่งเซเนียยา ร่างของมาเฟียหนุ่มนอนแผ่อยู่บนเตียงหนา แขนข้างหนึ่งตวัดกอดลำคอหนาของชีคหนุ่มไว้แล้วยิ้มยียวนให้กับแววตาที่ยังคงแสดงความไม่พอใจ คาวัลโลหัวเราะเบาๆในลำคอ ท่อนขาที่ตวัดรัดบั้นเอวหนาละออกแล้วใช้ปลายเท้าทาบบนขาของอัลชาอ์ ออกแรงผลักไม่มากนัก ร่างกำยำของชีคหนุ่มก็เป็นฝ่ายนอนแผ่หราบนเตียง โดยมีตัวเขาปีนขึ้นมาทาบทับบนกายอย่างรวดเร็ว..

        " ...ขี้หึง...." คาวัลโลลากปลายนิ้วไล้เล่นแผ่นอกหนาภายใต้โธปสีขาวอย่าวยั่วเย้า นัยน์ตาพราวระยับขบขัน

        "..... "ท่านชีคแห่งเซเนียยาไม่พุดอะไร หากแต่เบือนหน้าหนีด้วยแววตาขุ่นๆ ชวนให้ความหงุดหงิดแล่นวูบ

        " นี่...อย่ามางี่เง่านะอัลชาอ์ " ตวัดฝ่ามือใส่แผ่นอกของชีคหนุ่มทีหนึ่งให้พอแสบๆคันๆ อย่างหมั่นไส้ คนบ้าอะไรหึงไม่รู้จักกาละเทศะ แค่ไปคุยกับคนอื่นยังมาหน้าบึ้งไม่พอใจ แล้วมาว่าเขาขี้หึง ชะ มิสเตอร์อัลชาอ์ มองตัวเองเสียหน่อยปะไร

         " ...ไม่ใช่....เขาคนนั้นไม่น่าไว้ใจ " อัลชาอ์กำรวบฝ่ามือเจ้าเหมียวจอมอาละวาดไว้ นัยน์ตาสีเข้มสบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างเคร่งขรึม สบมองให้รู้ว่าเขาพูดจริง..

         " อีกแล้ว...คุณห่วงอะไรนักล่ะ...หมอนั่นก็แค่คนธรรมดา " คาวัลโลถอนหายใจกับคำพูดที่ได้ยินมาเป็นรอบที่สองของวัน ถึงอันตรายจากผู้ชายที่นอกจากจะมีดีแต่คำพูดกับท่าทางแล้วไม่เห็นจะพิเศษอะไรตรงไหน

         "...ไม่ใช่แค่นั้นสิ คาวัลโล "อัลชาอ์ถอนหายใจพรู ก่อนจะยันกายขึ้นมาเอนตัวพิงพนักหัวเตียง โดยมีเจ้าเหมียวตัวแสบนั่งบนบั้นเอวไม่ยอมลุกไปไหน

         " คร้าบๆ เขามีอะไร เป็นนักฆ่าเหรอ? มือปืน ? เป็นCAI  FBI  อินเตอร์โปล รึว่าเจมส์ บอ...." กำลังอ้าปากสาธยายรายชื่อบรรดาองค์กรที่ใครเขาว่ากันว่าน่าเกรงขามอย่างเพลินปาก อัลชาอ์ก็ยกมือตะครุบปากของเขาไว้ ทำเสียงชี่แล้วจ้องตาเขม็ง...

          ก็ได้ๆ...คราวนี้ยอมเงียบ คาวัลโลยกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่อย่างบอกว่ายอมแพ้ เปิดโอกาศให้ท่านชีคแห่งเซเนียยาคว้าเอวเขาไว้แล้วเหวี่ยงให้นอนเเอ้งแม้งบนเตียงอีกตุ๊บ....

