ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ลืมไปหมด ลืมจ่ายภาษี ลืมจ่ายบัตรเครดิต
ตรูจะบร้า
เป็นเพราะงกจัดไม่ถึงดิวไม่ไปจัดการ พอถึงดิวดันลืมไปเลย มานึกได้หนึ่งวันหลังจากนั้น
(เริ่มบ่นเหมือนน้องเหลิม
ไม่มีอะไรค่ะแค่รำพันเล็กน้อย ไม่มีอะไรแค่จ่ายค่าปรับไป
โกรธตัวเองจริงๆ)
********************************************************
*
วันอังคาร*
แย่แล้ว...วันนี้เขาตื่นสาย เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงบ้านเที่ยงคืน นอนหลับสนิทเพราะมันอิ่มมาก
อิ่มจนวันนี้กะว่าข้าวเช้า กลางวันไม่ต้อง กินมื้อเดียวแต่อิ่มไปสามมื้อ
เช้าตื่นแทบไม่ไหว มาสายจนได้กู เก้าโมงครึ่ง ไอ้พี่ไก่จะเล่นหรือเปล่าวะ
ค่อยเดินย่องเข้าไปที่โต๊ะ ทำไมวันนี้ห้องมันเงียบผิดปกติ ไม่กล้ามองสบตาใคร ก้มหน้าก้มตาทำงานไปก่อนดีกว่าจะได้เนียนๆ
แต่นั่งไปตั้งนาน...บรรยากาศมันแปลก เงียบผิดปกติ เงียบอย่างกับไม่มีใครมาทำงานเลย
พอลุกยืนขึ้นมองไปรอบๆ...เออ..
“ไปไหนกันหมด...แผนกเราไม่มีใครมาเลยจริงๆ”
ตัดสินใจโทรหาพี่ม้าที่อยู่อีกแผนก “พี่ม้า...ทำไมแผนกผมไม่มีคนมาเลย พี่รู้รึเปล่า”
คิดเล่นๆว่าโดนหวัด 2009เล่นไปทั้งแผนกแล้วล่ะมั้ง
“อ้าว...ทำไมเหลิมไม่รู้...อ๋อ..เหลิมไม่ได้ไปเมื่อคืน เสียดายมากนะเหลิม สนุกม้ากมาก
ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งกิน ทั้งดื่ม จนนายบอกว่าอนุญาตให้มาสายได้วันนี้”
เจ๊แกยังมีหน้ามาพูดทำให้เขาอยากไปได้อีก
พี่ม้าชวนคุยต่อ “แล้วทำไมเราไม่ไปล่ะ เมื่อคืน พี่ก็ร้อรอนะ เห็นพี่ไก่บอกจะตามไปไม่ใช่เหรอ”
ไม่อยากจะด่าหัวหน้าตัวเองให้คนอื่นฟัง กลัวน้อตหลุด ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา เลยข่มใจตอบพี่ม้ากลับไป
“ผมก็กำลังจะไป... พอดีเพื่อนมันโทรมาขอร้องให้ไปกินอาหารทะเลที่เยาวราชเป็นเพื่อนมันน่ะ
บอกว่าไม่ว่าง มันก็อ้อนวอน ขอร้องหลายครั้งหลายหน ก็เลยต้องไป”
แน่ล่ะพี่ตั้งมันเลี้ยงปลาหมึกปิ้ง ยำกุ้งแห้ง แล้วก็ปูอัดไง กินซะอิ่มอ้วกเลย เหอๆ
“มิน่าล่ะ น้องเหลิมไปกินอาหารทะเลเลยทิ้งพวกพี่ไปเลย”พวกพี่ต่างหากที่ทิ้งเขาไปก่อน ไม่อยากจะพูด เชอะ
“นี่ถ้าพี่ม้ามาพาผมไปด้วยตั้งแต่แรก ผมก็ไปแล้วนะ พี่นั่นแหละทิ้งผมก่อน”
