Line : 3
วิบัติ..
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนคาวัลโลคิดว่าชีวิตของเขาตกอยู่ในความซวย โชคร้ายอย่างสมบูรณ์แบบ..แต่มา ณ วินาทีนี้ คงต้องบอกว่า มันคือความวิบัติฉิบหายของชีวิตแท้ๆ..
เลือกงานผิดคิดจนตัวตาย..นี่คือคำนิยามอย่างเดียวที่ตัวเขาคิดออกจริงๆ..
ในฐานะที่ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับวงการมืดมานับแต่ลืมตา เขาพบเห็นการทรมารมาหลากหลายประการ ทั้งการตัดนิ้ว ตัดแขน ตัดขา ควักลูกตา หรือการเฆี่ยนด้วยแส้แล้วเอาน้ำทะเลสาดใส่ กระทั่งทรมารด้วยการจับแช่น้ำกรด คาวัลโลยังเคยลองทำมาหมดแล้ว..
แต่..
ไอ้ภาพตรงหน้านี้มัน...
..นรกบนดินหรือยังไงไม่ทราบ???
ชายหนุ่มได้แต่เพ่งตามองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง..ห้องขังที่อยู่ตรงข้ามซึ่งตัวเขาไม่เคยรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จนกระทั่งมีทหารสองคนหิ้วปีกชายคนหนึ่งเข้ามา..และเริ่มก่อกองไฟอยู่ในห้องขังซึ่งใช้เศษหญ้าแห้งเป็นตัวจุด ร่างของชายคนนั้นถูกตรึงไว้บนผนัง ขณะที่กองไฟโหมปะทุได้ที่ ทหารนายหนึ่งก็หยิบมีดที่มีลักษณะหยักโค้งคล้ายเปลวเพลิง ซึ่งคาวัลโลทราบแล้วว่ามันคือกริช มายื่นส่วนโลหะเข้าไปยังกองไฟ รอเวลาจนมันแดงร้อนจากเปลวเพลิง จึงค่อยๆกดมีดลงบนร่างของชายคนนั้น เชือดเฉือนเอาเนื้อหนังบริเวณลำแขน และขา ออกมาสดๆ จนเลือดสีแดงไหลลงพื้นและนองเอ่ออย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคลื่นเหียนคล้ายจะอาเจียน คือกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของเนื้อหนังที่ไหม้ไฟและกำลังถูก “ปิ้ง” ราวกับเนื้อสัตว์ที่มนุษย์ทานเป็นอาหารอยู่ตรงหน้า กลิ่นมันอาจจะทำให้ผู้ที่ไม่ได้เห็นภาพนึกน้ำลายสอ..แต่..กับตัวเขาที่มองภาพเบื้องหน้าชัดเจนแล้ว..ความรู้สึกแสนจะสะอิดสะเอียนนี้ไม่ได้เกินจริงไปเลย..
โดยเฉพาะเมื่อทหารนายหนึ่งป้อนชิ้นเนื้อนั้นลงไปในปากของชายผู้ถูกตรึงบนกำแพง..
“ อุ่ก...” คาวัลโลเอามือปิดปากแน่น แม้ท้องไส้ของเขาตอนนี้กำลังหิวโหย แต่ทว่าภาพตรงหน้ามันชวนขย้อนของเก่าเสียจนไม่กล้าจะมองด้วยซ้ำ..
“..ไม่ทราบว่าหิวรึเปล่า?..” วาจาที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าส่อเสียดนั้นทำให้โทสะพุ่งพรวด คาวัลโลหันไปจ้องเขม็งใส่ผู้พูดทันที นับแต่จำความได้ นอกจากคนในครอบครัวและเหล่าเพื่อนฝูงแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยวาจาเย้ยหยัน ล้อเลียนเขาแบบนี้ เพราะทุกคนต่างก็ทราบดีว่าเขาเป็นใคร...เป็นคาวัลโล วาลกัส ชายหนุ่มผู้จะขึ้นเป็นนายของเหล่ามาเฟีย และกุมอำนาจควบคุมวงการใต้ดินของประเทศไปถึงหนึ่งในสี่..
..ไม่มีใครเคยกล้าล้อเลียน และหยามเกียรติ..
“..ป่าเถื่อน..สมกับเป็นพวกอาหรับ..” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มวาววับ ใบหน้าเชิดขึ้นสบมองแววตาสีเข้มอย่างไม่ยอมหลบ แม้จะรู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน..แต่ก็ใช่ว่าจะยินยอมให้ผู้ที่เหนือกว่ามาหยามกันง่ายๆ
“..งั้นรึ..?..แล้วคุณอยากลองทานเนื้อตัวเองดูไหม..จะอร่อยสมกับเป็นเนื้อพวกคริสเตียนรึเปล่า! “ วาจาที่เอ่ยขึ้นมาดุเดือดไม่แพ้กัน ปัญหาที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธของภูมิภาคนี้ ไม่ใช่เรื่องของความรุนแรงทางลัทธิศาสนาและการก่อการร้ายหรอกหรือ..แล้วเป็นนักโทษ ยังจะกล้ามาพูดจาส่อเสียด ยุยงให้นึกเกลียดชังยิ่งขึ้นไปอีก
“..Fuck !!! “ คาวัลโลสถบใส่คนพูดอย่างแรง พร้อมกับชี้นิ้วกลางใส่ตรงๆด้วยความโมโห เขาไม่ใช่คนใจเย็นใจดีอะไรนัก จะให้มาสงบปากสงบคำกับสิ่งที่เขาไม่ได้ทำงั้นรึ ไม่มีทาง
“..หึ..” รอยยิ้มแสยะนั้นดูราวกับใจเย็น แต่แววตาโชนแสงนั้นบอกว่าไม่ใช่ คาวัลโลมองชายที่ยืนอยู่ในอาภรณ์หรูหรา ซึ่งกำลังยืนอยู่นอกห้องขังและยืนมองภาพการทรมารนักโทษด้วยสายตาเย็นชา..
“..พวกคุณนี่มันทำอะไรป่าเถื่อน ทำเหมือนเขาไม่ใช่คน..” คาวัลโลเม้มปากแน่น เอนหลังพิงผนังห้องขังแล้วส่งสายตายั่วโทสะคนพูด แน่นอนล่ะว่าเขาผูกใจเจ็บจากการถูกกระทำเมื่อครู่ แต่ไม่ได้คิดสงสารเจ้านักโทษคนนั้นหรอกเพราะจะพูดไปแล้วเขาก็เคยทำบ่อยไป “ ทำแบบนี้ มิน่าถึงมีคนอยากกำจัด..”
..คาวัลโลชะงักกึก..
นึกขึ้นได้ว่ากำลังขุดหลุมฝังตัวเอง ทั้งที่อุตส่าห์หาเรื่องเบี่ยงประเด็นได้แล้วน่ะ ให้ตาย..
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด อยากจะทึ้งหัวตัวเองซักสิบรอบเพราะสายตาของท่านชีคคนนั้นจ้องมองมาที่ตัวเขาอีกครั้งตาไม่กระพริบ..เพราะไอ้ความเป็นคนปากชอบหาเรื่องถึงต้องลำบาก ท่านลุงก็บอกไว้แล้วแท้ๆ
เก้าอี้แกะสลัดจากไม้..ฝังมุก..ประดับพลอย ติดด้วยทองคำ..และ....อะไรอื่นๆมากมายที่เขานึกไม่ออกถูกวางไว้ ณ ปากประตูห้องขัง โดยมีร่างของท่านชีคตัวสูงใหญ่นั่งตระหง่าน เบื้องหลังคือชายสองคนที่ยืนคุมเชิง พร้อมกันนั้นก็มีแบ็คกราวน์เป็นห้องขังฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังมีการ”ย่างสด”กันอยู่..
อยากจะถอนหายใจเฮือกและส่ายหัวด้วยความเดียดฉันท์ถึงรสนิยมอันย่ำแย่ในการสอบปากคำของท่านผู้นำคนนี้ แต่เขาก็ทำได้แค่นั่งลงบนพื้น ส่งสายตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวให้คนที่อยู่ตรงหน้าแก้เบื่อ..
“..เอาล่ะ...” น้ำเสียงเรียบเรื่อย..สำเนียงอังกฤษแท้ๆ ท่าทางจะไปอยู่อาศัยที่นั่นมานานพอดูดังขึ้นในความเงียบ..ไม่สิ..ไม่เงียบหรอกเมื่อยังมีเสียงกรีดร้องของนักโทษดังอยู่ด้านหลัง...คาวัลโลรู้สึกขำขึ้นมาเมื่อพบว่าคิ้วหนาๆสีเข้มนั้นกระตุกถี่...ยามที่เสียงหวีดร้องนั้นดังขั้นมาอีกระลอก..
“..เฮ้.. แนะนำให้เย็บปากไอ้หมดนั่นซะดีมั้ย..ไม่อย่างนั้นก็ตัดลิ้นก็ได้..หนวกหูว่ะ..” ออกปากเสนอแนะออกมาอย่างชาชิน พร้อมกับฝ่ามือที่ซุกเข้าไปในกองหญ้าแห้ง..ช้าๆ...
“ นั่นเป็นสิ่งที่คุณอยากให้เกิดกับตัวเองรึไง?..มิสเตอร์คาวัลโล..” คิ้วของหมอนี่ขยับด้วยความฉุนทุกครั้งที่เขาออกปากพูด..มองแล้วน่าหัวเราะแต่ก็ทำได้เพียงกลั้นขำ เพราะคำพูดคำจาเหมือนครูอนุบาลเตือนลูกศิษย์นั้นชวนให้เขาขบขันมากกว่า..
“..ถ้าถามผมนะ..ขอแนะนำอีกครั้งว่าคุณควรจะ...มีท่าทีขึงขังและเน้นเสียงอีกนิด เวลาพูดมันจะได้ไม่เหมือน...”
“..เลิกเบี่ยงประเด็น..แล้วพูดออกมาตามตรง..” ชิ..คาวัลโลกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ..เขายังไม่เจอ”นั่น”เลยนะ ไม่น่าเอาไปไว้ซะไกลเลย..
“..แล้วคุณต้องการอะไรจากผมล่ะ?..ข้อมูล..เรื่องราวเป็นมา..หรือว่า “ชีวิต”..” เขาจ้องสบตาคู่สีดำสนิทคู่นั้นเขม็ง..เห็นแววตาที่..คล้ายจะพึงพอใจเพียงแค่ครู่หนึ่ง..เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว..
“..คาดว่าคุณคงจะต้องเสียอย่างหลังไปในไม่ช้า..ถ้ายังเล่นลิ้นไม่เลิก...”
“..งั้น...”..คาวัลโลเลิกคิ้ว..พลางจองมองใบหน้าเข้มของอีกฝ่าย นึกอิจฉาขึ้นมาวูบหนึ่งว่าทำไมเขาไม่มีใบหน้าแบบนี้บ้าง.เข้มๆแมนๆแบบเนี๊ยะ เผื่อสาวจะหลงมากขึ้นอีกหน่อย เพราะเทรนด์ปีนี้กำลังนิยมหนุ่มหล่อเข้ม. “..คุณจะเสนออะไรให้ผมล่ะ?..คงไม่คิดหรอกน่ะ..ว่าผมจะยอมพูดง่ายๆแลกกับคำสัญญาไร้สาระว่าจะปล่อยตัว..จะ..อะไรทำนองนั้น..”
“..แล้วคุณคิดว่าสิ่งที่คุณมี..เป็นประโยชน์อะไรกับทางเราบ้างละ..” อัลชาอ์ยิ้ม..รู้สึกว่าการสอบสวนที่อุตส่าห์ลงมือเองครั้งนี้ก็สนุกดีไม่หยอก เพลินเพลินกับการได้ฟังคำพูดยอกย้อนเล่นลิ้นนั่น...และ แววตาวาววับไร้ความหวั่นกลัวของนักโทษเบื้องหน้า..
“..มากกว่าที่คุณคิด..” โทษทีว่ะ..ความจริงไม่มีอะไรเลย
“..เช่น...” ชีคอัลชาห์ ยาฮิลยะห์ มูซา มูอัสซิน เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ พลางจ้องมองใบหน้าที่ดูเป็นเด็กหนุ่มเกินวัย นึกวิเคราะห์ลักษณะท่าทางและประสบการณ์ทางการต่อสู้ของอีกฝ่าย..
“...บอกคุณแล้วผมจะได้อะไรล่ะ?..” คาวัลโลเลิกคิ้ว จ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ..มั่นใจว่ากว่าจะพูดกันรู้ความก็ต้องรอให้เขาอ้อมโลกเสียครึ่งรอบซะก่อน..เพราะอย่างนั้น..เวลาในการค้นหา”นั่น” ก็คงไม่มีปัญหา..
“..ต้องการอะไรล่ะ..คุณคาวัลโล..” อัลชาอ์ถามกลับอีกฝ่าย..คิดว่าการได้ต่อปากต่อคำแบบนี้ก็รื่นเริงพอสมควร..
“..อิสรภาพ...”
“..................”
คำตอบของคาวัลโลทำให้ห้องขังเงียบกริบ..มีเพียงเสียงครางอู้อี้ของนักโทษฝั่งตรงข้ามและเสียงเนื้อไม้แตกเปรี๊ยะ..และเสียงแซ่กๆ..ของมือซ้ายที่กำลังควานหาบางอย่างบนพื้นห้อง..
“..ที่ไม่ใช่ในสภาพของ”ร่างไร้วิญญาณ..”..เหมือน”เจ้านี่”..”
ตุ๊บ..
ทันทีที่ซากของงูหางกระดิ่งตัวขนาดกำลังโตหล่นตุ๊บลงบนตักของอัลชาอ์ ชีคหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นทันควัน เขาส่งสายตาวาววับด้วยความโกรธไปยังร่างที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตรงหน้า องค์รักษ์ด้านหลังจะโผนไปจัดการ แต่อัลชาอ์ยกมือห้าม และก้าวเท้าไปยังร่างของนักโทษหนุ่มเบื้องหน้า
เศษซากร่างงูทิ้งตัวลงบนพื้น พร้อมกับปล่ายมีดสั้นแหลมคมที่พุ่งตัดลำคอของงู..ห่างจากรองเท้าบู๊ทที่สวมอยู่ไม่ถึงคืบ ทำให้ดวงตาของคาวัลโลเบิกขึ้นด้วยความตื่นเต้น..แต่ไร้ความตกใจโดยสิ้นเชิง..
“..ไม่คิดบ้างเหรอ? ว่าการทำแบบนี้อาจจะทำให้คุณมีสภาพแบบงูนี่..เร็วขึ้น..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเหี้ยม นึกเคืองไม่น้อยที่รายนั้นยังดึงมีดจากพื้นเขวี้ยงส่ง..ไม่สิ..เขวี้ยงใส่ไปยังองค์รักษ์ของเขาหน้าตาเฉย..
“..ต่อให้ไม่ทำ ผมก็คงมีสภาพแบบนั้นอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว..” คาวัลโลยิ้มแสยะ..พลางสบมองแววตาวาววับเบื้องหน้า “ ..อีกอย่าง..ถ้าเป็นผม จะไม่เตือนใครด้วยวิธีนี้หรอกน่ะ..เพราะ...อาจจะทำให้สถานการณ์พลิกผันได้..”
เขาผุดลุกขึ้นช้าๆ สบมองแววตาของชีคหนุ่มราวกับจะวัดใจ
“..ถ้าเมื่อครู่..ผมหยิบมีดนั้นขึ้นมา..แล้วยกมันจี้ลงบนลำคอของคุณ..แค่นั้นเรื่องราวมันก็เปลี่ยนได้แล้ว..” ฝ่ามือขาวจัดแตะลงบนลำคอของชีคหนุ่มอย่างท้าทาย..น่าแปลกที่ฝ่ายนั้นยอมให้แตะต้องง่ายๆ..มีเพียงดวงตากร้าวแสงที่ยังคงมองสบ..ไม่ผละห่าง..
“..ถ้าคิดว่าทำอะไรได้ง่ายขนาดนั้น..ฉันคงไม่สามารถเป็นผู้นำของประเทศนี้ได้หรอก..” อัลชาอ์ยิ้ม พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็ออกแรงบีบนิ้วเรียวที่ยังคงวางอยู่บนลำคอของตน..อย่างแรง..
“..โอ๊ย!!..แหย่ไม่ได้เลยนะ..ให้ตาย..”คาวัลโลดึงมือออก สะบัดแล้วครางอู้.ไม่สนใจดวงตาที่วาววับของอีกฝ่าย..
“..หึ...เลิกเล่นได้แล้ว..รีบๆบอกสิ่งที่รู้มาซะ..” อัลชาอ์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง รอยยิ้มพึงใจปรากฏอยู่บนใบหน้าเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีอะไรมากกว่าที่คิดไว้..
“..บอกแล้วไง..ว่าต้องให้”อิสระ”กับผม..” คาวัลโลต่อรอง..ขณะที่ทรุดตัวลงแล้วควานหาหญ้าแห้งมาคลุมศพงูหางกระดิ่งผู้โชคร้าย..
“..แลกกับแค่การที่คุณบอกข้อมูลที่รู้มากับทางเรางั้นเหรอ?..หึ..คิดว่ามัน...ให้ตายสิ...เลิกทำอะไรเพี้ยนๆได้ไหม? หรืออยากให้ล่ามโซ่ไว้เหมือนไอ้ห้องตรงข้ามนี่ !! “ อัลชาอ์สถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นว่าคาวัลโลกำลังจะเริ่มพิธี”ทำศพงูหางกระดิ่ง” โดยไม่ได้สนใจคำถามของตนเท่าไหร่เลย..
“...อะไรกันเล่า..รู้ไหม? มันไม่ได้เพี้ยนมากเท่าไหร่หรอกน่ะถ้าเทียบกับ”จีฮัด”ของพวกคะ...โอเคๆ..ไม่พูดแล้วก็ได้..”คาวัลโลโบกมือขอโทษเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเคืองโกรธขึ้นมา ยามที่เขาออกปากถึงเรื่องที่ไม่ว่ายังไง คนยุโรปอย่างพวกเขาก็ไม่เข้าใจชาวอาหรับอยู่ดี กับ”จีฮัด”สงครามการก่อการร้าย สงครามที่พวกมุสลิมถือว่าศักดิ์สิทธิอะไรนั่น ถ้าเป็นปกติเขาคงอยากจะชวนคนตรงหน้าถกกันเรื่องจีฮัดกับครูเสดซักครั้ง..แต่ว่าตอนนี้ แค่เถียงกันเรื่องชีวิตของเขาก็คงเกินพอแล้ว..
“...ผมบอกพวกคุณแล้วไง..จะทำอะไรกับผมต่อ จะเตรียมแพ็คเกจ”ตายฟรี ไม่มีโลงศพ”ให้ หรือว่าอภิสิทธิในการเป็น”ทาสรับใช้”พิเศษดูแลคุกกันล่ะ” คาวัลโลออกปากถาม พลางกอดอกพิงผนังห้องขัง “ โอเค..ผมทราบดีว่าในฐานะ”นักโทษ” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณตั้งมา มันหมายความว่าชีวิตผมอยู่ในมือคุณ จะทำอะไรกับผมก็ได้...แล้วไง ถ้าผมบอก”ทุกอย่าง”กับคุณไปแล้วเนี่ย..ผมจะได้อะไรเหรอ?..หือ..จะบอกว่าตายโดยไม่ทรมารเหรอ? มุขนั้นมันเก่าไปแล้วนะ ข้อเสนอมันไม่น่าจูงใจพอ ..แบบนี้จะต่างอะไรกับการตายหลังจากถูกทรมารตรงไหน?..”
อนาคตบอสของมาเฟียวาลกัสแห่งอิตาลียิ้มมุมปาก นัยน์ตาทอดมองใบหน้าที่เคร่งขึ้นของผู้ได้ฟังคำถามของเขา..จะว่าไปแล้ว เพราะประสบการณ์ในฐานะผู้เคยสอบปากคำมาบ้างนี่แหละ ทำให้เขารู้จักวิธีรับมือกับนักโทษดี พอๆกับวิธีที่จำพวกข้อเสนอและคำพูดคำขอต่างๆของนักโทษมาใช้ ทั้งชักจูง..และ..บีบบังคับให้พวกมันยอมเผยความลับ..ยอมทำตามสิ่งที่เขาบอก..
“..หรือจะบอกว่าจะจับพ่อแม่พี่น้องของผมมาทรมาร”..คาวัลโลยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงครอบครัวตนเอง “ขอบอกน่ะว่าผมเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตายแล้ว..คนที่เลี้ยงมาก็เหมือนกัน ..ต่อให้ไปจับป้าโอลิเวีย ยัยแก่ข้างบ้านที่ชอบเอาอะไรมาให้กินก็ใช่ว่าจะทำให้ผมยอมคายความลับออกมาหรอกนะ..อีกอย่างบ้านผมอยู่ที่อิตาลี ต่อให้พวกคุณกล้าไปจับก็ยังต้องมีเรื่องงัดข้อกับมาเฟียที่คุมที่นั่นอยู่ดี..”
“...ถ้าผมจะทำแบบนั้น..” อัลชาอ์ยิ้มออกมา..มองหน้าคนพูดแจ้วๆอย่างนึกขบขัน “ สู้ไปจ้างมาเฟียพวกนั้นจับมาเลยไม่ดีกว่ารึไง?..ดีกว่าการดั้นด้นไปเองตั้งเยอะ..แต่พูดไปก็เท่านั้นเพราะดูท่าทางต่อมจิตสำนึกของคุณมันจะบกพร่องไปตั้งนานแล้วนี่..”
“.......” หืม?..คราวนี้คาวัลโลเป็นฝ่ายหน้าเบี้ยวบ้าง..ต่อมจิตสำนึก..บกพร่อง...งั้นเหรอ? มันอะไรกันว่ะ นี่กำลังด่าใช่ไหม? นั่นคือคำด่าใช่ไหม?
“...ถ้าอย่างนั้นการจะจับคุณไปโยนรวมในฮาเร็มของผม..คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมั้ยล่ะ?..”
“ หา????...” คาวัลโลครางออกมา อ้าปากค้างแล้วเอียงคอมองหน้าคนพูด ชายหนุ่มกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า..เท้าจรดหัวแล้วมองอย่างนั้นกลับไปสามสี่รอบ..ก่อนจะกอดอกตัวเอง..แล้วถอนใจเบาๆ..
“..หน้าตาก็ดีน่ะคุณ..ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น..แต่ก็เอาเถอะ ผมรู้ตัวเองดีว่ามีสเน่ห์แค่ไหน..ต่อให้เป็นพวกชีคหน้าดุนิสัยโง่ๆ จะมาหลงรักผม..นั่นก็ไม่แปลก..”
“..หุบปาก !! “ คราวนี้คนที่ตวาดใส่ก็คือคนถูกกระแนะกระแหนบ้าง คาวัลโลแสร้งเบิกตากว้างแล้วส่งนัยน์ตาออดอ้อนไปให้อย่างชวนประสาทเสีย..ส่วนอัลชาอ์ถอนใจแรงๆ รู้สึกเหมือนเส้นประสาทจะกระตุกและอายุสั้นขึ้นอีกหลายปี..ทั้งที่ตั้งใจจะก่อกวนเจ้านักโทษปากดีเสียบ้าง แต่นอกจากจะรู้สึกหงุดหงิดแล้วยังขายหน้ากับท่าทางจริงจังนั่นอีก..
“....โปรดจงเข้าใจไว้เถอะ..ว่าคนอย่างผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น..และต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ไม่มีทางเลือก”แบบนี้”ไปแน่ๆ..” หมายถึงประเภทที่ถ้าอยู่ด้วยนานแล้วเส้นเลือดในสมองอาจจะแตกตาย..หรืออะไรประเภทนั้น..
“..เห..แบบนี้..แบบนี้มันหมายความว่ายังไงน่ะ..แบบนี้มันดูถูกกันชัดๆ..”เห็นแบบนี้เขาถูกเลือกเป็นหนุ่มในฝันของมาเฟียสาวทั่วอิตาลีตั้งสามปีซ้อนน่ะเว้ย..อยากจะอวดนักแต่ก็ต้องกัดริมฝีปากไว้เงียบๆแทน..
“..หยุดประเด็นนั้นไปซะ..และว่าด้วยอิสรภาพที่คุณต้องการ..ขอบอกว่าแม้จะยอกย้อนมาจนตอนนี้..ผม..ก็ยังไม่ได้รับคำตอบไหนเป็นรูปธรรมจากคุณเลย..คุณนะเรียกร้องแค่สิทธิ อย่าลืมกล่าวถึง”หน้าที่”ของตัวเองที่ต้องทำด้วยสิ..” อัลชาอ์เอ่ยพลางหรี่ตาลงน้อยๆ สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่หรุบต่ำลงอย่างครุ่นคิดของผู้ฟัง “..จะให้เราปล่อยคุณเป็นอิสรภาพ ทั้งที่คุณอาจจะกลับมาที่นี่..แล้วทำอะไร”โง่ๆ”แบบเดิมนะเหรอ..ต่อให้มีโอกาสสำเร็จศูนย์เปอร์เซ็นต์เราก็ยังต้องจัดการ”เก็บ”อยู่ดีน่ะ รู้ไหม?..”
“..........” ศูนย์เปอร์เซ็นต์เชียว.. คาวัลโลขบริมฝีปากแน่น..
“..เอาล่ะ..บอกมา..ผู้จ้างวานคือใคร?..” อัลชาอ์ตัดสินใจโยนความหฤหรรษ์แบบแปลกๆในการสอบปากคำครั้งนี้ทิ้งไป แล้วออกปากถามทันควันอย่างไม่อยากเสียเวลา..
“...ผมสามารถ..ช่วยคุณจับ”ตัวการใหญ่”ในครั้งนี้ได้..” คาวัลโลกัดริมฝีปาก จ้องมองหน้าคนฟังอย่างหนักแน่น..
“..น้อยไป...” อัลชาอ์เอ่ยช้าๆ..ยิ้มมุมปากอย่างผู้กำชัยชนะ..
“..พร้อมหลักฐาน..”นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองดวงตาดำใหญ่ราวกับหลุมลึกเขม็ง..
“..หาเองก็ได้..” อัลชาอ์โคลงหัวคล้ายไม่ใส่ใจ..นั่นทำให้คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆ..
“..แน่นอนหากรู้ตัวการ..รู้เส้นทางขนส่งอาวุธ..ผู้ร่วมมือจากต่างประเทศ..และ...”ผู้สนับสนุนหลัก”..”
“........” คราวนี้อัลชาอ์เป็นฝ่ายหรี่ตาลงบ้างพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด..
“..ทั้งหมดนั่น..ผมให้คุณได้...” คาวัลโลยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาเริ่มวาววับ..
“..จาก..มือปืนรับจ้าง..นะหรือ จะมีข้อมูลพวกนี้..คำถามนั้นทำให้คาวัลโลหรี่ตาลง เม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิด ก่อนจะคลายลงเป็นรอยยิ้มมั่นใจ..
“..ผมไม่ใช่..แค่หนูตัวเล็กๆแบบที่คุณคิด..อีกอย่าง ถ้าคุณเห็นผมเป็นแค่นั้น..จะจับผมมาทำไม? จริงไหม?..” คาวัลโลเอ่ยก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ ผมได้ติดต่อกับผู้ว่าจ้างโดยตรง..และ...ทุกอย่างที่ผมพูดไป..หลักฐานหาได้..ที่โรงแรมแกรนด์ฮิลตัน UAE ห้อง 1454 และพยานยืนยันที่อยู่.. อเล็กเซย์..จีโอวานนี่ วาลกัส..”
คาวัลโลบอกพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมาดมั่น..นึกไพล่ไปถึงไอ้คนที่เขาลากมาร่วมวงซวยด้วย.นึกห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตของมันแค่สามวินาที.แต่ก็ปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว..เพราะถ้าคนอย่างเล็กเซย์..พี่ชายของเขาเป็นอะไรไปจริงๆ.. อเล็กซิส..ไอ้บ้าอีกคนได้ตามฆ่าล้างโคตรพวกท่านชีคตระกูลนี้แน่..
“.................. “อัลชาอ์ยังคงยิ้มมุมปาก..ไม่พูดอะไร..
“ ..ไม่มีเอกสารที่คุณต้องการหรอก เพราะพรรคพวกที่เหลืออยู่คงกวาดมันไปหมดแล้ว..แต่ผมจะบอกว่า..นั่นคือพยานยืนยันที่อยู่..และ..คนที่ผมรู้จัก..เขาเดินทางมาติดต่อเจรจา”ธุรกิจ”กับคนของประเทศแถบนี้..ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะรวม...คนที่กำลังหาทางลำเลียงอาวุธหนักผ่านชายแดนโอมาน..ข้ามมาแถวนี้..ซึ่งกำลังมีรายชื่ออยู่ในลิสต์ผู้ว่าจ้างเสียด้วยสิ..”
คราวนี้องค์รักษ์นายหนึ่งของอัลชาอ์ครางออมาเบาๆพลางก้มกระซิบบางสิ่งใส่หุเจ้านาย คาวัลโลนึกหงุดหงิดที่มันเป็นภาษาอารบิค ไอ้พวกหุ่นหน้าตายที่ยืนทื่ออยู่นั่น..มันฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องนิ..เสียเปรียบชะมัด ถ้ารอดไปได้..หมายความว่าหากรอดไปได้นะ..เขาจะบอกให้พ่อหาครูภาษาอาหรับให้สักคน.
“...ตอนนี้ทางเรากำลังขาดล่ามภาษาอิตาลี..และสเปน งานแปลภาษาคงไม่ยากไปสำหรับคนแถบนั้นใช่ไหม?..อย่าเขียนอะไรแปลกๆลงมาละ..” รอยยิ้มมุมปากของคนพูดนั้นไม่ได้สำคัญไปมากกว่าใจความที่ได้รับ คาวัลโลครางรับในลำคอด้วยความพึงใจ ขอแค่ไม่ต้องเป็นนักโทษที่รอการประหาร..แค่นั้นเขาก็สามารถหาทางติดต่อ”เคลียร์”กับทางครอบครัวได้อยู่แล้ว..
“..มีระยะทดลองงานรึเปล่า?..” คาวัลโลออกปากถาม นัยน์ตาวาววับ..
“..ไม่มี...เพราะเราจ้างคุณแค่..”สามเดือน..” หืม?..คาวัลโลเลิกคิ้ว..มองร่างสูงที่ลุกออกไปจากห้องขัง และองค์รักษ์ทั้งคู่กำลังล่ามโซ่ประตูห้องไว้ความหมายของการทำงานสามเดือนถูกหยุดไว้ชั่วคราว เมื่อพบว่ากำลังจะถูกขังไว้ที่เดิม คาวัลโลอ้าปากจะท้วง
“...เฮ้...นี่จะ....” เขาจะถามถึงที่อยู่ที่ยังไงก็ไม่น่าพิสมัย แต่ทว่าคำตอบก็ดังมาราวกับรู้ทันควัน
“..ระหว่างนี้ก็เชิญพักผ่อนที่ห้องรับรองพิเศษของเราไปก่อนแล้วกัน.” คำตอบนั้นทำให้คาวัลโลอ้าปากค้าง เบิกตากว้างมองตามร่างที่เดินออกไปและมองห้องฝั่งตรงข้ามที่ยังคงมีร่างของเจ้าคนที่...ถูกไฟคลอกไปครึ่งหน้าแล้วครางอู้อี้ออกมา..ชายหนุ่มแบะปากออกทันที..นี่กะจะแกล้งให้นอนกับภาพไอ้คนตรงนั้นที่หันมาหาเขาแบบพอดิบพอดีใช่มั้ยว่ะ!!
............................................................................................
บอกแล้วค่ะ ว่านิสัยนายเอกของเรา น่ารักเป็นที่สุด หุหุ