          " สักรอบก่อนมั๊ยครับ หา? แล้วค่อยคุยกัน " คาวัลโลกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย กับบทสนทนาที่ไม่ถึงไหนเสียทีด้วยมัวแต่ลากกันไปคว้ากันมาแบบนี้ บางทีถ้าลองออกกำลังกายด้วยกันสักยก อาจจะคุยกันรู้เรื่องก็ได้ เพราะไหนๆก็มานอนกลิ้งคุยกันบนเตียงแล้วทั้งที

           "...หึ....ก็อยากอยู่หรอก แต่เดี๋ยวก่อนก็ได้ "คำพูดนั้นทำให้คนฟังแยกเขี้ยวรับ อัลชาอ์เอื้อมมือไปคว้าเอวเจ้าคนพูดแล้วส่งจูบเบาๆไปที่ริมฝีปากแดงจัด
 
           " ตอนนี้....ฟาติมะห์หายตัวไป " หือ? ข่าวที่นอกจากคาดไม่ถึงแล้วยังทำให้คิดว่าเกี่ยวอะไรกับเรื่องคนน่าสงสัยด้วยโผล่ขึ้นมาจากปากอัลชาอ์ ทำให้หัวคิ้วคนฟังขมวดมุ่น คาวัลโลจ้องหน้าคนพูด ก่อนจะพยักหน้ารับ

            " ครับ...แล้วเขาหายไปไหน? " ถึงจะรำคาญและไม่อยากจะสนใจ ทว่า...ยังไงฟาติมะห์ก็เป็นญาติของอัลชาอ์... เป็นแฟนสาว(มั้ง)ของอัลชาอ์ และเป็นคนที่เคยพยายามฆ่าเขาด้วย...อืม พอคิดมาถึงตรงนี้ จะหายๆไปก็ดีแล้วนี่.. เพราะถึงแม่คุณจะไม่หายไป ถ้ามาแถวนี้ คาวัลโลก็จะหาทาง"เชือด"ให้หมดเสี้ยนหนามไปเองนั่นล่ะ

           อะไรนะ ว่าเขาโหดเหรอ ขอโทษนะครับ บอกแล้วว่านิสัยน่ารักแสนดี = อัลชาอ์เท่านั้น ส่วนคนอื่นเหมือนเดิม และอาจร้ายกว่าเดิมสำหรับพวก ก้างขวางคอ อย่างเช่น คู่หมั้น แฟนเก่า หรือสาวๆหนุ่มๆหน้าไหน

             "...ทำหน้าแบบนั้น ดีใจอยู่รึไง? "ถึงจะเครียดไม่น้อยแต่อัลชาอ์ก็อดจะขำกับสีหน้าสะอกสะใจของมาเฟียหนุ่มไม่ได้ " แล้วรู้ไหม ก่อนที่เขาจะหายตัวไป มีอะไรเกิดขึ้น "

             " ..........." คาวัลโลเอียงคอมองคนพูดอย่างงวยงงไม่น้อย สมองก็ไพล่คิดสะระตะถึงเหตุการณ์ที่จะทำให้คนๆนึงอยากหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย.. ประเภทว่าบ้านโดนเผา ทรัพย์สมบัติโดนยึด  โดนลากไปรุมโทรม หรือแฟนหนุ่มพาผู้ชายเข้าบ้าน...เอ๊ะ...?

              "....ใช่.....ข่าวลือเรื่องผมกับคุณ "  อัลชาอ์พยักหน้ารับ เอ่ยปากกับมาเฟียหนุ่มด้วยสีหน้าขรึม  " ผมได้รับรายงาน...ว่าตอนนี้ข่าวเรื่องผมกับคุณแพร่กระจายไปทั่ว...และมันยิ่งโหมทวีขึ้นเมื่อฟาติมะห์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บ้างก็ว่าผมสั่งกำจัดเธอ บ้างก็ว่าเธออับอายที่คนรักกลายเป็นแบบนี้ถึงได้หนีไป บ้างก็ว่าเธอเสียใจจนฆ่าตัวตาย....สารพัด "

               ".........." คาวัลโลขมวดคิ้วแล้วหันไปจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างเคร่งเครียดไม่น้อย ยิ่งสบมองเห็นรอยกังวลในใบหน้านั้นแล้วยิ่งชวนให้ใจหาย รู้ชัดว่าสาเหตุของรอยขุ่นในดวงตาของอัลชาอ์ไม่ใช่เพียงเพราะความหึงหวงที่เขากล่าวหาว่าไร้สาระ แต่เป็นเพราะความไม่สบายใจในเรื่องนี้ต่างหาก

             ".. ผมกำลังตามหาเธอออยู่ ว่าหายตัวไปที่ไหน แต่ตอนนี้คงต้องบอกได้ว่าแผนการณ์ของ"พวกมัน"กำลังไปได้สวย " ฝ่ามือหนาไล้เส้นผมนุ่มเบาๆอย่างรักใคร่ นัยน์ตาของคนพูดฉายแววเครียดเคร่งไม่น้อย นั่นทำให้คาวัลโลเม้มปากแน่น..

