Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Stone rose's line:กุหลาบทรายใต้เงาหิน-จบ- UP>>แจ้งข่าวส่งหนังสือ+โด 28/2/55  (อ่าน 1005077 ครั้ง)

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
กว่าจะอ่านทันๆๆๆๆๆๆ

สนุกมากกกก อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไป อิอิ

BlueFaith

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาส่องคาลลลล... แล้วจากไป ฟิ้ววววว  :o12:

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
เข้ามาช่วยดัน
และทวงเรื่องด้วยจ้า o11

saya

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึง คาวี่จัง  :กอด1:

คนแต่งหายเจ็บมือเร็วๆนะ

นั่งรอต่อไปจ้า


ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
รอคาวี่แมวเหมียวกะท่านชีคคนดี   :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คิดถึงแล้ววน้าาา :z3: :z3:

 :call: :call:

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เห็นรูปที่คนเขียนเอามาอัพไว้ให้แล้วแบบ อ๊ายย~ :m3: :m3:
แต่ละรูปของคาวี่แบบ หล่อไม่ไหว  :give2:
ถึงกับต้องไปค้นฮันนิบาลมาดูใหม่ทันที คนอะไรหล๊อ หล่อ
พอผมยาวแล้วก็กลายเป็นน่าร๊ากก    :-[
ท่านชีครูปใหม่นี้มาอย่างเซ็กซี่ หล่อพอกัน  :o8:
คนที่มาเป็นอิมเมจท่านชีคนี้เขาชื่ออะไรหรอคะ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
Line :30  เผยความจริง


     สีหน้าของคนพูดไม่เปลี่ยนไปสักกี่มากกี่น้อยยามเอ่ยถึงเรื่องราวของตนและคนรักเก่าในอดีต นั่นเป็นหนึ่งประการที่คาวัลโลยอมรับได้ สองคือไม่มีแววตา"โหยหา"หรืออาลัยอาวรณ์ให้เคืองตาถือเป็นเรื่องดี และสาม....เพิ่งรู้ว่าหลังจากเลิกกับอัลชาอ์ โรเบิร์ต ชอว์ตันได้ไปคนหาดูใจกับราเซย์ เซฮามัคอีกคน และต่อมาก็นักศึกษาป.โทคณะบริหารจากมหาวิทยาลัยดังในอังกฤษอีกรายหนึ่ง ต่อด้วยนายแพทย์หนุ่มที่โรงพยาบาลอะไรสักแห่งที่เขาไม่คิดจะจำ ..ส่วนตอนนี้เจ้าตัวคิดจะกลับมาคบกับราเซย์...ที่เมินเฉยหมอนี่...ไปโดยสิ้นเชิง

         ถึงจะหงุดหงิดนิดหน่อยที่อัลชาอ์และโรเบิร์ตต่างก็เป็น"รักแรก"และครั้งแรกของกันและกัน ชวนให้เคืองๆคันๆในหัวใจและต้องพ่นลมหายใจด้วยอารมณ์กึ่งริษยาสักเล็กน้อย แต่คนเราควรจะใจกว้างกับอดีต ดังนั้นคาวัลโลจึงตัดสินใจปล่อยผ่าน อีกทั้งตอนนี้เป้าหมายของโรเบิร์ตในการรีเทิร์นนั้นไม่ใช่อัลชาอ์ แต่เป็นราเซย์ เซย์ฮามัค หมอนั่นต่างหาก...

       ตัดสินใจจะไม่เคืองหรือเหม็นขี้หน้าโรเบิร์ต แต่รู้สึกจะทำได้ยากนิดหน่อย เพราะอาการ"ออเซาะ"ของผู้ชายคนนั้นยังเห็นตำตา จะลืมน่ะลืมได้ แต่ต้องให้หมอนั่นห่างจากสายตาสักครึ่งปีเป็นอย่างน้อยเสียก่อนสิ ไม่ใช่ว่าจะมายืนเสนอหน้าแถวนี้แล้วจะให้หายเคือง มีตัวต้นเหตุมายืนสลอนมองหน้าแล้วจะให้ไม่หงุดหงิด ขอโทษที่คาวัลโลต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้

       อีกอย่างคือตราบใดที่ชื่อ"ร๊อบ"นั่นยังดังเข้าหูทุกๆสามนาทีจากปากอัลชาอ์และประโยคที่พูดมาก็ประมาณว่าร๊อบเป็นคนดี น่ารัก น่าสงสาร น่าเห็นใจ น่าเอ็นดู หรือน่าดูเอ็นอีกล่ะก็ คราวนี้คาวัลโลจะ"งับ"ไอ้นั่นให้สูญพันธ์เลยคอยดู 

   ...เพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจอะไรเลยที่คนรัก(หมาดๆ)ของตัวเองมานั่งพล่ามถึงแฟนเก่าว่าเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยรอยยิ้ม มิหน้ำซ้ำแฟนเก่าที่ว่านั่นยังอยู่แถวๆนี้อีก นี่ต้องเตือนความจำกันหน่อยไหม ว่าเมื่อคืนที่แล้วไอ้ท่านชีคงี่เง่าตรงหน้ามัน"ขย่ม"ใครเสียจนเครื่องในแทบพัง !

        เพราะสีหน้าที่มืดครึ้มดำทะมึนยิ่งกว่าบรรยากาศอึมครึมของวันนี้ ทำให้อัลชาอ์ตัดสินใจจะหยุดเรื่องเล่าของตนเองไปก่อน และหันมาจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำทะเลคู่นั้นอย่างเพ่งพินิจ ชีคหนุ่มพบว่าตนเองสามารถจับคลื่นถี่ของความไม่พอใจได้เเรงสุด ตามมาด้วยคลื่นของความหงุดหงิดและอารมณ์ขุ่นที่เริ่มปั่นป่วนรุนแรง

 ..สภาพอากาศเช่นนี้ทำให้นักเดินเรือไม่อยากออกจากฝั่งฉันใด อัลชาอ์ก็ไม่อยากจะอ้าปากพูดอะไรไปมากกว่านี้ฉันนั้น

เพียงแต่ว่า..

    " เล่าต่อสิครับ " รอยยิ้มของมาเฟียหนุ่มดูแสนจะไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประโยคต่อท้าย " เล่าเรื่อง"ร๊อบ"ที่น่าสงสารและแสนดีของคุณต่อหน่อยสิ ผมกำลังฟังเพลินๆเลย "

    "..คาวัลโล..? " ชีคหนุ่มมองหน้าคนพูด ที่ไม่มีท่าทีว่าอยากจะฟังต่ออย่างปากพูดสักนิด ขณะที่หัวคิ้วกระตุกถี่

    "...ทำไมล่ะ?หรือมีอะไรที่ผมรู้ไม่ได้ อย่างเรื่องที่เขาไปนั่ง"ซบอก"คุณได้ยังไง หรือแม้กระทั่งทำไมถึงได้ยึดห้องของคุณเป็นสถานที่สิงสถิตย์เหลือเกินทั้งที่ตั้งใจจะคืนดีกับราเซย์ แล้วทำไม..."คราวนี้แววตาของคนพูดวาววับ" ทำไมถึงได้มีของขวัญ"ต้อนรับ"ไปส่งกันดึกๆดื่นๆขนาดนั้นอย่าคิดว่าผมไม่รู้นะครับ..."

     " คาวี่...." ชักจะรู้สึกว่าเรื่องราวมันไปกันใหญ่ อัลชาอ์เลยต้องพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ชีคหนุ่มเอื้อมมือร้งร่างคนที่คร่อมอยู่บนตัวด้วยดวงตาวาววับและแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆขนตั้งหางชี้ให้โน้มตัวมาซุกอก " นั่นมันเรื่องในอดีตแล้ว..เข้าใจไหม?ผมยอมรับว่าตอนนั้นตัวเองก็อ่อนไหว เพราะผมกำลังผิดหวัง...และผมต้องการคนปลอบใจ..ผมยอมรับ "

     " อ้อ....." คำแก้ตัวนี้ยังฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ในความรู้สึก คาวัลโล วาลกัสจึงยิ่งกราดตาวาวๆของตนใส่ร่างของท่านชีคผู้กอดประคองตัวเขาไว้ไม่หยุดหย่อน "เรื่องอดีต...ต้องการคนปลอบใจ....ครับ....แล้วไงต่อ? "

       ปลายนิ้วทั้งห้าเกาะท่อนแขนภายใต้ชุดโธปสีอ่อน แม้จะมีเสื้อคลุมมิชลาฮ์สีเข้มคลุมทับไว้อีกชั้น ทว่าความปวดหน่วงๆที่ตามมากระชั้นชิดนี่ไม่ใช่อะไรที่ตนเองอุปปาทานไปเองแน่ อัลชาอ์จ้องมองสบตาเจ้าแมวน้อยในอ้อมแขน เห็นเจ้าตัวหูตั้ง หางชี้ ตาขวาง ขนฟูฟ่องพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆครบสูตร..

     และปลายนิ้วที่เริ่มออกแรงกดมากขึ้นบนแขนของตนก็เป็นสัญญาณชั้นดี บ่งบอกว่าอีกนิด....อีกนิดเดียวเท่านั้นที่เจ้าแมวตัวนี้จะได้มา"ข่วน"ให้ครบสูตร

     วิธีเอาตัวรอดและในกรณีที่อยากจะเห็นเจ้าแมวน้อยเป็นแมวขี้อ้อนและไม่อยากโดนข่วนให้เจ็บๆแสบๆ ก็ต้องรังสรรค์ประโยนคต่อมาให้ฟังรื่นหูที่สุดเท่าที่จะทำได้...อัลชาอ์รู้ดี

     แต่จะถูกใจคนที่ปกติก็คิดอะไรชอบอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน....ตอนหึงหวงไม่พอใจนี่ไม่ยากกว่านับสิบเท่าหรือ?

       " แต่ผมกับโรเบิร์ตก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ "ในที่สุดหลังประโยค"ร๊อบของคุณ"ออกมาจากปากคาวัลโลเป็นรอบที่สาม อัลชาอ์ก็ตระหนักมาเฟียหนุ่มไม่ต้องการได้ยินสรรพนามสร้างความสนิทสนมของตนกับคนรักเก่าอีก " สารภาพก็ได้ว่าเขาพูดเรื่องกลับมาคบกับผม แต่นั่นทำไปเพราะราเซย์ไม่สนใจเขาเลยและผมก็ไม่ได้ตอบรับเพราะใจผมเปลี่ยนไปแล้ว...เพราะผมรักคุณไง..."

       "....แต่เขาแสนดี ไม่เหมือนกับผมใช่ไหมล่ะ! " เสียงบ่นงึมงัมนั้นทำให้อัลชาอ์เลิกคิ้ว ก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดและเอื้อมมือกอดร่างตนไว้แน่นก่อนจะหัวเราะออกมาพรืดนึงส่งผลให้โดนจ้องตาเขียวปั๊ด  แต่ชีคหนุ่มก็ยิ้มรับไม่ได้ถือสา เริ่มใจชื้นว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ไม่ได้โกรธมากมายอะไร แค่งอนนิดๆหน่อยๆที่ถูกละความสำคัญไปบางช่วงก็เท่านั้น

       " ..ผมไม่คิดว่าคุณจะสนเรื่องนี้นะ คาล " อัลชาอ์ไล้เส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์เล่นอย่างเพลินมือ จ้องสบตาสีน้ำทะเลแสนคุ้น...และที่สุดก็ตัดสินใจพูดไปตามใจคิด..