“อูย....แหมๆๆ พี่ไม่อยากจะเถียงกับเธอ เป็นอันว่าวันนี้เหลิมก็นั่งทำงานคนเดียวไปแล้วกันนะ คราวนี้ก็โดนทิ้งซะบ้าง เชอะ”
แล้วพี่ม้าก็วางสายไปอย่างรุนแรง ก็ยังงงๆว่าเขาทำผิดอะไรกัน“แล้วทำไมต้องมา ‘เชอะ’ใส่ด้วยวะ”
ราวกับว่าเขาไปจีบเจ๊แล้วทิ้งแกไป
“นี่กูทำอะไรผิดไปอีกว่ะเนี่ย” แต่เขาบอกกับตัวเองว่าทองดีไม่ต้องกลัวไฟ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
แค่ไม่ได้ไปเมาหัวราน้ำ ไม่ได้ไปร้องเพลงยันเช้ากับเพื่อนที่ทำงานแค่ครั้งเดียว ถ้ามันจะผิดมากมายก็ให้มันรู้ไป
แต่ไหนๆก็ไม่มีใครมาทำงานแล้ว งั้นเขาเข้าพันทิพย์ไปลั้ลลาดีกว่าวันนี้จะเข้าเวบอะไรดีนะ
เข้าไปเฉลิมไทยติดตามข่าวบันเทิงผัวเมียเตียงหัก ตรวจไม่ตรวจDNA
หรือเข้าเฉลิมกรุงตามข่าวนักร้องAFดี
หรือจะเข้าสยามสแควร์ไปจ๊ะจ๋ากับเด็กๆสักหน่อย
อืม...ไปเช็กเมลล์ก่อนดีกว่า ไปลบเมลล์ที่พี่ตั้งส่งมา เออ...แต่ทำไมวันนี้เงียบๆไปไม่มีเสียงโทรมากวนแฮะ สงสัยยังไม่ตื่น
เข้าไปเช็กเมลล์ก็แล้ว อ่านเมลล์ก็แล้ว เล่นเกมก็แล้ว ก็ยังไม่มีใครมาทำงาน
ทำไมเอาเปรียบกันขนาดนี้นะ มันเงียบเกินไป วังเวงเหมือนผีจะหลอก
หรือว่าเขาควรจะทำงานได้แล้ว ทำก็ได้.....เล่นมานานแล้วนี่ หยิบงานขึ้นมาอย่างไว ตั้งใจ ตั้งสติ ทำใจก่อนทำงาน
ทำงานไปได้ครึ่งชั่วโมง เริ่มเข้าใจความจริงที่ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แล้วเขาก็เป็นมนุษย์
แต่วันนี้ทำไมสังคมของเขากลับหายไปหมด หรือว่าเขาเริ่มไม่เป็นมนุษย์คนอื่นเลยเลิกคบ
พยายามเพ่งสมาธิมาที่งานรวบรวมสติทำงานต่อ กำลังทำงานเพลินๆเสียงโทรศัพท์ดังอีกแล้ว ใครอีกล่ะ
“โหล....” เสียงทุ้มคุ้นเคยตอบกลับมา “ขอสายคุณเฉลิมฉลองครับ”
ตอนแรกยังจำไม่ได้ว่าใครโทรมาได้แต่นึกว่าใครหว่ารู้ชื่อเต็มๆของกู แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะที่ตามมาก็จำได้แล้ว
“เฮ้ย...พี่ตั้งรู้เบอร์ที่ทำงานได้ยังไง จำได้ว่าไม่ได้บอกนี่”
“ยากอะไร..รู้ชื่อบริษัท...ไปเสิร์ชหาในกูเกิ้ล..หาอะไรก็เจอ” พี่ตั้งทำเสียงฉลาดมาก...โธ่..กะอีเรื่องแค่นี้
“ก็รู้ว่าลุงเกิ้ลแกเก่ง...แล้วโทรมาไม..มีไร...ยุ่งนะ..ทำงานอยู่”
ที่จริงคือเพึ่งจะทำ เพึ่งจะเป็นคนดี เพึ่งจะเป็นพนักงานที่ดี...พี่โทรมาให้ใจแตกอีกละ (โทษพี่ไปเลย)
พี่ตั้งเสียงร่าเริงมาเชียว“ยุ่งแล้วคุยโทรศัพท์ได้ไง...”