ใช่ แผนการณ์ หากจะกล่าวว่านี่ถือ "แผน"ที่จะค่อยๆหั่นขาเก้าอี้บัลลังค์ของอัลชาอ์

...ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะผู้ปกครอง ด้วยการกุข่าว...ไม่สิ ด้วยการเผยเรื่องของเขากับอัลชาอ์ ที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสแก้ตัวว่ามันไม่จริงเสียแล้ว

เขาเคยพูดไว้ในยามที่พบกับอัลาอ์ครั้งแรก ถึงแผนการณ์ แผนที่จะทำลายพวกเขาทั้งคู่ 

    เมื่อแผนหลอกให้เขาและอัลชาอ์ทำร้ายกันไม่เป็นผล เมื่อผลปรากฏว่าอัลชาอ์กับเขาหันกลับมาร่วมมือกัน พวกมันก็เปลี่ยนแผนการณ์ ใช้เรื่องความสัมพันธ์นี้มาสร้างกระแสต่อต้าน..

    กับประเทศมุสลิมที่ขนบธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดและมีมายาวนาน การแหวกกฏเกณฑ์และประเพณีของอัลชาอ์ ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย
และยิ่งเมื่อฟาติมะห์หายตัวไปด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการโหมข่าวให้กระพือ

             " มีคนจับเธอไปเหรอ? "ถึงไม่ชอบหน้าฟาติมะห์เท่าไหร่(แน่นอนจะใครชอบคนที่วางแผนฆ่า เขาไม่ใช่คนบ้านี่จะได้ไม่รู้สึกรู้สา) ทว่าตอนนี้ การมีเธออยู่ ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับอัลชาอ์

             " ผมกำลังสืบข่าวอยู่...และ...." อัลชาอ์ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหน่ายเหนื่อย "ตอนนี้มีข่าวที่แย่กว่านั้นมาบอกคุณ...คาวัลโลที่รัก เพราะตอนนี้ กำลังมีสายลับและพวกต่างชาติเข้ามาแทรกซึม ก่อความปั่นป่วนที่นี่.."

             "....พวกเรกาโซ่หรือ? "คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์ เอ่ยถามเพราะหากเอ่ยถึงกองกำลังพวกต่างชาติแล้ว การที่จะมีคนเข้าตามตัวฟิลิเป้และราฟาเอลโร่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย..

และ..หากมีการปลุกปั่นมวลชนขึ้นมาจริงๆ อาจจะเกิดการประท้วงขึ้นมาก็ได้

มันประจวบเหมาะกันกับ....

              " หรือว่า...พวกนั้น....." คาวัลโลจ้องหน้าอัลชาอ์อย่างตกตะลึงไม่น้อย เขาเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าให้...

พวกเรกาโซ่...ร่วมมือกับคนที่นี่ คนที่ต้องการบัลลังค์ของอัลชาอ์นักหนา

...อธิบายได้ถึงกลุ่มมาเฟียที่เข้าร่วมมือกับคนของฝ่ายนั้น ตามข่าวที่เขาทราบจากปากนักโทษที่เคยเจอ การข้ามผ่านพรมแดนอย่างง่ายดายของพวกราฟาเอลโร่และฟิลิเป้..และ...รวมถึงข่าวลือที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมา..

 ถ้าเป็นผลงานของพวกเรกาโซ่...สาเหตุทุกอย่างที่ประกอบรวมกันขึ้นมา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด..

              "....." คาวัลโลจ้องมองใบหน้าเคร่งขรึมของอัลชาอ์อย่างห่วงใย มองเห็นสีหน้าเครียดเคร่งของอีกฝ่ายแล้วนึกอาดูรยิ่งนัก...สมองไพล่ไปคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้า..ถ้า...ถ้าเขายังเป็นบอสของวาลกัส ถ้าเขายังมีอำนาจ ถ้าเขาไม่ทิ้งมัน ถ้าเขาไม่ถูกมันทิ้ง...เขา ...อาจจะช่วยอะไรอัลชาอ์ได้บ้างแท้ๆ...

แล้วที่อัลชาอ์เจอข่าวแบบนี้ จะปฏิเสธได้เหรอว่าไม่เป็นเพราะเขา...