      " เอาเข้าจริงแล้วเรื่องดีหรือไม่ดีน่ะมันไม่มีผลต่อความรักสักเท่าไหร่...คนดีแสนดีก็ยังไม่รัก ไปรักคน"ใจร้าย"ชอบทำร้ายจิตใจกันเสียเฉยๆก็มีเยอะถมไป และคุณก็ยอมรับว่าตัวเองน่ะ"ร้ายกาจ"และ ภูมิใจในความร้ายกาจของตัวเองไม่ใช่หรือ?...รึว่าผมคิดผิดไป "

      " .....ก็ใช่..." เงียบไปสักพักอย่างกลัวว่าคำพูดแสนจริงใจของตนจะไปสะกิดต่อมน้อยใจหรือต่อมอาร์ตตัวไหนของพ่อมาเฟียอิตาลีเข้ารึเปล่า เพราะสีหน้าของเจ้าตัวยังคงมุ่ยหนัก  ทว่าสุดท้ายคาวัลโลก็ออกปากพูด

      " แต่ผมก็อยากได้ยินเรื่องดีๆของตัวเองบ้างนี่ ไม่ได้เหรอ? หรืออย่างน้อย"คนร้ายกาจ"อย่างผมมันจำต้องมาทนนั่งฟังคุณสรรเสริญแฟนเก่าแสนดีด้วยรึไง ? "

       สีหน้าข้องใจเป็นหนักหนาของคาวัลโลเตะตาชีคหนุ่มจนอีกฝ่ายต้องก้มลงฟัดแก้มอีกสองสามรอบให้หายหมั่นเขี้ยว  เขาได้ยินเสียงเจ้าแมวดื้อครางงึมงัมในลำคออย่างขัดใจแต่ท้ายที่สุดก็ยอมให้กอดเอาไว้โดยดี แต่ไม่ลืมส่งสายตาหงุดหงิดใส่เป็นระยะ

        " เอาล่ะ...งั้นสรุปแบบนี้ได้ใช่ไหม? " อัลชาอ์จ้องมองใบหน้าคนรัก พลางฉีกยิ้มยียวน " คาวี่ที่รักของผมหงุดหงิดเรื่องผมชมโรเบิร์ตว่าดีแสนดีอย่างนั้นอย่างนี้โดยไม่สนใจคนรักตัวเอง แถมยังน้อยใจที่ถูกเรียกว่าเป็นคนร้ายกาจด้วยแนะ ต้องให้บอกด้วยรึไงว่าคุณน่ะเป็นคนร้ายกาจที่น่ารักที่สุดสำหรับผม..หือ?...ต้องบอกอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจว่าผมหลงรักคุณแทบบ้ามาเป็นปีๆ และแทบลืมเรื่องโรเบิร์ตออกไปจากสมองแล้ว ไม่มีแล้ว...มีแต่ความเป็นเพื่อนที่มีให้กันเท่านั้น "

        "....ก็......ผมอิจฉา......" คาวัลโลหน้าบูด โคลงหัวแล้วพึมพัมเสียงอ่อย

       "..อิจฉา...เรื่องอะไร? " อัลชาอ์เลิกคิ้วสีหน้าข้องใจไม่น้อย

        " ก็อิจฉาที่เขาเป็นรักแรกของคุณ เป็นคนที่ได้เจอคุณก่อนผม และเป็นคนที่รู้จักคุณมานานกว่าผม มากกว่าผมน่ะสิ แล้วคุณยังมาชมเขาไม่หยุดปากต่อหน้าคนรักของตัวเอง จะแรงแวงไม่ได้เลยรึไง นี่...อย่ายิ้มนะ อย่ามาหัวเราะด้วย ! " คาวัลโลเอื้อมมือบีบแก้มท่านชีคอัลชาอ์ซึ่งกำลังยิ้มแก้มแทบแตกอย่างเคืองๆ  " ผมบอกไปแล้วนี่ว่าจะ"พยายาม"รักคุณน่ะ บอกว่าจะเป็นคนรักของคุณน่ะ นี่ผมกำลังทำอยู่นะ คุณควรจะดีใจสิ !! "

        " ก็เพราะดีใจไง ถึงได้ยิ้มแบบนี้...ไม่เอาน่าคาวี่...แก้มผมจะย้วยหมดแล้ว.." อัลชาอ์หัวเราะฟืดฟาดจนในที่สุดคาวัลโลจึงยอมละมือจากผิวแก้มของตน ชีคหนุ่มรั้งร่างของมาเฟียหนุ่มมากอดไว้แน่น ขณะที่ยันกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนม้านอน เป็นผลให้อีกฝ่ายอยู่ในท่าโอบกอดซบกันและคร่อมทับร่างกายส่วนล่างของตนไว้ด้วยร่างกายและขาสองข้าง "หนุ่มอิตาเลียนนี่ขี้หึงขี้ระแวงจริงๆด้วยนะนี่...เห็นทีผมต้องระวังตัวบ้างแล้ว ว่าอย่าไปทำอะไรเตะตาคุณเด็ดขาดไม่งั้นคงได้ถูกซักจนขาวแน่ๆ "

       "แต่ผมดีใจนะ...ดีใจที่คุณหึงผม ระแวงผม..ตอนนี้มีความสุขมากจนนึกกลัวจริงๆ " แก้มขาวๆถูกปลายจมูกและริมฝีปากสีจางกดย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แถมอ้อมกอดที่กอดรัดแน่นๆและรอยยิ้มที่หวานไปถึงดวงตาส่งมาแบบนี้ใครจะโกรธต่อได้ก็ใจร้ายเกินทน ถึงจะยังเคืองๆอยู่แต่ว่าก็พยายามทำใจอยู่ว่าอดีตคืออดีต คนรักที่ดีไม่ควรจะทำตัวงี่เง่าเซ้าซี่เรื่องแฟนเก่าของเขาไม่เลิก ต่อให้แฟนเก่าที่ว่านั่นมายืนทำหน้ายิ้มเป็นตัวเป็นตนอยู่ต่อหน้าก็เถอะ

เพื่อเป็นคนรักที่ดี จะพยายามก็ได้ พยายาม...ท่องเอาไว้

        "...รู้ว่าผม"เคือง"ก็อย่าได้คิดจะประชดงี่เง่าแบบนี้อีกแล้วกัน...ไม่งั้นล่ะก็....." สีหน้าคนพูดบวกกับนัยน์ตาวาววับปรากฏความมาดร้ายชัดเจนทำให้ชีคหนุ่มหัวเราะรับแม้รอยยิ้มนั้นจะจืดเจื่อนไปบ้างด้วยความสยองที่วาบลึก..หากก็พยักหน้าหงึกโดยอัตโนมัติแบบไม่แม้แต่จะอ้าปากเถียง ก็ลองดูตาวาวๆกับท่าทางของคนพูดสิ ชะรอยว่าต่อไปถ้าเข้าใกล้โรเบิร์ตเกินกว่าสามเมตรโดยไม่มีเหตุจำเป็นเจ้าเหมียวตัวนี้คงได้ตามข่วนเสียจนหน้าม้านเป็นแน่

    ..ชีคหนุ่มไล้ผิวแก้มขาวเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว เป็นแมวน้อยว่าง่ายน่ารักได้ไม่นานก็เริ่มกลายร่างเสียแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นแมวเหมียวขู่ฟ่อก็คงดีกว่าไฮยีน่าตัวร้ายที่เอาแต่ดื้อดึงใจร้ายไม่สนใครก็แล้วกัน แถมเวลาเจ้าเหมียวตัวนี้ขู่ฟ่อๆเพราะความหึงหวงมันก็ยังทำให้เขามีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

        "ครับ...รู้แล้วว่าคุณน่ะขี้หึงเป็นที่หนึ่ง " ชีคหนุ่มยิ้มในหน้าออกปากต่อขานกับเจ้าแมวน้อยบนตัก ก่อนที่อัลชาอ์จะเป็นฝ่ายพลิกกายอีกฝ่ายให้นอนลงด้านล่าง...เผยรอยยิ้มมุมปากอันแสนเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ...ทำเอาคาวัลโลที่กำลังเริงร่าในชัยชนะของตัวเองชะงักกึก...สังหรณ์ร้ายกู่เรียกอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าคงช้ากว่าท่านชีคผู้เป็นเจ้าของอ้อมกอด ที่บัดนี้กักตัวเขาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาบาดตาก้มลงมาจ้องสบตาจนเหลือระยะห่างเพียงเส้นผมคั่น

        " ฉะนั้นเพื่อความเท่าเทียม คุณก็น่าจะเล่าเรื่องของตัวเองด้วย....ว่าไหม? " ฝ่ามือหนาแตะลงบนหน้าท้องในเสื้อโธปตัวยาวแล้วไล้เล่นเบาๆให้เสียววาบทั้งที่สัมผัสมันผ่านเนื้อผ้า หากแต่คาวัลโลแยกไม่ออกว่ามันเป็นเพราะสัมผัสรักหรือเพราะความสยองของเขากันแน่ " โดยเฉพาะคนที่ผมข้องใจที่สุด....ผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นของคุณ "

        ".................."

    " คาล? " ราวกับว่าจู่ๆบรรยากาศแสนหวานนี้ก็ถูกตัวอะไรสักอย่างดูดวับจนมันหายไปกับตา เพราะทันทีที่ประโยคคำพูดนั้นออกมาจากริมฝีปากของชีคอัลชาอ์แห่งเซเนียยา คาวัลโล วาลกัส มาเฟียผู้นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มออดอ้อนก็พลันตัวเเข็งเกร็ง ใบหน้าผ่อนคลายคล้ายมีใครสักคนขันน็อตมันให้ตึง...ขึง จนไม่แสดงอารมณ์ใดอีกต่อไป

    มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ฉายรอยหม่น...หากยังสบมอง ไม่ละจากไปไหน

         "....ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณตลอดไป อย่าพูดถึงเขาอีกเลย " รอยยิ้มในริมฝีปากนั้นไม่ได้เศร้าสร้อยโหยหา ไม่ได้ฉาบอารมณ์รักใคร่อาวรณ์ให้คนที่รักอย่างอัลชาอ์ต้องปวดใจ ทว่า...รอยยิ้มเย็นชาแฝงความขมปร่ากลับทำให้หัวใจของชีคหนุ่มกระตุกวูบ...

          " คาวี่...." อัลชาอ์เอื้อมมือไปแตะริมฝีปากที่ยังคงเหยียดยิ้มนั้น ชีคหนุ่มใช้ปลายนิ้วดึงผิวแก้มลดองศาที่หยักโค้งขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดึงเบาๆให้มันคลายลง เป็นริมฝีปากที่ฉายรอยหม่นอันเป็นอารมณ์ที่แท้จริง

   ริมฝีปากหนาแตะลงบนผิวแก้มขาวเบาๆ คลอเคลียปลอบประโลมด้วยใจอาทรนัก  ชีคหนุ่มถอนหายใจ ฝ่ามือโอบศรีษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลทองมาซบลงบนแผ่นอก...นัยน์ตายามทอดมองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนตนฉายแววครุ่นคิด..

         ".....ทุกอย่างมีทางออกเสมอ " เสียงกระซิบนั้นแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน หากคาวัลโลก็ยังรับรู้ได้ชัดเจน โดยเฉพาะประโยคถัดมา

       " สิ่งใดเป็นของคุณ มันจะต้องเป็นของคุณ ผมสัญญา "


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

        " อัลชาอ์ ? " นัยน์ตาสีน้ำทะเลเกลื่อนด้วยความประหลาดใจล้นพ้น คาวัลโลเงยหน้าสบมองนัยน์ตาสีดำสนิทอย่างกังขาไม่น้อย..

