ร่างสูงใหญ่ แผ่นหลังกว้างแสนองอาจของบุตรชายคนโตก้าวผ่านไปแล้ว หากยังติดตาไม่คลาย นัยน์ตาสีเขียวที่ยังคงสะท้อนความร้าวลึกค่อยเบือนไปสบมองนัยน์ตาสีฟ้าสดแสนเคยคุ้นของคู่ชีวิต ร่างเพรียวเล็กของหญิงสาววัยกลางคนผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของตระกูลวาลกัสก้าวออกมาจากชั้นหนังสือด้านหลังตนช้าๆ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขา จ้องไม่หลบตาหากแต่สั่นไหวไม่แพ้กัน..
" โกรธผมไหม? ที่ไม่บอกคุณ ?" ฝ่ามือหนาทาบลงบนแก้มนวลเจือเลือดฝาด...คาเฟรโร่มองเห็นร่างที่เเข็งเกร็งขึ้นของภรรยา หากเพียงชั่วครู่ ฝ่ามือเรียวขาว เเสนบอบบางคู่นั้นก็แตะลงบนฝ่ามือของเขา บีบกระชับและกดแนบผิวแก้มลงไปอย่างอาดูร
" คุณรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้เรียกลูกไปคุยที่อื่น นั่นก็เพียงพอแล้วว่าคุณตั้งใจจะบอกฉันด้วย "ริมฝีปากเล็กของเอเลียวา วาลกัส หรืออลิส โรเซนเบอร์กเอ่ยออกมาเพียงแผ่วเบา เธอทอดมองรอยร้าวลึกในดวงตาสามีอย่างห่วงหา ด้วยรู้ ว่าผู้ที่เจ็บปวดกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเช่นหล่อน ก็ย่อมเป็นคนที่เก็บงำความลับ ความหลังทั้งหลายด้วยใจรวดร้าวปนระแวงเช่นคาเฟรโร่ วาลกัส สามีของเธอตอนนี้..
"...เชื่อมั่นในตัวลูกของเรานะคะ ว่าเขาจะพาเราผ่านทุกอย่างไปได้..." แขนเล็กเรียวทั้งสองข้างตวัดกอดลำคอหนาและซุกใบหน้าลงบนไหล่ คาเฟรโร่เอื้อมมือไปกุมมือของภรรยาตนไว้ เขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆเมื่อสัมผัสถืงหยดน้ำร้อนๆที่ไหลแตะเป็นวงลงบนเสื้อเชิ๊ตของตน...
ชายวัยกลางคนค่อยหันกายกลับอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรั้งร่างของภรรยาตนมากอดแนบชิด ซับรอยน้ำตาของกันและกันท่ามกลางความเงียบงันของห้องเอกสาร..
เยียวยาหัวใจอันรวดร้าวด้วยเสียคนลำคัญของตน กอดรับและปลอบประโลมกันด้วยความหวาดหวั่นที่แผ่ซ่าน...
เพราะทั้งคู่นั้นรู้ เมื่อลูกชายของพวหเขารู้เรื่องทั้งหมด นั่น...หมายความว่า"สงคราม"จะเกิดขึ้น
แตกต่างกับสงครามเผาทำลายเลือดเนื้อศัตรู เพราะนี่คือสงครามที่เผาผลาญ ล้างชีพพวกเดียวกันเอง...และ.....เพื่อปลิดชีพคนที่เคยคุ้ย ชายที่เคยร่วมเป็นร่วมตาย เคยช่วยเหลือเกื้อกูล รักใคร่ผูกพันกันนักหนา ทั้งเคยเดินทางผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน..
สัญลักษณ์อินทรีกางปีกคีบช่อองุ่นที่มีประกายหยดน้ำ...สัญลักษณ์ของตระกูลนั้นวาววับเด่นชัดท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามบ่ายสอดส่องเข้ามาเป็นทาง..
ปลายนิ้วสีอ่อนลูบเงาที่นูนออกมาเบาๆ...หยดน้ำที่ว่า เหมือนจะวาววับเด่นชัดขึ้นกว่าทุกคราที่ได้มอง..
ราวกับหยดน้ำตา ที่กำลังหลั่งรินลงมาแต่ผู้สูญเสียทุกคน..
.......