            "...อย่าเครียดเลย...ผมเตรียมหาทางป้องกันไว้แล้ว "ฝ่ามือหนาลูบไล้เส้นผมสีอ่อนเบาๆ อย่างรักใคร่ อัลชาอ์ยิ้มบางๆให้กับนัยน์ตาที่ฉายแววกังวลของมาเฟียหนุ่ม..." ไม่เป็นไร...นะ "

           "...แต่........."

           " ผมแค่อยากบอกคุณเท่านั้น ว่าให้ระวังตัว..." อัลชาอ์รั้งร่างของคนรักมาแนบกาย ประทับริมฝีปากบนหน้าผากบางเบาๆ อย่างรักใคร่ " อีกอย่าง...ผมมีที่ปรึกษาคนเก่งอยู่กับตัวแล้ว จะกลัวอะไรล่ะ จริงไหม? "

คำกล่าวนั้นทำให้คาวัลโลชะงัก แววตาของมาเฟียหนุ่มที่หันไปมองอัลชาอ์ฉายแววลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มกว้างออกมาอย่างรวดเร็ว...

            ".....แน่นอนอยุ่แล้ว!!."  รอยยิ้มกว้างและคำพูดแสนจะมั่นอกมั่นใจของคนรัก ทำให้อัลชาอ์ยิ้มกวางออกมาอย่างยินดี ชีคหนุ่มสบมองสีสันของน้ำทะเลในดวงตาคู่สวยของคนรักอย่างรักใคร่ ก่อนจะร้องเหวอในลำคอเบาๆเมื่อเจ้าเหมี่ยวน้อยออกแรงผลักร่างของตนให้หงายผึงลงกับเตียงนุ่มอีกครา..

          แววตาวาววับแสนจะไม่น่าไว้วางใจ ทว่าน้อยกว่าสีหน้าหมายมาดและรอยยิ้มในริมฝีปากสวยนั้น ชีคหนุ่มจ้องมองร่างของคนรักที่ปีนขึ้นมาอยู่บนร่าง ปลายนิ้วลากไล้แผ่นอกและหน้าท้อง ก่อนจะไปหยุดที่ส่วนกลางร่างกายอย่างแม่นยำ...

       สีหน้าซุกซนและนัยน์ตาวาววับนั้นชวนให้เลือดในกายเต้นเร่า โดยเฉพาะเมื่อฝ่ามือขาวตะปบเข้าที่ส่วนกลางของร่างกาย ลูบไล้มันเพียงไม่นานส่วนนั้นก็เริ่มเเข็งขึงดันผ่านเนื้อผ้าเป็นรูปร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วและชัดเจน..

         "...งั้นตอนนี้ มาคลายเครียดกันหน่อยมั้ยครับ? " คำเชื้อเชิญนั้นเรียกรอยยิ้มหมายมาดบนใบหน้าของชีคหนุ่ม และปลายลิ้นเรียวที่เลียไล้ริมฝีปากของเจ้าเหมียวน้อยยามจ้องมองส่วนกลางของร่างกายตนอย่างยั่วเย้า ชวนให้ยิ้มออกมาด้วยความคาดหวัง

           "...วันนี้ผมขอบริการเองนะครับ...เหมียว ~ "  เจ้าแมวยั่วสวาทหรี่ตาลงน้อยๆอย่างยั่วเย้า นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่มองสบตาช่างเย้ายวนน่าหลงไหล  ปลุกเร้าอารมณ์ให้คุโชนอย่างง่ายดายนัก ชีคหนุ่มสอดมือทั้งสองข้างของตนไปยังต้นคอ เอนกายปล่อยให้เจ้าเหมียวน้อยเริ่มการ"บริการ"แบบที่เจ้าตัวว่า ด้วยรอยยิ้มท้าทายหากแฝงแววเย้าหยอกไม่ต่างกัน..

          แว่วเสียงหัวเราะในลำคอของเจ้าเหมียวตัวแสบ ประกายวาบวับในดวงตาบ่งชัดถึงความมุ่งมาดและกระตือรือล้นอย่างน่าให้รางวัลของเจ้าตัว ชีคหนุ่มขยิบตาเรียกเจ้าเหมียวน้อยให้โน้มกายมาหา และร่างเพรียวก็โน้มกายเข้าหาตนอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วเรียวไล้เล่นริมฝีปากสีจัดก่อนจะสอดไล้เข้าไปในโพรงปาก ปล่อยให้ปลายฟันขาวขนเล่นไล้กับปลายนิ้วของเขา อีกทั้งยังคว้านควักไล้เล่นกับปลายลิ้นเปียกชื้นอย่างอารมณ์ดี...