นั่นแน่มีย้อน..ก็ “ก็ผมไม่ได้เป็นใบ้นี่...ทำไมจะพูดไม่ได้”
“เหลิม...เหลิม...”เรียกชื่ออีกแล้ว เรียกอยู่ได้ มีอะไรทำไมไม่พูด
“เรียกทำไม...มีอะไร..ก็พูดมาสิ” เริ่มรำคาญแล้วนะ
“มาเยี่ยมพี่หน่อย...นะ” เยี่ยมทำไม
อ๋อนึกแล้ว... “พี่อยู่โรงพักไหน...ไปทำไรมาล่ะ เมื่อวานเรากินแต่น้ำเก็กฮวยนี่...ฮั่นแน่พี่แอบไปดื่มต่อแหงเลย”
“เมาแล้วไปขับทำไมล่ะพี่” แล้วยังกล้าโทรมาให้ไปเยี่ยมอีก ไม่อายบ้างรึไง
“เหลิมฟังก่อน...พี่ไม่ได้เมาแล้วขับ...แต่พี่ไปเจอคนเมาแล้วขับ...แล้ว...” พูดไม่ชัดเจนแล้วก็ช้าไม่ทันใจ....
“แล้วพี่รู้จักเค้าเหรอ แล้วเค้าไปโดนจับ พี่เลยโดนติดร่างแหงั้นเหรอ..หรือว่ายังไง..”
“ไม่ใช่...พี่ไม่รู้จัก อย่าเพิ่งพูดสวนมาสิฟังพี่พูดก่อน..”น่านโดนด่าเลย เงียบก็ได้วะอยากพูดช้าทำไมล่ะ
“เค้าขับรถมาชนพี่”อ้าว...ซวยสิ
“เฮ้ย....แล้วพี่เป็นไรมากรึเปล่า”
“เป็น..พี่ถึงอยากให้เหลิมมาเยี่ยม...นี่พี่อยู่โรงพยาบาล” อ้าว....งานเข้ากูแล้ว
“ฉิ..หาย...แล้วเป็นไร..ขาหัก แขนหัก หัวแตก สมองเสื่อม...หรือไตวาย”
ก็เสียงแกฟังดูก็ปกติธรรมดาไม่เหมือนคนเจ็บป่วยตรงไหน กวนยังไงก็กวนเหมือนเดิม แถมยังหัวเราะได้สบายใจ
“หัวโนนิดหน่อย หน้าอกกระแทกด้วย แต่ตรวจเช็กร่างกายก่อน เหลิมมาหน่อย กำลังเบื่อๆ” บ้าตาย...
“นี่พี่ตั้งผมทำงานอยู่นะ...จะให้โดดงานไปได้ไง ทำไมพูดง่ายจัง”
พี่ตั้งบ่นเสียงอุบอิบอยู่ในลำคอ “แล้วเหลิมไม่ห่วงพี่บ้างเหรอ..คนอะไรใจดำ”
ทำเสียงตัดพ้อต่อว่า ทำมาน้อยใจแต่เหมือนๆคำสุดท้ายจะด่าตรูนี่หว่า
“พี่อย่ามาพูดแบบนี้นะ ดูถูกน้ำใจกันอย่างแรง ไอ้ห่วงก็ห่วงอยู่”นี่พูดไปก็สงสัยตัวเองทำไมเขาต้องมานั่งอธิบายเหตุผลด้วยหว่า
“แต่งานผมก็ต้องรับผิดชอบ..เอางี้แล้วกันเลิกงานผมไปหาพี่ พี่อยู่โรงบาลไหน”
คราวนี้ได้ยินเสียงพี่ตั้งตอบมาอย่างร่าเริงจนเริ่มสงสัยว่าเจ็บจริง ป่วยจริง หรือว่าสะตอกันแน่...
