ยิ่งงานเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ทุกคนทั้งเรือนหมอจรัส และเรือนคุณชั้นต่างก็ดูชุลมุนวุ่นวายกันเสียหมด ต่างคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง
บ่าวไพร่ส่วนหนึ่งจัดแต่งลานหน้าบ้านเป็นลานรับรอง โต๊ะแบบฝรั่งซึ่งค่อนข้างจะหายากในขณะนั้นถูกหมอจรัสสั่งมาจากหัวเมืองสิงคโปร์ กระถางดอกไม้ถูกจัดแต่งใหม่หมด อีกทั้งต้นไม้ก็ถูกตัดแต่งให้เป็นรูปทรงเลขาคณิต
ลานกว้างหน้าเรือนเป็นลานหญ้าโล่ง มีเพียงพื้นไม้ยกสูงขึ้นประมาณคืบนึงเท่านั้นที่เป็นเวทีสำหรับนางรำ
คุณชั้นเธอสั่งขอนางรำเหล่านี้จากวัง เธอบอกว่าคืนนั้นจะมีรำฉุยฉาย และรำนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัยเป็นการแสดงแบบไทย
บ่าวอีกส่วนก็รื้อจานชามสังคโลกลวดลายวิจิตรมาเช็ดถู อีกพวกก็เตรียมฟืน เตรียมไฟ เตรียมสำรับอาหารกับวุ่นวาย
หมอจรัสอยากให้งานนั้นคืนนั้นเป็นแบบฝรั่ง เขาจึงสั่งให้บ่าวไพร่ที่ไม่มีหน้าที่ใดๆอยู่แต่ในครัวและหลังเรือน ส่วนคนที่ต้องคอยดูแลแขกเหรื่อก็ให้จัดหาเสื้อแสงมาใส่เสียให้เรียบร้อย
ผมกับสนนั้น หมอจรัสได้สั่งให้ช่างแหม่มชาวอังกฤษมาวัดตัวตัดชุดสูทแบบสากล
“พ่ออัชย์ เราจักออกไปธุระข้างนอก เจ้าไปกับเราหน่อยเถิด” หมอปีย์สีหน้าไม่สู้ดีนักจนผมผิดสังเกต
“มีอะไรหรือหมอ ชั้นต้องไปช่วยเรือนนู้นเตรียมของนะ”
“มาเถิด เจ้าต้องไปรับชุดด้วยมิใช่รึ ออกไปกับเราจักได้ไม่เสียเที่ยว”
ผมเห็นทีท่าของหมอปีย์ร้อนรนเหมือนมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล จึงยินยอมนั่งรถลากออกไปกับเขา
“หมอมีอะไร” ผมนั่งติดกับเขา กลิ่นกายของเขายังเย้ายวนอยู่เหมือนเดิม แต่ผมต้องหักห้ามใจเพราะตอนนี้ สถานะเราได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เจ้าเคยบอกว่าตอนที่เราความจำเสื่อมที่ชะอำ เราพักอยู่ที่เรือนพระยาบริรักษ์ กับชงโคใช่หรือไม่”
จู่ๆ หมอก็ถามผมถึงชื่อคนเลวสองคนนี้ขึ้นมา ทำเอาผมแปลกใจ
“จำได้สิ มีอะไร” ผมถาม สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เราเห็นจดหมายเทียบเชิญที่หมอจรัสให้เราส่งมีชื่อ สองคนนั้นด้วย”
หมอปีย์พูดจบผมก็อ้าปากค้าง นึกว่าตัวเองหูฝาดฟังผิดไป
“จดหมายเชิญพระยาบริรักษ์กับชงโค!!”
“ใช่ เราจำไม่ผิดแน่”
“จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อสองคนนั้นไม่ได้เป็น.......”
“เป็นสิ พระยาบริรักษ์เคยเป็นหมอหลวงอยู่ที่พระนคร แต่ต้องระเห็จไปอยู่หัวเมืองชะอำเหตุเพราะถูกกล่าวหาว่าลักยาในท้องพระคลัง”
“แล้วไหนหมอจรัสบอกว่าจะเชิญเฉพาะแขกต่างบ้านต่างเมืองไง” ผมยังคงไม่อยากให้เรื่องมันเป็นไปตามที่ผมคิด ไม่อยากจะนึกเลยหากสองคนนั้นมาจริงๆจะเกิดอะไรขึ้น
“หมอท่านอยากตอบแทนการมีน้ำใจของพระยาบริรักษ์ เรื่องที่คอยดูแลรักษาเราตอนที่เราไม่สบาย”
“โธ่เว้ย” ผมถอนหายใจอย่างขัดใจ
และนิ่งไปครู่ใหญ่
“แต่คงไม่มีอะไรหรอกหมอ เราอยู่ที่นี่มีผู้คนมากมาย ไหนจะหมอจรัส ไหนจะคุณชั้น อีกอย่างที่นี่ก็เป็นถิ่นของเรา สองคนนั้นคงทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ผมแค่นยิ้ม พยายามนึกในทางที่ดีแต่ในใจนั้นเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างชอบมาพากล