Line : 7
ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองไม่มีสเน่ห์ มันเป็นเพราะผู้ชายที่เขากำลังหว่านสเน่ห์เป็นมนุษย์”ตายด้าน” ต่างหาก...
คาวัลโลแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของประเทศเซเนียา ชื่อว่าทัสคานี ไอ้ตึกรามบ้านช่องทันสมัยหรือชาวบ้านชาวเมืองที่มารับท่านชีคน่ะ ไม่ได้ทำให้เขานึกสนใจเท่ากับ”สาวๆ”ที่มารอรับท่านอยู่หน้าวังเลยสักนิดเดียว..
ครั้งแรกที่คาวัลโลมองเห็น”วัง”ของท่านชีคถนัดตา ก็ต้องหรี่สายตาลงอย่างพิจารณา ว่าด้วยความหรูหราของมันแล้ว..ภายนอกอาจจะเทียบเท่ากับวังอาบูดาบี..แต่ข้างใน มันกลับดูหรูไฮแบบทันสมัยเยี่ยงพระราชวังดูไบ.. สรุปว่าไอ้วังชั่วคราวที่เขามาอยู่ตอนแรกๆนั้นเทียบไม่ได้กับเศษขี้เล็บของวังในเมืองหลวงของท่านชีคเล้ย..
แต่คิดแล้วก็ต้องมองหน้าอัลชาอ์อีกรอบ..และอีกรอบเป็นการพิจารณาซ้ำ..ว่าด้วยข้อสงสัยที่ว่า..หนึ่ง... วังของท่านก็ออกจะหรูหรายิ่งใหญ่..เหตุไฉนถึงแปรพระราชฐานไปเดินเล่นในทะเลทรายได้..และสอง..ไหนเอ็งบอกว่าไม่มีฮาเร็ม..ไอ้สาวๆที่มารอรับนี่มันอะร้ายยยยย..เหอะ หวงกันกลัวเขาไปห่านสเน่ห์ให้สาวๆพวกนี้มาหลงรักสิท่า..
ว่าแล้วก็มองสาวสวยเชื้อสายอาหรับสามสี่นางที่ยืนเรียงกันยิ้มหวานให้ท่านชีคอยู่..แต่ละคนทั้งสวยทั้งอึ๋มแถมยังยิ้มหวานเอาใจเก่งด้วย..ไม่เหมือนแม่สาวแถบยุโรปที่ออกจะมั่นอกมั่นใจเกินเหตุ ไม่เคยจะมาพินอบพิเทาเอาใจแบบนี้หรอก..แล้วดูสาวๆพวกนี้สิ นอกจากจะยิ้มหวาน เอาน้ำเอาอะไรมาต้อนรับแล้ว ยังทำกระทั่งเอารองเท้ามาเปลี่ยนให้ท่านชีคที่ยืนทื่อสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิดอีก..เหอะ..ดูแล้วมันน่าอิจฉาชะมัด
แต่เสียงกรุ๋งกริ๋งของสร้อยและกระพรวนข้อเท้าที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของหญิงสาวอีกคนหนึ่งยิ่งทำให้คาวัลโลเลิกคิ้วสูงขึ้นอีก..ชายหนุ่มยืนเงียบอยู่ในขบวนผู้ติดตามอย่างไม่กระโตกกระตาก แม้อยากจะอ้าปากค้างแล้วผิวปากใส่แม่สาวคนนี้แค่ไหนก็ตาม..
คาวัลโลเคยมาเที่ยวประเทศในแถบนี้ค่อนข้างบ่อย ทั้งมากับลุงหรือมาเองตามคำชวนคำเชิญของคนโน้นคนนี้..แต่ตามถนนหนทางที่เขาเดินไปหรือกระทั่งในร้านอาหารภัคตาคารต่างๆก็จะเจอแต่หญิงสาวชาวอาหรับที่คลุมผ้าสีดำทั้งตัว ชนิดที่เหลือแต่ลูกกะตาดำให้มอง แถมมองมากยังไม่ได้อีก เพราะงั้นความงามของสาวๆชาวอาหรับนี่..ต้องมองแล้วมองอีก ชนิดที่ว่าเพ่งจนลูกกะตาแทบปลิ้นถึงจะได้ยลว่าโฉมของท่านงามแค่ไหน..
แต่กับแม่สาวคนนี้...ถึงเธอจะอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวยาวและคลุมใบหน้าไว้เสียครึ่งหนึ่งก็ตามแต่..ทว่า แค่ดวงตาสีดำสนิทที่คมเข้มโดดเด่นขนตางอนยาว และผิวแก้มขาว สันจมูกโด่งที่โผล่ออกจากผ้าคุลมหน้าเพียงรำไร ก็เพียงพอแล้วที่จะให้ชายใดได้มองแล้วใจสั่น..เรือนร่างสะโอดสะโองแม้จะสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีพีชก็ไม่อาจจะปิดบังความสวยงามของเรือนร่างไปได้..กระทั่งรอยยิ้มหวานๆที่ซ่ออยู่ภายใต้ผ้าคุลมหน้าก็ยังเปล่งประกาย แสดงออกมาทางแววตาคู่นั้นจนเขามองแล้วยังนึกเคลิ้มแทน..