        ".............." หากชีคหนุ่มเพียงระบายยิ้มบางในหน้า ไม่เอ่ยคำต่อขาดหรือแถลงถ้วยคำของตนแต่อย่างใด

        " ผมไม่เคยรักใคร..." คาวัลโลผละออกจากแผ่นอกร่างสูง แต่ฝ่ามือก็ยังกำโธปของอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ละออก " อย่างที่ผมเคยพูด....คนที่ผมบอกว่าจะพยายาม มีเพียงคนเดียวคือคุณ...กับเขา....เป็นแค่ความเหมาะสม เราตกลงกันด้วยผลประโยชน์ ด้วยธุรกิจ และด้วยอนาคตของเราทั้งคู่....ก็เท่านั้น "

        ".............." อัลชาอ์รับฟังเงียบๆไม่เอ่ยคำใด ชีคหนุ่มเพียงระบายลมหายใจเเผ่วเบา ฝ่ามือลูบไล้เส้นผมสีอ่อนของคาวัลโลเบาๆ ด้วยความอาทรห่วงหา นัยน์?ตาสีเข้มมองออกไปด้านนอกอาคารที่ยังคงมีสายฝนโปรยปราย ชั่วขณะหนึ่งหัวใจวาบลึกด้วยความสงสารปนอดสู..ไพล่คิดไปถึงอนาคต...อนาคตที่หากตนเองไม่ได้ตกหลุมรักคาวัลโล และชายตรงหน้าไม่ได้มาพบกับเขา

     ไม่กี่ปีจากนี้คงมีข่าวคราวการแต่งงานของสองหนุ่มสาว คนที่ภายนอก ผู้คนอาจมองว่าคู่แต่งงานมีความสุขและเหมาะสมกัน หากแต่....ใครจะรู้ว่าทั้งสองได้ตัดสินใจทิ้งหัวใจ และทิ้งความสดใสรื่นเริงของวัยตนไว้เพื่อเป็นบันไดให้กับความโลภและความอยากอันไม่รู้จักสิ้นสุดของคน...

เพื่ออำนาจ เพื่อแกงค์มาเฟีย เพื่อผลประโยชน์และธุรกิจ เงินตรา..

คนน่าสงสารสองคนที่ละทิ้งวัยเยาว์ของตน ละทิ้งความใฝ่ฝันและละทิ้งชีวิตวัยรุ่นอันแสนสนุกสนานเพื่อการนี้..

และยิ่งเป็นการตรึกตรองของทั้งสองคนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคาวัลโลและผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้มองถึง"หัวใจ"อันน่าสงสารของตนเลย

...สำหรับผู้ที่เคยได้ลองลิ้ม"อิสระ"เช่นอัลชาอ์ ตนรู้ดีว่ามันมีค่าแค่ไหน รู้ว่าตนเองโชคดีแค่ไหนที่ได้ลิ้มรสความสุขของชีวิตวัยเยาว์ ได้ลิ้มลองความรักและชีวิตวัยรุ่นอันแสนสดใส มันมีค่ามากกว่าตำแหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ตนได้รับมากมายนัก..

    ชีคหนุ่มตวัดกอดรัดอีกฝ่ายไว้แน่น ด้วยความอาดูร...สงสาร...และโล่งใจนัก ที่คาวัลโลยังมีโอกาสจะเลือก...มีโอกาสจะได้ใช้ชีวิตตามที่ตนต้องการอีกครา ไม่ได้มีชีวิตอยู่ท่ามกลางโซ่ตรวนที่คอยล่ามและกักขังไว้นับแต่ลืมตา ไม่ได้อยู่ท่ามกลางโลกที่จืดชืดมองเห็นเพียงสีเทากับสีดำเท่านั้น..

        " ไม่เป็นไรนะ....อยู่กับผม ใช่ชิวิตอย่างที่คุณต้องการเถอะ"

        " อัลชาอ์ ...." คาวัลโลเงยหน้าไปสบมองนัยน์ตาสีดำสนิท อีกฝ่ายยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายพลิกกายตนเองนอนลงและให้เขาทาบกายบนร่างของตนบ้าง

     "...ผม......" กำลังจะพูดเรื่อง"ชีวิตตามใจตนเอง"ที่อัลชาอ์ออกปากเสียหน่อยว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าการอยู่เงียบๆข้างกายท่านชีคแห่งเซเนียยา  แต่ทว่าบทสนทนาหนึ่งหวนมาในความคิดทำให้ต้องเหวอและอ้าปากค้าง...คาวัลโลจ้องมองนัยน์ตาคนพูดที่จ้องมองมาด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มเลิกคิ้ว สีหน้าประหลาดใจแบบปิดไม่มิด "  เดี๋ยวก่อนนะ....คุณหลงรักผมมาเป็นปีๆ....อะไร...ยังไง...ตั้งแต่เมื่อไหร่? "


         " เรื่องนั้น..."ชีคหนุ่มหัวเราะแก้ขวย หันมาสบมองนัยน์ตาที่ฉายแววสงสัยของคนมองได้ในที่สุด " จะเล่าก็ได้....แต่ห้ามขำนะ ....ก็.....คุณเคยมางานที่อาบูดาบี...เมื่อสองปีก่อน..จำได้ไหม? "

        " ...เห?...."คนฟังชะงัก เอียงคอมองอย่างสงสัยจัด ขณะที่สมองไล่เรียงถึงบรรดางานเลี้ยงไร้สาระที่น่าเบื่อทั้งหลายไปพลางๆ ที่สุดคาวัลโลก็พยักหน้ารับ " ผ่านมาประมาณปีครึ่งแล้วรึเปล่า...งานเลี้ยงของราชวงศ์น่ะเหรอ? ตอนนั้นผมมากับคุณลุง...."คนพูดนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึง " ก็อย่างที่รู้ว่าจุดประสงค์เพื่อคุยกับ"ผู้ซื้อ"ในแถบนี้เท่านั้น "

         " ผมเริ่มสั่งอาวุธจากพวกคุณหลังงานนั้น.." อัลชาอ์เอ่ยรับคำ " ไปงานนั้นก็เพื่อคุยกับลุงของคุณ...และผมก็ได้เห็นคุณด้วย...ใส่ชุดสูทสีดำ หน้าตายิ้มแย้มแบบเป็นทางการสุดๆ กับทรงผมที่พยายามทำให้ตัวเองดูอายุสักยี่สิบ.."

        ".........." คาวัลโลแยกเขี้ยวกับคำพูดนั้นเมื่อคิดถึงคราวงานเลี้ยงที่ถูกรุมล้อมด้วยสาวสวยและไอ้หนุ่มหื่นๆที่ชวนอยากเอาปืนมาลั่นกระสุนทะลุหน้าผากมันซักลูก แต่เอ...ถึงจะไม่ได้สนใจจดจำคนในงานสักเท่าไหร่แต่คาวัลโลก็แน่ใจว่าเขาไม่เคยคุยกับอัลชาอ์แน่ๆเพราะคนแบบนี้โดดเด่นจะตาย เคยคุยกันก็ย่อมจำได้อยู่แล้ว

        "..ไม่ต้องคิดหรอก เราไม่ได้คุยกัน แต่ผมเห็นคุณ.." อัลชาอ์ยิ้มให้ ก่อนจะถอนหายใจกับภาพฝันอันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด " ยิ้มออกมาทั้งที่เบื่อและลำบาดใจพอดู แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเปฌนรอยยิ้มที่น่าดูมาก ตาก็สวย...ดูมีสเน่ห์ไปซะหมด ..แค่สบตากันแบบไม่ได้ตั้งใจ ...ผมก็อยากรู้ว่าคุณเป็นใคร..ใช่ ....ผมน่ะหลง"รูป"คุณตั้งแต่แรกเจอ สั่งให้คนค้นหาข้อมูลของคุณทุกอย่าง...ถึงรู้ว่าที่เห็นมันจะเป็น"หน้ากาก"แต่ก็ยังไม่หยุดคิดเสียที แต่ผมก็รู้ว่าคุณน่ะอยู่สุดเอื้อม.."

        " ..บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงหลังจากที่ได้เจอกัน...ทั้งที่ไม่เคยมีหวัง..ผมพยายามกันคุณไปไกลจากหัวใจมากที่สุด พร่ำบอกตัวเองว่าคุณน่ะใจร้ายเลือดเย็นแค่ไหน แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความหลง แต่มันก็ลึกล้ำเข้าไปทุกที...แบบนี้มันน่าอาย แต่ผมก็หลงรักคุณมากขึ้นเรื่อยๆเพราะฉะนั้นตอนนี้เลยดีใจมากที่คุณรับรักผม.."

        นัยน์ตาของคนพูดหรี่ลงและทอดถอนหายใจแผ่วเบาทอดความคิดคำนึงถึงการรอคอยอันยาวนานและแทบไร้ความหวัง ขณะที่ผู้ฟังนิ่งงัน นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มเบื้องหน้าอย่างตกตะลึงไม่น้อย..คาวัลโลกระพริบตามองอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า...ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา..

       "...รู้ไหม...ว่าตอนแรกที่ผมรู้ตัวว่าคุณหลงรักผม....ผมก็คิดว่ามันไม่ต่างอะไรจากที่ผ่านมา " ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มราวกับเยาะหยันอดีตที่ผ่านพ้น "หลายคนเข้ามาพัวพัน วนเวียนในชีวิตของผมเพียงเพราะต้องการอำนาจ อยากได้คงามร่ำรวย หรือแม้กระทั่งเพราะ"หลง"รูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น....เอาเข้าจริงพอรู้นิสัยของผมก็เปิดกันไปหมด ไม่มีใครทนผมได้ กระทั่งตอนนี้ก็ยังทำพ่อแม่และพี่ๆปวดหัวอยู่บ่อยๆ..."

        " แต่เพราะความพยายามของคุณ...ทำให้ผมกล้าจะเริ่ม..รู้ไหมอัลชาอ์ ว่าผมก็ใช่จะเป็นคนใจแข็งนักหรอกนะ หลายคนที่ผ่านมาถูกใจผมและผมอยากได้เขา ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะ"พยายาม"รับผมให้ได้ แต่เพราะไม่มีใครทำได้ ที่ตรงนี้ มันเลยว่างเปล่าตลอดมา " ฝ่ามือหนาทาบลงบนอกซ้ายตามแรงดึงจากเจ้าตัว นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มไม่กระพริบ " ผมเคยพูดว่าไม่รู้จักความรัก...ใช่ เพราะไม่มีใครเข้ามาได้ ไม่มีใครกล้า และไม่มีใครพยายามจะมาหาผม  แต่เพราะความพยามของคุณทำให้ผมเริ่มคิด...เพราะคิดถึงได้รู้ว่า ความเป็นไปไม่ได้มันมากแค่ไหน ถ้ารักกัน ผมก็ลำบากไม่ต่างกับคุณที่ลำบาก เพราะฐานะที่เราเป็นอยู่..แต่ยังไงคุณก็ไม่ยอมแพ้ มันทั้งน่าเหนื่อยหน่ายทั้งน่าปลื้มใจ....และเพราะผม"เสีย"บางสิ่งไปแล้วถึงได้มองเห็นว่าเหลือใครอยู่ตรงนี้...ดีเหลือเกินที่คุณยังรอผม...ดีจริงๆที่เป็นคุณ..."


       " ตอนนี้ถึงคราวที่ผมพยายามบ้างแล้วนะ...รอผมและให้โอกาสผมด้วย..."


        " ผมรอคุณเสมอ...ที่รัก...."  ฝ่ามือทาบลงบนผิวแก้มและเปลือกตาที่ร้อนผ่าว รั้งเอาใบหน้าของมาเฟียหนุ่มมาแนบชิดจนเหลือเพียงลมหายใจคั่น ปลายนิ้วละจากเปลือกตาลงมาที่ใบหู และไล้มายังลำคอขณะที่อีกฝ่ายเปิดดวงตาทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง มีทั้งความซาบซึ้งและเต็มตื้นในหัวใจ...