“พี่อยู่โรงพยาบาลพญาทวาย เหลิมมาไม่ยาก ใกล้บ้านเหลิม มาไวๆนะ”
น่าน...มาตัดสินความยากง่ายในชีวิตเขาอีกคนแล้ว ตามมาด้วยคำสั่งให้ไปเร็วๆอีก น่าเบื่อจริงๆ
ตกลงนี่เขาไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกันของพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
เลยรับปากไปส่งๆ “เออๆๆ..เดี๋ยวเลิกงานแล้วไป แค่นี้นะงานเยอะ”
วางสายแล้วก็รีบทำงานต่อ อย่างน้อยตอนเย็นจะได้ออกตามเวลาได้ เริ่มไม่สนใจใครจะมาทำงานไม่มาทำงาน
เขาทำคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องแคร์ แต่จะทำงานสบายๆก็ไม่ได้ ต้องทำตัวเป็นเลขาทั้งวัน
คอยรับโทรศัพท์เรื่องของทั้งแผนกเดี๋ยวคนนู้นโทรหาคนนี้ คนนั้นโทรหาคนนี้ อูย...ปวดหัว ไม่รู้จะมีธุระอะไรกันนักหนา
จนเย็นก็ไม่มีใครมาทำงาน ให้มันได้อย่างนี้สิฉลองกันคืนเดียว หยุดกันทั้งแผนกองค์กรคงจะเจริญรุ่งเรือง
แต่พอจะออกจากที่ทำงานตามเวลาเป๊ะ เสียงโทรศัพท์ก็กรีดดังขึ้นเหมือนจะแกล้ง รับสายก็จำเสียงได้ทันที
“โหล..ใครรับสายน่ะ” มาแล้ว...หัวหน้าไก่ที่เคารพ...โทรมาทำไมตอนนี้..ตอนที่เขาจะกลับ...
“ผมเองพี่”
“ผมน่ะใคร...”เง้อ จะกวนกันใช่ไหม อยากได้ก็จะจัดไปไม่ให้เสีย“กระผม..นายเฉลิมฉลองขอรับ”
พี่ไก่หัวเราะร่วนเชียว สบายจริงนะหยุดงานไปทั้งวันแล้ว...แต่เขาไม่สบายไปด้วย ทำงานคนเดียงเหงาจะตาย
“โทรมามีไรพี่ ผมกำลังจะกลับ”
“วันนี้มีใครมาทำงานบ้าง....” แน้..มีหน้ามาถาม เป็นหัวหน้าประเภทไหนทิ้งงานไปทั้งวันแต่โทรมาถามตอนเย็นเพื่อ.......
“มีผมมาคนเดียว...คนอื่นไม่มีใครมาเลย”
ไอ้พี่ไก่เงียบไปสนิทคงนึกไม่ถึงว่าจะพร้อมใจกันโดดงานกันหมดทุกผู้ทุกคนขนาดนี้ เลยครางเสียงอ่อยๆ
“อะเหรอ....ตายห่า...นึกว่าจะมากันบ้าง แล้ว...แล้ว...มีใครโทรมาหาพี่ไหม”
ผมต้องใช้เวลาไปรื้อโน้ตที่จดวันนี้ทั้งวันมาดู “เดี๋ยวนะพี่...มากมาย” ของพี่ไก่เยอะจริงๆครับ ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว
“ที่โทรหาพี่ไก่นะ...น้องจิ๊บ..” พี่ไก่ขานรับ “อืม..”แต่ผมไม่รู้ว่าจดหรือเปล่า “เดี๋ยวพี่ไก่ยังไม่หมด"
“น้องต้อย พี่แมน พี่ฟอง....เอาอีกป่าวเยอะนะแต่ผมจดๆโน้ตแปะไว้ที่โต๊ะพี่หมดแล้ว พรุ่งนี้มาดูแล้วกัน”
เลิกงานแล้วเขาอยากกลับ ไม่อยากยุ่งเรื่องธุระใครอีก
“เดี๋ยวก่อน..พี่แมนโทรมาด้วยเหรอ พี่แมนบอกว่าไงอ่านให้พี่ฟังหน่อย”เสียงพี่ไก่ตื่นเต้นมาก
หรือว่าพี่แมน...พี่แมนที่...พี่แมนเป็นใครวะ...ไม่รู้จัก ไหนดูโน้ตก่อนว่าสั่งว่าไง
“แป๊ปนะพี่...พี่แมนบอกว่า...ให้พี่ไก่ไปหา...ที่...ไหนหว่า..ร้าน...คร่อกคร่อก...ร้านอะไรน่ะพี่ชื่อทุเรศมากเลย”
คนดีหรือคนบ้าวะตั้งชื่อร้านคร่อกๆ เสียงพี่ไก่หัวเราะก้าก อารมณ์ดีจริงๆ สงสัยมีคนชวนกินเหล้า
“ร้านเหล้าของเพื่อนพี่เองแนวดีนะ แนวประสาท ฮ่าๆเดี๋ยว....แล้วไอ้แมน เค้านัดวันไหนเหลิม กี่โมง”
“พี่แมนนัด...วัน...นี้...เวลา....เวลานี้ล่ะพี่ แหะๆ..พี่ไปเลยนะ หกโมง ที่พี่แมนนัด”
เสียงพี่ไก่สบถ....ดังลั่น “แล้วทำไมไม่บอกไวๆ..ไอ้เหลิมนี่...พี่ต้องรีบไปแล้ว”
พี่ไก่วางหูไปอย่าง...ไร้ซึ่ง...คำขอบคุณให้ผมสักคำ
คนเรา มาดึงเค้าไว้ให้พูดเรื่องตัวเองตั้งนาน คำขอบใจสักคำไม่มี ไอ้พี่แล้งน้ำใจ
แต่ว่า....จะบ่นไปทำไมตัวเขาเองก็มีนัดนี่หว่า รีบไปดีกว่า
กว่าเขาจะไปถึงโรงพยาบาลก็ทุ่มกว่า หิวข้าวเป็นบ้า....ไม่ใช่เรื่องของเขาเลย ทำไมต้องมาเยี่ยมพี่ตั้งด้วยก็ไม่รู้
แต่เขายังไม่ลืมซื้อของไปเยี่ยม..ก็กะว่ากินด้วยได้นี่ล่ะ
ครั้นพอไปเห็นหน้าคนป่วยที่แสดงสีหน้าเมื่อเห็นเขา แล้วมีความสุขก็แอบปลื้มใจ ทักพี่ตั้งไปคำ
“พี่กระดิกหางทำไม...เอ้ย...ยิ้มทำไม?” บ้ารึเปล่าวะยิ้มซะปากฉีก
“ดีใจที่เหลิมมาเยี่ยม...เหนื่อยมั้ย?”พี่ตั้งถามแปลก ทำงานมาทั้งวัน นั่งรถมานี่ก็โคตรติด บอกไม่เหนื่อยก็โกหกแล้ว
“เหนื่อยสิ...หิวด้วย...พี่กินข้าวยัง?”
พี่ตั้งไม่ตอบมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้ม เอ...หัวโขกกระจกจนสติแตก หรือคิดอีกทีอาจเป็นไปได้ที่วันนี้เขาน่ารัก
ปกตินี่เขาน่ารักมาตลอด วันนี้ก็ไม่แตกต่าง ไม่แปลกตรงไหน
“เอ้า...ยิ้มเข้าไป..ถามก็ไม่ตอบ สมองกระทบกระเทือนเหรอพี่?” กวนตีนคนป่วยนี่จะบาปมั้ย ก็นะ หน้าพี่ตั้ง...เอ๋อน่ากวนจริงๆ
“หิวข้าว..กินข้าวก่อนนะพี่” เดินไปรื้อหาจานช้อนที่โต๊ะ
เสียงพี่ตั้งพูดไปหัวเราะไป เออสติคงเสียจริงๆ “พี่ก็นึกว่าเหลิมซื้อมาเยี่ยมพี่ ตกลงซื้อมากินเองเหรอ”
ชักอายว่ะ...นึกว่าพี่ตั้งไม่ได้สนใจว่าเขาถืออะไรมาด้วย เลยต้องพูดแก้ตัวอุบอิบ
“ซื้อมาเยี่ยม แต่เห็นพี่ไม่ตอบว่ากินข้าวรึยัง ไม่ตอบถือว่ากินแล้ว ก็กลัวของเสีย นี่ช่วยกินกันเสีย ผมช่วยพี่แท้ๆเลย”
พี่ตั้งหัวเราะ “โอเคๆ...งั้นช่วยพี่ พี่หิว แต่พี่กินแล้วจริงๆ ถึงแม้จะกินไปนิดเดียวเพราะรอเหลิมอยู่”
*********************
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