แต่ก็นั่นแหละ...ทำไมมันถึงใช่ไม่ได้ผลกับชีคอัลชาอ์เล่นเดิม เพราะท่าก็ยังทำหน้านิ่งๆมึนๆของท่านต่อไปอย่างนั้น..ดูแล้วคาวัลโลชักจะแน่ใจว่าหมอนี่ต้องเป็น Lady boy ..แบบว่าชายอยากเป็นหญิงจนตัวสั่นแหงๆ เพราะหญิงสวยขนาดนี้ยังไม่แล แถมชายหนุ่มหล่อๆมีสเน่ห์แบบมิสเตอร์คาวัลโลก็ยังนิ่ง..แบบนี้กระเทยชัวร์ !!
“...ท่านพี่...” เสียงหวานๆของสาวคนนั้นทำให้คาวัลโลหลุดจากภาวะการสาปแช่งและวิเคราะห์ตัวตนของชีคหนุ่มแห่งเซเนียยา..เขามองไปทางหนึ่งชายและหนึ่งหญิงที่พอมายืนเคียงคู่กันแล้วดูเหมาะสมและงดงามเหมือนภาพฝัน..เพียงแต่มันคงดีกว่านี้ถ้าชายคนนั้นจะไม่มีสีหน้านิ่งสนิทจนน่ารำคาญใจ คาวัลโลชักอยากไปยืนตรงนั้นแทนแล้วยิ้มหวานให้แม่สาวสวยคนนี้เสียรู้แล้วรู้รอด..
“..ฟาติมะห์..ขอบคุณที่มารับ..” น้ำเสียงของท่านชีคตอนนี้นุ่มหูและแปลกจากที่เคยได้ยินเสียจนคาวัลโลต้องแอบหัวเราะ..ทีพูดกับสาวละก็หวานเชียวทำไมไม่หัดสุภาพกับชายชาวอิตาลีบ้างก็ไม่รู้
“..ไม่เป็นไรค่ะ..พี่อัลชาอ์..น้องเพิ่งมาถึงพอดีเหมือนกัน..” สาวสวยนั่นก็ตอบเสียงหวาน..เสียแต่คาวัลโลฟังไม่รู้เรื่องเนื่องจากมันเป็นภาษาอารบิค เขาก็ได้แต่มองหน้าหวานๆนั่นไปพลางๆ
“.....” ความเจ็บแปล๊บๆตรงปลายเท้าทำให้คาวัลโลหันขวับ..เขามองสบตาฮาซานที่ยืนอยู่ข้างๆ..ก้มมองปลายเท้าของตนเองที่เท้าใหญ่ๆในร้องเท้าบู๊ทอันยักษ์ของฮาซานกำลังขยี้มันช้าๆ...ชนิดที่ว่าเจ็บจี๊ดไปถึงขั้วสมอง..
“...อย่ามองมาก...นั่นไม่ใช่คนที่คุณจะเอื้อมถึง..” เสียงกระซิบนั้นทำเอาคนฟังชักเดือด คาวัลโลถลึงตาใส่ฮาซานเป็นคำตอบ..ในใจเขากำลังนึกเคืองกับคำพูดขององค์รักษ์หนุ่ม..เอื้อมไม่ถึง มีอะไรที่เขายังเอื้อมไม่ถึง คนอย่างคาวัลโล วาลกัส อยากได้อะไรก็ต้องได้ ต้องการอะไร เพียงแค่ออกปากทุกอย่างก็จะมากองตรงหน้าแบบที่ปรารถนา..ตัวเขาที่เป็นถึงอนาคตบอสมาเฟียที่มีทั้งอิทธิพลและเงินมหาศาล..จะมีใครกล้าชัดใจ และจะมีใครกล้าปฏิเสธงั้นหรือ?..
“...คุณก็ระวังปากไว้เสียบ้าง..ไม่อย่างนั้นจะเสียใจภายหลัง..” คาวัลโลสบตาฮาซานกระซิบบอกอีกฝ่ายเสียงเย็น..เขาเกลียดการถูกขัดใจ..และเกลียดที่สุดกับการดูถูกดูแคลนว่าเขาทำไม่ได้..อีกทั้งตอนนี้อารมณ์ของเขาก็ไม่ได้ปกตินัก อาจจะนึกอยากคว้าปืนขององค์รักษ์หนุ่มมาระเบิดสมองเจ้าตัวให้เละคามือสักครั้งก็ได้..
คาวัลโลหันกลับไปมองภาพการสนทนาที่ยังไม่เลิกราสักทีของสองหนุ่มสาว..ขณะที่ฮาซานนิ่งเงียบ จ้องมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มสายเลือดตะวันตกอย่างครุ่นคิด...ไม่อยากจะยอมรับว่าสายตาเมื่อครู่นั้นทำให้เขาเย็นวูบไปทั้งตัว..แววตาของชายหนุ่มที่บ่งบอกว่าอย่าคิดจะลองดี และประกายความเหี้ยมโหดที่ฉายออกมาลึกๆ.ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิด จากที่เคยคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าดีแต่พูดมากไร้สาระ..