        น้ำลายใสไหลเปรอะปลายนิ้วและคาง ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจนัก คาวัลโลคว้าปลายนิ้วเรียวยาวของชีคหนุ่มที่คว้านควักเล่นกับปลายลิ้นตนไว้ด้วยฝ่ามือทิ้งสองช้าง ก่อนที่ปลายลิ้นจะเลียไล้มันเล่นนับแต่ปลายนิ้วจรดโคน นัยน์ตาสีน้ำทะเลสบมองดวงตาสีนิลแฝงนัยยะยั่วเย้าจนเลือดในกายเดือดเร่า ก่อนที่เจ้าตัวจะละจากปลายนิ้วนั้นและดึงมันไปยังด้านหลังของตนเองอย่างเคยคุ้น..

       แม้จะสวมเสื้อผ้าครบชัด หากทว่าความเย้ายวนที่ได้มากลับไม่ต่างกับยามเจ้าตัวเปลือยเปล่าให้เห็นสักนิด ชีคหนุ่มยกรอยยิ้มหมายมาด ปลายนิ้วเปียกชื้นและฝ่ามือทั้งสองข้างคว้าหมับเข้าที่เอวบาง และรั้งร่างของเจ้าแมวจอมยั่วมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างง่ายดาย

         " ยั่วกันขนาดนี้...ไม่ต้องบริการผมก็"จัดการ"ให้เต็มที่แน่นอน...คาวัลโลที่รัก..."

             ว่าแล้วร่างของชีคหนุ่มก็กระโจนเข้าหาเจ้าเหมียวจอมยั่ว เพียงไม่นานเสียงครางปนเสียงหอบเร่าด้วยความใคร่ปะปนอยู่ในอากาศ ฝ่ามือลูบไล้เรือนกายและผิวเนื้อขยับเสียดสีกันอย่างเร่าร้อน ต่างฝ่ายต่างถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายแล้วป่ายไปให้พ้นตัวอย่างเชี่ยวชาญ นัยน์ตาสองคู่สบกันอย่างคนที่รู้เท่าทันในความปราถนาของอีกฝ่าย  ปลายนิ้วและเรือนร่างสอดประสานอย่างไร้ถ้อยคำใด..

...และเหมือนว่าต่างฝ่ายจะลืมไปแล้วเสียด้วย...สำหรับเรื่องที่จะคุยกันว่าชายหนุ่มผู้มีนามว่า"คริส"นั้นมีอันตรายเช่นไร

...............