       ริมฝีปากสั่นระริกไหวของชายหนุ่มเบื้องหนาถูกแตะเบาๆก่อนจะทาบทับและบดเบียดแผ่วเบาหากแต่แฝงความดุดันดูดดื่มไม่น้อย  เรียกเสียงครางเครือแผ่วเบาจากลำคอของหนุ่มอิตาเลียน ร่างที่ทรุดกายลงบนตักของชีคหนุ่มขยับเอนตัวเข้าหา ฝ่ามือดึงรั้งร่างเพรียวให้ทาบกายลงสู่แผ่นอกแกร่งที่เอนตัวนอนลงบนม้านอนปูหมอนหนานุ่ม  เบียดชิดกายแกร่งและเฝ้าจุมพิตสร้างอารมณ์หวานวาบในใจ ฝ่ามือหนาไล้ระเรื่อยตามลำคอมายังชายโครงและบั้นเอว หากแต่ก็ทำได้เพียงลูบไล้ผิวกายนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนาเท่านั้น เพราะตระหนักดีถึงข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ ท้ายสุดจึงทำได้เพียงจูบไล้คลอเคลียกันอย่างอ่อนหวาน...

       แค่นี้ก็พอแล้วที่จะรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ เพียงปลายนิ้วที่สอดประสานและดวงตาที่สบมองกันอย่างไม่รู้เบื่อ ริมฝีปากพร่ำคำรักใคร่โหยหาอันลึกซึ้งยิ่งกว่าคำพูดใด แล้วใครเล่าจะใจเเข็ง...ไม่รักได้ลง

      หนุ่มอิตาเลียนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของคนรัก เขายิ้ม...ประสานสายตากับนัยน์ตาสีนิลคู่นั้นอย่างรักใคร่ ความขุ่นเคือง ไม่มั่นคง ตลอดจนความรวดร้าวจากความปราถนาที่ไม่อาจสมหวังในหัวใจที่เคยปะทุขึ้นมาค่อยสงบลงยามได้ฟังเรื่องราวออกจากปากของชายคนรัก ฟังคำปลอบโยนและซุกตัวอยุ่ในอ้อมกอดอุ่นแสนรักใคร่ อ้อมกอดของผู้ชายที่หลงรักและมั่นคงกับเขาที่ไม่เคยรู้ว่าจะได้พบเจอกันหรือไม่มากมายมาจนถึงทุกวันนี้

      แม้ความโศกเศร้าและความผิดหวังจากการถูกทรยศ และความปราถนาอันไม่เป็นจริงจะยังอวลอายในหัวใจ หากคาวัลโลก็ปัดมันทิ้งไป เพราะเขาตั้งใจ..จะใช้ชีวิตอิสระอย่างที่อัลชาอ์บอก

      และถึงจะยังหงุดหงิดเล็กๆเรื่องคนรักเก่า แต่ว่าคาวัลโลก็มั่นใจว่าอัลชาอ์จะไม่เปลี่ยนใจกลับไปหาฝ่ายนั้นง่ายๆ  และเอาเข้าจริงโรเบิร์ตก็มีราเซย์อยู่แล้ว...ใช่ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไม่พอใจ..

และที่สำคัญ...ยังไงคาวัลโลก็ดูดี น่ารัก(ยอมรับก็ได้) น่าหลง กว่าหมอนั่นเยอะ!! อันนี้โคตรจะมั่นใจ

...แต่เพื่อความไม่ประมาท...ก็อาจจะแอบสังเกตและเเอบระแวงบ้างนิดๆ...ก็นะ นิดๆน่ะเพื่อความสบายใจส่วนบุคคล..


แอ๊ด...

     "  ท่านพี่อัลชาอ์..." อาการพรวดพราดเปิดประตูมาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงของเจ้าชายฟาลซาอ์ ยังทำลายบรรยากาศได้ยอดเยี่ยมเสมอจนน่ายกนิ้วเท้าให้ ทว่าสีหน้าร้อนรนไม่น้อยของคนพูดทำให้คาวัลโลตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ " คนของบริษัท asc accest มากันแล้วครับ "

       "..............." ความเงียบที่ตามมาก่อนจะสังเกตเห็นอาการกกกอดคลอเคลียกันของชายหนุ่มทั้งสอง ทำให้เจ้าชายฟาลซาอ์ผู้มาไม่ถูกเวลาอยู่เรื่อยถึงกับมีสีหน้าจืดเจื่อน...แน่นอน โดยฉพาะในยามที่ใบหน้าของชีคหนุ่มและแจ้าเหมียวบนร่างกำลังจะแนบชิดกันอยู่พอดี..

     "...แล้วจะรีบไป.." ชีคหนุ่มถอนหายใจแรงด้วยถูกขัดจังหวะ แต่ก็ออกปากรับคำชายหนุ่มผู้มาแจ้งข่าวแก่ตน นึกเสียดายไม่น้อยที่คลาดจากจูบหวานๆไปให้อารมณ์สะดุด แต่ทว่างานก็คืองาน โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานที่ตนสั่งการมาแล้ว การจะหงุดหงิดกับมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

      "...ไปกันเถอะ คา...."

จุ๊บ...

     "...ครับ..." เจ้าชายฟาลซาอ์ยังไม่ก้าวเท้าออกไปเสียด้วยซ้ำ เจ้าเหมียวตัวแสบที่ตอนนี้เริ่มอาจหาญแสดงความรักใคร่อย่างออกนอกหน้าก็ คว้าหมับเข้าที่ลำคอและปราดไปประทับริมฝีปากหนาของชีคหนุ่ม ชนิดต่อหน้าต่อตาเจ้าชายแห่งเซเนียยาที่ยืนตาค้าง โดยไม่สนใจเลยสักนิด

      "...ตัวแสบ.." ฝ่ามือหนาออกแรงฟาดบั้นเอวเจ้าตัวป่วนเบาๆเชิงหยอกล้อ หลังจากละริมฝีปากออกจากกันได้ในที่สุด ทว่าอัลชาอ์ก็ไม่นึกเคืองอะไร แถมยังอารมณ์ดีขึ้นอีกเท่าตัวด้วยซ้ำ จะนึกสงสารขึ้นมาวูบหนึ่งก็แต่เจ้าชายฟาลซาอ์ผู้ที่รีบเดินพรวดออกไปคนนั้นมากกว่า

      " ไปกันเถอะ "อัลชาอ์รั้งร่างของมาเฟียหนุ่มให้ลุกเดินเคียงข้าง คาวัลโลใช้มือข้างหนึ่งกอดเอวหนาไว้อย่างอารมณ์ดี ไม่ต่างกับฝ่ามือที่สอดประสานตรงบั้นเอวของตน

      " บริษัทนี่มันอะไรกัน? " คาวัลโลเลิกคิ้วงงๆออกปากถามชีคหนุ่มเมื่อก้าวออกมาจากอาคารเรือนกระจก ภายนอกยังคงมีฝนตกปรอยปรายและฟากฟ้าเป็นสีหม่นเช่นเคย ทว่ามันก็...เย็นสบายดี

      " บริษัทasc accest จะมารับผิดชอบโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่ะ..ผมติดต่อหาผู้รับเหมาเริ่มโครงการมาตั้งเเต่ต้นปีแล้ว "อัลชาอ์ตอบสั้นๆ

     " ...ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องจ้าง บริษัทที่นี่ไม่มีเหรอ? งานสร้างเขื่อนรามิลก็ทำนี่...แล้วทำไม.?.." คาวัลโลขมวดคิ้วงงๆ การให้บริษัทต่างชาติมารับเหมาเพื่อคุณภาพงานอะไรก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าทำได้ก็น่าจะสนับสนุนบริษัทในประเทศไม่ใช่เหรอ?

      "ผมรู้...ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะจ้างต่างชาติหรอก แต่งานพวกนี้คนของผมยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอ...." อัลชาอ์อธิบายขณะที่ทั้งสองเดินตามระเบียงกันแดดกันฝน " เอาเข้าจริงๆประเทศนี้น่ะก็อยู่ในขั้น"กำลังพัฒนา"เราต้องการองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากบริษัทต่างชาติมาช่วยด้วย  แต่ผมก็พยายามจะให้เซเนียยาได้ประโยชน์มากที่สุด บริษัท asc accest น่ะเป็นบริษัทลงทุนข้ามชาติ วิศวะกร สถาปนิกส่วนใหญ่ก็มาจากหลายๆพื้นที่ เป็นที่รวบรวมคนเก่งก็ว่าได้ ถ้าได้คนแบบนี้มาช่วยงานในประเทศ ผมคิดว่าก็ย่อมดีกว่า เพราะมันก็จะเป็นการช่วยสอนความรู้ให้คนของเราด้วย.."

        " อืม..." คาวัลโลพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย..มันก็ถูกอย่างที่อัลชาอ์พูด รู้ตัวว่าไม่มีศักยภาพพอ ไม่มีความรู้พอก็ควรจะแสวงหาและใช้กำลังเงินที่มีอยู่อย่างเป็นประสิทธิภาพ ถึงจะจ้างบริษัทต่างชาติก็ดีกว่าจ้างผู้ไม่มีความเชี่ยวชาญแล้วทำงานออกมาแย่ และอาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิดในอนาคต

         "..อีกอย่าง..รามิลก็เป็นวิศวะกร ไม่ใช่สถาปนิก..ถึงเขาจะเขียนแบบเป็นแต่ก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แถมเซนส์เรื่องสิลปะเรียกได้ว่าติดลบสุดๆอย่างมากก็แค่ฟังความเห็นผมแล้วร่างคร่าวๆเท่านั้นล่ะ..การลงรายละเอียดมันต้องใช้คนที่มีประสบการณ์ "ชีคหนุ่มยิ้มให้คนขี้สงสัยบางๆ " สถาปนิกของบริษัทนี้มีคนนึงออกแบบมาถูกใจผมมาก เดี๋ยวคงได้เจอได้คุยกัน "

         "..นั่นสินะ...ผมก็อยาก.....อ่ะ.........." นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองเสี้ยวหน้าของคนรักข้างกาย ก่อนจะสะดุดกับเงาร่างดำๆของชายสองคนที่แสนคุ้นตา ยืนคุยกันอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ใกล้ทางเดินหน้าวัง หนึ่งในนั้นคือโรเบิร์ต ชอว์ตัน และอีกหนึ่ง ก็คือ รามิล เซย์ฮามัค...

      ..ถ้าคุยกันมันคงไม่น่าแปลกเท่าไหร่หรอก แต่นี่มีการคุยจับไม้จับมือสนิทสนมหน้าตายิ้มแย้มให้กันจนเกินคำว่าสนิทฉันเพื่อน และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น...ก็คือร่างของราเซย์ เซย์ฮามัค คนที่อัลชาอ์บอกว่าเป็นอีกหนึ่งคนรักเก่าของโรเบิร์ต กำลังยืนมองทั้งสองคนจากประตูห้องฝั่งตรงข้ามเสียด้วยสิ...

        ".....เอ......" อดจะขมวดคิ้วแล้วเอียงหัวแบบงงๆไม่ได้ ก็ไหนอัลชาอ์บอกว่า โรเบิร์ตจะกลับมารักกับราเซย์...แล้วทำไม?

        " คงเพราะราเซย์...ไม่โอเคล่ะมั้ง..." อัลชาอ์เปรยออกมาราวกับรู้ใจ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นหันมาสบมองแล้วยิ้มให้บางๆ "ก็อย่างที่ผมเคยบอก ว่าเขาค่อนข้าง"เมินเฉย"น่ะ "

       "......" พยักหน้ารับช้าๆและตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเมื่อพบว่าดวงตาคู่นั้นของชีคแห่งเซเนียยาไม่ได้มีท่าทางอาลัยอาวรณ์หรือเสียดายรึจะโศกเศร้าอยู่ ...ก็ดีแล้ว เพราะถือเป็นการเลิกแล้วเลิกเลยจริงๆ..

...ไปแล้วไม่หวนกลับ ก็ไม่ต่างกับราเซย์ล่ะมั้ง..