สิ่งแรกที่เขาทำ...ไม่ใช่การออกไปสั่งมือปืนมายิงใครที่ไหน ไม่ใช่การออกไปสั่งฆ่าใครให้หมดเสี้ยนหมาน ไม่ใช่กระทั่งการเดินไปเรียกประชุมด่วนด้วยซ้ำ...ไม่ใช่...หากแต่เป็นการเดินเข้าไปในห้องของตนอย่างเร็วรี่ เพื่อไปพบกับแฝดผู้น้องของตน น้องชาย คนรัก ผู้ที่เป็นครึ่งหนึ่งของเขา ครึ่งหนึ่งของทุกอย่างในโลกของตนเอง...
เพราะข่าวคราวที่ได้รับและน้ำตาท่ามกลางความปวดร้าวและสิ้นหวังของบิดาทำให้เขาได้ฉุกคิด.. เรื่องราวบานปลายมามากมายแบนบี้เพราะไม่พูดคุยกันและไม่เอาใจใส่กันทำให้รู้ และตั้งใจจะรีบไปตามหาคนที่รักและบอกข่าว บอกทุกสิ่งให้อีกฝ่ายรู้...ต่อให้จะผิดสัญญาต่อน้องชาย ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างมันมาไกลเกิลกว่าจะปิดไปได้แล้ว อีกทั้ง...บอกก็ได้ไม่ใช่หรือ... บอกออกไป เพราะทุกครั้ง อเล็กเซย์ก็จะคอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างให้แท้ๆ...
ปัง ! " เซย์...? เซย์ ....อยู่ที่ไหน? " ฝ่าเท้าก้าวเร็วรี่ไปยังห้องน้ำ และระเบียงนอนไม่ไม่พบร่างของคนที่หาอยู่ บนเตียงก้เช่นกัน อเล็กซิสขมวดคิ้วแน่น นึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาหยิบโทรศัพท์มือถือ กดเบอร์โทรออก หากแต่เสียงเรียกเข้ากลับดังขึ้นหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนี้เอง ชายหนุ่มเดินไปคว้าโทรศัพท์ของคนรักมาสำรวจ จะเห็นโน๊ตสักตัวหรือข้อความใดๆก็ไม่ปรากฏ ยิ่งงทำให้พี่ใหญ่ของบ้านขมวดคิ้วแน่น ถลาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
"เห็นอเล็กเซย์ไหม? " ออกปากถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาด้านหน้าห้อง หากเธอก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นชวนให้ยิ่งใจสั่น ชายหนุ่มเริ่มวิ่ง...วิ่งผ่านจากปีกซ้ายของบ้านไปยังด้านขวา หันรีหันขวางหาที่อยู่ของคนที่รัก ก่อนจะวิ่งพรวดลงไปยังสนามหน้าบ้านทันควัน
" อเล็กเซย์อยู่ไหน ? " บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูททางการมีสีหน้างวยงงไม่น้อยเมื่อคุณชายใหญ่ของบ้านมาเขย่าคอเขาตะโกนถามโหวกเหวกด้วยท่าทีร้อนรน ผิดหูผิดตา หากแต่เมื่อทราบใจความเขาก็พยักหน้า และเอ่ยคำตอบออกไปเร็วที่สุด
" ออกไปกับคุณเฟรเดริโก้เมื่อครู่ครับ ทราบข่าวว่าจะไปพักที่ซีซีลี...."
คำตอบนั้นทำให้นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ฝ่ามือที่กำชุดสูทของบอดี้การ์ดหนุ่มลดลงข้างกายอย่างรวดเร็ว ขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง..
ออกไปแล้ว...
ไปที่ซิซิลี....
ไปยังเกาะซิซิลี ที่กบดานใหญ่ของเหล่ามาเฟียน่ะหรือ?
ชายหนุ่มเม้มปากแน่น ขัดข้องใจและทุกข์ระทมทเสียจนไม่อาจทำอะไรได้ อเล็กซิสกระโจนกลับเข้ามาในคฤหาสถ์เดินผ่านส่วนต่างๆของบ้านด้วยความเร็วราวกับพายุ
ปัง !! เขาเปิดประตูห้องทำงานดังลั่น สมองแล่นพล่านหากไม่รู้จะทำเช่นไร ในเวลานี้ที่ความกังวลกำลังเกาะกินหัวใจจนแทบบ้า..
ช้าไป....ช้าไปแล้ว....