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
  แปลศัพท์เล็กน้อยกันงง
    ยูโก สลาฟ -   เป็นชื่อเรียกเชื้อสายของชาวรัสเซีย ยูเครน เบลารุส ออสเตรีย โปแลนด์ เชค สโลวัค  ฯลฯ ง่ายๆคือเชื้อพันธ์ของคนในแถบยุโรปกลุ่มโซเวียตเดิมและกลุ่มรัฐบอลติก
  สเปนิช - คือสำเนียง สเปน+อิงลิช
   อินเตอร์โปล (International Criminal Police Organization; ย่อ: ICPO ) -  องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ
    ขอแก้ข่าวก่อนว่าอิมเมจชีคไม่ใช่โรเวนนะคะ อิชั้นสับสนค่ะคำพูดนั้นมันคือคำพูดของโรเวน แต่เขากล่าวถึงคิงของเวนอลคนเก่า อนึ่ง...ขอบอกว่าปุ้ยไม่ชอบโรเวนนะคะ(555+) -*- หมอนี่ดูเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกอ่ะ ก็เข้าใจว่าทำเพื่อบ้านเมือง แต่มันก็...โอ้ยยย รักไม่ลงจริงๆคนแบบนี้
 และคุณกริช....คุณกริชที่รักของปุ้ย ฮี่ๆ...ออกมาแล้ววววคุณกริชในสายตาของพวกโรเบิร์ตนี่เป็นตัวร้ายเลยนะคะเอาจริงๆว่าฮีแบดได้จายยยย (555+) ....แทบไม่ต้องเดาแล้วมั้งว่าหมอนี่เอ๊ย คุณคนนี้เป็นใคร..(ปุ้ยไม่กล้าเรียกชื่อ เค้ากลัวววว) ท่านชีคไม่อยากให้คุณกริชได้คุยกับคาวี่ โถ่...ลางสังหรณ์ของท่านถูกต้องนะคะ เพียงแต่ว่า....มันเป็นไปไม่ได้แล้วอ่ะตัว
   คนต่างชาติเขาชอบเข้าใจว่า Thailand กับ Taiwan คือประเทศเดียวกันเยอะมาก ตลอดอ่ะเน๊อะ แถมบางคนยังเข้าใจว่าคนไทยขี่ช้างขี่ม้าไปไหนอยู่เลย  ตอนนี้เขียนให้คาวี่แพ้รอยยิ้มคุณกริช ฮ่าๆ  อยากเขียนมานานแล้วคะคนที่ยิ้มทีแล้วคนมองตายนี่...ประเภทที่หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ยิ้มได้น่ามองมาก และที่สำคัญ ยิ้มจริงใจแบบไหนจะเท่ายิ้ม ของคนไทย เน๊อะ ~
   และอเล็กเซย์มายเลิฟ // :z6:หลบลูกตีนอเล็กซิส  คุณลูกน่ารักมากคะ 555+ คืออเล็กเซย์อาจจะไม่ใช่คนเก่งเทพ ดูนุ่มนิ่มเหมือนไร้กำลัง เหมือนเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด แต่ว่า เอาเข้าจริงแล้วเอเล็กเซย์ก็แกร่งเหมือนกันนะคะ คิดใช้สมองมากกว่าใช้กำลังอเล็กเซย์ไม่ใช่ประเภทที่ตกอยู่ในอันตรายแล้วรอพระเอกมาช่วย แต่เป็นพวกที่ถึงตัวเองจะอยู่ในอันตรายก็จะช่วยตัวเองและห่วงคนอื่นอยู่เสมอ เพราะแบบนี้ อเล็กเซย์เลยเป็นที่รักของทุกคน (ไม่เหมือนคาวี่ดีบ้างร้ายบ้างจนหลายคนปวดหัว //555+)
    และคาวี่หื่น ตลอดอ่ะเธอนะ :laugh:  น้องเหมียวจอมยั่ว เขียนเองกำเดาจะไหลเอง(สารภาพว่าตอนมัน"เหมียว"นี่คนเขียนแทบจะกุมจมูก) คาวี่เอ๊ย...เอ็งนี่มัน.....ปากบอกไม่เอาแล้วเจ็บไปทั้งตัวแต่การกระทำโคตรจะสวนทาง เดี๋ยวโดนจัดหนักแน่ๆ  :jul3:
และสุดท้าย ตอนนี้เริ่มมีเค้าลางของความวุ่นวายออกมาลางๆ(มีตลอดแหละ //อ่าวเหรอ?)  โปรดระวังตัวหลอกและหน้าฉากของคนบางคนที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ปล ช่วงนี้ปุ้ยเสพติดพ่อบ้านมิวสิคัล (kuroshisuji II musical) หายไปนานพอควรเพราะวันๆนั่งเวิ่นเว้นคุณวิล(+เกรลที่รักไว้ณที่นี่ด้วย)และองค์กรยมทูต  หนุ่มแว่นหล่อโฮกมากเลยเคอะ :haun4: (เกรลไม่รับแอดเฟสอิชั้นเสียที เซ็งอ่ะ ทีคุณวิลในอนิเมออกจะขรึม ยังรับแอดเค้าเลย  ชะ )
ปล.2 แบดกายต่อวันนี้ดึกๆจ๊ะ


และสุดท้าย แปะรูปสองพี่น้องตระกูลวาลกัส อเล็กเซย์และคาวัลโลในชุดออกแนววินเทจนิดนึง วางไว้ว่าทั้งสองคนตอนอายุ15 ดูเด็กนิดนึง พอน่ารัก

    

คาวี่ :impress2: ชอบคาวี่ชุดนี้คะ น่ารักกกก  อเล็กเซย์ก็ตอนนี้อายุ 15 นะ (ทำไมชุดคาวี่ดูแมนกว่าอ่ะเฮ้ย)เสียดายมากตอนวาดอเล็กเซย์จู่ๆคอมพ์เออเร่อ ไม่ได้เซพรูปไว้เป็นไฟล์ SAi เลยแก้ไม่ได้ กระดุมก็ไม้ได้ลงสี อร๊ากกกก
รูปอเล็กซิสกับท่านชีคก็ว่าจะวาด แต่หารูปหนุ่มใส่โธปหล่อๆไม่ได้อ่ะอยากวาดตัวเต็มแต่กลัวเครื่องแต่งกายผิดประเภท เหอๆ
รูปนี้เป็นอาคาร Museum of Islamic Art ที่การ์ต้าคะ เอามาเป็นแบบที่คุณกริชที่รัก :impress2: ออกแบบไว้