คิดแล้วก็นึกถึงคำพูดของฮาซานขึ้นมาได้...คำที่พูดว่ารัก...แล้วไม่ยอมเปลี่ยนไป หากแต่ถ้าเปลี่นใจแล้วก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล.
.
อดจะมองใบหน้าของชีคหนุ่มอีกครั้งอย่างคิดคำนึง...ตระหนักได้ว่าตัวเขาเองโชคดีแค่ไหน...โชคดีที่อัลชาอ์ยังยอมจะหวนกลับมาอีกครั้ง

ดีแค่ไหนที่ไม่ต้องเสียใจภายหลัง ดีแค่ไหนที่ได้สัมผัสความสุขแบบนี้...

      ใบหน้าคมคายนั้นหันมายิ้มให้อย่างคนรู้ว่าถูกจ้อง ประกายความสุขในดวงตาคู่นั้นทำให้คาวัลโลยิ้มตอบบ้าง...ยิ้ม...อย่างมีความสุขเช่นเดียวกัน

แม้จะยังมีรอยความอาลัย และความกังวลทิ้งตัวจางๆอยู่ในหัวใจ

ทว่าสิ่งใดที่พูดไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว จะไม่หันหลังกลับ จะไม่คืนคำ...เช่นเดียวกัน

............

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
   
     อเล็กซิส วาลกัสยืนอยู่หน้าบานประตูบานใหญ่ แกะสลักเป็นรูปนกอินทรีตัวใหญ่กางปีกร่อนในเวหา กรงเล็บนั้นคีบเถาองุ่นซึ่งมีหยดน้ำเกาะอยุ่ประปรายงดงาม สัญลักษณ์นี้คุ้นตา...แน่นอนว่าคุ้นแสนคุ้นสำหรับเขา ด้วยว่านี่คือสัญลักษณ์ของวาลกัส ตราสัญลักษณ์ของตระกูลที่มีมาเนิ่นนาน

     เอื้อมมือผลักบานประตูไม้โอ๊กแกะสลักแบบโบราณขนาดใหญ่ช้าๆ เขาฟังเสียงเอี้ยดอ๊าดตามอายุของมันร้องออกมาเบาๆ ขณะที่สายตากวาดมองไปทั่วห้องขนาดใหญ่ มีชั้นใส่หนังสือขนาดใหญ่สูงจรดเพดาน และมีหนังสืออัดแน่นอยุ่เต็มแทบทุกอันที่วางอยู่  ฝ่าเท้าในรองเท้าสำหรับใส่อยู่ในบ้านเหยียบลงบนพรมสีสวยนุ่มเท้า ค่อยก้าวไปตามชั้นหนังงสือโบราณซึ่งส่งกลิ่นอายแห่งยุคสมัยเก่าก่อนมาตามทางที่เขาเดินผ่าน ทะลุจากตู้หนังสือที่ราวกับเขาวงกต ไปจนถึงกลางห้อง อันมีโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับเครื่องคอมพ์พิวเตอร์ วางแยะส่วนและแสงสว่างจากผนังกรุกระจกใส สะท้อนภาพสวนด้านหน้าคฤหาสถ์และแสงตะวันเจิดจ้าในฤดูร้อนของกรุงโรม

     ร่างของชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่นุ่มสบาย ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลากันนั้นบ่งบอกได้ดีถึงสายเลือดที่เขามีอยู่ในตัว นัยน์ตาสีเขียว เส้นผมสีน้ำตาล และใบหน้าของคนๆนี้...แสนคุ้นตานัก..

 จะไม่คุ้นตาได้อย่างไร ในเมื่อชายคนนี้คือพ่อของเขา...คาเฟรโร่ วาลกัส

   สองมือสอดประสานวางอยู่บนหน้าท้อง มีหนังสือเล่มใหญ่วางอยู่บนแผ่นอกที่กระเพื่อมไหวเบาๆบ่งบอกอาการหายใจ ใบหน้าเคยคุ้นที่มีร่องรอยของวัยที่ร่วงโรยปรากฏอยู่เด่นชัด อเล็กซิสจ้องมองร่างของบิดาแล้วถอนหายใจแผ่วเบา เขาเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ตัวนั้น ก่อนจะค่อยคุกเข่าลงบนผืนพรมนุ่มหนา ดึงเอาหนังสือที่วางอยู่บนอกของบิดาออกแล้วค่อยวางมันลงไปบนโต๊ะพร้อมคั่นหน้ากระดาษเอาไว้อย่างเรียบร้อย

    ปลายนิ้วที่กระตุกไหวและร่างกายที่ขยับช้าๆของผู้ให้กำเนิด ทำให้อเล็กซิสเงยหน้าไปมอง เขาสบมองนัยน์ตาสีเขียวลึกล้ำของบิดา รอยฉงนพาดผ่านบนใบหน้านั้นเพียงครู่ ก่อนรอยยิ้มบางจะประดับบนริมฝีปากซีดจาง และร่างกำยำของบิดาจะขยับกายเปลี่ยนท่าคลายเมื่อยขบบนเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเคยชิน

     แสงแดดจ้าในยามบ่ายทอลอดมาจากผนังด้านที่กรุกระจกให้สะท้อนในดวงตาที่หรี่เล็กลงของบิดา อเล็กซิสลุกขึ้นจากท่าคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นเดินไปดึงม่านหนาหนักให้ทิ้งตัวลงมาปิดบังแสงแดดจ้า เมื่อเขามัดปมจัดการม่านกำมะหยี่ผืนหนาได้แล้วหันกลับมา ร่างของบิดาก็เปลี่ยนจากท่าทีง่วงงุนมาเป็นกระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็ว

      ทรุดกายลงนั่งฝั่งตรงข้าม สบมองนัยน์ตาสีเขียวเข้มอย่างจริงจัง เขาค้นพบร่องรอยของความสงสัยในแววตาของผู้เป็นพ่อ หากเพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็ยิ้ม..

       " อเล็กเซย์ล่ะ ?" เอ่ยถามถึงลูกชายคนรองที่ยังคงป่วยและไม่อาจไปไหนได้ไกล

      " พักอยู่ที่ห้องครับ " อเล็กซิสตอบบิดาตนเสียงเบา ก่อนจะกระซิบเตือนตัวเองว่าไม่ควรลืมไปหาฝาแฝดและคุยกันก่อนอเล็กเซย์จะงอนไปมากกว่านี้ 

      " อืม...แล้ว....."

       " เมื่อกี้ผมคุยกับคุณอามา " ถึงอีกฝ่ายจะอายุห่างเขาไปไม่กี่ปี แต่ยังไงคนเป็นอาก็มีศักดิ์เป็นเช่นนั้นจริง ดังนั้นเขาจึงจำต้องเรียกเช่นทุกครั้ง.." คุณอาบอกให้ผมมาถามพ่อ "

        " อืม..."คาเฟรโร่ยิ้มให้โดยไม่มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใด 

        " เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?" อเล็กซิสขมวดคิ้ว สีหน้าข้องใจ เขาจ้องมองตาบิดาตนเขม็ง เพื่อรอ...รอจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายจากผู้เป็นพ่อของตน ที่จะต่อปริศนาทุกอย่างให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียที..

จริงหรือไม่ที่ เฟรเดริโก้ วาลกัส ตั้งใจจะ"ฆ่า"เขาและน้องๆให้ตายตกไปตามกัน

จริงหรือไม่ที่ฝ่ายนั้นต้องการให้ตระกูลวาลกัสกลับรวมเป็นหนึ่ง ไม่ใช่แยกเป็นสอง

และ...เพราะเหตุใด เพราะอะไร คุณลุงที่เขานับถือ จึงได้ตัดสินใจ"ฆ่า"น้องชายของเขา

เพราะอะไร เพราะเหตุใดกันแน่?


         "จะฟังก็มานั่งใกล้ๆ คนแก่แล้วจะให้ตะโกนไปถึงไหน " ทั้งที่ยังคงดูหนุ่มกว่าอายุจริงมากโข พ่อของเขายังออกปากพูดเช่นนั้น ทำให้อเล็กซิสอดจะโคลงหัวไม่ได้ แต่ก่อนจะอ้าปากท้วง เขาก็มองเห็นร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากแววตาของบิดา จึงลุกจากเก้าอี้ และเดินข้ามโต๊ะอ่านหนังสือตัวยาวไปนั่งทรุดกายขัดสมาธิเอนตัวพิงขาเก้าอี้ของบิดาแต่โดยดี

    เพราะแววตาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แววตาเศร้าสร้อยและสูญเสียหนักหนา ทำให้หัวใจวาบลึก...รู้สึกผิด

    พ่อของเขาที่เคยเป็นคนรื่นเริงแสนเจ้าเล่ห์ชนิดที่ว่าใครบางคนได้นิสัยแบบนี้ไปเสียหมด กลับต้องกลายเป็นคนเงื่องหงอยเศร้าสร้อยเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน ทำไมอเล็กซิสจะไม่ทราบ..

     เพราะการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก การต้องมาอยู่ร่วมในงามศพบุตรในอุทร พ่อแม่คนไหนจะยินดีปรีดากัน..

และที่รู้สึกผิด ก็เพราะตัวเขาไม่อาจจะออกปากบอกผู้ให้กำเนิดว่าคนๆนั้นยังอยู่ดีมีสุข จนทำให้นัยน์ตาของบิดามีรอยร้าวลึก เช่นนี้..

     ฝ่ามือแกร่ง..หากมีร่องรอยกร้านจากการใช้งานมานานปีวางลงบนศรีษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองอร่ามของลูกชายคนโตเบาๆ...แล้วลูบไล้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน..เสียจนอเล็กซิสอดจะหน้าขึ้นสีด้วยความกระดากอายไม่น้อย เพราะ"โต"จนป่านนี้แล้วยังมาอ้อนพ่อเหมือนเด็กๆ

     แต่ทว่าเขาก็ไม่คิดจะขัดใจผู้เป็นบิดา ในยามที่เรื่องราวรอบตัวกำลังวุ่นวายระส่ำระสายไปด้วยความสูญเสียและความสับสน จะมีใครสักคนที่รักและหวังดีต่อตนได้เท่าบิดามารดาอีกเล่า..

           "...บางครั้งสาเหตุเพียงเล็กน้อยก็นำมาสู่บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ " คาเฟรโร่ถอนหายใจเพียงแผ่วเบา น้ำเสียงแผ่วค่อย เอ่ยปากเริ่มเรื่องราวที่ผ่านผันอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาสีเขียวสดมีแววระลึก " เพียงเพราะว่า...คำพูดและสายตาของคนภายนอกเท่านั้น "

           " เอ๋? " อเล็กซิสครางออกมางงๆ ขมวดคิ้ว

           " อย่าขัด..." ฝ่ามือของบิดาดึงผมเขาเบาๆเชิงตำหนิ เพราะการลงโทษราวกับเด็กนั้นทำให้อเล็กซิสอดจะหน้านิ่วเล็กๆไม่ได้  เขาจึงหุบปากฉับแล้วนั่งฟังบิดาเล่าเรื่องต่อแต่โดยดี " เรื่องนี้...พ่อระแคะระคายมานานแล้ว สะกิดใจมานาน...แต่ทว่านาน....ไปจนคิดว่ามันไม่มีทางเป็นจริง "

            " อย่างที่ลูกรู้ หรือใครๆรู้ ตระกูลเรามีเรื่องขัดแย้งกันภายในตลอด " คาเฟรโร่ระบายลมหายใจลึก " อเล็กซิส...คนหนึ่งตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมาเฟีย แต่อีกคนตั้งใจจะสืบทอดภาระของตระกูล  เป็นที่มาของการ"แบ่ง"สองขั้วให้ชัดเจน ทว่า....การที่ตระกูลแตกหน่อออกไปเป็นสองทาง ไม่ต่างกับการหาศัตรูภายใน ไม่ต่างเลย.."

              " ที่เราทำแบบนี้เพราะมีคนไม่อยากเป็นมาเฟียใช่ไหม? หนึ่งคน...ไปเป็นมาเฟีย หนึ่งคน...เป็นนักธุรกิจ เราคิดว่าจะคอยเนืองหนุนกันอยู่แบบนี้ เป็นครอบครัวกันอยู่แบบนี้  มันก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง จนมาถึงอีกชั่วคนหนึ่ง...คิดง่ายๆนะลูกรัก ครอบครัวหนึ่งมีบุตรได้กี่คน หากวาลกัสฝั่งมาเฟียมีบุตร3คน และฝั่งธุรกิจมี2คน เรื่องมันก็คงจะง่าย เพราะเราจะสืบทายาทของตัวเองไปเช่นนั้น แต่หากว่า...คนหนึ่งต้องการ"อ้างสิทธิโดยชอบธรรม"ของตนเองกับสมบัติในส่วนของอีกฝ่ายล่ะ ? เหตุเพราะพวกเขาก็เป็นคนในตระกูลเหมือนกัน ทำไมไม่ได้ในสิ่งที่ควรได้ แล้วลูกๆของแต่ละคน ก็จะมีลูกของตัวเองอีก แล้วตำแหน่งหัวหน้าที่เข้ามาครอบครองได้เพียงคนเดียว จะเป็นใครคนไหน? ยังไง? "

              " ที่ผ่านมาก็ใช่จะไม่มีปัญหา อเล็กซิส...เราถึงได้ชื่อว่ากำลังเดินอยู่ในเส้นทางแห่งบาป คนภายนอกไม่มองว่าเราเป็นนักธุรกิจครึ่งหนึ่ง หรือมาเฟียครุ่งหนึ่งหรอก ยังไงพวกเขาก็มองเราเป็นแค่มาฟียาเลวๆกลุ่มหนึ่ง...แค่เป็นกลุ่มที่รู้จักทำธุรกิจก็เท่านั้น แล้วทำไมเราจะต้องแบ่งแยกกันแบบนี้ด้วย...ทำไมไม่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวซะ จัดการก็ง่าย จะได้ไม่มีปัญหาแต่ภายหลัง "

                " หมายความว่า...." อเล็กซิสชะงัก เบิดตาค้าง จ้องมองใบหน้าของบิดาตนเขม็ง

                " ใช่....นี่เป็นความคิดของเฟรดี้ ที่เคยพูดไว้...เมื่อนานมาแล้ว...ก่อนจะเป็นบอส ก่อนพ่อจะรับช่วงทำธุรกิจ ในตอนที่เราสองคนเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาเท่านั้น " คาเฟรโร่ถอนหายใจ ก่อนจะหยิบกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะมาจิบด้วยท่าทีเคร่งเครียด " เเรกทีเดียวพ่อไม่คิดสนใจ หากตอนนี้ ...พ่อถึงได้รู้ว่าความปราถนานี้ไม่ได้ถูกลืมเลือนไปจากหัวใจของเขาเลย "

                  " โดยเฉพาะ...เมื่อเขาไม่มีทายาทอีกแล้ว "

                  " ..พ่อครับนั่นหมายถึง ...."อเล็กซิสขมวดคิ้ว เพราะหากเอ่ยถึงทายาทก็ไม่พ้นเป็นคาวัลโล แล้วทำไม...ทำไมลุงของเขาต้องสั่งฆ่า หากต้องการ"ทายาท"จริงๆ

                  " ไม่ใช่ " คาเฟรโร่ถอนหายใจแผ่วเบา หากยาวเหยียด..." ลุงเฟรดดี้มีทายาท...อเล็กซิส...ทายาท ที่ตายไปแล้ว ด้วย"เรา"ที่เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุ"

                   " ผมไม่เข้าใจ "

                    " จอร์จิโอ้...." คาเฟรโร่เอ่ยเสียงเบา หากผู้ฟังชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้าง..

    จอร์จิโอ้...เจ้าคนนั้น คนที่เป็นเพื่อนสนิทของคาวัลโล ชายที่ลุงเฟรดี้ของเขาบอกว่าเป็นลูกชายของสมาชิกในแกงค์ที่ถูกฆ่าตายและไร้ที่พึ่ง จึงนำมาเลี้ยงและให้เป็นเพื่อนคู่หูคนสนิทกับน้องชายของเขา...คนที่ตาย....ตายไปแล้วเมื่อสามปีก่อน...

                 " ..เพราะมีลูเซียอยู่ ทำให้เฟรดี้ไม่อาจจะบอกใครได้ว่าจอร์จิโอ้คือลูกชาย ภรรยาน้อยเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสังคมมาเฟีย เธอจะถูกรังเกียจ รวมทั้งเด็กคนนั้นเช่นกัน  เขาจึงนำเด็กคนนั้นมาเลี้ยงในฐานะเช่นนี้ หวังให้เขาโตขึ้นและเก่งกาจ จนสามารถบอกใครได้เต็มปากเต็มคำว่านี่คือลูกชายของฉัน...มันก็คงจะเป็นแบบนั้น ถ้าเพียงแต่...."

   ใช่..ถ้าเพียงแต่

   ถ้าเพียงแต่จอร์จิโอ้จะไม่ได้ตายลงไปแล้ว..

                " นั่นเป็นสิ่งที่พ่อคนใดก็รับไม่ได้ ลูกชายต้องมาตาย ต่อให้น้องของลูกจะแก้แค้นพวกมันด้วยวิธีไหน จะฆ่าคนจะเผาทำลายสิ่งของมากมายเพียงใด ทว่ามันก็ไม่เท่าเทียมเลย กับชีวิตคนที่เสียไป และเขาไม่เคยลืม เขาจำมันมาตลอด และวางแผนทุกอย่างมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้...."

                 ความเงียบลอยตัวอยู่ท่ามกลางเสียงครางหึ่งของเครื่องปรับอากาศ อเล็กซิสทำได้เพียงนั่งนิ่ง...นิ่งขึงอยู่ตรงขาเก้าอี้ของผู้เป็นบิดา เขายังคงนั่งขัดสมาธิเงียบอยุ่ตรงนั้น...สมองไล่เรียงหาเหตุผลและเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว..และน่าใจหาย

ใจหายที่ว่าทุกอย่างมันช่างสมเหตุสมผลเสียจริง.

...จอร์จิโอ้ตาย...จึงเอาชีวิตคาวัลโลให้ตายตกตามกันไปด้วย

...เพื่อจะได้ครอบครองทุกอย่าง จึงวางแผนการทำลายพวกเขาให้หมดเสี้ยนหนาม...

เพียงเพระความสูญเสีย...และเพราะแรงปราถนาที่ถูกเก็บไว้มานานเนิ่นนาน

      อเล็กซิสสามารถเข้าใจได้เลยว่า ลุงเฟรเดริโก้คงจะคาดหวังให้จอร์จิโอ้เติบโตขึ้นมาเป็นบอสที่ดีพร้อม จากนั้นเขาจะค่อยประกาศเรื่องนี้ออกไปและให้ลูกชายขึ้นเป็นบอส ก่อนจะค่อยจัดการดับเขาและครอบครัวอย่างง่ายดาย..

    หากแต่ เมื่อจอร์จิโอ้ตาย ความอดทนของผู้เป็นลุงคงจะเหมือนขาดสะบั้นไปด้วย ไม่มีแล้วลูกชายที่เป็นความหวัง ไม่มีแล้วสิ่งที่เคยคิดไว้ ไม่เหลืออะไรเลย
 ความผิดที่ทำให้ลูกชายที่รักจต้องตาย ตกอยู่กับน้องของเขา ผู้ที่จอร์จิโอ้เสี่ยงชีวิตป้องกันไว้

และความผิดอีกหนึ่งเสี้ยวนั้นก็ตกมาอยู่ที่เขากับอเล็กเซย์ผู้เป็นต้นเหตุของสงครามเมื่อสามปีก่อน

และสุดท้าย...ความผิดที่ตกอยู่กับครอบครัวของเขาทั้งหมด...เพียงเพราะต้องการยึดทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องการรีรออะไรอีกแล้ว..


      อเล็กซิสถอนหายใจแผ่วเบา ความกังวลและความหนักใจแผ่บรรยากาศกดดันทิ่มแทง รู้แล้ว รู้สาเหตุเข้าใจถึงทางเดินของปัญหา และพร้อมจะหาทางแก้ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้หดหู่นัก.. อาจจะเพราะความผิดหวัง ความเสียใจ และความโศกเศร้า..เพราะในที่สุด ก็ต้องมีการ"ล้างเลือด"ในตระกูลอีกครั้ง

         "นี่เป็นความจริง...ที่พ่อไม่อยากยอมรับเลย...อเล็กซิส เฟรเดริโก้ วาลกัส คนเดิมของเรา ได้ตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว " พ่อของเขาเอ่ยถึงผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงรวดร้าวนัก เพราะใครเล่าจะไม่ปวดร้าวเมื่อรู้ว่าพี่น้องร่วมครรภ์กำลังหมายปองชีวิตของตนและบุตรของตนเอง "..ถ้าเพียงแต่...เราจะดูแล ใส่ใจกันมากกว่านี้.."

อีกแล้ว....ถ้าเพียงแต่

ถ้าเพียงแต่เราจะสนใจกันมากกว่านี้ ถ้าเพียงแต่จะลองคิด ว่าเหตุที่ลุงเฟรเดริโก้เสียใจแทบคลั่งเมื่อสามปีก่อนเป็นเพราะเหตุใดกันแน่

ถ้าเพียงเราจะเปิดโอกาสให้พ่อ..ได้แสดงตัวเป็นพ่อของลูกชายที่รักเพียงสักครั้งในชีวิต

ถ้าเพียงแต่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ต่างทำเป็นวางเฉยเพราะไม่อยากสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้น จนบัดนี้มันกลายเป็นแผลลึก เกินจะเยียวยา..

ถ้าเพียงแต่....เราจะ"รัก"กันมากกว่านี้

 ถ้าเพียงแต่....ครอบครัวและเครือญาติของเราจะแน่นแฟ้นกว่านี้

ถ้า....ถ้า....ถ้า......

..ถ้าเพียงแต่จะไม่สายเกินไป..

                   " ไม่มีทางออกให้ลุงเฟรดี้...เลยเหรอครับ...? "อเล็กซิสรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาสั่นระริก...หัวสมองปวดตื้อ ยามคิดถึงทางต่อกรที่ไม่ว่าอย่างไรเลือด ก็ต้องล้างด้วยเลือด

      ร่องรอยของชะตากรรมที่กล่าวว่า"วาลกัส"จะล้างผลาญกันเองในตระกูล กำลังเดินทับรอยเดิมอีกครา..

                 " ไม่มีทางออกให้เราด้วย..." น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อสั่นระริกไหว...

 เพราะรู้ดีแก่ใจ....หากนิ่งเงียบ...หากไม่ทำอะไร ไม่ฆ่า ก็ต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่า..


     อเล็กซิสถอนหายใจเฮือก รู้ดีถึงเหตุผลที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้กล่าวเรื่องนี้กับใครก่อนหน้านี้หรือทันทีที่เกิดเรื่อง เขารู้ ว่าเพราะความรัก เพราะชายคนนั้นคือพี่ของพ่อ เพราะลุงเฟรดี้คือครอบครัว ทำให้พ่อไม่อยากพูด ไม่อยากให้ร้าย ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต พยายามมองว่าเป็นผลงานของฝ่ายอื่น จนกระทั่ง.. ถูกบังคับด้วยสถานการณ์จนทนไม่ไหวอีกต่อไป...