“ อัลชาอ์...ยินดีที่ได้พบ..” น้ำเสียงของชายร่างใหญ่..ในชุดโธปตัวยาวคลุมทับด้วย”มิชลาฮ์”เสื้อคุลมสีทองที่ใช้สวมทับโธปซึ่งเหล่าราชวงศ์หรือผู้มีอันจะกินทั้งหลายมักนิยมใส่กัน..ชายคนนั้นสวมกุตราห์สีขาวและอิกัลสีทองแบบมีภู่ห้อย..ใบหน้าค่อนข้างอวบอูมและมีสีแดงอยู่ตลอดเวลาคล้ายคนแพ้ความร้อน ปลายคางมีหนวดเคราที่ถูกตัดเล็มสั้นๆตามที่ชาวอาหรับนิยมไว้กัน..ดวงตาของชายคนนั้นเล็กเรียวจ้องมองมายังอัลชาอ์พร้อมกับสวมกอดและแตะแก้มกันตามประเพณี
“..เช่นกันขอรับ..ท่านลุงอาเหม็ด..” ถึงคาวัลโลจะฟังภาษาอาหรับไม่รู้เรื่อง..แต่คำว่าอาเหม็ด...ที่ได้ยินนั้นทำให้คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น..ชายหนุ่มได้ยินเสียงพ่นลมหายใจแรงด้วยความรังเกียจของฮาซานใกล้หู ทำให้เขารู้ว่าชายคนนี้คงไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก..
“...ลุงก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน..พร้อมๆกับเจ้านั่นแหละ...อ้า....” ชายคนนั้นชะงักและหันไปยิ้มให้ชายอีกคนที่เพิ่งมาถึง..คาวัลโลหรี่สายตาลง มองชายหนุ่มอีกคนที่เดินมาสมทบ..ชายชาวอาหรับที่มีดวงตาสีเขียวมรกตและวงหน้าหล่อเหลาคมเข้ม เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น เขาไม่ได้สวมชุดโธปเช่นคนอื่น แต่อยู่ในชุดขี่ม้าและเส้นผมที่ค่อนข้างยุ่งและเปียกชื้นก็บอกได้ว่าคงกำลังออกกำลังกายมาหมาดๆ..
“..ท่านลุง...ท่านพี่อัลชาอ์...” ชายหนุ่มที่มาใหม่เดินเข้ามาแตะแก้มทักทายกับทั้งสองหนุ่ม และยิ้มทักทายสาวสวยคนเดียวในกลุ่มเล็กน้อย..รอยยิ้มที่แสนจริงใจและที่สเน่ห์ที่โปรยออกมาทำเอาสาวๆที่อยู่ในแถบนั้นทำหน้าเคลิ้มกันเป็นแถว..ส่วนคาวัลโลแบะปากเป็นเชิงหมั่นไส้ ไอ้รอยยิ้มจริงใจใสซื่อทรงสเน่ห์แบบนี้ เขาเห็นจากพี่ชายคนรองมามากพอ..และมากพอจะรู้ด้วยว่ามันเป็นรอยยิ้มหลอกลวง พอๆกับยิ้มของตัวเองนั่นแหละ...
“..ฟาลซาอ์..ยินดีเช่นกัน..” การกอดทักทายเป็นธรรมเนียมแบบแกนๆ ดูหลองลวงยิ่งกว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นของคาวัลโลและผองพี่เสียอีก..และแบบนี้ท่านชีคอัลชาอ์ยังจะมีหน้ามาเยาะเย้ยเรื่องครอบครัวชาวบ้านเขาอีกเหรือนี่..ไม่ได้ดูตัวเองสักนิด..
“..ดีจริงที่มาเจอกันพร้อมหน้า..อัลชาอ์ ลุงว่าเราไปทานอาหารเที่ยงกันเลยดีไหม?..ให้พวกคนติดตามของหลานได้...” น้ำเสียงของอาเหม็ดชะงักไปเมื่อกวาดมองเหล่าผู้ติดตามที่ยืนทื่ออยู่แล้วมองเห็นร่างของชายหนุ่มชาวยุโรปยืนอยู่ในหมู่คน แน่นอนว่ามันเหมือนกับเกมส์โฟโต้ฮันท์ ที่คาวัลโลเป็นสิ่งแปลกปลอมซึ่งคนมองสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน..
แต่ท่าทีชะงักและผงะไปเล็กน้อยนั้นมันเหมือนมีอะไรแฝงมากกว่าที่เห็น คาวัลโลมองเห็นว่าในดวงตาคู่นั้นมันฉายแววตกตะลึงและช็อคค้างไปไม่น้อย...แววตาแบบนี้เขารู้จักดีกับท่าทางของคนที่ได้รู้จักและพบเจอเขาในฐานะทายาทของมาเฟียตระกูลวาลกัส..แต่ทว่า..ท่านอาเหม็ดคนนี้จะรู้จักเขาได้ยังไง?..
“..เขาเป็นเลขาส่วนตัวที่ผมตกลงจ้างมานะครับ..” อัลชาอ์พูดเรียบๆเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับหันมามองหน้าคาวัลโล.. “เชิญครับ..มิสเตอร์คาวัลโล...”
คาวัลโลก้าวเข้าไปตามคำเชิญ ทว่าสายตาเหลือบมองอาเหม็ดที่ยิ่งผงะเมื่อได้ยินเชื่อของเขา..และกริยานั้น..กระทั่งชายหนุ่มที่ชื่อฟาลซาอ์ก็ยังมีด้วย..
นัยน์ตาสีน้ำทะเลหรี่ลงเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ขณะที่เขาโค้งตัวเล็กน้อยและแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงนุ่มหู
“...ผม คาวัลโล เตอเกียเร่..ยินดีที่ได้รู้จักครับ..” รอยยิ้มการค้าอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวปรากฏขึ้นอีกครั้งกระทั่งน้ำเสียงก็ยังนุ่มนวลเสียจนคาวัลโลนึกอยากจะอ้วก..ทว่าเขาก็ยังคงยิ้มตาใสด้วยมาดชายหนุ่มหน้าตาดี มีความรู้..และ..ไร้เล่ห์เหลี่ยมอันตรายใดๆ..
“..ท่านนี้คือท่านลุงของผม ชีคอาเหม็ด อัล ทาร์คาน มูซา มูอัสซิน.. “ ชื่อทั้งยากและยาวเสียจนเปลืองเม็มโมรี่ในสมอง คาวัลโลยิ้มรับพลางยื่นมือจับกับมืออวบอูมของฝ่ายตรงข้ามขณะที่บอกตัวเองว่าจำแค่อาเหม็ดก็มากพอแล้ว เขาก็ยังคงสวมมาดชายหนุ่มคงแก่เรียนเช่นเดิม และยังมีรอยยิ้มนุ่มๆพาดผ่านริมฝปากเช่นเคย...
“...ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านชีค หวังว่าผมคงมีโอกาสรับใช้..” ริมฝีปากเอ่ยคำพูดออกมาอย่างคล่องปาก กระทั่งกริยาท่าทางก็ไร้ที่ติ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ารอยยิ้มและท่าทางเหล่านั้นเป็นเรื่องปั้นแต่งทว่าอัลชาอ์ก็อดจะทึ่งกับการแสดงของอีกฝ่ายไม่ได้..
“..ผมฟาลซาอ์ครับ..เจ้าชาย ฟาลซาอ์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด..ยินดีที่ได้รู้จัก..”ท่าทียินดี”เกินไป”ของเจ้าชายหนุ่มที่แทบพุ่งมาจับมือจุดความสนใจของคาวัลโลอีกครั้ง..เขาสบมองดวงตาสีเขียวของอีกฝ่ายที่พราวระยับด้วยความดีอกดีใจเป็นพิเศษและยิ่งนึกสงสัย ทว่าคาวัลโลก็ยังคงยิ้มรับและจับมือกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันตรงหน้า...และ...ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า..ว่ามือคู่นั้นจับมือของเขาแน่นเป็นพิเศษ..
“....ยินดีเช่นกันครับ..เจ้าชาย..” ...ทำอย่างกับเจอดาราในดวงใจ..คาวัลโลเหลือกตาขึ้นแว้บหนึ่งอย่างนึกสงสัย แต่เขาก็ยังยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเคยชิน และพบว่ารอยยิ้มที่ได้กลับมามันช่างหวานเสียจนน่าขนลุก..
...หรือว่า...ฟีโรโมนตัวไหนของเขามันส่งกลิ่นอีกไม่ทราบ..
“..อืม..ฟาลซาอ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง....เขากำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษตอนนี้เป็นช่วงซัมเมอร์เลยกลับมาเที่ยวบ้านน่ะ....”อัลชาอ์แทรกขึ้นมาเสียงเรียบ คาวัลโลทำหน้าเข้าอกเข้าใจพลางยิ้มให้ฝ่ายนั้นและแงะมือตัวเองออกมาจากมืออีกฝ่ายช้าๆ..ใช่ว่ามิสเตอร์คาวัลโลจะเป็นเด็กน้อยไร้ประสบการณ์ แม้ไม่อยากจะจดจำประสบการณ์ถูกผุ้ชายด้วยกันจีบสักเท่าไหร่..แต่ก็จำได้แป๊ะ..ว่าความรู้สึกมันแบบนี้ชัดๆ.
..
..กับไอ้คนที่ไม่ต้องการนี่..ฟีโรโมนมันช่างแรงเหลือเกินนะ..
คาวัลโลลอบถอนหายใจและพยายามอย่างยิ่งในการจะหลบหลีกสายตาของเจ้าชายหนุ่ม..ไม่ใช่ว่าอาย แต่ไม่อยากจะหาเรื่องให้ตัวเองโดดเด่นเป็นที่สนใจมากกว่านี้ต่างหาก..เขาหันไปยิ้มหวานให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม จะอ้าปากแนะนำตัวแต่เธอกลับหลบตาไม่ยอมมองซะนี่..
...อยากจะเกาหัวแกรกๆให้รู้ว่าสงสัย..แต่เขาก็ตัดสินใจเงียบก่อนที่ท่านชีคอัลชาอ์จะทำหน้าเหมือนอยากกินหัวเขาไปมากกว่านี้..
“..อย่างนั้นผมเชิญคุณไปร่วมทานอาหารกับเราด้วยแล้วกัน..ได้ไหมอัลชาอ์..กับเลขาของหลานก็คงไม่เป็นไรกระมัง..” ท่านอาเหม็ดออกปากด้วยท่าทีเป็นมิตร ขณะที่อัลชาอ์ชะงัก มองหน้าลุงตัวเองก่อนจะพยักหน้าช้าๆ..
“...ได้สิครับ..คุณคาวัลโลก็คงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม?..” น้ำเสียงถามนั้นแสนสุภาพและเป็นกันเอง แต่กับแววตาที่มองมานี่ไม่ใช่ คาวัลโลยิ้มหวานแสยะให้อีกฝ่ายแล้วก้มหัวรับคำช้าๆ
“..ครับ..ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับราชนิกูลของประเทศทั้งที..ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน..”มาดชายหนุ่มแสนสุภาพและกริยามารยาทนุ่มนวลช่างแสนจะจับตาเหล่าผู้กุมอำนาจของรัฐไว้เหลือเกิน จนแววตาจ้องเขม็งของอัลชาอ์ไม่ได้ทำให้เขาสะเทือนด้วยซ้ำ..คาวัลโลตอบรับคำเชิญแล้วก็ขอตัวไปจัดการตัวเองพร้อมกับพรรคพวกที่เดินทางไปด้วยกัน..ระหว่างทางเขาก็ยังคงยิ้มหวานให้กับเหล่านางกำนัลไปด้วยโปรยสเน่ห์ไปด้วยอย่างคนอารมณ์ดี..
“..นี่เป็นห้องพักของคุณ...” ฮาซานบอกเสียงเรียบ พลางผายมือและส่งกุญแจห้องให้อีกฝ่าย อยู่ห่างกับห้องบรรทมของฝ่าบาทแค่สองห้อง เผื่อพระองค์จะเรียกใช้ด่วนตอนกลางคืน..” เรียกใช้อะไรกันว่ะ? คาวัลโลอยากจะถามไอ้คนพุดไปตรงๆซะจริง แต่เขาก็ทำได้แค่หยักหน้ารับและหยิบกุญแจมาจากมือฮาซานเท่านั้น...
“..อีกสักครู่จะมีนางกำนัลมาเชิญคุณไปทานอาหารกลางวัน..กรุณาแต่งตัวสุภาพและฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหารให้ดีด้วยนะครับ..”
ว่าแล้วองค์รักษ์หนุ่มก็เปิดประตูห้องให้และปิดมันลงดังโครม..ทิ้งให้คาวัลโลยืนนิ่งอยู่ในห้อง และก้มมองกุญแจในมือตนเองเงียบๆ..
...มารยาทบนโต๊ะอาหาร?
มือขาวบีบกุญแจบนฝ่ามือแน่น คาวัลโลชักอยากจะปามันลงพื้นขึ้นมารำไร เขาส่งสายตาจ้องเขม็งไปทางประตูอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าไอ้บ้าฮาซานมันมีอะไรกับเขานักหนา พูดจาแต่ละทีไม่ด่าก็ประชดประชัน ทำเอาอยากจะคว้าคอมันมาทุ่มลงกับพื้นนัก..
ทำเป็นมาพูดว่าให้ฝึกมารยาทบนโต๊ะอาหาร ไอ้เวรเอ๊ย...ไปฝึกพูดมาก่อนซะเถอะแก !! กล้ามาสั่งสอนให้มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อย่างคาวัลโล วาลกัส ฝึกมารยาทบนตะอาหารเรอะ แค่มีดที่ใช้ตัดสเต็ก ชั้นก็เอามันเขวี้ยง ใส่กบาลแกจนตายได้นะเฟ้ย !!
ฟึดฟัดฮึดฮัดไปก็เท่านั้น เพราะยังไงหมอนี่มันก็ต้องเป็นคนคอยตามติดเขาอยู่ดี นึกไปถึงเจ้านายของมันแล้วยิ่งหงุดหงิด อัลชาอ์มันรู้ทันเขาเกินไปจริงๆเสียด้วยสิถึงส่งองค์รักษ์นิสัยแบบนี้มา..ชิ น่ารำคาญได้ทั้งเจ้านายทั้งลุกน้อง..
คาวัลโลเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด เขาเงยหน้ามองเตียงสี่เสาแบบโบราณแล้วเบ้หน้า..ห้องนี้เป็นห้องที่ตกแต่งแบบยุโรป มีเตียงสี่เสาแบบโบราณใช้ผ้าสีพีชขลิบมุมบนหัวเตียงโดยรอบ แถมผ้าห่มยังเป็นสีชมพูลายดอกไม้อีก หวานแหววอย่างกับผู้หญิง ดูแล้วขนลุกชะมัด !!
ทั้งที่เป็นประเทศในโซนร้อนบรรลัย มีทะเลทรายอยู่โดยรอบ แต่ในห้องพักนี้กลับมีกระทั่งเตาผิงด้วยซ้ำ..เก้าอี้สองตัวและโต๊ะเตี้ยๆถูกวางไว้ตรงหน้าเตาผิง ผนังห้องสีขาวครีมติดวอลเปเปอร์สีชมพูลายดอกไม้ เพดานสีมุขมีโคมไฟห้อยลงมาจากเพดาน ฝั่งซ้ายของเตียงเป็นระเบียงห้องผ้าม่านสีชมพูเข้มทิ้งตัวลงปิดแสงสว่างที่ส่องลอดออกมา คาวัลโลเดินไปเปิดผ้าม่านแง้มออกช้าๆ มองเห็นวิวของสวนสวยในวังและยามรักษาการเป็นจุดๆ ระเบียงกับห้องที่นี่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกใสที่สามารถเปิดออกไปสุดอากาศภายนอกได้
โดยรวมแล้วห้องดูดี..แต่จะดีกว่านี้ ถ้ามันไม่ได้มีสีสันแบบห้องของผู้หญิง...ดูแล้วนอนไม่หลับโว้ย !! จะนั่งลงบนเตียงยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย..ทำแบบนี้ยังกะจงใจแกล้งกันชัดๆ
คาวัลโลเดินไปที่ประตูห้องแล้วกระชากออก แน่นอนว่าสิ่งที่เขาคิดเป็นจริงเมื่อพบว่าฮาซานมันยังคงเสร่อเฝ้าอยู่ข้างนอกเหมือนเดิม..องค์รักษ์หนุ่มจะอ้าปากทักแต่เขายกมือกันไว้ กระชากเสียงห้วน..
“...แน่ใจนะว่านี่เป็นห้องพักของผม !! “ น้ำเสียงของเขาแทบจะเป็นกระชากด้วยซ้ำ..
“...ครับ...ใช่..” ฮาซานหยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติสุข..
“...ขอเปลี่ยนห้อง..” น้ำเสียงของคาวัลโลแผ่วต่ำ นัยน์ตาหรุบลงช้าๆ ถ้าเป็นคนที่รู้จักกันแล้วละก็ พวกเขาจะถอยห่างเพราะรู้ได้ว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้...แต่ทว่าฮาซานไม่รู้และเขาก็ยังคงยืนนิ่งๆอยู่ตรงนี้เช่นเดิม..
“...ทำไม?..นี่เป็นคำสั่งของชีค..ให้คุณอยู่ห้องนี้ อย่าเรื่องมากนักเลย “ และน้ำเสียงขององค์รักษ์หนุ่มที่กวนใจมาทั้งวันก็ยังดังออกมาอย่างเหยียดๆเช่นเดิม..
กริ๊ก....
“...งั้นแกจะมาแลกห้องกับชั้นมั้ยล่ะฮาซาน..ก่อนที่หัวสมองของแกจะถุกเป่ากระจุย..” ปืนพกที่ปกติจะเหน็บอยู่บนบั้นเอวถูกแย่งมาแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...ที่ฮาซานเห็นตอนนี้คือดวงตาสีน้ำทะเลที่วาววับด้วยความหงุดหงิดโมโห และปากกระบอกปืนสีดำที่จ่อลงบนขมับของตน..
“...ผมไม่อนุญาต..” น้ำเสียงราบเรียบของตัวการดังขึ้นข้างหลังทำเอาคาวัลโลกัดฟันกรอด เขาหันขวับไปมองหน้าท่านชีคอัลชาอ์ที่ยืนพิงผนังอยู่เบื้องหลัง..ด้วยสีหน้าไม่รู้สีกรู้สาอะไร..
“.....นี่คุณจะแกล้งกันใช่ไหม?..ถึงให้ผมอยู่ห้องแบบนี้..นี่มัน...”
“..ก็คุณบอกว่าอยากอยู่ในฮาเร็มผมนัก...ผมเลยนึกว่าจะชอบของแบบนี้ไง...” วาจาของท่านชีคทำเอาคนฟังเริ่มแยกเขี้ยว..ปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่บนขมับขององค์รักษ์หนุ่มเริ่มจะเปลี่ยนทิศ...
“...เชิญมีรสนิยมแบบนี้ไปคนเดียวเถอะ...ท่านชีค...Lady boy ...” คาวัลโลส่งเสียงเรียบพลางออกแรงเหวี่ยงปากกระบอกปืนกระแทกศรีษะคนพูดสุดแรง...เขาสถบเป็นภาษาอิตาเลียนดังลั่น ไม่สนใจอัลชาอ์ที่หลบปลายกระบอกปืนพ้นอย่างหวุดหวิดโดยมีเสือดสีเข้มไหลออกมาจากหน้าผาก..
คาวัลโลกระชากคอเสื้อชีคหนุ่มแล้วออกแรงเขย่าๆแรงๆด้วยความหงุดหงิด..ไม่ใช่ว่าเขาจะมาฟิวส์ขาดเพราะเรื่องห้องนอนงี่เง่าแบบนี้ แต่นี่เป็นความหงุดหงิดที่เขาเก็บมานับแต่ได้เจอหน้า ทั้งถูกยั่วโมโหและพูดจาเสียดสีกวนประสาท..แม้จะเอาคืนอีกฝ่ายไปมากพอกันหรือมากกว่า..แต่ความโกรธเคืองก็ไม่ได้หายไปไหน..และมันก็มาขาดสะบั้นลงง่ายๆเพราะไอ้คำพูดของอัลชาอ์เมื่อครู่..
“...ผมไม่ใช่ตัวตลกหรือของเล่นของคุณนะ...ถ้าอยากจะทำตามที่ตกลงกันไว้ก็อย่าทำแบบนี้ ถึงชีวิตผมจะอยู่ในกำมือคุณ..แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิทำอะไรกับผมก็ได้แบบนี้ !!! ไปตายซะไป !!..”
คาวัลโลหลบฝ่ามือที่พุ่งเข้ามาจัดการตัวเขาได้อย่างง่ายดาย เขาส่งลูกเตะไปที่ท้องของฮาซานอย่างรวดเร็ว และปล่อยมือจากคอเสื้อของชีคหนุ่มด้วยนัยน์ตาวาววับไปด้วยความโกรธเคือง..เขาออกแรงถีบประตูห้องตัวเองแรงๆแล้วเดินเข้าไปปิดประตูโครม..
กระแทกตัวลงบนเก้าอี้เบาะนวมหนานุ่มหน้าเตาผิงปลอมๆดูทุเรศตา ความโกรธที่แล่นพล่านในสมองยังไม่ลดลง ถึงเขาจะรู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย แต่จะทำไงได้ในเมื่อคนมันโมโหจนขาดสติ..
คาวัลโลยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆของตัวเองอย่างหงุดหงิด..ต่อให้ตอนนี้จะมีพวกทหารหรืออะไรพวกนั้นกรูกันเข้ามาจับตัวเขาและเอาไปยิงทิ้งก็ไม่อยากจะสนใจ..มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาก้มหัวนอบน้อมคนพวกนี้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้เขาจะตั้งใจฆ่าอัลชาอ์จริง หมอนั่นก็ไม่มีสิทธิมาพิพากษาการกระทำของคนอื่น เพียงเพราะว่าตัวเองไม่ชอบใจอย่างนี้..
ออกแรงถีบเก้าอี้ตรงปลายเท้าแรงๆจนมันเอนลงไปบนพื้นโครมครามแล้วก็ยังไม่หายหงุดหงิด ตั้งแต่ถูกจับแล้วเขาก็เครียดมาตลอด คิดเรื่องสารพัดทั้งเรื่องที่บ้านเรื่องแกงค์ แล้วยังต้องมาปรับตัวต่างๆนาๆ เพื่อที่จำทำตามแผนให้สำเร็จ..แต่ดูผลตอบแทนของมันเถอะ ไอ้บ้านั้นทำอย่างกับเขาเป็นของเล่น เป็นตุ๊กตาเสียบกบาลหัวกลวงไว้เขย่าเล่นเท่านั้น..
แอ๊ด...
“..อะไร...ถ้าจะมาจับผมไปยิงทิ้งหรืออะไรเทือกนั้นละก็ ไม่ต้องมาลีลาพูดมาก..จะทำก็ทำ” คาวัลโลตวาดเสียงห้วน ไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำว่าใครเดินเข้ามา..
“..คุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นรึไง...” น้ำเสียงคุ่นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างของอัลชาอ์เดินมาดึงเก้าอี้ที่เอนล้มมานั่ง คาวัลโลพ่นลมหายใจแรงๆออกจากจมูก มองดูใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างโกรธเคือง หน้าผากข้างซ้ายที่มีร่องรอยถูกกระแทกจนเลือดไหลออกมาซิบๆไม่ได้ทำให้เขาหายโมโหขึ้นเลยสักนิด..
“..แล้วไง..รึว่าจะจับผมประจานก่อน..” คาวัลโลสวนกลับ ฝ่าเท้าออกแรงถีบโต๊ะเตี้ยๆที่คั่นระหว่างเขาสองคนแรงๆเป็นการระบายอารมณ์..
“..ใจเย็นสิ...” อัลชาอ์ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแบบที่เขาคิด แถมยังนั่งนิ่งด้วยอารมณ์เย็นเกินคาด เขาออกปากปรามเสียงเบาและใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กๆติดอยู่ ชวนให้ขัดหูขัดตากว่าเดิม
“เย็นอะไรอีก...” คาวัลโลตอบเสียงห้วน “รู้ไหมว่าผมต้องใช้ความอดทนแค่ไหนในการอยู่ร่วมกับคุณ..แม่งเอ๊ย...ตั้งแต่เรื่องงี่เง่าสารพัดที่เกิดขึ้น สมองผมยังไม่ได้พักเลยนะ นี่น่ะสุดจะทนแล้ว สติแตกแล้ว รู้จักมั้ย !! เป็นบ้าและอยากจะฆ่าคนน่ะ.. อัลชาอ์ !!“
“..อยากให้แผนการ์ณของเราล้มเหลวรึไง..ทั้งที่เรื่องมันมาจนป่านนี้แล้ว..” อัลชาอ์ออกปากถาม ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินเข้ามาใกล้คาวัลโลที่ยังออกอาการหงุดหงิดฮึดฮัดไม่พอใจ
“..ไม่!! ผมไม่สนใจ..ไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องบ้าพวกนี้แล้ว ไปติดต่อคนของผมเดี๋ยวนี้ จัดการให้มันเสร็จๆไปเลย จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายอีก!!” คาวัลโลประกาศกร้าว ไม่คิดจะร่วมมืออีกต่อไป จะต้องเสียงเงินหรือเสียคู่ค้าหรือต้องสู้กัน อะไรก็ช่างหัวมันแล้ว เรื่องคนทรยศเขาก็สืบเองได้ ไม่จำเป็นต้องมาอยู่แบบนี้เลยสักนิด ไม่จำเป็น !!..
“..นี่....ทำไมคุณพูดจาเอาแต่ใจแบบนี้...” อัลชาอ์เอื้อมมือกำแขนอีกฝ่ายแน่น..สบมองนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยความว้าวุ่นและหงุดหงิดใจ พอจะเข้าใจว่าคนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยการตามใจและไม่เคยถูกใครบังคับเช่นคาวัลโล มาเจอกันสภาพที่ต้องทนอยู่แบบนี้ ก็ต้องอึดอัดและหงุดหงิดใจเป็นธรรมดา..
“..แล้วไง...มันเรื่องของผม..คนที่คิดจะฆ่าผมแบบคุณน่ะอย่ามาพูดจาห่วงใยหน่อยเลย !! “ คาวัลโลสะบัดแขนหนี ออกแรงผลักร่างสูงของชีคหนุ่มที่เข้ามาประชิดตัวให้ขยับห่างออกไปจากตัว..ทว่ามือหนากลับลอกแขนเขาไว้แน่นทั้งสองข้าง และพาดเขามากันไม่ให้ตัวเขาลุกขึ้นได้อีก..
คาวัลโลกัดฟันกรอด พยายามขยับกายหนี แต่ขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้อย่างใจ เขาถลึงตาใส่อัลชาอ์อย่างหงุดหงิด แต่เมื่อสบมองนัยน์ตาสีเข้มของชีคหนุ่ม อีกฝ่ายกลับมีแววตาประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นทอดมองมาเสียอย่างนั้น... คาวัลโลชะงัก เขาจ้องมองนัยน์ตาคู่นั้นด้วยความงวยงงกึ่งสงสัย..
“...เอาเป็นว่าผมขอโทษคุณที่ให้อยู่ที่นี่...ความจริงมันเป็นห้องของฟาติมะห์ที่เธอจะมาพัก..แต่ผมเห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญเลยอยากให้อยู่ใกล้ๆ..ถ้าคุณโกรธ..ผมขอโทษนะ...คนดี...”วาจาชวนขนลุกและน่าสยดสยองแบบที่เขายังไม่เคยได้ยินจากอัลชาอ์ดังขึ้นจากปากชีคหนุ่ม..ความนัยนั้นทำเอาคาวัลโลตัวแข็งทื่อ เขาอ้าปากค้าง จ้องมองใบหน้าของชีคหนุ่มอย่างตะลึงพรึงเพริด...
“..อะ....อัล..ชาอ์.....” คาวัลโลถึงกับพูดไม่ออก..เขาได้แต่อ้าปากค้างขณะที่สมองมึนตื้อ..ได้แต่มองหน้าชีคหนุ่มที่ยังส่งแววตาหวานๆมาให้ แววตาที่ส่งมาให้ราวกับว่าเขาเป็นสุดที่รัก เป็นดวงใจของอีกฝ่ายทำเอาขนหัวพากันลุกพรึ่บพรั่บและใบหน้าร้อนผ่าวไปถึงลำคอ..
“...นะ...นะครับคาล..ผมรู้ว่าผิดที่บังคับคุณ..แต่ผมทำลงไปเพราะคุณเป็นคนสำคัญของผมจริงๆ...” วาจาหวานเลี่ยนนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ยอมหยุดลงแค่นั้น..คาวัลโลขยับปากคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ถูกริมฝีปากหนากดทับให้ทุกสิ่งเงียบสนิท..
ในหัวของเขายังคงมีคำถาม..ว่าเกิดอะไรขึ้น...และ
อัลชาอ์จูบเก่งชะมัด..
.....................................................................................
เกิดอะไรขึ้นกับมิสเตอร์อัลชาอ์??? หรือว่าท่านชีคจะจับคาวี่ของเราไปไว้ในฮาเร็มจริงๆ
ส่วนคาวี่...ที่โมโหเนี่ย...โมโหหึงชิมิจ๊ะลูกรัก..(โดนคาวี่ถีบ

) เพราะเอ็งงอนสะบัดได้สาวแตกมาก กร๊ากกกกกกก....