ลุงรู้แล้วแน่ๆว่าเขาทราบเรื่องทั้งหมด...รู้แล้วว่าเขาต้องกลับมาเอาคืน ดังนั้นจึง....
อเล็กซิสทรุดกายลงบนเก้าอี้อย่างหงดแรง ฝ่ามือสองข้างกุมขมับแน่น...
สัญญาและสาบานกับน้องชายไว้แล้วว่าจะช่วยเหลือ จะพยายามให้ถึงที่สุด ทว่าสุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่า..
กระทั่งตอนนี้...
แม้เป็นคำสาบานต่อบุพการี เขาก็ไม่อาจจะรักษาไว้ได้ กระนั้นหรือ?
...................
ท่านชีคว่าคาวี่เด็กนักหนา รู้ไหมจ๊ะว่าท่านอายุเท่าไหร่...
คำตอบ...เท่าอเล็กซานดร้าค่ะ 26 แก่กว่าคาวี่7ปี ประมาณนั้น (แต่ความโหด เหี้ยม (บวกเหี้_ยด้วยก็ได้) คาวี่เยอะกว่าหลายขุม ) จะว่าไปแล้วบุคลิกและการวางตัวของอัลชาอ์นี่ได้แนวคิดมาจาก "ราชาแห่งเจมิไน"ในเรื่องหัวขโมยแห่งบารามอสน่ะค่ะ (อ่านกันใช่ไหมท่าน อ่านใช่ไหม???) ประเภทที่ "คนภายนอกมองว่าประเทศนี้ไม่มั่นคง อ่อนแอด้านการปกครอง สถาบันกษัตริย์เหมือนไม่มีตัวตน คิงก็ดูอ่อนแอพึ่งพาไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ประชาชนของเขาก็มีความสุขดี " คะที่ท่านชีค ไม่โหด + ดูแกร่งเหมือนคาล อันนี้ต้องขอบอกว่าเพราะหนึ่งเลย ท่านชีคเป็นนักปกครองคะ ไม่ใช่ทหารไม่เก่งการต่อสู้เท่าคาลหรอก เอาง่ายๆเลยคือ คนที่เป็นเจ้านายคนหรือเป็นผู้นำเนี่ยไม่จำเป็นต้องเก่งเมพเสมอไป แค่คุณรู้จักใช่คน และรู้จักใช้สมองก็พอแล้ว และอีกข้อ ท่านชีคเป็นคนอ่อนนอกแข็งในคะ เอาเข้าจริงคนนี้น่ากลัว เวลาทำอะไรแล้วกัดไม่ปล่อย(เอาง่ายๆกับการตามขอความรักคาวี่ที่คนปกติเขาคงถอดใจไปแล้ว) เพียงแต่เป็นประเภทเก็บความไม่พอใจไว้แล้วไม่ชอบโวยวาย แต่คาวี่เป็นประเภทขาลุย อารมณ์หุนหันพลันแล่นเลยดูจะโดดเด่นและรุนแรงกว่า ภาพรวมเลยออกมาดูท่านชีคเป็นคาแรกเตอร์อ่อนๆ ยอมคนชอบกล (ความจริงก็ยอมแค่คนเดียวนั่นล่ะ)
เฉลยเรื่องของคุณลุงแล้วนะคะ เขียนตอนนี้แล้วน้ำตาซึมแฮะ สงสารคุณพ่อกับคุณแม่จัง อเล็กซิสก็ด้วย แล้วอเล็กเซย์ก็ยังซวยไม่มีที่สิ้นสุด เฮ้อ....จะว่าเรื่องคุณลุงก็ไม่รู้ว่าไงดี ยังไงครอบครัวเดียวกัน คุยกันบ้างนะคะ อย่าปล่อยปัญหาให้บานปลาย รอยร้าวเล็กๆก็กลายเป็นแผลใหญ่ได้หากไม่เร่งรักษามัน
ความจริงตอนนี้จะมีตัวละครใหม่เข้ามาอีกกลุ่ม แต่มันยาวไป (555+)ไม่ต่อเนื่องด้วยเลยตัดฉับไปตอนหน้า เเล้วเจอกันนะคะ
ปล. ร๊อบไม่ได้มั่ว เขาคบทีละคน เพียงแต่มันเป็นคนใกล้ตัวกันเฉยๆ