       ฝ่ามือหนาของผู้เป็นบิดาลูบศรีษะเบาๆทำให้ความหดหู่ค่อยผ่อนคลายลงบ้าง อเล็กซิสเงยหน้าขึ้นอ้าปากจะขอบใจผู้เป็นบิดา หากแต่เขาต้องนิ่งงัน นัยน์ตาเบิกค้างเมื่อมองเห็นน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลออกจากดวงตาอันโศกเศร้าของผู้เป็นพ่อ

ฝ่ามือที่แสนเคยคุ้นวางลงบนผิวแก้ม สั่นระริกไม่ต่างจากริมฝีปากซีดจางคู่นั้น...


        " อเล็กซิส "น้ำเสียงคนพูดเบา..บางลงราวกับจะหมดลมหายใจ " ช่วยปกป้องทุกคนด้วยนะ....ขออย่าให้พ่อเสียลูกๆคนใดไปอีกเลย "


           ถ้อยคำดังคำฝากฝังและเว้าวอนต่อตนทำให้หัวใจปวดแปลบ พี่ใหญ่ตระกูลวาลกัสลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อไม่วางตา จากความสูงที่แตกต่างกัน และใบหน้ายามนี้ของบิดา ทำให้เขารู้ และซาบซึ้งว่าแผ่นหลังที่เคยปกป้องตนนั้น บัดนี้งองุ้ม เต็มไปด้วยความโศกเศร้าหดหู่และสิ้นหวังเช่นไร...

           ดวงตาสีเขียวที่เคยสดใส บัดนี้โศกเศร้าด้วยความรวดร้าวในความสูญเสีย ฝ่ามือหยาบใหญ่ที่ตรากตรำมาเนิ่นนาน  ไหล่ที่เคยตั้งอย่างทรนงองอาจลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง กระทั่งแผ่นหลังยังงองุ้ม ราวกับแบกภาระหนักหนามาทั้งชีวิต

          ทรุดกายลงคุกเข่าบนพื้นพรมอีกครั้งด้วยความเต็มใจกว่าครั้งไหนๆแขนทั้งสองข้างยกขึ้นแล้วตัวกอดร่างของบิดาบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ไว้ เขากอดร่างของผู้ให้กำเนิดแน่น สัมผัสถึงร่างที่สั่นสะท้านด้วยความเศร้าโศกเสียใจอันไม่มีที่สิ้นสุด  กลืนน้ำลายลงคอช้าๆรู้สึกแสบร้อนในลำคอ และขอบตาผ่าวร้อนขึ้นมาทันควัน


          " ครับพ่อ "ขนาดน้ำเสียงของเขายังสั่นไหวไม่ต่างจากอ้อมแขนของตน "ผมสาบาน...ผมจะไม่ให้เราเสียใครไปอีกแล้ว "


ไม่มีวัน...


ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
      ร่างสูงใหญ่ แผ่นหลังกว้างแสนองอาจของบุตรชายคนโตก้าวผ่านไปแล้ว หากยังติดตาไม่คลาย  นัยน์ตาสีเขียวที่ยังคงสะท้อนความร้าวลึกค่อยเบือนไปสบมองนัยน์ตาสีฟ้าสดแสนเคยคุ้นของคู่ชีวิต ร่างเพรียวเล็กของหญิงสาววัยกลางคนผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของตระกูลวาลกัสก้าวออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังตนช้าๆ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขา จ้องไม่หลบตาหากแต่สั่นไหวไม่แพ้กัน..

        " โกรธผมไหม? ที่ไม่บอกคุณ ?" ฝ่ามือหนาทาบลงบนแก้มนวลเจือเลือดฝาด...คาเฟรโร่มองเห็นร่างที่เเข็งเกร็งขึ้นของภรรยา หากเพียงชั่วครู่ ฝ่ามือเรียวขาว เเสนบอบบางคู่นั้นก็แตะลงบนฝ่ามือของเขา บีบกระชับและกดแนบผิวแก้มลงไปอย่างอาดูร

         " คุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้เรียกลูกไปคุยที่อื่น นั่นก็เพียงพอแล้วว่าคุณตั้งใจจะบอกฉันด้วย "ริมฝีปากเล็กของเอเลียวา วาลกัส หรืออลิส โรเซนเบอร์กเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา เธอทอดมองรอยร้าวลึกในดวงตาสามีอย่างห่วงหา ด้วยรู้ ว่าผู้ที่เจ็บปวดกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเช่นหล่อน ก็ย่อมเป็นคนที่เก็บงำความลับ ความหลังทั้งหลายด้วยใจรวดร้าวปนระแวงเช่นคาเฟรโร่ วาลกัส สามีของเธอตอนนี้..

          "...เชื่อมั่นในตัวลูกของเรานะคะ ว่าเขาจะพาเราผ่านทุกอย่างไปได้..." แขนเล็กเรียวทั้งสองข้างตวัดกอดลำคอหนาและซุกใบหน้าลงบนไหล่ คาเฟรโร่เอื้อมมือไปกุมมือของภรรยาตนไว้ เขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อสัมผัสถืงหยดน้ำร้อนๆที่ไหลแตะเป็นวงลงบนเสื้อเชิ๊ตของตน...

        ชายวัยกลางคนค่อยหันกายกลับอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรั้งร่างของภรรยาตนมากอดแนบชิด ซับรอยน้ำตาของกันและกันท่ามกลางความเงียบงันของห้องเอกสาร..

      เยียวยาหัวใจอันรวดร้าวด้วยเสียคนลำคัญของตน กอดรับและปลอบประโลมกันด้วยความหวาดหวั่นที่แผ่ซ่าน...

     เพราะทั้งคู่นั้นรู้ เมื่อลูกชายของพวหเขารู้เรื่องทั้งหมด นั่น...หมายความว่า"สงคราม"จะเกิดขึ้น

      แตกต่างกับสงครามเผาทำลายเลือดเนื้อศัตรู เพราะนี่คือสงครามที่เผาผลาญ ล้างชีพพวกเดียวกันเอง...และ.....เพื่อปลิดชีพคนที่เคยคุ้ย ชายที่เคยร่วมเป็นร่วมตาย เคยช่วยเหลือเกื้อกูล รักใคร่ผูกพันกันนักหนา ทั้งเคยเดินทางผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน..

      สัญลักษณ์อินทรีกางปีกคีบช่อองุ่นที่มีประกายหยดน้ำ...สัญลักษณ์ของตระกูลนั้นวาววับเด่นชัดท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามบ่ายสอดส่องเข้ามาเป็นทาง..

    ปลายนิ้วสีอ่อนลูบเงาที่นูนออกมาเบาๆ...หยดน้ำที่ว่า เหมือนจะวาววับเด่นชัดขึ้นกว่าทุกคราที่ได้มอง..

     ราวกับหยดน้ำตา ที่กำลังหลั่งรินลงมาแต่ผู้สูญเสียทุกคน..

.......


       สิ่งแรกที่เขาทำ...ไม่ใช่การออกไปสั่งมือปืนมายิงใครที่ไหน ไม่ใช่การออกไปสั่งฆ่าใครให้หมดเสี้ยนหมาน ไม่ใช่กระทั่งการเดินไปเรียกประชุมด่วนด้วยซ้ำ...ไม่ใช่...หากแต่เป็นการเดินเข้าไปในห้องของตนอย่างเร็วรี่ เพื่อไปพบกับแฝดผู้น้องของตน น้องชาย คนรัก ผู้ที่เป็นครึ่งหนึ่งของเขา ครึ่งหนึ่งของทุกอย่างในโลกของตนเอง...

   เพราะข่าวคราวที่ได้รับและน้ำตาท่ามกลางความปวดร้าวและสิ้นหวังของบิดาทำให้เขาได้ฉุกคิด.. เรื่องราวบานปลายมามากมายแบนบี้เพราะไม่พูดคุยกันและไม่เอาใจใส่กันทำให้รู้ และตั้งใจจะรีบไปตามหาคนที่รักและบอกข่าว บอกทุกสิ่งให้อีกฝ่ายรู้...ต่อให้จะผิดสัญญาต่อน้องชาย ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันมาไกลเกิลกว่าจะปิดไปได้แล้ว อีกทั้ง...บอกก็ได้ไม่ใช่หรือ... บอกออกไป เพราะทุกครั้ง อเล็กเซย์ก็จะคอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างให้แท้ๆ...

     ปัง !

     " เซย์...? เซย์  ....อยู่ที่ไหน? " ฝ่าเท้าก้าวเร็วรี่ไปยังห้องน้ำ และระเบียงนอนไม่ไม่พบร่างของคนที่หาอยู่ บนเตียงก้เช่นกัน อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น  นึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือ กดเบอร์โทรออก หากแต่เสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนี้เอง ชายหนุ่มเดินไปคว้าโทรศัพท์ของคนรักมาสำรวจ  จะเห็นโน๊ตสักตัวหรือข้อความใดๆก็ไม่ปรากฏ ยิ่งงทำให้พี่ใหญ่ของบ้านขมวดคิ้วแน่น ถลาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

     "เห็นอเล็กเซย์ไหม? " ออกปากถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาด้านหน้าห้อง หากเธอก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นชวนให้ยิ่งใจสั่น ชายหนุ่มเริ่มวิ่ง...วิ่งผ่านจากปีกซ้ายของบ้านไปยังด้านขวา หันรีหันขวางหาที่อยู่ของคนที่รัก ก่อนจะวิ่งพรวดลงไปยังสนามหน้าบ้านทันควัน

       " อเล็กเซย์อยู่ไหน ? " บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูททางการมีสีหน้างวยงงไม่น้อยเมื่อคุณชายใหญ่ของบ้านมาเขย่าคอเขาตะโกนถามโหวกเหวกด้วยท่าทีร้อนรน ผิดหูผิดตา หากแต่เมื่อทราบใจความเขาก็พยักหน้า และเอ่ยคำตอบออกไปเร็วที่สุด

        " ออกไปกับคุณเฟรเดริโก้เมื่อครู่ครับ ทราบข่าวว่าจะไปพักที่ซีซีลี...."

               คำตอบนั้นทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ฝ่ามือที่กำชุดสูทของบอดี้การ์ดหนุ่มลดลงข้างกายอย่างรวดเร็ว ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง..
ออกไปแล้ว...

ไปที่ซิซิลี....

ไปยังเกาะซิซิลี ที่กบดานใหญ่ของเหล่ามาเฟียน่ะหรือ?

      ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ขัดข้องใจและทุกข์ระทมทเสียจนไม่อาจทำอะไรได้ อเล็กซิสกระโจนกลับเข้ามาในคฤหาสถ์เดินผ่านส่วนต่างๆของบ้านด้วยความเร็วราวกับพายุ


ปัง !!

    เขาเปิดประตูห้องทำงานดังลั่น สมองแล่นพล่านหากไม่รู้จะทำเช่นไร ในเวลานี้ที่ความกังวลกำลังเกาะกินหัวใจจนแทบบ้า..

ช้าไป....ช้าไปแล้ว....

ลุงรู้แล้วแน่ๆว่าเขาทราบเรื่องทั้งหมด...รู้แล้วว่าเขาต้องกลับมาเอาคืน ดังนั้นจึง....

    อเล็กซิสทรุดกายลงบนเก้าอี้อย่างหงดแรง ฝ่ามือสองข้างกุมขมับแน่น...

สัญญาและสาบานกับน้องชายไว้แล้วว่าจะช่วยเหลือ จะพยายามให้ถึงที่สุด ทว่าสุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่า..

กระทั่งตอนนี้...

     แม้เป็นคำสาบานต่อบุพการี เขาก็ไม่อาจจะรักษาไว้ได้ กระนั้นหรือ?


...................


ท่านชีคว่าคาวี่เด็กนักหนา รู้ไหมจ๊ะว่าท่านอายุเท่าไหร่...

คำตอบ...เท่าอเล็กซานดร้าค่ะ 26 แก่กว่าคาวี่7ปี ประมาณนั้น (แต่ความโหด เหี้ยม (บวกเหี้_ยด้วยก็ได้) คาวี่เยอะกว่าหลายขุม ) จะว่าไปแล้วบุคลิกและการวางตัวของอัลชาอ์นี่ได้แนวคิดมาจาก "ราชาแห่งเจมิไน"ในเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอสน่ะค่ะ (อ่านกันใช่ไหมท่าน อ่านใช่ไหม???) ประเภทที่ "คนภายนอกมองว่าประเทศนี้ไม่มั่นคง อ่อนแอด้านการปกครอง สถาบันกษัตริย์เหมือนไม่มีตัวตน คิงก็ดูอ่อนแอพึ่งพาไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ประชาชนของเขาก็มีความสุขดี " คะที่ท่านชีค ไม่โหด + ดูแกร่งเหมือนคาล อันนี้ต้องขอบอกว่าเพราะหนึ่งเลย ท่านชีคเป็นนักปกครองคะ ไม่ใช่ทหารไม่เก่งการต่อสู้เท่าคาลหรอก เอาง่ายๆเลยคือ คนที่เป็นเจ้านายคนหรือเป็นผู้นำเนี่ยไม่จำเป็นต้องเก่งเมพเสมอไป แค่คุณรู้จักใช่คน และรู้จักใช้สมองก็พอแล้ว และอีกข้อ ท่านชีคเป็นคนอ่อนนอกแข็งในคะ เอาเข้าจริงคนนี้น่ากลัว เวลาทำอะไรแล้วกัดไม่ปล่อย(เอาง่ายๆกับการตามขอความรักคาวี่ที่คนปกติเขาคงถอดใจไปแล้ว)  เพียงแต่เป็นประเภทเก็บความไม่พอใจไว้แล้วไม่ชอบโวยวาย แต่คาวี่เป็นประเภทขาลุย อารมณ์หุนหันพลันแล่นเลยดูจะโดดเด่นและรุนแรงกว่า ภาพรวมเลยออกมาดูท่านชีคเป็นคาแรกเตอร์อ่อนๆ ยอมคนชอบกล (ความจริงก็ยอมแค่คนเดียวนั่นล่ะ)

  เฉลยเรื่องของคุณลุงแล้วนะคะ เขียนตอนนี้แล้วน้ำตาซึมแฮะ สงสารคุณพ่อกับคุณแม่จัง อเล็กซิสก็ด้วย แล้วอเล็กเซย์ก็ยังซวยไม่มีที่สิ้นสุด เฮ้อ....จะว่าเรื่องคุณลุงก็ไม่รู้ว่าไงดี ยังไงครอบครัวเดียวกัน คุยกันบ้างนะคะ อย่าปล่อยปัญหาให้บานปลาย รอยร้าวเล็กๆก็กลายเป็นแผลใหญ่ได้หากไม่เร่งรักษามัน

  ความจริงตอนนี้จะมีตัวละครใหม่เข้ามาอีกกลุ่ม แต่มันยาวไป (555+)ไม่ต่อเนื่องด้วยเลยตัดฉับไปตอนหน้า เเล้วเจอกันนะคะ
ปล. ร๊อบไม่ได้มั่ว เขาคบทีละคน เพียงแต่มันเป็นคนใกล้ตัวกันเฉยๆ o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 04:10:40 โดย Serin »

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
เห็นรูปที่คนเขียนเอามาอัพไว้ให้แล้วแบบ อ๊ายย~ :m3: :m3:
แต่ละรูปของคาวี่แบบ หล่อไม่ไหว  :give2:
ถึงกับต้องไปค้นฮันนิบาลมาดูใหม่ทันที คนอะไรหล๊อ หล่อ
พอผมยาวแล้วก็กลายเป็นน่าร๊ากก    :-[
ท่านชีครูปใหม่นี้มาอย่างเซ็กซี่ หล่อพอกัน  :o8:
คนที่มาเป็นอิมเมจท่านชีคนี้เขาชื่ออะไรหรอคะ?

เนอะ~ :impress2: กาสปาลหล่อมากกกกกก แต่ตอนผมยาวนี่เครซี่สุดละ
(แต่จะแอบกระซิบอะไรให้ รูปลักษณ์ล่าสุดทำเอาปุ้ยฝันผวาไปหลายวัน )
     คนเป็นอิมเมจชีคไม่รู้ชื่ออะคะ เสียดายเหมือนกัน ถ้ารุ้จะได้ไปหามาเพื่มเหมือนกันนะนี่

แปะรุปคาวี่อีกรอบ ให้ทุกคนน้ำลายไหลกับความน้าเลิฟฟฟฟฟ ฮุฮิ
ผมยาวขึ้นแล้วก็ประมาณณนี้ล่ะค่ะ

 

 

แปะรุปค่า วาดมานาน(มาก)แล้ว ไม่ได้แปะสักที

คาวี่โหมด โดนทับมาแล้วววว  :laugh:

  

    ท่านชีค(ยังไม่ได้ลงสี) โหมดโหดดดดด

  

สวัสดีค่า :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 02:26:19 โดย Serin »

lolilo

  • บุคคลทั่วไป
:impress2: :impress2: :impress2:
มันซับซ้อนและหวานเยิ้ม ;] ,,,,
อ่านแล้วมีฟามสุขสุดยอดไปเลย ;] ฮิฮิ

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
อ๊ากกกกกกกกกกก หวานจริง ๆ
มาขัดจังหวะซะได้นะ หุหุ
คุณลุงนี่ร้ายลึกกกกกก กจริง ๆ นะ วางแผนซะ

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รีบๆๆมาต่อนะครับ

อยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง

และอยากรู้วิธีการแก้ปัญหาของพี่ใหญ่ของบ้านด้วย

แล้วอยากรู้ตอนที่คาวัล"ลได้พบกับครอบครัวอีกครั้งครับ

แบบอยากอ่านความรู้สึกว่าซึ้งแค่ไหน

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
คงต้องยืมมือท่านชีคมาจัดการแล้วล่ะ

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านฉากหวานๆระหว่างชีคกับมาเฟียแล้วแบบ แอร๊ยยย ยย น่ารักเน้ออ
คาวี่หึงโหดจริงๆอ่ะ กลัว ฮาาาา

อ่านตอนคุณพ่อเล่าเรื่องแบบ  :serius2: :z3:
เครียดอ่า เครียดได้อีก
แล้วยังอเล็กเซย์อีก โฮกกก จะเอาเซย์ไปหนายยยย เอาคืนมานะ!!

ท่านชีคเอ่ยปากว่าจะเอามาคืนให้ ยังไงก็ต้องได้คืนแน่ๆนะคาล
รอต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
กร๊าซซซซซซ  กรี้ดด้วยคน กัสปาลสุดที่รัก โดนกดซะแ่ลวววววว  เครซี่คนนี้มากด้วยคนค่ะพี่ปุ้ย :man1:
รูปอิหนุคาวี่ตอนดดนกดมันช่าง :m25:  เซ็กซี่เหลือหลาย
่ส่วนรุปอัลชาห์ก้อนะ  กรี้ดดดดด  กรี้ดดดดด  กรี้ดดดด  มีแส้ด้วยนะค้าาาาาา  เลิศอยุ่ :z3: :impress2:

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
 o18คาวี่นี่หึงโหดจริงอะไรจริง

ส่วนอเล็กเซย์นี่ก็ซวยไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 04:09:41 โดย lovevva »

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
:เฮ้อ: ช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนซะจริงๆ ไปทางไหนก็ต้องมีคนตายอยู่ดี
อ่านตอนที่คุณพ่อเล่าแล้วรู้สึกเข้าใจสัจธรรมของชีวิตขึ้นมาทันที
คนที่คิดว่าหวังดีกับเรามากที่สุด กลับเป็นคนที่ประสงค์ร้ายกับเรามากที่สุด
ช่างเป็นชีวิตที่น่าเศร้าจริงๆ

คาวี่หึงได้โหดมากๆเลย ฮ่าๆๆ สงสัยถ้าท่านชีคไปอยู่ใกล้ใครต้องระวัง
ไม่งันระวังจะโดนแมวตะปรบได้
เป็นคู่ที่หวานจนมดขึ้นมาเป็นรังเลย ฮุฮุฮุ ชอบที่สู๊ด
หวังว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้ทั้งคู่ต้องทะเลาะกันอีกนะ
(เรายังไม่อยากกินมาม่า TT-TT)

เซย์จะเป็นอะไรไมนะ  :call: สาธุ อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ
เราชอบคู่รักต้องห้ามนี้มากๆเลย

มาต่อเร็วๆนะคร้า จะรอจร้า
 :pig4:

l2ockyou_l3ody!

  • บุคคลทั่วไป
แหม. มันอึมครึม  :z3: :z3: :z3:

สงสาร ซิส มาก กกกก.
แบกรับ อะไร ๆ ไว้คนเดียว ตลอดดด  :sad4: :sad4:

ห่วงเซย์ อย่างแรง  :o12: :o12:


 :beat: อิเฟรดดี้ ให้หายเคือง  :pig4:


 :pig4:

Sornpattra

  • บุคคลทั่วไป
อิ วี่นิ นับวันจะน่ารัก ขึ้นทุกวัน คนร้ายกาจของอัลคนเดียว
..... ว่าแต่เซย์ จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ไอ่ลุงมาเฟียมันต้องวางกับดักไว้แน่ แน่
หายไป นานได้ข่าวว่าข้อมือเจ็บ หายแล้วใช่มั้ยคนแต่งคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 15:48:31 โดย Sornpattra »

ออฟไลน์ NONSENSE

  • เพ้อฝัน ไปวันวัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
ถึง ร๊อบจะไม่มั่ว คบทีละคน
แต่รับไม่ค่อยได้ก็อิมเมจร๊อบอ่า
ดูอ่อนแอ เหมือนไม้เลื้อยเลย
----------------------------------

เรื่องเล็กๆที่ไม่มีใครรู้ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้
เฮ้อ...
ขอแค่ไม่จบเศร้าก็ดีแล้วค่ะ
---------------------------------

เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

saya

  • บุคคลทั่วไป
ตื่นมากรีดร้องที่เห็นเรื่องนี้

ฝังทะเลทรายหวานมากดูถ้ามดคงเดินกันเต็มวัง

เรื่องราวตอนนี้กระจ่างมากค่ะกับเรื่องของคุณลุง

เข้าใจว่าคุณลุงรักลูกมาก หวังไว้มากก็เลยเสียใจมาก

แต่ก็แอบเคืองที่เอาความเสียใจมาพาลใส่ คาวี่ กับ สองแฝด

แต่ก็นะถ้าไม่พาลใส่คาวี คาวีก็คงไม่ได้มาซบอกท่านชีค  :o8:

สงสารก็แต่คุณพ่อ  :m15: หวังว่าเซย์ จะปลอดภัยนะ

รอตอนต่อไปจ้า

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
อเล็กซิสต้องไปช่วยเซย์ให้ทันนะ!
คาวี่กับชีคหวานจนเกือบลืมว่าตอนต้นเรื่องมันจะฆ่ากันตายไปรู้กี่รอบ

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
ตอนนี้หวานจังเลยคะ...น่ารักหงะ..^//^
ตอนเจอกันครั้งแรกโรแมนติกจัง..*O*
เพึ่งรู้ว่าคาวี่พอเริ่มหึงแล้วจะหลงตัวเอง...55+
นี่ลงทุนเทียบตัวเองกับร๊อบเค้าเลยนะเนี่ย...
ถ้าคาวี่ยังเป็นแมวเหมียวอยู่อย่างนี้ก็น่ารักกินขาดอยู่แล้วคะ...
แต่ถ้ากลับเป็นไฮยีน่าเมื่อไหร่ก็ติดลบทันทีเลยแหละ..555+

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด