“ ฮัดเช้ย !!!
อีกฟากหนึ่งของทะเลทราย บนเก้าอี้ตัวเดิมคาวัลโลกำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยดวงตาขุ่นเขียว การจามเมื่อกี้ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้น จากที่ที่หงุดหงิดมากๆ..อยู่แล้ว เสียงโครกครากในกระเพาะยังคงสอดประสานกันราวกับเสียงดนตรีวงซิมโฟนีออเคสตร้า..เสียงแต่ตอนนี้แม้จะมีวงเวียนนาออเคสตร้าที่บัตรเข้าชมราคาแพงหูฉี่มาบรรเลงเพลงให้ฟังก็ไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้..
รองเท้าบู๊ทที่เปื้อนทั้งฝุ่นทรายพาดลงบนโต๊ะทำงานสุดหรู พาดเฉียดเอกสารสามสี่ปึกบนนั้น แต่แน่นอนว่าไม่ได้ทำให้เขานึกจะสนใจ เสียงคำรามของกระเพาะต่างหากที่ดึงความสนใจได้ดียิ่งกว่ากระดาษที่อยู่ในมือเขาเป็นไหนๆ...
คาวัลโลกระดิกปลายเท้าช้าๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นแกว่งแรงขึ้น...แรงขึ้นเรื่อยๆ...และแทบจะยกฝ่าเท้ากระทืบโต๊ะสวยๆนี่ให้แหลกคาเท้า..ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกาแทบทุกๆสามวินาที...มันกำลังบอกเวลาหกโมงสิบห้านาที...เสียงสวดมนต์ภาษาอาหรับที่ได้ยินเงียบลงไปแล้ว..นี่มันคงจะเป็นเวลาทานอาหารหรืออาบน้ำหรือทำอะไรเทือกๆนั้น...แต่ว่า....แต่ว่านะ....
ทำไมเขาจะต้องมานั่งอ่านเอกสารบ้าบอของชาวบ้าน ทั้งที่อยู่ในสภาพนี้ด้วยว่ะ !! เวรเอ๊ย...
“...ผมกำลังจะมาบอกว่า...จะหาเก้าอี้มาให้คุณนั่งทำงาน..แต่....” น้ำเสียงเรียบๆที่ดังขึ้นทำให้คาวัลโลหันขวับไปมองด้วยดวงตาขุ่นเขียว
เขายื่นมือซ้าย ชูนิ้วกลางอันเป็นสัญลักษณ์สากลให้ชี้คหนุ่มเงียบเสียงลง..
“...คุณคิดว่ากระเพาะของผมมันเหมือนอูฐที่กินวันเดียวแล้วเก็บได้สิบวันหรืออะไรทำนองนี้รึเปล่า...บอกตามตรงว่าผมไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว หิวข้าวพอที่จะเดินไปกระชากคอยามหรือตัวอะไรก็ตามข้างนอกนั่นมากินกันตาย..เข้าใจไหม?...ไม่ต้องสรรหาอะไรมาใช้งานหรือสั่งการผมตอนนี้ เพราะไม่งั้นผมจะเดินไปกัดหูคุณมากินหรือไม่ก็คอแหว่งทั้งเป็นๆนี่ล่ะ..หรือว่าจะ....”
“...โอเค...เข้าใจ สรุปว่าตอนนี้หิวจนจะเป็นบ้า...” อัลชาอ์สรุปกับท่าทางที่แทบจะเรียกได้ว่าหิวจนสติแตกทั้ง ตาขวางและแยกเขี้ยวใส่ทุกคนที่เข้าใกล้..
“........” คาวัลโลไม่พูดแต่ส่งสายตาประณามสุดฤทธิ์ไปยังชายหนุ่มตรงหน้า จนอัลชาอ์ต้องถอนหายใจเฮือก
คาวัลโลส่งสายตาขุ่นๆมองตามหลังของชี้คหนุ่มที่เดินไปสั่งอะไรกับทางลูกน้องด้านนอก..หวังว่ามันคงจะสั่งอาหารหรืออะไรเทือกนั้นมาให้เขา ถ้าหากไอ้ชี้คบ้านี่ยังทำอะไรงี่เง่าไร้สาระ คาวัลโลจะขอกระโดดกัดคอหอยมันให้เลือดพุ่งเหมือนน้ำพุ เสร็จแล้วก็จะกัดลูกกระเดือกมันให้....
“...เอาล่ะ...ระหว่างนี้....”อัลชาอ์เดินกลับมาแล้วทรุดตัวนั่งที่ตรงข้าม นัยน์ตาสีเข้มเขม้นมองปลายเท้าที่สวมรองเท้าบู๊ทสีเข้ม มีเศษทรายติดอยู่ประปรายซึ่งกำลังกระดิกยิกอยู่ข้างหน้าตัวเขา..และ...ไม่คิดจะเอามันออกไปเลย..
หันไปสบมองแววตาขุ่นมัวและสีหน้าอวดดีแบบขาดสติของคนที่หิวจนแทบกัดคอคนได้แล้วก็พยายามปัดเรื่องไร้สาระให้หายไปจากสมอง พยายามบอกตัวเองว่า...มันก็แค่..นักเลง ไอ้ตัวกวนตีน ไอ้บ้าที่น่าเอาปีนยัดปาก..ไอ้บ้าที่กำลังเอาเท้าชี้หน้าผู้นำแห่งเนียยา..
“...พอใจที่จะอยู่แบบนี้...มีอะไรไหม?..” นัยน์ตาสีน้ำทะเลวาววับอย่างเอาเรื่อง คราวนี้ไม่มีแม้แต่แววตา กวนโมโห ท่าทีซ่อนเลศนัยมีอะไรแอบซ่อนอีก...ที่เห็นตรงหน้าคือความโกรธ และเคืองจนหน้ามืดชนิดที่ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อกวนประสาท..ให้อีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียเช่นเดียวกับตน..
“..ไม่เป็นไร หากมีมารยาทที่ถูกสั่งสอนมาเพียงแค่นั้น..” ชีคหนุ่มรับคำสีหน้าเรียบเฉย..นึกขบขันนิสัยเหมือนเด็กไม่ยอมโตของชายหนุ่มตรงหน้า..
“..พอดีโดนเสียมารยาทใส่ซะก่อน เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย !! “ คาวัลโลกระชากเสียงใส่ทันควัน แล้วโยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะอีกโครม ใบหน้ายังคงบูดบึ้ง แบบอารมณ์เสียอย่างสุดๆ...
“..ไอ้อาวุธที่คุณจะซื้อนี่...ขอย้ำว่าควรไปทบทวนลิสต์รายการซะเดี๋ยวนี้...ไม่ทราบว่าจะประหยัดทำซากอะไรนะครับ..ถึงได้ซื้อแต่ปืนรุ่นเก่าๆของตกรุ่นที่กำลังจะกลายเป็นมือสอง เอามาประกอบเป็นโลงใส่ศพตัวเองรึไงไม่ทราบ..” ชายหนุ่มวิจารณ์เสียงห้วนอย่างอารมณ์เสีย “ อย่าไปซื้ออาวุธจากประเทศที่สองที่สามมา ของแบบนั้น เขาโละทิ้งแสดงว่าไม่ต้องการแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นจะเอามาใช้อีกทำไม แม้ว่าคุณจะอยากได้ของให้กำลังพลตัวเองใช้ แต่เอาของห่วยๆมาใช้แบบนี้ ยืนถือไม้หน้าสามแล้วไล่ตียังจะมีประสิทธิภาพกว่าซะอีก !! “
“ อย่างไอ้นี่น่ะ..” คาวัลโลกางหน้าเอกสารเสร็จแล้วก็เสือกเข้าหน้าชี๊คหนุ่มอย่ารวดเร็ว.. “เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวณ/โจมตีเบา Kawasaki OH-1 ใช้นักบิน 2คน อาวุธที่ติดอยู่ก็เป็น ปืนกล 3ลำกล้องหมุนขนาด 20มม. อาวุธต่อต้านรถถังและจรวดหลายลำกล้องไม่นำวิถี..ราคา 678,000ล้านดอลล่าห์...ให้ตายเถอะ นี่ไปประมูลกันมาใช่ไหม? ประมูลอะไรถึงได้ราคาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมครับคุณ รุ่นนี้ที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Kawasaki เป็นผู้สร้าง ซื้อจากประเทศเขาโดยตรงน่ะ ราคายังไม่เกินห้าแสนดอลล่าห์เลยเถอะ รวมภาษีนำเข้าอะไรสารพัดแล้วน่ะ..สั่งของต้นแบบมายังดีกว่า นี่ไปประมูลมา...ประมูลห่าเหวอะไรไม่ทราบ..อย่าทำเหมือนประเทศ XXX ได้ไหม? งบพัฒนาทางการทหารกี่แสนล้านเอาไปซื้อของมือสองตกรุ่นแถมได้ราคาแพงกว่าของใหม่ลิบ..โชว์โง่แบบนี้ถึงว่าสิ ประเทศชาติแม่งไม่ค่อยพัฒนา !! “
อัลชาอ์นิ่งเงียบพิจารณารายละเอียดที่ถูกขีดฆ่าและแก้โยงจนลายพร้อย กระดาษแผ่นสั่งซื้อที่แนบมาถุกขีดฆ่าออกแทบทุกรายการ พร้อมกับปากกาแดงๆขีดฆ่าจนเต็มหน้า ชายหนุ่มพยายามข่มความไม่พอใจกับถ้อยคำเสียดสี พลางพิจารณาถึงรายละเอียดที่ว่า..เพราะถ้ามันจริงก็แสดงว่าเขาคงต้องมีการเรียกคนที่จัดการเรื่องสั่งซื้ออาวุธต่างๆมาคุยด้วยสักครั้ง..
“..รายละเอียด?..” อัลชาอ์เอ่ยถามเรียบๆ “ไม่ทราบว่าผมจะรู้ได้ยังไง..ว่าที่คุณพูดมามันจริง..”
“..ไปเปิดดูในเน็ตไป...ไม่งั้นก็โทรสายตรงถามที่บริษัทผู้ผลิตโน่น แค่เบอร์พวกนี้ก็คงมีปัญญาหาใช่ไหม? ถ้าไม่มีแม่งก็งี่เง่าเต่าถุยกันทั้งประเทศล่ะว่ะ..”คาวัลโลสถบปนด่าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนที่กำลังถลึงตามองเขาอยู่อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก.. “พูดจริงนะ...ผมชักอยากรู้แล้วว่า..คุณน่ะบริหารประเทศนี้มากี่ปีแล้ว..และปกครองกันยังไง แบบไหน..ทำไมถึงปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้..อย่างพวกผมถึงเป็นมาเฟีย ทำธุรกิจผิดกฎหมายแต่อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ได้มีการทรยศหักหลังกันแบบนี้..ไม่สิ..จะบอกว่ามีก็ได้..แต่ยังไงพวกเราก็ไม่เคยปล่อยไว้จนมันกลายเป็นเนื้อร้าย..เวรเอ๊ย...พูดไปก็เข้าตัวว่ะที่มาเป็นซากอยู่ที่นี่ก็เพราไอ้พวกเวรนั่นแท้ๆ..”
คาวัลโลขยี้ผมตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด..ไม่สนใจใบหน้าที่คล้ายจะกลั้นขำกับอาการประสาทๆของชีคหนุ่มตรงหน้า ที่พอเจ้าตัวมองเห็นก็ถลึงตาใส่ทันควัน..
“..อย่ามาขำใส่ผมนะ..อย่างน้อยผมก็ยอมรับตัวเองล่ะว่ะ....”อนาคตบอสมาเฟียบ่นใส่อัลชาอ์ที่ยกยิ้มุมปากแบบเยาะส่งมาให้แทนอาการขบขัน ซึ่งเขาคิดว่าไอ้ที่ได้มานี่มันเลวร้ายกว่าซะอีก..
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูพร้อมกับประตูที่เปิดออก เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ขององค์รักษ์หนุ่มหน้านิ่งสนิทที่คาวัลโลนึกก่นด่าหมอนี่ในตอนเช้า แต่..ตอนนี้เขาเริ่มจะชอบมันขึ้นมาบ้างเนื่องจากถาดอาหารที่อยู่ในมือนั้น..
“ ขอบใจ...” ว่าแล้วถาดอาหารในมือก็หายไปอยู่ตรงหน้าคาวัลโลเรียบร้อย จากนั้นสองนายบ่าวก็ต้องหันมามองหน้ากัน กับภาพการกินแบบเป็นพายุบุแคมของชายหนุ่มสายเลือดอิตาลี่ยนตรงหน้า..ซึ่งสามารถยัดอาหารสำหรับคนสองคนกวาดลงกระเพาะตัวเองจนหมด..
“..เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว...” คาวัลโลยิ้มหวาน พลางยกน้ำมาดื่มล้างปาก
“หายบ้าแล้วใช่ไหม?..” ประโยคนี้ไม่เหมือนคำถามแต่เหมือนคำด่าเสียมากกว่า..แต่สำหรับคนที่กำลังมีความสุขอยู่กับการกินแล้ว..คาวัลโลจะขอทำหูทวนลมไปสักครั้ง..จึงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติ..
“...ฮาซาน..นี่คือมิสเตอร์คาวัลโล วาลกัส..” อัลชาอ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ขณะที่คาวัลโลหันไปยักคิ้วให้องค์รักษ์หนุ่มที่มองมาที่ตัวเอง..
“..ฮาซานเป็นองค์รักษ์ของผม..เขาจะคอย”ดูแลและอำนวยความสะดวก”คุณในทุกๆเรื่อง ระหว่างที่คุณยังอยู่ที่นี่..” คาวัลโลฟังแล้วเลิกคิ้ว พร้อมรอยยิ้มพรายบนริมฝีปากที่กลับมาอีกครั้งหลังจากอิ่มท้อง จะให้มาดูแลเหรอ?..จะให้มาจับผิดล่ะสิไม่ว่า..
“พรุ่งนี้ผมจะเมืองหลวงแล้ว..คงไม่มีเวลามาดูแล เพราะฉะนั้นก็ช่วยกรุณาอย่าทำตัวโดดเด่น ถ้ายังอยากทำงานอย่างสงบสุขไร้สายตาคอยสอดส่อง..” อัลชาอ์จ้องมองแววตาสีน้ำทะเลที่ยังคงวาววับแล้วยิ่งไม่ไว้ใจ
“..เห...เดี๋ยวนะ..บอกว่าจะกลับเมืองหลวง..นี่ไม่ใช่วังของคุณเหรอ?..ผมนึกว่านี่เป็น...”
“..นี่เป็นแค่เมืองหน้าด่าน..เมืองหลวงของเซเนียยาชื่อว่าทัสคานี..นี่เป็นแค่ที่พักชั่วคราว..และพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเมืองหลวงกัน..” อัลชาอ์ขัดคำพูดหรือคำถามกวนใจทั้งหลายไว้แค่นั้น คาวัลโลพยักหน้ารับช้าๆก่อนจะอุทานด้วยดวงตาวาววับ..
“..งั้นแสดงว่า..วังของคุณไม่ใช่บ้านอิฐผุๆแบบนี้ใช่ไหม? ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะมีแค่นี้..แสดงว่าคงจะมีสาวๆ..เฮ้....อะไรเนี่ย...” เขาออกปากโวยเมื่ออัลชาอ์โยนกองเสื้อผ้าใส่หน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว คาวัลโลสถบพึมพำ หมอนี่ถ้าไม่เป็นตุ๊ดมันคงเป็นเกย์แหงแซะ แค่ถามเรื่องผู้หญิงทำเป็นทำร้ายร่างกายกลบเหลื่อน..หลงรักเขาเข้าแล้วสิไม่ว่า..โทษทีว่ะ คนมันมีสเน่ห์ หึหึ..
“..นี่เป็นเสื้อผ้าของคุณ..ไปเปลี่ยนซะก่อนที่สารรูปเน่าๆนี่จะโผล่ไปให้ใครสมเพชมากกว่านี้..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเย็น..ข่มอารมณ์อยากจะเอาปืนยัดใส่ปากหมอนี่เป็นครั้งที่ร้อยของวัน..คิดว่าคนอื่นเขาจะไม่ได้ยินเสียงพึมพำของตัวเองรึยังไง..? ถึงได้พูดจาหลงตัวเองแบบนี้..
“..เสื้อผ้า...เห้....นี่มัน...อะไรนะ..” คาวัลโลทำหน้ายุ่งกับชุดยาวในมือ เขายกขึ้นชูให้อัลชาอ์ดู “อธิบายหน่อย..”
“ นี่เป็นชุดประจำชาติของเรา..เป็นการแต่งกายอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ถ้าไม่อยากโดดเด่นก็จงทำตัวกลมกลืนด้วยการใส่มันไปซะ..เข้าใจไหม?..” อัลชาอ์แทบจะยกมือกุมขมับ..เขาข่มอารมณ์หงุดหงิดแล้วชี้มือไปยังผ้าคลุมศรีษะสีขาวล้วนในมืออีกฝ่าย “..เรียกว่า กุตราห์ เราใช้ป้องกันฝุ่นผง ความร้อนและกันแดดในทะเลทราย เมื่อสวมกุตราห์แล้วจะสวมทับด้วย “อิกัล” เป็นเชือกถักสำหรับใช้รัดผ้ากุตราห์ไม่ให้หลุดเลื่อน มันทำจากเชือกขนสัตว์และนี่... โธป เป็นชุดยาวคลุมข้อเท้า ผ่าหน้ากว้างนี่คือแบบเสื้อแขนยาว ..นี่คือที่คุณต้องใส่ เข้าใจไหม?...”
“.........” แต่คาวัลโลกลับหน้านิ่วแทนที่จะพยักหน้าอย่างเคยชายหนุ่มชะงัก ก่อนจะเอื้อมมือกุมสร้อยรูปไม้กางแขนบนแผ่นอก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ...
“..ผมไม่ขอใส่ผ้าคลุมแบบนี้...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบๆด้วยท่าทีจริงจัง.. “ ถึงคุณจะรู้อยู่แล้ว แต่ขอบอกอีกครั้งว่าผมเป็นคริสต์ศาสนิกชน..ถ้านี่เป็นการแต่งตัวตามหลักศาสนาอื่น..ผมคิดว่า.....”
“....คุณ...จะบอกว่า มันทำให้ศรัทธาในพระเจ้าของคุณลดลงงั้นหรือ?..” อัลชาอ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทเช่นกัน “ งั้นก็เลือกเอา..ว่าระหว่างพระเจ้าของคุณ กับชีวิตของคุณ จะเลือกสิ่งไหน..”
“..อย่าบังคับผมนะ..นี่ผมพูดจริง..เรื่องชุดยาวนี่ผมพอรับได้ แต่เรื่องผ้าคลุมแบบนี้..ไม่ก็คือไม่..ถึงมันจะทำผมหน้าม้านโดนแดดเผาตายไปจนถึงวังคุณก็เถอะ..”คาวัลโลตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง..
“...งั้นก็...ใส่คาฟียะห์แทน..” ยังไงอัลชาอ์ก็ไม่อยากให้แผนการณ์ที่วางกันมาล่มเพราะเรื่องศาสนาที่แตกต่าง “ เคยเห็นพวกโจรก่อการร้ายในปาเลสไตน์หรืออิรัคใส่กันไหม?..ผ้าสี่เหลี่ยมรูปตารางหมากรุก..ที่พวกเขาใส่ปิดหน้าปิดตาเวลาออกกล้องนั่นล่ะ..ใส่คลุมแค่ตอนเกินทาง ส่วนในวัง จะใส่แค่โธปก็ได้ ผมไม่ว่า..ขอแค่อย่าทำตัว”เด่น”เกินไปแล้วกัน..”
“...อา...งั้นก็ได้...” คาวัลโลยอมตกลงในที่สุด เพราะว่าเขาก็ใช่จะอยากเสี่ยงชีวิตกับเรื่องแบบนี้..ถึงเขาจะเป็นพวกเคร่งศาสนาแค่ไหน..แต่การจะมาแลกชีวิตด้วยนี่มันก็..ออกจะหนักไปหน่อย “ แต่เดี๋ยวน่ะ ผมไม่ต้องใส่ก็น่าจะได้ไม่ใช่รึไง..อย่าบอกนะว่าที่วังคุณไม่มีคนต่างชาติต่างศาสนาเลยสักคน..”
“..มี...แต่พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญเท่าไหร่..และอย่าลืม..ว่าที่สำคัญ..คุณเข้ามาเพื่ออะไร..ในเมื่อมีจุดประสงค์ไม่เหมือนคนอื่นยิ่งต้องระวังให้มาก..”
“...เฮ้อ...ก็ได้ๆ..” คาวัลโลงึมงำรับคำ “ ดีเหมือนกัน อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งนานแล้ว ใส่ชุดนี้มาแล้วเป็นวันๆ..กลิ่นมันเริ่มโชยแล้วเนี่ย..” ว่าแล้วก็ก้มลงไปสูดกล่นจากเสื้อกล้ามสีดำพลางทำจมูกฟุดฟิด..ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหย “เอ้อ...จะบอกว่าผมใส่ไม่เป็นนะ..ช่วยหน่อยสิ...”
“..........” คราวนี้ไม่มีคนตอบรับ อัลชาอ์ลุกพรวดเดินดุ่มไปนั่งบนโต๊ะทำงานเช่นเดิม ทำให้คาวัลโลหันไปมองฮาซาน..ซึ่งมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ในสภาพเหลือเพียงเสื้อกล้ามรัดรูปสีดำตัวเดียวและกางเกงทรงทหารพร้อมรองเท้าบู๊ทสีเข้ม องค์รักษ์หนุ่มทำหน้าเหมือนเหม็นเบื่ออะไรซักอย่าง ก่อนจะชี้ไปยังเสื้อคลุมตัวยาวที่เรียกว่า”โธป” พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ..
“..แค่เอามันสวมลงบนหัว..คิดว่าคงไม่เกินความสามารถหรอกนะครับ..”
ว่าแล้วองค์รักษ์หนุ่มหน้านิ่งก็เดินตรงออกไปนอกห้องเช่นเดิม..
“..นี่....แค่ช่วยผมให้แต่งตัวเหมือนชาวบ้าน มันจะยากอะไรขนาดนั้นครับ..เดี๋ยวก็ถอดโชว์ซะหรอ..” คาวัลโลตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ก่อนนัยน์ตาสีน้ำทะเลจะวาววับ เมื่อมองเห็นชีคหน่มนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องเดียวกับเขา..
คาวัลโลซ่อนยิ้มในหน้า เดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของชีคหน่ม เขาวางมือลงบนโต๊ะทำงานทำให้นัยน์ตาสีดำคู่นั้นหันมาสบมอง..ชายหนุ่มค้อมตัวลงสบตาใกล้ๆ..แล้วยิ้มหวานส่งไปให้..
“..อัลชาอ์ครับ...ช่วยผมแต่งตัวหน่อยสิ...”
และเขาได้รับที่เสียบปากการูปนกอินทรีทำจากทองแดงปลิวหวือออกมาจากมือของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยาเป็นคำตอบ
.........................................................................
เมื่อไหร่คาวัลโลมันจะโดนกดเนี่ย..พ่อคุณยั่วเหลือเกิ๊น..ห้าๆ

ความจริงก็ไม่เชิงจะยั่วหรอกนะค่ะ รายนั้นเขาแค่แกล้ง ประกอบกับฝังหัวสุดๆว่าพ่ออัลชาอ์แกอยากได้ตัวเองไปอยุ่ในฮาเร็ม..เลยชอบแกล้งหยิกแกล้งหยอกอยุ่เรื่อย..
ส่วนอัลชาอ์..เขินรุนแรงนะค่ะท่านชีค..(รองเท้าปลิวมาแทนคำตอบ)
แฮ่ม..ส่วนคู่บน..พ่อคู่แฝดอินเซนต์ของเรา..หวานกันออกนอกหน้าเหลือเกิน..แต่ก็เอาเถอะ เพราะสองคนนี้โดนเรากลั่นแกล้งมามากพอแล้ว(ห้าๆ) อีกอย่างเรทติ้งของคาวี่ดีในหมู่พี่น้องซะเหลือเกิน มีคนเรียกนายว่าไอ้บ้าสามคนแล้วนะคาวัลโล ปรับปรุงตัวหน่อยยย..
ความรู้เพิ่มเติม Kawasaki OH-1 นี่เป็นฮ.ลาดตระเวณ/โจมตีเบา ซึ่งรุ่นนี้ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Kawasaki เป็นผู้สร้าง แต่ใช้เครื่องยนต์ของ Mitsubishi ใช้นักบิน 2คน อาวุธที่ติดอยู่ก็เป็น ปืนกล 3ลำกล้องหมุนขนาด 20มม. อาวุธต่อต้านรถถังและจรวดหลายลำกล้องไม่นำวิถี
สเปกนี้มีจริงค่ะ เป็นของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น(หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามต่อสหรัฐอเมริกา สหรัฐเข้ามาควบคุมกำลังทหารของญี่ปุ่น ให้ญี่ปุ่นต้องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยมีข้อห้ามว่า ไม่อนุญาติให้ญี่ปุ่นทำสงครามกับประเทศใดๆเลยเว้นแต่กระเพื่อป้องกันประเทศ ที่สำคัญคือไม่มีศาลทหารและกระทรวงกลาโหม ถึงแม้ว่าเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาญี่ปุ่นจะจัดตั้งกระทรวงกลาโหมขึ้นมา แต่ว่าก็ยังคงชื่อไว้ว่า กองกำลังป้องกันตนเองกองกำลังป้องกันตนเองประเทศญี่ปุ่น หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Japan Self-Defence Force หรือเรียกสั้นๆว่า JSDF ) เพิ่งเข้าประจำการเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ...ทำเองใช้เอง..พอเหลียวมองดูพี่ไทย..

.
ที่มา..เว็บบอร์ดดราม่าค่า