  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2011 10:12:56 โดย Serin »

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
 o13 ชอบ อ่า อิอิ ว่าแต่ สี่คนนั้นเขามีเรื่องไรกันหว่า :m28:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
อย่าน่ะ อย่าให้เซย์ตายน่ะ ไม่งั้นซิสจะอยู่ยังงั้นล่ะ

คริศอันตราย ยังงั้น เนี่ย

ชีทกับคาวี่ยังหวานช่ำ น่ารักกันอยู่เลย

เเมวเมียว ยั่วชีท

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
กรี้ด เพิ่งปั่นงานข้ามวันข้ามคืนเสร็จ กำลังจะไปงีบพอดีดั๊นนน มาเห็นคาวี่ซะก่อน
พระเจ้าช่วยจอร์จทอดกล้วย มีคนไทยด้วย แนวจิงๆเรื่องนี้  :a5:
อ่านตอนนี้แล้วเริ่มประทับใจอเล็กเซย์ขึ้นมาสองส่วน จากที่ไม่เคยชอบเลย
และรักคาวี่เวอร์ชั่นแมวยั่วสวาทมากขึ้นอีกเป็นกอง  :กอด1:

hahn

  • บุคคลทั่วไป
มีลับลมคมในมากขึ้นทุกทีทั้งฝั่งคาวี่และท่านชีค +1

wapview

  • บุคคลทั่วไป
เซอร์วิส อีกนิดก็ไม่เป็นไรน่ะ 55555+

ศริสนี้เค้าคือใครหว่า??ฃ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
แอบฮากร๊ากตอนที่คนเข้าใจผิดว่าไทยแลนด์ คือ ไต้หวันอ่ะ แล้วก็เรื่องที่ไทยยังขี้ช้างอ่ะ ...เพราะเป็นงี้จริงๆ ต้องอธิบายเค้าตั้งนานแน่ะ555

ปล.รู้สึกเหมือนเคยอ่านว่า ประเทศทางแถบนู้น ถ้ารู้ว่าใครรักร่วมเพศ จะโดนจับตัวมัดแล้วเอาหินปาให้ตายหรือไงเนี่ยล่ะ น่ากลัวจัง...

ลี้ภัยมาประเทศไทยมะ เสรีภาพสุดๆ^^

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อะไร ๆ มันดูจะตุงนังมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อยากจะเดาปวดหัว  
ชอบคาวี่จริง ๆ เลย  เครียด ๆ ขนาดนี้ยังหื่่นได้อีก

ออฟไลน์ ease supsnerv

  • Darker Than Ever
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-0
หวานกันเหลือเกินนะคู่นี้!

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
คาวี่กะท่านชีคนี่ก้อหวานตลอดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2:


สี่คนนี้เค้ามีปัญหาอะไรกันหว่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:

Sornpattra

  • บุคคลทั่วไป
ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จริงนั่นแหล่ะ
อิวี่ช่างน่ารักมากมาย อยากจะให้น่ารักอย่างนี้ไปนานๆ กลัวแต่ว่าเดี๋ยวมันต้องมีแผลงฤทธิ์ไรอีก
เป็นห่วงเซย์ จังเลย ไปพากลับมาจากเกาะเหอะ

และก็ แบ๊ดกาย เป็นห่วง นุงเนม มากๆกว่ากอีกสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2011 13:14:50 โดย Sornpattra »

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากอ่านความยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง ของ 4 คนนั้น รวมทั้งเรื่องชวนปวดหัวของการแย่งชิงอำนาจ
แต่มาขำก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกับตรงนี้ "...วันนี้ผมขอบริการเองนะครับ...เหมียว ~ "


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด คาวี่ น่ารักที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
โอย ...บทจะหวานเล่นเอาเลือดแทบหมดตัว
แต่คุณกริชนี่  ดูท่าจะ..แร๊ง  หึหึหึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
กรี๊ด.. คริสตี้ ขโมยซีนน

สองคนนี้จะออกแนวผนึกกำลังคู่ หรือ ไปๆมาแล้วเป็นเสือสองตัวในถ้ำเดียวกันหนอ?

saya

  • บุคคลทั่วไป
อยากบอกว่าเค้าเริ่มถูกชะตากับคุณคริสแล้วล่ะ (ร้ายๆอย่างงี้แหละเค้าชอบ)

ถ้าจำไม่ผิดคนนี้ใช่มั้ยที่มีโผล่ออกมาในตอนพิเศษ?

เห็นด้วยส่วนใหญ่คนต่างชาติมักเรียก Thailand เป็น Taiwan เราก็เคยโดน

พอบอกว่าไม่ใช่มันก็หัวเราะแล้วบอกว่ามันเหมือนกันแหละ

ตอนนี้คาวี่น้องยั่วมากอิจฉาท่านชีค  :-[

แต่ตอนหน้าถ้าน้องยั่วอีกก็ดีนะ o18  ส่วนเซย์เห็นนุ่มนิ่มยังงี้แต่สมกับเป็นตระกลูวากัสมาก

รอคอยตอนต่อไปจ้า คิดถึงคนแต่งนะจ๊ะ :กอด1:



ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
มีเบื้องลึกเบื้องหลัง อดีตซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรกันน๊อ อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
เลือดหมดตัวเพราะท่านชีคกับคาวี่เนี้ยแหละค่ะ....มันแลดูเรทมาก  อกอีแป้นจะตายเสียให้ได้
อยากรู้เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมาค่ะ  ลุ้นว่าจะมีอะไรออกมาให้ตกใจอีก

รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อค่ะ  รอพี่โตด้วยนะคะ 5555

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
อยู่ ๆ ก็มีตัวละครเพิ่ม...คริสเป็นใครอ่ะ หรือไรเตอร์แต่งอีกเรื่องแล้วให้คริสเป็นนายเอก(ท่าทางจะไม่ธรรมดาสุด ๆ เลย) :o8:
อยู่ ๆ ฟาติมะก็หายตัวไปอีก...มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ ทั้งนั้นเลย  อเล็กซ์เซเข้าแข็งมากค่ะ ขอถอนคำพูดจากเม้นท์ที่แล้วเลย (ที่แท้ก็โดนเชิญด้วยกระบอกปืนนี่เอง) :กอด1:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
คุณคริส ร้าย??? แต่เราชอบ  :o8:
อ่านแล้วแอบนอกใจท่านชีคชั่วคราว เพราะแอบชอบตอนนู๋คาวี่กับคริสอยู่ด้วยกัน 555+
ก้อเราแพ้คนยิ้มสวยนี่นา :-[

ออฟไลน์ beer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คริสต้องมีอะไรเบื้องหลังแน่ๆ น่าสงสัย?

แต่เดี๋ยวนี้คาวราน่ารักมาก :-[ ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดเถอะ

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตัวละครใหม่มาแล้ว ท่าทางไม่น่าไว้ใจจริงๆเลย

เอิ้กๆๆ ชอบคาวี่โหมดเหมียวน้อยจังน่ารักดีอ่ะ

ออฟไลน์ DeJavu~ ★

  • มาเฟียแสนซน กะชีคผู้เคร่งขรึม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-9
คริสนี่ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่แน่นอน

ร้ายๆๆแบบนี้สิ ชอบๆๆ แอบชอบตอนคริส กับ คาวี่อยู่ด้วยกัน ไม่รู้อ่า เป็นโรคแพ้คนยิ้มหวาน กร๊ากกก (หลบตีนท่านชีค) :z6: :z6:

แต่ว่าตอนนี้ คาวี่แมวจอมยั่วของท่านชีคน่ารักมากๆๆเลย

ยังงี้สิ ท่านชีคปลื้ม :-[ :-[ :-[

ทำเอาเลือดหมดตัวเลย

รอตอนต่อไป

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
ปมเยอะดี อะไรก็น่าสงสัยไปหมดเลยอ่า  :กอด1:
เซย์ตอนนี้เทห์ที่สุดเลยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจคุณลุงจอมวายร้ายได้รึเปล่านะ
น้องเหมียวคาวี่  :haun4: :haun4: :haun4:
อยากว่าพี่กริชแกจะมามีบทบาทสำคัญอะไรน้อ เดาไม่ถูกเลยล่ะค่ะ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด